แอมเนสตี้ฯ ยื่น หนังสือถึง สนช.ปรับร่าง แก้กฎหมายคอมพิวเตอร์ หวั่นปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกออ
แอมเนสตี้ เครือข่ายพลเมืองเน็ต และไพรเวซี อินเตอร์เนชั่นแนล (Privacy International) ยื่นหนังสือถึง สนช. หวั่นร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อาจปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกออนไลน์และสิทธิในความเป็นส่วนตัวของประชาชนซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกติการะหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม2559 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายพลเมืองเน็ต และไพรแวซี อินเตอร์เนชั่นแนล นำโดย น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ รองประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ยื่นหนังสือต่อพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที่) พ.ศ
.ขอให้มีการแก้ไขเนื้อหาบางมาตราของร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกทางอิเล็กทรอนิกส์ และสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ได้รับการส่งเสริมและคุ้มครองตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ทั้งนี้ องค์กรทั้งสามมีความกังวลต่อบางมาตราในร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที่) พ.ศ
.ที่อาจปิดกั้นสิทธิในเสรีภาพ และสิทธิความเป็นส่วนตัว อาทิ มาตรา 14 อาจถูกตีความเพื่อใช้ลงโทษความผิดฐานหมิ่นประมาท และดำเนินคดีอาญากับผู้โพสต์ข้อมูลออนไลน์ที่ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายกว้าง อาจทำให้การแสดงความเห็นที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความปลอดภัยสาธารณะ หรือความมั่นคงปลอดภัยของประเทศก็อาจมีความผิดอาญาได้ มาตรา 15 กำหนดให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต(Internet Service Providers)ต้องรับโทษเท่ากับผู้กระทำผิดตามมาตรา14 หากผู้ให้บริการไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ให้ความร่วมมือหรือรู้เห็นเป็นใจให้กระทำผิด ซึ่งเป็นการผลักภาระในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์แก่ผู้ให้บริการ และอาจทำให้ผู้ให้บริการเซ็นเซอร์ตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษปรับ น.ส.เพ็ญพร กล่าวว่า มาตรา20 เปิดช่องให้ผู้มีอำนาจสั่งระงับการเผยแพร่หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แม้ว่าไม่ได้ขัดต่อกฎหมายใดก็ตาม นอกจากนี้ ยังเสนอให้สนช.พิจารณาแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว ให้มีการยุติการเอาผิดกับประชาชน และองค์กรที่รับโทษ และต้องคำพิพากษาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการการะทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550จากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก และสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างสงบ อันเป็นการละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยตกลงไว้ ข้อมูลพื้นฐาน มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบาง ส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการ ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ (5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดให้ความร่วมมือ ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14 ให้รัฐมนตรีออกประกาศกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าผู้ให้บริการพิสูจน์ว่าตนได้ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามวรรคสอง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ มาตรา 20 ในกรณีที่มีการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ ดังต่อไปนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดง พยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ (1) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ (2) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่ กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (3) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดอาญาต่อกฎหมายอื่นซึ่งเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย นั้นได้ร้องขอ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน (4) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายอื่นแต่มีลักษณะขัดต่อความสงบ เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูล คอมพิวเตอร์ดังกล่าวตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พนักงานเจ้า หน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐาน ต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้ คณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรหนึ่ง (4) ให้มีจำนวนห้าคนซึ่งสองในห้าคนต้องมาจากผู้แทนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง การยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ การไต่สวนคำร้อง และการทำคำสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง อาจกระทำได้ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของประธานศาลฎีกา ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม วรรคหนึ่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ก็ได้ รัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ ระยะเวลาและแนวทางการปฏิบัติสำหรับการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูล คอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันภายใต้พัฒนาการทาง เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ที่มา thaitribune
Create Date : 27 พฤษภาคม 2559 | | |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2559 20:44:22 น. |
Counter : 228 Pageviews. |
| |
|
|
|