อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าการทางพิเศษฯแพ้คดีพิพาทค่าทางด่วน โดย ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์



วันที่ 24 พฤษภาคม 2559 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วิเคราะห์ 'อะไรจะเกิดขึ้นถ้า กทพ.แพ้คดีพิพาทค่าทางด่วน'

ทางด่วนเป็นทางเลือกหนึ่งของการเดินทาง และเป็นหนทางหนึ่งในการบรรเทาการจราจรติดขัด แม้ว่าทางด่วนทำหน้าที่ “ขนรถ” มากกว่า “ขนคน” แต่ถ้าในเวลานี้กรุงเทพฯ ไม่มีทางด่วน รถจะติดวินาศสันตะโร!

การก่อสร้างทางด่วนต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลต้องหาเอกชนมาร่วมก่อสร้างและบริหารทางด่วนบางส่วน โดยมีสัญญาสัมปทานเป็นข้อผูกพัน สัญญานี้ได้กำหนดอัตราค่าผ่านทางและหลักเกณฑ์การปรับค่าผ่านทางเป็นเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งไว้ แต่การปรับค่าผ่านทางไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทางด่วนจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่มีการขอปรับค่าผ่านทางจะมีข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลทางด่วนกับผู้รับสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 คือบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเวลานี้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม

สัญญาสัมปทานมีการกำหนดให้ปรับอัตราค่าผ่านทางทุกๆ 5 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค ทางด่วนขั้นที่2 เริ่มเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2536 บีอีเอ็มจึงเสนอขอปรับค่าผ่านทางในปี 2541, 2546, 2551 และ 2556 ปรากฏว่าทุกครั้งที่มีการขอปรับค่าผ่านทางจะมีปัญหาการคำนวณอัตราค่าผ่านทางที่จะต้องเพิ่มขึ้น เนื่องจากการสรุปผลการคำนวณของบีอีเอ็มและกทพ. ต่างกัน ทั้งๆ ที่ใช้สูตรการคำนวณเหมือนกัน กล่าวคือ หากสมมติว่าผลการคำนวณออกมาว่าจะต้องปรับค่าผ่านทาง 5.30 บาท บีอีเอ็มจะปัดขึ้นเป็น 10 บาท แต่กทพ.จะปัดลงเป็น 5 บาท ปรากฏว่าตั้งแต่มีการปรับค่าผ่านทางเมื่อปี 2541 เป็นต้นมา มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ได้ข้อยุติแล้วคือเมื่อครั้งปี 2541 ส่วนครั้งที่เหลือคือปี 2546, 2551 และ 2556 ยังคงเป็นปัญหาคาราคาซังอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ผู้ใช้ทางด่วนส่วนมากคงไม่ทราบว่าค่าทางด่วนที่ตนจ่ายอยู่ทุกวันนี้เป็นราคาที่ถูกกว่าราคาที่บีอีเอ็มต้องการ

ด้วยเหตุนี้ บีอีเอ็มจึงร้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการขอให้วินิจฉัยให้กทพ.ชำระเงินชดเชยรายได้ที่บีอีเอ็มควรจะได้รับหากมีการปรับค่าผ่านทางตามที่บีอีเอ็มร้องขอ ปรากฏว่าในกรณีของปี 2546 คณะอนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยให้กทพ.ชำระเงินชดเชยรวมทั้งดอกเบี้ยเป็นจำนวนกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งต่อมาคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (บอร์ดกทพ.) ก็ได้มีมติเห็นชอบตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งหากใช้การวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการในกรณีการขอปรับค่าผ่านทางเป็นบรรทัดฐานสำหรับกรณีของปี 2551 และ 2556 ด้วยแล้ว จะทำให้กทพ.ต้องชำระเงินชดเชยให้บีอีเอ็มเป็นจำนวนประมาณ 30,000 ล้านบาท

เพื่อเป็นการไม่ให้กทพ.ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินก้อนโต จึงมีข่าวว่าบีอีเอ็มเสนอให้ต่อสัญญาสัมปทานออกไปอีก 9 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2563 เป็นปี 2572 แต่การต่อสัญญาให้บีอีเอ็มอีก 9 ปีนั้น หากคำนวณตามปริมาณรถบนทางด่วนที่จะเพิ่มขึ้น จะทำให้บีอีเอ็มได้รับเงินจากค่าทางด่วนมากกว่าค่าชดเชยที่กทพ.จะต้องชำระถึงประมาณ 20,000 ล้านบาท นั่นคือจะได้รับถึงประมาณ 50,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีความเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ขอให้บอร์ดกทพ.ทบทวนมติที่ให้กทพ.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดย สร.กทพ.ขอให้นำคดีพิพาทสู่ศาลปกครอง ดังนั้น เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 บอร์ดกทพ.จึงได้มีการประชุมเรื่องนี้เป็นการด่วน ปรากฏว่าได้ผลตามที่สร.กทพ.เรียกร้อง นั่นคือส่งคดีนี้ให้ศาลปกครองวินิจฉัย

ทั้งหมดนี้จึงต้องติดตามกันอย่างไม่กะพริบตาว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากศาลปกครองตัดสินให้กทพ.แพ้คดีนี้ กทพ.เลือกที่จะชำระเงินชดเชยหรือจะต่อสัญญาให้บีอีเอ็ม

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 19:39:55 น.
Counter : 281 Pageviews.  

สุดประทับใจ! หญิงไทยคนแรก 'หมออีม' อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์จุดสูงสุดของโล



ชื่นชมทันตแพทย์หญิง นภัสพร ชำนาญสิทธิ์ หรือหมออีม ผู้หญิงไทยคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดในโลก ความสูง 8,850 เมตร เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 เมื่อเวลา 09:45 น. ตามเวลาเนปาล

 

เมื่อเวลา 11.11 น. วันที่ 19 พ.ค.2559 เฟซบุ๊กแฟนเพจ Thai Everest 2016 ได้โพสต์ข้อความที่เป็นข่าวดีของคนไทยระบุว่า หมออีม ทันตแพทย์หญิง นภัสพร ชำนาญสิทธิ์ สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกความสูง 8,850 เมตร ได้สำเร็จแล้ว เมื่อเวลา 09:45 น. ตามเวลาเนปาล หรือประมาณ 11.00 น.ตามเวลาในไทย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ Thai Everest 2016 ก็ได้ออกมาอัพเดตความเคลื่อนไหวอีกครั้ง เป็นภาพหมออีมอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยระบุข้อความว่า

"ทั้งที่ก็รู้และดีใจร่วมกันมาหลายวันแล้วว่าหมออีมซัมมิตสำเร็จ แต่พอเห็นรูปจริงๆ ในนาทีซัมมิตแล้ว แอดมินก็อดตื้นตั้นและปลาบปลื้มจนเก็บอาการไม่อยู่อยู่ดี หมออีมรักในหลวงมาก และบอกกับคนใกล้ชิดเสมอว่า อีมจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านไปยอดเขาเอเวอเรสต์ด้วย เป็นอีกครั้งที่พ่อหลวงของชาวไทย ปรากฏบนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ครับ

ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
พวกข้าพระพุทธเจ้า คณะทำงาน Thai Everest 2016 
นายคมรัฐ พิชิตเดช และ ทันตแพทย์หญิง นภัสพร ชำนาญสิทธิ์”

ทญ.นภัสพร เป็นชาว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปัจจุบันเป็นทันตแพทย์ประจำโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เธอเคยเขียนเล่าถึงที่มาของความฝันในการปีนเขาเอเวอเรสต์ว่า เริ่มจากการติดตามข่าวคนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จในปี 2551 ทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจและมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์นับแต่นั้นมา

สำหรับการปีนพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ครั้งนี้ หมออีม ได้ออกเดินทางและเก็บตัว ตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยเดินทางมาพร้อมกับ คุณคมรัฐ พิชิตเดช หรือ ป๋าคมรัฐ นักเดินป่าชื่อดังของไทย แต่ในช่วงโค้งสุดท้าย ป๋าคมรัฐ ได้ขอถอนตัวไป เนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนล้า ทำให้ หมออีมและทีมเชอร์ปา 2 คน ค่อยๆ ปีนเขาขึ้นไปจนถึงส่วนยอด 8,850 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ความฝันของเธอสำเร็จได้ในที่สุด

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 18:50:57 น.
Counter : 316 Pageviews.  

ทยา ทีปสุวรรณ สวน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ทหารคงไม่อยากได้อำนาจถ้ารัฐบาลของท่านไม่โกงชาติ...มาตรา 112 คง



ทยา ทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ,สมาชิกพรรคปชป. ,ผู้จัดการโรงเรียนศรีวิกรม์และอดีตกปปส. ได้เขียนลงในเฟซบุ๊กของตัวเองเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 กรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เขียนลงในเฟซบุ๊กกรณีคสช.ทำรัฐประหารหรือยึดอำนาจครบ 2 ปี นับเป็นเรื่องที่ “ผู้หญิง”ด้วยกันออกมาใช้เหตุผลกัน ย่อมมีสีสันทีเดียว เราให้น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงทรรศนะก่อน เธอเขียนไว้ว่า...

 

วันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปีรัฐประหาร ที่รัฐบาลดิฉันถูกยึดอำนาจไป

แต่แท้จริงแล้ว อำนาจ สิทธิและเสรีภาพคือของประชาชนต่างหากที่ถูกลิดรอน โดยใช้เหตุผลว่า รัฐบาลของดิฉันทำงานไม่ได้ จึงเข้ามายึดอำนาจ เพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดอง สร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่ายและเพื่อต้องการปฏิรูปประเทศ

ดิฉันก็คงได้แต่หวังว่า คสช. คงจะไม่ลืมสัญญา และขอฝากคำถามว่า ความสามัคคีปรองดอง สร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย ได้เกิดขึ้นในทิศทางที่ถูกต้องหรือเปล่า รวมทั้ง เร่งรัดในการปฏิรูปไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตามโรดแมปที่ได้สัญญาไว้

เพราะวันนี้ประชาชนกำลังจะเผชิญกับความยากลำบาก จากปัญหาปากท้อง ความยากจน รวมถึงปัญหา สังคม ยาเสพติดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

จึงอยากให้เร่งคืนความสุข ที่เป็นการคืนอำนาจ สิทธิ อิสรภาพ และ เสรีภาพ รวมทั้งการแก้ไขความขัดแย้งแทนการคืนความสุขบนความอึดอัดด้วยการกดไว้เพราะจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่มากกว่า เพื่อให้ประชาชนนั้นได้มีโอกาสเลือกหนทางชีวิต ด้วยตัวของเขาเอง นั่นคือหนทางออกที่ดีที่สุด

ก็จะทำให้สองปีที่ผ่านมานั้น... เป็นสองปีที่ไม่สูญเปล่า

ซึ่งดิฉันอยากจะคิด และหวังให้เป็นอย่างนั้นค่ะ

จากนั้น ทยา ทีปสุวรรณ ก็แสดงทรรศนะตอบ

ขอตอบคุณยิ่งลักษณ์ง่ายๆดังนี้

ทหารคงไม่อยากได้อำนาจถ้ารัฐบาลของท่านไม่โกงชาติ...

ประชาชนคงไม่ออกมาเดินขบวนเป็นล้านๆ ถ้ารัฐบาลไม่ลักไก่ออกกม.นิรโทษกรรมล้างพิษคนโกง ฆ่า เผาเอาตอนตี4...

การเดินขบวนคงไม่ยืดเยื้อจนเกิดความรุนแรง มีคนบาดเจ็บเสียชีวิตทำให้ทหารต้องออกมา หากรัฐบาลไม่หน้าด้านอยู่จนนาทีสุดท้าย...

มาตรา 112 คงไม่ต้องบังคับใช้ หากไม่มีคนบางกลุ่มจาบจ้วงสถาบัน...

ประเทศชาติคงไม่เสียหายเป็น

แสนล้านหากรัฐบาลไม่ทุจริตจากโครงการจำนำข้าวและอีกหลายโครงการประชานิยม...

เพราะฉะนั้นอย่าทวงถามอำนาจ สิทธิหรือเสรีภาพ เพราะเมื่อคุณได้ไปแล้วกลับหลงระเริงและใช้มันในทางที่ผิด...จบ!!

ทยา ทีปสุวรรณ

23 พฤษภาคม 2559

Taya Teepsuwan

ก่อนหน้านั้นทยา ทีปสุวรรณ ก็เขียนไว้ในเฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ที่กปปส.ออกมาประท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไว้ว่า....

ผ่านมาครบสองปีแห่งการต่อสู้...หากย้อนเวลาไปคงนึกถึงวันคืนที่ได้ร่วมกับพี่น้องมวลมหาประชาชนออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อประเทศชาติ เพื่อสถาบันอันเป็นที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทย ความทรงจำดีๆเกิดขึ้นมากมายในช่วง 7 เดือนบนท้องถนน โดยเฉพาะการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนที่มาปักหลักกันที่สี่แยกอโศกและอีกหลายๆเวที

นึกถึงทีไรก็อดยิ้มและภูมิใจกับพลังน้ำใจของมวลชน ทีมงาน พี่น้อง ครอบครัว เพื่อนฝูงศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดงหลายๆคน ที่ออกมาช่วยกันอย่างเปิดเผย ทั้งมาขึ้นเวที ทั้งทำข้าวของมาจำหน่ายช่วยนำเงินมาสนับสนุนกปปส. รวมทั้งยังมี Art Lane ที่มามอบความบันเทิงให้กับผู้ชุมนุมด้วย

พวกเรา...มวลมหาประชาชนยืนหยัดต่อสู้ด้วยหัวใจเดียวกัน เพื่อสิ่งเดียวกัน ด้วยอุดมการณ์เดียวกัน ความรู้สึกนั้นเหมือนเกิดขึ้นไม่นานนี้เองและเป็นความทรงจำที่จะอยู่กับเราตลอดไป วันนี้ประเทศชาติหลุดพ้นจากนักการเมืองโกงชาติ และกำลังเดินหน้าต่อไปให้ได้ อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่ดิฉันมั่นใจว่าเราได้ออกมาจากช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เราต้องหนักแน่น อดใจรอให้การแก้ปัญหาต่างๆเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ปัญหามากมายที่ถูกสะสมมานาน ไม่สามารถแก้ไขได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นักการเมืองต้องเสียสละ หยุดพักก่อน รอเวลากลับสู่กระบวนการเลือกตั้งที่ดีกว่าเดิม โปร่งใสกว่าเดิม เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิมของลูกหลานเรา

ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทุกท่าน ถึงแม้เราไม่รู้จักกันส่วนตัวแต่เรามีหัวใจเดียวกัน มีรอยยิ้มและน้ำตาร่วมกันมา มีความรู้สึกที่ดีให้ต่อกันจนทุกวันนี้...

ขออุทิศส่วนกุศลและกราบขอบพระคุณผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกท่านที่ออกมาต่อสู้จนต้องเสียเลือดเนื้อ มูลนิธิมวลมหาประชาชนจะดูแลกันและกันตลอดไป

ขอให้กำลังใจรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆร่วมถึงการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง และไม่มีนักการเมืองเลวๆมาหาประโยชน์จากประเทศไทยได้อีก

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 16:49:39 น.
Counter : 244 Pageviews.  

โฆษกคสช.ซัดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วิจารณ์ 2 ปีคสช.ทำประชาชนอดอยากชี้เป็นเกมการเมืองหวังดีสเครดิตเศรษฐกิจ



โฆษก คสช.อัดกลับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสเฟซบุ๊ก วิจารณ์ 2 ปี คสช.ทำประชาชนอดอยากเป็นเกมการเมือง หวังดิสเครดิตเศรษฐกิจ เผยอคติของกลุ่มการเมืองเป็นอุปสรรคการปรองดอง ซัด วรชัย เหมะ ปัญหาประมง–การบินพลเรือนรัฐบาลที่ผ่านไม่แก้ไข คสช.จะต้องแก้ไขเพราะเป็นภาพลักษณ์และเศรษฐกิจของประเทศ

วันที่ 24 พฤษภาคม 2559 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในโอกาสครบรอบ 2 ปีรัฐประหาร โดยระบุ ถึงสาเหตุการยึดอำนาจ เนื่องจากรัฐบาลของตนทำงานไม่ได้ว่า การเข้ามายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม  ปี 2557 ยังมีเหตุผลอย่างอื่นประกอบ ไม่ใช่เหตุผลรัฐบาลในขณะนั้นทำงานไม่ได้อย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรง จนกระทั่งมีคนเสียชีวิตจากการแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตย 

“สิ่งนี้เป็นการละเมิดอย่างรุนแรงของคนในสังคม โดยเฉพาะการใช้อาวุธสงครามกันมากในชุมชนเมือง การบังคับใช้กฎหมายในขณะนั้นไม่มีประสิทธิภาพ และคนไม่เคารพกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการละเมิดสถาบันที่มีมากจนกระทั่งเป็นการทำลายวิถีทางวัฒนธรรมของประเทศ และยังมีการใช้สื่อปลุกระดม ปลุกปั่นจนเกิดความแตกแยก”พ.อ.วินธัยกล่าว

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าประชาชนเผชิญกับปัญหาความยากจนรวมถึงปัญหาสังคมและยาเสพติดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวันนั้นขอเรียนว่า เรื่องของปัญหาปากท้อง ความยากจน ปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่สังคมโดยทั่วไปเห็นอยู่แล้วว่า คสช.จริงจังและดำเนินการมาโดยตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องของเศรษฐกิจจะเห็นว่า มีการแก้ปัญหาดำเนินการอย่างเป็นระบบ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และมีการดำเนินการทุก ๆ มาตรการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ 

สิ่งที่ทำสามารถตรวจสอบได้ว่าสิ่งที่ทำไปมีอะไรบ้าง ทุกๆ มาตรการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทำอย่างเต็มที่ ทุกๆ ด้านที่เป็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ รัฐบาล คสช.พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าบางส่วนอาจจะเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อมาทำลายความน่าเชื่อถือทางด้านเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาล คสช.ได้ดำเนินการไปหมดแล้ว

โฆษกคสช.กล่าวว่า ปัจจุบันทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และการดำเนินการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ดำเนินการมาโดยตลอด จะเห็นว่าความขัดแย้งเงื่อนไขเดิม ๆ ที่มีการแบ่งแยกสี ปัจจุบันลดระดับลงไปมาก อย่างน้อยไม่เห็นในเชิงประจักษ์ แต่ถ้าบางคนมองอาจจะเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่เป้าหมายอาจจะเปลี่ยนเป็นเรื่องของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันกับคสช.และรัฐบาลมากกว่า ถ้าตรงนี้ ต้องมองว่ารัฐบาลและคสช.ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร แต่สิ่งที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง เราไม่ได้กดประชาชน เพราะในเวลานี้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีสิทธิ เสรีภาพ แต่ความคิดเห็นจะต้องไม่ไปพาดพิงบุคคลหรือองค์กรใดที่ทำให้เกิดความเกลียดยังหรือนำไปสู่การแตกความสามัคคี เพราะฉะนั้นแสดงความคิดเห็นได้หมด แต่ต้องไม่ไปยั่วยุ 

ทั้งนี้การแสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ในสภาพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบันรัฐบาลได้เปิดช่องทางการรับฟังความคิดเห็นการรับฟังความเดือดร้อนผ่านศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่นำไปสู่การแก้ปัญหาที่รัฐบาลและคสช.ดำเนินการให้

“ดังนั้น 2 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า คสช.และรัฐบาลได้ดำเนินการในสิ่งที่ควรจะทำ มาอย่างเต็มที่ ทั้งการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น การแก้ไขปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แก้ไขปัญหาแรงงานเถื่อนให้เข้าสู่ระบบไม่ให้ใครไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ การจัดระเบียบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ส่วนการสร้างความชอบธรรมทุกฝ่ายให้ถูกต้องนั้น จะต้องสร้างความชอบธรรมให้อยู่ภายใต้กลไก กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามหลักสากล ไม่ได้ตัดสินกันเอง” พ.อ.วินธัย กล่าว

ส่วนการแสดงความเห็นของ นายวรชัย เหมะ กล่าวหา คสช.ไล่บี้บางพรรคการเมือง หรือ เสื้อสีใดสีหนึ่งนั้น พ.อ.วินธัย กล่าวว่า มีเนื้อหาคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ในเชิงไม่สร้างสรรค์ ด้วยมุมมองส่วนบุคคล เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่พอจับทางเจตนาได้ การดำเนินการในทางกฎหมายย่อมขึ้นอยู่กับพฤติกรรมบุคคลนั้นๆ เป็นหลัก ไม่ใช่เพราะเป็นพรรคนั้นพรรคนี้ หรือกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ การแสดงความเห็นควรหลีกเลี่ยงการใช้จินตนาการในทำนองที่แสดงถึงการแบ่งแยก เพื่อพาประเทศกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก ทั้งๆที่คสช. และรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สังคมเกิดความสงบปรองดอง ขณะนี้สังคมเริ่มมองว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง คงไม่ใช่ คสช. แต่อาจจะเป็นความมีอคติของบุคคลบางกลุ่มบางคนมากกว่า 

พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า การที่นายวรชัย หยิบยกข้อมูลมาพูดถึงประเทศไทยโดนแซงซั่นเรื่องประมง และเรื่องการบิน เพราะการเข้ามาบริหารประเทศของ คสช. ก็เป็นเรื่องไม่จริง เพราะประเทศไทยถูกองค์การระหว่างประเทศเตือนทั้งเรื่องการประมงที่ผิดกฎหมาย และมาตรฐานการบินมานานหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว แต่ผู้ที่รับผิดชอบในช่วงที่ผ่านมาอาจละเลยขาดความใส่ใจ และไม่คิดแก้ปัญหาจริงจัง จนมาแสดงผลสุดท้ายเมื่อ คสช. เข้ามา 

“คสช. มองออกว่าเรื่องดังกล่าวจะมีผลเสียหายต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ และภาพลักษมณ์ ประเทศอย่างมาก จึงลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และเป็นระบบภายใต้เงื่อนไขเวลาที่จำกัด เชื่อว่าหากได้ติดตามจะได้เห็นพัฒนาการในเชิงบวกไปมากเมื่อเทียบกับอดีต”พ.อ.วินธัยกล่าว

พ.อ.วินธัย ยังตอบโต้เพิ่มเติมว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะยังชะลอตัว แต่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน โดยไตรมาส 1 ของปี 2559 เศรษฐกิจขยายตัว ร้อยละ 3.2 มากกว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เสียอีก

 “เศรษฐกิจไทยไม่ได้ติดลบอย่างที่นายวรชัยเข้าใจ ขอสังคมมั่นใจ คสช. และ รัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร แต่จำเป็นต้องรักษากฏกติกาให้สังคม สำหรับกลุ่มที่พยายามสร้างความไม่เรียบร้อยให้กับประเทศด้วยกลวิธีด้วยรูปแบบต่างๆ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวสารมาตลอดจะเข้าใจ สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรเป็นเรื่องจริงอะไรเป็นเรื่องเท็จที่แฝงด้วยผลลัพธ์และนัยยะในทางการเมือง” พ.อ.วินธัย กล่าว

ยิ่งลักษณ์กับการวิจารณ์ 2 ปี คสช.

ในเฟซบุ๊กของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร(Yingluck Shinawatra) วิจารณ์การเข้ามาของคสช.ครบ 2 ปี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2559 ว่า

วันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปีรัฐประหาร ที่รัฐบาลดิฉันถูกยึดอำนาจไป

แต่แท้จริงแล้ว อำนาจ สิทธิและเสรีภาพคือของประชาชนต่างหากที่ถูกลิดรอน โดยใช้เหตุผลว่า รัฐบาลของดิฉันทำงานไม่ได้ จึงเข้ามายึดอำนาจ เพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดอง สร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่ายและเพื่อต้องการปฏิรูปประเทศ

ดิฉันก็คงได้แต่หวังว่า คสช. คงจะไม่ลืมสัญญา และขอฝากคำถามว่า ความสามัคคีปรองดอง สร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย ได้เกิดขึ้นในทิศทางที่ถูกต้องหรือเปล่า รวมทั้ง เร่งรัดในการปฏิรูปไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตามโรดแมปที่ได้สัญญาไว้

เพราะวันนี้ประชาชนกำลังจะเผชิญกับความยากลำบาก จากปัญหาปากท้อง ความยากจน รวมถึงปัญหา สังคม ยาเสพติดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวัน 

จึงอยากให้เร่งคืนความสุข ที่เป็นการคืนอำนาจ สิทธิ อิสรภาพ และ เสรีภาพ รวมทั้งการแก้ไขความขัดแย้งแทนการคืนความสุขบนความอึดอัดด้วยการกดไว้เพราะจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่มากกว่า เพื่อให้ประชาชนนั้นได้มีโอกาสเลือกหนทางชีวิต ด้วยตัวของเขาเอง นั่นคือหนทางออกที่ดีที่สุด

ก็จะทำให้สองปีที่ผ่านมานั้น... เป็นสองปีที่ไม่สูญเปล่า

ซึ่งดิฉันอยากจะคิด และหวังให้เป็นอย่างนั้นค่ะ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 16:27:09 น.
Counter : 219 Pageviews.  

จับแท็กซี่โกงค่าโดยสาร ชิงทรัพย์ ทำร้ายนักท่องเที่ยวตุรกี ก่อนหน้าไม่ถึงเดือนก็โดนจับโกงผู้โดยสาร



ตำรวจท่องเที่ยว จับแท็กซี่แสบโกงราคาค่าโดยสารและชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวสาวชาวตุรกี คิดราคาเหมา 2 พัน แต่พอถึงกลับคิด 500 เหรียญสหรัฐฯ พบก่อนหน้าก็คิดราคาค่าโดยสารเกินจริง 1,200 บาทจากดอนเมืองส่งกงสุล แจ้งวัฒนะ

 

24 พฤษภาคม 2559 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุชาติ ปราณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จับกุมตัวนายวัชระ ทาน้อย อายุ 30 ปี คนขับรถแท็กซี่สาธารณะ  พร้อมรถแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู ทะเบียน ทษ-3861 กทม. 1 คัน ที่ใช้ก่อเหตุโก่งราคาและชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวสาวชาวตุรกี 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวสาวชาวตุรกีได้เดินทางมายังประเทศไทยมาลงที่สนามบินดอนเมือง ให้ไปส่งปฏิบัติธรรมที่ จ.สระแก้ว โดยตกลงราคา 2,000 บาท แต่ต้องเติมแก๊สให้ เมื่อมาถึง อ.กบินทร์บุรี นายวัชระได้แวะเติมแก๊สที่ปั๊มผาติวานิชย์ และขอเงิน 500 บาท จากผู้เสียหาย เพื่อจ่ายค่าแก๊ส แต่ผู้เสียหายเห็นว่า ราคาแก๊สที่เติมไป 277 บาท จึงไม่ยอมจ่ายและมีปากเสียง จนผู้เสียหายยื่นเงินให้นายวัชระ 15 ดอลล่าสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 525 บาท แต่นายวัชระได้แจ้งค่าโดยสารใหม่ว่าผู้เสียหายต้องจ่ายค่าโดยสารอีก 500 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 17,500 บาท จึงเกิดการโต้เถียงกันภายในรถ ผู้เสียหายจึงขอให้นายวัชระ พาไปที่สถานีตำรวจ แต่นายวัชระ กลับบอกว่าถ้าไม่จ่ายค่าโดยสารตามที่เรียกจะพากลับไปกรุงเทพ จากนั้นนายวัชระ ได้กลับรถและจอดรถริมถนนสุวรรณศร หลัก กม./206-207 ก่อนที่จะหันมาคว้ากระเป๋าของผู้เสียหาย และใช้หมัดชกไปที่บริเวณกกหูขวา ขณะที่ผู้เสียหายพยายามเปิดประตูหลังด้านซ้ายเพื่อหลบหนีแต่เปิดไม่ได้ จึงหันมาเปิดด้านขวาและวิ่งหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากประชาชนบริเวณใกล้เคียงให้พาไปแจ้งความกับตำรวจ 

คิดราคาค่าโดยสารเกินจริง ส่งสาวแอร์โฮสเตสจากดอนเมืองส่งกงสุล แจ้งวัฒนะ คิดราคา 1,200 บาท

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2559 นายวัชระ ทาน้อย ก็เพิ่งจะโดนจับ แท็กซี่ไม่มีมิเตอร์เก็บค่าโดยสารแพงเกินจริงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และใช่รถที่จดทะเบียนแล้วแต่มิได้เสียภาษีประจำปี ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522  โดยวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา น.ส.บี (นามสมมติ) สัญชาติไทย เป็นแอร์โฮสเตสสายบินต่างประเทศเรียกใช้บริการแท็กซี่สีส้ม ให้ไปส่งยังกงสุล ถ.แจ้งวัฒนะ ระหว่างที่ขึ้นรถไปแล้วนั้น สังเกตเห็นว่าภายในรถไม่มีมิเตอร์และทะเบียนรถพร้อมประวัติคนขับรถ ซึ่งจะติดไว้ที่บริเวณด้านหน้ารถและข้างประตูด้านหลัง

ซึ่งคนขับได้พูดว่ารถไม่มีมิเตอร์แต่คิดราคาตามปกติ พอไปถึงที่หมายคนขับได้เขียนใบเสร็จพร้อมเบอร์โทรศัพท์และระบุชื่อ นายประสิทธิ์ ลีทอง พร้อมกับเรียกค่าบริการเป็นเงิน 1,200 บาท และยังได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของนางสาวบีไว้ด้วยโดยบอกว่าหากต้องการเรียกใช้ในภายหลังจะได้สะดวก แต่นนางสาวบีปฏิเสธที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ก่อนจะรีบจ่ายเงินและลงไปทำธุระ ขณะนี้ น.ส.บี กำลังอยู่ระหว่างการทำงานบนเครื่องบินไปต่างประเทศจึงให้น้องสาวเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนแทน

ต่อมาวันที่ 30 เม.ย. นายวัชระ ขับรถคันก่อเหตุเข้ามาทำทีรับผู้โดยสารที่สนาบิน แต่เจ้าหน้าที่สนามบินจำได้รถได้ว่าเป็นรถที่ต้องสงสัยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมทว่า นายวัชระ ไหวตัวทันได้เปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีไปแต่ก็ถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด

จากการตรวจสอบประวัติ นายวัชระ พบว่ามีหมายจับอยู่ที่ สน.อุดมสุข ในข้อหายักยอกทรัพย์ด้วย นอกจากนี้ยังตรวจสอบไปยังกรมการขนส่งทางบกพบว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าว ทะเบียน ทพ 7739 กทม. ทะเบียนถูกยกเลิกไปแล้ว

นายวัชระ ให้การว่า ตนเองได้ก่อเหตุดังกล่าวจริงโดยผู้โดยสารเรียกให้ไปส่งที่กงสุล ถ.แจ้งวัฒนะ ตนก็ได้มีการตกลงราคาอยู่ที่1,200บาท ผู้โดยสารเองก็ตกลง จึงได้ไปส่งที่หมายตามที่ได้ตกลงกับไว้ ซึ่งภายในรถตนนั้นมีมิเตอร์และมีชื่อคนขับอยู่ตามปกติ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปกติราคาจากสนามบินดอนเมืองไปกงสุลค่าบริการเท่าไร ทำไม่เรียกค่าบริการในราคาสูง นายวัชระ กล่าวว่า ราคากว่า 100 บาท และตนยังขอโทษที่มีการเรียกค่าโดยสารเกินจริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับจำนวน 2,000 บาท ก่อนจะส่งตัว นายวัชระ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข เพื่อดำเนินคดีในหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 15:34:46 น.
Counter : 357 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.