ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ยุงชอบกัดใคร-ทำอย่างไรหลังถูกกัด



นั่งอยู่หลายคนแต่ทำไมยุงรุมกัดเฉพาะบางคน

ข้อสงสัยนี้กลายเป็นประเด็นที่มีการทำวิจัยจนได้ข้อสรุปว่า ยุงชอบกัดคนที่เหงื่อออกมาก ซึ่งทำให้กลิ่นตัวเปรี้ยว โดยยุงสามารถได้กลิ่นดังกล่าวไกลถึง 30 เมตร

นอกจากนี้ ยุงยังมักจะบินไปกัดคนที่ปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการเผาผลาญของร่างกายออกมามาก ซึ่งมักจะเป็นคนที่หายใจแรง คนตัวใหญ่ รวมถึงคนท้อง ขณะที่คนตัวอุ่นๆ และตัวร้อน ส่งผลให้อุณหภูมิบริเวณผิวหนังสูง ก็เป็นปัจจัยดึงดูดยุงได้เช่นกัน

ส่วนสาเหตุที่ยุงกัดแล้วคัน

เนื่องจากระหว่างที่ยุงแทงปากลงที่ผิวและดูดเลือดนั้น ยุงจะปล่อยของเหลวที่ทำปฏิกิริยาป้องกันเลือดแข็งตัวออกมาเพื่อให้ดูดเลือดได้ง่าย ของเหลวหรือที่คนมักเรียก น้ำลายยุง นั้นจะทำให้บางคนเกิดอาการแพ้จึงรู้สึกคัน ผิวบริเวณที่ถูกกัดเป็นตุ่ม บวม และแดง

วิธีแก้คันและป้องกันการเกิดแผลบวมแดง ให้รีบล้างน้ำและถูสบู่บริเวณที่ถูกกัด แล้วใช้ผ้าเย็นหรือเจลเย็นประคบลดบวมและรอยแดง หากยังคันให้ใช้วิธีลูบเบาๆ หลีกเลี่ยงการเกา เพราะสิ่งสกปรกในเล็บอาจทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียกลายเป็นแผลอักเสบไปกันใหญ่.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2554    
Last Update : 5 ตุลาคม 2554 7:38:22 น.
Counter : 1379 Pageviews.  

สมุนไพรรักษาโรค

แพทย์แผนไทยเป็นคำพูดที่เข้าใจได้ยาก แต่ถ้าเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านก็จะเข้าใจได้ง่ายกว่า

เรื่องของสมุนไพรนั้นมีมาแล้ว 2,500 ปี ความรู้เรื่องสมุนไพรและการรักษาด้วยสมุนไพรนั้นยังไม่เป็นที่รุ้จักกันดี จนกระทั่งในปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นประเทศที่รู้จักกันดีในเรื่องของการรักษาด้วยสมุนไพร เช่นเดียวกันกับ Herbal Ball (ลูกสมุนไพร) ที่ทำเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายและขับสารพิษออกจากร่างกาย ภูมิปัญญาของคุณย่าก่อให้เกิดผลในศตวรรษที่ 21ปัจจุบัน



ใช้สมุนไพรที่เก็บสดๆ ปลอดสารพิษ ทั้งหมด18ชนิด การผสมผสานของภูมปัญญาที่ว่านี้ ทำให้เกิดการโฆษณาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ทำให้ลดความตรึงเครียดในใจและสามารถแนะนำด้วยความภาคภูมิใจว่าสมุนไพรที่เราได้ทำมีคุณภาพดีจริง การดำเนินชีวิตในทุกๆวัน อาจมีความรู้สึกเหนื่อย มีความรู้สึกอยากได้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ บ้าง ให้การนวดแบบแผนโบราณที่เป็นภูมิปัญญาของไทยได้รักษาได้ช่วยเหลือให้ร่างกายเรามีสุขภาพดีทุกวัน

ส่วนผสมลุกสมุนไพรมีอะไรบ้าง
  1. ตระไคร้..ช่วยในเรื่องของการทำงานการไหลเวียนของหัวใจ
  2. ขมิ้น..Detox โดยการกระตุ้นการหลั่งของน้ำดี
  3. ข่า..ช่วยระงับการอักเสบของไตที่บวม
  4. ใบโหระพา..ลดความปวดของร่างกาย.ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปรกติ
  5. ใบแครอท..อุดมไปด้วยวิตามินเอ ชะลอความแก่ ลดกลิ่นกาย
  6. ใบมะกรูด..ลดอาการไอ ช่วยในเรื่องของระบบการหายใจ
  7. ตระไคร้หอม..บรรเทาอาการปวดบวม
  8. ไพล..ป้องกันโรคหนาวเรื้อรัง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  9. ขิง..ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยในเรื่องระบบการหมุนเวียนเลือด
  10. สะระแหน่..แก้ร้อนใน ช่วยให้นอนหลับได้ดี
  11. ใบมะขาม..เป็นกรดธรรมชาติ ช่วยระงับความอ่อนเพลียที่เกิดจากความเหนื่อยล้า
  12. ผิวมะกรูด..ฟื้นฝูการเสื่อมสภาพของผิวให้สมดุล
  13. ขมิ้นอ้อย..ลดออกซิเจนในร่างกาย ทำให้ไม่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ
  14. กระชาย..ช่วยเผาผลาญพลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป
  15. กระเพรา..ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่อ ป้องกันไวรัส
  16. ใบเตย..ฆ่าเชื้อและป้องกันไวรัสตัวที่ไม่ร้ายแรง
  17. ใบกระเจี๊ยบ..ทำให้เลือดสะอาดไหลเวียนดีขึ้น
  18. ดอกดาวเรือง..ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของตา ช่วยให้การทำงานในระบบสมองคุณ




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2554    
Last Update : 4 ตุลาคม 2554 7:34:08 น.
Counter : 1314 Pageviews.  

ชาวญี่ปุ่นจ่ายครึ่งล้าน เลือกเพศลูกที่ไทย



สามีภรรยาญี่ปุ่นยอมจ่ายกว่าครึ่งล้านบาทเดินทางมาไทยเพื่อเลือกเพศลูกที่ต้องการ ซึ่งไม่อนุญาตให้ทำได้ง่ายๆ ในประเทศญี่ปุ่น


เว็บไซต์หนังสือพิมพ์อาซาฮีรายงาน ว่ามีสามีภรรยาชาวญี่ปุ่นเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อเลือกเพศบุตร ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ไข่ที่ผ่านการปฏิสนธิแล้ว ซึ่งในญี่ปุ่นอนุญาตให้ทำได้กรณีที่มีความเสี่ยงแท้งบุตรหรือตรวจหาโรคทาง พันธุกรรมร้ายแรงเท่านั้น

คลินิกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เผยว่า นอกจากชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังมีลูกค้าชาวจีนและอินเดียจำนวนมาก เกือบทั้งหมดมาจากประเทศที่อยากได้ลูกชาย แต่นายหน้าที่จัดหาบริการแก่ลูกค้าญี่ปุ่นเผยว่า คู่สามีภรรยาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ มีลูกชายอยู่แล้ว และอยากได้ลูกสาว

ปัจจุบันมีสถาบันการแพทย์ราว 15 แห่งในไทยที่มีบริการเลือกเพศบุตร และจำนวนสามีภรรยาชาวญี่ปุ่นที่มาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นในระยะ 2-3 ปีมานี้ โดยปีที่แล้วมีประมาณ 30 คู่ส่วนค่าบริการและค่าใช้จ่ายทั้งหมดตกประมาณ 1.5 ล้านเยน (ประมาณ 5.88 แสนบาท)

แต่เดิมนั้นการตรวจวิเคราะห์ไข่ปฏิสนธิ เพื่อดูว่าทารกที่จะถือกำเนิดมีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือไม่แต่กระบวนการ เดียวกันนี้ แพทย์ยังสามารถตรวจได้ว่าเด็กเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย

อาซาฮีอ้างข้อมูลจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ว่ามีการตรวจวิเคราะห์ไข่ปฏิสนธิแล้วประมาณ 600 รายต่อปีในไทย และ 60-70% ของจำนวนนี้ ทำเพื่อเลือกเพศบุตร แม้ว่าตามหลักปฏิบัติ ไม่อนุญาตให้มำได้ยกเว้นเพื่อตรวจโรคพันธุกรรม แต่หลักปฏิบัติที่ว่าไม่มีผลผูกมัดกับแพทย์ อีกทั้งไม่มีบทลงโทษกรณีไม่ปฏิบัติตาม




ที่มา
//news.voicetv.co.th/






 

Create Date : 03 ตุลาคม 2554    
Last Update : 3 ตุลาคม 2554 8:34:12 น.
Counter : 1652 Pageviews.  

คิดเลขในใจ ห่างไกลสมองเสื่อม



งานวิจัยในปัจจุบัน พบว่า เซลล์ประสาทจะถูกผลิตสร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ และจะเสื่อมสภาพลง ถ้าไม่มีการใช้งานอย่างเป็นประจำ แต่ถ้าเราทำกิจกรรมใดๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ ทำให้เซลล์สมองส่วนนั้นถูกกระตุ้นอยู่ตลอด ทำให้เซลล์สมองส่วนนั้นแข็งแรง และไม่เสื่อมสภาพลงไปง่ายๆ

นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์ด้านอายุรกรรมสมอง สถานพยาบาลกล้วยน้ำไท2 เปิดเผยว่า “การคิดเลขในใจสามารถช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม เนื่องจากทำให้สมองได้ออกกำลังและเพิ่มการสื่อสัญญาณประสาทในสมองได้”

สถิติชวนสยอง

คุณอาจเคยได้ยินว่า ผู้สูงวัยมักเป็นโรคสมองเสื่อม แต่รู้หรือไม่ว่า โรคดังกล่าว อาจเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคนี้มากน้อย เพียงใด แต่คาดว่าน่าจะมีผู้ป่วยอยู่ประมาณ 200,000 – 300,000 คน

ส่วนงานวิจัยจากฝั่งตะวันตกก็พบว่า คนที่มีอายุ 65 ปี จะป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมราว 1 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 5 ปี ที่อายุเพิ่มขึ้น โดยผู้ที่มีอายุ 86 ปีขึ้นไป พบว่า ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมมากถึง 32 เปอร์เซ็นต์

อาการของผู้ป่วยสมองเสื่อม

สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมคือ จะสูญเสียเซลล์ประสาทเร็วกว่าปกติในระดับที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องความจำ การควบคุมอารมณ์ ที่ไม่สามารถแยกถูกผิด ความฉลาด และการสั่งงานของสมอง เช่น การเปิดแก๊ซหุงต้มทิ้งไว้เพราะลืม หรือเห็นแก๊สเปิดทิ้งไว้ก็ไม่ปิด เพราะนึกไม่ออกว่าจะปิดอย่างไร และไม่คิดว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้

ความสามารถของผู้ป่วยจะลดลง บางรายอาจไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ลืมความจำที่เคยมีก่อนในช่วงวัยรุ่น มีปัญหาเรื่องจำบ้านไม่ได้ เช่น หาห้องน้ำหรือห้องนอนไม่พบ ไม่รู้ว่าตรงไหนลื่นหรือไม่ลื่น บางครั้งอาจใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำไม่เป็น และไม่รู้ว่าสิ่งใดอันตรายหรือไม่

คิดเลขในใจกระตุ้นการออกกำลังกายของสมอง

น้อยครั้งนัก ที่เรามักจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าสูงอายุคิดค่าอาหาร และเงินทอนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งวิธีในการป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อมแบบไม่ต้องเสีย เงินหลายแสน ที่คุณก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการคิดเลขในใจทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกายของสมอง (Brain Exercise) กระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างแขนงประสาทไปเชื่อมต่อกับเซลล์สมองส่วนอื่นๆ เพิ่มเส้นใยประสาทของเซลล์ประสาท (Neurons) ให้มีการเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น และยังอาจเพิ่มปริมาณสารเคมีที่บรรจุอยู่ประสาทให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฝึกคิดเลขในใจ

ลองคิดค่าของที่ซื้อเวลาไปจ่ายตลาดคิดเงินทอน คิดค่าอาหาร และเงินทอนเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน คิดรายรับในแต่ละเดือน คิดค่าใช้จ่ายในบ้าน คิดตัวเลขรายรับ รายจ่ายเงินในบัญชีธนาคารแทนการกดเครื่องคิดเลข ซึ่งการคิดคำนวณเหล่านี้ต้องใช้ทั้งการบวก ลบ คูณ และหารในบางครั้ง

ช่วงแรกควรเริ่มจากเลข 2 หลักก่อนโดยไม่ต้องใช้นิ้วมือมาช่วยนับ หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวน เมื่อเริ่มคล่องขึ้นแล้วก็เริ่มลบตัวเลขแบบง่ายๆ ส่วนการคูณควรเริ่มจากการคูณเลขง่ายๆ เช่น เลข 1-12 ก่อนเป็นอันดับแรก

นอกจากการออกกำลังกายสมองอย่างเป็นประจำแล้ว การใช้สารสีเหลืองสกัดจากเหง้าขมิ้นชัน หรือเคอร์คูมินอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ต้านการอักเสบ บำรุงรักษาตับ ป้องกันมะเร็ง ก็มีฤทธิ์ในการป้องกันสมองเสื่อม ซึ่งการวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าเคอร์คูมินอยด์ ลดจำนวนกลุ่มของสารซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคสมองเสื่อม นอกจากนั้นเคอร์คูมินอยด์ยังช่วยลดการอักเสบ ของเนื้อเยื่อสมองและลดความเสียหาย เนื่องจากการเกิดอนุมูลอิสระของเซลล์ในสมองได้อีกด้วย

รู้ถึงความอันตรายและวิธีป้องกันโรคสมองเสื่อมกันแล้ว วันนี้กลับบ้านไปอย่าลืมโยนเครื่องคิดเลขทิ้งไป แล้วลองนั่งคิดเลขในใจ เพียงเท่านี้โรคสมองเสื่อมก็สามารถกำหลาบโรคสมองเสื่อมได้แล้ว




tlcthai




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2554    
Last Update : 2 ตุลาคม 2554 10:03:27 น.
Counter : 1495 Pageviews.  

เคล็ดลับบำรุงสมองให้จำแม่นขึ้น

ในช่วงนี้น้องๆหลายๆคนกำลังเข้าสู่การเตรียมตัวสอบ Final หรือเตรียมตัวสอบเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ปุ๋มปิ๋มจะมาเผยเคล็ดลับในการบำรุงสมองที่ช่วยในส่วนของการจำรายละเอียด ต่างๆให้ดีขึ้น ด้วยการ กิน!! อาหารที่มีประโยชน์และที่อาหารที่สมองต้องการ มีดังนี้

ก่อนอื่นเราต้องรู้กันก่อนว่าสมองต้องการสารอาหารอะไรบ้างที่ช่วยในการจำ!!

+ วิตามินบี ได้แก่ วิตามินบี1 บี2 บี6 บี12 ไนอะซิน แพนโธทีนิคและกรดโฟลิค เป็นกลุ่มของวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาทป้องกันสมองเสื่อม ความจำเลอะเลือน และความสมบูรณ์ของอวัยวะ ต่าง ๆ

- วิตามิน B1 มีมากในเมล็ดข้าวต่าง ๆ ที่ไม่ได้ขัดให้ขาว เช่น ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวแดง ข้าวโอ๊ต เนื้อหมู ตับ ถั่ว รำข้าว และยีสต์ที่ตายแล้ว

- วิตามิน B2 พบในอาหารประเภท เครื่องใน เช่น ตับ ไต (เซี่ยงจี๊) น้ำนม และนมเปรี้ยว (โยเกิร์ต) ผักใบเขียว และ ปลา

- วิตามิน B6 มีในปลา เป็ด ไก่ เนื้อสัตว์ กล้วย ลูกพรุน ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชไม่ขัดขาว อะโวคาโด ข้าวโพด

- วิตามิน B12 มีอยู่ในเนื้อสัตว์ต่างๆ อาหารทะเล นมและผลิตภัณฑ์จากนม เนยแข็ง

- ไนอะซิน หรือ กรดนิโคตินิก หรือเรียกอีกอย่างว่า วิตามิน B3 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีสภาพคงทนกว่าวิตามินบี 1 และ บี 2 หลายเท่าตัว มีความทนทานต่อความร้อน แสงสว่าง กรด ด่าง ไนอาซินเป็นวิตามินตัวเดียวที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโน พบมากในเนื้อสัตว์ เนื้อปลา เป็ด ไก่ ถั่ว เครื่องในสัตว์ มันฝรั่ง ธัญพืช นม ยีสต์ ไข่ ผักสีเขียว

- แพนโธทีนิค หรือ วิตามิน B5 ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาระดับพลังงาน และลดความเครียด พบมาใน นมผึ้ง บริเวอรส์ยีสต์ ตับและไต นัต ธัญพืชไม่ขัดขาวและไข่

- กรดโฟลิก มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่ ๆ ช่วยให้โครงสร้างสมองสมบูรณ์ ช่วยในการดูดซึมน้ำตาลและโปรตีน และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือด มีมากในผักใบเขียวจัด เช่น ผักโขม บล็อกโคลี่ เห็ด ตับ ถั่วที่มีสีเขียว มันฝรั่ง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลมีล ส้ม ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง ตับ นม ไข่ โยเกิร์ต

+ ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง การขาดธาตุเหล็กจะทำให้สมาธิสั้น ไอคิวลดลง การเสริมธาตุเหล็กสำหรับผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้าย ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ ใช้ความคิด เพิ่มทักษะในการใช้คำพูด อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ ตับ เครื่องใน อาหารทะเล

โคลีน เป็น องค์ประกอบที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมองและสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อว่า อะเซทิลโคลีน ซึ่งควบคุมความจำ อาหารที่มีโคลีนสูง คือ ไข่แดง ตับ ถั่วลิสง เนยถั่ว บรูเออส์ยีส ส่วนที่มีในปริมาณเล็กน้อยได้แก่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ ขนมปังโฮลวีท นม ส้ม ดอกกะหล่ำ และแตงกวา

สารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม พืชที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้แก่ สารโอพีซีสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากใบแปะก้วย กรดไลโปอิคและสารฟลาโวนอยด์ในผัก ผลไม้ เช่น องุ่น ผลไม้ประเภทเบอร์รี ชาเขียว

** มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่า ผู้ที่บริโภควิตามินซีสูงมีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด

น้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันความจำเสื่อม ปลาที่มีโอเมก้า 3 มาก ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาค้อด ปลาซาร์ดีน และปลาแมคคอเรล **ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารแนะนำให้บริโภคเนื้อปลาสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

ถ้ารู้กันเช่นนี้เราควรหาวิธีที่ช่วยบำรุงสมองที่เหนื่อยล้ากลับมาเฟรซอีก ครั้งด้วยอาหารที่มีคุณประโยชน์ดีๆเหล่านี้กันนะคะ และสำหรับคนที่ไม่มีเวลาหรือเร่งรีบจริงๆ เราก็สามารถหา เครื่องดื่มบำรุงสมอง ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดมาดื่มในช่วงเช้าก่อนทานอาหารเช้าทุกวันนะคะ และที่สำคัญที่สุด การพักผ่อนนอบหลับเป็นวิธีบำรุงสมองชั้นเยี่ยมเลยทีเดียวจ๊า ^^

ภาพประกอบจาก //www.photos.com




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2554    
Last Update : 1 ตุลาคม 2554 10:38:15 น.
Counter : 1533 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.