ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
ภาค หก บท ๒๔ ..**

%%%%%% +++ นิยายชีวิต ๐๐ ที่ดินผืนนั้น +++ %%%%%%
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค หก
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@
บทที่ ๒๔
แล้วชีวิต..ก็เปลี่ยนแปลง

... เริ่มชีวิตครอบครัวกันใหม่



บทเก่า ๒๓ อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=29-04-2008&group=7&gblog=18



________________________________________________



Create Date : 03 พฤษภาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:08:33 น. 10 comments
Counter : 349 Pageviews.  
 
 
 
 
" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค หก
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@
บทที่ ๒๔
แล้วชีวิต..ก็เปลี่ยนแปลง

... เริ่มชีวิตครอบครัวกันใหม่


ถึงแม้จะยุ่งเรื่อง ลูก เรื่อง บ้าน เรื่องงานที่เปลี่ยนไปและ แทบ
จะกลายเป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็มิได้ทิ้งการศึกษาในมหาวิท
ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ข้าพเจ้าเรียนอยู่กว่าสองปีระหว่างทำงานที่ทำงาน แล้วเรียนต่อ
ระหว่างอยู่ในหมู่บ้านคุณพ่อคุณแม่อยู่พักหนึ่ง รวมสักสามสี่ปี วิชาที่ติด
เรื่อย ก็ยังเป็นพวก เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ หรือ สถิติธุรกิจ อะไรอย่างนั้น
เหมือนเก่า เห็นท่าการเรียนสายบริหารธุรกิจ หรือที่เรียกกันที่นั่นว่า
"วิทยาการจัดการ" ของข้าพเจ้าจะไปไม่ดีเท่าที่ควร

ช่วงนั้น ข้าพเจ้าพาลูกทั้งสองเดินทางไปกับรถทัวร์ไปภาคใต้
โดยการซื้อทัวร์พักที่โรงแรมริมทะเลภูเก็ต โดยไปกับครอบครัวเพื่อน นิคกี้
ที่เคยเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่วนตัวกันมาด้วย แต่ก็เหมือนเคย
นิคกี้ไม่เคยมีเวลาไปเที่ยวด้วยกับเรา และ ข้าพเจ้าก็มิได้ตามไปสนใจว่า
ระหว่างที่ข้าพเจ้าไม่อยู่เขาจะไปไหน ทำอะไร เพราะเวลาอยู่ที่บริษัทฯ
ที่ถนนคอนแวนต์นั้น เขาก็มักเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ๆ และ ช่วงนั้นเขา
ก็กำลังเปลี่ยนงานใหม่ไปทำแถว ถนนพหลโยธินใกล้มหาวิทยาลัยเกษตร
ศาสตร์ เรียกได้ว่า ออกนอกเมืองอยู่ชานเมือง ใกล้บ้านเข้ามาหน่อย

ลูก ๆ ก็น่าจะอยู่ดีมีสุขในช่วงนั้น

อยู่บ้านคุณพ่อคุณแม่สักปีกว่าได้ คับแคบเป็นธรรมดา ส่วนคุณ
แม่ข้าพเจ้าก็บ่นให้ร้อนอกร้อนใจอย่างยิ่งทุกวันมากยิ่งขึ้น ท่านดูเปลี่ยนจาก
การเป็นพวกข้าพเจ้า กลายเป็นพวกคุณแม่สามีไปแล้วอย่างน่าประหลาดใจ
และ ก็ดูเหมือนกดดันให้ข้าพเจ้าอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้ เป็นรอบที่เท่าใด อีก
แล้ว ?

ถึงจะคับแคบตกลำบากตัวเองสักเท่าใดแต่จิตใจและความรู้สึก
ในครอบครัวก็เป็นสุขกว่าเดิมนัก เราไม่มีการโต้เถียงหรือต้องฟังถ้อย
ประชดประชันแดกดันอย่างที่ได้รับอยู่ทุกวี่ทุกวันที่บ้านคุณแม่เขา
ข้าพเจ้ากำลัง ร้อนวิชา "ตัดเย็บเสื้อผ้า" ที่เรียนมาจาก "Haute
Couture" ที่สมาคมฝรั่งเศส และ ยังไปเรียนทุกวันเสาร์โดยนำลูกทั้งสอง
ไป ว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ YMCA ใกล้ ๆ สมาคม ฯ ด้วย จากนั้น เด็ก ๆ จะ
กลับไปรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมข้าพเจ้าและ นิคกี้สามีซึ่งจะออก
จากที่ทำงานมากินอาหารที่ ห้องอาหารสถานทูตฝรั่งเศสด้วยกัน เกือบทุก
บ่ายวันเสาร์

และ ก็พอค่ำวันเสาร์ที่เขามีหน้าที่ต้องไปรับประทานอาหารค่ำกับ
คุณแม่เขา ก็ยังทำหน้าที่อยู่เป็นประจำ จะเหนื่อยใจเพราะสภาพการติดต่อ
เดิม ๆ แต่ก็ไม่ค่อยเดือดร้อนเหมือนเวลาที่ต้องอยู่ในอาณัติสัญญาณ จะ
รำคาญหู ร้อนหู ร้อนใจ บ้าง บางครั้งก็ไป บางครั้งก็ไม่ได้ไปด้วย ข้าพเจ้า
ก็มีความสุขในชีวิต มากขึ้นกว่าเดิม และมีเป้าหมายที่จะหาบ้านสักหลังให้ได้

นิคกี้จะไม่ค่อยยอมที่จะไปปลูกบ้านในที่ดินซอยแผ่นดินทองสัก
เท่าใด ให้เหตุผลว่า มันไกล ลึกมาก และ ถนนไม่ดี ลำบาก หากเกิดไม่มี
รถใช้ จะเข้าออกเป็นปัญหามาก ไม่เหมือนบ้านคุณแม่ ที่ห่างจากถนนแค่
สิบเมตร มีรถเมล์หลายสาย ผ่านหน้าถนน การเดินทางสะดวก และอีกประ
การหนึ่งเรายังไม่มีเงินก้อนพอที่จะไปปลูกบ้านใหม่ ขอให้ช่วยกันประหยัด
และอดทนกันระยะนี้ ซึ่งข้าพเจ้าก็พยายามควบคุมตัวเองให้ลดความต้องการ
ลง ดูสถานะการณ์ น่าจะหาบ้านเช่าขยับขยายกันไปก่อน
~~~~~~~ ~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:31:27 น.  

 
 
 
(ต่อ ๑ )

เย็นวันหนึ่ง เราสองคนเดินไปมาอยู่แถวสนามหญ้าหน้าบ้านคุณแม่
และเลยเดินไปมอง "บ้านตัวอย่าง" หลังใหญ่ ซึ่งปิดร้างทรุดโทรมฝั่งตรง
ข้ามถนน ข้าพเจ้ามองไปมาแล้วก็พูดเล่น ๆ ว่า
" นิค ถ้าบ้านนี้เขาให้เราเช่าสักเดือนละ แปดร้อยบาทก็ดีสินะ "
บ้านขนาดนั้น ริมถนนใหญ่ ที่เกือบ ๙๐ วา หน้ากว้างขนาด ๑๕
เมตร ขนาดทำตึกแถวได้ห้าห้องนั่นนะ หากเขาให้เช่ากันก็ไม่ต่ำกว่าเดือน
ละ เจ็ดแปดพันบาทแน่นอน พอคุยกันเล่น ๆ นิคกี้ก็ว่าดีสิ ข้าพเจ้าจึงไป
สอบถามผู้คนแถวนั้น จนได้ความว่ายังเป็นของ "คุณนาย" เจ้าของหมู่บ้าน
อยู่ ติดต่อเลขาเธออยู่ใกล้ ๆ ได้

ที่หน้าหมู่บ้านของเรานั้น มีพระพรหมธาดาอยู่องค์หนึ่งเป็นศาลตั้ง
อยู่ทางด้านหน้าหมู่บ้าน ข้าพเจ้ากับนิคกี้ ก็เดินต่อไป ไปจุดธูปไหว้ท่านแล้ว
ก็ขอท่านดื้อ ๆ ว่า ลูกทั้งสี่คนมาอาศัยคุณพ่อคุณแม่อยู่ ในหมู่บ้านท่าน ดูจะ
คับแคบไม่สบายกายใจ อยากได้บ้านอยู่อาศัยในหมู่บ้านท่าน ขอให้ท่าน
โปรดเมตตาประทานที่อยู่ที่อาศัยให้ข้าพเจ้าทั้งสองด้วย





จากนั้นก็เดินไปหาบ้านของคุณ เลขาคุณนายจนเจอ
เมื่อข้าพเจ้าไปสอบถามกับ คุณเลขาของคุณนาย ทั้งยังเสนอ
ว่า บ้านชำรุดทรุดโทรมต้องซ่อมแซมขนาดหนักนั้น ซึ่งข้าพเจ้ายังไม่เคย
เดินเข้าไปดูด้านในเลย ได้แต่มองจากด้านนอก รกเรื้อมาก หากเข้าไปอยู่
ต้องใช้เงินหลายหมื่นซ่อมแซมบ้าน จึงอยากจะให้ในปีแรกนี้ ให้เราเช่า
ถูก ๆ สักเดือนละห้าร้อยได้หรือไม่ และ หากมีโทรศัพท์ อย่างที่คุณเลขา
เธอว่า ก็คิดไปสัก เดือนละ แปดร้อยก็แล้วกัน !!

ข้าพเจ้าช่างเป็นนักต่อรองเข้าไปขนาดนั้นได้อย่างไร ..พร้อมกับ
ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ ข้าพเจ้าคิดว่า คุณนาย ได้ยินแล้วอาจคิดหนัก คงไม่
ได้กับเขาดอก
แต่วันทำงานต่อมา เลขาคุณนายก็โทรฯมาบอกว่า

" คุณนายให้คุณเช่าค่ะ เดือนละ แปดร้อยอย่างที่คุณต้องการ "

หา..
ข้าพเจ้ากับนิคกี้ ได้ยินแล้วแทบตกเก้าอี้ เป็นไปได้หรือคะ
แล้วเธอก็ให้เราทั้งสองไปทำสัญญาเช่า หนึ่งปี และให้เด็กเอากุญแจบ้าน
มาให้พร้อมกับให้เซ็นเรื่องขอน้ำประปาไฟฟ้ารวมทั้งโทรศัพท์ต่อให้ใหม่
คิดค่าต่อน้ำไฟโทรศัพท์อีกนิดหน่อย

มันเหมือนเรื่องเหลือเชื่อจริง ๆ ค่ะ

%%%%%%%%~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~%%%%%%%%%%%
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:40:31 น.  

 
 
 
เริ่มชีวิตครอบครัวกันใหม่
(ต่อ ) ๒

เราอยู่กันมาหลายปีในหมู่บ้านนั้น เราได้ยิน
แต่เรื่องเคยมีคนมาเฝ้าบ้านหลังนี้ และเคยมีขโมยเข้า
บ้าน และ เคยมีคนเจอผีเจอสางในบ้านนั้น ...แต่คุณเลขา
ฯ บอกกับเราว่า เป็นบ้านหลังแรกของหมู่บ้านที่มีพิธีการ
เชิญ "พระพรหมธาดา" มาเป็นศิริมงคลของหมู่บ้าน คือ
ท่านประทับที่นั่นด้วยไม่เฉพาะที่ศาลหน้าหมู่บ้านที่เราเห็น


ข้าพเจ้าก็หวาด ๆ หวั่น ๆ อยู่เหมือนกัน แต่
แรงดีใจที่จะได้มีบ้านส่วนตัวของเราอยู่ก้น อย่างน้อยก็สัญญาตั้งหนึ่งปี เป็นพลังผลักดันให้ไม่ค่อยกลัวอะไรเลย

นับแต่นั้นเช้าขึ้นมาก็คว้าไม้กวาด เสียมจอบ เครื่อง
มืออะไรต่าง ๆ กระป๋องน้ำ อุปกรณ์สารพัด รวมทั้ง เทป
ทรานซิสเตอร์ไว้เปิดธรรมบรรยายของ "หลวงพ่อเสือ " ข้ามเข้าไปในบ้านหลังนั้น ซึ่งเต็มไปด้วย รังปลวก หยาก
ไย่ ขี้ดินขี้ทรายเต็มบ้าน ทุกตารางนิ้ว



ข้างบนมีห้องนอนใหญ่ ห้องหนึ่ง และ ห้องนอน
เล็กอีกสองห้อง ห้องน้ำห้องกลางหนึ่งห้อง

ปลวกขึ้นเป็นกองอยู่กลางบ้าน ข้างบนด้วย
ขี้ดินสีแดง ถมกันหนาเกือบสองนิ้ว ข้าพเจ้าเอาเสียม
ขนาดกลาง แซะขี้ดินนั้นออกใส่กระป๋อง เดินไปที่ระเบียง
ยกเทลงไปที่พื้นดินด้านล่าง ทุกวัน จนแซะที่พื้นไม่เหลือ
ขี้ดินแล้ว ก็ ใช้ กระดาษทรายมาถู ๆ ให้สะอาด ค่อยทำ
ไปทีละห้อง

ชั้นล่างมีห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องครัว
ใหญ่และ ห้องเด็กรับใช้ ก็คือบ้านเหมือนบ้านพี่ชายใหญ่
ข้าพเจ้าแต่หันหน้าเข้าหากันนั่นเอง ไม่เหมือนกันตรงที่
เก่าชำรุดทรุดโทรมทุกส่วน

ในระหว่างทำงานไป ก็ ฟังเทปหลวงพ่อเทศน์
ธรรมไป เพลิดเพลินจนลืมไปว่า กำลังนั่งอยู่คนเดียวบน
บ้านที่เขาว่า "ผีดุจะตาย พี่อยู่เข้าไปได้อย่างไร " นั้นอยู่
จนค่ำ ก็เดินกลับไปบ้านคุณแม่เพื่อดูแลลูกที่กลับ
มาจากโรงเรียนกันแล้ว

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:46:38 น.  

 
 
 
เริ่มชีวิตครอบครัวกันใหม่
(ต่อ ) ๓

ข้าพเจ้าใช้เวลาเดินข้ามไปข้ามมา อยู่เดือนกว่า
กว่าจะจัดการทำความสะอาดได้ทั้งหมด แล้วก็ หาเงิน
ก้อนหนึ่งไปจัดการ จ้างช่างไม้ มาซ่อมประตูหน้าต่างชั้น
บนทั้งหมดพร้อมทั้งติดเหล็กดัดมุ้งลวดทุกบาน ส่วนที่เป็น
ประตูเปิดออกไประเบียงก็ซ่อมที่ผุที่พังให้หมด

ทำประตูเสริมเหล็กติดมุ้งลวด ตรงทางขึ้นลง
บันไดด้านหน้าบ้าน ในตัวบ้าน อีกบานใหญ่ หากุญแจ
ลูกใหญ่มาคล้องทางขึ้นลงบ้านไว้ กันไม่ให้คนที่เข้าบ้าน
ดึก ๆ เดินขึ้นไปถึงตัว ปรับปรุงพื้นบ้านชั้นบนและ ชั้นล่าง
ที่เป็นไม้ปาร์เก้ต์เดิม ทั้งหลัง ด้วยการซื้อยาขัดพื้นขี้ผึ้ง
แว็กซ์ อย่างที่ข้าพเจ้าเคยทำเวรที่โรงเรียนสมัยประถม
ปลายเป็นประจำ มานั่งขัดถูจนสะอาด



...นอกเหนือไปจากการจ้างช่างไม้ มาซ่อมแซม และ จ้างช่างทำเหล็กดัดมุ้งลวดบนถนนซอยเดียวกับหมู่
บ้านคุณแม่แล้วนั้น มีข้าพเจ้าเพียงผู้เดียว ที่เข้าไปทำ
อย่างอื่นทั้งหมด ในบ้าน เพราะตอนนั้น บริวาร คือเด็ก
รับใช้ของข้าพเจ้ากลับบ้านไปหมดแล้ว


หมดเงินค่าซ่อมแซมไปเกือบสัก ห้าหกหมื่น
บาท !
แต่ข้าพเจ้าก็คุยกับคุณสามีว่า คิดเสียว่า หากเราไปเช่าที่อื่นอยู่เดือนละ ห้าหกพัน ปีหนึ่งก็ หกหมื่นบาทอยู่
แล้วแต่นี่เราเอามาซ่อมบ้านให้อยู่ได้สบาย ทำม่านทุก
ห้อง สวยงามน่าอยู่มาก อย่าไปคิดว่าเสียไปแพง ๆ เลย !


แล้วก็ถึงวันเราเริ่มย้ายเข้าไป ข้าพเจ้าไปนิมนต์พระอาจารย์ ส.
ณ วัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ มาที่บ้าน เพื่อรับสังฆทานบนห้องพระที่
จัดตั้งพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และ พระอื่น ๆ อีกมาก พระอาจารย์ ส. ณ
วัดเลียบฯ ท่านให้จุดธูป เก้าดอกหน้าระเบียงห้อง ด้านนอก พอท่านมอง
ขึ้นบนฟ้า ก็เห็นพระอาทิตย์ทรงกลดพอดี ท่านยิ้มและเอ่ยบอกข้าพเจ้าว่า

" หลวงพ่อมากันหมดเลยเธอ ตั้งแต่หลวงพ่อโต หลวงพ่อสัมฤทธิ์
มากันเป็นขบวนมาให้ศีลให้พรเธอ "

ท่านผู้อ่านที่เคารพรัก..
วันย้ายเข้าบ้านเช่าของข้าพเจ้ามีเพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่ถวายถัง
สังฆทานให้พระสงฆ์หนึ่งองค์ ซึ่งเมื่อเสร็จพิธี ก็นิมนต์ท่านกลับวัด โดยท่าน
นั่งไปด้านหลังรถ ที่ข้าพเจ้าขับไปส่งท่าน

ชีวิตที่บ้านหลังนั้นในวาระเป็นบ้านเช่า อาจดูขะมุกขะมอมกันนัก
เพราะหน้าบ้านก็เป็น ดินเฉอะแฉะบนพื้นปูนที่ต่ำกว่าถนนอยู่มาก แต่เราทั้งสี่
เริ่มมีความสุขขึ้นอีกนิด ที่มีบริเวณให้ทำอะไรหลายอย่างที่ตัวเองพอใจจะทำ
ได้มากขึ้น ข้าพเจ้ามีงานทำทั้งวันไม่ได้หยุด จากในตัวบ้าน ก็ออกไปทำ
บริเวณสวนนอกบ้านต่อไปอีก อย่างน้อยก็เป็น "บ้านของเรา" ที่ข้าพเจ้ารู้สึก
รัก ขึ้นมาแล้ว

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:51:16 น.  

 
 
 
วันนี้ไม่เศร้าค่ะ ดีจังส้มจะได้อ่านไปยิ้มไปได้บ้าง สำหรับบ้านราคาแปดร้อยตามที่ขอไว้ แปลกดีค่ะของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:59:40 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:27:37 น.  

 
 
 
แล้วก็ถึงวันเราเริ่มย้ายเข้าไป ข้าพเจ้าไปนิมนต์พระอาจารย์ ส.
ณ วัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ มาที่บ้าน เพื่อรับสังฆทานบนห้องพระที่
จัดตั้งพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และ พระอื่น ๆ อีกมาก พระอาจารย์ ส. ณ
วัดเลียบฯ ท่านให้จุดธูป เก้าดอกหน้าระเบียงห้อง ด้านนอก พอท่านมอง
ขึ้นบนฟ้า ก็เห็นพระอาทิตย์ทรงกลดพอดี ท่านยิ้มและเอ่ยบอกข้าพเจ้าว่า

" หลวงพ่อมากันหมดเลยเธอ ตั้งแต่หลวงพ่อโต หลวงพ่อสัมฤทธิ์
มากันเป็นขบวนมาให้ศีลให้พรเธอ "

***
นอกจากท้องฟ้าที่สวยใส จะเริ่มกลายเป็นสีเทา เพื่อให้ได้เห็นพระอาทิตย์
ทรงกลดเป็นวงผ่านเมฆมาแล้ว
สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นและแทบไม่เชื่อสายตา จนต้องเบิ่งตามอง ด้วยความ
อัศจรรย์ใจ คือ ฝูงผีเสื้อนานาสีนานาพันธ์ แต่ที่เห็นเด่นชัด เป็นผีเสื้อสีขาว ที่
กำลังขยับปิกบินร่อนอยู่ข้างระเบียง มากันเป็นทิวแถว เต็มหน้าบ้านหลังนั้นไป
หมด
" หลวงพ่อคะ มีผีเสื้อมาบินกันเต็มไปหมดเลยค่ะ "

ท่านพระอาจารย์ ส. ยิ้มชอบใจ กล่าวต่อไปอีกว่า
"เดี๋ยวเธอก็ได้บ้านหลังนี้เป็นของเธอ...เขารอเจ้าของกันมานานแล้ว "
"โอ๊ย อาจารย์คะ นี่เราแค่เช่าเท่านั้นนะคะ "
"นั่นละ คอยดูไปแล้วกัน "
****

ท่านผู้อ่านที่เคารพรัก..
วันย้ายเข้าบ้านเช่าของข้าพเจ้ามีเพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่ถวายถัง
สังฆทานให้พระสงฆ์หนึ่งองค์

****
วันนั้น ข้าพเจ้า แค่ทำเป็นพิธีให้การเข้าอยู่อาศัยถูกต้องสมกับความ
เป็นพุทธมามกะของครอบครัวเท่านั้น และเมื่อนึกย้อนไปถึงถ้อยคำวันนั้น
นอกเหนือไปจากความชื่นชม สมใจ ร่าเริงยินดีอย่างบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าแล้ว
ข้าพเจ้ากลั้นใจที่จะเขียนคำว่า "เสียดาย" ไว้ตรงนี้ด้วยจริง ๆ

หลังจากท่านสวดมนต์ ข้าพเจ้าถวายสังฆทานแล้ว ท่านก็เดินไปเจิมหน้า
ห้องริมระเบียง ซึ่งถือเป็นห้องพระ ของข้าพเจ้า และ ห้องนอนเล็ก ห้องนอนใหญ่
ที่เหลือ จากนั้นก็เดินไปเจิมประตูทางขึ้นชั้นบน พรมน้ำมนต์ ว่าคาถาไประหว่าง
เดิน ลงและ ให้ศีลให้พรแก่ข้าพเจ้าที่เดินตามไปด้วย
*****

ซึ่งเมื่อเสร็จพิธี ก็นิมนต์ท่านกลับวัด โดยท่าน
นั่งไปด้านหลังรถ ที่ข้าพเจ้าขับไปส่งท่าน

ชีวิตที่บ้านหลังนั้นในวาระเป็นบ้านเช่า อาจดูขะมุกขะมอมกันนัก
เพราะหน้าบ้านก็เป็น ดินเฉอะแฉะบนพื้นปูนที่ต่ำกว่าถนนอยู่มาก แต่เราทั้งสี่
เริ่มมีความสุขขึ้นอีกนิด ที่มีบริเวณให้ทำอะไรหลายอย่างที่ตัวเองพอใจจะทำ
ได้มากขึ้น ข้าพเจ้ามีงานทำทั้งวันไม่ได้หยุด จากในตัวบ้าน ก็ออกไปทำ
บริเวณสวนนอกบ้านต่อไปอีก อย่างน้อยก็เป็น "บ้านของเรา" ที่ข้าพเจ้ารู้สึก
รัก ขึ้นมาแล้ว

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


**** คือส่วนที่ต่อเติมเพิ่มขึ้นมาอีกนิดค่ะ
๙:๔๐ น เช้าอาทิตย์ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 51 09:41:15

จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 3 พ.ค. 51 01:13:44 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:18:11 น.  

 
 
 
นิยาย ที่ดินผืนนั้น ภาคหก บทที่ ๒๔
เริ่มชีวิตครอบครัวกันใหม่
(ต่อ ) ๔

ระหว่างนั้นข้าพเจ้าก็คิดจะเปลี่ยนสาขาการเรียนไป
เป็นสาย นิเทศศาสตร์ อันเป็นงานที่ข้าพเจ้าถนัดและหาเลี้ยง
ตัวเองมาตลอดเกือบสิบปีนั้นแทนและ โดยยกวิชาที่สอบผ่าน
ทั้งหมด ไปต่อสายนิเทศ ฯ เหลือระยะเวลาที่จะต้องเรียน เพียง
อีกสองปีนิด ๆ ข้าพเจ้าเลือกวิชาบริหารวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งถนัด
อยู่แล้ว หลายวิชาแทบไม่ได้อ่านหนังสือเรียน ไปถึงก็ตอบไป
ด้วยความชำนาญตามที่เคยทำงานอยู่แทบทั้งนั้น

น่าจะ ใกล้จะจบอีกไม่นาน..

~~~~~~~~~~~~~~~ ~~~~~~~~~~~~~~

หากเรายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน มองเข้าไปที่บ้านตึกหลัง
ใหญ่ที่ข้าพเจ้าอยู่นั้นที่หน้าบ้านด้านซ้ายมือ จะเห็นต้นหมากสูง
สี่ต้นที่ขึ้นอยู่ข้างบ้าน ความที่มันอยู่มาเท่าอายุการจัดสวน
ตกแต่งบ้านเพื่อนการขายในครั้งแรกของหมู่บ้านนี้ ม้นจึงสูงเกิน
หลังคาบ้านหลังนั้นไปแล้ว
และนั่นเป็น "จุด" ที่ข้าพเจ้าฝันเห็นในคืนหนึ่ง

ผู้ช่ายที่ดูหน้าตาธรรมดา ๆ อายุสักวัยกลางคนต้น ๆ
สวมเสื้อเชิร์ตแขนสั้นสีขาวเทา ๆ กางเกงสีเทา คนหนึ่ง ท่าทาง
ที่ นั่งอยู่บนบางอย่างคล้าย เปลยวน หรือมองให้ดี ๆ คล้าย ๆ
แคร่อันหนึ่งที่ติดอยู่ระหว่างต้นนั้นนั่นเอง เขานั่งหันข้างให้
ข้าพเจ้าที่กำลังมองไปที่เขา และ หน้าเขามองไปยังหน้าบ้าน
ท่าทางเขาไม่ยินดียินร้ายกับอะไรในบ้านของเรา แบบนั้น

ข้าพเจ้าไปถามท่านผู้รู้หลายคนว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าฝันนั้น
บอกอะไรบ้าง ? ผู้รู้หลายท่านได้บอกตรงกันว่า
" เจ้าที่เดิมเป็นอิสลาม เธอไม่ได้ไหว้เขาละมัง น่าที่เธอ
จะไหว้เขาด้วย "
พูดถึงเรื่องเจ้าที่เป็นอิสลามนี้ ครั้งที่อยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่
ฝั่งตรงข้าม นั้น ข้าพเจ้าก็ได้ยินหลายท่านพูดไว้ให้บ่อยครั้ง และ
ได้เคยแนะนำให้ข้าพเจ้า จัดชุดไหว้ มาแล้ว ซึ่งชุดนั้น ควรจะ
ประกอบไปด้วย ข้าวเหนียวเหลืองหน้าปลา หรือ กุ้ง ผลไม้
น้ำชา พร้อมด้วยพวงมาลัย วางไว้กลางแจ้ง จุดธูปบอกท่าน
เหมือนบอกเจ้าที่เจ้าทางทั่วไปธรรมดา
ข้าพเจ้าจึงไปทำอย่างนั้น และ ได้นำ พวงมาลัยแขวน
บริเวณนั้นให้ท่านแทน

ช่วงที่ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่น เรายังมีภาระต้องส่งเอกสารภาษี
ที่คั่งค้างแต้สมัยข้าพเจ้าทำรายการวิทยุอยู่ จึงต้องเดินทางไป
ที่ตัวจังหวัดนนทบุรี ที่ศาลากลางเก่า ริมน้ำอยู่บ่อยๆ สิ่งที่
ข้าพเจ้าชอบเวลาเดินทางไปที่นั่น คือการเดินไปดูร้านรวงริม
ถนนที่เขามาขายของกันเป็นเวลา และ เดินอ้อมไปด้านหลัง
เพื่อเข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดประชาชนจังหวัด

สิ่งที่ข้าพเจ้าอ่านนั้น มักไม่ใช่นิยายอะไร แต่ชอบไปอ่าน
บทความสารคดีจากหนังสือต่าง ๆ ในนั้นสักไม่เกินชั่วโมง ก็จะ
นั่งรถกลับบ้าน แต่ก่อนจะกลับ จะแวะข้ามถนนไปร้านริมถนน
ฝั่งตรงข้ามศาลากลาง ไปซื้อ ไส้กรอกปลาแนม ซึ่งถึงแม้จะไม่
อร่อยมากอย่างฝีมือพวกชาววังแถวบางลำพู แต่ก็อร่อยดี ตาม
ประสาฝีมือชาวบ้าน สั่งซื้อสองชุด หากมีคนมาขาย เมี่ยงคำ
เมี่ยงลาว ของโปรดคุณแม่ ก็จะซื้อมาด้วย

ออกจากศาลากลางจังหวัดที่ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรีแล้ว
ข้าพเจ้าก็มักจะเลยไปถึงสี่แยกแคราย สมัยนั้นยังถนนรัตนาธิเบศร์
ที่ต่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถึงสะพานพระนั่งเกล้า เพิ่งก่อสร้างเสร็จ
มาไม่กี่ปี ทำให้การจราจรคล่องตัวกว่าเก่า ข้าพเจ้าก็ทะลุซอย
ทางด้านถนนรัตนาธิเบศร์ ใกล้ ๆ ร้านอาหารจวนทอง ใกล้ศาลา
กลางจังหวัดใหม่ซึ่งอยู่ในระยะกำลังก่อสร้าง ขับรถเข้าไปหา
ทางไปทะลุซอยแผ่นดินทอง ๒๔ โดยระหว่างนั้นจะแวะทักทาย
เพื่อนบ้าน ไปหลายหลัง และ ได้รู้จัก "ป้ารุณ" ผู้เป็นคนรับจ้าง
สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ในซอยหลัง โรงแรมปาร์คอินน์ ซึ่ง
ต่อมาก็กลายเป็น "เพื่อนสนิท"ผู้มาช่วยการ ปิดทองพระพุทธรูป
องค์ใหญ่ที่บ้านให้แก่ข้าพเจ้าในภายหลัง

ที่ดินแปลงนั้น ยิ่งนานไป ก็ยิ่งทรุดต่ำลงไปเรื่อย ๆ เพราะ
ตึกทำการโรงงานขนาดใหญ่เป็นไร่ที่มาก่อสร้างด้านทิศตะวันออก
ของที่ดินเรา ปลูกจนเกือบชิดที่ดินข้าพเจ้าแทบจะไม่มีทางเดิน
ต่อกันเลย ข้าพเจ้านั้นไม่ค่อยรู้กฎหมายก่อสร้างอะไรกับเขา ก็
มองดู มลทัศนียภาพเหล่านั้นด้วยความหมางเมินขัดแค้นในใจ
นิด ๆ หมดกันแล้ว บึงใหญ่ขนาดทะเลสาบกว้างราวภาพในฝัน
ที่เราเคยฝันไว้ หมดกันกับที่ริมบึง ที่เหลืออยู่กลายเป็น ที่ดิน
ทรุดลงไปต่ำ ๆ น้ำท่วมขัง และ เต็มไปด้วยต้นกก ต้นอ้อ ต้นธูป
เหล่านั้น

ข้าพเจ้าไปนั่งตรงทางเข้าที่ซึ่งเป็นอิฐกรวดหินทุบ
อะไรที่บ้าน หลังหนึ่งปากทางเขาสร้างมาใกล้ ๆ แต่เขาถมถนน
ไว้แค่ ครึ่งหน้าบ้านของเขา คือ ถมมาเพียงแค่หน้าประตูบ้านที่เขา
เปิดเข้าไป เจ้าของบ้านเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัดนั้น และ
ขี่มอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง มีอุปนิสัยชอบดื่มเหล้าเมา จนคนแถวนั้น
เขาขยาดไม่ค่อยอยากเสวนาด้วย ในบ้านหลังนั้นมีป้าแก่ ๆ คน
หนึ่ง กับสุนัขหลายตัว ซึ่งเป็นแม่ของเขา เฝ้าอยู่ ข้าพเจ้าเข้าไป
ครั้งไร ก็ไปโผล่หน้าทักทายส่งเสียงแข่งกับเสียงหมาเห่าอยู่
อย่างนั้นบ่อย ครั้ง
ระยะหลัง เมื่ออยู่ บ้านเช่าหลังใหม่แล้ว ข้าพเจ้าก็
ไม่ค่อยได้เข้าไปสักเท่าไหร่ แต่ก็ส่งเสียงตามสายไปคุยกับ
เพื่อนบ้านหลังสองหลังอยู่ เท่าที่จะมีโอกาส

จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 พ.ค. 51 11:28:49 ]






 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:21:08 น.  

 
 
 
เริ่มชีวิตครอบครัวกันใหม่
(ต่อ ) ๕


เวลากลับจากการไปศาลากลางจังหวัด ถึงบ้านปุ๊บ ข้าพเจ้า
จะเดินเข้าไปที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งคุณพ่อจะนั่งนอนอยู่แถวตั่ง
สวนที่ข้าพเจ้าเคยเข้าไปพักอาศัยอยู่ตรงนั้น
จัดไส้กรอกปลาแนม ใส่จานให้คุณพ่อ ดูคุณพ่อรับประทาน
อย่างมีความสุข คุณพ่อชอบขนมไทย ๆ หลายอย่าง และ ข้าพเจ้า
ก็ชอบซื้อมาฝาก ส่วนคุณแม่นั้น ท่านไม่ยอมกินอะไรที่ข้าพเจ้า
ซื้อมาเท่าไหร่ ท่านจะทำท่ารังเกียจ และ บอกว่า
" ชั้นไม่อยากกินของเธอ " ให้ข้าพเจ้าคอตกอยู่บ่อย ๆ ถึง
ข้าพเจ้าคะยั้นคะยอให้ท่านรับประทาน ของโปรดของท่านอย่าง
เช่น 'เมี่ยงคำ' 'เมี่ยงลาว' ท่านก็รับประทานไปแกน ๆ อย่างนั้นเอง
ยิ่ง หากจะให้เงินหรือ จะนำสิ่งใดไปให้ในระยะนั้น ท่านก็จะทำท่า
ไม่อยากรับไม่อยากได้ อย่างนั้น บางครั้งถึงแก่โยนทิ้งต่อหน้า
ก่อให้ข้าพเจ้านึกโกรธท่านอยู่ในใจนึกชังคุณแม่ตนเองขึ้นไปอีก
พาลทำเวรทำกรรมทำบาปให้แก่ตัวเองอีกเรื่อย ๆ

~~~~~~~~~~~~~ ~~~~~~~~~~~~~~~

แล้วก็ได้เวลากลับถึง 'บ้าน'(เช่า)ของตัวเองเสียที
ข้าพเจ้าจะอ่านนิยายในหนังสือนิตยสารซึ่ง ติดอยู่หลายเล่ม
ตอนเช้าของทุกวัน อังคาร จะมีคนส่งหนังสือพิมพ์ ขี่มอเตอร์ไซค์
มาส่งหนังสือ "สกุลไทย" ให้ และ ทุกสองสัปดาห์ ก็จะสลับมา
ส่งนิตยสารรายปักษ์ "ขวัญเรือน" "กุลสตรี" และ "หญิงไทย"
ให้แก่บ้านเราด้วย ถึงแม้จะประหยัดอย่างไร หนังสือพวกนี้ที่
ข้าพเจ้าติดนิยาย ฝีมือเขียนของ 'กฤษณา อโศกสิน' 'แก้วเก้า'
'ว.วินิจฉัยกุล' 'ทมยันตี' ฯลฯ และ เรื่องแปลอย่างของ 'นิดา' เป็นต้น
เป็นเสมือนยาเสพติดที่อดไม่ได้จะต้องเสียเงินให้แก่ มอเตอร์ไซค์
เดือนละ หลายร้อยบาท และเลยบอกให้คุณ:-)ดรับหนังสือพวกนี้
โดยรออ่านจากข้าพเจ้าแทน (ตรงนี้ก็ทำให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้นอีกนิด)

ซึ่งเมื่อท่านอ่านจบแล้ว ข้าพเจ้าก็จะขนกลับไปรวมไว้ใน
บ้าน(เช่า) เรียงไว้เป็นตั้ง ๆ นับแต่เล่มแรก ๆที่รับมาตั้งแต่บ้านเก่า
โน้น จนถึงเล่มปัจจุบันนั้น

นั่ง ๆ นอน ๆ สักพัก ก็หันไปหางานจุกจิกทำ รวมไปถึงการ
พยายาม "เขียนหนังสือ" บันทึกเรื่องต่าง ๆ ไว้ หันไปเลี้ยงสุนัข
ตัวหนึ่ง ชื่อเจ้าลัคกี้ ซึ่งคุณยายของข้าพเจ้ามอบให้มานับแต่ยังอยู่
ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ หรือ ทำความสะอาดบ้าน หรือออกไปปลูก
ต้นไม้ ทำสวน หรือทำงานจิปาถะจุกจิกอย่างอื่น
บ่าย ๆ ก็พักผ่อนนอนหลับไปบนเก้าอี้ยาวที่วางไว้แถวที่
วางหนังสือ
~~~~~~~~~~~~~ ~~~~~~~~~~~~~~~

จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 พ.ค. 51 11:29:52 ]






ความคิดเห็นที่ 16

จากนี้ไปจะเป็นบทที่ ๒๕ ซึ่งขอเวลาข้าพเจ้าทบทวน เหตุการณ์ที่ผ่านไป
นานมากนั้นอีกสักหน่อย ขอบคุณทุกท่านที่มาติดตามเรื่อง ไว้ก่อนค่ะ









จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 พ.ค. 51 12:42:13 ]





 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:24:27 น.  

 
 
 
บทที่ ๒๕ ที่พันทิป ลงแล้วค่ะ

//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6576289/W6576289.html

แล้วจะนำลงที่นี่ต่อไปนะคะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:06:27 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com