นายกฯลงพื้นที่จ.ระยองเดินหน้าพัฒนา อู่ตะเภา เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 3 เพิ่มขีดความสามรถรองรั
นายกรัฐมนตรีนำคณะลงพื้นที่จังหวัดระยอง ตามความคืบหน้าตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออกในการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 3 เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคมทางอากาศของประเทศไทย พร้อมตรวจเยี่ยมการก่อสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณชายหาดพยูน และพบปะประชาชน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะมีกำหนดการลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 3 ปัจจุบันท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ภายใต้การบริหารของกองทัพเรือ ใช้ประโยชน์ตอบสนองต่อภารกิจ 2 ด้านอย่างสมดุล ทั้งภารกิจด้านความมั่นคงและเชิงพาณิชย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้แนวคิด One Airport Two Missions โดยการใช้งานสนามบินมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่และก่อสร้างลานจอดเครื่องบินด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร โดยวางแผนการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 (ปี 2558 - 2560) เพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารเป็น 3 ล้านคนต่อปี ระยะที่ 2 (ปี 2561 - 2563) เตรียมการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับผู้โดยสาร 5 ล้านคน (บนพื้นฐานอัตราการเติบโตของปริมาณการจราจรทางอากาศ ร้อยละ 7) ระยะที่ 3 (หลังปี 2563 เป็นต้นไป) ศึกษาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่ (Landside และAirside) และสิ่งอำนวยความสะดวกในการพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้รองรับการเติบโตของกิจการการบินในอนาคต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งโดยขอให้สรุปความคืบหน้าที่เห็นเป็นรูปธรรมในปีนี้ซึ่งเรามีศักยภาพในประเทศอยู่มากจึงต้องใช้ให้เต็มที่โดยรองนายกฯด้านเศรษฐกิจกำลังขับเคลื่อนในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ให้เต็มศักยภาพเพื่อให้ด้านการเกษตรอุตสาหกรรมและท่องเที่ยวเติบโตไปพร้อมกันโดยเฉพาะจังหวัดระยองเป็นจังหวัดที่มีรายได้สูงสุดของประเทศเป็นอันดับ1ในจีดีพีต่อหัวและเชื่อว่าจะสามารถมีรายได้เพิ่มมากขึ้นหลังโครงการพัฒนาโลจิสติกเหล่านี้สำเร็จโดยบริบูรณ์จึงขอเป็นกำลังใจและขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพราะเป็นผลงานร่วมกันของทุกคนร่วมกันและอยากให้ประชาชนรู้ว่ากองทัพไทยและกองทัพเรือให้ความร่วมมือสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชน สำหรับ ประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคมทางอากาศของประเทศ และเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมในการรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริหารขนส่งทางอากาศให้มีคุณภาพได้มาตรฐานในระดับสากล รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก ที่ต้องการบูรณาการพัฒนาการท่องเที่ยวหาดทรายชายทะเลสู่การท่องเที่ยวสีเขียว เชื่อมโยงกันภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวและเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา และเวียดนาม พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมโครงศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งที่ 2 (อู่ตะเภา) ของบริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) และตรวจเยี่ยมชมความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ก่อนจะเดินทางไปพบปะประชาชน ณ อาคารเอนกประสงค์ เทศบาลบ้างฉาง อำเภอบ้านฉาง และตรวจเยี่ยมชมโครงการก่อสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง (แนวกำแพงดินคอนกรีตเสริมเหล็ก) บริเวณหาดพยูน ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ช่วยป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และลดความเสียหายต่อแหล่งท่องเที่ยว สร้างประโยชน์ต่อชุมชน ที่มา thaitribune
Create Date : 22 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 22 มิถุนายน 2559 19:06:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 268 Pageviews. |
|
|