ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
บท ๑๘

บทที่ ๑๘ มาแล้ว ที่พันทิป ฝากด้วยนะคะ





Create Date : 12 เมษายน 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:11:19 น. 18 comments
Counter : 390 Pageviews.  
 
 
 
 
ไม่สะดวกเข้าเว็บมาสองสามวัน

และ ช่วงนี้ก็จะไม่อยู่ ฝากสวัสดีทุกท่านค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:2:46:56 น.  

 
 
 





แวะมาส่งดอกไม้หลากสีสดใสในวันสงกรานต์จ้า

สดชื่น แจ่มใส มีความสุขกับวันหยุดค่ะ







 
 

โดย: เดหลีสีแดง วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:6:55:41 น.  

 
 
 
 
 

โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:9:35:56 น.  

 
 
 
 
 

โดย: shame_of_sins วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:11:02:52 น.  

 
 
 



 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:8:14:23 น.  

 
 
 
 
 

โดย: Charlotte Russe วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:15:27:36 น.  

 
 
 
แวะมาสวัสดีวันสงกรานต์ค้าบ แง๊วววว
 
 

โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:15:56:26 น.  

 
 
 
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:20:41:25 น.  

 
 
 
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:20:47:34 น.  

 
 
 


ฝนตกระวังเป็นหวัดนะคะ
ด้วยความเป็นห่วงค่ะ
 
 

โดย: อุ้มสี วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:16:07:59 น.  

 
 
 



ส้มแวะเอาข้าวหน้าหมูย่าง+ไข่ดาวมาฝากค่ะ

เมื่อไหร่คุณทิกิจะกลับมาคะเนี่ย
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:16:57:49 น.  

 
 
 


มาส่งเข้านอนจ่ะ...

จ๋ง..จั๋ย..หลาบบ...และ...

...นอนหลับฝันดีน้า...
 
 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:1:09:49 น.  

 
 
 
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:11:47:36 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่มาแวะที่บล็อก และ ติดตามนิยายนะคะ ขอบคุณ

Glitter Graphics

Flower Glitters


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:20:50:13 น.  

 
 
 
 
 

โดย: tiki IP: 125.25.53.147 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:1:02:02 น.  

 
 
 
*** นิยาย ๐๐๐ที่ดินผืนนั้น ๐๐๐๐ ภาคสี่ ****** บทที่ ๑๘ กรรม !

บทที่ ๑๘
กรรมโอบล้อม



ต่อมา ในบ้านคุณแม่ของสามีก็มีการเข้ามาของ หลานสาวมีตำแหน่งเป็น
นางงามต่างจังหวัดอะไรคนหนึ่งของท่าน ที่ข้าพเจ้ารู้ด้วยจากกิริยาอาการของ
คุณแม่ท่านเสมือนหนึ่งว่า
"เตรียมไว้ให้ลูกชาย"
นอกจากจะบอกทั้งด้วยสายตาและท่าทางเย้ย ๆ อย่างไรพิกลบ่อย ๆ
แล้วท่านยังเอ่ยเปรยให้ได้ยินหลายครั้งว่า เขาผูกพันสัญญากันกับผู้หลักผู้ใหญ่
ไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิดกันด้วยซ้ำไป !

สามีข้าพเจ้านั้น พอกลับถึงบ้าน ก็ลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้า
แล้วขึ้นไปนั่งดูทีวีบนบ้านใหญ่ ช่วงคุณน้องสาวญาติเขามา
นั้น ข้าพเจ้าผ่านออกไปดูที่พวกญาติทั้งหลายของคุณสามี นั่ง
ดูทีวีเฮฮากัน คุณสามีนั้นเวลารับประทานข้าว ได้ยินเสียง
คุณแม่สามีท่านสั่งให้ "คุณน้อง" นั้น ตักข้าวให้เขา ตักกับให้
เขา เสิร์ฟน้ำให้เขา และพอเวลานั่งดูทีวีอีกห้องนั้น เธอก็นั่งอยู่ปลายเท้าเขานั่นเอง !

จากนั้น ก็ดูเหมือนเป็นความพยายามของท่านอีก ที่จะ
ให้นิคกี้นั้นไปฝากงาน"คุณน้อง"กับคนในบริษัทฯของเขา
เพื่อให้ "คุณน้อง" นั้นได้ไปทำงานด้วยกัน นึกภาพว่า
เช้าเธอก็ไปด้วยกับรถเรา เย็นก็ต้องกลับด้วยค่ำก็ป้อนข้าว
กันอยู่บนเรือนใหญ่ นั่งดูทีวีอยู่ปลายเท้า ก็พอทนอยู่
ข้าพเจ้าฮื่ม ๆ อยู่ในใจ เสมอ แต่พอเรื่องหางานให้ ก็ยื่นคำ
ขาดว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรา พูดตรงประเด็นกับคุณสามีเลย
ว่า ไม่ต้องการให้นั่งรถไปด้วยกัน เกิดวันไหนลูกเต้าป่วย
เจ็บเข้าโรงพยาบาล สองคนก็นั่งไปมา ต่อไปจะสนิทสนม
เกินเหตุ เห็นทีจะรับไม่ได้

เธอก็เลยไปทำงานกับญาติคุณแม่สามีที่ไม่ไกลบ้าน
นัก คุณแม่ท่าน จะยอมแพ้ก็หาไม่ เห็นช่วงที่ข้าพเจ้า ถือศีล
ปฎิบัติธรรมอยู่บ่อย ๆ วันหนึ่งก็เดินมาพูดกับข้าพเจ้าว่า

" ถ้าจะปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิให้ดีใกล้ ๆ สำนักอาจารย์
นั้น เธอก็น่าจะไปหาหออยู่เสียแถวนั้นท่าจะดีกว่า จะได้
ปฏิบัติธรรมได้บรรลุไปไง "

อืมม์ ข้าพเจ้ารู้เล่ห์เหลี่ยมลูกไม้นี้ดี
เข้าใจหาเรื่องไล่ออกจากบ้านทางอ้อมดีเชียวนะ
เพราะหลายหนที่ ท่านมักมาหยิบไม้กวาดกวาดใบไม้อยู่ข้าง
เรือน มักชอบ ไล่"สุนัข"หรืออะไรแถวนั้นก็ไม่ทราบ ทำเสียง
ดังลั่นเข้ามาในเรือน

" ไป ไป๊ มาทางไหน ก็ไปทางนั้น ไป๊ "

เอ..ฟัง ๆ ดู มันไม่ใช่ไล่สุนัขนะนั้น ท่าทางจะไล่คนที่อยู่ในเรือนไม้ข้างล่างนั้นมากกว่า

ข้าพเจ้าใช้วิธี เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับท่าน ใน
ระหว่างอยู่ที่นั่น ยึดมั่นหน้าที่ตัวเอง คอยดูแลลูกสาวและ ลูก
ชาย ทั้งสองคน ให้ดีที่สุด พอมีเวลาก็ไหว้พระสวด
มนต์ แผ่เมตตาอยู่เป็นประจำ
ส่วน"คุณน้อง"หลานสาว นั้น เธอก็มีพี่สาวอีกคน
ที่เคยอยู่ที่บ้าน ก็ดูซุบซิบกันอยู่เสมอ ทว่าข้าพเจ้านั้นก็ได้
สาวใช้มาอีกสองคนจากอีสาน มาช่วยดูลูกคนละคน จากนั้น
เมื่อสองคนนั้นลาออกไปทำงานที่บ้านคุณแม่ข้าพเจ้า ก็ได้
อีกคนมาแทน คนหลังนี้ มักแอบมาบอกข้าพเจ้าเรื่องพี่น้อง
สองคนนี้ แอบคิดจะทำอะไรกับข้าพเจ้าบ้าง อยู่เสมอ

ดังนั้น เราจึงต้องมีเกมแมวไล่หนูกันอยู่เรื่อย ๆ
ความที่บ้านติดกันแค่หลังคาเพิงต่อกัน อะไร ๆที่เขาเฮฮากัน
ในครัวก็ดังถึงหูข้าพเจ้าให้ได้ยินสม่ำเสมอ อะไรที่เขานินทา
ข้าพเจ้าก็ได้ยินทั้งนั้น บางครั้งก็ร้อนใจ บางครั้งก็ร้อนหู

แต่นิสัยส่วนหนึ่งที่สำคัญของข้าพเจ้าคือแม้นว่าจะ
เป็นนักคิด นักเขียน แต่ไม่ค่อยพูดมาก ยิ่งถือศีลไว้ใน
ใจ ยิ่งไม่ค่อยพูดคำหยาบ พูดโกหก พูดเพ้อเจ้อ นานๆ อาจมีประชดกระทบนิดหน่อย แถมมีหลักการคิดดีที่หลวงพ่อ
เสือฯ พระวิรุณหผล วัดไผ่สามกอ ซึ่งข้าพเจ้าได้ไปฟังธรรม
จากร่าง ฯ ท่านให้ไว้ ว่าเวลาได้ยินใครเขาพูดไม่ดี ทำไม่ดี
ให้รีบ "กำหนด" ไว้ในใจเลยว่า
" เจ้าประคู้น บุคคลนี้กำลังทำกรรมไม่ดีข้าพเจ้าขอ
อธิษฐาน เกิดชาติใดฉันใด อย่าได้เป็นคนไม่ดีอย่าง
บุคคลนี้เลย"

แต่บางครั้งก็หลุดได้เหมือนกันหากโทสะคือความโกรธ
นั้นเข้าแทน

แต่ช่วงนั้น วิบากกรรมมีจริงเพราะลูกชายเกิดป่วย
เป็นโรคหอบแพ้ตัวไรในฝุ่นบ้าน ซึ่งน่าจะมีมากมายจากการ
ที่เรือนไม้ล่างนั้นเคยเป็นที่เลี้ยงกระต่าย เลี้ยงไก่ ลูกชาย
ข้าพเจ้าก็หอบเป็นประจำ ข้าพเจ้าก็ต้องนำส่งโรงพยาบาล
เข้าอ๊อกซิเยน ให้น้ำเกลือ นอนที่โรงพยาบาล วิภาวดีบ้าง
นนทเวชบ้าง บ่อยมาก และข้าพเจ้าก็ต้องไปนอนเฝ้าลูกชาย
ทิ้งลูกสาวไว้ที่เรือนอยู่อย่างนั้นบ้าง บางครั้งก็ต้องพาเธอไป
ฝากที่บ้านคุณแม่

มีคืนหนึ่ง ที่สามีบอกว่า ไปงานเลี้ยงที่บริษัทฯ และ
กลับดึก ข้าพเจ้ามองดู เห็นลูกชายนอนหลับในเตียงที่โรง
พยาบาล โทรฯถามไปที่บ้าน ตีสองยังไม่มีคนรับสาย ก็เลย
ขับรถกลับไปที่บ้านฯ ระหว่างลงไปกดกริ่งเรียกให้คนใน
บ้านมาเปิดประตูนั้น แต่ภาพที่เห็นคือ "คุณน้อง" เปิดประตู
เรือนไม้ของเรานั้นออกมา และ คุณสามีข้าพเจ้ากำลังอยู่ใน
ห้องน้ำ เพราะได้ยิน เสียงกดชักโครก
" คุณน้อง" เดินมาเปิดประตูรั้วให้ข้าพเจ้าขับรถ
เข้าไป ส่วนเขากำลังตามออกมาจากบ้านเรือนล่าง ข้าพเจ้ามองภาพดังกล่าวแล้วสอบถามเขาว่าทำไมถึงกลับจากงาน
เลี้ยงจนดึกขนาดนั้น เขาซึ่งกำลัง อารมณ์แสนดีกับการไป
ผ่อนอารมณ์มา ก็ไล่ให้ข้าพเจ้ารีบกลับไปเฝ้าลูกชายที่โรง
พยาบาล และเขาก็เข้านอน !!"คุณน้อง" นั้น เดินกลับไป
เรือนใหญ่ !! ภาพที่เห็นเป็นปริศนาคาใจข้าพเจ้ามาหลายปี

: tiki_ทิกิ - [ 11 เม.ย. 51 23:42:30 ]

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:11:42:22 น.  

 
 
 
ต่อ) ๑

ในคืนหนึ่งที่โรงพยาบาลนนทเวช ขณะที่ลูกชายซึ่งยังเล็กมากนั้นป่วยอยู่ ข้าพเจ้าเฝ้าเขาอยู่คนเดียวที่โรงพยา
บาลทั้งคืนอย่างนั้นเป็นประจำ แต่คืนนั้น อาการเขาไม่สู้ดี
นัก อีกอย่างพ่อเขาก็ไม่เห็นแวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล
อย่างเคย รู้สึกห่วงผิดปกติ จึงอุ้มเขาออกจากเตียงคอกคน
ป่วย พร้อมเข็นไม้แขวนสายน้ำเกลือมาด้วย อุ้มเขาลงมา
นอนในอ้อมแขนข้างซ้าย เอามือล็อคคอเขาไว้ กันไม่ให้เขากลิ้งตกไปจากที่นอนเฝ้าไข้
แล้ว เกิดเคลิ้ม ๆไปใกล้จะหลับมิหลับแหล่ ข้าพเจ้าก็เห็น"พระสามชาติ" อันมี พระจีน ใส่ชุดอย่างพระจีนยาว สี
เหลืองอ่อน ๆ พระฝรั่งสวมเสื้อคลุมตัวยาว ปิดคอสีขาว และ
พระสงฆ์ไทยในชุดจีวรสีเหลือง สามองค์นั้น ลอยมาจากผนัง
ห้องทางปลายเตียงเฝ้าไข้ที่ข้าพเจ้านอนอยู่และเอื้อมมือมา
ทางลูกชายที่นอนในแขนนั้น อาการที่ทำนั้น "สงบ แต่ คาด
โทษ"เอาพอสมควร ทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่นเป็นที่สุด

รู้ตัวว่ากำลังยกแขนข้างซ้าย ล็อคตัวลูกขึ้นแน่นกว่าเดิม
และ มือขวานั้น ยกห้าม เป็นมือแบไปข้างหน้า ปากร้องว่า

"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ให้ ไม่ให้เอาลูกไป "

แล้วลืมตาตื่นขึ้นทันควัน ในท่านั้น อย่างที่ข้าพเจ้า
จำแม่นยำมาถึงวันนี้ ว่า เมื่อเขาหายจากอาการป่วยครั้งนั้น
ข้าพเจ้าได้กลับไปเฝ้าทรงครั้งหนึ่ง ได้ถามท่านเทพพรหม
องค์นั้นว่า เกิดอันใดขึ้นถึงได้มีพระถึงสามชาติมาอย่าง
นั้น ท่านตอบข้าพเจ้าว่า

"เจ้าสองคนทะเลาะวิวาทกัน เลี้ยงเขาไม่ดี เบื้องบน
เขาก็จะเอาลูกเขากลับไป "

ข้าพเจ้า ฟังแล้ว สะดุ้ง พอนึกถึงชีวิตลูกทีไร ก็ว่าจะไม่
วิวาทกับพ่อเขาเรื่อง หญิงใด ๆ ที่มีกระเซ็นกระสายมา แต่ก็
อดไม่ได้อีก
หลายครั้ง มันแค้นจน อดไม่ได้ ต้องน้อยอกน้อยใจหา
เรื่องเขาจนได้


มีอยู่วันหนึ่ง ซึ่งพอมีเวลาไปนั่งกินอาหารนอกบ้านด้วย
กัน ข้าพเจ้ายิงคำถามตรง ๆ ไปที่เขาว่า

"พ่อ การที่ แม่ มีลูกแซนดี้มาแต่งงานกับพ่อนี่ เป็นที่
น่ารังเกียจมากนักหรือ ?"

นิคกี้ มองหน้าข้าพเจ้าแล้วตอบคำถามนั้นอย่างไม่ลังเล
ว่า

"ใครบอก พ่อ จะบอกแม่ให้ฟังให้ดี ๆ นะ"

นับแต่แต่งงานกันมา และ ต้องเรียกลูกมาหาแม่มาหา
พ่อกันอยู่เป็นประจำ เราจึงต่างเรียกตัวเองเป็น พ่อ และแม่
กันไปเลย แทบจะไม่ได้เรียกชื่อของอีกฝ่าย ยกเว้น เวลา ข้าพเจ้าฉุน ๆ จะเรียกเขาว่า "คุณนิค"ลองเรียกอย่างนั้นเมื่อ
ไหร่ นิคจะฉุนกึ้กว่าประชดเขาทำไม และจะโกรธถึงแก่สั่ง
ให้ข้าพเจ้าเรียกเหมือนเดิมให้ได้ยินเดี๋ยวนั้น

"จำไว้นะว่าที่พ่อแต่งงานกับแม่ ก็เพราะเห็นแม่น่ะ
ดูแลลูกดีมาก ทั้งพ่อก็ รักแม่มาตั้งแต่พ่อเห็นแม่พบแม่มา
ตั้งแต่อายุ สิบสาม นะ รักมานานหลายปี แอบมองแม่เวลานั่งรถกลับบ้านปากเกร็ด ก็บ่อย แอบไปดูแม่ที่มหาวิทยาลัยก็
หลายครั้ง ยิ่งมาเห็นแม่ดูแลลูกแซนดี้อยู่คนเดียว ยิ่งสงสาร
มาก และยิ่งรักเธอ มากกว่าเก่า หากไม่มีลูกสิ คงจะไม่อยาก
แต่งงานด้วยหรอก "

เป็นคำตอบที่ให้ความเห็นใจ และให้ความกระจ่างแก่
ข้าพเจ้าในช่วงเวลานั้น

ข้าพเจ้าทนทุกข์ทรมาณกับการเจ็บป่วยของลูกทั้งสอง
ซึ่งสลับกันป่วย และ มีปัญหาจากการบีบคั้นอันถือว่าเป็น
อกุศลวิบากแก่การทำงานทำการซึ่งกำลังรุ่งโรจน์อยู่

คุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 เม.ย. 51 23:58:54 ]


~~~~~~~~~ ~~~~~~~~~~~~~~

บทที่ ๑๘ กรรมโอบล้อม
(ต่อ) ๒

ว้นหนึ่ง ขณะที่อยู่ที่ทำงานที่ถนนคอนแวนต์นั้น คุณแม่
สามีก็โทรศัพท์ไปหาข้าพเจ้าวุ่นวายว่า ลูกสาวข้าพเจ้า กำลัง
ร้องไห้ ปีนประตูหน้าบ้านจะไปหาแม่ ข้าพเจ้าทิ้งงานทุก
อย่างลงผลุง ผลุนผลันขับรถข้ามทางด่วนกลับไป ทันได้
อุ้มลูกซึ่งทำหน้าตา "มุ่งมั่นอย่างหนัก " ที่จะพบแม่ให้ได้ใน
วันนั้น

ข้าพเจ้าอุ้มหนูน้อยขึ้นมา โอบลูกไว้อย่างสงสารและ
เห็นใจสุดซึ้ง เฝ้ากอดและหอมแก้มซึ่งดูสลด และ ดึงดันผิด
ปกติ หน้าตาที่ "มุ่งมั่นอย่างหนัก" นั้นเหมือนการประกาศ
ให้ทุกคนรู้ว่า

"ฉันน่ะเป็นคนที่แม่ฉันรักนะ และ แม่ฉันจะรักฉัน
ไม่เหมือนพวกเธอหรอกที่ทำกับฉันอย่างนี้ "

พวกเขาจะทำอะไรแก่จิตใจน้อย ๆ ของลูก ข้าพเจ้าคง
ไม่สามารถไป นั่งทางในย้อนไปดูได้ พวกเขาจะระดมถ้อย
คำอันเสมือนยาพิษอย่างใดใส่ไปในจิตใจลูกขนาดที่ลูกผู้ยัง
เล็กน้อยเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์นั้นเจ็บปวดร้าวในใจจนไม่อาจจะทนอยู่ได้


ในใจนั้นกล่าวคำขอโทษลูกที่บรรยายเป็นถ้อยคำไม่
ออก
เด็กน้อยอายุสี่ห้าขวบ อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ได้
ว่า หงุดหงิดวุ่นวายใจเรื่องอ้นใด แต่ข้าพเจ้าสัมผัสได้ว่า เธอ
ต้องถูกดุด่าว่าตวาดอะไรสักอย่าง..เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าเคย
เห็นเธอโดนคุณพ่อเขาที่หน้าบ้านใหญ่เคยตวาดใส่มาต่อ
หน้าข้าพเจ้ามาแล้ว.ซึ่งจะทำให้เธอ เจ็บปวดหัวใจ จนไม่
อยากที่จะอยู่บ้านนั้นในเวลานั้น และ ปีนรั้วออกไปเพื่อจะ
ไปหาแม่ให้ได้

จนทำให้คืนนั้น ข้าพเจ้าหลุดความรู้สึกนั้นออกมา
เป็นกาพย์ชนิดหนึ่ง บันทึกไว้ในกระดาษนอกเหนือไป
จากลายมือโย้เย้สารพัดหมึกสารพัดสีที่ได้บันทึกไว้..และถูก
เผาทิ้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านไปแต่กระดาษที่บันทึกกาพย์นั้นไว้
ยังอยู่ และ ข้าพเจ้านำไปเขียนลงใน Thaipoem.com ใน
หน้ากระทู้กลอนไว้ นานแล้ว ดังที่เขียนเกริ่นไว้ครั้งก่อน แต่ขออนุญาตไม่นำมาลงที่นี่

อย่างที่ข้าพเจ้าได้เล่าไว้ว่า ข้าพเจ้ายกลูกสาวให้
เป็น"ลูกองค์พรหม" การไปตีไปดุด่าว่าลูกนั้นเป็นเรื่อง
ใหญ่ทุกที เธอถึงขนาดเป็นไข้ตัวร้อนเหยียบ ๑๐๔ องศา
ไม่สบายอยู่เรื่อย ไข้ขนาดนี้หาก ถึง ๑๐๕ องศาเมื่อใด เด็กคนนั้นอาจชักและ ตายไปได้ง่าย ๆ เด็ก ๆ สองคนนี้ ต้องไป
พบแพทย์ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนตามระยะเวลาอยู่แล้วเป็นประจำ

ในฐานะแม่ ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้องดูแลลูกป่วยทุก
ระยะ และนั่นเป็นสาเหตุให้ เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงต่อมา

: tiki_ทิกิ - [ 12 เม.ย. 51 00:04:48 ]






 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:11:51:13 น.  

 
 
 
บทที่ ๑๘
กรรมโอบล้อม
(ต่อ) ๓


มีครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้า ต้องไปนอนเฝ้าเธอที่โรงพยาบาล
กรุงเทพคริสเตียน และ หมอก็ไม่อาจหาสาเหตุได้ว่า เธอ
ป่วยเป็นอะไร ไข้ถึงขึ้น๑๐๔ องศาฟาเรนไฮต์ อยู่ถึงสามวัน นอนซมอยู่อย่างนั้น

แถมเมื่อข้าพเจ้าเดินไปใกล้ตัวเธอ เธอกลับพลิกตัว
เข้าไปสุดเตียงแล้วร้องกรี๊ด กรี๊ด ไม่ให้ข้าพเจ้าจับตัวเด็ดขาด

ข้าพเจ้าไม่รู้จะทำอะไร จะถามใครว่าเกิดอะไรขึ้นกับ
ลูก จำต้องจุดธูป ๓๒ ดอก ถวายพระพรหมบนระเบียงห้อง
คนไข้ หน้าโรงพยาบาล ที่หันไปทางถนนสีลม แล้วขอขมา
กรรมที่นั่น จากนั้นก็โทรศัพท์ไปถามที่สำนักท่านอาจารย์ ส.
ณ บางพลัด ได้ยินว่าคืนนั้น ท่านจะลงทรงพอดี จึงขับ
รถไปทันที โดยฝากลูกไว้กับพยาบาลชั่วคราวก่อน

เมื่อข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพร้อมด้วยพานพวงมาลัยธูป
เทียนนั้น องค์พรหมธาดาท่านลงทรงในคืนนั้น ท่านมองหน้าข้าพเจ้าแล้วพูดทันทีว่า

"เราไม่ใช่ลิง.."

ข้าพเจ้ารู้สึกงงในขณะนั้น แต่ก็เข้าใจทันทีด้วยประโยคต่อไปของท่าน

"เจ้าดุว่า ลูกเจ้าซนเหมือน 'ลูกลิง'
...............เราไม่ใช่ลิง "

.. เขาถึงว่า อย่าได้ยกลูกไปให้เทพให้พรหมเพราะจะไปแตะต้องเขาไม่ได้ ก็เห็นได้จากกรณีของ แซนดี้ลูกสาว
ข้าพเจ้านี้เอง ข้าพเจ้าก้มลงกราบขอขมา และขอต่อองค์ท่านว่า

" ขอให้เธอหายป่วยหายไข้ด้วยเจ้าค่ะ ลูกขอขมาพระองค์ท่าน เพราะลูกสาวซนและดื้อมากเหลือเกินค่ะ "

"ลูกยังเล็กนัก เจ้าอย่าดุด่าว่าเขาให้มากให้โตกว่านี้
หน่อยค่อยอบรมสั่งสอน..โตขึ้นแล้วก็จะดีเอง "

ท่านทิ้งท้ายไว้ โบกมือให้ข้าพเจ้าออกไปให้คนอื่นเข้า
แทน

เมื่อกลับไปถึงโรงพยาบาล ไม่นานนัก อาการไข้ของ
ลูกก็ลดลง โดยในใบตรวจของแพทย์ก็ไม่พบเชื้อโรคอันใด
แต่เป็นไข้ตัวร้อน หมอจึงโน้ตไว้ว่า อาจมีไวรัสบางตัวที่
กระทบกระเทือนทำให้ตัวร้อน อะไรทำนองนั้น และ ก็ให้พา
เธอกลับบ้าน ให้เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพไปหลายอย่าง

องค์พรหม ฯ ท่านเตือนข้าพเจ้าเรื่องดูแลเลี้ยงลูกมา
หลายครั้ง ข้าพเจ้าจดจำไว้เสมอว่า ยกลูกไปให้ท่านแล้ว
เสมือนหนึ่งเรากำลังเลี้ยงลูกของเทพพรหมฯ อยู่ นอกจาก
จะเลี้ยงดูตามหนังสือตำรา"รักลูก" เป๊ะ ๆ แล้ว ยังต้อง
'ยกย่องเชิดชู'ไว้ในใจอีกด้วย อีกทั้ง หากมีเรื่องอันใดที่
คับข้องใจ ข้าพเจ้าจะต้องจุดธูปกราบเรียนท่านเสมอไป แล้ว
เรื่องก็จะหายไป อะไรที่ว่าจะร้ายแรงก็บรรเทาเบาบางลง
ได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา

บางครั้งที่ข้าพเจ้ามีเวลาได้เข้าไปกราบพระอาจารย์ ส.
ณ วัดชนะสงคราม พระอาจารย์ท่านดูดวงข้าพเจ้าแล้วบอก
ว่า

" คุณโยมไม่ต้องกังวลใจไปดอก ลูกทั้งสองมาจากที่ดี
ต่อไปจะเป็นคนดี ได้ดีแน่ ๆ อย่ากังวลใจ ขอให้คุณโยม
ยึดเรือนสามน้ำสี่ไว้ให้ดี ๆ ตั้งอกตั้งใจทำหน้าที่ภรรยาที่ดี
เป็นแม่ที่ดีไว้ให้มั่น ในที่สุดก็จะดีเอง"

ครั้นถามเรื่องที่เรื่องทาง ท่านก็บอกว่า

" อีกหน่อยก็มีบ้านของตัวเอง ไม่ต้องกังวลใจไป
ในอนาคตข้างหน้าคุณโยมก็จะได้รับมรดกที่ดินถึงสองครั้ง
ด้วย จะมีบ้านหลังใหญ่ ๆ อยู่ ไม่ต้องห่วงดอกคุณโยม"

ทุกครั้งที่รู้สึกแย่ ๆ พระสงฆ์องค์เจ้าท่านก็ให้คำแนะ
นำชีวิตที่ดี ๆ ทำให้รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเสมอ


(จบบทที่ ๑๘ )
: tiki_ทิกิ - [ 12 เม.ย. 51 00:32:42 ]


%%%%%%%4 %%%%%%%%%%%%%



#6 ....ภาคสี่ ที่ดินผืนนั้น บทที่ ๑๗ ..
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6495102/W6495102.html

และ บทนี้
# 7 ภาคสี่ นิยาย ที่ดินผืนนั้น บทที่ ๑๘
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6509777/W6509777.html



# 8

เพิ่งหาตอนนี้ของคุณทิกิเจอค่ะ ก็เลยเพิ่งได้อ่าน
ฝันน่ากลัวจังค่ะ เล่าได้เห็นภาพเลยค่ะ
: กุลธิดา (kdunagin) - [ 11 เม.ย. 51 10:53:28

ปกติ ข้าพเจ้าไม่ค่อยมีเวลาคิดเรื่องส่วนตัวสัก
เท่าใดค่ะคุณ กุลธิดาคะ แค่เรื่องงานการที่ต้องดูแลลูกค้าโฆษณาหลายบริษัทนั้นก็ยุ่งเต็มทีแล้ว แต่พอเกิดเหตุ
การณ์อะไรต่อมิอะไรมาก ๆ ที่หาคำตอบไม่ได้ ก็มักจะฝัน
ถึง "ร่องรอย "อะไรบางอย่างเสมือนเป็นเหตุ เป็นผล อะไร
ที่ยังเกิดมาอีกหลายครั้ง บางครั้งก็เรียกฝันนั้นว่า"เทพ
สังหรณ์ " แต่หลายครั้งก็อาจเป็นเพราะอาหารไม่ย่อยหรือ
เครียดจากจิตใต้สำนึกก็เป็นได้ แต่ที่บันทึกไว้นี้ เฉพาะ
เสมือนเทพสังหรณ์ ให้ได้อ่านกันค่ะ

ขอขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมอ่านบทเก่านะคะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านนะคะ
จะไม่ค่อยอยู่ที่พัก สักพักค่ะ อาจไม่ได้เข้าตอบ มีอะไรโพสไว้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
: tiki_ทิกิ - [ 12 เม.ย. 51 00:40:44 ]

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมมาอ่านนิยายที่บล็อก
นี้ต่อนะคะ
Glitter Graphics

Flower Glitter




 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:12:03:08 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com