มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศความสำเร็จ "ทำหมันยุงลาย" สำเร็จที่แรกของโลก เตรียมปล่อยสู่ธรรมชาติปราบไข้เลือ



ม.มหิดล ทำหมันยุงลาย 2 ขั้นตอนสำเร็จที่แรกของโลก เตรียมปล่อยตัวผู้เป็นหมันออกสู่ธรรมชาติ นำร่องที่ ต.หัวสำโรง จ.ฉะเชิงเทรา ปลาย พ.ค.นี้ ช่วยลดปริมาณยุงลาย สกัดป่วย ตาย ไข้เลือดออก ชิคุนกุนยา ซิกา ไข้เหลือง ยันไม่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ พร้อมตั้งโรงงานผลิตส่งออกช่วยต่างประเทศ

 

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวโครงการทำหมันยุงลายเพื่อลดไข้เลือดออก ว่า โครงการทำหมันยุงลาย เป็นการวิจัยของศูนย์วิจัยเพื่อความเป็นเลิศ พาหะและโรคที่นำโดยพาหะ ของคณะวิทยาศาสตร์

เนื่องด้วยประเทศไทยและทั่วโลกต่างมีปัญหาเรื่องการระบาดของโรคไข้เลือดออกทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามค้นหาวิธีการเพื่อควบคุมยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะของไข้เลือดออกและโรคอื่นๆ ที่นำโดยยุงลาย ได้แก่ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือโรคไข้ชิคุนกุนยา โรคไข้ซิกา และโรคไข้เหลือง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมีความพร้อมในการจัดทำโครงการทำหมันยุงลายเพื่อลดไข้เลือดออกและโรคอื่นๆ ที่เกิดจากยุงลายให้เกิดประสิทธิภาพ โดยขณะนี้กลุ่มวิจัยได้พัฒนายุงสายพันธุ์ที่ผ่านการทดลองในห้องแล็บและจะนำร่องในพื้นที่จริง เพื่อลดจำนวนยุงลายในธรรมชาติ รวมถึงเป็นการลดค่าใช้จ่าย จำนวนผู้ป่วยจากไข้เลือดออกทั้งไทยและต่างประเทศ

“โครงการนำร่องทำหมันยุงลาย ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และครั้งแรกของโลกที่มีการทำหมันยุงลายแนวใหม่ โดยมี 2 ขั้นตอน ทั้งฉายรังสีและฉีดเชื้อแบคทีเรียร่วมอาศัยสกุลโวบาเกีย ซึ่งวิธีการทำหมันยุงลายแนวใหม่นี้ยังไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศใดมาก่อน โดยเฉพาะกับยุงลายบ้าน และหากทีมวิจัยนำร่องในพื้นที่จริง ประสบความสำเร็จ ก็จะมีการขยายต่อในการจัดทำโรงงาน หรือฟาร์มผลิตทำหมันยุงลาย 2 ขั้นตอน แห่งแรกของโลก ที่จะช่วยลดจำนวนยุงลายในธรรมชาติ” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ประชุมเพื่อประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในการผลักดันวิธีการควบคุมยุงลายแนวใหม่นี้ให้ถูกนำไปใช้ได้จริง ส่วนต่างประเทศ ได้ร่วมกับผู้บริหารปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ประเทศออสเตรีย, ผู้เชี่ยวชาญในด้านการควบคุมยุงจากประเทศสวีเดน และเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินการโครงการดังกล่าวในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งทางปรมาณูฯ ได้บริจาคเครื่องมือที่จะใช้ในการฉายรังสีเพื่อการทำหมันยุงให้แก่ประเทศไทยซึ่งมีมูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท ที่จะช่วยฉายรังสีทำหมันยุงได้ครั้งละ 1 แสนตัว

การทำหมันยุงลายแนวใหม่ ถือได้ว่าไทยเป็นผู้นำของโลก

ด้าน ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะเป็นประธานที่ประชุมประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ในโครงการดังกล่าว กล่าวว่า การทำหมันยุงลายแนวใหม่ ถือได้ว่าไทยเป็นผู้นำของโลก เพราะที่ผ่านมา การทำหมันยุงลาย มีนักวิทยาศาสตร์หลายประเทศดำเนินการ แต่จะเป็นเพียงขั้นตอนเดียว หรือใช้วิธีการอื่นๆ ซึ่งหากทำได้จริงในพื้นที่จริง จะเป็นการลดจำนวนยุงลายในประเทศไทย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การทดลองปล่อยยุงลายสายพันธุ์ที่พัฒนาในพื้นที่นำร่องนั้น ไม่ได้เป็นการเพิ่มจำนวนยุงลายอย่างแน่นอน เพราะยุงลายที่ปล่อยออกไปมีการทำหมัน ไม่ขยายพันธุ์ และเป็นยุงลายตัวผู้ที่กินแต่น้ำหวานและไม่กินเลือด จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจ

ส่วน รศ.ดร.ปัทมาภรณ์ กฤตยพงษ์ นักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้พัฒนายุงลายสายพันธุ์ที่ต้านไข้เลือดออกและเชื้อไวรัสไข้เลือดออก และเชื้อไวรัสไข้ชิคุนกุนยาได้สำเร็จ กล่าวว่า การทำหมันยุงลายสายพันธุ์ใหม่นี้ ใช้วิธีการทางเทคโนโลยีชีวภาพ ฉีดเชื้อแบคทีเรียร่วมอาศัยสกุลโวบาเกีย 2 สายพันธุ์ ซึ่งสกัดได้จากยุงลายสวนเข้าไปในยุงลายบ้าน หากปล่อยยุงลายบ้านตัวผู้ที่พัฒนาแล้วออกสู่ธรรมชาติ ยุงลายบ้านตัวผู้เหล่านี้จะไปผสมพันธุ์ยุงลายบ้านตัวเมียในธรรมชาติทำให้ยุงลายบ้านตัวเมียในธรรมชาติเป็นหมัน และลดจำนวนยุงลายบ้านที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีผลให้ผู้ป่วยไข้เลือดออกลดลงด้วย

“การทำหมันยุงลายแนวใหม่นี้ จะทำถึง 2 ขั้นตอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีความปลอดภัยมากที่สุด โดยนำยุงลายบ้านตัวผู้สายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาแล้วมารฉายรังสีปริมาณอ่อนก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติ เพื่อทำให้ตัวมันเองเป็นหมัน ไม่สามารถแพร่พันธุ์ในธรรมชาติได้ ถึงแม้จะผสมพันธุ์กับยุงลายบ้านตัวเมียสายพันธุ์ที่พัฒนาแล้วเหมือนกันก็ตาม และหากยุงลายบ้านตัวเมียสายพันธุ์ที่พัฒนาแล้วหลุดออกไปในธรรมชาติ ก็ไม่สามารถนำเชื้อไข้เลือดออกและเชื้อไข้ชิคุนกุนยาสู่คนได้ รวมถึงไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ เนื่องจากยุงลายบ้านสายพันธุ์ที่พัฒนาแล้วซึ่งถูกปล่อยสู่ธรรมชาติจะตายภายใน 2-3 สัปดาห์ และไม่แพร่พันธุ์ต่อเนื่องจากเป็นหมัน” รศ.ดร.ปัทมาภรณ์ ชี้แจง

โครงการนำร่องเพื่อลดจำนวนยุงลายบ้านในธรรมชาติ ณ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา

นักวิจัยผู้นี้ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรามีการเพาะพันธุ์ยุงลายบ้านสายพันธุ์ใหม่ ในห้องทดลอง ได้ประมาณ 1 หมื่นตัวและกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทีมนักวิจัยจะสามารถปล่อยยุงลายบ้านตัวผู้ที่ถูกทำหมัน 2 ขั้นตอน ในโครงการนำร่องเพื่อลดจำนวนยุงลายบ้านในธรรมชาติ ณ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่แรกของโลกภายในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนที่จะมีการเก็บผลการทดลอง อีก 6 เดือนหลังจากปล่อยยุงลายบ้านในธรรมชาติ ซึ่งในการปล่อยครั้งนี้ คาดว่าจะปล่อยจำนวน 100 ตัว ต่อหลังคาเรือน

"สาเหตุที่เลือกพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านอื่นๆ ประมาณ 500 เมตร และได้มีการสำรวจเก็บข้อมูลพื้นที่ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่า เป็นพื้นที่มีทั้งหมด 150หลังคาเรือน และบ้านหลังหนึ่งจะพบยุงลายประมาณ 5-10 ตัว อีกทั้งยุงลายจะมีลักษณะติดบ้าน ถ้าอยู่บ้านไหนแล้วจะอยู่ที่นั้น หรือบินห่างออกไปเพียง 100-200 เมตร การเก็บข้อมูลหลังจากปล่อยยุงลายบ้านสายพันธุ์ใหม่ จึงสามารถได้ผลที่ชัดเจน ว่าลดจำนวนยุงลายได้จริงหรือไม่ เพราะไม่มียุงลายจากที่อื่นมาปะปนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ หลังจากได้ผลการวิจัยแล้ว จะนำไปสู่การขยายผลไปพื้นที่ต่างๆ และจัดตั้งโรงงานผลิต เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกและโรคชิคุนกุนยา รวมถึงโรคอื่นๆ ที่มียุงลายเป็นพาหะ รวมถึงจะเป็นครั้งแรกของโลกที่ประสบความสำเร็จในการทำหมันยุงลาย 2 ขั้นตอน” รศ.ดร.ปัทมาภรณ์ กล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2559 15:38:47 น.
Counter : 323 Pageviews.  

ประเทศไทยหยุดยาว 5 วันระหว่าง 5-9 พฤษภาคมหนุนการท่องเที่ยว



ประเทศไทยหยุดยาว 5 วันตั้งแต่ 5-9 พฤษภาคมหนุนการท่องเที่ยวและหยุด 5 วันติดต่ออีกครั้งกรกฎาคม เหตุผลสนับสนุนการท่องเที่ยว เผยตรวจสอบไปรษณีย์เปิดให้บริการตามจุดต่างๆทั่วประเทศ

รายงานข่าวเปิดเผยว่าประเทศไทยมีวันหยุดมากในเดือนพฤษภาคม 2559 เริ่มจากวันที่ 1 พฤษภาคมถือเป็นวันแรงงานแห่งชาติ 2559 หรือ May Day ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ทำให้วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม ต้องเป็นวันหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติ

ขณะเดียวกันวันพฤหัสบดีที่  5 พฤษภาคมตรงกับ “วันฉัตรมงค” ถือเป็นวันหยุดราชการ โดยธนาคารก็หยุดด้วย จนกระทั่งสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เสนอเป็นหนังสือเข้ามาว่าขอให้หยุดเป็นการพิเศษในวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคมเพื่อที่จะได้หยุดต่อเนื่องไปจนถึงวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 7-8 พฤษภาคม 

พร้อมกันนี้วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคมเป็น“วันพืชมงคล” ถือเป็นวันหยุด ดังนั้นการหยุดต่อเนื่องจึงมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 พฤษภาคม                      

จากการตรวจสอบของ ไทย ทริบูน ยังพบว่าจะมีวันหยุดยาว 3 วันติดต่อกันอีกกล่าวคือวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559เป็นวันวิสาขบูชา  ทั้งราชการและธนาคารถือเป็นวันหยุด ดังนั้นจะทำให้ให้ได้หยุดระหว่าง 20-22 พฤษภาคมหรือจากวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์

วันฉัตรมงคล

ฉัตรมงคล (อ่านว่า ฉัด-ตระ-มง-คล) มีความหมายว่า พระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พระแสงประจำรัชกาล ซึ่งทำในวันที่ตรงกับวันบรมราชาภิเษกเสวยราชสมบัติตามราชประเพณี ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชซึ่งเป็นรัชกาลปัจจุบัน เพราะทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 จึงได้มีการจัดพระราชพิธีฉัตรมงคลขึ้นทุกวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นพิธีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้ประกอบพระราชพิธีทุกๆปี

วันพืชมงคล

ในประเทศไทย การแรกนาขวัญ กระทำโดยราชสำนักนั้นประกอบด้วยพิธีสองอย่างตามลำดับ คือ พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีพุทธซึ่งตั้งขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ กับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีพราหมณ์กระทำสืบเนื่องมาแต่สมัยสุโขทัย ปัจจุบันเรียกวันแรกนาขวัญว่า วันพืชมงคล จัดไม่ตรงกันทุกปีสุดแต่สำนักพระราชวังจะกำหนด วันพืชมงคลยังเป็นวันเกษตรกรไทย เพื่อระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรรมในเศรษฐกิจไทย และเป็นวันหยุดราชการด้วย แต่ไม่เป็นวันหยุดธนาคาร

ปณท.ประกาศแจ้งรายชื่อที่ทำการไปรษณีย์ฯที่เปิดให้บริการช่วงวันหยุดยาว 5-9 พฤษภาคม 2559

เว็บไซต์ ไปรษณีย์ไทย ประกาศแจ้งรายชื่อที่ทำการไปรษณีย์ฯ ที่เปิดให้บริการช่วงวันหยุดโดยระบุผ่านเว็บไซต์ www.thailandpost.com ดังนี้

บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พร้อมให้บริการในช่วงวันหยุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 5 - 9 พฤษภาคม ศกนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการฝากส่งสิ่งของทั้งในและระหว่างประเทศ ในช่วงวันหยุดพิเศษดังกล่าว สามารถให้บริการรับฝากเอกสารและสิ่งของ บริการการเงิน ตลอดจนการซื้อแสตมป์ สิ่งสะสม สินค้าไปรษณีย์และสินค้าที่ระลึกต่างๆ สำหรับจุดให้บริการที่เปิดในช่วงวันหยุดพิเศษ 5 - 9 พ.ค. นั้น มีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 5 - 6 พ.ค. และวันที่ 8 พ.ค. เปิดให้บริการรับฝาก จำนวน 149 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 12.00 น. ได้แก่ ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัด ที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ท่าอากาศยาน และเคาน์เตอร์ให้บริการไปรษณีย์ในศูนย์การค้า เช่น ซีคอน สแควร์ เซ็นทรัลซิตี้บางนา เซ็นทรัลพระราม 2 เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ซีคอนบางแค อยุธยาพาร์ค บิ๊กซีลพบุรี เดอะมอลล์นครราชสีมา บิ๊กซีอุดรธานี Asawann Shopping Complex 1 กาดสวนแก้ว และจีซีเอสเชียงใหม่ เป็นต้น

วันที่ 7 พ.ค. เปิดให้บริการรับฝาก จำนวน 778 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 12.00 น. ได้แก่  ที่ทำการไปรษณีย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัด ที่ทำการไปรษณีย์อำเภอ ที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ท่าอากาศยาน และเคาน์เตอร์ให้บริการไปรษณีย์ในศูนย์การค้า

วันที่ 9 พ.ค. เปิดให้บริการตามปกติทุกที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ

ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบรายชื่อและช่วงเวลาการเปิดให้บริการของที่ทำการไปรษณีย์ในช่วงวันหยุด 5 - 9 พ.ค. นี้ ได้ที่เว็บไซต์ www.thailandpost.co.th และสอบถามข้อมูลการใช้บริการเพิ่มเติมที่ THP Contact Center 1545

16-20 กรกฎาคมหยุดอีก 5 วันติดต่อกัน

ประเทศไทยจะหยุดติดต่อกัน 5 วันอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมกล่าวคือววันเสาร์และอาทิตย์ที่ 16-17 กรกฎาคมถือเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์อยู่แล้ว ครม.ได้มีมติให้วันจันทร์ที่18 กรกฎาคม 2559 เป็นวันหยุดพิเศษ จากนั้น วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันพุธ 20 กรกฎาคม เป็นวันเข้าพรรษา

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2559 12:03:44 น.
Counter : 253 Pageviews.  

ม.ล.ปนัดดา ชี้ 5 จุดจบ’ประชาธิปไตยไทย’ ดูหมิ่นสถาบันสำคัญชาติ คิดว่าตัวเองเก่งเพียงคนเดียว นิยมคนรวย



ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุถึงความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย นิยมคนรวยมาจากการโกงกิน

 

ความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย

ข้าพเจ้าศึกษาและประมวลวิเคราะห์เนื้อหาสาระในบทความ 'Thailand's Democratic Failure' (ความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย) นับว่าน่าสนใจยิ่ง นักปราชญ์ราชบัณฑิตชาวตะวันตกและอดีตเอกอัครราชทูตชาวสวิสส์อีกท่านหนึ่งได้กล่าวเมื่อครั้งมาเข้าเยี่ยมบิดาผู้ล่วงลับของข้าพเจ้า เอกอัครราชทูต หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล เมื่อหลายปีก่อน ณ วังวรดิศ ถนนหลานหลวง อันถือเป็นคำคมทางรัฐศาสตร์ตราบนิรันดร์กาลว่า :

๑) คุณความดีของใครก็ตามที่สร้างมาทั้งชีวิตด้วยความเหนื่อยยากแสนเข็ญ จะหมดสิ้นลงเมื่อก้าวสู่ความเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว

๒) หากคิดว่าตนมีดีมีความสามารถ หรือเก่งอยู่เพียงผู้เดียว และองค์กรกับประเทศชาติขาดคุณไม่ได้ นั่นแปลว่า วันสุดท้ายของคุณคงอยู่อีกไม่ห่างไกลเกินรอ

๓) การเลือกใช้คน ที่หมายถึงคนรอบข้าง ถือมีความสำคัญเพียงใดที่จะเป็นศรีแก่ตัว เพราะมันย่อมสะท้อนโดยตรงถึงตัวผู้ใช้หรือตัวผู้เป็นนาย กล่าวคือ ต้องสุภาพ มีอัธยาศัยไมตรีจิต ไม่ลืมตัว ไม่รู้น้อยแต่ทำอวดรู้มาก และไม่หยาบคาย

๔) เมื่อยังพูดกันถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ เรื่องเงินๆ ทองๆ และความร่ำรวย ถือพรรคพวกถือวงศาคณาญาติ เป็นสีเป็นฝ่ายเป็นศัตรู ลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันสำค้ญของชาติ นิยมชมชอบคนรวยแม้เขาจะได้มาจากการโกงกินทุจริตไม่โร่งใส ไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่าระบอบประชาธิปไตยจะไปรอดหรือไม่ เพราะนั่น คือ จุดจบและความล่มสลายของประชาธิปไตย

 

๕) ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ที่พฤติกรรมเฉพาะตัว ที่เรียกว่าปัจเจกบุคคล พ่อแม่ ครูอาจารย์ ท่านสอนมาถือเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อให้ลูกหลานเป็นคนดีมีปัญญาในความเป็นนักปกครอง นักบริหาร และพลเมืองดีของชาติ ที่เหลือ 'ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน' คือ คำว่า 'ปัญญา' ที่เป็นกุญแจชีวิต ปัญญาไม่มีพื้นที่ให้ใช้กับคนไม่ดี คนทุจริตคดโกง และคนเนรคุณชาติเนรคุณแผ่นดิน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2559 22:30:52 น.
Counter : 420 Pageviews.  

ประกาศราชกิจจาฯ แล้วกฎหมายควบคุมขอทาน นายหน้าผู้แสวงหาประโยชน์โทษคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 3หมื่น



พ.ร.บ. ควบคุมการขอทาน แยกผู้แสดงความสามารถออกจากผู้ทำการขอทาน กำหนดความผิดทางอาญาแก่ผู้แสวงหาประโยชน์ จากการขอทาน โทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือ ปรับไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

วันที่ 2 พฤษภาคม  2559 ราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขอทาน โดยตราพระราชบัญญัติ ควบคุมการขอทาน พ.ศ.  ๒๕๕๙ แทน และให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป พร้อมกับให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน  พ.ศ.๒๔๘๔

พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.  ๒๕๕๙ มีมาตราสำคัญๆ เช่น

มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตินี้

“การคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต”  หมายความว่า  การช่วยเหลือ  การบําบัดรักษา  การฟื้นฟู สภาพร่างกายและจิตใจ  ตลอดจนการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ทําการขอทาน 

“สถานคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต”  หมายความว่า  สถานที่ที่รัฐมนตรีประกาศจัดตั้งไว้ สําหรับให้การคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามพระราชบัญญัตินี้

“คณะกรรมการ”  หมายความว่า  คณะกรรมการควบคุมการขอทาน

“เจ้าพนักงานท้องถิ่น”  หมายความว่า

(๑) นายกองค์การบริหารส่วนตําบล  สําหรับในเขตองค์การบริหารส่วนตําบล

(๒) นายกเทศมนตรี  สําหรับในเขตเทศบาล 

(๓) นายกเมืองพัทยา  สําหรับในเขตเมืองพัทยา 

(๔) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  สําหรับในเขตกรุงเทพมหานคร

(๕) ผู้บริหารท้องถิ่นหรือหัวหน้าของคณะผู้บริหารท้องถิ่น  สําหรับในเขตองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง  แต่มิใช่องค์การบริหารส่วนจังหวัด

“พนักงานเจ้าหน้าที่”  หมายความว่า  ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้  และให้หมายความรวมถึงพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

“อธิบดี”  หมายความว่า  อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

“รัฐมนตรี”  หมายความว่า  รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

 มาตรา ๑๓ ห้ามบุคคลใดทําการขอทาน การกระทําอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นการขอทาน

(๑) การขอเงินหรือทรัพย์สินจากผู้อื่นเพื่อเลี้ยงชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นการขอด้วยวาจา  ข้อความ  หรือการแสดงกิริยาอาการใด

(๒) การกระทําด้วยวิธีการใดให้ผู้อื่นเกิดความสงสารและส่งมอบเงินหรือทรัพย์สินให้ การแสดงความสามารถ  ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรีหรือการแสดงอื่นใด  เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินหรือ ทรัพย์สินจากผู้ชมหรือผู้ฟัง  การขอเงินหรือทรัพย์สินกันฐานญาติมิตร  หรือการเรี่ยไรตามกฎหมายว่าด้วย การควบคุมการเรี่ยไร  ไม่ถือว่าเป็นการขอทานตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๔ ผู้ใดประสงค์จะเป็นผู้แสดงความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรีหรือ การแสดงอื่นใด  ตามมาตรา  ๑๓  วรรคสาม  ให้ผู้นั้นแจ้งเพื่อเป็นผู้แสดงความสามารถตามระเบียบที่ คณะกรรมการกําหนด  และเมื่อจะแสดงความสามารถในพื้นที่ใด  ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ในเขตพื้นที่นั้น  เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นในเขตพื้นที่ได้รับแจ้งแล้ว  ให้ออกใบรับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้   ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในเขตพื้นที่ประกาศเป็นการทั่วไปเพื่อกําหนดเขตพื้นที่หรือสถานที่ใดอันเป็น ที่สาธารณะ  วันเวลา  การใช้อุปกรณ์  หรือสิ่งอื่นใด  ให้ใช้ในการแสดงความสามารถ   ผู้ใดกระทําการฝ่าฝืนตามวรรคหนึ่ง  พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นในเขตพื้นที่ มีอํานาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดหรือเลิกกระทําการดังกล่าวได้

มาตรา ๑๕ เมื่อปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่ามีผู้ใดกระทําการฝ่าฝืนมาตรา  ๑๓  วรรคหนึ่ง  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งตัวผู้ซึ่งฝ่าฝืนนั้นไปยังสถานคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อทําการคัดกรอง  และหากการคัดกรองพบว่าผู้ทําการขอทานเป็นเด็ก  หญิงมีครรภ์  ผู้สูงอายุ  คนวิกลจริต  คนพิการหรือ ทุพพลภาพ  ที่ต้องดําเนินการตามกฎหมายเฉพาะ  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมายเฉพาะเพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป

มาตรา ๑๖ เมื่อปรากฏจากการคัดกรองว่าผู้ทําการขอทานไม่ใช่บุคคลตามมาตรา  ๑๕   แต่เป็นบุคคลซึ่งไม่สามารถประกอบอาชีพได้  ไม่มีญาติมิตรอุปการะเลี้ยงดูและไม่มีทางเลี้ยงชีพอย่างอื่น  หรืออยู่ในสภาวะยากลําบาก  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้บุคคลดังกล่าวเข้ารับการคุ้มครองและพัฒนา คุณภาพชีวิตตามพระราชบัญญัตินี้ การเข้ารับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามวรรคหนึ่ง  ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด

มาตรา ๑๗ ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นหรือเป็นการสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ทําการขอทาน  พนักงานเจ้าหน้าที่จะไม่ส่งตัวผู้นั้นไปเพื่อดําเนินการตามกฎหมายเฉพาะ  และให้ผู้ทําการขอทานผู้นั้นได้รับ การคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามพระราชบัญญัตินี้ต่อไปก็ได้

มาตรา ๑๘ ในกรณีผู้ทําการขอทานยอมปฏิบัติตามการดําเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายเฉพาะหรือยอมอยู่ในสถานคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต  ให้ผู้ทําการขอทานผู้นั้น  พ้นจาก ความผิดตามมาตรา  ๑๙

มาตรา ๑๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา  ๑๓  วรรคหนึ่ง  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน   หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ

มาตรา ๒๐ กรณีผู้ทําการขอทานได้ยอมเข้ารับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต ในสถานคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตแล้ว  ต่อมาผู้ทําการขอทานผู้นั้นไม่ยอมรับการคุ้มครอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตและได้ออกไปจากสถานคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต  โดยไม่ได้รับอนุญาต  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน  หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ

มาตรา ๒๑ ผู้ใดกระทําด้วยประการใด  อันเป็นการช่วยเหลือหรือสนับสนุนให้มีการฝ่าฝืน มาตรา  ๒๐  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี  หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทําโดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลัง ประทุษร้าย  หรือโดยมีหรือใช้อาวุธ  ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสี่ปี  หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ

มาตรา ๒๒ ผู้ใดแสวงหาประโยชน์จากผู้ทําการขอทานโดยการใช้  จ้าง  วาน  สนับสนุน   ยุยงส่งเสริม  หรือกระทําด้วยวิธีการอื่นใดให้ผู้อื่นทําการขอทาน  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี   หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ

ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง  เป็นการกระทําดังต่อไปนี้  ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินห้าปี  หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ

(๑) กระทําต่อหญิงมีครรภ์  ผู้สูงอายุ  คนวิกลจริต  คนพิการหรือทุพพลภาพ  หรือผู้เจ็บป่วย 

(๒) ร่วมกันกระทําหรือกระทํากับบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป

(๓) กระทําโดยนําผู้อื่นจากภายนอกราชอาณาจักรให้มาขอทานในราชอาณาจักร 

(๔) กระทําโดยผู้ปกครองหรือผู้ดูแลของผู้ทําการขอทาน 

(๕) กระทําโดยพนักงานเจ้าหน้าที่

(๖) กระทําโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลหรือให้คําปรึกษาบุคคลตาม  (๑) ความในวรรคหนึ่งและวรรคสอง  (๑)  (๒)  และ  (๔)  ไม่ใช้บังคับกับการกระทําระหว่างบุพการี และผู้สืบสันดาน

มาตรา ๒๓ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน  หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ  ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจเปรียบเทียบได้   และเมื่อผู้กระทําความผิดได้ชําระค่าปรับตามจํานวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กําหนดแล้ว  ให้ถือว่า คดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๒๔ ให้สถานสงเคราะห์ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการตามพระราชบัญญัติ ควบคุมการขอทาน  พุทธศักราช  ๒๔๘๔  เป็นสถานคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามพระราชบัญญัตินี้ 

มาตรา ๒๕ ผู้ซึ่งถูกส่งตัวไปยังสถานสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน  พุทธศักราช  ๒๔๘๔  ซึ่งรับการสงเคราะห์อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ  ให้ได้รับการคุ้มครอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อไปตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๖ การดําเนินการออกระเบียบโดยคณะกรรมการตามมาตรา  ๙  เพื่อปฏิบัติการ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้  ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับ  หากไม่สามารถดําเนินการได้  ให้รัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดําเนินการได้ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบ

มาตรา ๒๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รักษาการ ตามพระราชบัญญัตินี้  และให้มีอํานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และประกาศจัดตั้งสถานคุ้มครองและพัฒนา คุณภาพชีวิตเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2559 20:33:39 น.
Counter : 607 Pageviews.  

กรมอนามัย เตือน อันตราย ไม่ล้างแอร์นาน ๆ หวั่นเสี่ยงปอดอักเสบ



กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยแอร์มีความชื้น ทั้งตัวแอร์และท่อของแอร์ที่ก่อให้เกิด การเจริญเติบโตของเชื้อโรค แนะควรล้างแอร์เป็นประจำ เพราะหากได้รับเชื้อสะสมเป็นเวลานานอาจเสี่ยงเกิดโรคปอดอักเสบ

 

         นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าร้อน หลายคนต้องเปิดแอร์เพื่อคลายความร้อนในเวลากลางวันและกลางคืน อาทิ ที่ทำงาน ที่บ้าน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งอาจแฝงไปด้วยภัยร้าย เพราะในแอร์มีความชื้นทั้งตัวแอร์และท่อของแอร์ที่ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสหรือเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียลิจิโอเนลลานิวโมฟิวลา ซึ่งหากหายใจเอาฝอยละอองน้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนเข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยลักษณะอาการมี 2แบบคือ แบบปอดอักเสบรุนแรง มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น เรียกว่าโรคลิเจียนแนร์ และแบบที่มีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่ เรียกไข้ปอน ตีแอกหรือปอนเตียก

        นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อว่า แอร์แบบระบบรวม ควรเปิดน้ำทิ้งจากหอหล่อเย็นให้แห้งเมื่อไม่ได้ใช้ ทำความสะอาดขัดถูคราบไคลตะกอน เติมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อฆ่าเชื้อรา และทำความสะอาดหอหล่อเย็นอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน ไม่ให้มีตะไคร่เกาะ ทำลายเชื้อโดยใส่คลอรีนให้มีความเข้มข้น 10 ppm (10 ส่วนในล้านส่วน) เข้าท่อที่ไปหอผึ่งเย็นให้ทั่วถึงทั้งระบบไม่น้อยกว่า 3-6 ชั่วโมง หลังจากนั้นรักษาระดับคลอรีนให้ความเข้มข้นไม่น้อยกว่า 0.2 ppm (0.2 ส่วนในล้านส่วน) และแอร์ในห้องพักต้องทำความสะอาด ถาดรองน้ำที่หยดจากท่อคอยส์เย็นทุก 1-2สัปดาห์ ไม่ให้มีตะไคร่เกาะหรือใส่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ของคน ตามมาตรฐานประกาศกรมอนามัย เรื่อง ข้อปฏิบัติการควบคุมเชื้อลิจิโอเนลลาในหอผึ่งของอาคารในประเทศไทย และสำหรับแอร์ที่ใช้ตามบ้านเรือนเมื่อเปิดแอร์ควรสังเกตว่าอากาศที่ออกมาจากแอร์มีกลิ่นเหม็นหรือมีกลิ่นอับหรือไม่ หากมีกลิ่น ในเบื้องต้นควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในแอร์ด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หากล้างทำความสะอาดแล้วกลิ่นไม่หาย ควรเรียกช่างเพื่อทำความสะอาดแบบเต็มระบบ

 

        "ทั้งนี้ การล้างทำความสะอาดแอร์ควรทำเป็นประจำ โดยดูตามความเหมาะสมจากสภาพแวดล้อมและการใช้งาน หากเป็นแผ่นกรองอากาศควรล้างด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วใช้น้ำฉีดแรงๆ ที่ด้านหลัง ด้านที่ไม่ได้รับฝุ่นให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออกอย่างน้อยเดือนละครั้ง และควรล้างแอร์แบบเต็มระบบอย่างน้อย ปีละ1ครั้งเช่นเดียวกัน แต่หากใช้เป็นประจำทุกวัน ควรล้างทำความสะอาดประมาณ 6เดือนต่อครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยลดเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่ในแอร์แล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2559 20:43:46 น.
Counter : 606 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.