เป็นหน้าที่ของ นายธาริต ! โดย สำเริง คำพะอุ

สำเริง คำพะอุ เขียนถึงเรื่องที่ปปช.สอบสวนและเสนอให้สำนักงานอัยการสูงสุดฟ้องยึดทรัพย์ 346,652,588 บาทของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี DSI และภรรยาคืนแผ่นดิน เหตุเพราะมีผู้ร้องเรียนปปช.เมื่อไปสอบก็พบว่านายธาริตและภรรยาร่ำรวยผิดปกติแถมยังยักย้ายถ่ายเทไปยังหลานและญาติ “คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายธาริต จะต้องพิสูจน์ ทรัพย์สินที่ได้มาได้มาอย่างไร เป็นหน้าที่ของนายธาริต และภรรยา ไม่ใช่หน้าที่ ปปช.” ดังนี้....

ปปช.จะเป็นเด็ก ไม่รู้เรื่องบัญน้ำบัญชี อย่างที่นายธาริต เพ็งดิอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พยายามจะทำให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจจริงๆหรือ

แต่ละท่านที่ได้รับคัดสรรให้มาทำหน้าที่ ปปช. ต่างก็ผ่านการทำงานในตำแหน่งสำคัญๆมาแล้วทั้งนั้น นายธาริต หรือภรรยานายธาริต เปิดบัญชีเงินฝากไว้ 6 ล้านบาท อนุกรรมการไต่สวนฯบวกเฉพาะเงินฝาก (เวลาที่ขายหุ้นได้ แต่เวลาที่ถอนออกไปซื้อหุ้นไม่ลบออก) ทำให้เงิน 6 ล้านบาทกลายเป็น 86 ล้านบาท

ทำอย่างที่นายธาริตว่า ก็ปัญญาอ่อนเต็มทีแล้วละครับ

อยากรู้ว่ายอดเงินในบัญชีมีเท่าไหร่ก็ดู Statement ก็จบ

นายธาริตบอกว่า ปปช. ไม่มีหลักฐานว่าทรัพย์สินเงินทองที่นายธาริตได้มานั้น มาจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สุจริตอย่างไร ?

อาจจะถูกหรือไม่ถูกของนายธาริตก็ได้ คือ ปปช. ไม่มีหลักฐานเลยว่า ทรัพย์สินเงินทองที่นายธาริตและภรรยาถือครองอยู่นั้น นายธาริตได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริต   เป็นต้นว่า ระหว่างที่นายธาริต เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับรัฐบาลหนึ่ง นายธาริตคิดอย่างหนึ่ง พอเปลี่ยนรัฐบาลนายธาริตก็เปลี่ยนไป นี่ย่อมไม่พอเพียงที่จะบอกว่า นายธาริตไม่สุจริต

ความคิดของผู้คนทั้งหลาย อาจจะแปรเปลี่ยนไปได้ นายธาริตก็เช่นเดียวกัน

แต่ก็อีกนั่นแหละ ก็จะถือเอาเป็นเหตุเป็นผลที่นายธาริตจะเอามาอ้างไม่ได้   เป็นหน้าที่ของนายธาริตที่จะชี้แจงแสดงเหตุผลให้ ปปช. เห็นเองว่า ทรัพย์สินเงินทองที่ ปปช. เห็นว่าร่ำรวยผิดปกตินั้นได้มาอย่างไร

ชี้แจงแสดงเหตุผลได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ถ้าชี้แจงที่ไปที่มาของทรัพย์สินไม่ได้ นั่นแหละครับ ผิดปกติ

งั้น ปปช. ก็สามารถแกล้งใครต่อใครได้สิ ?

ไม่ได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรอกครับ   มีอำนาจแล้วใช้อำนาจไม่เป็นธรรม อาจจะทำได้บ้าง แต่ถึงที่สุดแล้วก็จะไม่สำเร็จ เพราะยังมีหน่วยงานอื่นๆคานอำนาจอยู่ มีประชาชนคอยจับตามองอยู่

เป็นต้น เคยมีหน่วยงานที่จะเล่นงานนายอภิสิทธิ นายสุเทพ สั่งตำรวจ ทหารฆ่าคนในเหตุการณ์ พฤษภาคม 2553 ทั้งที่หัวหน้าหน่วยงานนั้น ก็ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เป็นอย่างดี

พอนายอภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ นายสุเทพ พ้นจากรองนายก กลับโดนข้อหาสั่งฆ่าประชาชน

มีผู้คนออกมาคัดค้านว่า ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ จะมีความผิด เพราะสั่งฆ่าประชาชน ก็ต้องให้ ปปช. เป็นฝ่ายสอบสวน

ไอ้หัวหน้าหน่วยงานนั้นมันตะแบงว่า นายอภิสิทธิ นายสุเทพ ไม่ไดสั่งในฐานะ หรือ ตำแหน่งนายก. มันสอบสวนเองได้

แล้วเป็นไงครับ ไปถึงศาล ศาลก็ไล่กลับมา ต้องให้ ปปช. สอบสวน

กรณี ที่ ปปช. ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวน นายธาริตว่า ร่ำรวยผิดปกติ นี่ก็มีที่มาที่ไปจากมีคนร้องเรียนว่า นายธาริต และภริยา มีบ้านพัก มีรีสอร์ท อยู่ที่ปกช่อง นครราชสีมา

สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งก็ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ

สอบไปสอบมาก็พบว่า นายธาริต และภรรยารวยผิดปกติ นอกจากนั้นยังยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้ หลานบ้าง ญาติข้างภรรยาบ้าง

คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายธาริต จะต้องพิสูจน์ ทรัพย์สินที่ได้มาได้มาอย่างไร

เป็นหน้าที่ของนายธาริต และภรรยา ไม่ใช่หน้าที่ ปปช.

ถ้า นายธาริต ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย หรือมีมากมายแต่ชี้แจงได้ เป็นต้นรวยหุ้นมาเท่านั้นเท่านี้ (ก็ต้องมีหลักฐาน เพราะซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีหลักฐานอยู่แล้ว) ซื้อขายที่ดิน กำไรเท่านั้นเท่านี้ มีมรดก พ่อแม่ปู่ย่าตายายให้มาเท่านั้นเท่านี้

กลัวอะไรเล่าครับ ?

ที่มา
สำเริง คำพะอุ เขียนถึงเรื่องที่ปปช.สอบสวนและเสนอให้สำนักงานอัยการสูงสุดฟ้องยึดทรัพย์ 346,652,588 บาทของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี DSI และภรรยาคืนแผ่นดิน เหตุเพราะมีผู้ร้องเรียนปปช.เมื่อไปสอบก็พบว่านายธาริตและภรรยาร่ำรวยผิดปกติแถมยังยักย้ายถ่ายเทไปยังหลานและญาติ “คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายธาริต จะต้องพิสูจน์ ทรัพย์สินที่ได้มาได้มาอย่างไร เป็นหน้าที่ของนายธาริต และภรรยา ไม่ใช่หน้าที่ ปปช.” ดังนี้....

ปปช.จะเป็นเด็ก ไม่รู้เรื่องบัญน้ำบัญชี อย่างที่นายธาริต เพ็งดิอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พยายามจะทำให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจจริงๆหรือ

แต่ละท่านที่ได้รับคัดสรรให้มาทำหน้าที่ ปปช. ต่างก็ผ่านการทำงานในตำแหน่งสำคัญๆมาแล้วทั้งนั้น นายธาริต หรือภรรยานายธาริต เปิดบัญชีเงินฝากไว้ 6 ล้านบาท อนุกรรมการไต่สวนฯบวกเฉพาะเงินฝาก (เวลาที่ขายหุ้นได้ แต่เวลาที่ถอนออกไปซื้อหุ้นไม่ลบออก) ทำให้เงิน 6 ล้านบาทกลายเป็น 86 ล้านบาท

ทำอย่างที่นายธาริตว่า ก็ปัญญาอ่อนเต็มทีแล้วละครับ

อยากรู้ว่ายอดเงินในบัญชีมีเท่าไหร่ก็ดู Statement ก็จบ

นายธาริตบอกว่า ปปช. ไม่มีหลักฐานว่าทรัพย์สินเงินทองที่นายธาริตได้มานั้น มาจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สุจริตอย่างไร ?

อาจจะถูกหรือไม่ถูกของนายธาริตก็ได้ คือ ปปช. ไม่มีหลักฐานเลยว่า ทรัพย์สินเงินทองที่นายธาริตและภรรยาถือครองอยู่นั้น นายธาริตได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริต   เป็นต้นว่า ระหว่างที่นายธาริต เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับรัฐบาลหนึ่ง นายธาริตคิดอย่างหนึ่ง พอเปลี่ยนรัฐบาลนายธาริตก็เปลี่ยนไป นี่ย่อมไม่พอเพียงที่จะบอกว่า นายธาริตไม่สุจริต

ความคิดของผู้คนทั้งหลาย อาจจะแปรเปลี่ยนไปได้ นายธาริตก็เช่นเดียวกัน

แต่ก็อีกนั่นแหละ ก็จะถือเอาเป็นเหตุเป็นผลที่นายธาริตจะเอามาอ้างไม่ได้   เป็นหน้าที่ของนายธาริตที่จะชี้แจงแสดงเหตุผลให้ ปปช. เห็นเองว่า ทรัพย์สินเงินทองที่ ปปช. เห็นว่าร่ำรวยผิดปกตินั้นได้มาอย่างไร

ชี้แจงแสดงเหตุผลได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ถ้าชี้แจงที่ไปที่มาของทรัพย์สินไม่ได้ นั่นแหละครับ ผิดปกติ

งั้น ปปช. ก็สามารถแกล้งใครต่อใครได้สิ ?

ไม่ได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรอกครับ   มีอำนาจแล้วใช้อำนาจไม่เป็นธรรม อาจจะทำได้บ้าง แต่ถึงที่สุดแล้วก็จะไม่สำเร็จ เพราะยังมีหน่วยงานอื่นๆคานอำนาจอยู่ มีประชาชนคอยจับตามองอยู่

เป็นต้น เคยมีหน่วยงานที่จะเล่นงานนายอภิสิทธิ นายสุเทพ สั่งตำรวจ ทหารฆ่าคนในเหตุการณ์ พฤษภาคม 2553 ทั้งที่หัวหน้าหน่วยงานนั้น ก็ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เป็นอย่างดี

พอนายอภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ นายสุเทพ พ้นจากรองนายก กลับโดนข้อหาสั่งฆ่าประชาชน

มีผู้คนออกมาคัดค้านว่า ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ จะมีความผิด เพราะสั่งฆ่าประชาชน ก็ต้องให้ ปปช. เป็นฝ่ายสอบสวน

ไอ้หัวหน้าหน่วยงานนั้นมันตะแบงว่า นายอภิสิทธิ นายสุเทพ ไม่ไดสั่งในฐานะ หรือ ตำแหน่งนายก. มันสอบสวนเองได้

แล้วเป็นไงครับ ไปถึงศาล ศาลก็ไล่กลับมา ต้องให้ ปปช. สอบสวน

กรณี ที่ ปปช. ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวน นายธาริตว่า ร่ำรวยผิดปกติ นี่ก็มีที่มาที่ไปจากมีคนร้องเรียนว่า นายธาริต และภริยา มีบ้านพัก มีรีสอร์ท อยู่ที่ปกช่อง นครราชสีมา

สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งก็ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ

สอบไปสอบมาก็พบว่า นายธาริต และภรรยารวยผิดปกติ นอกจากนั้นยังยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้ หลานบ้าง ญาติข้างภรรยาบ้าง

คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายธาริต จะต้องพิสูจน์ ทรัพย์สินที่ได้มาได้มาอย่างไร

เป็นหน้าที่ของนายธาริต และภรรยา ไม่ใช่หน้าที่ ปปช.

ถ้า นายธาริต ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย หรือมีมากมายแต่ชี้แจงได้ เป็นต้นรวยหุ้นมาเท่านั้นเท่านี้ (ก็ต้องมีหลักฐาน เพราะซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีหลักฐานอยู่แล้ว) ซื้อขายที่ดิน กำไรเท่านั้นเท่านี้ มีมรดก พ่อแม่ปู่ย่าตายายให้มาเท่านั้นเท่านี้

กลัวอะไรเล่าครับ ?

ที่มา

สำเริง คำพะอุ เขียนถึงเรื่องที่ปปช.สอบสวนและเสนอให้สำนักงานอัยการสูงสุดฟ้องยึดทรัพย์ 346,652,588 บาทของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี DSI และภรรยาคืนแผ่นดิน เหตุเพราะมีผู้ร้องเรียนปปช.เมื่อไปสอบก็พบว่านายธาริตและภรรยาร่ำรวยผิดปกติแถมยังยักย้ายถ่ายเทไปยังหลานและญาติ “คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายธาริต จะต้องพิสูจน์ ทรัพย์สินที่ได้มาได้มาอย่างไร เป็นหน้าที่ของนายธาริต และภรรยา ไม่ใช่หน้าที่ ปปช.” ดังนี้....

ปปช.จะเป็นเด็ก ไม่รู้เรื่องบัญน้ำบัญชี อย่างที่นายธาริต เพ็งดิอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พยายามจะทำให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจจริงๆหรือ

แต่ละท่านที่ได้รับคัดสรรให้มาทำหน้าที่ ปปช. ต่างก็ผ่านการทำงานในตำแหน่งสำคัญๆมาแล้วทั้งนั้น นายธาริต หรือภรรยานายธาริต เปิดบัญชีเงินฝากไว้ 6 ล้านบาท อนุกรรมการไต่สวนฯบวกเฉพาะเงินฝาก (เวลาที่ขายหุ้นได้ แต่เวลาที่ถอนออกไปซื้อหุ้นไม่ลบออก) ทำให้เงิน 6 ล้านบาทกลายเป็น 86 ล้านบาท

ทำอย่างที่นายธาริตว่า ก็ปัญญาอ่อนเต็มทีแล้วละครับ

อยากรู้ว่ายอดเงินในบัญชีมีเท่าไหร่ก็ดู Statement ก็จบ

นายธาริตบอกว่า ปปช. ไม่มีหลักฐานว่าทรัพย์สินเงินทองที่นายธาริตได้มานั้น มาจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สุจริตอย่างไร ?

อาจจะถูกหรือไม่ถูกของนายธาริตก็ได้ คือ ปปช. ไม่มีหลักฐานเลยว่า ทรัพย์สินเงินทองที่นายธาริตและภรรยาถือครองอยู่นั้น นายธาริตได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริต   เป็นต้นว่า ระหว่างที่นายธาริต เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับรัฐบาลหนึ่ง นายธาริตคิดอย่างหนึ่ง พอเปลี่ยนรัฐบาลนายธาริตก็เปลี่ยนไป นี่ย่อมไม่พอเพียงที่จะบอกว่า นายธาริตไม่สุจริต

ความคิดของผู้คนทั้งหลาย อาจจะแปรเปลี่ยนไปได้ นายธาริตก็เช่นเดียวกัน

แต่ก็อีกนั่นแหละ ก็จะถือเอาเป็นเหตุเป็นผลที่นายธาริตจะเอามาอ้างไม่ได้   เป็นหน้าที่ของนายธาริตที่จะชี้แจงแสดงเหตุผลให้ ปปช. เห็นเองว่า ทรัพย์สินเงินทองที่ ปปช. เห็นว่าร่ำรวยผิดปกตินั้นได้มาอย่างไร

ชี้แจงแสดงเหตุผลได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ถ้าชี้แจงที่ไปที่มาของทรัพย์สินไม่ได้ นั่นแหละครับ ผิดปกติ

งั้น ปปช. ก็สามารถแกล้งใครต่อใครได้สิ ?

ไม่ได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรอกครับ   มีอำนาจแล้วใช้อำนาจไม่เป็นธรรม อาจจะทำได้บ้าง แต่ถึงที่สุดแล้วก็จะไม่สำเร็จ เพราะยังมีหน่วยงานอื่นๆคานอำนาจอยู่ มีประชาชนคอยจับตามองอยู่

เป็นต้น เคยมีหน่วยงานที่จะเล่นงานนายอภิสิทธิ นายสุเทพ สั่งตำรวจ ทหารฆ่าคนในเหตุการณ์ พฤษภาคม 2553 ทั้งที่หัวหน้าหน่วยงานนั้น ก็ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เป็นอย่างดี

พอนายอภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ นายสุเทพ พ้นจากรองนายก กลับโดนข้อหาสั่งฆ่าประชาชน

มีผู้คนออกมาคัดค้านว่า ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ จะมีความผิด เพราะสั่งฆ่าประชาชน ก็ต้องให้ ปปช. เป็นฝ่ายสอบสวน

ไอ้หัวหน้าหน่วยงานนั้นมันตะแบงว่า นายอภิสิทธิ นายสุเทพ ไม่ไดสั่งในฐานะ หรือ ตำแหน่งนายก. มันสอบสวนเองได้

แล้วเป็นไงครับ ไปถึงศาล ศาลก็ไล่กลับมา ต้องให้ ปปช. สอบสวน

กรณี ที่ ปปช. ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวน นายธาริตว่า ร่ำรวยผิดปกติ นี่ก็มีที่มาที่ไปจากมีคนร้องเรียนว่า นายธาริต และภริยา มีบ้านพัก มีรีสอร์ท อยู่ที่ปกช่อง นครราชสีมา

สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งก็ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ

สอบไปสอบมาก็พบว่า นายธาริต และภรรยารวยผิดปกติ นอกจากนั้นยังยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้ หลานบ้าง ญาติข้างภรรยาบ้าง

คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายธาริต จะต้องพิสูจน์ ทรัพย์สินที่ได้มาได้มาอย่างไร

เป็นหน้าที่ของนายธาริต และภรรยา ไม่ใช่หน้าที่ ปปช.

ถ้า นายธาริต ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย หรือมีมากมายแต่ชี้แจงได้ เป็นต้นรวยหุ้นมาเท่านั้นเท่านี้ (ก็ต้องมีหลักฐาน เพราะซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีหลักฐานอยู่แล้ว) ซื้อขายที่ดิน กำไรเท่านั้นเท่านี้ มีมรดก พ่อแม่ปู่ย่าตายายให้มาเท่านั้นเท่านี้

กลัวอะไรเล่าครับ ?

ที่มา thaitribune




Create Date : 15 มีนาคม 2559
Last Update : 15 มีนาคม 2559 10:26:54 น. 0 comments
Counter : 311 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.