ค้นพบอาชีพเผย 30 วิทยากรอาชีพต่างๆมาให้คำแนะนำ-คุณเหมาะหรือสนใจอาชีพไหน ติดตามได้



เฟซบุ๊ก Samsung Smart Learning Center เสนอเรื่อง “ค้นพบอาชีพ”ค้นพบความพิเศษของตัวเองแล้ว อยากรู้มั้ยว่า อาชีพไหนบ้างที่ต้องการความสามารถและปัญญาเฉพาะตัวในแบบของเรา มาสำรวจอาชีพที่ใช่กับ 30 วิทยากรต่างสาขาอาชีพที่จะมาแชร์ประสบการณ์ค้บพบตัวเอง สู่เส้นทางแต่ละสาขาอาชีพ อะไรคือแรงบันดาลใจและความท้าทาย รวมถึงคุณสมบัติสำคัญที่ต้องมี และรางวัลสูงสุดของการได้อยู่ในอาชีพที่เรารัก

 

ผศ.ดร.ทพญ. ทิพนาถ วิชญาณรัตน์ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

จากความประทับใจหมอฟันในวัยเด็ก ทำให้ ทพญ. ทิพนาถ วิชญาณรัตน์ เลือกเดินสู่ เส้นทางสายทันตแพทย์อย่างแน่วแน่ สู่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และด้านทันตกรรมเด็ก ณ Boston University ในระดับปริญญาโท ถึงวันนี้ มากกว่า 10 ปีแล้ว ที่เธอยังคงสนุกกับชีวิตทันตแพทย์ในทุกๆวัน เพราะขอบเขตของงานทันตแพทย์ไม่เพียงแค่ดูแลรักษาฟันเท่านั้น แต่คือการทำงานที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ ทั้งเรื่องการบำรุงรักษา และจัดแต่งความสวยงามในช่องปากหลากหลายรูปแบบ

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ทั้ง 30 อาชีพที่มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ได้รับฟังคลิกไปดูได้ที่

//www.samsungslc.org/scd/career-exploration/?careerid=70

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 เมษายน 2559    
Last Update : 5 เมษายน 2559 15:44:25 น.
Counter : 605 Pageviews.  

Asian Intelligence สำรวจพบประเทศไทยยุคปัจจุบันฉ้อโกงน้อยกว่าสมัยยิ่งลักษณ์-ทักษิณบริหารประเทศ



นิตยสารสำนักข่าวกรองเอเชียสำรวจพบประเทศไทยได้คะแนนน้อยกว่าปีที่ผ่านมาแต่ทว่าการคอร์รัปชั่นลดลงน้อยกว่าสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศ ด้านออสเตรเลียและสหรัฐก็ระบุว่าย่ำแย่ลงกว่าปี 2015

 

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2016 นิตยสารข่าวกรองเอเชีย (Asian Intelligence) รายปักษ์ฉบับปัจจุบันได้รายงานผลสำรวจเกี่ยวกับนักธุรกิจและนักการเมืองในประเทศเอเชียว่าด้วยการคอร์รัปชั่นในเอเชีย  โดยพบว่าประเทศไทยได้ 7.67 คะแนนหรือแย่กว่าสิงคโปร์,มาเลเซียและฟิลิปปินส์ แต่ก็ดีกว่าประเทศกัมพูชา,เวียดนามและอินโดนีเชีย

ทั้งนี้คะแนนของประเทศไทยด้านการคอร์รัปชั่นมีดังนี้ปี 2016 ได้ 7.67 , ปี 2015 ได้ 6.88 , ปี 2014 ได้ 8.25 ,ปี 2013 ได้ 6.83 และปี 2012 ได้ 6.57

การจัดคะแนนกระทำจากศูนย์ 0 ถึง 10 การได้ 0 คะแนนถือว่าดีเลิศปราศจากการคอร์รัปชั่น ส่วนแย่ที่สุดคือ 10  

การสำรวจครั้งนี้ข่าวกรองเอเชียระบุว่ากระทำกับ 16 ประเทศในเอเชียรวมทั้งออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาด้วย พบว่าสิงคโปร์มาอันดับ 1 ด้วยคะแนน 1.67 ส่วนอินเดียแย่ที่สุดได้ 8.13

คำถามของการสำรวจอาทิเช่น“คุณจัดเกรด (ให้คะแนน)ปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างไร ในประเทศที่คุณกำลังทำงานอยู่”(How do you grade the problem of corruption in the country in which you are working?)

วิธีการสำรวจมีผู้ตอบ 1,742 ราย ในแต่ละประเทศมีการสัมภาษณ์โดยตรงประเทศละ 100 คน,ทำโพลกับตัวแทนของแต่ละประเทศในเอเชีย,ส่งอีเมลไปถึงตัวโดยเฉพาะกับสมาชิกสภาหอการค้าของแต่ละประเทศ 

ทั้งคนต่างชาติที่ทำงานในประเทศนั้นๆรวมทั้งคนในประเทศ เมื่อสำรวจแล้วพบว่า 11 ใน 16 ประเทศยอมรับว่าการคอร์รัปชั่นย่ำแย่กว่าปี 2015 ส่วน 4 ประเทศดีขึ้นและอีก 1 ประเทศคงที่หรือไม่เปลี่ยนแปลง

ทั้งประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาผลการสำรวจพบว่าการคอร์รัปชั่นแย่กว่าปี 2015 ,พบ  9 ประเทศเอเชียแย่ลง,ประเทศหนึ่งคงที่และอีก 4 ประเทศดีขึ้น

นิตยสาร Asian Intelligence รายงานด้วยความเชื่อมั่นในประเทศไทยหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2014 ว่าสามารถรับมือกับคอร์รัปชั่นได้ดีกว่าเพราะรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายใหม่ๆออกมาปราบปรามการคอร์รัปชั่นและเข้าไปเขย่าหลายโครงการ  แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะบอกได้เต็มปากว่าสงครามปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลชุดปัจจุบันประสบผลสำเร็จไปแล้ว เพราะทั้งการยื่นฟ้องและนำคนเข้าคุกได้ยังน้อยอยู่  

อย่างไรก็ตามนิตยสารสรุปว่า ปัจจุบันปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศไทยลดน้อยลงภายใต้รัฐบาลทหารเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 เมษายน 2559    
Last Update : 5 เมษายน 2559 15:35:50 น.
Counter : 216 Pageviews.  

เหมืองทองคำ : นรกสำหรับประชาชน โดย วสิษฐ เดชกุญชร



ประเทศไทยของเราทั้งประเทศอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด เช่น ถ่านหิน ลิกไนต์ พลวง เหล็ก สังกะสี โปแตช ทองแดง และทองคำ

 

บริษัทต่างประเทศหลายประเทศได้สัมปทานและเข้ามาประกอบอุตสาหกรรมเหมืองแร่อยู่ในเมืองไทยเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่ข้อเท็จจริงที่ไม่ค่อยรู้กันกว้างขวางนักก็คือ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่ทำกันอยู่นั้นแทบทุกชนิดเป็นภัยอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและต่อสุขภาพอนามัยของคนไทย ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเหมืองแร่ 

ตั้งแต่ปี 2549 บริษัท อัคราไมนิ่งและบริษัทอื่นอีก 2 บริษัทได้รับ อาชญาบัตรพิเศษให้สำรวจแร่ทองคำและเงินในเขตจังหวัดพิจิตร เพชร บูรณ์ และพิษณุโลกในเนื้อที่หลายพันไร่ การสำรวจทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติ เหือดแห้ง ชาวบ้านขาดน้ำสำหรับใช้ทำเกษตรกรรม ชาวบ้านต้องซื้อน้ำดื่ม  น้ำใช้ ร้ายยิ่งกว่านั้น การสำรวจทำให้เกิดมลพิษทางฝุ่นและเสียงและจาก แรงสั่นสะเทือนของการระเบิดหิน สารพิษจากสารหนู ไซยาไนด์ และแมงกานิสที่บริษัทใช้ในการแยกทองคำออกจากแร่ชนิดอื่น ปนเปื้อนลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ทำให้ชาวบ้านเจ็บป่วย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ตรวจเลือด และปัสสาวะของชาวบ้านตำบลท้ายเหมือง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเหมืองแร่ และพบว่ามีสารหนูสูงเกินค่ามาตรฐาน และผลการตรวจสมาชิกในครอบครัวก็ปรากฏว่าเป็นเช่นเดียวกันทั้งหมด ชาวบ้าน ใน 3 จังหวัดมีอาการเจ็บป่วยมากกว่า 600 คน

ในปี พ.ศ.2557 ประชาชนอำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตรที่ได้รับความกระทบกระเทือนจากการทำเหมืองแร่ได้ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง  กับบริษัทอัคราไมนิ่งจำกัด หรือบริษัทอัครา รีซอร์สเซสจำกัด (ชื่อใหม่)  ต่อศาลปกครองพิษณุโลกใน ข้อหาละเลยต่อหน้าที่ ปล่อยให้บริษัทสร้างบ่อทิ้งเก็บกากแร่และประกอบโลหกรรมส่วนย่อยโดยไม่ชอบหรือไม่ได้รับอนุญาตจากราชการ ออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยไม่ดูแลทางสาธารณประโยชน์ และศาลปกครองได้มีคำพิพากษาให้ทางราชการและบริษัทแก้ไขเปลี่ยนแปลงการทำเหมืองแร่ให้เป็นไปตามฟ้องของประชาชน แต่คำพิพากษาของศาลก็มีผลเพียงชะลองานของบริษัทไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น มิหนำซ้ำบริษัทยังฟ้องผู้ประท้วงฐานหมิ่นประมาทเสียด้วย

เหมืองทองในต่างประเทศเคยสำแดงพิษร้ายแรงของมันมาแล้ว กรณี ตัวอย่างเกิดขึ้นในปี 2543 ในเมืองบาจามาเร (Baja Mare) ประเทศโรมาเนีย เมื่อบ่อกากไซยาไนด์จากเหมืองทองคำรั่วแตกทำให้ไซยาไนด์และโลหะหนักไหลลงสู่ชุมชนและแม่น้ำทิซา (Tiza) ซึ่งไหลผ่านโรมาเนียและฮังการี ทำให้ประชาชนจำนวนมากป่วยและเสียชีวิต ที่สำคัญคือสิ่งมีชีวิตในน้ำ คือ กุ้ง หอย ปู ปลา และแม้กระทั่งแบคทีเรียตายลงเป็นจำนวนล้านตัว แม้แต่นกที่กินน้ำในแม่น้ำก็ตายด้วย

แม่น้ำทิซากลายเป็นแม่น้ำที่ปราศจากสิ่งมีชีวิตอย่างสิ้นเชิง ต้องใช้เวลากว่าสิบปีจึงฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพเดิมได้

ขณะที่เขียนเรื่องนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังพิจารณาคำร้องของบริษัทอัคราไมนิ่ง ที่ขอต่ออายุใบอนุญาตการประกอบโรงงานโลหะอุตสาหกรรม (ทองคำ) และเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศและเครือข่ายภาคประชาชนอื่นๆได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการต่ออายุใบอนุญาตนั้น เนื่องจากที่แล้วมา บริษัทเอกชนผู้ได้รับสัมปทานไม่ได้แก้ไขและป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด 
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ อนามัย เรื่องมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องการทำลายวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ถ้าหากรัฐบาลเห็นแก่ประโยชน์ที่ได้จากการอนุมัติให้บริษัททำเหมืองแร่ในประเทศไทย ก็น่าวิตกว่าในไม่ช้าเหมืองแร่เหล่านั้นจะแสดงพิษร้าย เช่นเดียวกับที่เคยแสดงมาแล้วในต่างประเทศ และเหมืองทองคำกับเหมืองแร่ชนิดอื่นจะกลายเป็นนรกสำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย และเป็นภาระอัน หนักหนาสาหัสสำหรับรัฐบาลเองในที่สุด.

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 เมษายน 2559    
Last Update : 5 เมษายน 2559 14:24:15 น.
Counter : 287 Pageviews.  

พลเอกประยุทธ์ใช้ม.44 เพิ่มอำนาจ กอ.รมน.ตั้งคณะกรรมการบริหารที่ปรึกษาจชต. 60 คนทำหน้าที่แทนสภาที่ปรึก



เมื่อวันที่ 4 เมษายน ราชกิจจานุเบกษาได้ตีพิมพ์ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๔/๒๕๕๙ เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกําหนดอํานาจหน้าที่ของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

 

โดยที่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า องค์ประกอบและอํานาจหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาการบริหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ ยังไม่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบัน อันเป็นสาเหตุสําคัญ ประการหนึ่งที่ทําให้กฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่อาจใช้บังคับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงจําเป็นต้องกําหนดให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น เพื่อทําหน้าที่แทนสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้

อีกทั้งในการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้จําเป็นต้องมีการประสานการทํางานร่วมกันกับ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอํานาจหน้าที่และรับผิดชอบ เกี่ยวกับการติดตาม ตรวจสอบ ประเมิน และอํานวยการในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงสมควรเพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อบูรณาการ การบริหาร การพัฒนา และการรักษาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาและปฏิรูปการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการบริหารราชการแผ่นดิน

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้คณะหนึ่ง ประกอบด้วยกรรมการจํานวนไม่เกินหกสิบคนซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญ หรือมีผลงานเป็นที่ยอมรับในด้านการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์แก่การบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังต่อไปนี้

(๑) ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยการพิจารณาร่วมกันของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จํานวนไม่เกินสี่สิบห้าคน

(๒) ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จังหวัดละไม่เกนสองคน

(๓) ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจํานวนไม่เกินห้าคน

ให้กรรมการตามวรรคหนึ่งเลือกกันเองเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หนึ่งคน รองประธานกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้สองคน และเลขานุการกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หนึ่งคน

ข้อ ๒ กรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีวาระการดํารง ตําแหน่งคราวละสองปี ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ เข้ารับหน้าที่

ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตําแหน่งด้วยเหตุตาย ลาออก หรือนายกรัฐมนตรีให้ออก ให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ และให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการแทนตําแหน่งที่ว่างตามที่เห็นสมควร โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งแทนอยู่ในตําแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน

ข้อ ๓ ให้งดใช้บังคับบทบัญญัติมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ (๑) (๓) (๕) (๖) (๗) และ (๙) มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติ การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

และให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นผู้ใช้อํานาจหน้าที่แทนสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมาตรา ๒๓ (๒) (๔) และ (๘) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓

ข้อ ๔ ให้งดใช้บังคับบรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรีใด ในส่วนที่อ้างถึงสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในกรณีที่ต้องมีการบูรณาการ การทํางานร่วมกันระหว่างกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เลขาธิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ปรึกษาหารือและรับข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของเลขาธิการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรไปดําเนินการหรือปฏิบัติงาน ในกรณีที่มีปัญหาว่าการดําเนินการหรือการปฏิบัติงานใดต้องมีการบูรณาการการทํางานร่วมกัน ตามวรรคหนึ่งหรือไม่ หรือในกรณีที่การดําเนินการตามวรรคหนึ่งมีความจําเป็นต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อยุติ ให้เลขาธิการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เสนอเรื่องดังกล่าวต่อรองผู้อํานวยการ

รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสั่งการ

ข้อ ๖ ในกรณีที่เกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมีอํานาจหน้าที่ในการอํานวยการประสานงาน หรือดําเนินการอื่นที่จําเป็นเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานหรือองค์กรที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้วย

ข้อ ๗ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 เมษายน 2559    
Last Update : 5 เมษายน 2559 14:17:52 น.
Counter : 272 Pageviews.  

พลทหารฯถูกลงโทษถึงตายซ้ำรอยปีที่แล้วโฆษกทบ. เผยกองทัพฯเสียใจเอาผิด 6 ทหารเกี่ยวข้องพร้อมเยียวยาญาติ



กองทัพบกเผยกองทัพเสียใจพลทหารใต้ถูกลงโทษจนเสียชีวิต เอาผิด 6 ทหารเกี่ยวข้อง พร้อมเยียวยาญาติ เผยเกิดเรื่องซ้ำซ้อนปี2558 พลทหารระดับปริญญาโทธรรมศาสตร์ก็ถูกซ้อมตาย

 

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของพลทหาร ทรงธรรม หมุดหมัด สังกัด ร.152 พัน.1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยพบสาเหตุมาจากถูกทำโทษปรับปรุงวินัย เนื่องจากได้กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด ทั้งนี้กองทัพบกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้สูญเสีย

พ.อ.วินธัยเปิดเผยว่าที่ผ่านมา กองทัพบกได้มีการเน้นย้ำไปกับหน่วยทุกระดับมาตลอด ต่อการดำเนินการใดๆ กับผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการเท่านั้น ใครฝ่าฝืนจะต้องมีโทษสถานหนัก

โฆษกทบ.กล่าวอีกว่ากรณีพลทหาร ทรงธรรม หมุดหมัด ทางทบ.ยืนยันจะไม่ปกป้องกำลังพลที่กระทำความผิด ซึ่งทางหน่วยต้นสังกัด พล.ร.15 มีการตั้งกรรมการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องในทันที โดยผลสรุปพบว่า มีกำลังพลกระทำผิดจริง เป็นกำลังพลทั้งนายทหารและนายสิบ รวม 6 นาย ด้วยการทำโทษปรับปรุงวินัยกำลังพลไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับตามแบบธรรมเนียมทหาร ขณะนี้ทางหน่วยอยู่ในระหว่างการดำเนินการทางวินัย เพื่อลงโทษกำลังพลที่กระทำความผิดทั้ง 6 นายตามอำนาจที่มีอยู่ขั้นสูงสุด

ส่วนการดูแลเยียวยาญาติ ทางหน่วยต้นสังกัดได้มีการเตรียมการไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ในระหว่างประสานกับทางญาติของ พลทหาร ทรงธรรม 

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากญาติของ พลทหารทรงธรรม หมุดหมัด อายุ 23 ปี ซึ่งถูกทำโทษเนื่องจากทำความผิดทางวินัย จนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และส่งตัวมายังโรงพยาบาลยะลา เมื่อวันที่ 2 เมษายน โดยพลทหารทรงธรรม ไม่รู้สึกตัวและเข้ารับการรักษาที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลยะลา จนล่าสุด เช้านี้วันที่ 4 เมษายนแพทย์ได้แจ้งให้แก่ญาติรับทราบว่า พลทหารทรงธรรม หมุดหมัด เสียชีวิตลงแล้ว

บรรยากาศที่บริเวณหน้าห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ยะลา มีญาติของพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด จำนวนหนึ่งได้เฝ้ารอเพื่อนำศพของพลทหารทรงธรรม กลับไปยังบ้านเกิดที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยผู้เป็นแม่และญาติได้โทรศัพท์แจ้งไปยังพ่อของ พลทหารทรงธรรมให้มาดูหน้าของบุตรชายเป็นครั้งสุดท้าย

จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกองพันและนายทหารติดตามจำนวนหนึ่งเดินทางมาพบกับญาติของ พลทหารทรงธรรม โดยได้พูดคุยและปลอบใจพร้อมทั้งยินยอมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทางครอบครัวสบายใจ และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

พ.ท.สมคิด คงแข็ง ผู้บังคับการ ร.152 พัน 1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เดินทางมาพบกับญาติของพลทหารทรงธรรม ในครั้งนี้ด้วย เปิดเผยให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวโดยไม่ถือเป็นการสัมภาษณ์ว่า ทางหน่วยและกองพลต้นสังกัดรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และเมื่อวานนี้ได้มีการเชิญญาติของพลทหารทรงธรรม ไปร่วมพูดคุยเจรจา พร้อมกับรับฟังการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์

นอกจากนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่ร่วมเหตุการณ์ทั้งหมดจำนวน 6 นาย ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และทางหน่วยต้นสังกัดพร้อมด้วยกองพันจะให้ความเป็นธรรมต่อญาติให้ผู้เสียหาย นอกจากนี้จะรับผิดชอบในทุกกรณีให้แก่ญาติในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน ญาติของพลทหารทรงธรรม ยังบอกต่อผู้สื่อข่าวว่า ยังมีเพื่อนพลทหารอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ พลทหารฉัตรภิศุทธิ์ ชุมพันธ์ ได้ถูกลงโทษจนได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี เป็นเพื่อนพลทหารทรงธรรมที่ถูกทำโทษในช่วงเวลาเดียวกัน

ความเป็นมาของข่าว

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2559 มีรายงานจากจังหวัดยะลาว่าโรงพยาบาลศูนย์ยะลาได้รับตัวผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกซ้อมทรมานเข้ารับรักษาตัวที่ตึกไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ยะลา หลังทราบข่าวผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงทราบว่า มีผู้ถูกซ้อมทรมานมาเข้ารับการรักษาตัวจริง ทราบชื่อคือ พลทหารทรงธรรม หมุดหมัด อายุ 23 ปี สังกัดค่ายพยัคฆ์ ร.152 พัน 1 อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยผู้บาดเจ็บกำลังรักษาตัวอยู่ภายในห้องไอซียู แพทย์ตรวจสอบอาการและสภาพร่างกาย ขณะที่มีนายทหาร 2 นาย เฝ้าอยู่บริเวณหน้าห้อง

ขณะเดียวกันมีแม่ของพลทหารทรงธรรมและลุงมาเฝ้าดูอาการอยู่เช่นกัน เมื่อสอบถามผู้เป็นแม่ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า บุตรชายซึ่งเป็นพลทหารถูกทำโทษจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวมารักษา เมื่อทราบข่าวตน (ผู้เป็นแม่) จึงได้เดินทางพร้อมด้วยญาติมาจาก อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เพื่อมาดูอาการ และได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่

ในขั้นต้นนั้น สภาพร่างกายของลูกชายบอบช้ำจากการถูกทำร้าย เชื่อว่ามีการใช้ไม้ตี และถูกรุมทำร้าย เนื่องจากมีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง และแพทย์ยังบอกอีกว่ามีเลือดออกในสมอง ไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ถูกทำร้ายก็ทราบว่า พลทหารทรงธรรม ทำผิดวินัยทหารจึงถูกลงโทษ แต่ทางผู้เป็นแม่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นการลงโทษ คาดว่าจะมีการรุมซ้อมและทำร้ายบุตรชาย โดย พลทหารธรรม หมุดหมัดนั้นได้ทำการฝึกเสร็จสิ้นและส่งตัวมาปฏิบัติราชการภาคสนามฃสังกัด ร.152 พัน 1 ค่ายพยัคฆ์ ตั้งอยู่ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขณะนี้ทางญาติทำได้เพียงรอดูอาการอย่างใกล้ชิด

ชมทีวีสปริงนิวส์อังคาร 27 ต.ค. เวลา 21 น.“ซ้อมทหารใหม่จนตาย”ทหาร 10 นายถูก

ฟ้องอาญ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 เมษายน 2559    
Last Update : 5 เมษายน 2559 12:19:15 น.
Counter : 252 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.