ยูเนสโกยกย่อง อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นบุคคลสำคัญของโลกปี 2016-2017

เฟซบุ๊กของ พิภพ ธงไชย แห่งมูลนิธิเด็กเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 ได้เขียนถึงอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ประสบชะตากรรมในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ต้องหนีออกนอกประเทศ พิภพจะเขียนเป็นตอนๆ แต่เฉพาะตอนแรกก็ได้เห็นภาพคร่าวๆแล้วว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีใครต้องหลบไปอยู่ลอนดอนกันบ้างในยุคนั้น ดังนี้....

 

๑. วันนี้เป็นวันเกิดอาจารย์ป๋วย บุคคลที่ผมเคารพรักอย่างสุดจิตสุดใจ เป็นบุคคลในอุดมคติ ผมจึงตั้งใจในปีนี้ มูลนิธิเด็กต้องทำอะไรให้อาจารย์ ในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี ชาตกาล

อาจารย์ประเวศ วะสี เขียนถึงอาจารย์ป๋วยด้วยหัวใจไว้ในสมุดบันทึกนิทานมูลนิธิเด็ก ปีนี้ ในโอกาสที่ UNESCOประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ค.ศ. 2016 - 2017 ให้เฉลิมฉลองตลอด ๒ ปีดังกล่าว

อาจารย์ประเวศเขียนว่า "อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ คนไทยในอุดมคติ...บุคคลหาได้ยาก ซึ่งเป็นคนไทยในอุดมคติอย่างสูงส่ง...เป็นสัตตบุรุษ เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตสูงสุด อุดมปัญญา รักเพื่อนมนุษย์ และอุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติและประชาชน เป็นคนที่ควรบูชา...อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ นำทางดุ่มเดินไปบนเส้นทางแห่งความจริง ความดี ความงาม..."

น่าเสียดายที่สังคมไทย รัฐไทย ไม่ให้โอกาสอาจารย์ป๋วยได้ทำงานให้สังคมและประเทศชาตินานพอ โดยการขจัด และขับไล่อาจารย์ให้ออกจากสังคมไทยในค่ำคืน ๖ ตุลา.๒๕๑๙ และเกือบตายคาสนามบินดอนเมือง

ย้อนกลับไปคิดถึงค่ำคืนนั้น ถ้าอาจารย์ต้องเสียชีวิตเช่นเดียวกับนิสิตนักศึกษาประชาชน ที่บาดเจ็บล้มตายคาสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวง สังคมไทยคงเป็นสังคมที่ไม่น่าอยู่อย่างที่สุด

แต่สังคมก็ไม่ท้อแท้และสิ้นหวัง กลับลุกขึ้นและยืนหยัดสู้ต่อเพื่อให้ได้สังคมที่เป็นธรรม มาจนตราบวันนี้

ต้นปี ๒๕๒๐ ผมบินไปอังกฤษกับนิวัติ กองเพียร ไปพบกับอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ กับพี่นิลฉวี และวิทยากร เชียงกูล ที่หลบภัยอยู่ที่ลอนดอน หลังจากนั้น พวกเราก็นัดพบอาจารย์ป๋วยกินอาหารจีนกันเกือบทุกอาทิตย์ อาจารย์ออกจากบ้านชานกรุงลอนดอน มาพบเราที่ Subway 5 ทุกครั้งที่นัดหมาย

ทันทีที่อาจารย์พบหน้าผม อาจารย์ก็ทักว่า"พิภพ ไม่ต้องห่วงนะ น้ำประปาที่ลอนดอนดื่มได้" ความหมายคือ ถ้าไม่มีเงินกินข้าว น้ำประปาก็ดื่มประทังหิวไปได้ อาจารย์มักมีอารมณ์ขันเสมอ

รูปที่นำมาประกอบ ถ่ายกับอาจารย์ที่บ้านชานเมือง หลังจากที่อาจารย์พูดไม่ได้แล้ว มาลงให้ดูกัน ยังมีเรื่องราวและรูปที่ถ่ายกับอาจารย์หลายครั้งหลายหน จะเขียนถึงอาจารย์ไปเป็นตอนๆอีกหลายตอน

๙ มีนา.๒๕๕๙

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 10 มีนาคม 2559    
Last Update : 10 มีนาคม 2559 13:07:27 น.
Counter : 224 Pageviews.  

ปลัดมหาดไทยเซ็นย้ายรองผู้ว่าฯ 9 จังหวัดเผยอีก 2 รองผู้ว่าฯเข้าสำนักงานปลัดกระทรวง

ปลัดมหาดไทยเซ็นแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้ว่าราชการจังหวัด 9 ราย อีก 2 จังหวัดเป็นรองจากบึงกาฬและบุรีรัมย์ไปรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาในสำนักงานปลัดกระทรวง มีผล 14 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

 

วันที่ 9 มีนาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย บัญชีรายละเอียดการให้ข้าราชการรักษาการในตำแหน่ง 2 ราย ได้แก่ 1.นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ไปรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงฯ และ 2.นายสุวิทย์ คำดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ไปรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สำนักงานปลัดกระทรวงฯ

ก่อนหน้านั้นมีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 9 ราย ดังนี้

1.นายเถลิงศักดิ์ ยกศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส

2.นายสุวิทย์ คำดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์

3.นายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

4.นายยงยุทธ สิงห์ธวัช รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี

5.นายนพดล ไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร

6.นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก

7.นายนิพันธ์ บุญหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่

8.นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และ

9.นายศรีพงศ์ บุตรงามดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา

ทั้งนี้ต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งวันที่ 14 มี.ค.2559 เป็นต้นไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 10 มีนาคม 2559    
Last Update : 10 มีนาคม 2559 12:01:53 น.
Counter : 323 Pageviews.  

ปปง.อายัดทรัพย์ 4 พันล้านกลุ่มนายทุนจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ออกโฉนดหาดฟรีดอมภูเก็ตทับเขตป่าสงวน

ปปง.อายัดทรัพย์ 4 พันล้านพานทอง ณ ระนองกับพวกเป็นกลุ่มนายทุนจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐทุจริตอออกโฉนดที่ดินหาดฟรีดอม จ.ภูเก็ต ทับเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิดเผยเป็นที่ดิน 2 แปลง 60 ไร่

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ว่ามีมติให้อายัดทรัพย์สินนายพานทอง ณ ระนอง กับพวก มูลค่า 4,000 ล้านบาท หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มเครือข่ายอันดามันว่านายพานทองกับพวก มีการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและการออกใบอนุญาตก่อสร้างโดยมิชอบด้วยกฎหมายในพื้นที่จ.ภูเก็ตและพังงา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่ดินในจังหวัดภูเก็ตร่วมกระทำความผิด จึงขอให้ปปง. ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน

พ.ต.อ.สีหนาท เปิดเผยว่าจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่านายพานทอง กับพวก มีพฤติการณ์ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดฟรีดอม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จำนวน 2 แปลง คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าวไม่ได้มีการแจ้งการครอบครองตามกฎหมายที่ดินและโฉนดที่ดินยังอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด ที่สำคัญยังไม่ปรากฏว่ามีการกันพื้นที่ดังกล่าวออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งบริเวณที่ออกโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลงมีสภาพเป็นภูเขา มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นการออกโฉนดที่ดินไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 

เลขาธิการปปง. กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังพบการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวมีการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ในการออกโฉนดที่ดิน จึงมีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.ฟอกเงิน (15) ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ร่วมกันช่วยเหลือให้มีการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยังเป็นความผิดตามมาตรา 3 พ.ร.บ.ฟอกเงิน (5) ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ

สำหรับทรัพย์สินที่อายัดไว้ชั่วคราวประกอบด้วย 1.โฉนดที่ดิน ต.กะรน อ. เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 45 ไร่ จำนวน 1 รายการ 2.โฉนดที่ดินที่ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 19 ไร่ จำนวน 1 รายการ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 10 มีนาคม 2559    
Last Update : 10 มีนาคม 2559 11:19:09 น.
Counter : 339 Pageviews.  

เครือข่ายภาคประชาชน 46 องค์กรต้านคำสั่ง ม.44 ทำเมกะโปรเจ็กต์โดยไม่รอ EIA คาดเพิ่มขัดแย้งสวนพัฒนายั่ง

46 องค์กรเครือข่ายภาคประชาชน ต้าน ม.44 ทำเมกะโปรเจ็กต์ไม่สนใจประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จี้“หัวหน้า คสช.”ยกเลิกคำสั่ง ป้องกันความขัดแย้งเพิ่ม-สวนทางแนวนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (ธ.พ.ส.ส.) เปิดเผยว่า 46 องค์กรและเครือข่ายภาคประชาชน ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์คัดค้านคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2559 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีสาระให้กิจการด้านคมนาคม ชลประทาน การป้องกันและสาธารณภัย โรงพยาบาล ที่อยู่อาศัยไม่ต้องรอให้การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จ สามารถหาทางออกล่วงหน้าได้เลย

ทั้งนี้เครือข่ายภาคประชาชน ด้านทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน จำนวน 46 องค์กร ได้มีข้อวิเคราะห์ถึงคำสั่งที่ 9/2559 ดังกล่าว 2 ข้อ คือ

1.คำสั่งที่ 9/2559 เป็นการส่งสัญญาณทางนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นเป้าหมายเร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่อง การคมนาคม เช่น ท่าเรือ ระบบรถไฟ ทางด่วน ฯลฯ ชลประทาน เช่น เขื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งมักประสบปัญหาการทำลายนิเวศ สิ่งแวดล้อม สุขภาพของชุมชนท้องถิ่นตลอดมา

นายบัณฑูรกล่าวว่า การเร่งรัดดังกล่าวเป็นการลดความสำคัญด้านการดูแลคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน การดำเนินการให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดำเนินการตามโครงการโดยที่มาตรการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังมิได้รับความเห็นชอบเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่บกพร่องในการละเว้นการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่ปกป้องผลประโยชน์ของสาธารณะ สาระสำคัญและผลของคำสั่งนี้จึงไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายใต้กรอบของสหประชาชาติที่ประเทศไทยได้แสดงความผูกพันทางการเมืองในทางปฏิบัติ ไม่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

2.โครงการหรือกิจการเข้าข่าย คำสั่งที่ 9/2559 เป็นโครงการของหน่วยงานของรัฐ จึงเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่อาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวางและรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และคุณภาพชีวิต แม้ว่าจะยังให้มีการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อไป แต่จะสร้างผลกระทบและความเชื่อมั่นต่อความเป็นอิสระในการจัดทำและพิจารณาของ EIA และจะยิ่งทำให้โครงการที่ดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว มีปัญหาความขัดแย้ง ความไม่เชื่อถือยอมรับจากประชาชนและชุมชนในพื้นที่โครงการรวมทั้งจากสาธารณะ แม้ว่าจะเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อสังคมก็ตาม

นายบัณฑูรกล่าวต่อว่า องค์กรมีข้อเรียกร้อง 4 ข้อ ดังนี้

1.ให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2559 เพื่อป้องกันและระงับมิให้เกิดปัญหาความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในสังคมไทย และมิให้เป็นคำสั่งที่ขัดแย้งกับแนวนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาที่ยั่งยืน

2.รัฐบาลควรเร่งผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างและระบบการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับธรรมาภิบาล สร้างความเชื่อถือและเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งมิให้เกิดความล่าช้าเกินควร ข้อเสนอในการปฏิรูปโครงสร้างและระบบ EIA ได้มีการจัดทำและเสนอไว้แล้วนับตั้งแต่มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี 2555 ข้อเสนอของคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) และข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

3.เพิ่มเติมเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ ในหมวดสิทธิและเสรีภาพ (ด้านสิทธิชุมชน) และในหมวดการปฏิรูป เพื่อให้มีบทบัญญัติที่นำไปสู่การปฏิรูปโครงสร้างและระบบการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการนำการประเมินสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA)มาใช้ดำเนินการ

4.ให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ทั้งฉบับเพื่อเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีการจัดทำข้อเสนอแนะการยกร่างปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวไว้แล้วโดยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย

องค์กรและเครือข่ายภาคประชาชนฯ 46 องค์กร อาทิ สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (ธ.พ.ส.ส.), สมาคมรักษ์ทะเลไทย,มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค,มูลนิธิสืบนาคะเสถียร,สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน, มูลนิธิพื้นที่ชุ่มน้ำไทย ,ครือข่ายรักษ์ชุมพร,สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา,สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (สคส.),มูลนิธิอันดามัน,สมาคมฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำสาละวิน ,ครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม,สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น

นายกฯ ขอ NGO ร่วมมือศึกษาเขื่อนแม่วงก์แก้ภัยแล้ง พ้อเจอค้านยุทธศาสตร์ชาติ

//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000020775

'โสภณ'ยื่นขอให้'ประยุทธ์' ใช้ ม.44 สร้างเขื่อนแม่วงก์

//www.bangkokbiznews.com/news/detail/686941

'ศศิน' ทำหนังสือถึง 'ประยุทธ์' ค้านเขื่อนแม่วงก์ เสนอทางเลือกจัดการน้ำ ถูกกว่า 6 เท่า

//prachatai.org/journal/2016/03/64377

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 10 มีนาคม 2559    
Last Update : 10 มีนาคม 2559 9:52:25 น.
Counter : 279 Pageviews.  

คลังปิดบัญชีขาดทุนจำนำข้าวรวม 7.5- 8 แสนล้านเฉพาะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ขาดทุน 5.18 แสนล้าน

กระทรวงคลังปิดบัญชีจำนำข้าวปี 2558 เบื้องต้นขาดทุนไม่เกินแสนล้านบาท เมื่อรวมทุกรัฐบาลแล้วขาดทุนระหว่าง 7.5-8 แสนล้านบาท เสนอตัวเลขให้นายกรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า เตรียมเรียกค่าเสียหายทั้งกรณีจีทูจีบุญทรงและรับจำนำข้าวยิ่งลักษณ์

 

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุมปิดจำนำข้าวปี 2558 ที่ประชุมกันเมื่อวันที่ 8 มีนาคมว่า ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 ขาดทุนสูงขึ้น จากค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าเช่าที่ ค่าใช้จ่ายด้านการคลัง ประกอบกับขายข้าวลดลง ขณะที่มีค่าเสื่อมสูงขึ้น พร้อมยอมรับข้าวในสต๊อกขณะนี้มีคุณภาพเสื่อมลง การระบายข้าวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น ผลขาดทุนในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้น

นายสมชัยกล่าวว่าตัวเลขการขาดทุนยังไม่ขอเปิดเผย ขอเสนอนายกรัฐมนตรีก่อนสัปดาห์หน้า เบื้องต้นไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อรูปคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยที่ประชุมเสนอให้ตั้งงบประมาณชดใช้คืนรัฐบาลภายใน 4 ปี

นอกจากนี้เตรียมเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงานดูแลฐานข้อมูลหลักที่ใช้ในการปิดบัญชีจำนำข้าวและบริหารสต๊อกข้าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดประชุมไตรมาสละครั้ง จากเดิมประชุมปีละครั้ง เพื่อปิดบัญชีจำนำข้าวรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาต่อไป ส่วนการระบายข้าวนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า การสรุปผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ปี 2547-2557 จำนวน 15 โครงการ ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557 มีผลขาดทุนรวมกันกว่า 6.87 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้แยกเป็นผลขาดทุนสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์กว่า 5.18 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการก่อนรัฐบาล ยิ่งลักษณ์อีกกว่า 1.63 แสนล้านบาท

เมื่อรวมของใหม่ในปี 2558 ที่คาดว่าจะขาดทุนเพิ่มอีกไม่ถึง 1 แสนล้านบาท ทำให้ ผลขาดทุนทุกโครงการรวมกันล่าสุดน่าจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 7.5-8 แสนล้านบาท  

นายสมชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการเรียกค่าเสียในโครงการรับจำนำข้าวว่า เรื่องการฟ้องแพ่งมี 2 ส่วนคือ 1.กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ขณะนี้ส่งมาที่กระทรวงการคลัง อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธานแล้ว มีการประชุมกันไปแล้วกว่า 10 ครั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะจบและสรุปตัวเลขได้ภายในเดือนมี.ค. 2559 เมื่อจบแล้วจะส่งความเสียหายไปยัง รมว.คลัง เพื่อส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรี จากนั้นนายกฯจะส่งไปให้กระทรวงพาณิชย์เพื่อให้เรียกเก็บค่าเสียหาย

2.กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าวที่มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ส่งมาที่กระทรวงการคลังแล้ว สรุปความเสียหายเบื้องต้นแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง คงจะมีการประชุมกันประมาณ 10 ครั้ง คาดว่าภายในเดือนก.ค 2559 น่าจะจบ จากนั้นจะส่งมานายกฯ เมื่อนายกฯพิจารณาเสร็จจะส่งกลับรมว.คลังเพื่อเรียกค่าเสียหาย

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 09 มีนาคม 2559    
Last Update : 9 มีนาคม 2559 18:18:23 น.
Counter : 249 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.