การตัดสินดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากในหมู่นักวิจารณ์ ซึ่งพากันพูดว่า ระบบการพิจารณาคดีนั้นมัวแต่โทษผู้ตกเป็นเหยื่อ มีแนวคิดที่ล้าหลังเรื่องการข่มขืน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายมองว่าการตัดสินครั้งนี้จะเป็นสัญญาณไปสู่บางสิ่งที่ ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือช่องโหว่ทางกฏหมายที่ยังคงมีอยู่ กับแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องการข่มขืนและการยินยอมพร้อมใจ

คดีนี้เกี่ยวข้องกับการกล่าวหาวัยรุ่นชายอายุ 17 ปี คุกคามทางเพศต่อสาวน้อยวัย 16 ปี โดยมีการอาสาจะขับรถพาเหยื่อไปส่งบ้าน ทั้งคู่ได้มีการดื่มกันจนเมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในทัลซา ร่วมกับกลุ่มเพื่อนๆ จนเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าฝ่ายหญิงเมามายเละเทะ

ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ฝ่ายหญิงถูกพาตัวไปขึ้นรถของจำเลย ส่วนวัยรุ่นชายอีกคนที่ทำหน้าที่ขับรถให้อยู่ครู่หนึ่งได้บอกว่า หญิงที่ตกเป็นเหยื่อนั้นมีสติเป็นช่วงๆ

ฝ่ายชายนั้นได้นำตัวหญิงสาวไปส่งที่บ้านย่าเธอในเวลาต่อมา โดยที่เธอนั้นยังไม่ได้สติ สาวน้อยรายนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยที่การทดสอบวัดค่าแอลกอฮอล์ในเลือด นั้นสูงมาก เธอตื่นตอนที่แพทย์กำลังดำเนินการตรวจสอบว่าถูกคุกคามทางเพศหรือไม่

จากการทดสอบ มีการยืนยันว่าพบดีเอ็นเอของจำเลยที่บริเวณด้านหลังของขา กับบริเวณรอบปาก ซึ่งทางชายหนุ่มนั้นอ้างต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า ฝ่ายหญิงยินยอมที่จะทำออรัลเซ็กส์ให้แก่เขา ขณะที่ฝ่ายหญิงนั้นบอกว่าจำอะไรไม่ได้เลยหลังออกจากสวนสาธารณะ ทางอัยการของทัลซาเคาตี้จึงได้ตั้งข้อหาบังคับผู้อื่นให้มีเพศสัมพันธ์แบบ ผิดธรรมชาติด้วยปาก

อย่างไรก็ตาม ศาลชั้นต้นได้ยกคำร้องในคดีนี้ ส่วนศาลอุทธรณ์ที่เพิ่งทำการพิจารณาไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ก็เห็นพ้องกับศาลชั้นต้น โดยระบุว่า อัยการไม่สามารถใช้ข้อกฏหมายดังกล่าวได้เมื่อเหยื่อหมดสภาพเพราะแอลกอฮอล์

คำตัดสินระบุว่า การบังคับให้มีเพศสัมพันธ์แบบผิดธรรมชาติไม่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อเหยื่อเมามายไม่ได้สติโดยสิ้นเชิงตอนช่วงเวลาที่มีการร่วมประเวณีทาง ปาก เนื่องจากข้อกฏหมายมีการบัญญัติเอาไว้แล้วว่ามีสถานการณ์แบบใดบ้างที่ถือว่า เป็นการบังคับขืนใจ ซึ่งยังไม่มีการระบุถึงการทำออรัลเซ็กส์กับเหยื่อเมาหมดสติเพราะแอลกอฮอล์ เอาไว้ว่าเป็นหนึ่งในสถานการณ์เหล่านั้น

ทั้งนี้ โอกลาโฮมามีกฏหมายเกี่ยวกับการข่มขืนที่คุ้มครองเหยื่อที่เมาจนหมดสติเฉพาะ กรณีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดและทางทวารเท่านั้น ทำให้กรณีออรัลเซ็กส์จึงยังเป็นช่องโหว่ทางกฏหมาย

เบนจามิน ฟลู อัยการเขตทัลซาเคาตี้ ระบุว่า การตัดสินดังกล่าวทำให้เขาถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

ถึงกระนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายหลายรายไม่ระบุว่านี่เป็นความผิดของศาลอุทธรณ์ โดยบอกว่าคำตัดสินนี้จะช่วยปลุกเหล่าสมาชิกสภานิติบัญญัติให้ทำการปรับปรุง กฏหมายของโอกลาโฮมา

ที่มา thaitribune

Create Date : 29 เมษายน 2559
Last Update : 29 เมษายน 2559 11:44:31 น.		0 comments
Counter : 249 Pageviews.
Share Tweet