กรมประมงปิดอ่าวฝั่งอันดามันให้ปลาวางไข่ 1 เม.ย-30 มิ.ย.นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยเชื่อทะเลไทยฟื้นฟูได้โชว

กรมประมงเตรียมปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามันครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด "ภูเก็ต-พังงา-กระบี่-ตรัง" 1 เม.ย.-30 มิ.ย.นี้ เปิดทางปลาวางไข่ ขู่ใครฝ่าฝืนจับกุมตามกฎหมาย นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยเชื่อทะเลไทยฟื้นฟูได้พร้อมกับนำปลาอ่าวไทยออกแสดงให้เห็น

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2559 นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่ากรมประมง เตรียมปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามันระหว่างวันที่ 1 เม.ย. -30 มิ.ย.นี้ ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง เพื่อเปิดโอกาสให้สัตว์น้ำในฤดูที่ปลามีไข่และวางไข่เลี้ยงลูก เพื่อเพิ่มประชากรสัตว์น้ำ โดยห้ามเครื่องมือทำการประมงบางชนิดทำการประมงในระหว่างนี้ หากพบผู้ใดฝ่าฝืนเข้าจับกุมทันที และดำเนินการตามกฎหมายประมงฉบับใหม่ โดยบูรณาการกับศูนย์ประสานการปฏิบัติงานในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล) และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายประมงตามกฎไอยูยู

นายวิมลเปิดเผยว่ามาตรการปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ให้สัตว์น้ำได้วางไข่ ขยายพันธุ์ และเจริญเติบโต สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะปลาทู ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่สำคัญทางเศรษฐกิจของไทยเป็นแหล่งอาหารยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันสัตว์น้ำในแหล่งตามธรรมชาติเสื่อมโทรม เกิดการลักลอบทำการประมงในเขตหวงห้ามในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในฝั่งทะเลอันดามัน จึงกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดทำการประมงในฤดูที่ปลามีไข่ และวางไข่เลี้ยงลูก ครอบคลุมพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,935,000 ไร่ ใน 4 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน

ในปีที่ผ่านมา ผลการสำรวจสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำ พบว่ามาตรการปิดอ่าวสามารถเพิ่มทรัพยากรสัตว์น้ำได้สูงถึง 2.61เท่า ทำให้สัดส่วนของปลาเศรษฐกิจและปลาเศรษฐกิจขนาดเล็ก มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

จากการตรวจสอบเฟวบุ๊กของนายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยที่รายงานข่าวและภาพเป็นประจำเพราะมีเครือข่ายสมาชิกทั้งในเขตทะเลอันดามันและเขตอ่าวไทยเช่นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม รายงานว่า “พรุ่งนี้ใครอยู่ใกล้ๆบ้านเกาะเพชรหัวไทร และอยากได้ปลาหลังเขียว(ซาร์ดีน)สดๆ เชิญนะครับ ตอนนี้ได้กันมาเป็นตันๆกำลังสะบัดปลดกันที่ชายหาด นิตยา พวงสุวรรณ สมาคมรักษ์ทะเลไทรายงาน....ทะเลไทยฟื้นฟูได้เชื่อสิครับ”

บรรจงเขียนไว้อีกว่า “ผมไม่นึกไม่ฝันว่าภาพเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วจะกลับมาอีกครั้งในวันนี้ 30 กว่าปีที่แล้วผมทำงานในสนามเวลาพี่น้องได้ปลาหลังเขียว(ซาดีน)มาเต็มลำเรือ ต้องนำมาปลดที่ชายฝั่งเพราะปลดกลางทะเลไม่ไหว พวกเราก่อไฟตั้งสังกะสีโยนปลาลงบนสังกะสีทำน้ำจิ้มง่ายๆกินจนพุงกาง....หลังจากนั้นปลาหลังเขียวค่อยๆหายไป(เพราะอวนลากและเรือปั่นไฟ) แต่การลุกขึ้นสู้ของพี่น้องประมงชายฝั่ง30กว่าปีที่ผ่านมาอย่างหนักหน่วง....และแล้ววันนี้เราก็ได้ปลาหลังเขียวเป็นตันๆกลับมาอีกครั้ง”

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 21 มีนาคม 2559    
Last Update : 21 มีนาคม 2559 13:02:59 น.
Counter : 264 Pageviews.  

กลุ่มสงฆ์ชายแดนใต้จี้ปลดพล.อ.ไพบูลย์ระบุจาบจ้วงองค์กรสงฆ์-ตั้งกระทู้ถึงสงฆ์ 3 กลุ่มโผล่ออกมาหนุนและ“

กลุ่มสงฆ์ชายแดนใต้จี้นายกรัฐมนตรีปลด พล.อ.ไพบูลย์ระบุจาบจ้วงองค์กรสงฆ์ รัฐมนตรียุติธรรมเตรียมแถลง 21 มีนาคม เผยกระทู้ตั้งคำถามกลุ่มสงฆ์ 3 กลุ่มออกมาเคลื่อนไหวป้องสมเด็จช่วงเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือเพื่อพระธรรมวินัย แนะปกป้องสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 ด้วยไม่ใช่คอยเลียแต่ว่าที่ฯ

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2559 ได้มีการออกแถลงการณ์โดยใช้ชื่อว่า “กลุ่มพระสงฆ์เพื่อสันติภาพชายแดนใต้”เรื่อง ขอบิณฑบาตให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบต่อการก้าวล่วงผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยระบุว่า ตามที่ในปัจจุบันมีขบวนการจ้องทำลายคณะสงฆ์ กล่าวจาบจ้วง องค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ และแสดงอาการเหยียดหยาม ดูหมิ่น ดูแคลน พระสงฆ์โดยรัฐมนตรีของประเทศ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

โดยที่รัฐบาลและรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลพระพุทธศาสนา มิได้แสดงตัวปกป้องคณะสงฆ์ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และที่สำคัญคือ การเสนอนาม ผู้ที่จะได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น ปรากฏว่า มีกลุ่มบุคคลพยายามสร้างสถานการณ์ บิดเบือนไม่ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ จึงขอเรียกร้องให้คณะรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1.ให้รัฐบาลได้มีมาตรการในการจัดการกลุ่มบุคคลที่กล่าวจาบจ้วงให้ร้ายคณะสงฆ์ และ

2. ให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ในฐานะที่แสดงอาการก้าวร้าว เหยียดหยามดูแคลนพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

อย่างไรก็ตาม พระสงฆ์เพื่อสันติภาพชายแดนใต้ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จะพิทักษ์ ปกป้อง คุ้มครองพระพุทธศาสนา และพร้อมที่จะเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับองค์กรทางพระพุทธกลุ่มต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการตามระเบียบ ประเพณี และกฎหมาย ในการสถาปนาองค์สมเด็จพระสังฆราช

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าวันนี้มีคนโทรศัพท์มาหาเยอะมาก แต่ไม่อยากพูด เดี๋ยวจะกลายเป็นไปต่อล้อต่อเถียง ยืนยันว่าสิ่งที่ทำเป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง โดยวันที่ 21 มีนาคมนี้ จะแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่กระทรวงยุติธรรม

ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 20 มีนาคม มีกระทู้สนทนาด้านศาสนาพุทธ ออกจากเว็บไซต์ของพันทิพว่า “ถึงเวลาตั้งคำถามกลุ่มสงฆ์การเมืองหนุนสด.ช่วง ไล่บิ๊กต๊อก.. ปกป้องเกียรติพระสังฆราชองค์ที่ 19 ด้วย อย่าเลียแต่ว่าที่ฯ”

พร้อมกับชี้ว่า “การทำน้ำกระเพื่อมจากทนายเพื่อไทยที่มารับจ๊อบเป็นทนายวัดปากน้ำปกป้องสด.ช่วงคดีรถเบนซ์ผิดกฎหมาย ต้องถือว่ามีกลุ่มสงฆ์การเมืองเข้ามารับลูกเร็วมาก 3 กลุ่ม”

กลุ่มแรก.. เครือข่ายพระธรรมจาริก ซึ่งสด.ช่วงร่วมบุกเบิกตั้งแต่ปี 2508 จนกระทั่งเป็นประธานตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบัน .. การออกมาปกป้องสด.ช่วงเป็นเรื่องไม่แปลก แต่การออกมารวดเร็วเป็นกลุ่มแรกและเป็นเครือข่ายใกล้ชิดอย่างมากนี้ บ่งชี้เรื่องสำคัญเร่งด่วนบางประการแฝงอยู่จึงมีการเคลื่อนไหวของเครือข่ายที่ใกล้ชิดแบบนี้.. เป้าหมายสำคัญคือกดดันนายกฯ ไล่บิ๊กต๊อก

กลุ่มสอง.. กลุ่มเครือข่ายพระนักพัฒนาฯ ภาคอีสาน ที่อาจถือเป็นกลุ่มเดียวกับ สนพ.หรือหลวงพี่ประสานงา (อดีตเสื้อแดง) ซึ่งเพิ่ง "หงอย" เหมือนจะเก็บเนื้อเก็บตัวชั่วคราว.. เช้าที่กลุ่มพระธรรมจาริกนำประเด็นขึ้นมา.. บ่ายกลุ่มนี้ก็รับลูกตามทันทีด้วยประเด็นเดียวกันเป็นกลุ่มที่สอง

กลุ่มสาม.. ตามหลังมา 1 วัน กลุ่มพระสงฆ์เพื่อสันติภาพชายแดนใต้ ก็ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกัน.. น่าแปลกตรงที่กลุ่มนี้ไม่เคยแสดงตัวตนมาก่อน เพิ่งมาออกตัวคราวนี้ .. หากนับเครือข่ายกิจกรรมที่โยงมาถึงก็คือกลุ่มวัดพระธรรมกาย ใช่กลุ่มเดียวกันหรือไม่? ที่แน่ๆ คือรับลูกได้เร็วมาก หรือจะผ่านตัวกลางทนายวัดที่ร่วมงานใกล้ชิดกับกลุ่มที่สองคราวม็อบพระเมื่อเดือนที่ผ่านมา?.. (หากเข้าใจท่านผิด มีผู้ใดชี้แจงมาจักขอบคุณยิ่ง.. แต่มีคำถามและคำขอถึงทุกกลุ่มเหมือนเดิม)

ทั้งสามกลุ่มออกมาในจังหวะสำคัญในช่วงเกี่ยวกับคดีรถเบนซ์ผิดกฎหมายที่สด.ช่วงครอบครองมือแรกแบบ.. ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นการสนองงานตามความประสงค์หรือไม่?.. ยิ่งบางกลุ่มที่เพิ่งรับอาราธนาไม่ป่วนบ้านเมืองมายังไม่ทันครบสัปดาห์ดี ก็ดีแตกออกมาพร้อมป่วนเสียแล้ว.. เห็นสัญญาณแล้วดีดเด้งแบบนี้บ้านผมเรียกว่า "เลีย"

คงถึงเวลาถามและขอพวกท่านตรงไปตรงมานะครับว่า

1.ท่านเป็นสงฆ์การเมือง หรือเป็นสงฆ์ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.. บทบาทของท่านในแถลงการณ์จะทำให้สิ่งที่ชาวบ้านมองเห็นก็คือ ว่าที่สังฆราชฯ กำลังถูกรายล้อมไปด้วยสงฆ์การเมืองที่พร้อมสู้เพื่อตำแหน่งยศศักดิ์ เพื่อรถเบนซ์ผิดกฎหมายจนกฎหมายบ้านเมืองไม่เป็นกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อกลุ่มสงฆ์ที่พร้อมช่วยเหลือพวกพ้องมากกว่าปกป้องพระธรรมวินัย.. ท่านเป็นสงฆ์ประเภทไหน

2.หากท่านพร้อมที่จะปกป้องเกียรติของผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช.. ก็ขอให้ท่านปกป้องเกียรติภูมิของพระสังฆราชองค์ที่ 19 ของเราด้วย ไม่ใช่สู้เพื่อองค์สังฆราชของเราเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อภารกิจปกป้องพระธรรมวินัยเพื่อสืบพระศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้ให้ลูกหลานเราด้วย..

อนุโมทนาสงฆ์ดีทุกรูปนะครับ

ที่มาของกระทู้ //pantip.com/topic/34936189

จ่อหมายเรียก"สมเด็จช่วง" ย้ำทำตามกม.-ไม่มาหมายจับ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พล.อ.ไพบูลย์คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมกล่าวถึงการเข้าสอบปากคำสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรณีมีชื่อครอบครองรถเบนซ์โบราณ ขม. 99 กรุงเทพมหานคร หลังเข้าพบสมเด็จช่วงแล้วทนายอ้างยังไม่ขอให้ปากคำแต่ให้ทำหนังสือแจ้งประเด็นคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ตนยอมรับว่ารู้สึกควันออกหู เพราะเป็นผู้สั่งการให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำดอกไม้ธูปเทียนแพไปกราบ และกำชับให้ผู้ที่นำคณะไปต้องเป็นรองอธิบดีดีเอสไอพร้อมห้ามทุกคนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว

กระทั่งดีเอสไอถูกกระทำทั้งยึดโทรศัพท์มือถือ และปฏิเสธการให้ปากคำทั้งที่ฝ่ายวัดปากน้ำฯ เป็นผู้ประสานกำหนดวันเวลาเข้าพบทุกอย่าง

รมว.ยุติธรรมย้ำว่าที่ผ่านมาให้เกียรติแล้ว แต่เมื่อทนายวัดปากน้ำฯ ออกมาแถลงข่าวจนทำให้เกิดความเสียหายกับภาพการทำงานของพนักงานสอบสวนดีเอสไอเมื่อภาพออกมาเช่นนี้ตนก็ไม่สบายใจ “กรณีที่ทนายจะให้ดีเอสไอทำหนังสือแจ้งประเด็นสอบปากคำเป็นลายลักษณ์อักษรคงทำไม่ได้เพราะไม่จบ การสอบปากคำอาจมีคำถามต่อเนื่องวิถีสอบสวนต้องตอบโต้กันได้ ดังนั้นได้สั่งการให้ดีเอสไอออกหมายเรียกตามขั้นตอน ซึ่งสามารถออกได้ในวันนี้เลย แต่หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะขอไปศาลออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะสอบถามจนได้รับความชัดเจนแล้วว่าในชั้นสอบปากคำพยาน พยานต้องให้การด้วยตนเอง ตอบได้แค่ไหนก็แค่นั้น ในชั้นนี้เป็นการสอบปากคำในชั้นสอบสวนไม่ใช่ในชั้นศาลที่ทนายจะซักค้านได้”รมว.ยุติธรรมกล่าว

สำหรับการเรียกสอบปากคำพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ในวันที่ 21 มีนาคม ก่อนหน้านี้การให้เกียรติไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรที่สามารถทำได้ก็ทำไม่มีเลือกปฏิบัติ  

ทางด้าน ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคมจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการกับสมเด็จช่วง ภายหลังทนายปฏิเสธการให้ปากคำ นอกจากนี้จะสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนด้วยว่านัดสอบปากคำหลวงพี่แป๊ะในช่วงเย็นวันที่ 21 มีนาาคมนี้จะได้สอบปากคำหรือไม่ หากไปพบที่วัดแล้วจะให้พนักงานสอบสวนส่งประเด็นคำถามเหมือนกรณีสมเด็จช่วงก็ไม่ต้องไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 21 มีนาคม 2559    
Last Update : 21 มีนาคม 2559 12:23:08 น.
Counter : 240 Pageviews.  

คมนาคมออกกฎกระทรวงใหม่ 20 ข้อควบคุมรถขนส่งผู้โดยสารและขนสินค้าเน้นความปลอดภัยเท่าสากล-อ่านรายละเอียด

คมนาคมออกกฎกระทรวงฉบับใหม่ 20 ข้อ ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก คุม“รถขนส่งผู้โดยสาร-ขนส่งสินค้า” เน้นการติดตั้งการบรรทุก เชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ระบบหน่วงความเร็ว อุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง เข็มขัดนิรภัย ต้องมีอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ลากจูงได้ สั่งเพิ่มพื้นที่เตรียมอาหาร-เครื่องดื่มบนรถโดยสารสาธารณะชั้นหนึ่ง คุมความสูงของรถ เน้นความปลอดภัยเทียบเท่าสากล

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2559 มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวงฉบับที่ 62 (พ.ศ.2559) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 7 วรรคหนึ่ง และมาตรา 71 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

“ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่ข้อ ๙ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (ฑ) ของ (๑) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(ฑ) ระบบไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยสายไฟฟ้า ฉนวน สวิตซ์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อื่นตามที่อธิบดีประกาศกําหนดจํานวน ขนาด คุณลักษณะ ระบบการทํางาน สมรรถนะ และประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของระบบไฟฟ้า รวมทั้งการติดตั้งและการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (ถ) ของ (๑) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒

 “(ถ) ระบบหน่วงความเร็วของรถซึ่งทําหน้าที่ชะลอความเร็วรถ ซึ่งมีคุณลักษณะ ระบบการทํางานสมรรถนะ และประสิทธิภาพของระบบหน่วงความเร็วของรถ รวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องมีระบบหน่วงความเร็วของรถ ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (ฒ) และ (ณ) ของ (๒) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

 “(ฒ) อุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ซึ่งมีคุณลักษณะ สี ขนาด จํานวน และตําแหน่งการติดตั้งรวมทั้งประเภท และลักษณะของรถที่ต้องมีอุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด

 (ณ) เข็มขัดนิรภัย ซึ่งมีคุณลักษณะ สมรรถนะ มาตรฐาน แบบ การติดตั้ง และการยึดเข็มขัดนิรภัยรวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ข้อ ๒ นอกจากจะต้องมีเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบตามที่กําหนดไว้ในข้อ ๑ แล้วรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารมาตรฐาน ๖ จะต้องมีอุปกรณ์ต่อพ่วงที่สามารถลากจูงได้ในขณะเต็มอัตราบรรทุกและสามารถทําให้รถตอนท้ายเคลื่อนตัวและเลี้ยวตามรถตอนหน้าได้โดยปลอดภัย ทั้งนี้ อุปกรณ์ต่อพ่วงดังกล่าวต้องมีคุณลักษณะ ระบบการทํางาน และสมรรถนะตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๐ (พ.ศ. ๒๕๓๕)ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ข้อ ๗ รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารซึ่งมีที่เตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ให้มีที่เตรียมอาหาร และเครื่องดื่มขนาดพอสมควรอยู่ในบริเวณที่เหมาะสม ซึ่งต้องไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความไม่สะดวกแก่ผู้โดยสารที่มีที่นั่งใกล้เคียงบริเวณดังกล่าว”

ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความใน (ฌ) ของ (๑) ของข้อ ๑๐ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔)ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(ฌ) ระบบไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยสายไฟฟ้า ฉนวน สวิตซ์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อื่นตามที่อธิบดีประกาศกําหนดจํานวน ขนาด คุณลักษณะ ระบบการทํางาน สมรรถนะ และประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของระบบไฟฟ้า รวมทั้งการติดตั้งและการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความใน (ฎ) และ (ฏ) ของ (๒) ของข้อ ๑๐ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(ฎ) อุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ซึ่งมีคุณลักษณะ สี ขนาด จํานวน และตําแหน่งการติดตั้งรวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องมีอุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด

 (ฏ) เข็มขัดนิรภัย ซึ่งมีคุณลักษณะ สมรรถนะ มาตรฐาน แบบ การติดตั้ง และการยึดเข็มขัดนิรภัยรวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๑๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔)ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

 “(๒) ความสูงภายนอกของรถเมื่อวัดในแนวดิ่งจากพื้นราบถึงส่วนที่สูงที่สุดของรถไม่รวมกระจกเงาสําหรับมองด้านนอกตัวรถ ต้องมีความสูงไม่เกิน ๓.๘๐ เมตร เว้นแต่รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารมาตรฐาน ๒ (ค) (ง) และ (จ) มาตรฐาน ๓ (ค) (ง) (จ) และ (ฉ) และรถขนาดเล็ก ต้องมีความสูงไม่เกิน ๓.๒๐ เมตร และรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารมาตรฐาน ๔ ต้องมีความสูงไม่เกิน ๔.๐๐ เมตร ความสูงภายในของรถให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกําหนด ความสูงของรถต้องไม่ทําให้การทรงตัวของรถต่ำกว่าเกณฑ์ที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๐ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นส่วนที่ ๕ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๑๔/๒ ของหมวด ๑ สภาพเครื่องอุปกรณ์ และส่วนควบของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และรถขนาดเล็ก แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒

 “ส่วนที่ ๕ เบ็ดเตล็ด

ข้อ ๑๔/๒ วัสดุที่นํามาใช้ในการผลิตหรือประกอบเป็นเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบหรือการตกแต่งภายนอกหรือภายในของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารและรถขนาดเล็ก ต้องมีคุณสมบัติในด้านการลุกไหม้ การลามไฟ การแผ่รังสี การละลาย หรือความเป็นพิษ ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด ประเภทและลักษณะของรถที่ต้องใช้วัสดุตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด”

ข้อ ๑๑ ให้ยกเลิกความใน (ฑ) ของ (๑) ของข้อ ๑๕ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

 “(ฑ) ระบบไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยสายไฟฟ้า ฉนวน สวิตซ์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อื่นตามที่อธิบดีประกาศกําหนด จํานวน ขนาด คุณลักษณะ ระบบการทํางาน สมรรถนะ และประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของระบบไฟฟ้า รวมทั้งการติดตั้งและการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (ถ) ของ (๑) ของข้อ ๑๕ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙(พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒

“(ถ) ระบบหน่วงความเร็วของรถซึ่งทําหน้าที่ชะลอความเร็วรถ ซึ่งมีคุณลักษณะ ระบบการทํางาน สมรรถนะ และประสิทธิภาพของระบบหน่วงความเร็วของรถ รวมทั้งประเภทและลักษณะของรถ ที่ต้องมีระบบหน่วงความเร็วของรถ ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๓ ให้ยกเลิกความใน (ซ) และ (ฌ) ของ (๒) ของข้อ ๑๕ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(ซ) อุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ซึ่งมีคุณลักษณะ สี ขนาด จํานวน และตําแหน่งการติดตั้งรวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องมีอุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด

 (ฌ) เข็มขัดนิรภัย ซึ่งมีคุณลักษณะ สมรรถนะ มาตรฐาน แบบ การติดตั้ง และการยึดเข็มขัดนิรภัยรวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (ฎ) ของ (๒) ของข้อ ๑๕ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒

 “(ฎ) อุปกรณ์สําหรับยึดตู้หรือถังบรรทุก ซึ่งมีคุณลักษณะ สมรรถนะ ประสิทธิภาพ การติดตั้งและการยึดตู้หรือถังบรรทุก รวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์สําหรับยึดตู้หรือถังบรรทุกตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๖ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ข้อ ๑๖ นอกจากจะต้องมีเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบตามที่กําหนดไว้ในข้อ ๑๕ แล้วรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของลักษณะ ๑ ลักษณะ ๒ ลักษณะ ๓ ลักษณะ ๔ ลักษณะ ๕ และลักษณะ ๙ ที่ใช้ลากจูงรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของลักษณะ ๖ ลักษณะ ๗ หรือลักษณะ ๘ ต้องมีจานพ่วงหรืออุปกรณ์ต่อพ่วงที่มีคุณลักษณะ ระบบการทํางาน และสมรรถนะตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๖ ให้ยกเลิกความใน (ง) ของ (๒) ของข้อ ๑๘ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(ง) อุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ซึ่งมีคุณลักษณะ สี ขนาด จํานวน และตําแหน่งการติดตั้งรวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องมีอุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสง ตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๗ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (ฉ) ของ (๒) ของข้อ ๑๘ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒

 “(ฉ) อุปกรณ์สําหรับยึดตู้หรือถังบรรทุก ซึ่งมีคุณลักษณะ สมรรถนะ ประสิทธิภาพ การติดตั้งและการยึดตู้หรือถังบรรทุก รวมทั้งประเภทและลักษณะของรถที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์สําหรับยึดตู้หรือถังบรรทุกตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๘ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นส่วนที่ ๕ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๒๓ ของหมวด ๒ สภาพเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔)ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒

“ส่วนที่ ๕ เบ็ดเตล็ด

ข้อ ๒๓ วัสดุที่นํามาใช้ในการผลิตหรือประกอบเป็นเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบหรือการตกแต่งภายนอกหรือภายในของรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ ต้องมีคุณสมบัติในด้านการลุกไหม้ การลามไฟ การแผ่รังสี การละลาย หรือความเป็นพิษ ตามที่อธิบดีประกาศกําหนดประเภทและลักษณะของรถที่ต้องใช้วัสดุตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกําหนด”

ข้อ ๑๙ รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารและรถขนาดเล็กที่จดทะเบียนก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ ๑๓ (๒) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔)ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎระทรวงนี้เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนตัวถังของรถ ให้ความสูงของรถเป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวงนี้

ข้อ ๒๐ บรรดาระเบียบหรือประกาศที่ออกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔)ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ จนกว่าจะมีระเบียบหรือประกาศตามกฎกระทรวงนี้ออกมาใช้บังคับ

ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

ออมสิน ชีวะพฤกษ์

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม”

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อกําหนดเกี่ยวกับเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบ และขนาดของรถตามที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานยานยนต์สากล อันจะทําให้การใช้รถในการขนส่งมีความปลอดภัยยิ่งขึ้นจึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 21 มีนาคม 2559    
Last Update : 21 มีนาคม 2559 10:08:27 น.
Counter : 347 Pageviews.  

สมาคมหนังสหรัฐฯเผยละเมิดลิขสิทธิ์หนังในโซเชียล มีเดียเกลื่อน-ขอแก้กฎหมายให้ผู้ประกอบการฟ้องศาลสั่งปิ

สมาคมภาพยนตร์สหรัฐฯเผยการละเมิดหนังในไทยผ่านโซเชียลมีเดียพุ่ง ชี้อุตสาหกรรมหนังโป๊-การพนัน สปอนเซอร์ใหญ่ ขอไทยแก้ไขกฎหมายให้เจ้าของสิทธิ์ฟ้องผู้ละเมิดได้เอง จี้บริษัทในไทยยุติให้โฆษณา กรมทรัพย์สินทางปัญญายันปิดเว็บละเมิดยาก เพราะมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ต่างประเทศ แต่สั่งถอดเนื้อหาละเมิดออกง่ายกว่า

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2559 นางอุมาศิริ ทาร่อน รองผู้อำนวยการทั่วไปสมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า สถานการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยรุนแรงมากขึ้น หลังกระแสใช้โซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ยูทิวบ์ เป็นที่นิยม ทำให้การดูหนังละเมิดลิขสิทธิ์ทำได้ง่ายขึ้น เช่น มีรูปแบบการแชร์ผ่านกรุ๊ปไลน์ และการเสิร์ซหาหนังฟรีในเว็บไซต์ เป็นต้น

ทั้งนี้สมาคมฯ เตรียมที่จะรณรงค์ให้บริษัทต่างๆในไทยยกเลิกการให้โฆษณากับเว็บไซต์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะถือว่าเป็นการสนับสนุนรายได้แก่ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย

นางอรอุมาเปิดเผยว่าจากการสำรวจของสมาคมฯ พบว่า งานวิจัยชิ้นหนึ่งของนาย พอล เอ วัตเตอร์ จากมหาวิทยาลัยแมสซี ประเทศนิวซีแลนด์รายงานว่า โฆษณาในเว็บไซต์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ของไทย จะมีโฆษณาที่เป็นความเสี่ยงสูงต่อผู้ใช้บริการจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นโฆษณาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมทางเพศหนังโป๊ และขายยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ สัดส่วน 62% รองลงมา 16.05% เป็นโฆษณาเกี่ยวกับการพนัน ทั้งหมดจะขัดแย้งกับค่านิยมของสังคมไทย

นางอุมาศิริกล่าวว่า สมาคมฯ ต้องการให้รัฐบาลไทยปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้ชัดเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดเว็บไซต์ได้รวดเร็วกว่านี้ เช่น การแก้ไขมาตรา 32 (3) เรื่องการให้ผู้ประกอบการ เจ้าของสิทธิ์สามารถยื่นร้องขอให้ศาลสั่งปิดเว็บไซต์ละเมิดได้ทันที เพราะการที่กฎหมายระบุให้เจ้าของสิทธิ์ต้องมาดำเนินคดีภายใน 30 วัน ในทางปฏิบัติหากเจ้าของอยู่ต่างประเทศอาจทำได้ไม่ทัน

ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนต้องการให้บล็อกเว็บไซต์ได้อย่างถาวร และให้มีการจับกุมผู้กระทำความผิด และขอให้บริษัทไทยยุติการให้โฆษณากับเว็บไซต์ละเมิดดังกล่าว

“ผู้ที่ทำการละมิดลิขสิทธิ์บนเวบไซต์ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการมียอดไลค์จำนวนเยอะๆ ซึ่ง ภาคเอกชนเห็นว่า การเอายอดไลค์ไปจำนวนมาก บางรายทำไปเพื่อการค้าหรือขายโฆษณา ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องต้องมีระเบียบการดูแลที่ชัดเจน และการโฆษณาควร ขายสินค้าที่ถูกกฎหมายและไม่ละเมิด” นางอุมาศิริกล่าว

สำหรับการที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) จะประกาศสถานะของประเทศคู่ค้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา ปี 2559 ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษในปลายเดือน เม.ย. สมาคมฯ ได้เสนอยูเอสทีอาร์ให้คงสถานะไทยในกลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (  PWL พีดับเบิลยูแอล) เหมือนเดิม เพราะการละเมิดในไทยยังไม่ดีขึ้น

นายทศพล ทังสุบุตร รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ของไทยที่ปรับปรุงใหม่ และมีผลบังคับเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา สามารถดำเนินการการปิดเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาละเมิดได้ แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของสิทธิ์ ที่ถูกละเมิดต้องยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อขอให้ศาลสั่งปิดเว็บ เมื่อศาลพิจารณาแล้ว หากเห็นว่ามีการละเมิดจริง และเจ้าของเสียหายก็จะสั่งให้ปิดเว็บไซต์ชั่วคราว เช่น 30 วัน หรือ 90 วัน ไม่ได้ปิดถาวร และในระหว่างนั้น เจ้าของสิทธิ์ต้องดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดกับผู้ละเมิดอีก

 “ปัญหาอยู่ที่การปิดเว็บไซต์ทำได้ยากมาก เพราะส่วนใหญ่เว็บไซต์ละเมิดมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ต่างประเทศ ซึ่งกฎหมายไทยเข้าไปไม่ถึง ทางที่ดีที่สุดคือ ขอให้ศาลสั่งเอาข้อมูลหรือเนื้อหาละเมิดออก ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) พร้อมดำเนินการเอาออกให้อยู่แล้ว เพราะกฎหมายลิขสิทธิ์กำหนดว่า ถ้าศาลสั่งแล้ว ISP ดำเนินการตามศาลสั่ง ISP จะไม่มี” นายทศพลกล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 21 มีนาคม 2559    
Last Update : 21 มีนาคม 2559 9:19:37 น.
Counter : 270 Pageviews.  

ต้องไม่กลับไปสู่ยุค‘อัปรีย์ไป จัญไรมา’อีก! โดย สิริอัญญา

สิริอัญญา เขียนไว้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2559 ว่าการยึดอำนาจของคสช.ก็เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดสงครามกลางเมือง หลังจากที่ชาวไทยต่อสู้มานานนับ 12 ปีท่ามกลางระเบิดน้ำตา กระสุนปืน และระเบิด M79 ที่คุกคามเอาชีวิตผู้ออกมาเรียกร้อง การต่อสู้ของประชาชนก็หวังให้ประเทศมีการปฏิรูปเพราะบ้านเมืองมีการฉ้อโกงและโกงทั้งโคตร ดังนั้นประเทศไทยจะต้องปฏิรูปเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน รัฐบาลจะบริหารประเทศไปอีก 5 ปี 10 ปีก็ได้ ขอเพียงอย่าให้บ้านเมืองกลับไปสู่ยุค “อัปรีย์ไป จัญไรมา” ดังนี้.....

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้บ้านเมืองกลับไปสู่การเมืองแบบเดิมๆ ก่อนยึดอำนาจอีกโดยเด็ดขาด ขอให้คิดถึงประชาชนชาวไทย 60 ล้านคน ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีคนเดียวนั้น ไม่เป็นไร

เป็นการเปิดเผยจุดยืนอย่างชัดเจน จะแจ้ง ครั้งสำคัญของ คสช.ต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังสับสนอลหม่านในปัจจุบัน

การให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวสอดคล้องกับผลการทำโพลล์ทุกโพลล์ จะสักกี่โพลล์ก็ออกผลมาอย่างเดียวกันว่า ประชาชนต้องการให้รัฐบาลและคสช. ปฏิรูปบ้านเมืองให้เสร็จสิ้นเสียก่อน แล้วค่อยจัดการเลือกตั้ง รวมทั้งมีความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียเป็นส่วนใหญ่ว่า รัฐบาลจะบริหารประเทศไปอีก 5 ปี 10 ปีก็ได้ ขอเพียงอย่าให้บ้านเมืองกลับไปสู่ยุค “อัปรีย์ไป จัญไรมา” ก็แล้วกัน

ประชาชนชาวไทยได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้กับการเมืองแบบ “อัปรีย์ไป จัญไรมา” ด้วยความเสียสละกล้าหาญ จนบาดเจ็บล้มตายนับหมื่นคน ได้ผ่านการต่อสู้ต่อเนื่องยาวนานถึง 12 ปี เป็นการต่อสู้ทั้งในฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว เป็นการต่อสู้ในท่ามกลางระเบิดน้ำตา กระสุนปืน และระเบิด M79 ที่คุกคามประชาชนและข้าราชการที่เห็นแก่บ้านเมืองอย่างอุกอาจ

การเมืองที่เต็มไปด้วยการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกันทุกโครงการ โกงกันทุกขั้นทุกตอน โกงกันทั้งโคตรตระกูล และยังตั้งวงศ์ไพบูลย์สืบทอดอำนาจทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัดได้ทำลายล้างประเทศไทยและสังคมไทยอย่างถึงราก คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมเสื่อมสูญ จนประเทศแทบสิ้นแผ่นดินสิ้นชาติและหวุดหวิดจะเป็นสงครามกลางเมือง

ในยามวิกฤติเช่นนั้น คสช. ได้เข้ามายึดอำนาจ หยุดสถานการณ์สงครามกลางเมือง หยุดสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินได้ทันท่วงที เหตุนี้การยึดอำนาจนั้นจึงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น

ใครอย่ามาขู่ว่ารัฐบาลและ คสช.จะซ้ำรอยกับยุค รสช.ซึ่งเป็นคนละเรื่อง การยึดอำนาจในยุค รสช. เป็นการยึดอำนาจเพื่อตำแหน่งและอำนาจของคณะทหารไม่กี่คน แต่การยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 นั้นเป็นการยึดอำนาจตามเจตจำนงและความต้องการของประชาชน ซึ่งประชาชนได้เรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า อ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าให้ทหารออกมาช่วยบ้านเมือง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จนกระทั่งสถานการณ์มาถึงจุดวิกฤติสูงสุด คสช. จึงก้าวออกมา

ถึงวันนี้ต้องทวนความจำกันสักหน่อยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เตือนไว้ก่อนแล้วว่าอย่าทำให้ทหารต้องออกมา ให้หาทางตกลงปรองดองกันภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย แต่ทว่าไม่มีนักการเมืองหน้าไหนสนใจรับฟัง ยังคงตั้งหน้าแสวงหาประโยชน์และอำนาจอย่างหน้ามืดตามัว

จนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องส่งสัญญาณแรงขึ้นอีกขั้นหนึ่งว่าถ้าไม่หยุดโกงบ้านกินเมือง ไม่หยุดทำร้ายบ้านเมืองแล้ว หากทหารต้องออกมาครั้งนี้ ก็ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับกรมกองเพราะต้องแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

ดังนั้นในระยะเวลา 2 ปีที่บรรยากาศขมุกขมัวด้วยการปรองดองแบบขี้ผสมข้าว ด้วยความหวังตั้งใจว่า การปรองดองนั้น

จะนำมาซึ่งความสงบสุขและการลด ละ เลิกการเห็นแก่ตัว ผลกลับตรงกันข้าม เชื้อชั่วและพิษร้ายหาได้สำนึกใดๆไม่ กลับฟูมฟักกำลังทุกชนิดจนคิดจะทำการใหญ่ในห้วงเวลาที่ผ่านมาหลายครั้ง เดชะบุญที่มีการกำราบปราบปรามและหยุดยั้งได้ทันท่วงที แม้กระทั่งห้วงวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2559 สถานการณ์ก็ยังคงอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลและ คสช. อย่างมั่นคง

ถึงวันนี้คนไทยคงจะซึ้งกับสิ่งที่เรียกว่าปรองดองแบบขี้ผสมข้าวแล้ว เชื้อชั่วและพิษร้ายพร้อมกลับมายึดบ้านครองเมืองและกระทำอนันตริยกรรมกับบ้านเมืองเหมือนเดิม มิได้ลดราวาศอกแต่ประการใด มิหนำซ้ำหน่วยงานทุกหน่วยและสื่อทุกเครือข่ายในเครือข่ายก็ขยับขับเคลื่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อโค่นล้มรัฐบาลและ คสช. ให้เร็วที่สุด

นี่ขนาดยังอยู่ในห้วงเวลาของการปฏิวัติ และอำนาจอยู่ในความควบคุมของรัฐบาล และ คสช. ยังทำการได้ถึงปานนี้ วันเวลาใดที่กองทัพกลับกรมกอง วันนั้นแล้วเชื้อชั่วพิษร้ายก็จะหวนกลับคืนมายึดบ้านยึดเมือง และครั้งนี้อย่าได้หมายว่าจะกอบกู้บ้านเมืองได้อีก

เพราะอสูรสงครามกำลังจ้องจับตาอยู่ด้วยสายตาอันมันวาบ แลบลิ้นด้วยความกระหายเลือด ซึ่งจะมีผลทำให้บ้านเมืองของเรามีชะตากรรมไม่ต่างอันใดกับประเทศซีเรีย

ดังนั้นวันนี้ประเทศไทยและคนไทยจึงมาถึงทางสองแพร่ง ว่าจะสนับสนุนให้รัฐบาลและ คสช. เดินหน้าปฏิรูปประเทศชาติให้เสร็จสิ้น หรือจะเร่งรีบเลือกตั้งตามความต้องการของนักการเมือง ซึ่งจะนำบ้านเมืองกลับไปสู่ยุค “อัปรีย์ไป จัญไรมา” โดยมิพักต้องสงสัย

ไอ้พวกขรัวทั้งหลายที่ชอบพูดคำว่าเป็นกลางนั้น ประชาชนรู้เท่าทันดอกว่าเป็นแค่วาทกรรมแบบถีบหัวเรือแป๊ะเท่านั้น และที่ชอบพูดว่าเป็นอิสระนั้นก็แค่วาทกรรมที่จะทำอะไรตามใจตนเองโดยไม่ฟังเสียงใครดังที่กำลังทำอยู่นั่นแหละ

จะกลับไปสู่ยุค “อัปรีย์ไป จัญไรมา” หรือว่าจะเดินหน้าสู่สภาพที่ “ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ก็อยู่ที่น้ำใจคนไทยทั้งปวงที่จะสามัคคีกันสนับสนุนรัฐบาลและ คสช. หรือไม่ประการใดเท่านั้น

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 20 มีนาคม 2559    
Last Update : 20 มีนาคม 2559 16:28:51 น.
Counter : 284 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.