ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
บท ๓๔ *ดิ้นรนขวนขวาย *

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

บทที่ ๓๔
ดิ้นรนขวนขวาย



บทที่ผ่านมา
(ภาคหนึ่ง บทที่ ๑-๘ )
//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html
ที่บล็อกแกงก์
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=16-03-2008&group=7&gblog=1
บทที่ ๓๓ ที่มา
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6645036/W6645036.html
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ


~~~~~~~~~~~~~~~~~~%%%%%%%~~~~~~~~~~~~~~




Create Date : 08 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 18:13:02 น. 12 comments
Counter : 370 Pageviews.  
 
 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

บทที่ ๓๔
ดิ้นรนขวนขวาย


ก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าจะไปซื้อคอนโดนั้น สามีกับข้าพเจ้ามักมีเรื่อง
ระหองระแหงกันอยู่เป็นประจำ ยิ่งไปอยู่ตึกปทุม ฯ ต่อมา ข้าพเจ้าไม่ได้ทำ
งานแล้ว เงินทองฝืดเคือง แต่จะให้นั่งอยู่ที่ตึกทุกวันไม่ทำอะไรคงเป็นไป
ไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงพยายามมาแวะลงที่บ้านคุณแม่ทุกวันเพื่อจะหาหนทาง
ทำมาหากินอะไรบ้าง ไปโน่นไปนี่กับเพื่อนสาวอันเป็นหุ้นส่วนคุณสามีบ้าง
ก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าจะได้ขายบ้านห้าสิบสามไปนั้น ยังมีคดี บัตรเครดิตต่าง
ชาติสองใบฟ้องร้องเราด้วย ทำให้คุณสามีต้องไปจ่ายค่าบ้ตรเครดิตแทน
ข้าพเจ้า แล้วเขาก็โกรธเกรี้ยวไม่ให้ข้าพเจ้าใช้บัตรเครดิตใบไหน ๆ อีกทั้ง ๆ
ที่บัตรเหล่านั้น ข้าพเจ้าก็ได้มาเพราะเครดิตในการทำงานที่บริษัทเก่า ๆของ
ข้าพเจ้า แต่มันไปล้มเสียหายก็เพราะหมุนเงินสดจากบัตรไปจ่ายค่าบ้านและ
หมุนจากอีกบัตรไปจ่ายอีกบ้ตรกันอย่างนั้นทำให้มีป้ญหาพัวพันกันมา

ต่อเมื่อขายบ้านขายช่อง จนไปซื้อตึกใหม่ เขาก็ยังมีกระเซ็น
กระสายต้องจ่ายต่อมา แต่ข้าพเจ้าก็ต้องใช้หนี้ให้เพื่อนสาวหุ้นส่วนที่เขาหมุน
เงินมาใช้อีกนับเกือบสองแสนด้วยเหมือนกัน ทำให้ปีต่อมา ก็ถึงคราข้าพเจ้า
จะต้องขัดสนไม่ค่อยมีเงินใช้อีก

แต่ละเช้าเมื่อเขามาส่งที่หน้าบ้านคุณแม่ ข้าพเจ้าจำท่าทีเขาพูด
โทรศัพท์ไปยิ้มไปกับใครต่อใครไม่รู้ หลังจากที่ส่งข้าพเจ้าแล้วมักขับรถถอย
ออกไปแล้วไปพูดโทรศัพท์อย่างนั้นก่อนจะออกรถไปทุกที

ข้าพเจ้าจึงเดินไปเตือนเขาว่า ยังไม่ได้ให้ เงินข้าพเจ้าสำหรับติด
ตัวใช้วันนี้เลยนะ
โอย พระเจ้าช่วย เขาหยิบธนบัตรใบละยี่สิบบาทมาหนึ่งใบแล้ว
ปาใส่หน้าข้าพเจ้า...


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้าจำได้ว่า เดินเข้าไปในบ้านคุณแม่ ตรงส่วนที่เป็นห้องรู
ที่ข้าพเจ้ายังมีสิทธิ์อยู่อีกห้องหนึ่งนั้น..พยายามหาทางหมุนโทรศัพท์เพื่อ
ติดต่อทำงานจนที่สุดแล้ว มี เครื่องดื่มสมุนไพรที่เป็นบริษัท ไดเร็คท์เซล
ได้นัดให้ข้าพเจ้าไปลงทุนซื้อสินค้าเขาไปขาย คนที่ติดต่อด้วยเป็นชาว
มาเลย์เซีย ซึ่งเรียกตัวเองว่า "เจอรี่"

ข้าพเจ้าถามว่า ต้องใช้เงิน โหลแรกนั้นเท่าไหร่ เขาบอกว่า
ข้าพเจ้าจะไปขายได้สัก โหลละ หมื่นกว่าบาท แต่ครั้งแรก ทดลองซื้อที่ครึ่ง
โหลไปทำตลาดดูก่อน ข้าพเจ้าตอบว่า ตอนนี้ ทั้งตัวมีแค่หกร้อยบาท
แต่สิ้นเดือนคงจะมีเงิน แต่มีเช็คธนาคารที่ใช้อยู่

ข้าพเจ้าไปกราบเท้าแม่...อีกครั้ง ขอเงินคุณแม่มา หกร้อยบาท
เพื่อเป็นศิริมงคล แล้วก็ขึ้นรถไปที่ถนนรัชดาภิเษกแถวสี่แยกที่ทะลุไป
ห้วยขวางขึ้นไปบนตึกที่ทำงานของบริษัทเขา ไปนั่งฟังเขาบรรยายสรรพคุณ
ของเครื่องยาจีนสิบสี่ชนิดในขวดเดียวกัน ที่ผลิตในประเทศแคนาดา จาก
นั้น ก็ใช้เครดิต เซ็นเช็คให้เขาหมื่นกว่าบาท เบิกสินค้ามาหนึ่งกล่องหนึ่งโหล
และ ไปที่บริษัทคุณสามี บอกเขาว่า ข้าพเจ้ากำลังจะขายสินค้าตัวนี้ ขอให้
เพื่อนเขาคุณหุ้นส่วน ช่วยซื้อเป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าสักขวด

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าก็ทำแผนธุรกิจ ด้วยการไปหาลูกสาวคุณป้า
และ ใครต่อใคร รวมทั้ง"คุณดา" เพื่อนเก่าคุณสามีที่เคยติดตามสามีของเธอ
ไปเรียนเมืองนอกด้วยกัน "คุณดา" อยู่ไม่ไกลบ้านคุณแม่นัก ข้าพเจ้า
ชักชวนให้เธอทดลองซื้อรับประทาน แค่สองสามวันข้าพเจ้าก็ขายเครื่องดื่ม
สมุนไพรนั้นจนหมดสิบเอ็ดขวด ขวดที่สิบสองเป็นของข้าพเจ้าที่ทดลอง
ดื่มเป็นส่วนที่ได้จากกำไรยอดขายนั้น

ข้าพเจ้าเริ่มทำธุรกิจเครื่องดื่มนั้น อย่างขะมักเขม้น ดวงกำลัง
เริ่มดีขึ้น คุณสามีก็ค่อยหายเคืองที่ข้าพเจ้าไม่ทำอะไร คอยให้กำลังใจ(เป็น
เหมือนกัน) ทำให้ข้าพเจ้าคิดทำการใหญ่ ออกยอดแขนงงานชักชวนใครต่อ
ใครมาเป็นลูกทีม และ ได้พบรุ่นพี่เพื่อนเก่าสมัยอยู่หอซีมะโด่งอยู่คน คือ
"พี่พีท "
พี่พีท นั้นดีใจหาย เมื่อรู้ว่าข้าพเจ้ากำลังทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องชีวิต
ทั้งงาน ทั้งลูก ทั้งสามี ทั้งเริ่มซื้อคอนโดเพื่อจะทำเป็นที่ทำมาหากินด้วย
พี่พืทรู้สึกสงสารข้าพเจ้า ที่กำลังตกอยู่ในสภาพแทบสิ้นไร้ไม้ตอก ก็ให้
ข้าพเจ้ายืมเงินเป็นแสนมาไว้ลงทุน ส้ญญาก็เป็นทะเบียนรถของข้าพเจ้าที่ไป
มอบให้พี่พีทไว้ และ ให้ส่งดอกเบี้ยแกทุกเดือนเข้าบัญชีธนาคารให้

การทำงานดังกล่าวทำให้ข้าพเจ้ามีรายได้หมุนเวียนเข้าบัญชี
เช็ค และเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงรายได้เพื่อการซื้อคอนโดในครั้งนั้น
ด้วย ช่วงนั้นเผอิญ หมดยอดขายเตรียมยอดใหม่หลังตุลาคม เพราะ
ข้าพเจ้าทำยอดได้ครบหลายโหลในช่วงนั้นแล้ว เงินของพี่พีทเธอก็อยู่เก็บ
ในธนาคาร สำรองไว้เพื่อการทำการหมุนเวียนซื้อสินค้าจำนวนมากต่อไป


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:11:23:47 น.  

 
 
 
สวัสดีวันอาทิตย์ขอรับท่านทิกิ
 
 

โดย: คนสาธารณะ IP: 124.121.9.223 วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:11:31:59 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๔ (ต่อ ๑)
ดิ้นรนขวนขวาย
วิเคราะห์วิบาก

แต่มนุษย์เรา ความโลภมักเป็นมารผจญชีวิต
"คุณดา" เพื่อนเก่าจากอเมริกาของคุณสามี ซึ่งอยู่แถวบ้าน
คุณแม่ข้าพเจ้า ก็เกิดมาพูดให้ฟังว่า ข้าพเจ้าจะเก็บเงินไว้
ทำไม สามสี่เดือนอย่างนี้ นำไปให้เธอไปปล่อยกู้รายเดือน
ได้ดอกเบี้ยเดือนละเกือบสิบเปอร์เซ็นต์ดีกว่า

ข้าพเจ้ามันคนหูเบาจริง ๆ พอเธอแนะนำ
ทางอันรุ่งโรจน์ดังนั้น ก็เชื่อนัก ถึงแก่พาเธอไปที่ธนาคาร
ใกล้บ้าน ถอนเงินเกือบแสนให้ไปเสียอย่างนั้น ข้างฝ่าย
"คุณดา"พอถึงเวลาเธอก็เอาเงินมาให้เป็นดอกเบี้ยหลาย
พัน แล้วก็ว่า หากเงินต้นยังไม่รีบร้อน ก็เอาไปลงแชร์กับ
เธอก็ได้ ตั้งวงแชร์ใหม่ ให้ข้าพเจ้า เปียร์ออกไปใช้เมื่อจำ
เป็นหากไม่จำเป็นก็คอยรอมือใกล้บ๊วย รอดอกเบี้ยทบไป
หลายมือ คุณดาเธอกระทำการอัน ทำให้ข้าพเจ้าหัวหมุนเห็น
ดีเห็นงามตามไปจ้าละหวั่น

พอส่งดอกเบี้ยคืนมาได้สักสองสามหมื่น คุณ
ดาเธอก็ดึงกลับไปลงวงโน้น วงนี้ จนในที่สุดเธอค้างอยู่สัก
เจ็ดแปดหมื่นได้ ข้าพเจ้าตามไปทวงเงินต้นที่ให้คุณดาเธอ
ไว้ ว่าถึงเวลาจะต้องนำเงินต้นไปซื้อสินค้า เธอก็ว่าไปลง
แชร์หมดแล้วให้ข้าพเจ้าเปียร์ พอได้ไปเป็นยอดเล็ก ไม่พอ
จะซื้อสินค้า เธอก็ว่า งั้นส่วนที่เหลือจะเก็บไว้ใช้หนี้วงแชร์
แทนข้าพเจ้า ไป ๆมา ๆ มันกลายเป็นเธอติดข้าพเจ้าไปสัก
เกือบหกหมื่นไม่มีใช้ ทีนี้ เงินจะลงทุนก็ไม่มีแล้ว จะซื้อของ
ยกหกโหลเพื่อรับส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นอันเหลว
เงินก็ไม่ได้
เงินนั้นมันเงินของเจ้าหนี้พี่พีท มันไม่ใช่ของ
ข้าพเจ้า ต่างล้มระเนนระนาดอีกครั้ง พี่พีทก็บอกว่าเงินนั้น
พี่เธอหมุนมาให้จาก เจ้าหนี้เล่นหุ้นด้วยกันกับเธออีกที
ตอนนั้น ข้าพเจ้าหน้ามืด ด้วยความโลภของตัวเองเป็นเหตุ
ทำให้กิจการงานที่ทำท่าว่าจะดี มีอันล่มสลายเพราะ
" นำไข่ไก่ทั้งหมดไปใส่ตะกร้าใบเดียว" เข้าให้อีกครั้ง

จนปัญญาเข้า ข้าพเจ้าก็โทรศัพท์ไปปรึกษา
"คุณปุ๋ย" เพื่อนสนิทนับแต่โรงเรียนสตรีฯ อนุสาวรีย์
ประชาธิปไตยนั่น



~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~




ข้าพเจ้ามีเพื่อนสนิทอยู่หลายคน แต่ขอ
อนุญาตนำเรื่องเพื่อนแค่บางคนซึ่งเกี่ยวพันเรื่องการไป
แก้ไขวิบากกรรมต่าง ๆ ที่อาจต้องพาดพิงอยู่คนสองคน
อย่าง "คุณปอ "ที่กล่าวไว้จากบทต้น ๆ แล้วนั้นคนหนึ่ง
ก็ยังมี "คุณปุ๋ย" อีกคนซึ่งสนิทกันมานับแต่เรียนที่
โรงเรียนสตรี ฯ ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันก่อน
เก่า ก๊วนนักเรียนในห้อง ฉ.ฉิ่งผู้มักชักชวนไปไหนมาไหน
ด้วยกันอยู่เรื่อย ๆ หากไม่ได้ไปด้วยกันก็โทรศัพท์คุย
กันเสมอ จนระยะหลัง ต่างมีครอบครัวกันไปแล้ว ก็ยังมี
เรื่องปรับทุกข์ ปรับสุขกันอยู่เท่าที่จะมีโอกาส

ปกติ หากข้าพเจ้าไม่ได้แนะนำพระอาจารย์
ท่านโน้นท่านนี้ให้คุณปุ๋ย คุณปุ๋ยก็จะแนะนำพระอาจารย์
หลายองค์ผู้เป็นที่พึ่งทางใจให้ข้าพเจ้าอยู่เรื่อย ๆเพราะวิถี
ทางชีวิตคุณปุ๋ยกับข้าพเจ้าก็เสมือนอยู่ในวงวนเดียวกัน
คล้ายกันหลายอย่าง ต่างกันมหาศาล บางครั้งก็ไปไหน
ด้วยกันได้ บางคราวก็มีฉุนกัน ไม่ถูกชะตากันขึ้นมาก็มี
เหมือนกัน เสมือนลิ้นกับฟัน เป็นธรรมดาฉันนั้น

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:11:33:28 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๔ (ต่อ ๒)
ดิ้นรนขวนขวาย
วิเคราะห์วิบาก

แต่คุณปุ๋ยก็นับว่าเป็นเพื่อนที่มีน้ำใจกับเพื่อน อย่างครั้งหนึ่งซึ่งเธอ
จะต้องไปหาพระสงฆ์ท่านหนึ่งซึ่งมีชื่อเรื่องดูนั่งทางในอะไรได้ เธอก็นัดให้
ข้าพเจ้าไปด้วยกันกับรถของเธอ พาไปที่ วัดป่าศรีอุดมทรัพย์ ข้าพเจ้าไปอีก
ไปเองก็คงไม่ถูก จำได้แต่ว่าเป็นทางไปเขื่อนลำพระเพลิง ทางไปนครราชสีมา

พอไปถึงที่วัดนั้น ก็ต้องไปลงชื่อไว้ว่าจะทำการ เข้าคิวเพื่อจะให้
ท่านพระอาจารย์ดูดวงให้ แต่รอกันนาน จนเย็น ท่านก็ดูเหมือนกันทักเราหลาย
อย่าง แล้วบอกว่าให้มาแก้"รดน้ำมันมนต์" ในครั้งหน้า อันจะต้องมี พานดอกไม้
ธูปเทียนต่าง ๆ ท่านจะต้อง นั่งดูกรรมของเราทั้งหลายผู้มีชื่อในพานคิวนั้น

ครั้งแรกไปไม่ได้ "รดน้ำมันมนต์ " ครั้งต่อไป ก็ถึงเวลาเดินทางไปกัน
ใหม่ข้าพเจ้าก็ไปรอการรดน้ำมันมนต์กับคุณปุ๋ย เราต่างมีเสื้อผ้ากางเกงพร้อม
สำหรับการรดน้ำมันมนต์ ซึ่งเมื่อถึงเวลา ก็จะได้รับการราดน้ำมันว่านกลิ่นสมุนไพร
ฉุนมาก พอรดเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานั่งรอให้พระอาจารย์ท่านนั้นดูดวงให้

พอถึงคิวคุณปุ๋ยเพื่อนของข้าพเจ้าเข้าไป ท่านถามว่าวันนั้นมาเรื่องอะไร
คุณปุ๋ยก็บอกว่า เรื่องของเครื่องประดับในบ้านหายไปท่านดูพร้อมให้คำตอบว่า เป็น
คนใกล้เคียงกัน คนในบ้าน และ เป็นคนที่มือมีลักษณะไม่สมประกอบ ท่านเห็นเท่านั้น
และ ก็บอกว่า คุณปุ๋ยนั้นเป็นเทพธิดา หนีลงมาเกิด

ครั้นถึงคิวของข้าพเจ้าคนต่อไป ท่านก็ทักทันทีว่า
"คนนี้ก็หนีเขาลงมาเกิด" แล้วก็ถามข้าพเจ้าว่า
"เมื่ออายุ ๑๓ และอายุ ๑๗ เคยจะตายแล้วใช่ไหม ?"

อย่างที่เล่าให้ฟังว่า คำถามนี้ ถูกถามหลายครั้งจากเหล่าอาจารย์
ที่เรียกได้ว่า 'แม่น' โดยที่แต่ละคนก็ไม่ได้รู้จักกัน
"ใช่ค่ะ ท่านอาจารย์"
ท่านนิ่งไปสักนิด จึงพูดกับข้าพเจ้า อย่างกรุณาปน คำสั่งสอน
อบรมไว้ด้วยกัน ท่าทางท่านแบบหนักใจอึดอัดใจสักนิดขณะพูด
"กลับไปบ้าน ให้ไปหาพานดอกไม้ธูปเทียน ยกเท้าแม่ขึ้นมาวางไว้
บนศีรษะแล้วกราบขอขมากรรมเสีย ขอให้แม่โยม กล่าวอโหสิกรรมให้โยม
ทั้ง ๆที่ เท้าอยู่บนหัวคุณโยมนั่นแหละ เพราะโยมทำไม่ดีไว้กับแม่ของโยมมาก
ท่านยังโกรธขึ้งอยู่ ชาตินี้ทำอะไรก็ไม่ได้ดี เพราะ แม่แท้ ๆ ยัง แช่งด่าอยู่
หนีกรรมนี้ไม่ได้ 'แม่เบื้องบน' เขาอยากจะช่วยอะไร ก็ช่วยไม่ได้เพราะ
กรรมที่ทำไว้กับแม่ในชาตินี้ภพนี้ โยมมีบุญมาแต่อดีตไว้ก็มาก แต่เพราะ
หนีมาเกิดนั่นอย่างหนึ่ง เขาจะช่วยก็ลำบาก "

แล้วท่านก็พูดต่ออีก โดยหันไปทางคุณปุ๋ยให้ฟังพร้อมกันไปด้วย
"เมื่ออายุ ๑๓ และอายุ ๑๗ เคยจะตายแล้ว ก็เพราะ เขาจะมาเอา
ไปเกิดแล้วจะต้องไปเกิดในพานทอง ตามวาระที่จะต้องมาเกิด แต่คุณโยม
ไม่ไปเกิดใหม่ "

ข้าพเจ้าฟังแล้วก็อึ้งไปนานเลย เพราะเหตุการณ์หลายปีที่ผ่านมา
ผ่านมาจนอายุ สามสิบกว่าจนจะสี่สิบปีแล้วตอนนั้น ข้าพเจ้าได้ทำอะไร ร้าย ๆ
แรง ๆ กับคุณแม่ไม่เคยหยุด หลายหนที่รู้สึก เคืองโกรธคุณแม่มาก แล้ว
ทำไมคุณแม่จะไม่หยุดเคืองโกรธข้าพเจ้าเล่า

ยิ่งคิดไปถึงการล้มคว่ำของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างที่หาเหตุ หาผล
ไม่ได้ ยิ่งค่อนข้างเชื่อว่า นี่เป็นบาปกรรมที่ทำไว้กับแม่ผู้มีพระคุณในชาตินี้อย่างแท้จริง
เห็นผลในชาตินี้ ไม่ใช่ชาติใดเลย
ท่านก็ยังกล่าว โดยเฉพาะให้คุณปุ๋ยฟังอีกว่า
" ที่เขาจะต้องเกิดต้องเป็นที่สูงศักดิ์ ตามบุญ ตามวาระของเขา แต่เขา
ไม่ได้ไป บุญทั้งหลายที่แม่เบื้องบนเขาจะเทให้มา ก็เทลงมาให้เขาไม่ได้ แม่ใน
ชาติปัจจุบันนี้โกรธสาปแช่งเขาไว้ ขวางปิดทางเขาหมด "

เปล่า ข้าพเจ้าฟังแล้วไม่ได้โกรธอะไรคุณแม่เลย มีแต่เกิดความสำนึกผิด
ขึ้นมาเหมือนแสงสว่างที่ผ่านรำไรมายังใจอันขุ่นข้นด้วยบาปแห่งกงจักร อันได้หมุนไป
ให้ข้าพเจ้าเห็นมันเป็นดอกบัว
ข้าพเจ้ากลับบ้าน ไปยกเท้าแม่วางไว้บนหัว น้ำตาแห่งความสำนึกค่อย ๆ
ซึมออกมา มองขึ้นไปยังหน้าคุณแม่ ที่ท่านก็พยักหน้าให้ เป็นเวลาสี่สิบกว่าปีแล้วที่ลูก
ไม่ได้รู้สึกบุญคุณแห่งแม่ชาตินี้เลย ดื้อรั้นรุนแรงเอากับแม่ไม่มีเว้น บาปกรรมอันนั้น
มันทำให้พระแม่องค์ไหนก็ช่วยไม่ได้ ตราบเท่าที่ลูกคนนี้มันไม่รู้จักบุญจักคุณของแม่
ในปัจจุบันชาติ บาปอันนั้น มันทำอะไรไม่ขึ้น ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:11:37:53 น.  

 
 
 

บทที่ ๓๔ (ต่อ ๓)
ดิ้นรนขวนขวาย
ไม่แพ่งก็อาญา

วันหนึ่งคุณปุ่ยก็พาไปพบอุบาสิกา ท่านหนึ่ง เรียกกันว่า คุณแม่จุ้ย
ซึ่งสวมผ้าคลุมห่มตัวแบบนักปฏิบัติธรรมสีน้ำตาลเข้ม มองดูเสมือนเป็นแม่ชี
แต่ไม่ใช่สีขาว ซึ่งท่านก็ว่าตัวเองเป็นชี แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นชีสวมผ้าสีน้ำตาล
ก็เลยรู้สึกว่าอาจใช่ หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่อย่างไรท่านก็ดูน่าศรัทธาอีกเหมือนกัน

คุณแม่จุ้ย ท่านนี้ ท่านอยู่แถว พหลโยธิน น่าจะเป็นหมู่บ้าน
แถวเสนานิเวศน์ คุณปุ๋ยพาไปค่ำแล้ว ท่านเรียกข้าพเจ้าให้เข้าไป
ไหว้พระในห้องของท่านแล้วก็บรรยายความเป็นมาในอดีตชาติของ
ข้าพเจ้าอยู่หลายประการ ด้วยอาการถอนหายใจเฮือก ๆ อยู่เรื่อย ๆ
แบบว่า " หนัก ๆ ๆ " อยู่หลายครั้ง ข้าพเจ้าก็ว่าข้าพเจ้าหนักจนชิน
แล้วก็ฟังว่า ท่านจะให้หนทางแก้ไขตัวเองอย่างไร

คุณแม่จุ้ย พูดว่า ต่อไปข้าพเจ้าจะพบหนทางแก้ไขตัวเองในวันหนึ่ง
และแนะนำให้ไปปฏิบัติธรรม ถือศีลแปด ที่วัดในจังหวัดนนทบุรี แล้ว
วันหนึ่งจะพบหนทางแต่อดีตชาติของตน แต่ให้ไปทำการแก้อย่างหนึ่ง
คือ พิธี ขอขมากรรมต่อแผ่นดิน เพราะในอดีตนั้นไปทำกรรมแก่หลัก
ของแผ่นดินไว้ แต่จะไม่บอกละว่า ไปทำอะไรผิดไว้อย่างไรถึงได้หนัก
หนาสาหัสอย่างนี้

ข้าพเจ้าก็ ซักไซ้ไล่เรียง ละเอียดอีกว่า ไหน ๆ ก็จะบอก
แล้ว น่าจะบอกให้หมด ข้าพเจ้าจะได้ ทราบว่าตัวเองทำผิดอะไรไว้
หนักหนาสาหัสแค่ไหน ชาตินี้ ถึงได้รับอะไรจนอ่วมไปอย่างนี้

หลายหนที่ คุณแม่จุ้ย ดูท่าทาง ถอนใจ สลดใจ แต่เมื่อ
ข้าพเจ้าคะยั้นคะยอมาก จึงตัดใจเอ่ยว่า ข้าพเจ้าเคยหยิบของในพระคลัง
หลวง สมบัติหลวงไปเป็นของตน เพราะในอดีตชาติสมัยหนึ่งได้เป็น
เจ้าจอมใกล้ชิดพระมหากษัตริย์องค์หนึ่ง มารดาได้เป็น " ท้าวทรงกันดาล"
แล้วใช้กุญแจมารดาไปไขเอาสมบัติราชวงศ์ไปเป็นของตน

ข้าพเจ้าจดชื่อ " ท้าวทรงกันดาล" บุคคลที่ท่านอ้าง รวมทั้ง
ชื่อพระมหากษัตริย์องค์นั้นด้วยความเหนื่อยใจ แล้วก็ไม่ได้คิดว่าชาตินี้
จะได้ไปเจอแห่งหนของตนอะไรทั้งนั้น
แต่ท่านบอกว่า วิธีแก้นั้น มันต้องลงไปสกปรก และขอ
ขมากรรมต่อแผ่นดิน คือ ต้องเอาหัวจุ่มไปในขี้โคลน ขี้ดิน แล้วไป
ล้างออก เวลาทำเช่นนั้น ให้สำนึกว่า สิ่งที่ตนทำไว้ในอดีตชาติมัน
ไม่ผิดอะไรกับสิ่งปฏิกูลขี้ดินขี้เลนในท้องร่อง ให้อธิษฐานชดใช้
ขอสมาลาโทษแผ่นดินที่ชาติหนึ่งได้นำของแผ่นดินไปเป็นของตน
เสีย จากนั้น ก็ให้ไปหาน้ำคลองล้างออก ว่ายไปกลางคลองเอาหัว
จุ่มไปสะบัดในน้ำให้มาก นั่นก็เป็นแม่พระคงคา จากนั้นก็ให้ไปจุดธูป
จุดเทียน บอกกล่าว แม่พระเพลิง แล้วก็ไปปฎิบัติธรรมสักสามวันห้าวัน
ที่วัดใกล้ ๆแถวนั้น ในจังหวัดนนทบุรี นั่นแหละ แล้วให้ อุทิศส่วนกุศล
ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ให้ครบถ้วนตามที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน
อบรมกันไว้


วันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ปรึกษากับคุณสามีว่าที่ไหนมีสวน
มีท้องร่องให้เอาหัวไปมุดดินได้บ้างละเนี่ย (คิดแล้วว่าช่างแผลงดี
แท้ ) เขาก็แนะนำให้โทรศัพท์ไป ปรึกษาเพื่อนเขา ที่มีสวนผลไม้
อยู่จังหวัดนนท์ฝั่งข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ย้อนเข้าไปทางวัดสวน
แก้ว ไปออกวัดสังฆทานใกล้กัน
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้าจึงนัดแนะ เพื่อนของคุณสามี ไปทำพิธีดังว่าที่บ้านสวน
ของเธอ ซึ่งทั้ง ๆ ที่เธอ (และข้าพเจ้าเอง) ก็ไม่เคยเห็นพิธีสมาลาโทษดังนี้
มาก่อน แต่ก็กลั้นใจเอาหัวพุ่งลงขี้โคลนลงดิน กำหนดจิตว่าตัวเองมันเคย
สกปรกเคยชั่วยิ่งกว่านี้ในอดีตชาติมาแล้ว พอหัวหูลงขี้โคลนมาแล้วก็ลงไป
ฝั่งคลองข้างบ้านเธอ ว่ายแกว่งหัวเอาขี้โคลนขี้ดินขี้เลนสกปรกต่าง ๆออก
แล้วก็กลับขึ้นไปบนบ้านเพื่อนคุณสามี ละลายน้ำยา เด็ทตอล ฆ่าเชื้อโรค
ราดตั้งแต่บนหัว ทั่วตัว สระผม อาบน้ำ ฟอกสบู่จนตัวสะอาด แต่งกายเดิน
เข้าไปที่วัด สังฆทาน ไปลงชื่อเพื่อปฏิบัติธรรม ซึ่งที่วัดนี้ดีมาก มีเสื้อผ้าสีขาว
ไว้จำหน่ายให้แก่นักปฏิบัติไว้เรียบร้อย ทั้งเสื้อสีขาวตัวใน ตัวนอก ทั้งผ้านุ่งขาว
เป็นอันครบหมด ไม่ต้องไปวิ่งหามาจากที่อื่น

เป็นสามวันสามคืนที่ข้าพเจ้าไปนั่งในมุ้งกลด สลับ เดินจงกรม
ทำสมาธิภาวนา อยู่ท่ามกลางแมกไม้ในวัด อันเป็นลานที่เขากางมุ้งกลด
นั้นไว้ให้ผู้ปฎิบัติแต่ละคน ซึ่งมีหลายคนที่ต่างก็ไปนั่ง ไปเดิน ในระหว่าง
ปฏิบัติ สวดมนต์ ตามพระสงฆ์หลายรูปซึ่งมานั่งปฎิบัติบนลานหิน ระหว่าง
ต้นไม้ใหญ่เหล่านั้นด้วย ใจก็เพ่งพินิจว่า ที่มาปฏิบัตินี้ ก็เพื่ออุทิศส่วน
กุศลให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ ตามที่คุณแม่จุ้ยท่านแนะนำให้
มาปฏิบัติ กลางวันก็ จะเดินไปทำกิจธุระของตน รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะ
นำ สมาธิบ้าง สวดมนต์บ้าง จนถึงวันสุดท้ายก็กราบลาศีล ลาจากวัด
สังฆทาน และ ขับรถซึ่งนำมาจอดทิ้งไว้ ไปคอนโดคนเดียว

เมื่อถึงคอนโด ข้าพเจ้าจำได้ว่า มีอาการเหนื่อยสุดขีด ทิ้งตัว
ลงนอนหลับทันที และ ฝันเห็นผู้ชายวัยหนุ่มกร้องแกร้ง ตัวเล็ก ๆ ที่มีหน้า
ตาท่าทางโมโหร้ายรุนแรงกำลังวิ่งกวดตามข้าพเจ้ามา ไล่ล่า ข้าพเจ้า กับลูก
สาวและ ลูกชายอย่างจะเอาให้ตายทำนองนั้น ไล่ไปจนลูกข้าพเจ้าทั้งสอง
ขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่บนดาดฟ้าตึกคอนโด นั่นเลย และข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่น
ขึ้น รู้สึกห่วงลูกทั้งสองเป็นอันมาก จึงอาบน้ำแต่งตัวและเปลี่ยนจากชุด
ผู้ปฏิบัติสีขาวนั้นเป็นชุดเสื้อผ้าธรรมดา


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:11:39:47 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๔ (ต่อ ๔)
ดิ้นรนขวนขวาย


จากนั้นก็โทรศัพท์ไปบอก คุณแม่จุ้ยว่าไปปฏิบัติมาแล้ว คุณแม่
ท่านก็นัดให้ข้าพเจ้าไปพบ คราวนี้ข้าพเจ้าไปคนเดียวพอขับรถไปถึง คุณแม่
จุ้ยท่านก็พูด ถึงวิบากกรรมของข้าพเจ้าว่า

" พ้นเรื่องทรัพย์สินอะไรในอดีตชาติ ชาตินี้เรื่องเงินที่สูญไปไม่
ต้องไปท้อ ต่อไปก็จะได้มากกว่าเดิมหลายเท่า สูญไปเท่าไหร่ก็ได้คืนมากต่อ
มากนัก แต่ต่อไปเธอจะได้หาหนทางไปพบ เรื่องชาติเดิมของเราในวัดแถว
นนทบุรีนั่นแหละ แต่ตอนนี้ก็ไปแก้เรื่องสามีอีกนะ ลูกน่ะ หน้าตาจะไม่เป็น
ผู้เป็นคนอยู่แล้ว ไม่มีกำลังใจในชีวิตเลยนะเรา เอาความมั่นใจกลับมาให้
ได้นะ สามีเรานี่ อดีตชาติก็ทำตัวกับเราอย่างนี้ ชาตินี้ก็เป็นอย่างนี้ อีก มัน
อยู่ที่ลูกนะ จะทนกันไปได้แค่ไหน หากทนได้ ก็ให้ขอขมากรรมกันเสีย จำ
ไว้ว่า เขาน่ะมันเจ้ากรรมนายเวรขนานแท้เราเลย "

คุณแม่จุ้ยหยุดหายใจ มองไปยังความว่างเปล่าเหนือศีรษะของ
ข้าพเจ้าอีกครั้ง พูดอย่างเมตตาว่า
" หาดอกไม้ธูปเทียนใส่พานไปกราบขอขมาลาโทษเขาเสียนะ
ขอให้เขางดจองเวรจองกรรมกับเราเสียเถิดนะลูก คนเรามันหมุนเวียนวนกัน
มาพบกันเพื่อจะใช้เวรใช้กรรมกัน .. แต่ลูกก็อย่าได้คิดจะไปมีใหม่เลย มัน
ก็จะต้องพบกับเจ้ากรรมนายเวรกันต่อไปอีก เพราะชาตินี้นะลูก จะหาคู่น่ะ
ไม่มีหรอก นับเป็นหนึ่งในล้าน หรือ หนึ่งในสิบล้านคนละกระมังถึงจะเป็น
เนื้อคู่บารมีเจ้าได้ "

ข้าพเจ้ายังไปพบคุณแม่จุ้ยอีกสองสามหน จากนั้น ก็ค่อย ๆ ห่าง
ไปเพราะได้ข่าวว่า ท่านขึ้นไปปฏิบัติธรรมทางเชียงใหม่ ไม่ค่อยได้ลงมากรุง
เทพฯ อีก และ ข้าพเจ้าก็มีเวรมีกรรมในชาติปัจจุบันหนักอีกระลอกหนึ่ง ถึง
แก่ต้องไปปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานเพื่อสลายความทุกข์อีกรอบ
(จบบทที่ ๓๔ )
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:11:46:30 น.  

 
 
 
บทที่ผ่านมา
(ภาคหนึ่ง บทที่ ๑-๘ )
//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html

(ภาคสอง บทที่ ๙-๑๑ )//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6439185/W6439185.html

( ภาคสาม.บทที่๑๒.)https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=28-03-2008&group=7&gblog=5

บทที่ ๑๓ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=02-04-2008&group=7&gblog=7

บทที่ ๑๔https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=03-04-2008&group=7&gblog=8

บทที่ ๑๕ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6460129/W6460129.html

บทที่ ๑๖ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/04/W6486792/W6486792.html

บทที่ ๑๗ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/04/W6495102/W6495102.html

บทที่ ๑๘ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6509777/W6509777.html
บทที่ ๑๙ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6524946/W6524946.html
ภาค ๕ บทที่ ๒๐-๒๑ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6540441/W6540441.html
บทที่ ๒๒ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6548246/W6548246.html
บทที่ ๒๓ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6562601/W6562601.html
บทที่ ๒๔ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6571757/W6571757.html
บทที่ ๒๕ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6576289/W6576289.html
บทที่ ๒๖ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6588356/W6588356.html
บทที่ ๒๗ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6593699/W6593699.html
บทที่ ๒๘ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6604614/W6604614.html
บทที่ ๒๙ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6604614/W6604614.html#18
บทที่ ๓๐ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6615598/W6615598.html

ภาคเจ็ด บทที่ ๓๑ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html
บท ๓๒ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6633661/W6633661.html
บทที่ ๓๓ ที่มา
ที่มา
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6645036/W6645036.html

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:11:48:56 น.  

 
 
 
แวะมาเยี่ยมค่ะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:15:55:23 น.  

 
 
 
คุณทิกิธาตุอะไรเอ่ย จะได้รีบลัดคิวลงให้ดีมั้ยคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:22:19:47 น.  

 
 
 
แวะมาแก้ไข link ค่ะ ขอบคุณ คุณ ส้มแช่อิ่ม ที่แวะมาเยี่ยม
บ่อยเลยนะคะ

บท ๓๔
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=08-06-2008&group=7&gblog=29
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:1:39:20 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ ฮี่ๆๆ
 
 

โดย: ANGEL IN THE BLUE วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:6:13:18 น.  

 
 
 
ขอบคุณ คุณ : ANGEL IN THE BLUE เช่นกันค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:09:36 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com