กัมพูชาเลื่อนสถานะเป็นประเทศรายได้ปานกลาง : โอกาสและความเสี่ยงของธุรกิจไทย



ธนาคารโลก (WB) ปรับสถานะกัมพูชาเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับต่ำ (Lower-middle-income Economies) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 โดยพิจารณาจากรายได้ประชาชาติต่อคนต่อปี (GNI per capita) ของกัมพูชาปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 1,070 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าเกณฑ์ประเทศที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งอยู่ที่ 1,025 ดอลลาร์สหรัฐ สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการไทยต้องจับตามอง

 

โอกาสขยายตลาดสินค้าและการลงทุนในกัมพูชา

จากการที่ชาวกัมพูชามีรายได้สูงขึ้น เป็นผลดีต่อการขยายตลาดสินค้าและธุรกิจในกัมพูชา ดังนี้    

• สินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตตามความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวกัมพูชา ได้แก่ รถยนต์ใหม่ ชาวกัมพูชาที่มีฐานะดีขึ้นมักซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถยนต์มือสองที่ใช้กันทั่วไป เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ เครื่องปรับอากาศ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต ขณะที่ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกของผู้ผลิตรายสำคัญของโลก ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม อาทิ แป้งแต่งหน้า รองพื้น ลิปสติก และเครื่องสำอางต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้น

• ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสลงทุนธุรกิจที่เน้นตลาดในกัมพูชา ทั้งท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง รับเหมาก่อสร้าง ออกแบบ และตกแต่งภายใน อาหารแปรรูป แฟรนไชส์ และธุรกิจสื่อและบันเทิง เป็นต้น

ความเสี่ยงของธุรกิจไทยจากการที่กัมพูชาอาจถูกตัดสิทธิ์ EBA จาก EU  

ปัจจุบันกัมพูชายังคงได้สิทธิ์ Everything But Arms (EBA) เพราะแม้จะหลุดจากกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำของ WB แต่กัมพูชายังเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาน้อยที่สุุด (LDCs) ตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) อย่างไรก็ตาม กัมพูชามีแนวโน้มจะหลุดเกณฑ์กลุ่ม LDCs และถูกพิจารณาตัดสิทธิ์ EBA ได้ในที่สุด ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจาก

• แนวโน้มถูกตัดสิทธิ์ EBA เป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการไทยที่มีแผนจะย้ายหรือขยายฐานการผลิตไปกัมพูชาพึงตระหนักและนำไปประกอบการตัดสินใจ เพราะสิทธิประโยชน์ที่หวังจะใช้กำลังจะหมดไป

• การตัดสิทธิ์ EBA บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชา (ที่มีผู้ประกอบการไทยไปลงทุนผลิตแล้ว) ที่มีสหภาพยุโรป (European Union : EU) เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูป (สัดส่วนราว 70% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา และเป็นการส่งออกไป EU ถึง 45% ของมูลค่าส่งออกสินค้าดังกล่าว) รองเท้าและส่วนประกอบ (สัดส่วนราว 10% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และส่งออกไป EU 56% ของมูลค่าส่งออกสินค้าดังกล่าว) และโรงสีข้าว (สัดส่วนราว 2.2% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และส่งออกไป EU 60% ของปริมาณการส่งออกข้าว) อย่างไรก็ตาม หากถูกตัดสิทธิ์ EBA กัมพูชาจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) ซึ่งยังมีอัตราภาษีนำเข้าต่ำกว่าภาษี Most Favored Nation (MFN) โดยมีระยะเวลาในการปรับตัวเพื่อบรรเทาผลกระทบ 3 ปี นับจากวันที่ประกาศ ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ช่วงเวลาดังกล่าวปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในกัมพูชา โดยขยายการส่งออกไปตลาดอื่นๆ หรือไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ยังได้สิทธิ์ EBA เช่น เมียนมา

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 26 กรกฎาคม 2559 4:58:04 น.
Counter : 389 Pageviews.  

ค่ายเกมส์ระดับตำนาน Nintendo สนใจทำอุปกรณ์เสริมเล่นเกมส์ให้ iPhone, iPad



อาจจะบอกว่าปรับตัวต่อกระแสตลาดช้าไปสักหน่อยสำหรับ Nintendo ค่ายผู้ผลิตเกมส์ระดับตำนานจากญี่ปุ่น แต่ก็ต้องบอกว่ามาช้ายังดีกว่าไม่มาซะเลย โดยล่าสุดมีกระแสข่าวเปิดเผยถึงการให้สัมภาษณ์จาก Shinya Takahashi ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายแผนและพัฒนาความบันเทิง ได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Polygon ระบุว่า ทาง Nintendo มีความสนใจที่จะพัฒนาอุปกรณ์เสริมประเภทจอยคอนโทรลเลอร์ในการเล่นและควบคุมเกมส์ (Physical Controller) สำหรับเครื่องโทรศํพท์ iPhone และแท๊บเลต iPad ขึ้นในอนาคต ซึ่งทาง Takahashi แสดงความเห็นว่าด้วยวิธีคิดของบริษัทที่มีอยู่นั่นอาจจะนำไปสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมาทำตลาดได้ และก็มีโครงการนำร่องที่เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วเป็นการภายในอีกด้วย

โดยชื่อของ Nintendo นั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่นักเล่นเกมส์ ถือเป็นผู้พัฒนาระดับตำนานที่เคยครองความยิ่งใหญ่ทั้งเครื่องเล่นและตัวเกมส์มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งการเติบโตขึ้นมาของอุปกรณ์รุ่นใหม่ประเภทสมาร์ทโฟนที่เข้ามาแบ่งตลาดไปได้เรื่อยๆ จนทางบริษัทญี่ปุ่นรายนี้ต้องปรับตัวรับกับกระแสทิศทางตลาดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นนั่นเอง ก็คงอาจจะต้องมาติดตามดูกันว่าพวกเขาจะทำการบ้านมาได้ดีแค่ไหนำสำหรับโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ครับ

ที่มา macstroke




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2559 23:27:54 น.
Counter : 316 Pageviews.  

น้ำตาล-สาวสมุทรปราการวัย 21 นักศึกษาม.มหาสารคามคว้ามิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 เตรียมประกวดลาส เวกัสธ



“ชลิตา ส่วนเสน่ห์”หรือน้ำตาลวัย 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคามจากบางพลี สมุทรปราการผ่านสาวงาม อีก 39 คนคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 เตรียมตัวประกวดที่ลาส เวกัธันวาคมนี้ เผยไม่เคยประกวดที่ใดมาก่อน เดินตามรอยเท้าแม่อดีตนางสงกรานต์

 

การประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 รอบตัดสิน เริ่มขึ้นในค่ำวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2559 ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ 1 - 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมี “เหม ภูมิภาฑิต นิตยารส” และ “อลิซาเบธ แชดเลอร์” รับหน้าที่พิธีกร

สาวงามทั่วประเทศถูกคัดเลือกเพียง 40 คน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม จากนั้นสาวงามทั้ง 40 คน ได้ทำกิจกรรมกองประกวดฯ ร่วมกันมากมาย อาทิ การฝึกอบรมทักษะการแต่งหน้า - ทำผม การเข้าคลาสเรียนต่างๆอาทิ Acting Class,การเดิน, การพัฒนาบุคลิกภาพ,การเข้าสังคม, อบรมความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิสตรี,การใช้ชีวิตกับโซเชียลมีเดีย, กินให้สวย ปลอดภัยและยั่งยืน,เรียนรำไทย,ฝึกว่ายน้ำ,อบรมการเปลี่ยนทัศนคติเพื่อความสำเร็จ, คลาสสมาธิงามจากภายใน ฯลฯ

การฝึกอบรมทักษะด้านต่างๆที่กองประกวดฯ จัดให้เป็นไปเพื่อให้สาวงามทุกคนมีความพร้อม ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ได้ทักษะและความรู้ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ เหล่าสาวงามยังไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง และทัศนศึกษาพระบรมมหาราชวัง สักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) และศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยในวันที่ 6 กรกฎาคม สาวงามทั้ง 40 คนสวมชุดไทยประยุกต์ นุ่งผ้าปาเต๊ะของชาวพังงา เป็นที่ชื่นชมจากผู้ที่ได้พบทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง

ไปเก็บตัวพังงาเป็นสัปดาห์

วันที่ 13 - 20 กรกฎาคม สาวงามทั้ง 40 คน เดินทางไปเก็บตัวทำกิจกรรมที่จังหวัดพังงา เพื่อถ่ายวีทีอาร์ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากมายของจังหวัดพังงา และสิ่งที่ทำให้ทั้ง 40 สาวงาม ประทับใจอย่างที่สุด คือ น้ำใจไมตรี และการต้อนรับของชาวจังหวัดพังงา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ที่ได้หลอมรวมความร่วมมือจากส่วนราชการจังหวัดพังงา ภาคธุรกิจ และประชาชนมาให้การต้อนรับเหล่าสาวงามอย่างอบอุ่นในทุกที่ที่เดินทางไป

อย่างไรก็ตามการที่สาวงามทั้ง 40 คน ได้ใช้เวลาและทำกิจกรรมร่วมกันกว่า 2 สัปดาห์ ทำให้เหล่าสาวงามสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วและเกิดเป็นความรัก ความผูกพัน–ช่วยเหลือเอื้ออาทรต่อกัน

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ปรากฎตัว

สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 รอบตัดสิน เริ่มด้วย อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์2015 สวมชุดตุ๊กตุ๊กออกมาปรากฎตัวเพื่อทักทายผู้เข้าชมบนเวที

ต่อด้วยการเปิดตัวสาวงามทั้ง 40 คน ในชุดว่ายน้ำ จาก BSC Swimwear พร้อมให้ทุกคนแนะนำตัว จากนั้นเข้าสู่ความระทึกใจด้วยการประกาศผู้เข้ารอบ 15 คน ได้แก่ หมายเลข 40 นางสาวกุสุมา ชาวดอน, หมายเลข 7 นางสาวชลกาญจน์ พวงน้อย, หมายเลข 23 นางสาวภีรดา ศรชัย, หมายเลข 3 นางสาวลพัฏร์ฐิดา คงกระพันธ์, หมายเลข 12 นางสาวศรุดา ธีระรัตนนุกูลชัย, หมายเลข 18 นางสาวอัจฉรี บัวเขียว, หมายเลข 2 นางสาวสุภารัตน์ ขุนรักษ์, หมายเลข 8นางสาวสุชาณี นีลเซ่น, หมายเลข 15 นางสาวจิดาภา วัชรสินาพร, หมายเลข 25 นางสาวภูริชญา เจนจบจริง,หมายเลข 35 นางสาวธนวรรณ ศรีสกุลดิศ, หมายเลข 14 นางสาวชลิตา ส่วนเสน่ห์, หมายเลข 30 นางสาวศรณ์ศรฏฐ์ วิทยาเรืองสัข, หมายเลข 21 นางสาวชลลดา ปานสีนุ่น, หมายเลข 36 นางสาวณัฐนรี บุญศิริ และ หมายเลข 4 นางสาวสุพัตรา เกียรติจรุงพันธ์

สำหรับตำแหน่งพิเศษ People’s Choice สาวงามที่ได้รับการโหวตสูงสุดผ่าน SMS และเข้ารอบเป็นคนที่ 16 คือ หมายเลข 40 นางสาวกุสุมา ชาวดอน จากนั้นทั้งสาวงาม 16 คน ก็ได้อวดโฉมอีกครั้งในชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าปาเต๊ะ ออกแบบและตัดเย็บโดยห้องเสื้อ NICH ประกอบการแสดงพิเศษจากวง Hers

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2559 7:19:11 น.
Counter : 322 Pageviews.  

ปฏิรูปตำรวจแบบ 1 ปี, 5 ปี, 20 ปีหรือจะปฏิรูปไปถึงชาติหน้าก็ต้องปฏิรูป



ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับและเป็นข่าวหลักในเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนักถึงการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริง ๆแล้ว ก็เป็นข่าวที่ไม่น่าจะมีใครรู้สึกตื่นเต้นอะไรแล้ว เพราะข่าวทำนองนี้ มีมานานนักหนาแล้ว

สมัยโน้น นานมาแล้วสังคมนินทาว่าร้ายกันว่าการสอบสวนความผิดที่มีโทษทางอาญาอยู่กับเจ้าพนักงานตำรวจแต่ฝ่ายเดียว คือกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา เฉพาะเจาะจงไว้ชัดเจนว่า ข้าราชการตำรวจที่มียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไปเป็นพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนคดีอาญาทั้งปวงเพราะประชาชนเห็นและเชื่อว่า เจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจทั้งจับกุม ทั้งควบคุม และทั้งสอบสวน จนกระทังทำสำนวนการสอบสวนส่งนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดี นั่นเท่ากับรวบอำนาจไว้ตามลำพังประเภทชงเอง-กินเอง ถึงอย่างไรก็มีโอกาสเอนเอียง

สมัยนั้นมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณากันอย่างจริงจัง ในที่สุดก็มีความเห็นว่า ให้ฝ่ายปกครองมีอำนาจสอบสวน   ส่วนเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่ในการจับกุมเท่านั้น

ผลในที่สุด รัฐบาลในยุคนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามที่ได้ตั้งคณะกรรมการได้ศึกษาและมีความเห็น

ต่อมา นักการเมืองพรรครัฐบาลเห็นว่า องค์กรกรมตำรวจโตมากเกินไปแล้ว จนในยุคนันเหมือนกันสื่อมวลชนต้องตั้งฉายาว่าเป็นรัฐตำรวจน่าจะปรับเปลี่ยนองค์กรให้เล็กลง ประเภทจิ๋วแต่แจ๋ว

ผลที่สุดก็ปรับเปลี่ยนชื่อองค์กรใหม่ เป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติคณะกรรมการตำรวจคอยกำหนดทิศทางในการบริหารงานบุคคล  แต่ก็ไม่ได้ผลในทางปฏิบัติ เพราะมีนักวิ่งเต้นจำนวนมากดาหน้ากันวิ่งเต้นกรรมการเสียเอง

ต่อมา นักการเมืองของพรรคการเมืองเก่าแก่ รวมกันเสนอความคิดจากการศึกษาว่า ข้าราชการตำรวจที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนความผิดอาญาทั้งปวง ปกป้องผองภัยให้ประชาชนนั้นควรจะเป็นเจ้าพนักงานของเมืองหรือของจังหวัดทุกจังหวัด อยู่ในสายการบังคับบัญชาสูงสุดของจังหวัดนั้นหรือผู้ว่าราชการจังหวัด

การบริหารงานของตำรวจท้องถิ่นน่าจะไม่สลับซับซ้อนเหมือนในปัจจุบัน   การบริหารงานบุคคลก็สามารถทำกันได้ในระดับท้องถิ่น ส่วนใครจะวิ่งเต้นหาเสนสายอย่างไร ก็พอจะมองเห็นกันได้ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะสม คงไม่อาจทำอะไรที่ขัดสายตาประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างสะดวก

เหมือนการรวมศูนย์อยู่หน่วยบัญชาการเช่นปัจจุบัน

ส่วนเจ้าพนักงานตำรวจที่สามารถปฏิบัติงานได้ทั่วราชอาณาจักรนั้น ก็เป็นหน่วยเฉพาะเช่นกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ถ้าทำได้อย่างนี้  หน่วยบังคับบัญชาที่มีอยู่มากมาย ก็ไม่มีความจำเป็นอะรมากนัก เพราะตำรวจท้องถิ่นก็สามารถที่จะดำเนินการเสร็จสิ้นได้ในระดับจังหวัด เว้นแต่มีเหตุผลความจำเป็นก็อาจใช้ตำรวจส่วนกลางไปดำเนินการได้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมแก่เหตการณ์

แนวทางการคิดอย่างนี้ไม่ใช่ของใหม่ เป็นทั้งของนักการเมือง,พรรคการเมือง,และนกวิชาการที่เคยเสนอมาแล้วทั้งนั้น

แต่ผู้มีอำนาจในรฐบาลของยุคที่ผ่านมา ไม่อาจตัดสินใจเสนอให้เป็นกฏหมายในการปฏิรูปได้ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะยังไม่เหมาะสม ยังม่ถึงเวลาหรืออาจมีปัญหาอื่นๆตามมา

ในที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนอย่างที่เดินหน้ามาตั้งนานแล้ว

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นักประชาสัมพันธ์ที่จะเกษียณในอีก2 เดือนข้างหน้า ออกสื่อทุกประเภทว่าคราวนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาจริงแลวนะ ที่จะปฏิรูปตำรวจใน 10 ด้านให้เสร็จสิ้นายในระยะเวลา 3 ช่วง คอระยะเวลา 1 ปี, 5 ปีและ 20 ปี

การปฏิรูป 10 ด้าน มีการบริหารงานบุคคล, การกระจานอำนาจ,การพัฒนางานสอบสวน,ค่าตอบแทนสวัสดิการ,การจัดหาอุปกรณ์ประจำกาย,การป้องกันการทุจริตคอรับชั่น, การมีส่วนร่วมของประชาชน,การจัดระบบนิติศาสตร์,การฝึกอบรมและการถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่หน้าที่หลักของตำรวจ

ในชั้นต้นนี้ สามารถจัดการได้เลยภายในระยะเวลาสันๆ 1 ปี นันจะใชสถานีตำรวจ 500 สถานี หรือ 1 ใน 3 ของสถานีตำรวจทั่วประเทศเป็นสถานีต้นแบบดำเนินการได้เลย

เริ่มต้นจะปฏิรูปในการอำนวยการยุติธรรมของการสอบสวนคดีอาญา โดยมีแนวคิด“วันสตอป-เซอร์วิส” ให้จบสินในจุดๆ เดียว

การปฏิรูป“วันสตอปเซอร์วิส”เคยทำและใช้กันมาแล้วในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเมื่อประมาณ 15-20 ปี ที่ผ่านมาแล้ว โดยใช้สถานีตำรวจพญาไท,บางซื่อ และปทุมวัน เป็นต้นแบบ แล้วกระจายไปทุกสถานีตำรวจของนครบาล

การบริการดีขึ้นจริงช่วงระยะสั้นๆ แต่ไม่อาจที่จะจบในจุดเดียวได้

การรวบรวมพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีหน้าที่นั้น ไม่อาจทำได้เพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยเจ้าพนักงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องทั้งทางด้านธุรการและด้านวิทยาศาสตร์

อย่างไรก็ตาม ภายใต้กระแสที่รุมเร้าตำรวจไปในทางเสียหายหลายครั้งหลายหนติดต่อกันเป็นระยะๆนั้น ก็ยังน่าชื่นชมที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อให้องค์กรตำรวจยังคงเปนที่พึ่งในการอำนวยความยุติธรรมให้ได้

ความพยายามในการรับนโยบายจากรัฐบาลที่จะปฏิรูปตำรวจนั้น ดูท่าทางกระฉับกระเฉง

จริงจังตั้งใจ  เหมือนเป็นนโยบยใหม่เอี่ยมที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน

ก็ได้แต่รอดูกัน

อีก 1 ปีเท่านันดูกันว่าวันเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆใน 1 ปีข้างหน้า จะยังคงเหมือนกับวันนี้

หรือวันเวลาอันยาวนานที่ได้ผ่านไปแล้ว

 ที่มา thaitribune




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2559 3:04:01 น.
Counter : 277 Pageviews.  

ตำรวจบุรีรัมย์จับพระดัดแปลงรถเป็น 'กุฏิเคลื่อนที่' ออกตระเวนใบ้หวย สะเดาะเคราะห์



ตำรวจบุรีรัมย์ ยึดรถดัดแปลง 6 ล้อเป็นกุฏิเคลื่อนที่ ตระเวนใบ้หวย สะเดาะเคราะห์ ไปตามจังหวัดต่างๆไม่จำพรรษาตามวัด พบรถไม่ติดป้ายทะเบียนและไม่มีคู่มือรถ เบื้องต้น ตำรวจให้พระสงฆ์ผู้ครอบครองรถนำเอกสารมาแสดง ก่อนส่งตัวให้เจ้าคณะตำบลพิจารณาโทษทางวินัยสงฆ์

 

วันที่ 24 กรกฏาคม 2559 พ.ต.ท.สัญญา อุทุมพร สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.ท.สุรเชกข์ มณีเติม สวป. และชุดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ หลังรับแจ้งจากประชาชนมีพระรูปหนึ่งพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่จำพรรษาในช่วงเข้าพรรษา แต่ออกมาตระเวนอยู่บนรถที่ดัดแปลงเป็นกุฏิเคลื่อนที่ เพื่อใบ้หวยและสะเดาะเคราะห์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ

การตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวจอดอยู่ใกล้กับร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านแท่นพระ ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ เป็นรถ 6 ล้อต่อพ่วง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ดัดแปลงสภาพเป็นกุฏิเคลื่อนที่ ภายในติดเครื่องปรับอากาศ มีอัฐบริขาร เครื่องครัว ห้องน้ำ และห้องพัก โดยมีพระสันติ ปภากโร วัย 64 เป็นเจ้าของรถ แต่ไม่พบคนขับ เจ้าหน้าที่จึงนิมนต์มาสอบปากคำที่ สภ.ลำปลายมาศ ซึ่งให้การเบื้องต้นว่า สั่งประกอบรถ 6 ล้อมือสองทำเป็นกุฏิเคลื่อนที่จาก จ.สุพรรณบุรี ในราคากว่า 300,000 บาท และจะวานให้ญาติโยมขับให้แบบขับต่อช่วง ๆ กันไป

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่ามีใบสุทธิพระ อุปสมบทเมื่อปี 2546 ที่วัดในอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ แต่ไม่มีสมุดคู่มือหรือเอกสารหลักฐานการครอบครองรถ เจ้าหน้าที่จึงอายัดรถไว้ตรวจสอบว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนและดัดแปลงต่อเติม จากนั้นได้นิมนต์พระรูปนี้ไปยังวัดบ้านกะทิง ต.หินโคน เพื่อให้พระครูพิพิธสารคุณ เจ้าคณะตำบลหินโคน พิจารณาลงโทษธรรมวินัย เนื่องจากพระรูปดังกล่าวประพฤติไม่เหมาะสมทั้งการตระเวนใบ้หวย สะเดาะเคราะห์ไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทั้งภาคกลาง และภาคอีสาน ไม่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัด.

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2559 2:14:23 น.
Counter : 355 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.