ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
บทที่ ๓๕ ขุดกรรม ! ***

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

บทที่ ๓๕
ขุดกรรม ! (อีกภาคของ ไม่แพ่งก็อาญา )


%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ที่ดินผืนนั้น บทที่ผ่านไป
(ภาคหนึ่ง) บทที่ ๑-๘ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html

...................................
บทที่ ๓๔ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6685446/W6685446.html




Create Date : 12 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 18:11:25 น. 12 comments
Counter : 265 Pageviews.  
 
 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

บทที่ ๓๕
ขุดกรรม ! (อีกภาคของ ไม่แพ่งก็อาญา )

วันที่ข้าพเจ้า ล้มคว่ำเรื่องเงินลงทุนของ พี่พีท เพราะ
"คุณดา" ซึ่ง ข้าพเจ้าไปทวงทีไร เธอก็บอกปัดไปว่าไม่มี ไม่
ให้ แถมส่งเสียงดังมาชี้หน้าใส่ ถึงแก่ทำให้ข้าพเจ้าอ้าปาก
ค้างเลือดเดือดขึ้นหน้า ด้วยวิธีการอันสุดยอดของเธอ

" ไม่อายบ้างเหรอ มาทวงเงินอยู่ได้ "

" ใครกันแน่ที่ไม่อายคะ สัญญาที่พี่ดาเซ็นรับเงินไว้ ก็ยังอยู่
นะคะ"

ข้าพเจ้าพูดกลับ เสียงสั่นด้วยความโกรธ น่าจะเรียกว่า ด้วย
ความแค้นเสียมากกว่า
อันที่จริง"สัญญา" นั้นก็แค่ลายมือคุณดาแกเซ็นรับเงินใน
แผ่นกระดาษสมุดนักเรียนธรรมดาซึ่งฉีกมาจากหนังสือ
เรียนเก่าของลูกของ คุณดา แก ซึ่งบอกจำนวนเงินและ ค่า
ดอกเบี้ยสูงมากต่อเดือน ทำกันไว้ลวก ๆ ตรงหน้าเคาน์เตอร์
ธนาคารเท่านั้น คุณดาแกสวนกลับมา อย่างชั้นเซียนเหนือ
เมฆทีเดียวว่า

" ระวังนะ จะแจ้งความว่าเซ็นปลอมลายเซ็น"

คดีแพ่งที่ฟ้องไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำสัญญากันถูกตาม
กฎหมาย แถมอัตราดอกเบี้ยทำกันไว้ก็สูงเกินกว่าจะฟ้อง
แพ่งได้ เกือบจะกลายเป็นคดีอาญา ไปมะรอมมะร่อ หาก
ข้าพเจ้าเกิดลุแก่โทสะคว้าอะไรซัดเปรี้ยงไปที่หน้าที่กำลัง
ลอยไปลอยมาของแกในวันนั้น เห็นทีจะโดนอาญาเป็นแน่
แท้คงมิได้มานั่งเขียนความหลังกันนอกคุกในวันนี้

~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้าจึงขับรถออกจากบ้านแก ถามตัวเองด้วยความเคียด
แค้นว่า ทำอย่างไร จึงจะพ้นวิบากกรรมที่ถูกเขาโกงเอาหน้า
ด้าน ๆ ดังนั้นได้ หากไม่เคียดแค้นจนนึกอยากจะมาทำร้าย
แก เข่นฆ่าแกเอา ไอ้ความโกรธจนหน้าเป็นสีม่วง หน้าดำ
ตาดำเป็นวงรอบตา กินไม่ได้นอนไม่หลับ อันเป็นความ
เคืองที่เสียรู้หลงเชื่อคนใกล้ชิดนี้ มันเจ็บแค้นยิ่งกว่าที่
เสียเป็นหลายแสนกับคนนอกอันเราไม่รู้จัก หรือเพราะที่
เสียเพราะเราทำสัญญาให้ชาวบ้านยึดเงินยึดทองไปนั้น มัน
ก็ไม่ใช่หน้าสิ่วหน้าขวาน ตอนที่ไร้ที่พึ่งพาขนาดหนักในวัน
นั้น

ข้าพเจ้านึกไปถึงว่า เมื่อไปฟังธรรมหลวงพ่อเสือที่ อภิธรรม
มูลนิธินั้น ธรรมข้อวิบาก ผลแห่งกรรม แค่การละเมิดศีลห้า
อันว่าด้วย อกุศลกรรมบทสิบ ที่ได้อ่าน และแจกจ่ายคนอื่น
เพื่อนฝูง ญาติมิตรไปมาก พอมันเกิดกับตัวเรา มันกลับหนัก
หนาสาหัส ละความแค้นเคือง ความโทมนัส ความเจ็บปวด
รวดร้าวนี้ไม่ได้เลย

จะทำอย่างไรดีหนา ที่จะไม่ขาดใจตาย กระอักเลือดตายไป
บนความแค้นของการถูกหักหลังจากคนสนิทไว้วางใจอย่าง
นั้น ?

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
ยังมีต่อ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:0:59:17 น.  

 
 
 
(ต่อ ๑ )

บุญข้าพเจ้ายังมีอยู่ เมื่อนึกว่า คุณแม่จุ้ยแนะ
นำไว้ให้ไปปฏิบัติ หาวัดในเขตจังหวัดนนทบุรี ก็นึกถึงได้
ว่ามีพระสงฆ์องค์หนึ่งคือ "พระทอง" ซึ่งท่านเพิ่งไปบวช
ยังวัด ศรีประวัติ ได้ไม่นาน อันเป็นวัดที่ทางมูลนิธิอภิธรรม
มูลนิธิ ได้นำไม้ท่อนจากบ้านไม้ที่ข้าพเจ้าไปบริจาคนั้นไป
ร่วมสร้างกุฎิปฎิบัติธรรมไว้ที่นั่นด้วย พระทองนี้ ท่านเป็น
บุคคลผู้ฉลาด แตกฉานในทั้งข้อธรรมและ การปฏิบัตินับ
แต่เป็นฆราวาสอยู่ ท่านเก่งในเรื่องการอธิบายวิธีปฏิบัติ
วิปัสนากรรมฐาน ด้วย รวมทั้งชื่อท่านเจ้าอาวาส
อาจารย์พระมหาแสวง โชติปาโล ก็นับเป็นบุรพาจารย์
แห่ง อภิธรรม สายพม่าอันเลื่องลือชื่อ ข้าพเจ้าก็เคยไป
เรียนวิธีการพูด ซึ่งท่านอาจารย์พระมหาแสวงท่านเคยจัด
อบรมที่วัดมหาธาตุ มาครั้งหนึ่ง อย่างน้อยการจะไปอาศัย
ร่มเงาใบบุญวัดท่านให้พระธรรมนั้นผ่าเข้ามากลางใจ
ทะลวงเข่นไฟโทสะอันโหมกระพือใจข้าพเจ้านั้นให้สิ้น
ซาก น่าจะเป็นหนทางเดียวที่อาจจะดับทุกข์ให้ข้าพเจ้า
ได้

ข้าพเจ้าจึงไปที่อภิธรรมมูลนิธิในวันเสาร์-
อาทิตย์ และก็นับว่าบุญยังมีเมื่อได้พบ ท่านพระทอง
ท่านมาฟังธรรม และ ก็มาถามข้อติดขัดการปฏิบัติต่อครู
บาอาจารย์ที่ มูลนิธิฯ ด้วย ข้าพเจ้าจึงติดต่อขอไปปฏิบัติ
ธรรมที่วัดศรีประวัติ

เมื่อนัดแนะกันแล้ว ข้าพเจ้าก็เตรียมเสื้อผ้า
ชุดขาว รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ขอให้คุณสามี
ไปส่งข้าพเจ้าที่วัดศรีประวัติ เขตอำเภอบางกรวย อันอยู่
เส้นทางบางใหญ่ -พุทธมณฑล ด้านนั้น ซึ่ง วันที่ไปส่งนั้น นายแช้มป์บุตรชายผู้เริ่มโต และ ดำเนินรอยตามพ่อ
ของเขาเกือบทุกกระเบียดนิ้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดตัวคับ
กางเกงยืนส์คับติ้ว รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ กับท่าทางกร่าง
ๆ ไม่ค่อยกลัวใครก็ไปส่งข้าพเจ้าด้วย ถึงอย่างไร ข้าพเจ้า
ก็ยังรักและห่วงใยลูกยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ก็ตัดใจ และ ทำใจ
ไว้ว่า ตนเองกำลังจะเข้าไป ดับความทุกข์ อันร้อนรนเผา
ไหม้หัวใจ ซึ่งเมื่อคิดครั้งไร ก็เสมือนเพลิงพระกาฬอันเผา
ผลาญให้ข้าพเจ้าดำมืดไปด้วยแรงโทสะ

ข้าพเจ้าจำอาการ ลิงโลดใจ ของคุณสามี ที่รีบ ๆ
นำข้าพเจ้าไปส่งรีบ ๆ ไปจากข้าพเจ้า กับท่าทาง
" เป็นหนุ่มอีกครั้ง " ของเขาได้ติดตาในวันที่ข้าพเจ้ากำลัง
ไป ถือศีลปฏิบัติธรรม !

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

เรือนไม้ ที่ วัดศรีประวัติ เป็นเรือนสองชั้น
ใต้ถุนโล่ง ทาสีน้ำตาลอมดำไว้ หน้าเรือนชั้นบน มีระเบียง รอบ มีห้องน้ำเล็ก ๆ ต่อเนื่องไปทางด้านข้างให้
ชีวิตพอเพียงการอยู่ การกิน การนอน การปฏิบัติธรรม
ห้องก็เป็นห้องว่างโล่ง มีเสื่อผืน หนึ่ง หมอนใบหนึ่งและ
มีพัดลมตัวหนึ่งไว้ให้เปิด ดูเหมือนว่า จะมีขวดน้ำ แก้ว
น้ำ จานช้อนส้อม ไว้ให้หนึ่งชุด

ช่วงเช้า ก็มีปิ่นโตมาวางให้เถาหนึ่งหน้าห้อง
ก่อนเที่ยงเวลาเพลก็มาวางให้อีกเถา มีน้ำดื่ม มีอาหาร
กิน ขอเพียงให้อยู่ปฏิบัติ ข้าพเจ้าจะปฏิบัติดีเลิศ ก็หาไม่
เดินไปเดินมาฟุ้งซร่านด้วยเรื่องต่างๆ เต็มสมอง แต่อย่าง
น้อย เรือนว่างนั้น ทำให้ "หดความอยาก" ความปรารถนา
โน่นนี่ไปได้ ว่า เออนะ ไม่ต้องตึกรามหรูหราอะไร แค่เรือน
นิดเดียวพอซุกหัวนอนคนเราก็อยู่ได้

ที่ผ่านมาเรามันไม่เคยเพียงพออะไรสักอย่าง อยาก
เป็นอย่างโน้น อยากได้อย่างนี้ มันถึงไม่เคยมีความสุข มี
แต่ความทุกข์เพราะความดิ้นรนกระวนกระวายความอยาก


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

(มีต่อ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:1:17:06 น.  

 
 
 
(ต่อ ๓ )

ข้าพเจ้าเดิน ดูตัวเอง รูปเดิน นามรู้ไปอย่าง
นั้นสักพัก ตอนเย็นก็เดินไปที่กุฎิท่านอาจารย์พระทอง ไป
กราบท่านว่า วันนี้ ปฏิบัติอะไรไม่ค่อยได้ จิตใจกระวน
กระวายทำตัวไม่ถูก ท่านก็สอนให้ว่าควรกำหนดจิตอะไร
อย่างไรสักพัก แต่ในวันอันวุ่นวายใจนั้น มันก็เหมือนเข้า
หูซ้ายทะลุหูขวาไป ข้าพเจ้าก็ถามว่า ที่ผ่านมายังไม่
ทราบเลยว่า วัดนี้เป็นมาอย่างไร ขอหนังสือประวัติวัดสัก
เล่มหนึ่งท่านมีไหม พระทอง ท่านก็ไปค้นมาได้เล่มหนึ่ง
ส่งให้ข้าพเจ้า แล้วก็เตือนว่า

"คุณโยมมาปฎิบัติธรรมนะ อย่าฟุ้งซร่าน"

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้ากลับไปที่เรือน เมื่ออาบน้ำเย็นแล้วก็นั่ง
อ่านหนังสือประวัติวัดอยู่สักพักก็เอะใจ กับ ชื่อบางชื่อใน
หนังสือ สะกิดใจถึง คุณแม่จุ้ยขึ้นมาทันที ก็ชื่อ ท่าน
มารดาของเจ้าจอม ซึ่งเป็นท่านยายของพระสงฆ์องค์ที่
ท่านเป็นผู้สร้างปฏิสังขรณ์วัดนั่นเอง ตรงอะไรนักกับที่
ข้าพเจ้าจดไว้จากที่คุณแม่จุ้ยพูดไว้

นาทีนั้น อะไรจะจริง หรือ ไม่จริง ข้าพเจ้าไม่รู้ รู้แต่ว่า
ตัวเองนั้นมันแปดเปื้อน เต็มไปด้วยความบาปหยาบ
หนา มันไม่อาจเทียบได้สักกระผีกริ้นของท่านขรัวยาย
ผู้ปฎิสังขรณ์วัดนั้น ร่วมกับพระอริยสงฆ์เจ้าพระองค์นั้น
ข้าพเจ้ามันคนบาปหยาบช้า ไม่สมควรแม้จะได้ชื่อว่าใน
อดีตชาตินั้นไปเกี่ยวไปดองกับท่าน โอ ไม่อาจจะอาจ
เอื้อมไปถึงกระนั้นเลย ยิ่งคิดว่าหากท่านเป็นแม่ข้าพเจ้า
จริง ท่านคงจะช้ำแสนช้ำนัก กับการกระทำอันผิดอาญา
แผ่นดิน ผิดจนข้ามภพ ข้ามชาติมาอย่างนั้น

หวนคิดไปถึง ภาพนิมิตรที่เคยปรากฎที่เรือนไม้ชั้น
เดียวที่บ้านสามีเมื่อลูกชายยังเล็ก ข้าพเจ้าเอะใจขึ้นมา
ว่า หรือนั่นจะเป็นท่าน ท่านแม่ของข้าพเจ้าจริง จึงได้
มีดวงตาแดงฉานดุดัน กราดเกรี้ยวกับข้าพเจ้าให้เห็นนับ
แต่เวลานั้น

ไม่ว่าจะแม่ชาตินี้ หรือ แม่ชาติไหน คงได้ทำให้
ทุกท่านเจ็บช้ำน้ำใจขนานหนัก มานักแล้วหากมันเป็น
ความจริง การที่ ลูกสาวของแม่ท่านมารดา"ท้าวทรง
กันดาล"ผู้ประวัติเป็นเจ้าจอมนั้นได้วายชนม์เสียแต่ยังอายุ
ไม่มาก ทิ้งลูกหลายคนไว้ให้ท่านมารดาในประวัตินั้นเลี้ยง
ให้มาจนโต ก็น่าสงสารท่านมารดาในประวัตินั้นมากนัก
ท่านคงเหนื่อยยากสายตัวแทบขาดที่ต้องเลี้ยงบุตรธิดา
ของธิดาท่านผู้ล่วงลับไปทั้งทิ้งแต่รอยบาปเจ็บช้ำไว้ให้
ท่านมารดา "ท้าวทรงกันดาล "

ตามประวัติของวัด ท่านพระอริยสังฆเจ้าองค์ผู้
เป็นบุตรชายของท่านเจ้าจอมได้ร่วมบูรณะวัดกับท่าน
ยาย โดยอุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่านมารดาคือเจ้าจอมนั้น

หากแม้นเป็นจริงข้าพเจ้าคงเป็นผู้รับกุศล แต่
ข้าพเจ้าไม่อาจหาญไม่เหิมเกริมที่จะเป็นเจ้าจอมผู้นั้นเป็น
แน่แท้ จึงได้แต่ ตื้นตันใจในการกระทำอันเป็นบุญ
อักโข
มองไปทั่ววัด รวมทั้ง เจดีย์สีขาวแห่งนั้นซึ่งท่าน
พระอริยสังฆเจ้านั้นได้สร้างอุทิศให้พระแม่ท่าน ข้าพเจ้า
นึกอนุโมทนาบุญ และ คิดอยู่ในใจว่า ข้าพเจ้าไม่อาจ
เอื้อมที่จะเป็นแม่ของท่านพระอริยสงฆ์เช่นนั้น

ข้าพเจ้าไม่ได้ปักใจเชื่อว่ามันเกี่ยวพันเป็นจริง
กับข้าพเจ้าอะไรมาก เพียงแต่คิดตามพงศาวดารพิสดารที่
ได้ไปค้นหาอ่านเอาตามจดหมายเหตุรัชกาลที่สี่ ที่ห้าใน
ช่วงที่มีชื่อเจ้าจอมดังกล่าว ก็ให้รู้สึก "อิน" ไปกับวิถีชีวิต
นั้น ถึงแก่ สลดใจ ในวาระกรรมนั้นอย่างยิ่ง และถึงแก่
อัศจรรย์ใจว่า อะไรจะมีชื่อตรงกันขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้ง
ชื่อท่านมารดา ทั้งชื่อเจ้าจอม นั้น แล้วก็เลยรอว่าหาก
ออกจากวัดไปวันไหน จะไปกราบคุณแม่จุ้ย ถามให้ได้
ความจริงอันน่าสะเทือนใจยิ่ง

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:1:25:44 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๕ (ต่อ ๔ )
ขุดกรรม !

ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่า เป็นเวลาไหน และ วันอะไร
เดือนปีอะไร แต่ครั้งที่อยู่ที่ตึกปทุมฯ นั้นคืนหนึ่ง ได้เห็น
หญิงสาวคนหนึ่ง ดูในวัยยังสาวนัก มายืนโวยวายใส่
ข้าพเจ้าปลายเตียงว่า

"พี่มันตระบัดสัตย์ พี่ไม่ซื่อ พี่สัญญาว่า จะแบ่ง
ที่พ่อให้หนู แล้วพี่ก็ไม่ให้ ทำไมพี่ทำอย่างนั้น "

ที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากหญิงสาวที่แสดงตนว่า เป็น
น้องสาวข้าพเจ้านั้น เป็นหญิงวัยกลางคนดูไม่ชรา สวม
เสื้อขาวคอกลม ผ้าถุงสีดำ ยืนนิ่งแบบเป็นคนพาน้องสาว
มาหาข้าพเจ้า ดูแล้ว คือ "แม่" คนหนึ่งของข้าพเจ้าใน
ภพไหนไม่รู้ ท่าทางท่านไม่ได้แสดงว่ารักข้าพเจ้า แต่รัก
น้องสาวนั้นมาก แต่ต้องพามาเพราะข้าพเจ้าน่าจะเป็น
คนมีตำแหน่งหน้าที่ต้องดูแลสินทรัพย์ให้น้องและ ลักษณะ
ท่านเป็นชาวบ้านเหมือนชาวสวนมากกว่าจะเป็นผู้ดีมีสกุล
ในเมือง

น้องสาวในอดีตภพข้าพเจ้ายังชี้หน้าชี้ตาอยู่แล้ว
ค่อยหายไปเมื่อข้าพเจ้าลืมตาตื่นขึ้นเห็นแต่ความมืด

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

เมื่อหวนรำลึกถึงความฝัน ณ ตึกปทุมฯ ในคืน
วันไหนที่ผ่านไปแล้วประมวลความชั่วร้ายของตนเอง อันมี
แก่แม่ หญิงผู้เป็นมารดาทั้งหลายแต่ละภพชาติของ
ข้าพเจ้าแล้ว เกิดความสลดจิตขึ้นมาอีกทันที

ไหนจะความโลภโมโทสันของตน ไหนจะ
ความเลวร้าย เล่ห์เหลี่ยม โหด เลือดเย็น อันประกอบขึ้น
มาเป็นหินชาติตัวเองในชาตินี้ มันไม่มีอะไรที่จะลบล้าง
กรรมเหล่านั้นได้ดอก

ปฎิบัติธรรม ชั่วขณะเพียงน้อยนิด จิตอันไม่
นิ่งแกว่งไปมาด้วยฤทธิ์โทสะ ผนวกกับความวกวนแต่
ความฟุ้งซร่านเรื่องโน้นเรื่องนั้น ... แต่อย่างน้อย ข้าพเจ้า
ได้สำเหนียกและ สำนึกเข้ามาทีละน้อย ว่า ทั้งหมด ทั้ง
มวล มันคือ ดวงจิตอันเต็มไปด้วยบาป อัน มี โลภะ ความ
อยากโลภของข้าพเจ้า โทสะ ความโมโห เกรี้ยวกราด
เพราะเจ็บแค้นชิงชังเคียดแค้นของตน และ โมหะ คือ
ความ โง่ งม ความไม่รู้เท่าท้น มารในใจ ของข้าพเจ้านั่น
เอง อันเป็นการกระทำ เป็นกรรม เป็นต้นเหตุ เป็นสาเหตุ
แห่งวิบาก หรือเกิดผล ดังที่ หลวงพ่อเสือ พระพิรุณหผล
วัดไผ่สามกอ ฯ ท่านได้สำแดงไว้ทุกครั้งคราเมื่อแสดง
ธรรมว่า

"เจ้ากรรมนายเวรที่แท้จริง คือตัวเราเอง "



~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
(มีต่อ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:1:31:17 น.  

 
 
 
คุณแม่จุ้ยรับทราบเรื่องการไปพบ "ประวัติตัวเอง"
ตามที่ท่านว่า ท่านบอกทุกอย่างเสร็จแล้ว ดูทีท่าพอใจ
กับหนทางที่ข้าพเจ้าได้เดินไปแก้ตัวอดีตชาติ แต่กระนั้น
เมื่อจะลาจากกันในช่วงนั้น ท่านก็เผลอพูดอะไรบาง
อย่าง ที่แสดงว่าท่านเคยเป็น แม่ของข้าพเจ้ากันมาใน
ชาติหนึ่ง เห็นหยาดน้ำตาในดวงตาท่าน กับอาการที่
"พยายามจะไม่ทุกข์" นั้น ข้าพเจ้าก็อึ้งอีกครั้ง แต่ข้าพเจ้า
จะไม่ยึดอดีต และ จะไม่ให้ชาติอดีตมามีอิทธิพลอะไรกับ
ชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของเราในชาตินี้

ไม่ว่ามันจะหัวหกก้นขวิดจะร้ายจะแรงจะเลว
บัดซบอะไรสักแค่ไหนก็ช่างมัน เพราะนี่มันชาติปัจจุบันที่
ข้าพเจ้า สร้างมันกับมือมาเองทั้งนั้น จะร้ายจะดี มันไม่มี
อะไรจะมาทำร้ายจิตใจข้าพเจ้าได้แล้วทั้งนั้น

ดังถ้อยความหลวงพ่อเสือ ท่านเทศน์เสมอว่า
๐๐๐ อดีตคือความปด อนาคตคือความฝัน ปัจจุบันคือ
ความจริง ๐๐

ข้าพเจ้าขอยกบทกลอนที่ข้าพเจ้าเขียนไว้เอง
สมัยอยู่เตรียมอุดมในหนังสือเรียนที่ข้าพเจ้าเขียนขึ้นมา
ประกอบรูปภาพที่ไปตัดมาจากนิตยสารฝรั่ง แล้วจึงแต่ง
กลอนขึ้นมาประกอบไว้บทหนึ่งว่า

" ไม่มีแน่แท้จริงสิ่งไม่เที่ยง
ชีวิตเลี่ยงหลีกไปไม่มีได้
ขอยอมสู้ความจริงมิทิ้งลาย
จนวันตายเผชิญหน้าชะตากรรม "

ราวกับจะรู้ว่าอีกยี่สิบกว่าปีให้หลังจากยุคสมัย
นั้น ข้าพเจ้าจะต้องเจอกับมันจริง ๆ ช่างเขียนได้แม่น
ราวตาเห็น !!


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
(จบบทที่ ๓๕ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:1:34:03 น.  

 
 
 
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:1:36:46 น.  

 
 
 
แวะมาทักทายคุณทิกิค่ะ ไม่ได้แวะมาตั้งนานคุณทิกิสบายดีนะคะ ยีนส์ยังย้ายบ้านไม่เสร็จเลยค่ะ คิดว่าปลายเดือนนี้ก็คงแล้วเสร็จ อยากให้เสร็จไว ๆ จะได้มาเขียนนิยายต่อค่ะ กำลังลังมันส์ทีเดียวค่ะ ห่างไปนาน ๆ ไม่ได้เลยค่ะ...คิดถึงนิยายชะมัดเลยค่ะ คิดถึงพี่ ๆ เพื่อนที่ถนนนักเขียนฯ ด้วยค่ะ

คุณทิกิรักษาสุขภาพบ้างนะคะ ยีนส์ขอให้คุณและครอบครัวมีความสุขมาก ๆ ค่ะ
 
 

โดย: roslita วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:5:07:51 น.  

 
 
 
(ต่อ ๕ )
ขุดกรรม !

คุณแม่จุ้ยรับทราบเรื่องการไปพบ "ประวัติตัวเอง" ตามที่ท่านว่า
ท่านบอกทุกอย่างเสร็จแล้ว ดูทีท่าพอใจกับหนทางที่ข้าพเจ้าได้เดินไปแก้ตัว
อดีตชาติ แต่กระนั้น เมื่อจะลาจากกันในช่วงนั้น ท่านก็เผลอพูดอะไรบาง
อย่าง ที่แสดงว่าท่านเคยเป็น แม่ของข้าพเจ้ากันมาในชาติหนึ่ง เห็นหยาด
น้ำตาในดวงตาท่าน กับอาการที่ "พยายามจะไม่ทุกข์" นั้น ข้าพเจ้าก็อึ้งอีก
ครั้ง แต่ข้าพเจ้าจะไม่ยึดอดีต และ จะไม่ให้ชาติอดีตมามีอิทธิพลอะไรกับ
ชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของเราในชาตินี้
ไม่ว่ามันจะหัวหกก้นขวิดจะร้ายจะแรงจะเลวบัดซบอะไรสักแค่ไหน
ก็ช่างมัน เพราะนี่มันชาติปัจจุบันที่ข้าพเจ้า สร้างมันกับมือมาเองทั้งนั้น จะร้าย
จะดี มันไม่มีอะไรจะมาทำร้ายจิตใจข้าพเจ้าได้แล้วทั้งนั้น

ดังถ้อยความหลวงพ่อเสือ ท่านเทศน์เสมอว่า
๐๐๐ อดีตคือความปด อนาคตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง ๐๐

ข้าพเจ้าขอยกบทกลอนที่ข้าพเจ้าเขียนไว้เองสมัยอยู่เตรียมอุดม
ในหนังสือเรียนที่ข้าพเจ้าเขียนขึ้นมา ประกอบรูปภาพที่ไปตัดมาจากนิตยสาร
ฝรั่ง แล้วจึงแต่งกลอนขึ้นมาประกอบไว้บทหนึ่งว่า

" ไม่มีแน่แท้จริงสิ่งไม่เที่ยง
ชีวิตเลี่ยงหลีกไปไม่มีได้
ขอยอมสู้ความจริงมิทิ้งลาย
จนวันตายเผชิญหน้าชะตากรรม "

ราวกับจะรู้ว่าอีกยี่สิบกว่าปีให้หลังจากยุคสมัยนั้น ข้าพเจ้าจะต้องเจอ
กับมันจริง ๆ ช่างเขียนได้แม่นราวตาเห็น !!


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

(ส่วนนี้ต่อเพิ่มเติม ๑๒ มิ.ย ๕๑ เวลา 12:18)

หลังจากออกจากปฏิบัติธรรม ต้องกลับมาผจญเผชิญ
ชีวิตนอกศาลาการปฏิบัติแล้ว ถึงแม้ว่าความแค้นในใจยังไม่ได้
หดหายไป ยังเจ็บจำทุกครั้งที่ขับรถผ่านเส้นทางบ้าน"คุณดา"เธอ
ทุกวัน แต่อย่างน้อย ข้าพเจ้า สามารถ 'ตัดใจ' ไม่ก่อกรรมเวร
เปิดทางไปนรกให้ตัวเองต่อไปอีก ยอมรับสภาพการถูกโกง ก็
เพราะในอดีตเราน่าจะไปโกงชาวบ้านชาวช่องเขามามากหลาย
มิฉะนั้น จะไม่เกิดวิบากหรือผลแห่งกรรมอันแรงร้ายหลายระลอก
อย่างนี้ได้

เมื่อเริ่มรู้จักการ ตัดใจ ได้ด้วยบทเรียนหลายบทมาแล้ว
ก็มาถึงการ "จำหน่ายออก" ซึ่งทรัพย์สินอันรุงรัง อย่างน้อยก็เช่น
รถตู้ที่จอดทิ้งไว้หน้าบ้านคุณแม่ และ รถเก๋งบีเอ็มดับบลิว ซึ่งนำไป
จอดไว้ที่บ้านคุณแม่สามี บริเวณหน้าเรือนไม้เก่า รวมทั้งอุปกรณ์
บ้านที่ขนไว้จากบ้าน ๕๓ ไปทิ้งไว้ที่นั่น คุณแม่สามีท่านบ่นนักว่า
รกบ้านท่าน จะให้ขายทิ้งไป มีคนมาขอซื้อ หนึ่งหมื่นบาท ข้าพเจ้า
ฟังแล้วก็ฉุนเล็กน้อย ว่าเพิ่งไปซ่อมมาเป็นเงินกว่าสามสี่หมื่นบาท
ก่อนหน้านั้น จะให้ขายทิ้งไปอย่างนั้น คิดว่ารับไม่ได้ จิตใจไม่ชื่น
บานเลย จึงโทรศัพท์ไปที่วัดสวนแก้ว นนทบุรีบอกเจ้าหน้าที่วัด
สวนแก้วให้มารับ สิ่งของรวมทั้งรถยนต์สองคัน คันหนึ่งอาจเก่า
จอดไว้ แต่ซ่อมมาวิ่งได้ดี แต่รถตู้นั้น ความที่ไปจอดทิ้งไว้ริมถนน
หน้าบ้านคุณแม่ จึงมีคนเข้าไปแงะรถขโมยข้าวของในรถออกไป
หมด ดีที่ไม่ยกคันเกียร์กับพวงมาลัยออกไปด้วย

ทางเจ้าหน้าที่วัดสวนแก้ว ได้มารับรถ ลากกันไปทีละ
คัน ข้าพเจ้าก็เซ็นโอนลอยทะเบียนรถให้ไป ทั้งขอให้คนที่จะรับ
โอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นวัด หรือ ผู้ที่จะไปซื้อต่อวัด ช่วยไปจ่ายค่าโอน
ค่าปรับ ค่าภาษีอะไรเอาเองด้วย จึงเหลือรถยนต์ไว้ใช้อยู่สองคัน
เพียงพอแก่การมีชีวิต วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี แค่
นั้นก็ยังนับเป็น ค่าใช้จ่าย อันมีทั้งการซ่อมแซมบำรุงรักษา รวมทั้ง
ค่าน้ำม้นเชื้อเพลิงซึ่งค่อย ๆ แพงขึ้นมาเรื่อย ๆ จากที่เคยใช้กันแค่
เดือนละแปดร้อยถึงพันกว่าบาทต่อคัน ค่อย ๆ ขึ้นไปจนตกสาม-สี่
พันบาทต่อคันมาอีกหลายปี

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

(มีต่อ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:12:25:52 น.  

 
 
 
(ต่อ ๖ )
ช่วงนี้ ลูกชายเรียนมัธยมปลาย และ ลูกสาวข้าพเจ้า
ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยยังคณะฯ ที่ข้าพเจ้าไม่อยากจะไปเข้าเลย
นั่นแหละ มิหนำซ้ำเธอยัง ปรารถนาจะสอบเข้าเป็นอย่างยิ่งด้วย และ
ก็สอบเข้าได้สมใจ ลูกสาวนับเป็นอภิชาติบุตร ผู้มีวันเกิดใกล้เคียง
กับคุณแม่ของข้าพเจ้า และ ก็ดำเนินรอยตามคุณแม่ของข้าพเจ้า
ได้อย่างดีเยี่ยมไม่ผิดเพี้ยนเลย ! นับว่าสมใจคุณแม่จริง ๆ สมควร
จะกล่าวว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลราก ! เพราะข้าพเจ้านั้นเป็นต้นที่ไม่
ได้เป็นตัวอย่างอันดีให้แก่ลูก แต่คุณแม่ผู้เป็นเสมือนและเมล็ดผู้
งอกรากให้เป็นหลักแก่ชีวิตข้าพเจ้านั้น กลับเป็นผู้สร้างระเบียบเข้ม
งวดเป็นหลักให้แก่ลูกมากกว่าข้าพเจ้านัก

ส่วนเรื่องที่ดินผืนนั้น ..ทางจังหวัดได้ปลดล็อคเรื่องที่ดิน
ที่จะถูกเวนคืนไปแล้ว อย่างที่ทราบ ๆ กันอยู่ ว่าพระราชฐานทาง
สนามบินน้ำนั้น ได้ สลายไป เหลือแต่ตึกใหญ่บริเวณกว้างแต่ร้างคน
และได้มีการขายเปลี่ยนมือไป ที่ดินของข้าพเจ้าจึงมิได้ตกอยู่ใน
เขตจะเวนคืน พระราชบัญญัติไม่ได้มีการต่ออายุ ตกไปแล้ว แต่วันนั้น
เราก็ไม่มีเงินจะเข้าไปปลูกบ้านแล้ว คิดราคาค่าถมที่อย่างเดียว ทั้ง
ถมที่ถมถนนก็ว่ากันไปหลายแสน ไหนจะค่าปลูกบ้าน อีก จึงได้แต่
ถือโฉนดที่ดินไว้.. ให้เป็นสินทรัพย์เสริมดวงชะตาข้าพเจ้าและ ลูก
ทั้งสองให้ถือไปถือมา แล้วก็โยนเก็บไว้ก้นเซฟ เหมือนเก่า


มองสิ่งที่ผ่านไป และมองไปเบื้องหน้าอย่าง ไร้อนาคต
คิดหางานอะไรสักอย่างทำเพื่อจะได้พ้นเขาไปแต่ละวันเท่านั้น

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~


(จบบทที่ ๓๕ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:12:26:54 น.  

 
 
 
คุณ ยีนส์ : roslita
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกระทู้นะคะ ขอบคุณสำหรับคำอวยพร
ด้วยค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:12:28:56 น.  

 
 
 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาลงชื่ออ่านไว้ก่อนครับ เห็นกันบ่อย ๆ ในถนนฯครับ แต่ว่าผมตามอ่านเรื่องนี้ได้ไม่ต่อเนื่องครับ สงสัยว่าคงจะต้องรอรวมเล่ใ พิมพืออกมาขายก่อนดีกว่าครับ

อิอิ
 
 

โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:14:51:06 น.  

 
 
 
สาธุค่ะ ท่านอาคุงกล่อง ถือเป็นคำอวยพรเลยนะคะ
หวังใจว่าจะได้รวมเล่มเหมือนกันค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ unlogged in IP: 125.25.72.213 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:23:43:19 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com