เมื่อสหรัฐฯ จงใจ-ไทยก็จนใจ โดย เปลว สีเงิน เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 เปลว สีเงิน เขียนในนสพ.ไทยโพสต์ กล่าวถึงกลุ่มสตรีศรีสยามหรือ W Thailand รวมตัวกันประท้วงที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯหลังจากทูตกลิน เดวีส์ ออกมาเสียมารยาทหลายครั้งนับตั้งแต่วิจารณ์ ม.112 และยังผิดมารยาททางการทูตฉวยโอกาสแถลงข่าวต่อหน้า ดอน ปรมัตถ์วินัย ทั้งๆที่ไม่ได้มีอยู่ในวาระ กลุ่มสตรีศรีสยามทำหนังสือไปถึงบารัค โอบามา ให้เรียกตัวทูตสหรัฐคนนี้กลับและให้นายกลิน เดวีส์ ออกมาขอโทษคนไทยทั้งประเทศ พร้อมทั้งให้โอบามาส่งบุคลากรที่มีคุณสมบัติของนักการทูตที่ดีมาอยู่เมืองไทยแทน ดังนี้   ผู้หญิงเนี่ย....ถ้าลองปักใจทำอะไรซักเรื่องแล้ว น่ากลัวมาก! เพราะเมื่อปักใจ......... ต่อให้เอาช้างมาฉุด ก็ไม่มีวันถอย จนกว่าสิ่งที่เธอทำจะ "เห็นผล" หรือตายจากกันไปข้าง แต่เมื่อวาน (๒๓ พ.ค.๕๙) โชคดีของประเทศไทย เพราะเรื่องที่กลุ่มหญิงออกมา "ปักใจทำ" นั้น เป็นเรื่องที่ "เป็นคุณ" ต่อสถาบัน-สังคมชาติบ้านเมือง โดยตรง! "กลุ่มสตรีศรีสยาม" หรือ W Thailand นั่นไงล่ะครับ เมื่อวาน (๒๓ พ.ค.๕๙) คุณพัชรายุ โล่ชนะชัย และคุณชุมศิลป์ โสตถิปรีดาวงศ์ นำกลุ่มไปรวมตัวหน้า "สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย" ที่ถนนวิทยุ ด้วยบรรยากาศและป้ายข้อความ เพียบพร้อมเยี่ยงผู้เจริญแล้วทั้งหลาย พึงทำ เพื่อยื่น "จดหมายปิดผนึก" ผ่านเจ้าหน้าที่สถานทูตถึง "นายบารัค โอบามา" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา "ขอให้เรียกตัวนายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำไทย กลับประเทศ" ทั้งขอให้ "นายกลิน ที. เดวีส์" ออกมาขอโทษคนไทยทั้งประเทศด้วย! กรณี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อ ๑๒ พ.ค.วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายมุ่งเน้น "มาตรา ๑๑๒" ด้วยท่าทีและคำแถลง แสดงถึงความไร้มารยาททางการทูต ซ้ำไม่มีความรู้-ความเข้าใจในเอกลักษณ์หลักของประเทศไทย ซึ่งตัวแทนประเทศทั้งหลาย ไม่เคยมีใครปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน คงจำกันได้..........! เมื่อแก๊งสิทธิมนุษยชนระบอบทักษิณ ปฏิบัติการตามแผนโยกคลอนสถาบันมุ่งล้ม โดยโพสต์ข้อความจ้วงจาบ เป็นชนวนสร้างเหตุเพื่อปฏิบัติการขั้นต่อๆ ไป ชนิดเป็นขบวนการ ตำรวจ-ทหาร เสาะค้นแหล่ง "มือโพสต์" จนพบ แล้วจับกุมตัว ๕-๖ คน ขบวนการทักษิณเต้นผาง เหมือนหางโดนเหยียบ เต้นมาตั้งแต่ "หัว" คือกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ โน่น โดยยกคำว่า "สิทธิมนุษยชน" บังหน้า ออกแถลงการณ์โจมตีรัฐบาลไทยแบบก้าวร้าว ด้วยทัศนคติมุ่งร้าย ว่าการจับแก๊งโพสต์จ้วงจาบสถาบัน นั่นเป็นการ "คุกคามสิทธิเสรีภาพ" ที่เขายอมรับไม่ได้! พูดกันชัดๆ เท่ากับสหรัฐฯ บอกว่า.......... "การจ้วงจาบสถาบัน ตามนัยมาตรา ๑๑๒ เป็นสิทธิเสรีภาพ ที่ทุกคนทำได้ เขาก็สนับสนุน!?" และการจับกุม ถือเป็นการ "คุกคามสิทธิมนุษยชน" เหลืออย่างเดียวที่สหรัฐฯ ยังไม่ออกปากมาชัดๆ เท่านั้นว่า....งานล้มสถาบันไทย คือ "งานเป้าหมาย" ของสหรัฐฯ โดยตรง โดยมีคนไทยในนาม "ขบวนการทักษิณ" เป็น "ลูกมือ-ลูกตีน" ก่อการ-ก่อกวน หวังให้เกิด "ไทย สปริง" คือล้มสถาบัน ชูคราบประชาธิปไตยว่าเบ่งบานแล้ว เอาตัวคนในอุ้งตีนสหรัฐฯ ขึ้นครองอำนาจบริหาร เป็นประเทศไทยใต้ใบสั่งไอ้กัน เหมือนที่ทำมาแล้วในลาตินอเมริกา ในตะวันออกกลาง! และสดๆ ร้อนๆ ตอนนี้ ที่บราซิล........ สมคบฝ่ายค้าน โค่นล้มประธานาธิบดีหญิงซึ่งเมินสหรัฐฯ หันไปรวมกลุ่ม BRICS "บราซิล-รัสเซีย-อินเดีย-จีน-แอฟริกาใต้" โค่นสำเร็จ ก็เชิด "ทักษิณบราซิล" ขึ้นเป็นประธานาธิบดีร่างทรง! เราเป็นคนไทย เรียนรู้ตามพุทธภาษิตว่า "วันทโก ปฏิวันทนัง" ผู้ไหว้ ย่อมได้รับการไหว้ตอบ นั่นคือ "ใครดีต่อเรา-เราก็ดีตอบ" "ใครร้ายต่อเรา-เราก็ร้ายตอบ"! เราให้เกียรติและดีกับสหรัฐฯ มาตลอด แต่ปรากฏว่า นับวัน สหรัฐฯ จะเสแสร้งดี "ชนิดสอดไส้จัญไร" ต่อไทยเรา ให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น จากหลบๆ ซ่อนๆ พฤติกรรม เมื่อไม่ได้อย่างใจ ก็เผยสันดานโจ่งแจ้ง สนับสนุนกลุ่ม-แก๊ง-พรรค ที่มีแนวเจตนาโค่นล้มสถาบัน ตัวไหนอยู่ไทย หรืออยู่ประเทศไหนไม่ได้ มานี่...มาอยู่ที่สหรัฐฯ นี่ "ลูกพี่ใหญ่" รับปกป้อง-เลี้ยงดูหมดทุกคน! ขณะนี้ ไม่เพียงเปิดหน้าเล่น ถึงขั้นแก้ผ้าล่อนจ้อนเล่นแล้ว สหรัฐฯ กลายเป็น "แหล่งบัญชาการ" ขบวนการเปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบันประเทศไทยไปแล้ว ตั้งแต่ทักษิณลงไป ........ นับหัวดูซี ตอนนี้กี่ตัวแล้ว ขบวนการระบอบทักษิณ "ล้มสถาบัน-เปลี่ยนแผ่นดิน" อยู่ในแอ่งตีนไอ้กันอุปถัมภ์ วันดี-คืนดี มันอาจส่งเสริมให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่นั่นก็ได้! แต่อย่าได้หวัง...... ตราบที่ "พลเอกประยุทธ์" และทีม ยังคุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ สหรัฐฯ นั้น ถ้ารักที่จะคบกัน ก็ควรเรียนรู้พุทธภาษิต "วันทโก ปฏิวันทนัง" ดีมา-ก็ดีไป, ร้ายมา ก็ร้ายตอบ ............. ไทยไม่ใช่ประเทศป่าเถื่อน แต่ไทยรู้วิธีรับมือประเทศป่าเถื่อน ด้วยวิธีการไม่ป่าเถื่อน! คนไทยยังจำวันที่ ๑๒ พฤษภาได้ฝังใจ นายกลิน ที. เดวีส์ ทำผิดมรรยาทการทูต นำประเด็นนอกเหนือการเจรจากับรัฐมนตรีดอน ปรมัตถ์วินัย ออกมาอ่าน เจตนาประจานไทยต่อหน้ารัฐมนตรีดอนและสื่อมวลชน เป็นแถลงการณ์มีใจความ....... ว่าการที่ไทยจับกุมแก๊งระบอบทักษิณ ที่โพสต์หมิ่นสถาบัน ๕-๖ คนนั้น ถือเป็นการคุกคามสิทธิมนุษยชน สหรัฐฯ ยอมรับไม่ได้ ให้ปล่อย! ด้วยเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งเขตอำนาจรัฐเหนือแผ่นดินประเทศตัวเอง การกระทำของตัวแทนประเทศสหรัฐฯ เช่นนี้ ถือว่า ไร้การศึกษาอารยะแบบแผน ล่วงล้ำเขตแดนอำนาจของไทย บ่งบอกความหยาบกระด้าง กระเดียดป่าเถื่อนของทูต ก็สมควรและถูกต้องแล้ว ที่คุณพัชรายุ สอนมรรยาทและธรรมเนียมปฏิบัติต่อนายกลิน ที. เดวีส์ ว่า........ "ตามหลักการทูตสากลนั้น เอกอัครราชทูต เปรียบเสมือนผู้แทนประมุขของรัฐ แต่น่าเสียดาย ที่นายกลิน ที. เดวีส์ ไม่ได้ใส่ใจธรรมเนียมปฏิบัติและมารยาทอันสมควร อีกทั้งมีพฤติกรรมที่ปรากฏให้เห็น ไม่ได้วางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งกลุ่มสตรีศรีสยาม ในฐานะประชาชนของชาวไทย ขอเรียกร้องให้ท่านประธานาธิบดี เรียกตัวนายกลิน ที. เดวีส์ กลับไป และขอให้พิจารณาในการส่งบุคลากรที่มีคุณสมบัติของนักการทูตที่ดี รู้จักมารยาทอันเหมาะสม และไม่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะเรื่องการเมืองการปกครอง ซึ่งละเอียดอ่อน อาจกระทบความสัมพันธ์ต่อประเทศได้" ครับ...ผมว่าการรวมตัวเพียบพูนด้วยมรรยาท และกิริยา-ภาษา แสดงถึงผู้เจริญแล้ว ตามที่กลุ่มสตรีศรีสยามทำไปนั้น เปี่ยมสมบัติผู้ดี "สมบุคลิกภาพไทย" แล้วครับ! ต่อจากนี้ ก็อยู่ที่สหรัฐฯ และท่านทูตกลิน ที. เดวีส์ ว่าจะนำสิ่งที่คนไทยท้วงติงนี้ ไปโยนิโสมนสิการ สำนึกแห่งชั่ว-ดี แบบไหน? สั้นๆ ง่ายๆ...... แต่นี่...หัวใจคนไทย สหรัฐฯ เอาไปคิดและตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน ถ้าสหรัฐฯ ยังยืนยันว่า การจ้วงจาบ-กล่าวร้าย ต่อสถาบัน ตามมาตรา ๑๑๒ เป็นสิทธิมนุษยชน ทุกคนทำได้ แบบนั้นก็ ต่อจากนี้...."ประเทศใคร-ประเทศมัน" ไม่เสือกต่อกัน "ทุกรูปแบบ" อีกต่อไป เอางี้ ดีมั้ย...พวก? ที่มา thaitribune   Create Date : 24 พฤษภาคม 2559     Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 14:01:08 น. Counter : 237 Pageviews.   Share Tweet

7 ความจริงเรื่อง “กัญชา” กับ “มะเร็ง” เกิดเป็นประเด็นถกเถียงถึงการนำ “กัญชา” ซึ่งถือเป็นยาเสพติดให้โทษ ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาใช้ในการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งจากผลวิจัยพบว่าสามารถลดอาการปวดและคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็ง และสามารถช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ 24 พฤษภาคม 2559 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้อธิบายความจริง เรื่อง กัญชา กับ มะเร็ง ให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้        1. กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ผู้ใดจำหน่ายหรือมีไว้ครอบครองมีความผิดตามกฎหมาย        2. กัญชายังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยว่าสามารถใช้ในการรักษาโรคมะเร็งในคนได้จริงหรือไม่        3. ปัจจุบันกัญชามีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ในระดับหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่านั้น        4. ผลการวิจัยในคนยืนยันว่า กัญชาสามารถลดอาการปวดและคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่ตอบสนองต่อการให้ยาแผนปัจจุบัน        5. การเสพกัญชามีความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม มีผลต่อจิตประสาทและอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง        6. การจดสิทธิบัตรยาที่มีส่วนประกอบของกัญชาในต่างประเทศ โดยไม่ยื่นจดในไทย ไม่มีผลได้รับการคุ้มครองในไทย        7. ประเทศไทยอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้สามารถนำกัญชามาวิจัยในทางการแพทย์ได้        การแก้กฎหมายดังกล่าว คือ การที่สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้จัดทำร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีการรวบรวมกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดหลายฉบับบรรจุไว้เป็นร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับเดียว ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงการปลดล็อกให้สามารถนำกัญชามาใช้ในการวิจัยทางการแพทย์ได้ แต่ต้องจับตาดูว่าจะปลดล็อกอย่างไร ภายใต้เงื่อนไขกฎเกณฑ์อะไร เพื่อไม่ให้เป็นช่องว่างของการนำมาสู่การค้าและการเสพยาเสพติด ที่มา thaitribune   Create Date : 24 พฤษภาคม 2559     Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 13:24:21 น. Counter : 294 Pageviews.   Share Tweet

ตกใจทั้งห้าง!หนุ่มเสพยาบ้า 200 เม็ด หลอนจัดหนักซิ่งจยย.เข้าร้านไก่ทอดกลางห้าง โลกออนไลน์แชร์ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aum kunyunut ที่โพสต์รูปชายคนหนึ่งขี่ จยย.ไม่สวมเสื้อและรองเท้าซิ่งรถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน เข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าย่านมีนบุรีและมาจอดอยู่หน้าร้านเคเอฟซี ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่เดินอยู่ในห้าง   จากกรณีมีผู้โพสต์เฟซบุ๊กใช้ชื่อ Aum kunyunut (นิมิตรหนึ่งหนึ่งสอง.) ได้โพสต์รูปชายคนหนึ่งจำนวน 7 รูปพร้อมระบุว่า"เหตุชายเมายารับแจ้งดูดยาหนึ่งถุง ขี่มอไซด์ขึ้นห้างโลตัส มีนบุรี ร่มไทรรถพยาบาลคันที่6 นำตัวส่งสน.มีนบุรี พร้อมข้อความระบุว่า #ถ้าจะนางจะหิวเคเอฟซี...จุดจบของนาง" ซึ่งสร้างความตื่นตะลึง มีการแชร์และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลายในโลกออนไลน์ ความคืบหน้าเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่ห้างเทสโก้ โลตัส สาขาสุวินทวงศ์ แขวงและเขตมีนบุรี พบนางจินตนา พงษ์ดี อายุ 37 ปี พนักงานของร้าน N&B Natural Bees ซึ่งอยู่บริเวณชั้น1 ของห้าง เปิดเผยว่าเวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่ตนกำลังจัดเรียงขนมอยู่ภายในร้าน มีชายอายุประมาณ 30 ปี สวมกางเกงยีนส์ ไม่สวมเสื้อและรองเท้า ขับรถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน สีดำแดง หมายเลขทะเบียน 2กร1297 เข้ามาภายในห้าง และมาจอดอยู่หน้าร้านเคเอฟซี ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่เดินอยู่ในห้าง โดยไม่พูดอะไร มีท่าทางเหมือนคนเมายา ขณะที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปพูดคุย ชายคนดังกล่าวกลับขับรถจยย. เข้าไปในร้านเคเอฟซีและไปจอดอยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหาร ซึ่งพนักงานก็ยืนงง ไม่กล้าขยับไปไหน ก่อนชายคนดังกล่าวจะขับออกมา แล้วขับเข้าไปในห้างชั้นใน ซึ่งเป็นในส่วนของธนาคารและร้านรองเท้า เจ้าหน้าที่ รปภ. และพลเมืองดี จึงช่วยกันจับกุมแต่ชายคนดังกล่าวคลุ้มคลั่งพยายามต่อสู้ จึงถูกรุมประชาทัณฑ์และมัดมือไว้ก่อนจะลากออกไปจากห้างแล้วจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มีนบุรี ให้เข้ามานำตัวไป ด้าน ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ จอดนอก รองสว.(สอบสวน) สน.มีบุรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.มีนบุรี ทราบชื่อผู้ก่อเหตุชื่อ นายกฤษดา แน่นกระโทก อายุ 23 ปี ยังอยู่ในอาการมึนเมาให้การวกไปวนมา แต่จับใจความได้ว่า รับยาบ้าจากคนชื่อ คลองมา 200 เม็ด เพื่อนำไปขายต่อ แต่ตนเกิดมีอาการอยากยา จึงเสพเองทั้งหมดโดยเสพมาตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเที่ยงวัน หลังจากนั้นจึงคลุ้มคลั่งขับรถจยย.ไปข้างหน้าอย่างเดียว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไป รพ.นพรัตน์ราชธานี เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และตรวจหาสารเสพติดในร่างกายต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผู้ใดมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเนื่องจากไม่มีความเสียหายใดๆ ที่มา thaitribune   Create Date : 24 พฤษภาคม 2559     Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 12:37:56 น. Counter : 285 Pageviews.   Share Tweet

จับผัวเมียชาวเวียดนามผลิตน้ำส้มคั้นปลอมขายหลังมีภาพแชร์ในสังคมออนไลน์-สธ.กำชับสสจ.ทั่วประเทศเฝ้าระวั กระทรวงสาธารณสุขกำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวัง ตรวจสอบคุณภาพอาหารและเครื่องดื่ม หลังพบผู้กระทำความผิดผลิตน้ำส้มปลอมที่ จ.สระบุรี เตือนประชาชนเลือกซื้ออาหารที่มีฉลาก อย. ระบุสถานที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต เพื่อความปลอดภัย หากมีข้อสงสัย หรือพบเห็นการกระทำผิด แจ้งสายด่วนผู้บริโภค โทร 1556 ตลอด 24 ชั่วโมง จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการส่งต่อข้อมูลและภาพการผลิตน้ำส้มคั้นบรรจุขวดพลาสติกโดยเป็นภาพการทำน้ำส้มมีการใช้สายยางเติมน้ำลงในกะละมังคล้ายกะละมังซักผ้าและน้ำขวดแก้วบรรจุน้ำสีส้มเข้ม คาดว่าเป็นหัวเชื้อน้ำส้มมาเติม พร้อมข้อความว่า “ผู้ขายเป็นชาวเวียดนามจะนำไปขายตามรถเข็น กระจายทั่ว อ.มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ล่าสุด วันที่ 23 พฤษภาคม 2559 พ.ต.อ.สามารถ แก้วมณี ผกก.สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี พร้อม สาธารณสุขอำเภอมวกเหล็กและเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบบ้านเช่าเลขที่ 499 หมู่ 9 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ห้องที่ 15 พบ ชาวเวียดนามสองสามีภรรยากำลังผสมทำน้ำส้มคั้นปลอมโดยใช้น้ำส้มแท้ผสมน้ำประปาและหัวเชื้อก่อนนำมากรอกขวดขาย โดยผู้ต้องหาคือ นายบิง ฝาแทงปิง อายุ 45 ปี และ นางฝาติตั้ม อายุ 43 ปี เป็นชาวเวียดนาม สอบสวนทราบว่าทั้งคู่เคยทำงานอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา เคยเห็นว่าเจ้าของร้านได้ทำน้ำส้มขายให้ลูกค้าและร้านอาหารดังกล่าวได้ปิดร้านไปแล้วตนเองและภรรยาตกงานจึงมาเช่าบ้านอยู่ที่สระบุรีและผสมน้ำส้มดังกล่าวใส่ขวดพลาสติกแช่เย็นขาย วันละ 40-50 ขวด โดยขายในราคาขวดละ 20 บาท แต่ทำมาเพียงเดือนกว่าๆด้านเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัด สระบุรีได้เก็บน้ำส้มดังกล่าวไปตรวจวิเคราะห์หาเชื้อโรคและสิ่งปนเปื้อน พ.ต.อ.สามารถ ระบุว่า น้ำส้มมีการใส่ผลไม้แท้ส่วนหนึ่งเพียงแต่หัวเชื้อและน้ำที่นำมาผสมอาจจะไม่สะอาด ซึ่งเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาสองสามีภรรยาว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและห้ามมิให้ประกอบอาชีพต้องห้าม เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าวไว้ก่อนส่วนข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกรณีการผลิตน้ำส้มคั้นต้องรอสาธารณสุขจังหวัดตรวจสอบผลว่าถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ สธ.แจ้ง2ข้อหาผู้ผลิตน้ำส้มปลอมที่สระบุรี กำชับ สสจ.ทั่วประเทศเฝ้าระวัง นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวคลิปภาพที่มีการเผยแพร่เกี่ยวกับน้ำส้มคั้นปลอมที่ จ.สระบุรี ที่มีขั้นตอนการผลิตเป็นไปอย่างไม่ถูกสุขลักษณะนั้น สํานักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย(สสอป.)กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตน้ำส้มคั้นปลอมตามคลิปแล้ว ที่ อ.มวกเหล็ก และ อ.เมือง พบว่าสถานที่ผลิตดังกล่าว เป็นบ้านเช่าที่มีการผลิตน้ำส้มปลอม โดยใช้น้ำส้มผสมขัณฑสกรเทลงในถังขนาดใหญ่ก่อนจะเติมน้ำประปาแต่งสีและบรรจุขวดพลาสติกก่อนนําไปวางขายบนรถเข็นตามท้องตลาด นอกจากนี้ยังมีการผลิตน้ำทับทิมปลอมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีได้ดําเนินการปิดสถานที่ผลิต ยึด อายัด อุปกรณ์ในการผลิตและนําตัวผู้ผลิตทั้งหมดส่งสถานีตํารวจแล้ว นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับผู้กระทำผิดรวม 2 ข้อหา คือ 1. ไม่มีการแสดงฉลาก ฝ่าฝืนมาตรา 6 (10) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท 2.อาหารไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากผลิต บรรจุหรือเก็บรักษาไม่ถูกสุขลักษณะ ฝ่าฝืนมาตรา 25 (1) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ และได้ส่งตัวอย่างน้ำส้มคั้นบรรจุขวดที่ผู้ต้องหาผลิตไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบว่ามีการปนเปื้อนของสารอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศให้เฝ้าระวังตรวจสอบคุณภาพอาหารและเครื่องดื่ม อย่างต่อเนื่องเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค อย่างไรก็ตามฝากเตือนประชาชนให้เลือกซื้อและรับประทานอาหารที่ไว้ใจได้สะอาด มีฉลาก อย. ระบุสถานที่ผลิตวันเดือนปีที่ผลิต เพื่อความปลอดภัยหากพบเห็นมีข้อสงสัยหรือพบการกระทำผิดแจ้งสายด่วนผู้บริโภค โทร 1556 ตลอด 24 ชั่วโมง ที่มา thaitribune   Create Date : 23 พฤษภาคม 2559     Last Update : 23 พฤษภาคม 2559 22:29:32 น. Counter : 264 Pageviews.   Share Tweet

กรมการปกครอง เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ จำนวน 200 อัตรา รับสมัครตั้งแต่วันที่ 27 พฤ กรมการปกครองเปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปกครองปฏิบัติงาน จำนวน 200 อัตรา รับสมัครทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม - 17 มิถุนายน 2559   ประกาศกรมการปกครอง เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปกครองปฏิบัติงาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัครสอบ 1. ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปกครองปฏิบัติงาน พื้นที่ทั่วไป จำนวน 160 อัตรา 2. ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปกครองปฏิบัติงาน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 40 อัตรา คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง (1) เป็นผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน ในทุกสาขาวิชาและ (2) เป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไประดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ขึ้นไป ของสํานักงาน ก.พ. ภายในวันปิดรับสมัครสอบ คือในวันที่ 17 มิถุนายน 2559 การรับสมัครสอบ รับสมัครสอบทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม - 17 มิถุนายน 2559 ไม่เว้นวันหยุดราชการ ที่เว็บไซต์job2.dopa.go.th ที่มา thaitribune   Create Date : 23 พฤษภาคม 2559     Last Update : 23 พฤษภาคม 2559 21:55:01 น. Counter : 251 Pageviews.   Share Tweet

• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000
• 0000

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com