พลเอกประยุทธ์ใช้ม.44 เพิ่มอำนาจ กอ.รมน.ตั้งคณะกรรมการบริหารที่ปรึกษาจชต. 60 คนทำหน้าที่แทนสภาที่ปรึก
เมื่อวันที่ 4 เมษายน ราชกิจจานุเบกษาได้ตีพิมพ์ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๔/๒๕๕๙ เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกําหนดอํานาจหน้าที่ของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยที่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า องค์ประกอบและอํานาจหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ ยังไม่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบัน อันเป็นสาเหตุสําคัญ ประการหนึ่งที่ทําให้กฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่อาจใช้บังคับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงจําเป็นต้องกําหนดให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น เพื่อทําหน้าที่แทนสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งในการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้จําเป็นต้องมีการประสานการทํางานร่วมกันกับ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอํานาจหน้าที่และรับผิดชอบ เกี่ยวกับการติดตาม ตรวจสอบ ประเมิน และอํานวยการในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงสมควรเพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อบูรณาการ การบริหาร การพัฒนา และการรักษาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาและปฏิรูปการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้คณะหนึ่ง ประกอบด้วยกรรมการจํานวนไม่เกินหกสิบคนซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญ หรือมีผลงานเป็นที่ยอมรับในด้านการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์แก่การบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยการพิจารณาร่วมกันของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จํานวนไม่เกินสี่สิบห้าคน (๒) ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จังหวัดละไม่เกินสองคน (๓) ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจํานวนไม่เกินห้าคน ให้กรรมการตามวรรคหนึ่งเลือกกันเองเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หนึ่งคน รองประธานกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้สองคน และเลขานุการกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หนึ่งคน ข้อ ๒ กรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีวาระการดํารง ตําแหน่งคราวละสองปี ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ เข้ารับหน้าที่ ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตําแหน่งด้วยเหตุตาย ลาออก หรือนายกรัฐมนตรีให้ออก ให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ และให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการแทนตําแหน่งที่ว่างตามที่เห็นสมควร โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งแทนอยู่ในตําแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน ข้อ ๓ ให้งดใช้บังคับบทบัญญัติมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ (๑) (๓) (๕) (๖) (๗) และ (๙) มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติ การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น และให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นผู้ใช้อํานาจหน้าที่แทนสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมาตรา ๒๓ (๒) (๔) และ (๘) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๔ ให้งดใช้บังคับบรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรีใด ในส่วนที่อ้างถึงสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในกรณีที่ต้องมีการบูรณาการ การทํางานร่วมกันระหว่างกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เลขาธิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ปรึกษาหารือและรับข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของเลขาธิการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรไปดําเนินการหรือปฏิบัติงาน ในกรณีที่มีปัญหาว่าการดําเนินการหรือการปฏิบัติงานใดต้องมีการบูรณาการการทํางานร่วมกัน ตามวรรคหนึ่งหรือไม่ หรือในกรณีที่การดําเนินการตามวรรคหนึ่งมีความจําเป็นต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อยุติ ให้เลขาธิการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เสนอเรื่องดังกล่าวต่อรองผู้อํานวยการ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสั่งการ ข้อ ๖ ในกรณีที่เกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมีอํานาจหน้าที่ในการอํานวยการประสานงาน หรือดําเนินการอื่นที่จําเป็นเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานหรือองค์กรที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้วย ข้อ ๗ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มา thaitribune
Create Date : 05 เมษายน 2559 | | |
Last Update : 5 เมษายน 2559 14:17:52 น. |
Counter : 272 Pageviews. |
| |
|
|
|