กรมป่าไม้เปิดรับสมัครสอบพนักงานราชการ 124 อัตราสมัคร 5-18 เมษายน 2559

กรมป่าไม้เปิดรับสมัครสอบเป็นพนักงานราชการทั่วไป สังกัดกรมป่าไม้ จำนวน 124 อัตรา รับสมัครทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 5 - 18 เมษายน 2559

 

ตำแหน่งที่เปิดรับสมัครสอบ

1. ตำแหน่ง นักวิชาการป่าไม้ จำนวน 50 อัตรา

2. ตำแหน่ง นักวิชาการเผยแพร่ จำนวน 3 อัตรา

3. ตำแหน่ง นิติกร จำนวน 7 อัตรา

4. ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป จำนวน 5 อัตรา

5. ตำแหน่ง ผู้ช่วยนักวิจัย จำนวน 12 อัตรา

6. ตำแหน่ง นักวิทยาศาสตร์ จำนวน 2 อัตรา

7. ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 อัตรา

8. ตำแหน่ง ช่างเทคนิค จำนวน 1 อัตราง

9. ตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี จำนวน 5 อัตรา

10. ตำแหน่ง เจ้าพนักงานธุรการ จำนวน 1 อัตรา

11. ตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเกษตร จำนวน 1 อัตรา

12. ตำแหน่ง ช่างศิลป์ จำนวน 1 อัตรา

13. ตำแหน่ง ช่างไฟฟ้า จำนวน 2 อัตรา

14. ตำแหน่ง ช่างสำรวจ จำนวน 5 อัตรา

15. ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ธุรการ (ปวช) จำนวน 2 อัตรา

16. ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล จำนวน 2 อัตรา

17. ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การเกษตร จำนวน 2 อัตรา

18. ตำแหน่ง พนักงานขับเคลื่องจักรขนาดเบา จำนวน 1 อัตรา

19. ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ธุรการ (ม.3) จำนวน 4 อัตรา

20. ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ตรวจป่า จำนวน 5 อัตรา

21. ตำแหน่ง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การเกษตร จำนวน 9 อัตรา

การรับสมัครสอบ

ผู้ประสงค์จะสมัครสอบ สมัครได้ทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 5 - 18 เมษายน 2559 ที่เว็บไซต์ //job.forest.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ

รายละเอียดเพิ่มเติม

//job.ocsc.go.th/images/Job/635944170961547922.pdf

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 29 มีนาคม 2559    
Last Update : 29 มีนาคม 2559 9:18:04 น.
Counter : 391 Pageviews.  

ศาลสั่งจำคุก 2 ปีอดีตคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาลนำรถยนต์และวัสดุของราชการไปใช้ส่วนตัวงานแต่งงานลูก

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับหมื่นบาท นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล คดีนำรถยนต์และวัสดุราชการไปใช้ในงานแต่งลูกสาว โทษจำคุกให้รอลงโทษ 2 ปี เหตุจำเลยรับสารภาพและชดใช้ค่าเสียหายทันทีเมื่อถูกป.ป.ช.ชี้มูลผิด

 

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 28 มีนาคม 2559 ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2117/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายแพทย์ชัยวัน เจริญโชคทวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นเจ้าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 151 และ157

คำฟ้องโจทก์สรุปว่าระหว่างเดือนมกราคม 2554 เวลากลางวันจำเลยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ได้สั่งให้นายประเทือง ครุฑวิเศษ หัวหน้าธุรการฝ่ายบริหารงานทั่วไปซึ่งมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ในงานต่างๆ ของคณะแพทยศาสตร์ฯ ให้ไปช่วยจัดเตรียมงานพิธีมงคลสมรสระหว่างแพทย์หญิงวรรณศิริ เจริญโชคทวี บุตรสาวของจำเลยและงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในวันที่ 16 ม.ค. 2554 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น

จำเลยแจ้งให้นำเก้าอี้พร้อมปลอกจำนวน 100 ตัว และกระถางต้นไม้ซึ่งเป็นทรัพย์สินของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปใช้จัดงานด้วย และสั่งให้เจ้าพนักงานโสตทัศนศึกษา คณะแพทยศาสตร์ฯ นำกล้องวิดีโอ 2 เครื่อง โทรทัศน์ 1 เครื่อง สายสัญญาณจำนวน 1 ชุด ขาตั้งกล้องมอนิเตอร์ 2 เครื่อง กล้องถ่ายรูป 2 ตัว และชุดสวิตเชอร์ (ชุดควบคุม) 1 ชุด เครื่องเล่นและบันทึกดีวีดี จำนวน 1 เครื่อง ที่เป็นทรัพย์สินของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปติดตั้งใช้งานตามที่จำเลยสั่ง

จำเลยยินยอมให้นำรถยนต์ส่วนกลางของคณะแพทยศาสตร์ฯ จำนวน 4 คัน ประกอบด้วย รถกระบะ3 คัน และรถตู้ 1 คันไปใช้บรรทุกทรัพย์สินดังกล่าวและขนเจ้าหน้าที่ของคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปที่บ้านของจำเลย

การกระทำของจำเลยดังกล่าวได้กระทำโดยอาศัยที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์สินอันเป็นของคณะแพทยศาสตร์ฯ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต โดยนำอุปกรณ์ต่างๆดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลย อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและคณะแพทยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร

ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดให้ดำเนินคดีต่อนายแพทย์ชัยวัน เมื่อวันที่ 10 ันยายน 2556 ซึ่งนายแพทย์ชัยวัน จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาได้ยื่นคำร้องให้การรับสารภาพในภายหลัง เหตุเกิดที่แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม.

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การกระทำของนายแพทย์ชัยวัน จำเลยเป็นการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พิพากษาจำคุก 5 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกเหลือ 2 ปี 6 เดือนและปรับ 1 หมื่นบาท

เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งคดีแล้ว เห็นว่าเมื่อจำเลยทราบการกระทำของตนและพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น โดยการชดใช้ค่าเสียหายแล้วในทันที ประกอบกับจำเลยรับราชการเป็นแพทย์มานาน ทำคุณความดีให้แก่หน่วยงานและประเทศชาติมาโดยตลอด ทั้งจำเลยมิเคยกระทำความผิดอาญาใดๆ และไม่เคยปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 28 มีนาคม 2559    
Last Update : 28 มีนาคม 2559 19:04:33 น.
Counter : 420 Pageviews.  

วงในแย้ม Apple ยังเลือกใช้ฮาร์ดแวร์โมเด็มจาก Qualcomm สำหรับ iPhone SE

แม้ว่าจะมีข่าวความเคลื่อนไหวอัพเดทเกี่ยวกับแผนการพัฒนาฮาร์ดแวร์โมเด็มจากค่าย Intel ให้กับอุปกรณ์ของ Apple กระเซ็นกระสายออกมาต่อเนื่องอยู่เป็นระยะๆ แต่ในการเปิดตัวทำตลาดของเครื่องโทรศัพท์ iPhone SE รุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังจะวางจำหน่ายทุกโมเดลนั้นดูจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อแหล่งข่าววงในระบุข้อมูลอ้างอิงว่าหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญอย่างฮาร์ดแวร์โมเด็มนั้นยังเป็นผลงานจากค่าย Qualcomm อยู่เช่นเดิม

ในเบื้องต้นนี้คาดว่าจะสามารถรองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ได้ในระดับ Category 4 หรือความเร็วในทางทฤษฏี 150Mbps เช่นเดียวกับในรุ่นของ iPhone 6 ในขณะที่รุ่นเรือธงอย่าง iPhone 6s นั้นรองรับการเชื่อมต่อที่ระดับ Category 6 รองรับความเร็วเครือข่ายได้สูงสุด 300Mbps โดยทั้งสามรุ่นนี้รองรับใช้งาน VoLTE (การโทรศัพท์บนเครือข่าย 4G) มาเป็นคุณสมบัติพื้นฐานด้วยกันทั้งหมด

สำหรับความเคลื่อนไหวพยายามจาก Intel เชื่อว่าจะไม่หยุดลงง่ายๆ เนื่องจากพวกเขาก็ต้องการแทรกตัวเองเข้ามาแข่งขันในอนาคตต่อไป เพื่อสร้างรายได้หล่อเลี้ยงบริษัทจากกลุ่มธุรกิจอื่น นอกเหนือไปจากการพัฒนาและผลิตชิปเซ็ตคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะทิศทางของตลาดผู้ใช้งานส่วนบุคคลนั้นทยอยปรับตัวลดลงเป็นลำดับ อีกทั้งการแข่งขันระหว่าง Qualcomm และ Intel สำหรับการพัฒนาเหล่านี้ก็อาจจะทำให้ต้นทุนราคาของชิ้นส่วนนั้นถูกลงตามไปด้วย

source macstroke




 

Create Date : 28 มีนาคม 2559    
Last Update : 28 มีนาคม 2559 15:54:21 น.
Counter : 257 Pageviews.  

เข้าใจพระพุทธศาสนาภายใน 10 นาที โดย พุทธทาสภิกขุ

พุทธทาสภิกขุ หรือ พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปญฺโญ) รู้จักในนาม ชาตะวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 มรณะวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 เป็นชาวอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2449 เริ่มบวชเรียนเมื่ออายุได้ 20 ปี ที่วัดบ้านเกิด

จากนั้นได้เข้ามาศึกษาพระธรรมวินัยต่อที่กรุงเทพมหานคร จนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค แต่แล้วท่านพุทธทาสภิกขุก็พบว่าสังคมพระพุทธศาสนาแบบที่เป็นอยู่ในขณะนั้นแปดเปื้อนเบือนบิดไปมาก และไม่อาจทำให้เข้าถึงหัวใจของศาสนาพุทธได้เลย ท่านจึงตัดสินใจหันหลังกลับมาปฏิบัติธรรมที่อำเภอไชยา ปวารณาตนเองเป็น พุทธทาส ถวายตัวรับใช้พระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุด ขอให้เข้าใจในพระพุทธศาสนาภายใน 10 นาที ดังนี้.....

พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ?

อริยสัจ 4 คือ

ทุกข์ คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ

สมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์

นิโรธ คือความดับทุกข์

มรรค คือข้อปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์

2. พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องอะไร ?

ทุกข์กับการดับทุกข์

3. ภาพรวมของพระพุทธศาสนา มีดังนี้

3.1 ให้มองโลกตามความเป็นจริง (จริงขั้นสมมุติ=สมมุติสัจจ์, จริงแท้=ปรมัตถสัจจ์) อาทิ ตัวเรามีอยู่ แต่หาใช่ตัวตนที่แท้จริงไม่

3.2 ให้ถือทางสายกลาง ทางตึง (ทรมานกายให้ลำบาก) ก็ดี, ทางหย่อน (ฟุ้งเฟ้อหลงใหล มัวเมา) ก็ดี, มิใช่แนวทางของพระพุทธศาสนา แต่ของพระพุทธศาสนา คือ มรรคมีองค์ 8 ทางสายกลางพอดี ๆ

3.3 ให้พึ่งตนเอง มิใช่พึ่งเทวดา โชคชะตาราศี หรือ ดวงดาว ฤกษ์ยาม

3.4 ไสยศาสตร์ การบนบานศาลกล่าว อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การดูฤกษ์ยาม การเจิม ฯลฯ มิใช่พุทธศาสนา

3.5 สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย (อิทัปปัจจยตา) มีใช่เกิดขึ้นเองลอย ๆ หรือพรหมลิขิต จะดับทุกข์ได้ต้องดับที่เหตุ

3.6 โอวาทที่เป็นหลักเป็นประธาน (โอวาทปาฏิโมกข์) คือ ให้ละชั่ว ทำกุศลให้ถึงพร้อม และทำจิตให้บริสุทธิ์

3.7 สิ่งทั้งอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา, แม้พระนิพพาน ก็เป็นอนัตตาเช่นกัน หาใช่อัตตาตัวตนไม่

3.8 ให้เชื่อในหลักธรรม คือ ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว. ให้ทำตนอยู่เหนือดี เหนือชั่วนั่นแหละ จึงจะพบนิพพาน (คือเหนือกรรม)

3.9 จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือนิพพาน (ได้แก่สภาวะจิตที่สงบเย็น ปราศจากทุกข์)

3.10 สรุปธรรมทั้งปวง รวมลงในเรื่องเดียว คือ “ความไม่ประมาท”

4. การศึกษาธรรมะ 2 สมัย

4.1 สมัยปัจจุบัน คือ รู้จัก กับ รู้จำ อาศัยการฟัง อ่านค้นคว้า จึงมีความรู้อยู่ในสมองและในสมุด พูดธรรมะคล่องแต่ปฏิบัติไม่ค่อยได้ จึงได้ผลน้อย

4.2 สมัยพุทธกาล คือ รู้แจ้ง โดยเมื่อฟัง – จำแล้ว ลงมือปฏิบัติ ทำจริงในขณะนั้นทันที เกิดผลเป็นความรู้แจ้งเรื่องชีวิต ดับทุกข์ในขณะนั้นทันที

5. วิธีศึกษาพระพุทธศาสนา

เมื่อแรกพุทธปรินิพานนั้น สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งให้ถือเอาเป็นศาสดาแทนพระองค์ มีเพียง 2 คือ ธรรมและวินัย หลังจากนั้นมา 300 ปี จึงเกิดมีพระไตรปิฎกขึ้น (สุตตันตปิฎก วินัยปิฎก และอภิธรรมปิฎก) บันนี้ล่วงกาลมาถึง 2500 กว่าปี คำสอนเดิม ขั้นปรมัตถ์ค่อย ๆ หายไป หมดไป เกิดมีคำสอนใหม่ ๆ เป็นพุทธศาสนาเนื้องอกจับใส่พระโอษฐ์ ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอันมาก ดังนั้นในการศึกษาพระพุทธศาสนาพึงอาศัยหลักดังนี้

– ด้านปริยัติ (ความรู้เนื้อหา) อ่าน ฟัง คิด วิจัย ให้เข้าใจคือให้ปฏิบัติได้จริง หากสงสัย ให้อาศัยหลักกาลามสูตรเข้าพิจารณาตัดสิน มิใช่เชื่อไปเสียหมด

– ด้านปฏิบัติ การปฏิบัติทุกอย่างของพระพุทธศาสนาไม่ว่าการทำทานรักษาศีล ภาวนา พระพุทธองค์ทรงสอนให้ ทำเพื่อ “ละกิเลส” มิใช่เพื่อเอาหวังได้นั่นได้นี่ อันทำให้ยิ่งเพิ่ม โลภะ โทสะ โมหะ หาใช่พุทธศาสนาไม่ ทุกวันนี้ไหว้เพื่อเอา เพื่อขอ ทำบุญเพื่อเอาสวรรค์ นิพพาน หวังผลทั้งชาตินี้ชาติหน้า ซึ่งกลายเป็นพอกกิเลสยาวนาน

– ด้านปฏิเวธ (ผล) ทำเพื่อละ จะพบนิพพาน (จิตบริสุทธิ์ มีความสะอาด สว่าง สงบ) แต่ทำเพื่อเอา จะทำเพื่อเอา จะพบกิเลสในตนพอกพูนยิ่งขึ้น ๆ ยาวนาน และยิ่งมีทุกข์มาก

ดังนั้น จงมุ่งปฏิบัติเพื่อห่างไกลทุกข์โดยส่วนเดียว ให้ได้เห็นผลด้วยตนเอง (สันทิฏฐิโก)

6. จะศึกษาพุทธศาสนาได้ที่ไหน ?

ให้ศึกษาในร่างกายนี้ ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และมิใช่จะต้องศึกษากับพระ และในวัดวาอารามเท่านั้น จึงศึกษาตนเอง อย่ามัวศึกษานอกตัว หรือมัวติดอยู่แค่พิธีกรรม หรือได้แต่ทำตาม ๆ เขาไป จะเสียทีที่ได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้ลิ้มรสแค่เปลือกกระพี้ มิได้ชิมรสอันเป็นเนื้อใน อันได้แก่ธรรมรสของความเย็นอกเย็นใจ (นิพพาน)

7. เหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์

เหตุ เกิดจากอุปทาน คือ การเข้าไปยึดถือว่า นี่คือ ตัวตนของเรา นี่ของๆ เรา

การดับ โดยละอุปทานเสีย (โดยพยายามปฏิบัติให้ “เห็นอนัตตา”) เถิด จะโดยบังคับจิตเป็นสมาธิ (เจโตวิมุตติ) หรือโดยพิจารณาธรรมด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุตติ) ก็ได้

8. พุทธพจน์ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา”

คำว่า “เห็นธรรม” คือ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรที่ทุกข์เกิด และดับ โดยเริ่มต้นจากอวิชชา จนเกิดทุกข์

9. จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

คือ นิพพาน (สภาวะจิตที่สงบเย็น) ปราศจากกิเลส เครื่องร้อยรัดทั้งปวง (ชาวบ้านพูดว่า เย็นอก เย็นใจ) หาพบได้ที่ใจตัวเอง

10. สรุป ความทุกข์เกิดที่จิต พึงรักษาจิตให้เป็นประภัสสรไว้เสมอ ระวังการกระทบ (ผัสสะ) ทางตา หู ฯลฯ ให้ดี มีสติรู้ทันว่า…เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน อย่าให้เวทนา ตัณหา เกิดได้ แล้วท่านจะพบความสงบเย็นตลอดเวลา

ความทุกข์เกิดที่จิต เพราะเห็นผิดเมื่อผัสสะ

ความทุกข์จะไม่โผล่ ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ

ความทุกข์เกิดไม่ได้ ถ้าเข้าใจเรื่องผัสสะ

(จากธรรมสมโภช 80 ปี พุทธทาสภิกขุ) 

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 28 มีนาคม 2559    
Last Update : 28 มีนาคม 2559 11:52:57 น.
Counter : 302 Pageviews.  

เจ้าคุณประสิทธิ์ฯโหราจารย์ชี้“ปีพ.ศ.2560 ประเทศไทยไม่มีดาวเลือกตั้ง”

เจ้าคุณประสิทธิ์ฯก็คือพระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมฺงกโร) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมส. นอกจากจะมีชื่อเสียงในด้านโหราศาสตร์แล้ว ท่านยังเป็นผู้สร้างวัดไทยขนาดใหญ่ 2 วัดในสหรัฐอเมริกานั่นคือวัดธัมมาราม นครชิคาโก้และวัดนวมินทราชูทิศ เมืองเรย์แฮม(ใกล้กับเมืองบอสตัน)รัฐแมสซาชูเซตส์ บนเนื้อที่ 233 ไร่ เฉพาะพระอุโบสถทรงไทยประยุกต์มีพื้นที่ 110,000 ตารางฟุตจึงทำให้วัดนวมินทราชูทิศเป็นวัดไทยนอกประเทศใหญ่ที่สุด ที่สำคัญกว่านั้นท่านกำลัง“รอ”ที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ หากสมเด็จช่วงฯวัดปากน้ำได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จสังฆราช ดังนี้.....

 

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2559 นสพ.คมชัดลึกได้นำคำทำนายของ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมฺงกโร) หรือเจ้าคุณพรหมฯกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ผู้มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล แวะเวียนไปหาไม่เคยขาด โดยเจ้าคุณพรหมฯทำนายไว้ว่า“ปี พ.ศ.2560ประเทศไทยไม่มีดาวเลือกตั้ง”

เจ้าคุณพรหมฯ บอกว่าหากพยายามหรือดื้อดึงจัดเลือกตั้ง ตามคำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ระบุว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรในปี 2560 ต้องเลือกตั้ง”อาจจะซ้ำรอยในอดีตที่ผ่านมาคือ บ้านเมืองจะไม่สงบ จะมีความวุ่นวายเช่นการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา แต่ถ้าเลื่อนไปดาวเลือกตั้งจะโดดเด่นในช่วงต้น ปี พ.ศ.2561

เจ้าคุณพรหมฯ ยังทำนายไว้อีกด้วยว่า 7 ปี นับจากนี้ไปจะเกิดวิกฤติการณ์กับประเทศหลายอย่าง โดยเฉพาะช่วง 4 ปี แรก คือ ระหว่าง พ.ศ.2559-พ.ศ.2563 แต่ไม่ต้องวิตก เพราะถ้ารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถที่จะลดวิกฤติการณ์ทางธรรมชาติให้เบาบางลงได้ หากสูญเสียอะไรก็ตาม ต้องยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เพราะการสูญเสียเป็นธรรมดาโลก จึงต้องตั้งสติยอมรับให้ได้

“เราต้องยึดมั่นในศีลธรรมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต้องนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์ร้ายๆ ได้ เมื่อเรารู้ว่าในอนาคตอาจจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ และทุกคำพยากรณ์จะไม่เกิดขึ้น หากเราตั้งตัวอยู่บนความไม่ประมาท เอาหลักของพระพุทธเจ้ามาใช้”

เกี่ยวกับคำทำนายดังกล่าวผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงการโหราศาสตร์ อาจจะตั้งข้อสงสัยว่า “ดาวเลือกตั้งเกี่ยวข้องอะไรกับการเลือกตั้งจริง และถ้าจัดเลือกตั้งในปีที่ไม่มีดาวเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น"

เรื่องนี้มีตัวอย่างที่ชัดเจน คือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ปรากฏว่าในช่วงวันเวลาดังกล่าว “ดวงเมืองไม่มีดาวเลือกตั้ง” แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ ชินวัตร ยังดันทุรังจัดเลือกตั้ง สุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่า

ในครั้งนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 วันเลือกตั้สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุ และข้อถกเถียงระหว่างผู้สนับสนุนกับผู้ต่อต้านรัฐบาลว่า “ต้องจัดการเลือกตั้ง หรือควรจะเลื่อนออกไปก่อน”

ในการจัดวันเลือกตั้งครั้งนี้ มีคำทำนายของ "พระสุทธิธรรม สุทธิญาโณ หรือ พระอาจารย์ต้อม" ศิษย์พระมหาประดิษฐ์ ถิรธัมโม อดีตโหราจารย์ใหญ่ประจำวัดสุทัศนฯ กทม.

 “วันอาทิตย์ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ดวงเมืองไม่มีดาวเลือกตั้ง!” เพราะดาวพุธสถิตอยู่ในราศีกุม ภ์มีดาวเนปจูนสถิตร่วมราศีกับดาวจันทร์ในราศีกุมภ์สนิทองศา ซึ่งพยากรณ์ได้ว่า “ดาวพุธ” เป็น “ดาวที่ให้โทษ” หากเลือกตั้งจะเกิดจลาจลย่อมๆ เปรียบเสมือนการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2549 ซึ่งมีมุมดาวเดียวกัน

พระอาจารย์ต้อม อธิบายให้ฟังว่า ดาวพุธเพียงดวงเดียวเท่านั้นที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตามโบราณกาล “ดาวพุธ” เป็นดวงที่โคจรไม่เป็นปกติ คนโบราณจึงเรียกว่า “พุธรวนเร พุธแปรปรวน” ในทางโหราศาสตร์ ดาวพุธเป็นดาวแห่งความแปรปรวน ไม่แน่นอน และจะโคจรผิดปกติอยู่เสมอ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวเดินช้า หรือกลับเดินถอยหลัง ด้วยสาเหตุดังกล่าวคนโบราณจึงถือว่าดาวพุธเป็นดาวที่หาความแน่นอนและความมั่นคงไม่ได้ และในวันนี้ตามความเชื่อของคนโบราณจะไม่จัดงานมงคล โดยเฉพาะการแต่งงาน หรือทำสัญญาค้าขายใดๆ อย่างเด็ดขาด

พระเสาร์ทับพระอาทิตย์

ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากการเปลี่ยนแปลงของดวงเมืองที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของดาวมฤตยูแล้ว ยังมีปรากฏการณ์ทางโหราศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อีกเช่นกัน คือ “พระเสาร์จรทับลัคนา หรือพระเสาร์ทับพระอาทิตย์” โดยมีคำทำนายว่า“ดวงจะเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในทางชีวิตของชะตาบุคคล เพียงแต่จะแตกต่างด้วยเรื่องอะไรขึ้นอยู่กับดวงชะตาเดิม”

พระอาจารย์ต้อม ให้ข้อมูลว่าวันที่ 11 สิงหาคม 2559 เวลา 23.00 น. “ดาวพระพฤหัสบดี” ที่สถิตราศีสิงห์จะย้ายราศีไปสู่ราศีกันย์ ซึ่งปกติดาวพระพฤหัสบดีจะโคจรปัจจุบันในราศีสิงห์นี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่า เป็นจุดเสื่อมของดวงดาว เนื่องจาก โคจรมาจาก “ภพวินาศของดวงเมือง” แม้จะทำมุมดีกับดวงเมือง คือ ตรีโกณ หรือ ทำมุม 120 องศากับดวงเมืองก็ตาม แต่ด้วยความมาจาก ภพ อริ มรณะ วินาศ ถือว่า ให้คุณไม่เต็มที่ หรือให้โทษร้ายกับดวงเมือง

ในความหมายของนักโหราศาสตร์ ดาวพฤหัสบดี หมายถึง โชคลาภ ความสำเร็จ ความสุข บุญกุศล เงินทอง ความยุติธรรม ความกรุณา ความดี ครู พระ เป็นต้น

หากเมื่อใดที่ดาวพฤหัสบดีอยู่ในมุมเสื่อม หรืออับแสงแล้วจะเกิดเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับความหมาย เช่น ศาสนาเสื่อม ครูเสื่อม ความยุติธรรมเสื่อม โชคลาภเงินทองความสุขเสื่อมตามไปด้วย เพราะฉะนั้นในช่วงนี้ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2559เวลา 23.00 น. ประชาชนจะพบกับความเสื่อม เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นต้องทำใจเข้าใจและตั้งรับกับปัญหาอย่างถูกวิธี

ทั้งนี้ ในวันที่ 4 มิถุนายน 2559 ในดวงเมืองนั้นอาจจรเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากในวันนี้มี “ดวงดาว พลังงาน”หลายดวงมารวมตัวส่งพลังถึงดาวบาปเคราะห์ โดยมีพระอาทิตย์ พระจันทร์ สถิตราศีร่วมกัน ส่งกระแสสัมพันธ์ ไปถึงพระราหู พระเสาร์และพระอังคาร ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ จะพยากรณ์ได้ดังนี้คือ

“พระเสาร์ทับพระอาทิตย์ และเนื่องจากดาวพฤหัสบดียังไม่พ้นจุดเสื่อมจึงหมายความได้อีกว่า จะสูญเสียบุคคลสำคัญในวงการพุทธศาสนาได้อีกประการหนึ่ง ข้อนี้น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง” พระอาจารย์ต้อมทำนายทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนา

เจ้าคุณประสิทธิ์ฯกำลังรอเป็นสมเด็จฯ

พระพรหมวชิรญาณ (นามเดิม ประสิทธิ์  สุทธิพันธ์) เกิดวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 ปัจจุบันอายุ 78 ปี กรรมการมหาเถรสมาคม, ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ฝ่ายศาสนศึกษา)

ป.ธ.๓, น.ธ.เอก, พธ.ด.(กิตติมศักดิ์)จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร, คบ.ด.(กิตติมศักดิ์) จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี(ประเทศไทย), ปบ.ด.(กิตติมศักดิ์)มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพมหานคร, ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์ (Doctor of Philosophy in Social Science) มหาวิทยาลัย New Port University U.S.A., ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์  (บริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยสยาม กรุงเทพมหานคร

5 ธันวาคม พ.ศ. 2512 - ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฐานานุศักดิ์ ในราชทินนามที่ พระครูปลัดสุวัฒนธีรคุณ ฐานานุกรมในพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ธีร์ ปุณณโก)

5 ธันวาคม พ.ศ. 2515 - ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฐานานุศักดิ์ ในราชทินนามที่ พระครูปลัดสัมพิพัฒนธีราจารย์ ฐานานุกรมในสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก)

5 ธันวาคม พ.ศ. 2516 - ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระสุธีรัตนาภรณ์

5 ธันวาคม พ.ศ. 2527 - ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชรัตนาภรณ์

12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 - ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพประสิทธิมนต์

5 ธันวาคม พ.ศ. 2543 - ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ในราชทินนามที่ พระธรรมวชิรญาณ

5 ธันวาคม พ.ศ. 2544 - มีพระบรมราชโองการโปรดสถาปนาเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ มีราชทินนามตามจารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมวชิรญาณ ไพศาลศาสนกิจสิทธิปริณายก ธรรมวิเทศดิลกสุทธิกวีปาพจนโสภณ วิมลสีลาจารวินิฐ ราชวิสิฐวชิราลงกรณ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ

ในปัจจุบันสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 8 รูปที่มีโอกาสได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชมีความอาวุโสสูงสุดตามลำดับดังนี้

ลำดับที่ 1 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ) ปัจจุบันอายุ 90 ปี ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ปี 2538 วัดปากน้ำ (มหานิกาย)

ลำดับที่ 2 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี 2544 ปัจจุบันอายุ 98 ปี วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร (ธรรมยุต)

ลำดับที่ 3 สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี 2552 ปัจจุบันอายุ 88 ปี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร (ธรรมยุต)

ลำดับที่ 4 สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ธรรมยุตได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะ เมื่อปี 2552 ปัจจุบันอายุ 79 ปี วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร (ธรรยุต)

ลำดับที่ 5 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระ ภทฺทจารี ) ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี 2553 ปัจจุบันอายุ 85 ปี วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร (มหานิกาย)

ลำดับที่ 6 สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี 2553 ปัจจุบันอายุ 68ปี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร (ธรรมยุต)

ลำดับที่ 7  สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี 2554 ปัจจุบันอายุ 74 ปี วัดพิชยญาติการามวรวิหาร (มหานิกาย)

ลำดับที่ 8 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปัจจุบันอายุ 73 ปีวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร (มหานิกาย)

ในกรณีที่มีการสถาปนาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชก็จะทำให้มหานิกายว่างตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฎลง 1 ตำแหน่ง พระพรหมวชิราญาณก็จะได้รับการแต่งตั้งอย่างแน่นอน

ทั้งนี้พระพรหมวชิรญาณได้รับการสถาปนาเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะปีเดียวกับพระพรหมเวที (สนิท ชวนปญฺโญ) แต่ได้รับการสถาปนาทีหลัง จึงมีอาวุโสเป็นอันดับสองรองจากพระพรหมเวที เมื่อพระพรหมเวทีขึ้นเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์แล้ว คราวนี้ก็จะมาถึงคิวของพระพรหมวชิรญาณ

ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีบอกไว้แล้วว่าหากปัญหาต่างๆยังไม่เคลียร์กับสมเด็จช่วงฯเช่นเรื่องรถเบนซ์และอาจรวมไปถึงเรื่องคดีสหกรณ์ออมทรัพย์คลองจั่นที่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปมีส่วนรับเช็คและกำลังถูกสอบสวนดำเนินคดีจากกรมสอบสวนพิเศษอยู่นั้นสมเด็จช่วงฯ อาจจะยังแป๊กและแน่นอนย่อมส่งผลกระทบมายังพระพรหมวชิรญาณเช่นกัน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 28 มีนาคม 2559    
Last Update : 28 มีนาคม 2559 11:15:09 น.
Counter : 1022 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.