ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
ที่ดินผืนนั้น ภาคกลาง บทที่ ๔๒

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10092453/W10092453.html

หากมิเพราะงานเขียนบทกวีในหน้าพันทิปแล้วไซร้
ข้าพเจ้าก็คงยังมิอยากจะแตะต้องงานเขียนบทนี้สักเท่าไหร่
แต่บัดนี้ ด้วยทุกข์นั้น ได้ผลักดันให้ข้าพเจ้า ปลดปล่อยแรงสร้่างสรรค์นั้น
ออกมาอีกครั้งหลังจากกาลเวลาได้ผ่านไปกว่า สามปี จนวันนี้ ขึ้นปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ผ่านมาถึงแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะรวบรวมสมาธิเขียนอีกครั้ง...

บทคั่นก่อนจะเข้าเรื่อง
๏ นี่คือถิ่นเคยเนาเคยเข้าอยู่
สงบรู้ ครองกุศล ชั้นบนสุด
ครั้งเจ็บป่วย พักพิง อิงวิมุติ
โรครุกรุด กลับหาย สบายทรวง ๚

๏ เป็นคอนโด เย็นสบาย กายสงบ
จิตนั้นพบ ติดสุข ราวแดนสรวง
ไกลน้ำท่วม ไกลยุง ยุ่งทั้งปวง
จิตนั้นหน่วง ยึดมั่น วันเงียบเย็น ๚


//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10092453/W10092453.html#15

--------------------------------------------------------------------

ที่ได้รับคือวิบาก ที่กระทำคือกรรม

ถ้อยคำสั่งสอนอบรมของหลวงพ่อเสือ(พระวิรุณหผล วัดไผ่สามกอ ปราจีนบุรี ) ผู้ล่วงลับไปแล้ว
แต่ผ่านถ้อยทางร่างทรง ซึ่งเคยทรงผ่านได้ในกาลก่อน ตอนลูกยังเล็ก ๆ อยู่ เข้ามาแทรกจิตใจ ให้ข้าพเจ้า
มีสติ รู้สำนึก และ สำเหนียกในชีวิต ว่า
ชีวิตของเรา ที่ผ่านไป หลงวนอยู่ใน กิเลส โลภะ โมหะ โทสะ อยู่ตลอดเวลา ชอบ-หลงในชอบ
ไม่ชอบ-ลุ่มหลงผลักไสตัวเองจากความไม่ชอบ ต่อเนื่องเป็นสันตติ มิรู้จักหยุดจักหย่อน

--------------------------------------------------------------


%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ชีวิตซึ่งกำลังจะบันทึกในช่วงต่อไป อาจมองดูน่าสมเพชบาง
ครั้ง อาจมองดูน่าทุเรศในบางช่วง แต่ก็หลายหน ซึ่งมีความสุขปะปน และ
เป็นเสมือนยาสมานใจหรืออาจจะเป็น วัคซีน ให้ข้าพเจ้าสู้โรคแพ้ หรือ ต่อสู้
โลก มาจนถึงวันนี้

และวันนี้ ข้าพเจ้าคิดว่า มีความทรหดอดทนพอที่จะเรียบเรียง
มันกลับมาสู่บรรณโลก อีกครั้ง แม้นว่าม้นจะบีบคั้นหัวใจนัก

บันทึกไว้ ณ เพลา ๒๐: ๕๐ นาฬิกา
เรือนนนทบุรี สยาม ประเทศไทย
พระอาทิตย์ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
tiki_ทิกิ


ภาคกลาง แห่ง ชีวิตสู้ชีวิต ----> " " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาคกลาง-->บท ๔๒

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค กลาง -->บท ๔๒

ลงไปคลุกให้ถึงที่สุด

เวลาคนเรามัวเมาหลงใหลจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นนั้น ก็เหมือน
ข้าพเจ้าในเวลานั้น ต่อให้นำพระอภิธรรมมาตีแผ่ให้ฟังเช้ายันดึก ว่าชีวิต
นี้มันไม่เที่ยง มีแต่ รูป กับ นาม อะไรก็ตาม เวลา โทสะ คือความโมโห
เกรี้ยวโกรธ ขัดเคือง รำคาญใจ ทุกข์ โทมนัสใจ อันมีเหตุ ด้วย โมหะ
คือความหลงพลาดไปจากสำคัญแห่งชีวิต มาครอบงำผสมผสานกับโทสะ
นั้น มันพาไปลงเหวลงพงลงนรกที่ไหนก็ได้ไม่รู้ตัว

ช่วงนั้น ข้าพเจ้าได้อัญเชิญเทวรูปพระพิฆเณศวร์ เข้าไปตั้งที่ร้าน
แล้วจึงบวงสรวงบูชาด้วยเครื่องหอมอันประกอบด้วยธูปกลิ่นกำยานตรลบ
อบอวลไปทั่วบริเวณ อยู่ทุกเที่ยง เมื่อเปิดร้าน หรือ เย็น ๆ เวลาคนเงียบ
เหงาซบเซา ดึก ๆ ใกล้กลับก็จุดถวายอีกรอบ ผู้คนเขาไม่ทราบกันดอกว่า
องค์สีเนื้อ สีชมพูซึ่งยืนอยู่เหนือตู้ใบสูงที่สุดของร้านด้านใน นั้นเป็นโลหะ
ทาสีอย่างแพง มองไปอาจคิดว่าเป็นเรซิ่นธรรมดา แต่คิดไปก็ดีแล้ว
มิฉะนั้น ช่วงนั้น องค์ท่านคงจะถูกอุ้มหายไปยามวิกาลไปเสียแล้วก็ได้

นอกจากจะไหว้ที่ร้าน แล้ว ยังมีภาระกิจอันต้องกระทำอยู่บ่อย ๆ
แทบเป็นกิจวัตร คือ ต้องเดินไปกราบ 'พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ' หรือ กรมหลวงชุมพร ซึ่งท่านยืนประทับอยู่
ในศาลสี่แยกถนนวิทยุ ต่อ กับถนนพระรามสี่แห่งนั้น วันไหนไปไหว้ท่าน
ขอให้ท่านให้พรให้ขายดี วันนั้นก็มีแขกเข้าร้านไม่สร่างซาเหมือนกัน ใคร
ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ แต่ข้าพเจ้าพิสูจน์ การขายได้ ขายไม่ได้ ของร้านมา
หลายครั้งหลายครา ระยะหลัง ซึ่งเขาไม่กำหนดให้เปิดเที่ยงวัน ผู้คนเริ่ม
เบื่อหน่ายความร้อน และ ไม่มีคนเดินกลางวัน มาเปิดตอนเย็นแทน ข้าพเจ้า
ก็ไปสายบ่อย ๆ ศาลก็ปิดไปแล้ว ไม่ค่อยได้ไหว้ท่าน ยอดขายก็ตกฮวบ
ฮาบ ไปด้วยเหมือนกัน หรือ อาจจะเพราะเหตุอื่น ก็จะได้วิเคราะห์สถานะ
การณ์การค้าแบบตามใจฉัน ที่นั่น ต่อไป

ช่วงแรก ๆ ร้านเรา หนักไปทาง บริการห่อของขวัญวันคริสต์
มาส และ ปีใหม่ ต่อมา ก็หาของกระจุกกระจิก อย่างเซรามิคส์ บางอย่าง
มาประกอบการขาย ซึ่งก็ค่อนข้างต้องเชียร์แขกกันจนคอแหบคอแห้งเพราะ
เจ้าใหญ่ ๆ แถวสวนจตุจักร เขาก็พากันมานำลงเป็นเอเย่นต์ใหญ่กันที่นั่น
อยู่หลายเจ้า อาศัยข้าพเจ้ามีแบบแปลก ๆ จาก โรงงาน 'คิตตี้เซรามิคส์'
ซึ่งมักเป็นตัวรูปสัตว์ มีลูกเต๋าบอกวันที่ ราคา ร้อยกว่าบาท ถึงสามร้อยกว่า
บาทต่อตัวมาเสนอลูกค้า ให้เขา ซื้อไปเป็นของขวัญกันบ่อย ๆ ยอดขาย
ประจำวันของข้าพเจ้า ก็ถัวเฉลี่ย สัก ห้าร้อยบาท ถึงพันกว่าบาทอยู่พักหนึ่ง


ต่อมาก็นำของเก่า ที่ทิ้ง ๆ ไว้ตามบ้านคุณแม่บ้าง ที่ตึกปทุม ฯ
บ้าง มาเทขายที่นั่น ก็พอขายได้เป็นที่อัศจรรย์ ยิ่งนัก

อีกพักหนึ่งก็มีเด็กเฝ้าร้านเครื่องประดับหินและมุก ของแขกขาว
พวกปากีสถานและอิรัก แถบนั้น มาส่งมุก และ หินสีให้ข้าพเจ้าไว้ร้อยทำ
สร้อยขาย ก็ลองดูอยู่สักพัก แต่ตอนหลัง ผู้คนเห็นข้าพเจ้า ร้อยมุกได้ ทำ
ต่างหูตุ้งติ้งมุกได้ ก็มักมาให้ทำ จึงแย่งเวลาขาย หรือ การกระตุ้นคนซื้อ
ลงไปเยอะ

แต่ก็มีครั้งหนึ่ง มีเศรษฐีสาวเมืองระยอง หรือจันทบุรี แถบนั้น
คนหนึ่ง มาแวะร้านข้าพเจ้า มาเหมาเอา มุกสีเหลือบรูปร่างบิดเบี้ยวตาม
ธรรมชาติ .ซึ่งคัดออกจากมุกนับร้อยเส้นที่เด็กมาส่งไว้ นำมาร้อยเป็นเส้น
ยาวให้สวมตระหลบพันคอได้สามเส้นหรือ ผูกเป็นห่วง เก๋ไก๋เวลาสวมเสื้อ
เขิร์ต เธอมาเหมาคืนนั้น หมื่นกว่าบาท พร้อมด้วย กระจกเจียรปลีในกรอบ
ไม้สักโบราณของข้าพเจ้าซึ่งไปยกมาจากตึกปทุม ฯ เธอเห็นก็ขอซื้อไป
เลย
ข้าพเจ้ากำเงินหมื่นกว่าบาท ครั้งแรก และ ครั้งเดียวในการขาย
ที่นั่น ด้วยความปลื้มปิติใจ ทำให้ร้านแถวนั้น ตาเหลือกด้วยความริษยาหา
เหตุว่า เพราะร้านข้าพเจ้า เปิดเพลงเพราะเกินไปบ้าง เล่นของบ้าง ไปนั่น
เลย
~~~~~~~~~~~~~~๐๐๐๐๐๐๐๐๐~~~~~~~~~~~~~~~
โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:48:00 น.

(ภาค กลาง ตอนที่ ๔๑ อยู่ ที่นี่ค่ะ )

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=13-07-2008&group=7&gblog=36
-------------------------------------------------------------------
31 กรกฎาคม พ.ศ.2554 เวลา 12:25 นาฬิกา
วันนี้ เข้ามาโน้ตไว้ว่า ได้นำเรื่องของตัวเอง ไปลง ที่เฟซบุ๊ค ในชื่อ นามปากกา ซึ่งตั้งไว้เพื่อจะใช้ในงานเขียนต่อไป ค่ะ //www.facebook.com/note.php?saved&¬e_id=154273034649661


Create Date : 13 มกราคม 2554
Last Update : 31 กรกฎาคม 2554 13:02:11 น. 9 comments
Counter : 1807 Pageviews.  
 
 
 
 

" ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค กลาง->บท ๔๒
(ต่อ ๑ )

การขายมุกสองเส้นนั้น ข้าพเจ้าได้ทุนคืนมากว่า หกสิบ
เปอร์เซ็นต์ของค่ามุกที่ส่งมาทั้งหมด มุกหลากสีที่เหลือ จึง
เป็นของเล่นของข้าพเจ้าให้ร้อยบ้าง ทำต่างหูบ้าง ไว้ขาย ซึ่ง
มันก็ไม่ได้ชักจูงใจใครอีก เพราะความแปลก และ เด่นของ
มุกบิดเบี้ยวเส้นนั้น มันหมดไปแล้ว ที่เหลือก็เป็นแค่มุกเลี้ยงอันดามันธรรมดาสีด่าง ๆ อมเทาอมสีต่าง ๆ ซึ่งข้าพเจ้าอธิบายให้ลูกค้าฟังว่า มันเกิดมาแต่สารในน้ำแถบนั้น ซึ่งหอยอมเข้าไปแล้วเคลือบหินพวกนี้ออกมาเองโดยธรรม-
ชาติ มิใช่การนำไปชุบสีอย่างที่บางคนเข้าใจ
เพราะมุกเก๊ในตลาด ทำแบบนั้นกันมาก

นอกจากเด็กที่ร้านแขกนำมุกมาส่งแล้ว ข้าพเจ้ายังมีแหล่ง
มุกน้ำงามจากกระบี่อีกแหล่งหนึ่ง ซึ่ง ได้พบกันบังเอิญแถว
ตลาดจตุจักรเมื่อข้าพเจ้าไปติดต่อดูเฟอร์นิเจอร์ร้าน'แมศรี'
นั้น คุณเตือน และ น้องโอ๋ นำมุกสวย ๆมาให้ข้าพเจ้าทำเครื่องประดับขาย ขายที่ร้านไม่ค่อยได้ ก็จริง แต่ขายญาติ
ทั้งหลายได้หลายเงิน เพราะแต่ละเส้นก็ สามสี่พันห้าพันกันขึ้นไปทั้งนั้น

เมื่อทำงานที่ ร้านไปเรื่อย ๆ ก็พบหนทางของตัวเองเหมือนกัน ยอดขายที่ร้าน บางเดือนถึงสามสี่หมื่นบาท แต่ทว่าวิบากกรรมมันมีจริง ๆเพราะ คุณจอห์นเพื่อนนิคกี้มาล่อให้นิคกี้ไปทำงาน มหกรรมโรงแรมเจ็ดร้อยล้านอะไรของเขา จนทำให้นิคกี้ทิ้งงานอื่นทั้งหมด ทำให้ ที่คอนโด หรืออีกอย่างหนึ่งคือ 'สำนักงานใหญ่' ในเชิงกฎหมายแทบล่มสลาย
ไม่มีรายได้เข้าห้างฯ กว่าสองปี

ได้ยอดขายของร้าน 'กระจอกติดดิน' ที่เขาค่อนแคะกันนั้นส่งบรรณาการเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้มีลมหายใจกันทั่วทุกคนมากว่า สี่ปีที่ข้าพเจ้าไปขลุกอยู่ที่นั่น

ทำไนท์บาซาร์ ก็หมายถึงข้าพเจ้าต้องมีชีวิตทำงานดึกดื่นยามค่ำคืน รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ คบหาเด็ก ๆ ในละแวกนั้น รู้จักชีวิตอีกด้านซึ่งแต่เดิมไม่เคยเห็นมาก่อน

จากที่เคยขับรถไปจอดที่จอดรถ แล้วขับกลับดึก ๆ ค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าอยู่ แต่ละวันมันไม่คุ้มกัน บางช่วงรถเสียเอาไปซ่อมยาว ข้าพเจ้าก็ใช้ชีวิตอย่างชาวถนนทั่วไปเขาก็ใช้วิธีขึ้นรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้าไปลงสี่แยกวิทยุ ต่อรถเมล์แอร์ไปลงที่หน้า สวนลุมไนท์บาซาร์ และกลับรถเมล์ กลับแท็กซี่กลับรถไฟลอยฟ้า กลับด้วยวิธีต่าง ๆหลายแบบ กลายเป็นคนเดินพร้อมกับน้อง ๆ แถวร้าน ข้ามถนนไปยืนคอยรถเมล์ที่ป้ายสวนลุมให้ทันรถเที่ยวสุดท้ายซึ่งวิ่ง
มาจากคลองเตย ไปลงป้ายอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วต่ออีกสายเพื่อไปลงสี่แยกสะพานควาย แล้วก็เรียกตุ๊ก ๆ เข้าซอย

บ่อยครั้ง ข้าพเจ้ารียกแท็กซี่ จากหน้าซอยร้าน ออกมาแวะส่งเด็กข้างร้านลงแถวราชประสงค์แล้วให้รถวิ่งต่อออกถนนวิภาวดี เข้าซอย ก็แล้วแต่สถานะการณ์ในคืนนั้น ๆ

ใช้เวลา วัน และ คืน ให้มันหมด ๆ ไป จะได้ลืมอะไรลง และนั่นก็ทำให้ข้าพเจ้ามีโลกใหม่ ที่น่าสนใจกว่าเดิม ทำให้มีมุมมองอีกมุม หรือหลากหลายมุม ไปแต่ละวันแต่ละคืน

ปีสองปีที่เพิ่งเริ่มทำร้าน กำลังทำท่าจะไปได้ ดี ต่อมาก็มีไข้หวัดซาร์ส ระบาด ผู้คนหายไปจากการเดินตลาดสวนลุม
ไนท์บาซาร์ไปนาน การค้าฝืดเคือง ยิ่ง

ไม่ทันไรก็มี สงครามอิรัก มาประโคมข่าวในไทย แถมมีข่าวประท้วงหน้าสถานทูตแถวถนนวิทยุกันอยู่เป็นประจำ จึงทำให้การค้าในบริเวณนั้นซบเซายิ่งขึ้นไปอีก

ช่วงเวลาที่ข้าพเจ้ากลับถึงคอนโด นิคกี้อาจยังนั่งเขียนงานอยู่ที่โต๊ะเขา หรือ นั่งดูเคเบิ้ลทีวีอยู่ ข้าพเจ้าอาบน้ำอาบท่า แล้วก็กลายเป็นนักเล่นเน็ตรอบดึก แรก ๆ เข้าเล่นเกมในเว็บ ต่อมาก็เริ่ม search หาว่ามีใครบ้างที่เคยรู้จักในเว็บใด ๆ
เปิดเข้าไปดูเกี่ยวกับเรื่องกรมสรรพากร และ การ
บัญชี เกิดลิงก์ไปยัง 'บ้านเพลงประชาชน ' ต่อไป พบ 'เพลงออนไลน์ อย่าง จรัล มโนเพชร'ลิงค์ตามไปเจอ 'พี่ดอกแก้ว' ก็เพิ่งทราบว่ามี อภิธรรมออนไลน์ จึงไล่ตามไป เขียนกลอนส่งไปที่ บ้านกลอนของเธอ และ ไปถึง thaipoem dot com จนถึงวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็กลายเป็นนักเขียนกลอนลงเน็ตไปไม่รู้ตัว ! ลงไปเต็มตัวแบบติดแหงกกับอีกโลก ซึ่งพาให้ข้าพเจ้าเพลิดเพลินลืมวัน ลืมคืน ลืมทุกข์ซึ่งกำลังรุกเร้ารอกายอย่างนั้น

~~~~~~~~~~~~~~๐๐๐๐๐๐๐๐๐~~~~~~~~~~~~~~~
(โปรดติดตามตอนต่อไป )

จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 16 ก.ค. 51 19:43:06 ]
โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:49:35 น.
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:10:49:32 น.  

 
 
 
เวลาซึ่งผ่านไป ผ่านไป ช่างเร็วเหลือเกิน พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย อันพุ่งเข้าหาชีวิต ราวกับ หนูหริ่งปั่นจักรยานในกรง หยุดกงล้อกรรมนั้นไม่ได้ ไหลเลื่อนไปประดุจ วงล้อเกวียนไล่ล้อตามเกวียน

ข้าพเจ้า ทำเครื่องคอมพิวเตอร์ พัง ไปหลายเครื่อง
พร้อมกับบทประพันธ์ มากมายในนั้น ได้หายไปในกาลเวลา
ยังดีที่ มีบางส่วน ลงเก็บไว้ใน bloggang.com นี้ ทำให้งานบันทึก ในวาระนั้นยังมีอยู่

เหตุที่ข้าพเจ้าเขียนไม่ออกไปชั่วขณะ ก็ด้วย สถานะการณ์ในบ้านปัจจุบัน อันประกอบด้วย งานเฉพาะหน้า และ งานซึ่งคั่งค้างมา รวมทั้งการปรับตัว จากความกระฉับกระเฉงว่องไว ให้ เฉื่อย เอื่อยลง

ดังนั้น วันนี้ ข้าพเจ้า ดึง ส่วนที่เขียนไว้ในคราก่อน
ณ หน้าจอ เครื่องนั้น อันไม่ใช่เครื่องนี้ เท่าที่จะทำได้
แต่อาจจะหาไฟล์อันเก็บไว้ในแผ่นดิสเก็ตต์บ้าง ในแผ่นดิสก์ ซีดี กลม บ้าง ต้องใช้เวลาสักหน่อย

หากไม่เร่งรีบบันทึกไว้ ภาพชีวิตในวันนั้น ๆ ก็จะเลือนหายไปตามกาลเวลา

ขอบคุณทุกท่านผู้ติดตามอ่านมาเสมอ

บางช่วง ในภาวะสงครามสีสัน ช่วง ปี ๒๕๕๒-๒๕๕๓ ไล่มา คงจะเต็มไปด้วย บทกวีแห่งวาทะ ละเลงเดือดกันใน
ครานั้น ข้าพเจ้ายิ่งต้องหยุดเขียนเรื่องตนเองในความเก่า
ไปฉับพลัน

และ ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็เป็นเวลาที่ข้าพเจ้า เรียบเรียง พิมพ์หนังสือ ธรรมะ ของหลายท่านอาจารย์ อยู่ ข้าพเจ้าก็หยุดงานเขียนไปนานพอสมควร

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:11:06:47 น.  

 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@
" ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค กลาง->บท ๔๒
(ต่อ ๒ )

กาลเวลาผ่านไป ผ่านไป ก็นำอารมณ์ โกรธแค้น ชิงชัง ลดหายลงไปตามระยะเวลา ความร้อนรุ่มรุนแรง
ซึ่งเคยต้องประสบอยู่เสมอ ก็ลดอัตราความแรงลง เสมือนว่า วัยเวลาช่วยดับมานะ ทิฏฐิ ตัวตนของเราลงไป

นับแต่ข้าพเจ้าเริ่มไปจองทำร้านค้าที่สวนลุมไนท์บาซาร์มาแต่ ปลายปี 2543-44 ประมาณนั้น

กระแสวิบากอันไหลหลั่งมาทำให้ข้าพเจ้า ประสบพบเหตุการณ์ต่าง ๆ นานา อย่างที่บันทึกไว้ไม่หมด
บางครั้งในระยะเวลาแห่งการอยู่ร้านค้าเล็ก ๆ ที่ซึ่งข้าพเจ้าได้หลบมุมจากชีวิต อันยุ่งเหยิง
เวลาอยู่หน้าร้านมีลูกค้าต่างประเทศผ่านไปมาอยู่บ่อย ๆ บางคนเข้ามาถามถึง แนวความคิดการแต่งร้าน
ซึ่งนำเครื่องเรือนไม้สักเก่ามาแต่ง เมื่อข้าพเจ้าอธิบายให้ฟัง ก็มักถามถึง อาชีพ ของข้าพเจ้าในวันนั้น
นามบัตรซึ่งทำไว้นับเป็นพันใบ ได้จ่ายแจกไป ระบุ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่เราทำอยู่ และ ตำแหน่งหน้าที่
ฝ่ายการเงินและการตลาด ทำให้หลายคนฉงนสนเทห์ จนข้าพเจ้าต้องให้ความกระจ่างว่า เป็นหน้าที่
อันทำให้ ห้างฯ ซึ่งตั้งเพื่อให้คุณสามีได้ทำงาน ด้าน สถาปัตยกรรมภายใน ออกแบบตกแต่ง มัณฑนากร
ดังที่เขาร่ำเรียนมาจากต่างประเทศ ส่วนข้าพเจ้า หลบมุม มาติดดิน พบปะลูกค้าอยู่มุมนั้น เพื่อหาที่
"หายใจ" มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในเนื้อที่ ห้าง ฯ ที่ตั้งขึ้นมาให้เขา

ข้าพเจ้าพอจำได้เลา ๆ ว่าตนเอง ต้องการ พื้นที่ เพื่อ นั่งทำบัญชีห้างฯซึ่งมีมากมาย อันแต่เดิม
ต้องหอบ เอกสาร เป็นปึกเป็นตั้งใส่กระเป๋าเดินทาง ไปหาที่นั่งทำตาม โต๊ะเก้าอี้ในสวนอาหาร ดังที่ได้
กล่าวมาแล้วในบทก่อน ๆ หรือ เมื่อมาสวนลุมไนท์บาซาร์ใหม่ ๆ ข้าพเจ้าก็ยัง หอบเอาไปนั่ง คิดเงิน ทำบัญชี
อยู่ใน ศูนย์อาหาร ด้านหลังของไนท์บาซาร์ นั้น เพราะในร้านเล็ก ๆ นั้น ตอนกลางวัน ร้อนมาก ไม่อาจจะ
นั่งทำบัญชีอย่างไรได้
-------------------------------------------------------------------------------------------
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 14 มกราคม 2554 เวลา:17:07:02 น.  

 
 
 

นอกจากจะหาข้าวของมาขายดังที่กล่าวแล้ว ข้าพเจ้าก็พยายาม ทำเครื่องประดับ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มเป้าหมาย มีระดับ มีเงิน เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถจะหามา ทอนต้นทุนการใช้ชีวิต อย่างประหยัดที่สุดแล้วใน คอนโด ได้ เพราะ รายจ่ายที่จะต้องจ่าย ธนาคารสองธนาคาร เกือบสามหมื่นบาทต่อเดือน

ไหนจะค่าใช้จ่ายลูกไปเรียนประจำวัน รวมค่าใช้จ่ายเดินทางไปประจำร้านค้าแห่งนั้น รวมค่าอาหาร
สามมื้อ กับค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค ค่าเช่าร้าน เดือนละเหยียบหมื่นบาท ล้วนแล้วแต่ ทำให้ ข้าพเจ้าไม่
เคย ชักหน้า ถึงหลัง ได้เลยสักเดือน

รู้แต่ว่า ทุกคืนที่กำเงินกลับบ้าน ข้าพเจ้าจะต้องเจียดออกเพื่อใส่ซองในตู้เซฟไว้ เพื่อให้มีใส่ซอง
ไว้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน การมอบให้ลูกใช้ทุกวัน ก็ล้วนแต่แลกธนบัตรฉบับละ สิบบาท และ ยี่สิบบาท
บางครั้งก็มี ฉบับละ ห้าสิบบาทด้วย ใหม่เอี่ยมจากธนาคารเก็บไว้ใส่ซองซึ่งเขียนหน้าซองด้วยลายมือ
ข้าพเจ้าเอง ระบุ วันในสัปดาห์ วันที่ จำนวนเงินให้ลูกไปโรงเรียน วันละสองซอง สำหรับสองคน อย่างเป็นระเบียบ
เรียบร้อย

ข้าพเจ้าถือเป็นหน้าที่ที่จะให้ลูกได้ศึกษาอย่างสะดวก สบายที่สุด ทั้งคอยให้กำลังใจ หากมี
เวลาพูดกัน ตอนช่วงเช้า แต่ส่วนใหญ่ ลูกก็เดินทางไปแต่เช้ามืดเพื่อเดินทาง ข้าพเจ้าจะให้เงิน คนละ
7 ซอง ไว้เป็นสัปดาห์ เพื่อให้เธอ และ เขา ทั้งสอง รู้จัก การประมาณการการจ่ายเงินของตนให้เพียงพอ
หนึ่งสัปดาห์ เป็นการฝึกไปในตัว ให้รู้ว่า เมื่อมีเงินรายวัน พอใช้ หากมี หลายวัน เงินจะมากขึ้น จะพ่าย
แพ้ต่อความอยากของตน นำไปใช้อย่างอื่น ก็จะไม่พอใช้ประจำวัน

ในวาระนั้น เวลาเลื่อนไหลไปเร็ว หลายอย่างข้าพเจ้าก็พลาดไป ตกไปในรายการกระทำ
ของตนอยู่บ่อยครั้ง มักลืมวันเวลาว่าจะต้องมีหน้าที่อื่นอันใด อีก นอกจาก การต้องไปส่งเอกสารที่สรรพากร
รายครึ่งเดือน และ รายเดือน และต้องไปเปิดร้านค้า เพราะ เมื่อตื่นมาทำงานในบ้านเสร็จสรรพ
ข้าพเจ้า ก็ออกเดินทางไปจากบ้าน ประมาณ ก่อน สิบนาฬิกาเล็กน้อย เพื่อให้ไปทัน ก่อนเที่ยงวัน
เพราะ เป็นกฎระเบียบของร้านค้า ในสวนลุมไนท์บาซาร์ในเวลานั้น ว่าต้อง ทำงานเปิดร้าน
ก่อน เที่ยงวัน ยันหลังเที่ยงคืน
เมื่อทำงานจนหมดเวลาแล้ว กว่าจะได้กลับถึงบ้าน ก็ มักจะประมาณ ตีหนึ่งกว่าถึงตึสอง
กว่าจะได้นอนก็สายกว่านั้นนัก เพราะจะเข้าดูเกม และ อินเตอร์เน็ต ทุกคืน เช้าขึ้นมาก็ตื่นมาดูแลกิจการ
อย่างเร็วอีก เป็นดังนี้
---------------------------------------------------------------------------------------


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 14 มกราคม 2554 เวลา:17:09:41 น.  

 
 
 
NatV
ผู้บริหารคือ ผู้นำ คือผู้ดูแลคนทั้งมวลให้มีความสามารถและเป็นสุขในการนำเสนอตัวคนทำงานสู่สังคม ด้วยผลงานอันดีที่สุดของเขาเอง หาใช่เพื่อแสดงผลของเราไม่
Wednesday at 3:33pm ·

Nat V ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงลดบทบาทตนเอง เป็นเสมือน แม่บ้าน และ แม่ครัว มองห่างๆ รักษาระยะห่างให้บุคคลทั้งหลายผู้ทำงานนั้น ๆสบายใจในชีวิตของเขาอย่างที่สุด และ ข้าพเจ้าก็จักเป็นสุข
Wednesday at 3:35pm ·

.Nat V การลดบทบาทตนเองลง เป็นเพียงผู้ดูแลผลประโยชน์และการบัญชี ไม่ต้องออกหน้าออกตา ก็เป็นหนทางของชีวิต อันควรจะเป็น เท่านั้น ชีวิตก็ผ่าน ๆ พ้น ๆ ไป สิบเอ็ดปีแล้วหรือนี่ ? ข้าพเจ้าสงสัยในบทบาทของตนที่ผ่านมา
Wednesday at 3:38pm ·
.NatVไม่ใช่ 11 ปี แต่เป็น สิบสองจะสิบสามปีแล้ว และ partner ที่ไม่ต้องการให้ทำงานต่อไปก็คงยืนกรานเช่นนั้น หลังจากไปตามหาเว็บไซต์ที่ลิงค์กับกรมฯ ต่างๆในวันนั้นมา ก็รู้สึกว่า ชีวิตเราเสียเปล่าไปกับท่าดีทีเหลวที่ต้องคอยให้กำลังใจคนอื่นจนตัวเองไม่มีส...ิทธิประโยชน์อะไรในโลกนี้เลย
//www.tumcivil.com/store/store.php?user=nickmanthanakorn&action=aboutus
อธิบายไม่ออก บอกไม่ถูกกันเลยจริง ๆ
See More8 minutes ago ·

Nat Vเหมือนว่าจะต้องไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ แม้นว่า จะ push กันขนาดไหน ก็แค่นั้น ไม่มีเยื่อใยในสิ่งที่เราสร้างขึ้นให้มาตลอด ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ทำงานที่หอบหิ้วกันไปสร้างตัวให้ หรือแม้นแต่ข่าวที่ คัทลียา@ไทยรัฐก็อุตส่าห์ลงข่าวให้ หรือแม้นแต่ คุณอ๊อด@บ...้านและสวนก็ทำข่าวให้ ก็เท่านั้นเอง ช่างไม่มีความหมายอะไรแก่เขาสักอย่าง เรารู้สึกงุนงงว่า เราจะช่วยไปทำไม ลงแรงไปทำไม
จนแม้นย้ายมาทางนี้ ก็ยังดำรงชีวิตเช่นเดิม อืมม์ เหมือนอย่างที่เคยคิดว่า
การบริหารงาน อาร์ตติสต์นั้น ช่างยากเย็นแสนเข็ญ มาแต่ไหนแต่ไร ..ก็ยังไม่เข็ดหลาบจำเสียที
5 minutes ago ·

Nat V ‎"ไม่เข็ดหลาบจำ" นี่น่าจะสมกับสิ่งที่เกิดขี้น ตั้งอยู่ และ ใกล้จะดับไปนี่นะ
3 minutes ago ·

นี่คือบางส่วนที่ข้าพเจัาเขียนไว้ใน โซเชียลเน็ตเวิร์ก
กับความ ชาชินบนความสะทกสะเทือนใจในสิ่งที่ผ่านมา
เกิดขึ้น และ กำลังจะต้องผ่านไป...
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 21 มกราคม 2554 เวลา:17:30:11 น.  

 
 
 

After formatting my comp and could connect to Internet,I couldn't type thai again !!

I come to change from "for only VIP" to
Public now you all can view them.
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:17:45:48 น.  

 
 
 
อาจจะข้ามไปนิด แต่ลงไว้ก่อน ก่อนจะหาข้อมูลไม่เจอ
เข้าไปดูบทกลอนที่นั่น พบเรื่องสั้น เกี่ยวกันกับคอนโดที่
เราต้องกลายเป็น กวีคอนโด นั้น
//www.thaipoem.com/forever/ipage/story4621.html
January 29, 2011, 2:08 pm
ไดอารีลำดับที่ ๕๐๕...วันที่คุณไป ..ทิกิ_
tiki
คุณก้าวไปจากบ้าน เหมือนอย่างออกไปข้างนอกธรรมดา
ก่อนไป คุณก็ไปปรึกษาท่านอาจารย์ที่วัดเสียด้วย ว่าควรจะ
ย้ายไปวันไหนดี....ท่านก็แนะนำว่า วันศุกร์ซี่ แต่จะให้ดี ควรเป็น
วันจันทร์ 21 มีนาคม แต่ฉันก็บอกคุณ อย่างมึนดึงในวันนั้นว่า
รีบไป เร็วที่สุดเถิด

ฉันออกมาที่โต๊ะคุณ....ว่างเปล่า....คุณเก็บหนังสือหนังหา
เรื่อง งานการคุณไปเกือบหมดแล้ว
และ ที่แน่ๆ ได้พากลิ่นสุนัขที่เหม็น เรื้อรังเหม็นหืนนั้น
ออกไปจากห้องคอนโดของเราด้วย
ฉันรักสุนัขมาก สุนัขที่เคยนอนในห้องฉันในวันเยาว์
วันเก่าๆคือเจ้าหมี สุนัขเพศเมีย พันธุ์ Cocker Spanial ผู้นอนอยู่
หน้าเตียงและ หลับนิ่ง ชะเง้อดูฉันหลายหน ถ้าฉันยังไม่ตื่น
ขนาดของมันกำลังดี ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก มันนิสัยดีเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์
ฉันจำได้ว่าไปรับเจ้าหมีมาจากร้านสัตวแพทย์ญาติของเราที่ปากซอย
พหลโยธินกรุงเทพฯ ที่ที่เคยอยู่ตรงข้ามกับตึกเอไอเอสในปัจจุบันนี้
พี่นิต เจ้าของร้านบอกฉันในวันนั้นว่า เจ้าของเป็นฝรั่ง
ชาติเยอรมัน เห็นมันเป็นขี้เรื้อน และ รักษาไม่หาย จึงนำมาให้พี่นิด
ฉีดยาตาย พี่นิดฉีดยามันไม่ลง จึง เลี้ยงมันไว้ในกรงปากซอยอย่างนั้น

ฉันอาสา รับเจ้าหมี มาบ้าน และประคบประหงมรักษามัน
ด้วย ยา น้ำมันเครื่องใส่รถ น้ำมันมะพร้าว และ กำมะถันเหลือง
สามอย่างนี้ ชะโลมทาให้มันทุกวัน พร้อมกับ คอยจับมันอาบน้ำ
แช่ยา อาซุนโทล ในที่สุด เจ้าหมี ก็ มีขนสีดำมันเลื่อม หายจากการ
เป็นขี้เรื้อนโดยปลิดทิ้ง
เจ้าหมี อยู่กับฉันมาจากอายุ สิบสาม และ อยู่จนฉันอายุ
ยี่สิบเก้า มันอยู่กันมาอีก สิบหกปี อย่างมีความสุข มีความหลัง
ย้ายไปสามบ้าน สี่บ้าน มีประวัติที่น่าเขียนถึงมากมาย

แต่ในวันนั้น บ้านของเรา เป็นบ้านสองชั้น
กลางสนามกว้างขวาง ที่เจ้าหมีจะได้ลงไปวิ่งเล่นรอบบ้านอย่างสำราญ
และ วิ่งมาให้ฉันกอดมันไว้อย่างมีความสุข...โดยเฉพาะเวลา
จะขึ้นนอนห้องนอนชั้นบนด้วยกัน
เจ้าหมีเป็นสุนัขที่สุภาพ อัธยาศัยดีอย่างน่าสรรเสริญ

แล้วฉันทำไมไม่ชอบเจ้าสองตัวนี่เลยเมื่อมาอยู่ที่คอนโด
เจ้าตัวโตพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเว่อร์สีน้ำตาลอมดำ เพศเมีย
ที่ชื่อ บาร์บี้..(ก็ฉันนั่นแหละเป็นคนตั้งให้มันเอง)
ลูกค้าที่มีตำแหน่งใหญ่โตระดับที่ปรึกษาท่านพ่อเมือง
กรุงเทพฯเป็นคนให้เรามาเมื่อเราไปแต่งบ้านให้เธอ
แล้ว แม่ของมันออกลูกทีเดียวสิบกว่าตัว เลยยกมาให้เราหนึ่งคู่
ตัวเมียและ ตัวผู้ ตัวผู้ เจ้าบ๊อบน้องชายนั้นเราส่งไปให้
เพื่อนพี่ชายที่ไร่สัตหีบ ส่วนตัวเมียคือบาร์บี้นี้เลี้ยงไว้ก่อน
จะให้พี่ชายทีหลังแต่เขาไม่อยากเลี้ยงเพิ่มภาระ จึงกลายเป็น
เราต้องเลี้ยงมาจนถึงวันนี้ ตก เก้าปีเข้าไปแล้ว...!
เมื่อบาร์บี้โต มันก็กลายเป็นหมาตัวใหญ่คับบ้านขนาด
เล็กที่ตารางเมตรแพงเกือบห้าหมื่นบาทในเมืองไปเสียแล้ว
บาร์บี้เคยชนฉันหกล้ม ปวดแขนไปหลายเดือนทีเดียว
และต่อมกลิ่นของพันธุ์นี้ เหม็นจนสุดจะทน
และที่ ฉันไม่ชอบมากๆ ก็ตรงที่มันมีเห็บบ่อยๆ
เวลานั่งทำงานเห็บมารบกวนฉันเสมอ
ขอให้คุณนำออกไปที่อื่น คุณ ก็ไม่ยอม..ยังดื้อที่จะเลี้ยงมันไว้
อย่างนั้น...
.จนในที่สุด คณะกรรมการคอนโด ก็ติดประกาศอย่าง
เอาจริงว่า นับจากนี้ต่อไป จะไม่มีการเพิ่มจำนวนสุนัขในคอนโด
เป็นอันขาด
วันที่ฉันจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อเดือนธันวาคม ฉันบอกให้
คุณ ย้ายสุนัขไปที่อื่น คำตอบที่คุณเตรียมไว้ ก่อนหน้านั้นก็คือว่า
"ถ้า สุนัขไป ผมก็จะไปด้วย ".
....แต่ ในวันนั้น คุณ เครียดจัดที่โรงพยาบาล
คุณ หลุดปากออกมาว่า
" ถ้าคุณไล่ผมกับหมาออกไปอย่างนี้ คอยดูนะ ผมจะหายไปเลย
หายไปจากประเทศไทย...ไม่ให้คุณเห็นอีกเลย จะทิ้งคุณไปเลย"

ฉันร้องไห้อย่างอัดอั้นตันใจ ฉันบอกคุณว่า ฉันป่วยนะคะ
และ ฉันอยากได้ห้องที่สะอาดเพื่อการพักฟื้น ฉันจะไม่นั่งอยู่ใกล้ตรง
ที่สุนัขคุณนอน กิน เด็ดขาด..นะคะ
พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นั้น ต้นตระกูลทางแคนาดาเขามัก
เลี้ยงไว้ให้มันเก็บนกที่ยิงได้...มันจะวิ่งหน้าตั้งอยู่ในสวน ในไร่ เหมือน
เจ้าบิ๊ก น้องชายของมันที่เราเอาไปไว้ที่ ไร่สัตหีบ

ส่วน เจ้าปั๊กอีกตัว นั้น ก็ไม่ค่อยประทับใจฉันนัก เพราะเมื่อฉันเบื่อ
แม่บาร์บี้ สุดฤทธิ์ สุดเดชอยู่ในวาระนั้น และ เบื่อคุณสุดหัวจิตหัวใจ
จนต้องไปหากระรอกที่น่ารัก มาเลี้ยงหนึ่งตัวชื่อเจ้าเปี๊ยก ซึ่งต่อมา
มันจะวิ่งไล่กัดคุณเป็นประจำ แต่มันไม่ได้กัดฉัน มันชอบให้ฉันคอยกก
มันให้อุ่นในอุ้งมือ...ต่อมา เจ้าเปี๊ยก ก็ป่วยเป็นโรคเศร้าซึมตาย...
วันที่เจ้าเปี๊ยกตายอยู่ในอุ้งมือฉันนั้น เป็นวันที่ฉันเศร้าเหลือแสน
ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นสุดที่จะกลั้น ......แม้นขนาดกำลังเขียนอยู่นี่น้ำตา
ก็พาลไหลออกมา....

คุณได้ที รีบไปรับเจ้าปั๊ก ผู้มีชื่อว่า เฮเลน มาจากบ้านพี่ชายฉันทันที
มาถึงก็ส่งให้ฉันบอกว่า
" เอาเฮเลน มาให้แม่นะ จะได้คลายคิดถึงเจ้าเปี๊ยก"
ถ้าไม่ติดว่ากำลังเศร้าขนานหนัก ฉันคงจะหวีดวีนใส่คุณอีกเป็นแน่
แต่วันนั้นได้แต่ส่ายหน้าถอนใจ...
"แค่บาร์บี้ตัวเดียวก็ยุ่งยากมากมาย คุณยังหาหมามาอีกตัวอีกหรือ?"
ฉันเดินผละจากคุณ จากโต๊ะของคุณ จากห้องหน้าของคุณ ออกไปยืน
ที่ระเบียงในวันนั้นกลางแดด อาลัยอาวรณ์ เจ้าเปี๊ยกกระรอกน้อยจนเกินประมาณ
ตามประสาคนเอาแต่ใจตัวอย่างฉัน

เจ้าเปี๊ยกเป็นเพียงสัตว์ตัวน้อย ที่ทำให้ฉันรู้จักมีความรักขึ้นในชีวิต...
แล้วเมื่อมันตายจากไป ฉันก็รู้ว่า ฉันไม่มีทางจะนั่งอยู่กับคุณที่นี่ได้อีกแล้ว
ฉันจึงวิ่งเต้นหาที่ทางที่จะไปนั่งทำบัญชีที่ไหนก็ได้
แต่กรรมจริงๆ ที่ฉันตัดสินใจเลือกสถานที่ผิดพลาด แทนที่จะเลือก
ไปเซ้ง เนื้อที่ตรงข้ามสวนจตุจักรในวันนั้น ฉันกลับไปเลือก
สวนลุมไนท์บาซาร์ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้เป็นสถานที่ทำบัญชีของฉัน
ยังกลายเป็นภาระ เป็นสาขาที่หนึ่ง ที่มีสินค้าสารพัดอย่างให้ฉันไปดูแล
ขายโน่นนี่ แต่บ่ายยันเที่ยงคืนมาอีกสองปี

สองปีกว่าตกสามปี ที่พ้นๆหน้าคุณไปเสียได้
แต่ในที่สุด ฉันก็ต้องเลิกร้านไม่ต่อสัญญา ทำให้มีปัญหาเรื้อรัง
กลายเป็นติดค้างค่าเช่าต้องส่งใช้กันอยู่จนทุกวันนี้.....
เราต่างมีสัตว์ทดแทนให้ความรักอันพลุ่งพล่านของเราได้มีทางออก
คุณได้รัก เจ้าสุนัขสองตัวนี้ประคบประหงมดูแลมันยิ่งกว่าลูก ในวันที่ฉันไม่ค่อย
จะยอมพูดกับคุณ เกินวันละ สิบประโยค...และ ฉันก็ได้มี เจ้าเปี๊ยกในวาระนั้น
ก่อนหน้าจะไปอยู่ร้าน
แต่เมื่อฉันได้มีโอกาสก้าวย่างออกจาก บ้าน ก็เหมือนนกน้อย
อันเสรี ที่ได้ขับรถออกไปทุกวัน ให้คุณโทรศัพท์ตามทุกคืนว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว
กลับบ้านได้แล้วนะ อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มา
ในช่วงเวลาเหล่านั้น ฉันมักได้มีโอกาสไปโน่นไปนี่กับเหล่าศิลปินจบใหม่หมาดๆ
ที่ถูกกวาดต้อนไปรวมพลเสนอสินค้าใหม่บริสุทธิ์ที่พวกเขาคิดกันขึ้นมาที่นั่น
ในปีแรก จะมีการพบปะ ไปกินอาหาร ดื่มสุราอะไรของพวกเขา กันหลายครั้ง
แต่ในระยะหลัง เมื่อฉันถูกควบคุมความประพฤติให้กลับบ้านทันทีเดี๋ยวนี้ที่ปิดร้าน
ฉันก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมกลุ่มกับเหล่าศิลปินรุ่นเยาว์เหล่านั้นแต่อย่างใด ชีวิตเป็นไป
อย่างน่าเบื่อหน่าย
ถ้ากลับถึงคอนโด ฉันก็มักจะอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้าประจำที่
เล่นเกมสารพัดชนิดที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ เปิดเข้าอินเตอร์เน็ต
เล่นเกมที่อยากเล่นแล้วก็กลายเป็นนักเขียนกลอน ต่อมา อย่างไม่รู้ตัว

อินเตอร์เน็ต ก็ทำให้ฉันมีเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ พวกอินกับ
ข้อเขียนและบทกลอนราวกับอยู่ในโลกจริง ตัวละครร้อน เย็น
เป็นจริงเป็นจัง.
.คุณ ทำสีหน้าเอือมระอากับความประพฤติของฉันเสมอ
แต่แล้วเมื่อคุณคุยกับเพื่อนฝูงหลายคนเข้า โดยเฉพาะพวกเพื่อนคุณ
ที่มีอีเมล์ส่งไปมาทางอินเตอร์เน็ต
คุณ ก็เปลี่ยนทันที..

.คุณเริ่มสอบสวนความประพฤติฉันขึ้นทุกวัน และ บ่อยครั้ง
ที่คุณจะฉุนเฉียว ที่ฉันนอกจากจะไม่พูดกับคุณเกิน สิบประโยคต่อวัน
ฉันยังย้ายที่นอนมาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ และ นอนหน้าหิ้งพระ
เสียราวกับตัวเองเป็นตัวเล็นตัวไรเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนั้น ฉันยังมีการไปงานสังสันทน์ชาวอินเตอร์เน็ตอยู่เรื่อยๆ
แถมปีที่แล้วฉันยังนำรูปตัวเองไปลงอินเตอร์เน็ตเสียอีก
คุณ ส่ายหน้าระอาความประพฤติของฉันแต่ฉันจะแยแสคุณก็หาไม่
ฉันชื่นชมความประพฤติของฉันอย่างเต็มที่ แถมยังเดินทางไกล
ไปพบกับเพื่อนหญิงคนหนึ่งในอินเตอร์เน็ตให้คุณใจหายใจคว่ำเล่น
และ ที่ร้ายที่สุดคือเดินทางไปร่วมงานสร้างห้องสมุดเว็บ ลานไทยมุงที่
จังหวัดพิษณุโลก ที่คุณอารมณ์บ่จอยนัก เมื่อต้องขับรถไปส่งฉันที่
สถานีขนส่งหมอชิต
และ ก็สมน้ำหน้าตัวฉันเอง ที่ป่วยกลับมาด้วยความบอบบาง
ที่เคยแต่เป็นคุณนายอยู่ชั้นลอยฟ้า เข้าห้องน้ำห้องท่าอย่างคนเมือง
ไฉนจะไปทนสมบุกสมบันบ้านป่าบ้านดอยดังนั้นได้อย่างไร
ในที่สุด ก็กลับมาป่วยไข้ขึ้นเกือบสี่สิบองศาเซนติเกรดอยู่มะรอมมะร่อ
คุณ ขับรถพาไปส่งตัวเข้าโรงพยาบาลในบ่ายวันรุ่งขึ้นที่ฉันเดินทาง
กลับจากพิษณุโลก อย่างแสนจะเอือมระอาความประพฤติของฉัน..
..แต่คุณก็ยังไม่เห็นไปจากฉันเสียที..!
สุนัขอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ฉันอึดอัด
หน้าที่การงานที่เข้ากันได้ยาก อาจเป็นอีกหนึ่งที่ฉันอึดอัด
เศรษฐกิจเป็นพิษ อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉันอึดอัด

ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณและฉันเปลี่ยนแปลงขนานหนักมาแต่เมื่อไหร่...
แต่ที่แน่แน่ฉันไม่ชอบกลิ่นสุนัขของคุณที่มันสะอิดสะเอียน โดยเฉพาะ
เมื่อฉันออกจากโรงพยาบาล ที่ฉันเข้าผ่าตัดปัจจุบันทันด่วนเมื่อ
ต้นธันวาคม ปีที่ผ่านมา
ร่างกายที่สะอาดจากการล้างสารพิษ โดยการหยุดดื่มกาแฟ
เป็นปลิดทิ้ง ทำให้ฉัน เหม็นกลิ่นยาเส้นที่คุณสูบไป๊ป์ทุกวันทั้งวัน
และ เหม็นกลิ่นสุนัขของคุณอย่างทนไม่ไหว

ไม่มีใครที่ไหนจะทนฉันได้เช่นคุณหรอก
สำหรับคุณแล้ว ฉันคือ คุณหนูน้อยน้อยในหัวใจของคุณเสมอมา
คุณ แอบดูฉันขึ้นรถที่มีคนขับของพ่อ พาไปส่งโรงเรียน
คุณแอบตามไปดูฉันที่ปากทางบ้านคุณทุกวันว่ารถคันนั้นจะผ่านมา
เมื่อใด เพื่อจะเห็นฉันนั่งผ่านบ้านคุณไปทุกวัน
คุณแอบดูฉันเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย
คุณแอบดูฉันเมื่อคุณ เรียนจบมาจากต่างประเทศ
คุณแอบเขียนจดหมายหาฉันเมื่อฉันทำรายการวิทยุ
รักอะไรของคุณจะฝังใจยาวเนิ่นนานปานนั้น ฯลฯ


วันที่ฉันแต่งงานกับคุณ
แล้วสามเดือนแรกที่ท้าคุณหย่าทุกคืน
คุณ ก็ยังไม่เคยคิดว่าจะเลิกกับฉันแต่อย่างใด
คุณ ยืนกรานว่า ชาตินี้ไม่มีวันจะเลิกกับฉันอย่างเด็ดขาด
......
วันนี้ คุณก้าวเท้าออกไปจากบ้าน...เป็นการแยกวิถีชีวิต.
..ก่อนไป คุณเจอฉันแล้วคุณ บ่นว่า
" วันนี้ พ่อมีสองบ้านแล้วหรือ..."
คุณ ทำท่าละล้าละลัง...จนฉัน..สงสาร หรือเวทนา หรืออะไรสักอย่าง...
วันนี้ วันแรกที่คุณก้าวออกไป คุณโทรศัพท์กลับมาเมื่อเย็น.
..และ สองทุ่ม และ อีกครั้งเมื่อ
....เที่ยงคืนที่ผ่านมา
"ผมปูที่นอนไว้ให้แล้วนะ เตียงน่านอนมาก.
.แล้วคุณคงจะได้มานอนที่นี่นะ"...เสียงคุณอ่อนโยน...

คุณยังรักฉันเสียจนฟ้าสะเทือนเหมือนเดิม...ไม่มีผิดเพี้ยน ..
ไม่ว่าฉันจะบ้ากับคุณขนาดไหน...ไม่ว่าฉันจะร้ายกับคุณขนาดไหน
ไม่ว่าฉันจะแกล้งไปอยู่ที่โน่น ที่นั่น ที่นี่ ที่ไหน ทั่วสารทิศ
สิ่งที่คุณทำกับฉัน คือ เสียงหัวเราะ ความอ่อนโยน..
.ความห่วงใย...และหวงด้วยเสมอนั้น
ห้องว่างเปล่า โต๊ะว่างเปล่า....
ฉันเดินออกไปเมื่อ เที่ยงคืนนั้น...
.ตรงโต๊ะที่คุณนั่งเขียนแบบอยู่ทุกคืน...ไม่มีคุณเหมือนเดิม
ฉันเดินถือผ้าหนังออกไปเช็ดถูฝุ่นทุกซอกมุม..
.ฉันอยากอยู่ที่นี่อยู่ในวิถีชีวิตสงบของฉันคนเดียว

ฉันไม่อยากไปกับคุณ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ
ฉันอยากให้คุณไปจากฉันสักพักหนึ่ง...
ฉันเช็ดโต๊ะ เช็ดฝุ่นทุกซอกมุม ที่ฉันไม่ค่อยชอบย่างเหยีบบไป
เวลาที่คุณอยู่กับเจ้าสองตัวที่คอยนอนหมอบที่เท้าคุณ แล้ววิ่งตาม
คุณทุกเวลาอย่างนั้น

คุณช่างเป็นผู้ชายตัวเล็กที่ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน..
แม้นว่า..สิ่งร้ายแรงหลายอย่างในชีวิตที่คุณทำไว้..แทบจะทำให้
ฉันกระอักได้ทุกเมื่อ....
ฉันก็ช่างทน และ อภัยให้คุณได้ตลอดมาเช่นกัน...
ฉันนึกถึง ภาพ ท่านพระยาอนุมานราชธน ที่ไปนอน
นอกระเบียงกางมุ้งบนเตียงนอนที่บ้านสุรวงศ์ ในประวัติของท่าน....
ฉันนึกถึง ประวัตินักเขียนหลายท่าน ที่ไม่อาจฝืนทำ
ตามที่คนอื่นพอใจได้
ฉันยังไม่กล้าไปไกลจากคุณนักหรอก...
ฉันคงยังเป็นเจ้าหญิงน้อยของคุณอีกใช่ไหม....
เจ้าหญิงน้อยที่ดูสูงส่งที่คุณรักใคร่มานานนัก....
อารมณ์ศิลปินของคุณ อาจมีอยู่ เต็มอยู่...
.ตราบใดที่คุณยังไม่มีสาวน้อยนางอื่นอยู่ใกล้คุณ หรือไร ...?
คุณประกาศมาเสมอด้วยถ้อยคำที่ว่า...
" ผู้ชายในประเทศนี้อาจเหี่ยมอย่างไรก็ได้ แต่ไม่ใช่พ่อนะ.
.พ่อรักแม่เสมอ คนเดียวเท่านั้น."
และ คุณ ฉลาดเหลือเกิน....ที่เมื่อสัปดาห์ก่อน คุณ สรรเสริญฉันไว้ว่า
" พ่อรู้ว่าแม่ไม่มีวันทิ้งพ่อ แม่รักพ่อ แม่ซื่อสัตย์ต่อพ่อเสมอ"
เฮ้อ.....

ฉันจะเปลี่ยนแปลงนิสัยฉันไปได้แค่ไหนล่ะนี่....
นิสัยอ่อนแอแพ้พ่าย...นิสัยใจอ่อน อ่อนโยนข้างในหัวใจของ
ฉันนี่
...เข้มแข็งนะ เข้มแข็งนะ เข้มแข็งซี่ ...ฉันบอกตัวเอง

ต่อให้จุดธูปบอกพระ.ไปว่าที่ผ่านมาอาการสาหัส
เรื่องเศรษฐวิบัติ นี้ขอให้เขาไปๆเสีย ฉันจะได้
เริ่มชีวิตใหม่ของฉันได้เสียที.....ก็แล้วนะ
.......ชีวิตข้างหน้า วันหน้าของฉันมันจะเป็นอย่างไรหรือ
หรือว่า....พระเจ้าไม่ได้ยินเสียงฉันเลยหรืออย่างไร...?

ทิกิ_tiki
บันทึกบนความสับสนอีกวันหนึ่งในโลก
คืนพระศุกร์ ๔ มีนาคม ต่อ เช้ามืด พระเสาร์ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ไดอารีลำดับที่ ๕๐๕...วันที่คุณไป ..ทิกิ_
หมายเลขเรื่องสั้น 4621 IP 203.151.217.160 ความยาว 454 ตัวอักษร

แต่งเมื่อ 05 มี.ค. 48 - 05:39 จำนวนคนชม ผู้ชม 521 - ผู้ตอบ 13

เขียนโดย tiki ผู้นำเรื่องสั้นมาลง
tiki



แหล่งที่มา //www.bangkokcity.com/2004/member/diary04/detail.php?boid=61191

ข้อความฝากถึง ไดอารีลำดับที่ ๕๐๕...วันที่คุณไป

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:14:20:30 น.  

 
 
 

ความคิดเห็นที่ 1 : หมายเลข 19646
//thaipoem.com/web/songshow.php?id=6895
ผู้ชายร้องไห้
นครินทร์ กิ่งศักดิ์ : : Key G
เกือบ จะลืม
เด็ก ที่เคยขี้แย
เด็กคนนั้นเคยแพ้
เพราะโดน รังแก
ได้แต่นั่งร้องไห้
ก็ผ่าน ไปแล้ว
จากเด็กกลาย เป็นผู้ใหญ่
ต่อไปนี้ เรื่องไหน
หัวใจ ผู้ชาย
ไม่ยอมเสีย น้ำตา
มัน ก็นาน
อาการร้อง ไห้ ทำอย่างไร
เกือบจะจำ ไม่ได้
ถ้าไม่เจอ ใคร อย่างเธอ
สิ่งที่เธอ ทำไป
ให้ฉัน นึกได้ อีกครั้ง
อีกครั้ง คราวนี้
ผู้ชาย ร้อง ไห้
น่าอาย ที่ฟูมฟาย ขนาดนั้น
ช้ำใจ แค่ไหน กัน
ฉันถึงเสียน้ำตา
มากมาย อย่างนี้
เธอคงรู้ ดี เธอรู้ ดี
อย่า นะเธอ
อย่ามาเว ทนา
ไม่ได้คิดเอา ไว้
ให้ใคร ต้องมา
เมตตาฉัน กว่าเก่า
ไม่เคยนึก เลย
เธอจะเห็นเรา เป็นแบบนี้
มันเป็นภาพ ที่ดู
ไม่ค่อย จะดี ใช่ไหม
เป็นภาพ ผู้ชาย
สะอึกสะอื้นเจียนตาย แบบนี้
แบบนี้ แบบนี้
ผู้ชาย ร้อง ไห้
น่าอาย ที่ฟูมฟาย ขนาดนั้น
ช้ำใจ แค่ไหน กัน
ฉันถึงเสียน้ำตา
มากมาย อย่างนี้
ขอให้รู้
ว่าผู้ชายส่วน ใหญ่
ไม่ต้องการให้ ใคร ดมน้ำ ตา
ฉันก็เหมือน
เหมือนผู้ชายทั่ว ไป
แต่คราวนี้ หมดความ อดทน
จะฝืน มันไม่ไหว

ผู้ชาย ร้อง ไห้
น่าอาย ที่ฟูมฟาย ขนาดนั้น
ช้ำใจ แค่ไหน กัน
ฉันถึงเสียน้ำตา
มากมาย อย่างนี้
มีเธอผู้ เดียว
ที่รู้ดี...
พุด 05 มี.ค. 48 - 09:50 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 2 : หมายเลข 19647
//thaipoem.com/web/songshow.php?id=6289
ยอม
ดนุพล แก้วกาญจน์ : : Key D
ดวงใจล้านดวง
ในทรวงล้านคน
มีใครหลีกพ้นฤทธิ์พิศวาส
บาดดวงใจ
แปลกนัก ความรักยิ่งใหญ่
หนึ่งเดียวอยู่เหนือใดใด
ใครสมชีวี มีรสโอชา
ใครมีเคราะห์กรรม
โดนรักทำเอา
เป็นความอับเฉาเพราะมัวแต่เฝ้า
ใฝ่ฝันหา
อันความรักแรงคล้ายไฟป่า
ไหม้ใครให้ร้อนชีวา
ทนทุกข์ทรมา สิ้นดี
ก็รู้ยังไม่วาย อยากเจ็บ
จะแตกจะเย็บก็ยังสู้ยอมกายพลี
จะสิ้นชีวิตล้มกองขอลองดูที
อยากจะมีคู่คิดชิดกมล
เช่นฉันเททุ่มใจ เพียงเธอ
สม่ำเสมอหลงคอยละเมอ นานนม
จะแหลกจะยับพับลงเพราะเธอ จะทน
ไม่กังวลข้นแค้นคิดคลอนคลาย

ใครมีเคราะห์กรรม โดนรักทำเอา
เป็นความอับเฉาเพราะมัวแต่เฝ้า
ใฝ่ฝันหา
อันความรักแรงคล้ายไฟป่า
ไหม้ใครให้ร้อนชีวา
ทนทุกข์ทรมา สิ้นดี
ก็รู้ยังไม่วาย อยากเจ็บ
จะแตกจะเย็บก็ยังสู้ยอมกายพลี
จะสิ้นชีวิตล้มกองขอลองดูที
อยากจะมีคู่คิดชิดกมล
เช่นฉันเททุ่มใจ เพียงเธอ
สม่ำเสมอหลงคอยละเมอ นานนม
จะแหลกจะยับพับลงเพราะเธอ จะทน
ไม่กังวลข้นแค้นคิดคลอนคลาย
ก็รู้ยังไม่วาย อยากเจ็บ
จะแตกจะเย็บก็ยังสู้ยอมกายพลี
จะสิ้นชีวิตล้มกองขอลองดูที
อยากจะมีคู่คิดชิดกมล
เช่นฉันเททุ่มใจ เพียงเธอ
สม่ำเสมอหลงคอยละเมอ นานนม
จะแหลกจะยับพับลงเพราะเธอ จะทน
ไม่กังวลข้นแค้นคิดคลอนคลาย...
พุด 05 มี.ค. 48 - 09:55 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 3 : หมายเลข 19650
พุดคะ ขอบคุณน้ำใจเพื่อนงดงามเสมอ
ไม่ว่าเมื่อใด
tiki
05 มี.ค. 48 - 12:55 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 4 : หมายเลข 19677
อ่านแล้วครับ....อย่าสับสนอีกเลย มาถึงวันนี้ได้แล้ว......^_^
plaing_piu 06 มี.ค. 48 - 02:33 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 5 : หมายเลข 19679
ขอบคุณคุณเพลงผิว เข้ามาเยี่ยมดึก..ตามเคยนะคะ
เมื่อคืนได้นอนหลับ...เสียที
และ เช้านี้..
เบิกอรุณรับตะวันสีแดงสวยในลมเย็นที่หวน
กลับมาเย็นอีกครั้ง...
บรรยากาศสงบงาม
สมความตั้งใจค่ะ

ขอบคุณค่ะ
เย็นใจและกายในเช้านี้เหลือเกิน
tiki
06 มี.ค. 48 - 08:40 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 6 : หมายเลข 19697
ในช่วงชีวิตของคนๆหนึ่ง ย่อมมีขวากหนามและอุปสรรค ทำให้เกิดวิกฤตต่างๆ .. เพียงแต่ว่า เมื่อเรามีคู่ชีวิตแล้ว คำว่าคู่ชีวิต ย่อมผูกพัน โดยที่เรามีส่วนร่วมไปกับสภาพนั้นๆของเขาไปด้วย หลายสิบปีที่ผ่านมา กับเหตุการณ์หลายๆอย่าง บ่งบอกได้ดี ถึงชีวิตคู่

อัลมิตราคงไม่สามารถแนะนำอะไรมากนัก เพราะด้อยประสบการณ์กว่า เพียงแต่อัลมิตราอยากจะบอกว่า ชีวิตคนเราอยู่กินอิ่มสำราญ ก็ไม่กี่ปีหรอก ไม่ว่าสุขเพราะเงิน หรือ ทุกข์เพราะไม่มีจะกิน มันก็แค่การทดสอบเท่านั้น ค่ะ
อัลมิตรา
06 มี.ค. 48 - 23:05 IP 203.146.98.20


ความคิดเห็นที่ 7 : หมายเลข 19698
คุณ อัลมิตราคะ
บางทีในชีวิตที่เราเคยกับการเดินเดี่ยว
มาตลอด เป็นผู้นำให้ตนเอง และ เป็นผู้นำคนอื่น....วันที่เราผิดพลาด แล้วไม่ให้อภัยตนเอง
เป็นภาพหลอนแห่งศักดิ์ศรีแห่งชีวิต

เหมือนคนเล่นเกม...หมดเวลาเล่น
คงไม่ต้องการต่อเวลาที่รู้อยู่แล้วว่า
ยังไงก็พัง.......

เขาอาจยังเข้มแข็งในวันนี้
แต่วันหน้าเมื่อเราเดินกลับเข้าไป
เราจะเลี่ยงไม่ได้ที่คนของเขาทุกคน
จะชี้หน้าว่า...*คุณน่ะแหละที่ทำมันขึ้นมาทั้งหมด*
เราคงจะไม่รอให้ถึงวันนั้นหรอกค่ะ

ทิ้ง...ก่อนที่เขาจะทิ้งเรา
เราอาจลำบากยากจนสักหน่อย..
แต่ศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้ มันยังมีอยู่...
เชื่อว่า ศักดิ์ศรีเรายังขายกินได้...
ศักดิ์ศรีเรายังขายกินได้...!

คำนี้ใครเขียนไว้นะ นานเหลือเกิน

ว. ณ. เมืองลุงหรือเปล่าไม่แน่ใจ

ขอบคุณที่แวะมาเขียนความคิดเห็นอันมีค่า
ให้ค่ะ

ทิกิ
tiki_4895_unlooged_in 06 มี.ค. 48 - 23:52 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 8 : หมายเลข 19705
สำหรับความรักแล้ว
หากไม่นับพรหมลิขิตที่ขีดเส้นไว้
ก็ไม่เคยจะมีอะไรมากไปกว่า ใจสองใจ

ความรัก มีเท่านี้จริงๆ
Jax 07 มี.ค. 48 - 11:41 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 9 : หมายเลข 19706
ขอบคุณคุณ Jax ที่แวะมาเยี่ยมอ่านกระทู้

เช้านี้ เป็นอีกวันที่ใจสงบมากกว่าเดิม
แม้นว่ามืออาจยุ่งกับ การทำความสะอาด
ทุกซอกมุมที่ไม่ค่อยได้ย่างเหยียบในขณะ
ที่เคยมีชีวิตอื่นอยู่ตรงนั้น

ยังคงขอเวลา...อีกนาน...
ขอเวลา...ที่จะเรียนรู้การอยู่คนเดียว
ที่อาจยุ่งเหยิงหนักหนาสาหัส..
แต่ขอหายใจ
และ ขอหัวใจที่เคยมี..
หัวใจที่มีศักดิ์ศรีเกินกว่าควร
คืนมา...ใต้บ่าอันอ่อนล้านี้

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
tiki
07 มี.ค. 48 - 12:22 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 10 : หมายเลข 19745
เรื่องจริงหรือเปล่าค่ะเนี่ย ทำไมคล้ายกับชีวิตเรามาก ๆ เลย พี่ทิกิ เราก็ภาวนาพระเจ้า..........
..................เมื่อไร.................จะ....................ได้ยินเสียงเราวิงวอน ได้ยินบ้างไหม อยู่กับคนที่รักเรา ทุกคนบอกว่าดี ..............ลองมาเป็นเราบ้างซิ เราเฝ้าแต่คิดถึงคนที่เรารัก มันทรมานมาก ๆ .......ถอนใจ และ ทนทำใจอยู่ทุกกะวันเลย
ทำ มะ ชาด 08 มี.ค. 48 - 17:03 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 11 : หมายเลข 19758
ทำ มะ ชาด
เห็นตัวเลขเปลี่ยนแปลง เลยแวะมาดู
คงไม่สายไปที่จะตอบนะคะ

หัวใจมันว่างเปล่าเจ็บจำ รำลึก
นึกแต่อะไรหนอ...อะไร...ทำไมหนอ..ทำไม
จะต้องเสียอะไรอีกเท่าไหร่ ที่เขาจะพอเสียที
เรายังติดค้างเขาอยู่อีกเท่าไหร่หนอ ชาตินี้...?
4895_tiki 08 มี.ค. 48 - 19:07 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 12 : หมายเลข 19786
*****/********/*********///*******//**
ชีวิตคนเราเนอะพี่ทิกิ มีทั้งทุกข์ สุข หัวเราะ ร้องไห้ .....การตัดสินใจอะไรบ้างอย่างไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดี ความถูกต้อง หรือ ว่าถูกใจ ...........บางอย่างไม่มีโอกาสที่ตัดสินใจทำได้เลย.........จึงต้องทนกันไปอย่างนี้
//*****/*********//*****///****************
ทำ มะ ชาด 09 มี.ค. 48 - 09:02 IP 203.151.217.160


ความคิดเห็นที่ 13 : หมายเลข 19790
อยู่บนตาชั่งแห่งชีวิตจริงๆ
มีเขา มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีเรา
เอาไงดี....ปล่อยไปตามยะถากรรม
แต่ ธุรกิจที่บิดผันนั้นคุณมันช่วยทำให้
บิดเบี้ยวเหลือเกิน เกินจะทน

ขอสงบสติอารมณ์ชั่วคราว
เลิกหวีด เลิกวีน ยิ้ม หน้าผ่องเลยน้อง
ทำ มะ ชาด คะ หน้าผ่องจนเห็นชัดเลย

เขาว่าแล้ว โลกนี้ หาคู่ยาก คู่อยู่บน
สวรรค์น่ะซี น้อง

ขอบคุณที่แวะมานะคะ
tiki
09 มี.ค. 48 - 09:28 IP 203.151.217.160

Copyright ® 2004 All rights reserved.
Thaipoem Dot Com - //www.thaipoem.com
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:14:20:49 น.  

 
 
 
วันนี้เข้ามาเพื่อจะโน้ตไว้ว่า ได้นำเรื่องของตนเองไปไว้ที่ เฟซบุ๊คในนามปากกา ใหม่ ที่ข้าพเจ้าตั้งไว้แล้วค่ะ //www.facebook.com/note.php?saved&¬e_id=154273034649661
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 31 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:20:34 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com