กรณีศึกษาการประมูลคลื่นความถี่ในประเทศต่างๆ โดย พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ

พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคมและรองประธาน กสทช. มีหน้าที่โดยตรงกับการจัดประมูลคลื่นความถี่ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 เวลา 16.30 น.บริษัทแจส โมบาย บรอดแบรนด์จำกัดไม่ได้นำเงินมาจ่ายค่าประมูล 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์งวดแรกเป็นเงิน 8,040 ล้านบาทและนำใบค้ำประกันจากธนาคาร (แบงก์การันตี) อีก 75,654 ล้านบาทมาจ่ายให้ กสทช. จึงเกิดปัญหาตามมา อย่างไรก็ตามดร.เศรษฐพงค์นำการประมูลคลื่นความถี่ของประเทศต่างๆมาให้ศึกษากัน ดังนี้......

 

สาธารณรัฐเช็ก - องค์กรกำกับดูแลของสาธารณรัฐเช็ก ตัดสินใจยกเลิกการประมูล เนื่องจากราคาประมูลพุ่งสูงถึง1,030 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่คาดว่าจะมีรายได้จากการประมูลเพียง 377 ล้านเหรียญสหรัฐ 

ประเทศอินเดีย - ในเดือนพฤศจิกายน 2012 ได้มีการจัดสรรคลื่นความถี่ 2G แต่เนื่องจากมีการตั้งราคาตั้งต้นการประมูลสูงเกินไป โดยเฉพาะคลื่น 1800 MHz ในบางบล็อคความถี่ ไม่มีผู้เข้าร่วมประมูล และรายได้จากการประมูลต่ำกว่าที่คาดไว้มาก และในปี 2013 ถึงแม้จะมีการลดราคาเริ่มต้นการประมูลลงจากปี 2012 โดยคลื่น 1800MHz มีการลดราคาลง 30% และคลื่น 800 MHz ลดราคาลง 50% ซึ่งถึงแม้จะมีการลดราคาลงแต่คลื่น 1800MHz บางบล๊อคก็ยังไม่มีผู้เข้าร่วมประมูล ส่วนคลื่น 800MHz มีผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลเพียงรายเดียวเท่านั้น

ออสเตรเลีย - การประมูลคลื่นความถี่ 4G ย่าน 700 MHz ในเดือนเมษายน 2013 โดยก่อนเริ่มต้นการประมูลVodafone ผู้ให้บริการอันดับสาม ประท้วงไม่เข้าร่วมการประมูล เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับราคาตั้งต้นการประมูล ส่วนOptus ผู้ให้บริการอันดับสองเข้ามาขอรับการจัดสรรความถี่เพียงครึ่งเดียวของ Telstra ผู้ให้บริการอันดันหนึ่ง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการตั้งราคาตั้งต้นการประมูลที่สูงเกินไป ทำให้คลื่นความถี่เหลือหนึ่งในสาม (2x15 MHz) ที่ไม่สามารถจัดสรรออกไปได้

สิงคโปร์ - พยายามหาผู้ประมูลรายที่ 4 เข้าตลาด แต่ไม่สำเร็จ ดังนั้น IDA จึงได้ยกเลิกการประมูลและให้ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ได้แก่ Singtel, M1 และ Starhub ได้รับการจัดสรรในราคาขั้นต่ำในการอนุญาตใช้คลื่นความถี่ (Reserve Price) ที่มูลค่า 20 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 500 ล้านบาท)

เกาหลีใต้ - ในปี 2011 มีการตั้งกำแพงไม่ให้ผู้ให้บริการรายหลักสองรายเข้ามาประมูลในคลื่น 2100 MHz เพื่อให้เกิดความน่าสนใจสำหรับผู้ให้บริการรายใหม่ ดังนั้น LG Uplus เป็นเพียงรายเดียวที่เข้าร่วมประมูลคลื่น 2100 MHz และชนะการประมูลในราคาขั้นต่ำที่ทาง KCC ได้ตั้งไว้ที่ 4.45 แสนล้านวอน

ประเทศนอร์เวย์ - มีการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 โดยมีผู้เข้าร่วมประมูลสามราย โดยหนึ่งในสามรายเป็นผู้ได้รับการจัดสรรความถี่ไว้แล้ว 15MHz ในอดีต โดยการประมูลกำหนดให้แต่ละรายจะมีความถี่ในครอบครองได้ไม่เกิน 20MHz ซึ่งการประมูลได้จบลงในรอบเดียวและทุกรายได้รับการจัดสรรความถี่ตามที่ต้องการในราคาขั้นต่ำในการอนุญาตใช้คลื่นความถี่ หรือ 5 ล้านโครนเนอร์นอร์เวย์ ต่อ 1 บล็อกความถี่

บังกลาเทศ - จัดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ทั้งหมด 50 MHz โดยมีการจัดสรรให้ผู้ประกอบการของรัฐ 10 MHz อีก40MHz จัดสรรให้แก่ผู้ประกอบการเอกชน แต่ประมูลออกไปได้เพียงเพียง 25 MHz คงเหลือคลื่นความถี่อีก 15 MHzโดยไม่มีผู้สนใจจะประมูลต่อ โดยบริษัท CityCell ผู้ประกอบการรายที่เก่าแก่ที่สุด ไม่ได้เข้าประมูล เนื่องจากไม่สามารถจัดหาเงินลงทุนได้ 

บาห์เรน – ยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่ LTE โดยใช้วิธีจัดสรรคลื่นความถี่ให้กับผู้ให้บริการรายเดิมในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั้ง 3 รายแทน (Bahrain Telecommunications Co. (Batelco), Kuwait's Zain และ Viva Bahrain)

จาเมกา - จัดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 700MHz เมื่อเดือนตุลาคม 2013 แต่การประมูลคลื่นความถี่ได้ถูกล้มเลิกไป เนื่องจากไม่มีผู้เสนอราคาแม้แต่รายเดียว ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวของการประมูล 

เดนมาร์ก - ประมูลคลื่นความถี่ย่าน 800MHz ผู้ชนะประมูลมีเพียง 2 รายเท่านั้น จากผู้เข้าประมูลทั้งสิ้น 3 ราย โดยบริษัท Hi2G นั้นแพ้การประมูล

โรมาเนีย - ประมูลคลื่นความถี่ย่าน 800MHz ได้ผู้ชนะการประมูล 3 ราย โดยเหลือคลื่นความถี่อีกจำนวน 2x5MHz ที่ไม่สามารถประมูลออกไปได้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 23 มีนาคม 2559    
Last Update : 23 มีนาคม 2559 9:34:41 น.
Counter : 278 Pageviews.  

โปรดเกล้าฯโยกย้าย 251 นายทหารสายพล.อ.ประวิตรผงาด-เด้งสายพล.อ.อุดมเดชเป็นที่ปรึกษา

พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร 251 รายชื่อทุกเหล่าทัพพบนายทหารใกล้ชิดพล.อ.ประวิตรได้ดี จากรอง มทภ. 1 เป็น รอง เสธ.ทบ. น้องรักพล.อ.ประยุทธ์ทหารเสือราชินี คุม พล.ร.2 ปราจีนบุรี เด้งกราวรูดนายทหารสนิทพล.อ.อุดมเดชเป็นแค่ที่ปรึกษา ทบ. โยกแม่ทัพน้อยที่ 2 คนของพล.อ.ประวิตรเป็นแม่ทัพภาคที่ 2

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 251 ตำแหน่ง ในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ดดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ดอชา นายกรัฐมนตรีลงสนามสนองพระบรมราชโองการ

สํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

รายชื่อที่น่าสนใจได้แก่ พล.ท.กมล เพิ่มกําลังพล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตรา พลเอก) พล.ท.กมล เป็นนายทหารที่มีความสนิทกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

พล.ท.พันลึก สุวรรณทัต หรือ เสธ.เอย น้องชาย พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต และอดีตนายทหารคนสนิทประจำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากเดิมผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจํารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตรา พลโท) แล้วแต่งตั้ง พล.ต.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็น ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจํารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

พล.อ.ต.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ในฐานะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจํารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพอากาศ แล้วแต่งตั้ง พ.อ.วิสุทธิ์ เดชสกุล, พ.อ.อมร อมรวิริยะกุล และ พ.อ.เอกลักษณ์ นภาสวัสดิ์ เป็น นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจํารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

กองทัพบก

จากรายชื่อโปรดเกล้าฯพบว่า นายทหารคนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหม ถูกโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งอื่น อาทิ พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี รองเสนาธิการทหารบก เป็นที่ปรึกษากองทัพบก, พล.ท.จิระพันธ์ มาลีแก้ว รองเสนาธิการทหารบก เป็น รองหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจําผู้บังคับบัญชา,พล.ท.พลภัทร วรรณภักตร์ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลโท), พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จ.ปราจีนบุรี เป็น รองแม่ทัพน้อยที่ 1, พล.ต.โอม สิทธิสาร รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลโท)

สำหรับผู้ได้รับแต่งตั้งประกอบด้วย พล.ท.ปณต แสงเทียน เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็น รองเสนาธิการทหารบก, พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น รองเสนาธิการทหารบก แต่งตั้ง พล.ต.กันตภณ อัครานุรักษ์ รองแม่ทัพน้อยที่ 1 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ทหารเสือราชินี) แต่งตั้ง พ.อ. สนิทชนก สังขจันทร์ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) นายทหารคนสนิท พล.อ.ประวิตร และสามีของ พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น ผบ.มทบ.11

ทั้งนี้พล.ต.ณัฐ ถือเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร ส่วน พล.ต.สันติพงศ์ ถือเป็นทหารเสือราชินีผู้ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

พล.ต.ปิยวัฒน์ นาควานิช ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก น้องชายของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นที่ปรึกษากองทัพบก และ พล.ต.หญิง บุญรักษา นาควานิช ภรรยา พล.อ.ธีรชัย ขยับตำแหน่งจากผู้ชำนาญการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กลับมากองทัพบกเป็นผู้ชำนาญการกองทัพบก

พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง หรือ บิ๊กมี่ แม่ทัพภาคที่ 2 รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลเอก) จากนั้นแต่งตั้ง พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็น แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.ศักดา เปรุนาวิน รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็น แม่ทัพน้อยที่ 2, พล.ต.นิรุทธ์ เกตุสิริ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลโท), พล.ต.สมชาย เพ็งกรูด รองแม่ทัพน้อยที่ 2 และ พล.ต.ธรากฤต ทับทองสิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 2

มีรายงานว่า สาเหตุที่เลื่อน พล.ท.ธวัช ขึ้นในอัตราพลเอกเพราะจะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายน 2559 อีกทั้ง พล.ท.วิชัย ได้รับการผลักดันจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 อยู่แล้ว

รายงานข่าวเปิดเผยว่าการพิจารณาผู้มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกปลายปีแทน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ที่จะเกษียณในเดือน กันยายนนี้ เหลือแคนดิเดตเพียง 2 คน คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) และ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ชิงดำในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ต่อไป เพราะอีก 3 คนเกษียณอายุราชการพร้อมกัน

กองทัพเรือ

พล.ร.ท.ธนะกาญจน์ ใคร่ครวญ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ (อัตรา พลเรือเอก) โดยแต่งตั้ง พล.ร.ต.รัตนะ วงษาโรจน์ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ซึ่งมีรายงานว่า พล.ร.ท.ธนะกาญจน์ จะเกษียณอายุราชการในปีนี้

อ่านประกอบ : ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ

//www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/067/1.PDF

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 มีนาคม 2559    
Last Update : 22 มีนาคม 2559 14:29:19 น.
Counter : 395 Pageviews.  

กรมศุลฯจับบุหรี่หนีภาษีแอบลักลอบขนจากมาเลเซียเข้าอันดามันขึ้นสตูลมูลค่ากว่า 88 ล้านบาท

กรมศุลกากรจับกุมกระบวนการลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศทางทะเล จำนวนกว่า 5 ล้านมวน มูลค่าราคารวมภาษีอากรทั้งสิ้นกว่า 88 ล้านบาท

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.00 น. ณ บริเวณหน้าลานจอดรถอาคาร 120ปี คลังของกลาง กรมศุลกากร นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวจับกุมกระบวนการลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศทางทะเล จำนวนกว่า 5 ล้านมวน มูลค่าราคารวมภาษีอากรทั้งสิ้นกว่า 88 ล้านบาท

ตามที่กรมศุลกากรได้มุ่งเน้นนโยบายสำคัญในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อกำกัด เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะบุหรี่ต่างประเทศ ทั้งในพื้นที่ทางบกและทางทะเล นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้สั่งการให้นายจำเริญ โพธิยอด รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารจัดเก็บภาษี และนายวรวุฒิ วิบูลย์ศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปราม

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม  2559 เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษกรมศุลกากร นำโดยนายณัฐวุฒิ สระฏัน นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ จัดชุดสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนบุหรี่เถื่อนจากมาเลเซียเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทางทะเลด้านอันดามัน บริเวณจังหวัดสตูล โดยแฝงตัวเข้าพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งเวลาประมาณ 21.20 น. ได้พบเห็นเรือบรรทุกสินค้าต้องสงสัยวิ่งจากน่านน้ำมาเลเซียเข้ามาในเขตไทยทางด้านเหนือของเกาะตะรุเตา โดยเรือลำดังกล่าวได้ปิดไฟและวิ่งมาด้วยความเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนและนำเรือเข้าสกัดกั้นเพื่อขอตรวจค้นเรือดังกล่าว พบเรือชื่อ “พัชรีพร 4” มี นายฉาฝีอี  สาหมีด อายุ 45 ปี เป็นผู้ควบคุมเรือ นายสุขสันต์ ทุมมาลี อายุ 51 ปี นายอำพล ปราบยาวา อายุ 54 ปี และนายโรจน์ หวังยุนุ้ย อายุ 42 ปี เป็นลูกเรือ ทั้ง 4 คน สัญชาติไทย ภูมิลำเนาจังหวัดสตูล

ผลการตรวจค้นเบื้องต้นพบ บุหรี่กำเนิดต่างประเทศเต็มลำเรือ ไม่พบหลักฐานการนำเข้าและเสียภาษีแต่อย่างใด ผลการตรวจนับของกลางพบ บุหรี่ต่างประเทศยี่ห้อต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 577 ลัง (4,937,200 มวน) มูลค่าของกลางรวมภาษีอากรรวมทิ้งสิ้น 88,708,845 บาท (ราคา 4,937,200 บาท อากร 2,962,320 บาท ภาษีสรรพสามิต 71,095,680 บาท เงินบำรุงกองทุนส่งเสริมสุขภาพ 1,421,914 บาท เงินบำรุงกองทุนส่งเสริมการกีฬา 1,421,914 บาท เงินบำรุงกองทุนองค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะฯ 1,066,435 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 5,803,382 บาท)

เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดย หรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา ๒๗ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ ประกอบมาตรา ๑๖,๑๗ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ.๒๔๘๒ จึงได้ยึดบุหรี่ต่างประเทศและเรือบรรทุกบุหรี่เป็นของกลาง พร้อมควบคุมตัวลูกเรือทั้ง 4 คน นำส่งด่านศุลกากรสตูลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในเวลาต่อมาได้นำส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนให้กับ สภ.ละงู จังหวัดสตูลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผลกระทบภาษีบุหรี่ขึ้น คนเริ่มหันมาซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น 

จากประกาศกฎกระทรวงการคลังปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่จาก 87% เป็น 90% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป จากเดิมเก็บ 1 บาทต่อกรัม ขึ้นเป็น 1.1 บาทต่อกรัม โดยการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทำให้ราคาบุหรี่บางยี่ห้อมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 5-10 บาทต่อซอง กระแสความนิยมที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อใช้ในการทดแทนบุหรี่ปกติจึงเพิ่มขึ้น เพราะหากเทียบกันแล้วบุหรี่ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายต่อเดือนถูกกว่าบุหรี่ธรรมดา แค่ในช่วงแรกอาจจะต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ แต่หากนำมาเทียบกันจริงๆ แล้วการใช้บุหรี่ไฟฟ้าต่อครั้งมีราคาถูกกว่า ซึ่งหากมองในแง่ของอันตราย ก็ยังมิได้มีผลวิจัยออกมารองรับว่าสุดท้ายแล้วบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ธรรมดานั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายมากกว่ากัน ถึงแม้ว่าในประเทศไทยบุหรี่ไฟฟ้าจะถือเป็นสินค้าที่มิชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ในกรณีห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้าที่เป็นลักษณะบารากู่หรือบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 มีนาคม 2559    
Last Update : 22 มีนาคม 2559 9:34:34 น.
Counter : 416 Pageviews.  

เปิดตัวเกสท์เฮาส์พม่าครั้งแรกในประเทศไทย กับนิทรรศการ “พม่าระยะประชิด” ร่วมแกะรอยเส้นทางชีวิต เรียนร

มิวเซียมสยาม เปิดตัว “พม่าระยะประชิด” (Myanmar Up-Close) นิทรรศการเกาะติดชีวิตชาวพม่าในประเทศไทย ที่มุ่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพม่าให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยในวงกว้าง และมุ่งหวังให้ประชาชนเปิดใจทำความรู้จักผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มากขึ้น โดยนำเสนอประสบการณ์ ความจริง และสิ่งของของชาวพม่าในประเทศไทย

 

กรุงเทพฯ 15 มีนาคม 2559  มิวเซียมสยาม เปิดตัว “พม่าระยะประชิด” (Myanmar Up-Close)  ผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ อาทิ ภาพนิ่ง  ภาพเคลื่อนไหว และอินโฟกราฟิก  ภายใต้คอนเซปต์ “Guest (‘s) House”  พื้นที่เล็กๆ แห่งการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้สิ่งใหม่  โดยภายในนิทรรศการนั้นแบ่งออกเป็น 2 โซน  สำหรับโซนแรก “เกสท์เฮาส์ (Guest’s House)”  นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความหวัง  ความฝัน  การเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย  กลยุทธ์การใช้ชีวิตระหว่างอยู่ในประเทศไทย  ประสบการณ์การทำงาน และการวางแผนชีวิตในอนาคต  ส่วนโซนที่สอง   “เกสเฮาส์ (Guess House)”  นำเสนอแง่มุมทางวัฒนธรรมที่ทั้งสองประเทศมีรากฐานร่วมกัน  พร้อมทบทวนมายาคติต่างๆ ของคนไทยที่มีต่อพม่า ในแบบเรียนประวัติศาสตร์ของไทย

ได้มีการแสดง “นา ฏศิลป์พม่าร่วมสมัย” โดย แซค กัมปนาท เรืองกิตติวิลาส ที่มาร่ายรำในท่วงทำนองแบบพม่าอันงดงามและน่าชมอย่างยิ่ง จากนั้นคุณฆัสรา ขมะวรรณ มุกดาวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ มิวเซียมสยาม กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ว่าต้องการเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันของคนทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น  และคุณราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) กล่าวเปิดพร้อมทั้งกล่าวถึงความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศในหลายแง่มุม ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ ความใฝ่ฝัน โดยได้ถ่ายทอดออกมาให้ชมในรูปแบบต่างๆอย่างน่าสนใจ จากนั้นรับฟังมุมมองจากหลายท่านในเวทีเสวนาโดยมี คุณทวีศักดิ์ วรฤทธิ์เรืองอุไร นักจัดการความรู้อาวุโส มิวเซียมสยาม พูดถึงที่มาและแนวคิดของการจัดนิทรรศการรวมถึงองค์ประกอบ และไฮไลท์ภายในนิทรรศการที่จะทำให้ผู้เข้าชมได้ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวพม่าในหลายแง่มุม ส่วนคุณธีรภาพ โลหิตกุล ศิลปินแห่งชาติ นักเขียนรางวัล “ศรีบูรพา” นักเขียนสารคดี ช่างภาพที่มีชื่อเสียงได้มาบอกเล่าประสบการณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับพม่าทั้งในอดีตและปัจจุบัน คุณตูซาร์ นวย อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้มาพูดถึงประวัติศาสตร์อยุธยา ในความรับรู้ของชาว "พม่า” ที่แตกต่างจากความรู้สึกของชาวสยาม จนมาถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และพม่าในปัจจุบัน

 

ทั้งนี้ นิทรรศการ “พม่าระยะประชิด”  เปิดให้เข้าชมได้แล้วตั้งแต่วันนี้  จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2559  เวลา 10.00 – 18.00 น. (ปิดวันจันทร์) ณ มิวเซียมสยาม  โดยไม่มีค่าใช้จ่าย  โดยตลอดระยะเวลาการจัดแสดงนิทรรศการ จะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การแสดงหุ่นกระบอกพม่า  การเสวนาประวัติศาสตร์พม่าที่หายไป  การแสดงละครเวที โดยนักแสดงเด็กชาวพม่า  การเวิร์กชอบโหราศาสตร์และการดูดวงแบบพม่า  นับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ศึกษาเรียนรู้เพื่อนของเราเพื่อความเข้าที่ดีระหว่างกันต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 มีนาคม 2559    
Last Update : 22 มีนาคม 2559 9:06:23 น.
Counter : 246 Pageviews.  

รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาการศึกษาพื้นฐานและอาชีวะต่อเนื่อง "ลดเวลาเรียน-เพิ่มเวลารู้"-มอบ ศธ. ประยุกต์หลัก

รัฐบาลเดินหน้า พัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวะต่อเนื่อง ทั้งลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ และการศึกษาทวิภาคี มอบ ศธ. ประยุกต์หลัก 4H และประชารัฐสู่ระดับอุดมศึกษา หลังพบนักศึกษามีปัญหาทักษะชีวิต

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2559 พล..สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งรัดพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ระยะแรกในปีการศึกษา 2559 โดยจะประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ในช่วงต้นเดือน เม..นี้ เพื่อรวบรวมปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ โดยเฉพาะครูและสถานศึกษา นำไปทบทวน ปรับปรุง แก้ไข สำหรับวางแผนดำเนินการต่อไป

“การจัดกิจกรรม หลังเสร็จสิ้นการเรียนในห้องเรียนของเด็กตามโครงการดังกล่าว ได้เน้นให้เกิดการพัฒนาผู้เรียน สร้างการเรียนรู้ เสริมคุณลักษณะพึงประสงค์ และเพิ่มทักษะชีวิต หรือการพัฒนา 4H คือ ด้านสติปัญญา (Head) ด้านทัศนคติ (Heart) ด้านเรียนรู้และปฏิบัติจริง (Hands)และด้านสุขภาพ (Health) โดยเฉพาะด้านทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมและทักษะชีวิตให้กับเด็กยุคใหม่ ให้เป็นคนดีและเก่งควบคู่กัน โดยในปี 59 ศธ.มีเป้าหมายที่จะขยายการดำเนินงานเป็น 10,669 โรงเรียน และครอบคลุมทั่วประเทศในปี 60”

พล..สรรเสริญกล่าวต่อว่ ในปี 59 รัฐบาลยังจะจัดทำโครงการโรงเรียนประชารัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมให้ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมกันพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานและพัฒนาผู้นำ โดย ในระยะแรก มีเป้าหมาย 1 ตำบล 1 โรงเรียนต้นแบบ ทั่วประเทศ รวม 7,424 แห่งครอบคลุมระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา มุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาจิตสาธารณะเพื่อการบริการชุมชนและสังคม

สำหรับด้านอาชีวศึกษา รัฐบาลจะจัดการเรียนรู้ที่ได้ปฏิบัติจริงหรือการศึกษาแบบทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง โดยให้สถานประกอบการเข้ามาร่วมวางแผนผลิตกำลังคนและจัดการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ ทำให้ผู้เรียนมีทักษะฝีมือที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ และทำงานได้จริงเมื่อจบการศึกษา

“ท่านนายกฯ ปรารภว่า การพัฒนาการศึกษาของไทยมีความชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวะ แต่ในระดับอุดมศึกษายังพบปัญหาคุณลักษณะของบัณฑิตที่จบออกมา โดยผลจากการศึกษาวิจัยเรื่อง ช่องว่างทักษะที่สำคัญในโลกการทำงานของศศินทร์ ร่วมกับจ็อบไทยดอตคอม และแคเรียร์วีซ่า ระบุว่า นิสิตนักศึกษา 86% ยังไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง และยังมีทักษะที่บัณฑิตจบใหม่ยังขาดอยู่ เช่น ขาดความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ การมองประโยชน์ส่วนรวม ความตรงต่อเวลา ความอดทน รวมถึงความสามารถในการสื่อสารที่เป็นระบบ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาระดับอุดมศึกษาอาจให้ความสำคัญกับพัฒนาทักษะชีวิตเหล่านี้น้อยกว่าภาควิชาการ จึงได้มอบหมายให้ ศธไปพิจารณานำหลักการ 4H และประชารัฐ ประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนรู้ในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจริงตามผลการวิจัยดังกล่าว กระตุ้นให้นิสิตนักศึกษามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง พร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน มีทักษะชีวิตที่สมบูรณ์ เช่น มีความกระตือรือร้น ทำงานได้ทุกบทบาท เป็นมืออาชีพ และสื่อสารเป็น คิดเองได้ โดยไม่ต้องรอคำสั่งแต่เพียงอย่างเดียว”

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 21 มีนาคม 2559    
Last Update : 21 มีนาคม 2559 19:08:18 น.
Counter : 210 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.