ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
บท ๓๒

W6633661 ~~~~~เทพบันดาล..โดมิโน ..ที่ดินผืนนั้น บทที่ ๓๒~~~~~~~ [นิยาย] tiki_ทิกิ (17 - 26 พ.ค. 51 23:29)

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

บทที่ ๓๒

เทพบันดาลใช่ไหม ?
เกม ๓ ...โดมิโน


บทที่ผ่านมา
(ภาคหนึ่ง บทที่ ๑-๘ )
//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html
ที่บล็อกแกงก์
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=16-03-2008&group=7&gblog=1 ๑๑๑๑๑๑ จบภาคหก ๑๑๑๑๑๑๑
ภาคเจ็ด
บทที่ ๓๑ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html




Create Date : 06 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:05:38 น. 6 comments
Counter : 308 Pageviews.  
 
 
 
 
บทที่ ๓๒
เกมโดมิโน
เทพบันดาลใช่ไหม ? (ต่อ ๑ )



เกมกรรมโดมิโน มันคว่ำข้าพเจ้าจากความเจริญในหน้า
ที่การเรียน และ การงาน บัดนั้น มันตามล่าชีวิตข้าพเจ้าทุกรูป
แบบ

ในช่วงปีนั้น เพราะคุณพ่อเสียชีวิตไป ชื่อในโฉนดที่ดิน
ยังไม่มีใครจัดการ คุณแม่ต้องการทำเรื่องเป็นผู้จัดการมรดกแต่
ข้าพเจ้าและ น้องชาย ลงความเห็นว่า ขอตัดแบ่งที่ดินมาเลยดี
กว่า เพราะไม่ต้องการให้พี่ชายที่สองนำโฉนดที่ดินไปกู้ธนาคาร
ซึ่งจะทำให้เราทุกคนหมดโอกาสในส่วนนั้น ..มีการรับมรดกที่ดิน
ในชื่อตนเอง แบ่งไว้เป็นสองแปลงเพื่อจะได้ปลูกตึกในอนาคต

และแล้ว กว่าสองปีที่คร่ำเคร่งกับการเรียนระดับบัณฑิต
ศึกษา ยอมหมกตัวในรูเล็ก ๆ ข้างบ้านคุณแม่ ซึ่งพี่ชายที่สองซึ่ง
โกรธที่ข้าพเจ้าขอแบ่งโฉนด ก็ ก่อกำแพงปิดบ้านเสีย
การต้องย้ายออกจากบ้าน ห้าสิบสาม เข้าไปซุกห้องหนึ่ง
ในที่ดินคุณพ่อที่ถูก "ปิดล้อม"ผนังบ้าน ราวกับจะไม่ให้หายใจหายคอ
ก็เหลือเพียงความทรงจำ ...ข้าพเจ้ากลับมาอยู่ตรงจุด
ศูนย์อย่างเดิม
แต่วันนั้น ชีวิตผ่านพ้นการก้าวไปสู่ การติดลบ ใต้ศูนย์
ได้อย่างเฉียดฉิว


(ยังมีต่อ )

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
: tiki_ทิกิ - [ 23 พ.ค. 51 06:12:28 ]




~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

บทที่ ๓๒
เทพบันดาลใช่ไหม ? (ต่อ ๒ )

อย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า ชีวิตเราก็คล้ายเครื่องเล่นของโชคชะตาฟ้าดิน
เป็นของเล่นแบบกีฬาแข่งรถให้มันคว่ำไปต่อหน้า
ดูสิว่ามันจะตายหรือไม่ตาย ?
ชีวิตอันเกมของพระเจ้าของข้าพเจ้าก็มาถึงตอนที่ห้อยต่องแต่ง
อยู่หน้าผาดังที่ว่าไว้

เมื่อข้าพเจ้าสูญการเรียนเพราะหมุนเงินค่าเทอมไม่ทัน แค่ไม่กี่เดือนต่อมา
ก็มีผู้ติดต่อขอซื้อบ้านห้าสิบสามนั้น ข้าพเจ้า ประกาศขายไว้ ๔ ล้าน ๕ แสนบาท
เขามาขอต่อ ขายไป ๓ ล้าน ๘ แสนบาท หักกลบลบค่าภาษี ณ ที่ซื้อขาย ใช้หนี้
ธนาคาร ๒ ล้าน ๔ แสนบาท กลบหนี้ที่ดินซอยแผ่นดินทอง ขาดตัวไป ๕ แสน ๕
หมื่นบาท เหลือเงินสด อยู่ไม่ถึง ๗ แสนบาท ข้าพเจ้ารู้สึกว่า รอดตายจากคมหอก
คมดาบนั้นอีกครั้ง แต่เป็นการได้เงินมา ตอนโอกาสการศึกษาได้สูญไปพร้อมสูญสิ้น
กำลังใจ

ข้าพเจ้าไปที่เต๊นท์รถเพื่อนสามีที่ฝั่งธน เลือกรถมือสองGalant Zigma รุ่น
Sarajevo สีเขียวมาได้หนึ่งคัน ขับเป็นรถคู่ใจมาแต่ปี ๒๕๓๓ นั้นเลย ส่วนคุณสามี
ก็ ขับบีเอ็มสลับกับกาแลนท์และรถตู้ Toyota Hiace คันที่ข้าพเจ้าซื้อมาไว้ขนของ
ไปขาย กับรถ บีเอ็ม กลายเป็นที่บ้านมีรถพร้อมกันทีเดียว สามคัน
แล้ว ก็เตรียมตัวย้ายบ้านไปเช่าบ้านเพื่อนคุณสามีอีกครั้งที่ถนนแจ้งวัฒนะ
ข้าพเจ้าอุตส่าห์นำรถบีเอ็มไปซ่อมมาให้วิ่งได้ดีดังเดิม อีกสามสี่หมื่น

มัวแต่ยุ่งกับการศึกษา อีกทั้งทำงานจนวุ่นวาย หน้าที่ซึ่งต้องเกี่ยวข้อง
กับพวกฝ่ายศิลป์ ฝ่ายอาร์ต ที่มีแปลก ๆ หลายอย่างเป็นปกติ อย่างต้องนั่งดมกลิ่น
พ่อเจ้าประคุณทั้งหลาย ในห้องทำงานนั่งพี้บ้อง หากเรียกมาอบรมความประพฤติ
มากหน่อย บางวันก็มี รูปประหลาดด่าหัวหน้าหญิงอย่างข้าพเจ้า ติดอยู่หน้าห้อง
เหล่านี้ ทำให้การไปทำงาน รับเงินเดือนเพียงเพื่อให้พอค่าใช้จ่ายลูก และ พอให้มี
พอค่าใช้จ่ายในบ้าน กลับทำให้ระบบชีวิตข้าพเจ้าล้มระเนนระนาด เนื่องจากไม่มี
คนคอยดูแลลูกทั้งสอง ต้องใช้ โทรศัพท์ถามว่าตอนนี้ ลูกถึงบ้านหรือยัง ลูกอาบน้ำ
หรือยัง ลูกกินข้าวหรือยังลูกนอนหรือยัง จนถึงขั้นที่ว่า

"ลูกตื่นหรือยัง "

โดยเฉพาะวันที่ต้องทำงานจนเช้าอีกวันเพื่อจะเข้า pitch แข่งว่าที่ลูกค้า
หน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งนั้น มันทำให้ข้าพเจ้า ขับรถกลับบ้านไปแต่งตัว
เพื่อจะกลับมา Present งานให้ทันเก้าโมงเช้า งานที่โหด และไม่เหมาะกับแม่บ้าน
อย่างข้าพเจ้าอีกแล้ว !!

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


ใช่ ชีวิตของข้าพเจ้าเคยเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ ซึ่งพ่อแสนรัก
แสนถนอม..คาดหวังชีวิตไว้ราวเจ้าหญิง บัดนั้นต้องลงไปคลุกฝุ่นอยู่กับท้องถนน
ราวกับเล่นชิงช้าสวรรค์หรือเกมม้าหมุนกระแทกกระทั้นไปมาอย่างนั้น
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

(ยังมีต่อ )
: tiki_ทิกิ - [ 23 พ.ค. 51 06:38:28 ]


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:3:47:28 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๒
เทพบันดาลใช่ไหม ? (ต่อ ๓ )

สี่ห้าปีที่ผ่านไปนั้น ข้าพเจ้าได้ทดลองชีวิตคุ้มค่ามาก ไม่ว่าจะนำพวก
ผ้าฝ้ายผ้าไหมพวกสินค้าต่าง ๆ ไปตั้งโต๊ะขายที่ตึก สหประชาชาติ ต่อมามีพี่ซึ่งมี
ชั่วโมงบินเรื่องขายของก็มาชวนให้ไปตั้งโต๊ะขายในงานกาชาด ในปีนั้นแถมยังชวน
ต่อไป จัดโต๊ะพิเศษไปขายถึงโรงเรียนลาซาล สุขุมวิท ซอยร้อยกว่าโน่นในเวลา
เดียวกันด้วย ข้าพเจ้าก็ใจเด็ดพอจะไปขายตามคำชักชวนเขาทั้งหมด
ที่ผ่านมา ได้แต่ "นั่งเทียน" เรื่องการขาย แต่บัดนั้นภาคฝึกปฏิบัติของจริง
มาโยนใส่ชีวิต คิดไปแล้วถึงแก่ต้องกอดอกคิดว่า ทำไปขนาดนั้นได้อย่างไร ไปขาย
กันแต่สาย ๆ ยันเที่ยงคืน หอบลูกไปสัมผัสชีวิตการตั้งโต๊ะขายของในงานกาชาด
ตลอดทุกวันทุกคืน ยังแถมไปเช่าห้องพักที่ตึกสหกรณ์ถนนอู่ทองเพื่อจะได้เดิน
เข้าไปที่งาน และ เดินกลับกันมาดึก ๆ เข็นรถอย่างที่เด็กเขาใช้ขนของพาลูกเดินขึ้น
เดินลงตึก
นึกไปแล้ว อยากจะฝึกลูกให้รู้จักชีวิตลำบากลำบน แต่ทำเหมือนทรมาณ
ลูกมากกว่าจะพบชีวิตของจริง แต่ความที่ลูกรู้ว่า มีแม่เป็นที่พึ่งพาไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม
ไปไหนก็ไปด้วย ไม่มีบ่น ไม่มีงอแง เด็กๆ ดูเหมือนสนุก กับข้าพเจ้ามาก ยิ่งลูก
แซนดี้แล้วเวลาเห็นแม่รับเงินจากการขายผ้าฝ้ายต่าง ๆ นั้น ดูเธอชื่นชมที่แม่ทำได้
ทำสำเร็จ

อาจเป็นเพราะแรงขับของการประชดชีวิตมันมีสูงมากในช่วงนั้น อาจเพราะ
ความรู้สึกว่าไม่รู้จะไปพึ่งเรื่องเงินเรื่องงานกับใคร ข้าพเจ้าก็คิดแบบพวกหยิ่งในศักดิ์ศรี
ประเภทที่ว่า
" ขอทานกินดีเสียกว่าจะขอญาติกิน "
ทำได้ทุกรูปแบบ นับตั้งแต่ไปอยู่บ้านคุณแม่ ก่อนจะไปซื้อบ้าน ฝั่งตรงข้าม
จนแม้ว่า ซื้อบ้านไปแล้ว จนประกาศขายบ้าน ข้าพเจ้าก็ยังล้มลุกคลุกคลานกับเส้นทาง
ชีวิต ทำอะไรล่อแหลมหมิ่นเหม่เสี่ยงตายอยู่เรื่อย ๆ ราวกับพวกที่ถูกพายุทอร์นาโด
ไต้ฝุ่นพัดกระหน่ำสิ้นเนื้อประดาตัว เอาอย่างนั้น

แล้วทุกครั้งที่ประชดชีวิตครั้งไร ก็ทำตัวเหมือนแม่แมว
ที่หวงลูก คาบลูกย้ายไปย้ายมา แต่ก่อนข้าพเจ้าไม่ได้คิดเลยว่า
ตัวเอง ทำตัวเหมือนแมว แต่พอได้เลี้ยงแมวแล้วดูพฤติการณ์ของ
แมวในภายหลัง ข้าพเจ้าเพิ่งรู้ว่า ตัวเอง ทำตัวได้น่าขำ น่าห่วง
น่าสมเพช อะไรไม่รู้ ประหนึ่งนางแมว ขี้หวงลูกอ่อนของมันอย่างนั้น


ถึงข้าพเจ้าจะยังมี"ตลาด" ที่พอจะนำสินค้าต่าง ๆ ไป
ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ระหว่างนั้น สินค้าที่เคยนำไปขาย ไม่ได้ขนมาที่บ้านเช่าที่
ถนนแจ้งวัฒนะด้วย จึงทิ้งสินค้าไว้ห้องด้านหลังที่บ้านคุณแม่ แต่
ต่อมาหนูก็กินผ้าฝ้ายทั้งหลายจนเสียหายใช้ไม่ได้

นึก ๆ ดู การต่อสู้ครั้งนั้น ราวกับว่าชีวิตข้าพเจ้าแทบจะ
ไม่เหลืออะไรเลย ชีวิตที่หักเห เหหัน ต่อสู้กันครั้งแล้วครั้งเล่า
การพากเพียรพยายามที่จะประคองตัวเองให้ดำรงสถานะทางสังคม
ให้เท่าเทียมพี่น้องซึ่งเขามั่นคงมีเสถียรภาพทางการเงินเพราะการ
งานและ คู่ครองเขาซึ่งร่วมทางกันเดินอย่างแข็งแกร่ง...

ข้าพเจ้าเสมือนพ่ายแพ้ อีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะเรื่องเรียน
มาขัดตาทัพช่วยไว้ให้สำนึกว่าตัวเองเป็น ป้ญญาชน กับเขาเหมือน
กัน ถ้าไม่ใช่เพราะงานการที่หวนกลับมาสู่ชีวิต ให้ได้ไปนั่งทำงาน
ที่ถนนรัชดาภิเษกอีกครั้งนั้น ข้าพเจ้าอาจล้มไม่ลุกเลยก็ได้ อาจจะ
สติแตกกู่ไม่กลับไปแล้ว

นั่งนึกอยู่ว่า ทำไมเรื่องขายบ้านได้ มันไม่เกิดเมื่อ
ปลายปีก่อน ทำไมจึงมาเกิดเอาตอนนั้น หากเกิดเมื่อปีก่อน
ข้าพเจ้าก็คงมีเงินเรียนปริญญาโทต่อไม่ต้องสูญเสียโอกาส
ไปอย่างเรียกคืนไม่ได้

ชีวิต เหมือนไม่มีทางจะให้เลือก
ได้มา ก็ต้องมีเสียไป แลกกันอย่างใด อย่างหนึ่ง

ข้าพเจ้าจึง ยื่นใบลาออกจากบริษัทฯ นั้น อย่างสวยหน่อย
ว่า มีภาระจะต้องไปจัดการเรื่องมรดกที่ดิน และสุขภาพไม่ค่อยดี
ขอลาออก... ข้าพเจ้าลาออกจากบริษัท เพราะไม่รู้จะอยู่ไป
ทำไม ขอเวลามาจัดการเรื่องที่อยู่ที่กำลังสับสนอลหม่านอีกครั้ง
เหมือนรู้ว่า ศึกหนักอีกละรอกกำลังเดินทัพดาหน้าเข้ามาแล้ว !


(ยังมีต่อ )
: tiki_ทิกิ - [ 23 พ.ค. 51 06:42:15 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:3:48:07 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๒
เทพบันดาลใช่ไหม ? (ต่อ ๔ )
ที่ดินของใคร ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ตอนที่ข้าพเจ้าขายบ้านไปได้ใหม่ ๆ ยังอาศัยกันอยู่บ้านคุณแม่ดังที่
กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าก็จัดแจงไปติดต่อเทศบาลจังหวัดนนทบุรีเพื่อจะขอ
อนุญาตปลูกสร้างบ้านที่ซอยแผ่นดินทอง...ข้าพเจ้าไถ่โฉนดออกมาแล้ว เป็น
ไทแก่ตัวแล้ว ก็เตรียมดำเนินการ ตามที่ตั้งใจ เขียนแปลนบ้านไว้หลังหนึ่ง
ตั้งใจว่าจะไปปลูกเรือนน้อย อยู่กันอย่างพอเพียงในที่ซึ่งถนนไม่ถึงที่ แถมน้ำ
ก็ยังท่วมที่

ขับรถเข้าไปในซอยแถวนั้น โชคดีมีบ้านไม้เก่าหลังหนึ่ง ซึ่งเจ้าของ
เขากำลังบอกขายอยู่พอดี จึงติดต่อซื้อบ้านไม้เก่าหลังนั้น วางเงินให้เขาทั้งหมด
แต่ยังไม่ได้ขนย้ายวัสดุออก เขาคิดสี่หมื่นกว่าบาท และแถมตู้ไม้สักเก่าแบบที่
ข้าพเจ้าชอบให้อีกใบในราคา รวมเกือบห้าหมื่น ตั้งใจจะไปปลูกในที่ดินตัวเอง
ขอเพียง "หลังคาคุ้มศีรษะเพื่ออยู่อาศัย" ในตอนนั้นเท่าที่เศษเงินที่หักกลบลบ
หนี้จะมีให้

ข้าพเจ้านั้นปราถนาจะได้ปลูกบ้านในที่ของตัวเองอยู่เสมอ
ครั้นเมื่อขายบ้านห้าสิบสามได้ ก็จัดแจง ว่าจ้างรถถมที่ไปยังหน้าบ้านคนข้าง
ที่ดิน หอบลูกไปด้วย ไปนั่งปาหินที่รถมาเททิ้งไว้เพื่อจะทำถนนไปให้ถึงตัวที่ดิน
แดดก็ร้อนจัด สวมหมวกกางร่มไปนั่งปาหินกันที่หน้าที่ จนป้าข้างบ้านโผล่หน้า
มามองอยู่เรื่อย ๆ แล้วพวกชาวบ้านที่อยู่ในซอยถัดไป ก็มาท้าวเอวถามกันว่า นี่จะ
ขนรถขนหินกันอีกกี่เที่ยวเพราะพวกเขาเพิ่งซ่อมถนนที่มันทรุดเป็นหลุมเป็นบ่อกัน
ไป ข้าพเจ้ามาถม ๆ อย่างนั้น เดี๋ยวดินก็จะยุบไปเสียอีก แต่ข้าพเจ้าก็ให้คำรับรอง
ว่า หากถนนมันเป็นหลุม ก่อนจะเสร็จก็จะถมคืนให้ พอได้ยินอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่
คิดเอาความอะไร

แต่กลับเจออะไรแปลก ๆ

ถามเพื่อนบ้านที่ปลูกอยู่ก่อนหน้าในละแวกที่ดินของเรา
ในช่วงนั้น ก็ได้ทราบข่าวลือที่น่าตกใจว่า ที่ดินของข้าพเจ้าที่ติดกับบ้านพวกเขา
ทั้งหมดนั้น อาจจะอยู่ใน "เขตเวนคืนเพื่อทำถนนไปพระราชฐานสนามบินน้ำ "
ข้าพเจ้าได้ฟังแล้ว ก็ รู้สึกอึ้ง ฟังแล้วประดุจฟ้าผ่าลงมาในชีวิต ! จนถึงแก่วิตก
จริตขึ้นมา
แทบล้มทั้งยืนว่า นี่คือ การ ถือโฉนดที่ดินที่ สั่งสมมาทั้งชีวิต
เพิ่งไปจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ระหว่างสามปีที่อยู่บ้านห้าสิบสามมา หกแสนกว่าบาท
เพราะคิดว่า เหลือเงินนิดหน่อยจะได้ใช้ปลูกบ้านไม้สักหลัง อยู่กันพอเพียงตามอัตภาพ
แต่ กลายเป็นว่า ที่ดินนั้นเราไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปอยู่ ไปอาศัย จะไม่เหลือธรณีไว้ให้ข้าพเจ้า
และครอบครัวเราเหยียบบนโลกานี้เลย

สอบถามอะไรมากไปกว่านั้น กับห้องควบคุมแบบเทศบาล ก็ไม่ยอมออกใบ
อนุญาตใด ๆ ให้ปลูกทั้งสิ้น อ้างว่า องค์สูงสุดบริเวณนั้นจะไม่อนุญาตให้ใครทำอะไร
ทั้งนั้นในบริเวณที่ สำนักผังเมือง ทำพระราชกำหนดเวนคืนที่ดินออกมาแล้ว


ข้าพเจ้าเข้าไปอ้อนวอนเจ้าหน้าที่นั้นหลายรอบ ว่าจะให้ทำฉ้นใด เงินทอง
ก็ร่อยหรอเต็มที่ บ้านไม้ก็ซื้อเขาไว้แล้ว ว่าจะมาปลูกอยู่ในที่ของตน ทั้ง ๆ ที่ที่ก็น้ำท่วม
ถนนก็เข้าที่ไม่ได้ ต้องไปนั่งปาหินถมทางกันเองอยู่อย่างนั้น แต่จะให้อาศัยกันตกคลั่ก
กันอยู่ที่บ้านคุณแม่ก็ท่าจะไปไม่ไหว เพราะ อึดอัดแน่นกันเต็มทน
ขอร้องอ้อนวอนขนาดไหน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมทำอะไรให้ทั้งสิ้น รถถมที่ถม
ไปสักสิบกว่าคันรถได้แล้ว ข้าพเจ้าก็สั่งหยุดไม่ต้องถมหินอีกแล้ว เพราะถมเท่าไหร่มัน
ก็ยังไม่พ้นหน้าบ้านหลังริมสุดนั้นเลย และ เมื่อถมจนรู้ว่าไม่มีทางใดที่จะจัดการก่อสร้าง
สิ่งใดในที่นั้นได้แล้วพระราชกำหนด มีอายุ ๘ ปี และ อาจจะต่อไปเป็น ๑๒ ปี ข้าพเจ้า
จะทำการถมที่ทางนั้นต่อไปทำไม ?

(ยังมีต่อ )

: tiki_ทิกิ - [ 23 พ.ค. 51 06:45:56 ]




 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:3:48:50 น.  

 
 
 


ความคิดเห็นที่ 6

บทที่ ๓๒
เทพบันดาลใช่ไหม ? (ต่อ ๕ )
ที่ดินของใคร ?


ข้าพเจ้าจำได้ว่า ขณะนั่งปาหินกันไปอยู่หน้าที่ทางถนนจะเข้าที่นั้น จะเหน็ด
เหนื่อยกายเท่าใดก็ไม่ว่า แต่ขณะนั้นเหนื่อยใจอย่างแสนสาหัส นายแช้มป์ลูกชายที่ไป
นั่งช่วยแม่อยู่ พอได้ยิน ก็ทำตาแดง ๆ อีกหน ทำเอาข้าพเจ้า น้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่
นึกน้อยใจโชคชะตาฟ้าดินอย่างสุดที่จะฝืน
อะไร ใดเล่าที่เฝ้า " เรียกคืน" ทรัพย์สมบัติข้าพเจ้าอย่างร้ายแรงถึงขนาดนี้ ขนาดจะ
ไม่มีอะไรเหลือให้แก่ชีวิตครอบครัวเราแล้วหรือ ?

เอกสารทางราชการที่ประกาศหราอยู่ ภาพสำนักผังเมืองที่รวมเอาเขตบริเวณ
ที่ดินข้าพเจ้าเข้าไปรวมอยู่ด้วย ใบคำสั่งห้ามก่อสร้างทุกชนิดที่ออกมาอยู่ในมือ ล้วนแล้ว
แต่เป็นเสมือนฝันร้ายที่สุดในชีวิต ของทั้งชีวิต ที่เฝ้าเพียรพยายาม ให้มี "บ้านของเรา
ในที่ดินของเรา " เป็นอีกครั้งที่ข้าพเจ้า แทบจะล้มคว่ำอยู่หน้าบริเวณทางเข้าที่ ทางเข้า
ที่มันไม่มีโอกาสจะทำได้


เพื่อไม่ให้ ทรัพย์สินอาจต้องเปลี่ยนมือไปแก่ใครที่อาจไม่ซื่อกับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้านำบุตรและธิดา ไปทำการโอนชื่อเป็นเจ้าของร่วมที่กรมที่ดินในเดือนต่อมาทันที
อันที่จริง กรมที่ดิน ก็ไม่อยากจะทำให้โดยการใส่ชื่อเยาวชนลงในโฉนดที่ดิน แต่ข้าพเจ้า
ก็ยกตัวอย่างว่า ทำไม ชื่อ คุณสามีกับพี่สาวของเขา ยังมีอยู่ในที่ดินบ้านแครายของเขา
ได้ อย่างที่คุณแม่เขา กันไม่ให้ตกเป็นของคุณพ่อเขา ข้าพเจ้าก็ย่อมมีสิทธิ์จะทำได้
เพราะข้าพเจ้าไม่รู้อนาคตเหมือนกันว่า คนข้างเคียงข้าพเจ้าจะไปมีหญิงอื่นใดที่ไหนหรือไม่
จึงได้เห็นอาการโกรธเกรี้ยวของคุณสามี ซึ่งกล่าวเรียกร้องสิทธิประโยชน์ในที่ดินนั้นบ้าง

ข้าพเจ้าก็หัวเราะหึ หึ คิดอยู่ว่า ที่ดินแปลงนี้ ซื้อเพื่อต่อไปลูกจะได้อยู่
ซื้อมาเมื่อลูกสาวเพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือน ยังไม่ได้แต่งงานกับเขาเลย เป็นสินส่วนตัวของ
ข้าพเจ้าซึ่งมีสิทธิ์จะให้ชื่อลูกเป็นหลัก...ทำไมเขาถึงแก่มาทักทวงอะไรเอากับข้าพเจ้า
ใครเล่าเสี้ยมสอนยุยงให้เขาคิดเรื่องทรัพย์สินอะไรเหล่านี้ขึ้นมาอีก ?
แต่ข้าพเจ้าก็กล่าวตอบด้วยอาการสงบกับเขาว่า

" คุณเป็นสามี ก็มีสิทธิ์ในส่วนของฉันแล้วไงจ๊ะ ส่วนของลูกก็ให้เขาไปสิ
พวกลูก ๆ น่ะ โตขึ้นจะมีปัญญาซื้อที่สักวาไหม ? กว่าเขาจะโต จะทำงาน ที่ดินมิปา
เข้าไป ตารางวาละแสนหรอกหรือ ? "

ที่ดินผืนนั้น จึงมีชื่อของเด็กหญิง และ เด็กชาย รวมเป็นสามคนในโฉนดใบ
นั้น ซึ่งนับแต่นั้น ข้าพเจ้าจะไม่มีสิทธิ์ นำไป จำนอง ขายฝากอะไรที่ไหนทั้งสิ้นจนกว่า
เด็กทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ

และข้าพเจ้ายอมรับโชคชะตาว่า จะไม่มีทางนำโฉนดดังกล่าวไปผันเงินใด ๆ
อีกแล้ว ก็ในเมื่อที่ทางจะถูกเวนคืน วันใดเวนคืน วันนั้น ลูกควรจะได้มีสิทธิ์ในค่าที่ดิน
นั้นโดยชอบธรรม

(จบบทที่ ๓๒ )
: tiki_ทิกิ - [ 23 พ.ค. 51 06:46:30 ]


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:3:49:36 น.  

 
 
 
หาก เรียงตามลำดับ คือ ต้องอ่านย้อน 30-29-28 น่ะค่ะ
แต่เดิมมิได้คิดจะเขียนเรื่องงานละเอียด แต่พอลงหน้าจอไปแล้ว
จะมานั่งแก้บทก็กระไรอยู่ จึง ต้องใช้วิธี ย้อน ไป เหมือนเราเปิดไฟล์
คอมพ์ค่ะ แหะ แหะ
เรียงตามลำดับงาน จะเป็นว่า
1 เริ่มงานที่บริษัทคนไทย ณ เพชรบุรีตัดใหม่
2. เข้างานที่เพลินจิต
3. ทำงานที่คอนแวนต์
4. ย้อนทำงานที่เพลินจิต
5. เรียนต่อที่ ม.ธ
6. กลับมาทำงานที่เพลินจิต
7. ออกไปทำวิทยุ
8. กลับเข้างานเอเย่นซี่ถนนวิทยุ
9. ถูกเรียกตัวกลับไปทำงานที่ เพชรบุรีตัดใหม่
10. ถูกเรียกกลับไป ที่คอนแวนต์ อยู่จนบริษัทปิด -เริ่มเรียนมสธ
11 ออกมาอยู่บ้านสักพัก- นายเรียกไปทำซอยอารี
12. กลับไปทำที่ บ.เพลินจิตซึ่งย้ายไปอยู่สาธร
13. ทำ ไดเร็คท์ - ไปรษณีย์ - จบ มสธ.
14. เรียน โท ที่ศิลปากร-
15 เรียน โท ที่มหิดล
16 ทำงานที่ถนนรัชดา
17. ออกจากสองมหาวิทยาลัย- บ้านขาย-
18 - ติดต่อขอปลูกบ้านในที่ดิน...

ลำดับเรียงตามปีที่ทำจะเป็นเช่นนี้แหละค่ะ แต่ที่บรรยายจุดที่เกี่ยว
ข้องกับการอยู่อาศัยในแต่ละที่แต่ละแห่ง มันจะคาบเกี่ยวกันไปหมดค่ะ
จนตัวเองก็เรียบเรียงตามที่อยู่ ไม่จะแจ้งเช่นกัน เพราะ ใช้วิธี นึกย้อนไป
ไม่ได้ไปนั่งเปิด Resume ดูค่ะ แหะ แหะ ขอให้อภัยกันด้วย
: tiki_ทิกิ - [ 23 พ.ค. 51 23:41:41 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:3:51:44 น.  

 
 
 
บท ๓๓ จะมาลงต่อให้พรุ่งนี้ เอ๊ย เช้าวันศุกร์ นี้ นะคะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:3:53:00 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com