ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

มาทำความรู้จักพายุงวงช้างกันเถอะ



มาทำความรู้จักพายุงวงช้างกันเถอะ


'พายุงวงช้าง'ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ควรรู้จักไว้ เพราะอยู่ใกล้ตัวคนไทย

เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา เกิดพายุงวงช้างที่ทะเลสาบสงขลาตอนใน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักในประเทศไทย หลาย ๆ ท่านจึงอาจยังไม่คุ้นเคยว่ามันคืออะไร วันนี้มีคำอธิบาย

"พายุงวงช้าง" หรือ "พายุนาคเล่นน้ำ" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง มักจะเกิดขึ้นในน้ำ โดยเฉพาะในทะเลจะเห็นบ่อยกว่าในแหล่งน้ำจืด มี ลักษณะเหมือนงวงช้างสีดำขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างท้องฟ้ากับผืนน้ำ ส่วนใหญ่ที่พบมีความยาวประมาณ 10-600 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ตั้งแต่ 1-10 เมตร ช่วงเวลาที่เกิดจะมีฝนฟ้าคะนองร่วมด้วย โดยลักษณะที่ปรากฎอาจเห็นงวงช้างเพียงอันเดียว หรือจะเกิดพร้อมกันหลายอันก็ได้ หมุนด้วยอัตราความเร็ว 20-80 เมตรต่อวินาที สามารถเคลื่อนที่ได้แต่ช้า ถ้าความเร็วลมในพายุมีสูงก็อาจทำให้เรือเล็กๆ ล่มได้ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ควรหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพายุ แต่ที่เคยเกิดในประเทศไทย ยังไม่พบความอันตราย เหตุการณ์นี้จะปรากฎอยู่ประมาณ 2-30 นาที จากนั้นก็จะสลายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

ปราก ฎการณ์นี้เกิดขึ้นจากความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศที่กระจายอยู่ในบริเวณ เดียวกันเป็นหย่อม ๆ และอุณหภูมิที่แตกต่างกันเหล่านั้นถูกดูดเข้าไปอยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง มากเป็นพิเศษ

ทำให้อากาศที่อยู่ติดกับผืนน้ำยกตัว ขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จึงเกิดลมพัดวนบิดเป็นเกลียวขึ้นไปในบริเวณที่มวลอากาศเย็นเคลื่อนผ่านเหนือ ผิวน้ำที่อุ่นกว่า เมื่ออากาศขยายตัว และเย็นลงจนถึงจุดหนึ่ง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ทำให้เราเห็นเหมือนพายุหมุน มีลักษณะคล้ายงวงช้าง เชื่อมผืนน้ำและเมฆ โดยปรากฏการณ์นี้พยากรณ์ล่วงหน้าไม่ได้ แต่ในพื้นที่ที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิมาก ๆ จะมีโอกาสเห็นได้ ถ้าเทียบกับพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศนั้น นับว่า "พายุงวงช้าง" มีขนาดเล็กมาก.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2554 10:44:20 น.
Counter : 1656 Pageviews.  

เปิดโผ 10 อาชีพที่เครียดที่สุดในปี 2011



คง จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันโลก ของเรามีปัญหารุมเร้ามากมาย เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2011 เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม ดินถล่ม พายุฝนตก หิมะตกหนัก โลกร้อน ฯลฯ ซึ่งจากการที่หลายพื้นที่ หลายประเทศต้องประสบปัญหาทางภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ด้านสุขภาพ มลพิษทางอากาศ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ฯลฯ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นปัญหาที่หลายประเทศกำลังประสบในขณะนี้ หลายประเทศรายได้ของคนส่วนใหญ่ยังเท่าเดิม อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงต่ออาชีพในอนาคต แต่ค่าครองชีพกลับพุ่งสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งความเครียด
ทั้ง นี้ ผลการสำรวจล่าสุดของสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกมายืนยันแล้วว่า ลูกจ้างกว่า 70% กล่าวว่า งานเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขาเกิดความเครียด


สำหรับ การสำรวจภาพรวมของอาชีพต่าง ๆ รวม 200 อาชีพของสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า 10 อาชีพที่สร้างความเครียดได้มากที่สุดในปี 2011 นี้ มีดังนี้

1. นักบิน

อันดับความเครียด 199
คะแนน 59.53
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 91 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9
รายได้ต่อปี $106,153.00

นักบินของสายการบินพาณิชย์ต่าง ๆ มีระดับความเครียดสูง เนื่องจากพวกเขาจะต้องรับรองความปลอดภัยของผู้โดยสารหลายชีวิตในแต่ละเที่ยว บิน อีกทั้งยังต้องทำงานภายใต้ระยะเวลาที่เข้มงวด เนื่องจากพวกเขาต้องนำเครื่องบินลงสู่ที่หมายให้ตรงตามเวลาไม่ว่าสภาพอากาศ จะเป็นเช่นใดก็ตาม

2. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์

อันดับความเครียด
198
คะแนน
47.60
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
111 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
9
รายได้ต่อปี $90,160.00

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างและรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดีต่อหน้าสาธารณชน และยังต้องคอยนำเสนองานต่าง ๆ ต่อหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ

3. ผู้บริหารระดับสูง

อันดับความเครียด 197
คะแนน
47.41
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
143 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
11
รายได้ต่อปี $161,141.00

ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการต่าง ๆ ภายในบริษัท ในขณะเดียวกัน ก็ต้องสามารถประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ได้โดยตรง ผู้บริหารระดับสูงนี้มักจะถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ใน เรื่องราวต่าง ๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง และมีทัศนวิสัยกว้างไกล มองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรอบด้าน นอกจากนี้พวกเขายังต้องเผชิญความเครียดเนื่องจากเขาเป็นผู้ชี้ชะตาของบริษัท หากตัดสินใจผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้บริษัทถึงกับล้มละลายได้ภายใน พริบตา

4. ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์

อันดับความเครียด 196
คะแนน
47.09
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
113 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
รายได้ต่อปี $40,209.00

ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์จะต้องรู้จักจับภาพจากเรื่องราวต่าง ๆ ให้ปะติดปะต่อสอดคล้อง และเน้นจุดสำคัญให้ได้โดยผ่านเลนส์ และในบางครั้งพวกเขาก็ต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้ข่าวมาเนื่องจากความ อันตรายของพื้นที่ที่ทำข่าวแล้ว ยังมีกำหนดเวลาส่งงานที่เข้มงวด และปัญหาความผิดพลาดทางเทคนิคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง

5. ผู้สื่อข่าว

อันดับความเครียด 190
คะแนน
43.56
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
129 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
8
รายได้ต่อปี $50,456.00

ผู้สื่อข่าวจะต้องเตรียมข่าว และถ่ายทอดข่าวออกอากาศให้กับผู้ชมทางโทรทัศน์ โดยปกติพวกเขาจะต้องถ่ายทอดข่าวแต่ละวันจากสตูดิโอ แต่บางครั้งก็ต้องออกภาคสนามเช่นกัน ซึ่งใน 24 ชั่วโมง มีข่าวต่าง ๆ มากมายเข้ามาเรื่อย ๆ จึงทำให้พวกเขาค่อย ๆ สะสมความเครียดเข้าไป นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูงจากการหาข่าวแข่งกับ ที่อื่น ๆ และต้องอัพเดทข่าวให้เร็วที่สุด

6. เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชี

อันดับความเครียด 189
คะแนน
41.05
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
135 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
9.5
รายได้ต่อปี $62,105.00

เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีจะเป็นผู้ดูแลบัญชีของบริษัท ซึ่งพวกเขาจะต้องใช้สมองอย่างหนักในการคำนวณเลขมากมายให้ถูกต้องแม่นยำ พิจารณารายละเอียด และทำงานได้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดเวลาอย่างเข้มงวด ดังนั้นจึงส่งผลให้พวกเขาเกิดภาวะกดดันทางอารมณ์และมีอาการเครียดเรื้อรัง ตามมาได้

7. สถาปนิก

อันดับความเครียด 185
คะแนน
39.93
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
88 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
8+
รายได้ต่อปี $73,193.00

สถาปนิกจะต้องวางแผน ออกแบบ และควบคุมตรวจตราโครงสร้างของอาคารที่พักต่าง ๆ ซึ่งจะต้องมีการคำนวณอย่างแม่นยำก่อนจะส่งให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างต่อไป ดังนั้นสถาปนิกจึงต้องจัดการกับความเครียดและความกดดันจากการออกแบบวางแผน เพื่อไม่ให้งานเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้เลย

8. นายหน้าค้าหุ้น

อันดับความเครียด 184
คะแนน
39.70
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
98 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
8
รายได้ต่อปี $67,470.00

นายหน้าค้าหุ้นจะช่วยให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นทำได้อย่างสะดวกมากยิ่ง ขึ้น และพวกเขาต้องคอยเกาะติดกับความผันผวนของหุ้นแต่ละตัวซึ่งมีอยู่เป็นจำนวน มาก ดังนั้นความเครียดของพวกเขาก็ผันผวนตามการขึ้นลงของหุ้นในตลาดเช่นเดียวกัน

9. เวชกิจฉุกเฉิน (EMT)

อันดับความเครียด 183
คะแนน
39.68
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
100 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
รายได้ต่อปี $30,168.00

เวชกิจฉุกเฉิน(EMT) คือ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ได้รับบาดเจ็บจาก อุบัติเหตุและภัยพิบัติในสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้ป่วยที่อยู่ในมือพวกเขาในทันการในการนำผู้ ป่วยจากที่เกิดเหตุมายังโรงพยาบาล อีกทั้งเวลาการทำงานไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการแจ้งเหตุของผู้ป่วย

10. นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

อันดับความเครียด 181
คะแนน
38.57
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน
31 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน
9.5
รายได้ต่อปี $40,357.00

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์จะเป็นคนกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ พวกเขาจะต้องทำงานอย่างยาวนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์ และทำงานที่น่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจโดยต้องคอยเปิดตัวอย่างบ้านให้กับลูกค้าดูทีละราย นอกจากนี้จากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ บวกกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการแข่งขันของธุรกิจนี้อย่างสูง ดังนั้นอาชีพนี้จึงสร้างความเครียดให้กับพวกเขาได้ไม่น้อยเช่นกัน

อย่าง ไรก็ตาม ในชีวิตการทำงานทุกอาชีพก็ล้วนมีความเครียดด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะรับมือและแก้ไขปัญหากับงานที่เราทำ และเราแฮปปี้แค่ไหนกับงานที่ทำ หากเรารักงาน รักในอาชีพ ต่อให้งานหนัก หรือเครียดแค่ไหนรับรองผ่านไปได้แน่นอน


ขอบคุณข้อมูลจาก : FW




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2554 19:31:21 น.
Counter : 1460 Pageviews.  

หินทิเบต ไม่ได้มาจากทิเบต



หินทิเบต ไม่ได้มาจากทิเบต


หินธิเบต เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ จากราคาก้อนละไม่กี่ร้อยบาท ผ่านกลวิธีการขายของพ่อค้าหัวใสจนราคาขึ้นเป็นหลายหมื่นหลายแสน หลายคนที่หลงใหลต้องตกเป็นเหยื่อและเสียเงินจำนวนมาก ทำไมสินค้าชนิดนี้สามารถสร้างรายได้มากมายขนาดนี้ นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับหินธิเบตที่คุณควรรู้ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของเครื่องประดับชนิดนี้อีก

ข้อมูลจากเรื่องจริงผ่านจอที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ได้เกร็ดความรู้เรื่องหิน dZi เยอะมากๆ
- หิน dZi ไม่ได้เกิดจาก ทิเบต แต่ในอดีตเป็นสิ่งที่คนเปอร์เซียนำมาขายให้คนทิเบต เพื่อสร้างการค้าถ่วงดุลอำนาจทางทหาร แล้วก็พ่วงมากับความเชื่อปาฏิหาริย์ทั้งหลาย
- คนทิเบตไม่นิยมใส่หิน dZi
- หิน dZi ที่ขายในปัจจุบันผลิตจากประเทศจีน มีเทคนิคที่ทำจากเรซิ่น ขายเป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ (อย่างกับตลาดโบ๊เบ๊อะไรอย่างงั้นเลย) ขายกันเป็นแพ็คใหญ่ มีให้เรียกทุกแบบ และพ่อค้าแม่ค้าที่ไปรับมาขาย ก็ไม่ได้ห้อยหิน dZi (คนขายไม่ได้ศรัทธาเอง)

- สร้อยที่ชื่อได้ ณ จุดขายส่งที่จีน เส้นละ 220 บาท สามารถนำมาขายที่เมืองไทยถึง 2 หมื่นกว่าบาท (ขายแพงกว่า 100 เท่า!)
รายการนี้ดีมากๆที่กล้าตีแผ่ความจริงที่เล่นกับความศรัทธาของคนเรา แล้วก็กล้าเดินทางไปทิเบต ไปเมืองจีนเพื่อค้นความจริงถึงแหล่ง




ข้อมูลจาก รายการเรื่องจริงผ่านจอ




 

Create Date : 29 เมษายน 2554    
Last Update : 29 เมษายน 2554 8:45:12 น.
Counter : 2324 Pageviews.  

11 วิธีประหยัดน้ำมันที่ได้ผล


หลายคนอาจกำลังปวดหัวกับการขึ้นราคาน้ำมันที่รู้สึกว่าช่วงนี้ขยับขึ้นราคาบ่อยมาก วันนี้เรามีเคล็ดลับประหยัดน้ำมันมาฝาก


1.เติมน้ำมันแต่พอดีอย่าล้น
เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้ได้คุ้มค่าแต่กลับจะทำให้น้ำมันถูกบ้วนทิ้งออก เมื่อน้ำมันมีอุณภูมิสูงขึ้น


2.เติมเต็มถังถ้ามีโอกาส
อัน นี้เป็นข้อเท็จจริงที่ควรปฏิบัติ เนื่องจากการเติมน้ำมันเต็มถังจะทำให้แรงดันในถังมีเยอะ เมื่อแรงดันในถัง ก็หมายความว่า น้ำมันที่ถูกดูดไปใช้จะไม่ลดลงเร็วกว่าปกติ และยังช่วยรักษาปั้มเชื้อเพิลงที่อยู่ในถังไม่ให้ร้อน


3.ตัดคอมแอร์ก่อนถึงที่หมาย
การ ตัดคอมแอร์ก่อนถึงที่หมายถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำเพราะ นอกจากจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการไล่ความชื้นและเชื้อราในตู้แอร์ได้ด้วย


4.หมั่นตรวจสอบลมยาง
ซึ่งยางที่มีลมยางอ่อนเกินไปจะมีแต่ทำให้ศูนย์เสียพลังงานโดยใช่เหตุ


5.ใช้รอบเครื่องยนต์ในย่านความเร็วที่เหมาะสม
ซึ่ง ขอแนะนำเพียงว่าให้ใช้รอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ระหว่าง 1900-2800 รอบ หรือใช้ความเร็วที่เหมาะสมที่ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกำลังพอดี



6.อย่าถอยหลังเร็วๆ
เกียร์ถอยหลังเป็นเกียร์ที่มีอัตราทดสูงที่สุดในอัตราทดการถอยหลังเร็วก็เหมือนทำให้เครื่องทำงานหนักโดยใช่เหตุ


7.อย่าทำรถเป็นบ้าน
เนื่อง จากของที่เพิ่มขึ้นในรถหมายความถึง น้ำหนักที่เพิ่ม และน้ำหนักที่เพิ่มสูงขึ้นหมายความว่าเราต้องใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เท่า เดิมลากตัวถังที่หนักขึ้นด้วย ซึ่งเฉลี่ยทำให้สิ้นเปลืองกว่าถึงน้อยละ 20 เลยทีเดียว


8.ตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์เป็นประจำ
ซึ่งการถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอทำให้เครื่องยนต์ไม่สึกหรอและมีอัตราสิ้นเปลืองคงที่


9.อย่าติดกับเกียร์ D
อัน นี้คนใช้เกียร์ออโต้เป็นประจำและเป็นบ่อยด้วยสิ เนื่องจากรถเกียร์อัตโนมัติชุดเกียร์จะทำงานเปลี่ยนอัตราทดเองเมื่อถึงรอบ ที่เหมาะสม แต่ที่จริงแล้วหากคุณต้องขึ้นสู่ที่สูงควรใช้อัตราทดเกียร์ที่เหมาะสมคือ เลื่อนไปตำแหน่ง 2 หรือ N ก่อนขึ้นทางลาดชัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้เครื่องไม่ต้องมีภาระหนักเพิ่ม และดูจะขึ้นได้ลื่นกว่าด้วย


10. อย่าออกรถเร่งเต็มที่หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ
ตาม หลักความจริงแล้วเราควรวอร์มเครื่องยนต์ก่อนออกสู่ถนนประมาณ 3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องเข้าไปหล่อลื่นอย่างเต็มที่เสียก่อน ซึ่งช่วยลดการสึกหรอของการเสียดทานอุปกรณ์ต่างๆภายในเครื่องยนต์ หากเราสตาร์ทเครื่องแล้วเร่งตัวออกรถเลยจะทำให้น้ำมันยังไปไม่ทั่วถึง และยังทำให้เครื่องสึกหรอเร็วกว่าปกติด้วย


11. อย่าคิกดาวน์เกินความจำเป็น
อัน นี้สำหรับเกียร์ออโต้อีกแล้ว และดูเหมือนมีคนจำนวนมากไม่เข้าใจกับการคิกดาวน์ที่มันมีความหมายเท่ากับ เปลี่ยนเกียร์ลง 1 ระดับในรถเกียร์ธรรมดา การคิกดาวน์นั้นช่วยในเรื่องอัตราเร่ง แต่กลับกันก็มีผลเสียในเรื่องความประหยัดทางที่ดีควรขับรถไปเรื่อยๆในอัตรา ที่เหมาะสม ถ้าจะแซงก็ควรค่อยๆกดคันเร่งอย่าเหยียบมิดจนคิกคาวน์ เพราะมันจะทำให้รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ ยกเว้นว่าจำเป็นจริงๆ




ที่มา FW mail





 

Create Date : 28 เมษายน 2554    
Last Update : 28 เมษายน 2554 8:36:01 น.
Counter : 1288 Pageviews.  

“กาแฟ”ดื่มดีได้...ดื่มร้ายเสียประโยชน์



มีคำถามจากคอกาแฟเข้ามา โดยรู้สึกว่าตัวเองติดกาแฟมาก ช่วงแรกดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว เพื่อแก้ง่วงระหว่างทำงาน แต่ระยะหลังมักดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในอนาคตหรือไม่ อย่างไร

สำหรับใครหลาย ๆ คน “กาแฟ” อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ต้องดื่มทุกวัน วันละหลาย ๆ แก้ว ดื่มแล้วหูตาสว่าง สดชื่น ความคิดแจ่มใส แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับ “คาเฟอีน” ที่เกรงจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย

ปัจจุบัน มีผลวิจัยด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และยา ในต่างประเทศจำนวนมาก พบว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมนั้น ปลอดภัย และส่งผลดีต่อสุขภาพได้ หากดื่มอย่างถูกต้อง

โดยผู้ ที่ดื่มกาแฟไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้วต่อวัน การได้รับปริมาณคาเฟอีนในระดับหนึ่ง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็ง และมะเร็งในเซลล์ตับ

คา เฟอีนในกาแฟยังสามารถเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญไขมัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรคอ้วน มีส่วนช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น และเพิ่มไอคิวด้วย

อย่าง ไรก็ตาม ไม่ควรรับ “คาเฟอีน” อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน รวมถึงผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะกาแฟมีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต

แม้ “กาแฟ” จะมี “ข้อดี” ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่ม แต่การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณเข้มข้นอย่างยิ่ง และมากเกินไป ก็เปรียบเสมือนยาพิษได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรดื่มให้เป็น.

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 27 เมษายน 2554    
Last Update : 27 เมษายน 2554 8:33:07 น.
Counter : 1345 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.