ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ภัยเงียบจากกล่องโฟม… กินสบายแต่ตายเร็ว

หลายคนคงเคยชินกับการรับประทาน อาหารแบบใส่กล่องโฟมกันใช่ไหมล่ะ เพราะสะดวก รวดเร็ว กินที่ไหนก็ได้ ประหยัดเวลาทำอาหาร และที่สำคัญทานเสร็จก็ไม่ต้องล้างอีกด้วย แต่เพื่อน ๆ เชื่อหรือไม่คะว่า ท่ามกลางความสะดวกสบาย กล่องโฟมก็แฝงไปด้วยภัยร้ายที่อาจคร่าชีวิตคุณได้ในที่สุด

โดย นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัทบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความรู้ว่า กล่อง โฟมที่ใช้ตามท้องตลาดทั่วไป (Styrofoam) เป็นของเสียเหลือทิ้งสีดำ ๆ จากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ประกอบด้วยสารสไตรีน (Styrene) มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในเพศหญิง




อาหารตามสั่งที่บรรจุกล่องโฟม จึงเป็นแหล่งสะสมสารสไตรีน ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำให้สมองมึนงง สมองเสื่อมง่ายหงุดหงิดง่าย มีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และเป็นสารก่อมะเร็งอีก 3 ชนิด ถ้าเป็นผู้ชายรับประทานเข้าไปมาก ๆ มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ขณะที่ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม และทั้งสองเพศมีโอกาสสูงต่อการเป็นมะเร็งตับ แม้จะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำก็ตาม

สำหรับสไตรีน ถือเป็นสารอันตรายที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศขึ้นบัญชีสารก่อมะเร็ง หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารบรรจุในกล่องโฟม ลูกมีโอกาสสมองเสื่อมเป็นเอ๋อ อวัยวะบางส่วนพิการ ส่วนคนทั่วไปถ้ารับประทานอาหารกล่องโฟมทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า




ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีโอกาสได้รับสารสไตรีนในกล่องโฟมได้ง่ายถึง 5 ปัจจัยได้แก่

1. อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง

2. ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ

3. ถ้าซื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มาก

4. ถ้านำอาหารที่บรรจุโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก

5. ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมาก ๆ รวมถึงร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร ขอบอกว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยทีเดียว

นพ.วีรฉัตร กล่าวเตือนด้วยว่า อาหาร ตามสั่งหรือข้าวราดแกงกับไข่ดาวหรือไข่เจียวร้อน ๆ อาจจะไปละลายผนังกล่องโฟม เสมือนรับประทานอาหารคลุกสไตรีนไปด้วย ถึงกระนั้นไข่ดิบที่วางขายในแผงไข่พลาสติก สารสไตรีนมีโอกาสวิ่งเข้าในเปลือกไข่ได้เช่นกัน ถ้าเลือกไข่ดิบควรเลือกซื้อจากแผงไข่กระดาษจะปลอดภัยที่สุด




 

Create Date : 27 เมษายน 2556    
Last Update : 27 เมษายน 2556 9:12:59 น.
Counter : 2196 Pageviews.  

เพชร “บลู ไดมอนด์” ทำราคาประมูลทุบสถิติโลกที่อังกฤษ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่า “บลู ไดมอนด์” หรือหนึ่งในเพชรสีน้ำเงินหายากที่สุด ขนาด 5.3 กะรัต สามารถทำราคาประมูลได้สูงถึง 9.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับสร้างสถิติเป็นเพชรที่มีราคาสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบต่อกะรัตราว 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


บริษัทประมูล “บอนแฮมส์” ของอังกฤษ เป็นผู้จัดงานประมูลดังกล่าวที่กรุงลอนดอน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 55.1 ล้านบาท ) ซึ่งได้รับความสนใจจากนักสะสมและผู้ชื่นชอบอัญมณีจากทั่วโลก 25 คน ที่โทรศัพท์กันเข้ามาเสนอราคาเพื่อช่วงชิงเพชรน้ำงามเม็ดนี้ ก่อนที่จะมีผู้ชนะซึ่งทางบริษัทขอสงวนนาม ได้กรรมสิทธิ์ครอบครองเพชรเม็ดดังกล่าว ด้วยราคาเสนอซื้อ 9.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 275.5 ล้านบาท ) หรือหากคิดเป็นราคาต่อกะรัตจะอยู่ที่ราว 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 52.2 ล้านบาท ) ทำลายสถิติการประมูลราคาเพชรก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่กะรัตละ 1.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 48.7 ล้านบาท )

ทั้งนี้ ทางบอนแฮมส์รับมอบเพชรสีน้ำเงินชิ้นนี้มาจากบริษัท “กราฟฟ์ ไดมอนด์ส” ของอังกฤษเช่นกัน ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะมอบเพชรเม็ดนี้ให้บริษัท “บุลการี” ไปเจียระไนเป็นหัวแหวนเพชร “ทรอมบิโน” เมื่อปี 2508





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 26 เมษายน 2556    
Last Update : 26 เมษายน 2556 8:01:22 น.
Counter : 2824 Pageviews.  

กฎหมายประเทศไหนบ้าง ที่ฐานความผิด "ค้ายา" แรงที่สุดในโลก



นิตยสารไทม์ ฉบับวันที่ 22 เม.ย. 56 ได้รวบรวมกฎหมายยาเสพติดและบทลงโทษที่รุนแรงของแต่ละประเทศซึ่งได้ชื่อว่ารุนแรงที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ประเทศอินโดนีเซีย ได้พิพากษาประหารชีวิต ลินด์เซย์ แซนลิฟอร์ด หญิงชรา รุ่นคุณยายวัย 87 ปี ฐานลอบขนโคเคนน้ำหนัก 4.8 กิโลกรัม ซึ่งนี่ถือเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีแค่อินโดนีเซียประเทศเดียวที่กำหนดโทษรุนแรง

โทษประหารชีวิต


จาก พ.ร.บ.การใช้สารเสพติด ปี ค.ศ.1973 ของสิงคโปร์ ได้ระบุบทลงโทษสำหรับฐานความผิดที่ลักลอบขนโคเคนน้ำหนัก 30 กรัมขึ้นไป อาจถูกพิพากษาประหารชีวิตได้

ขังคุก


ฐานความผิดนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของสารเสพติด โดยกฎหมายอาญาของจีนระบุว่า กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ไปจนถึงประหารชีวิต

แขวนคอ


พ.ร.บ.สารเสพติดชนิดรุนแรง ปี ค.ศ.1952 ของมาเลเซีย กำหนดว่าหากลักลอบขนยาเสพติดมากกว่า 50 กรัมขึ้นไป สามารถลงโทษประหารชีวิต ซึ่งอาจทำด้วยวิธีการแขวนคอ

ประหารชีวิต ด้วยการตัดศีรษะ


นับตั้งแต่ ระบบยุติธรรมในของซาอุดิอาระเบียได้ยึดแนวทางกฎหมายชารีอะฮ์ ตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งมีการกำหนดบทลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรง โดยโทษสำหรับการค้ายาเสพติด คือ การประหารชีวิต ซึ่งอาจทำด้วยการตัดศีรษะ

ส่วนในประเทศไทย ได้กำหนดโทษระดับต่างๆ ตามประเภทของยาเสพติด และกำหนดโทษสูงสุด คือ จำคุกตลอดชีวิต แต่ในช่วงหลัง มีความพยายามผลักดันเพิ่มบทลงโทษเป็น ประหารชีวิต จาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน




 

Create Date : 25 เมษายน 2556    
Last Update : 25 เมษายน 2556 20:33:09 น.
Counter : 1853 Pageviews.  

"อิซาเบลล่า บาร์เร็ตต์" เศรษฐีเด็ก เจ้าของธุรกิจเงินล้าน

อิซาเบลล่า บาร์เร็ตต์ หรือ "เบลล่า" ก็เหมือนเด็กทั่วไปที่ชอบของเล่น ชอบเล่นแต่งตัว ชอบร้องเพลงของ จัสติน บีเบอร์ แต่ที่ "แตกต่าง" จากเด็กๆ ในวัยเดียวกันลิบลับ ก็คือ ด้วยอายุเพียง 6 ขวบ หนูน้อยชาวเมืองโรด ไอส์แลนด์ อดีตดาราในรายการเรียลิตี้ถ่ายทอดชีวิตนางงามเด็กชื่อว่า Toddlers & Tiaras ทางสถานีโทรทัศน์ทีแอลซี ของสหรัฐอเมริกา ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจทำเครื่องประดับ และเครื่องสำอางเด็ก ภายใต้ชื่อ กลิตซี่ เกิร์ล (Glitzy Girl) ที่ทำรายได้ให้เธอและแม่ หลังจากเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วกว่า 1,000,000 ดอลลาร์ หรือ ราว 29,000,000 บาท

"มีอะไรที่ไม่น่าชอบใจเกี่ยวกับการเป็นเศรษฐีบ้าง?" อิซาเบลล่า อดีตนางงามเด็ก ที่เดินสายประกวดนางงามตั้งแต่อายุ 4 ขวบถามนักข่าวหนังสือเดลี่ เมล์ ของอังกฤษที่สัมภาษณ์เธอ

"หนูเป็นซุปเปอร์สตาร์ หนูมีธุรกิจทำเครื่องประดับของตัวเอง หนูชอบเป็นเจ้านาย หนูไม่เคยแพ้ หนูชนะแทบทุกเวทีที่หนูเข้าประกวด แต่สิ่งที่หนูรักมากกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ รองเท้า หนูมีรองเท้ากว่า 60 คู่แล้วตอนนี้"


ซูซานน่า วัย 39 ซึ่งเป็นทั้งแม่และหุ้นส่วนธุรกิจกลิตซี่ เกิร์ล กับลูกสาว เล่าถึงที่มาของธุรกิจนี้ว่า มันเริ่มจากทุกครั้งที่อิซาเบลล่าคว้ามงกุฎได้ เธอก็จะสั่งทำกำไล แล้วสลักชื่อตำแหน่งนางงามที่อิซาเบลล่าคว้ามาได้บนกำไลนั้น จนกลายเป็นธรรมเนียม และ "เคล็ด" ในครอบครัว ซึ่งปรากฏว่า ใครมาเห็นกำไลเหล่านั้นก็ชอบ อิซาเบลล่าจึงคิดขึ้นมาว่า เธอกับแม่น่าจะทำกำไลขาย และเป็นที่มาของธุรกิจกลิตซี่ เกิร์ล ที่เปิดตัวเมื่อปี 2555 และปัจจุบันได้ขยายผลิตภัณฑ์ทำลิปสติก และเครื่องสำอางสำหรับเด็กๆ ด้วย

"เมื่อว่างจากเรียน เบลล่าจะไปที่โรงงาน เธอจะเป็นคนเลือกว่าชอบกำไลดีไซน์แบบไหน แล้วก็จะลองทาสีลิปสติกของเราทุกสี และจะเป็นคนให้คำแนะนำว่า อะไรที่เธอคิดว่าเก๋"

ซูซานน่า ซึ่งยังมีลูกสาววัย 19 อีกคน เล่าว่า ทุกวันนี้ อิซาเบลล่า "หยุด" เดินสายประกวดนางงงามแล้ว แต่จะเริ่มประกวดอีกทีตอนเข้าสู่วัยสาว ชีวิตแต่ละวันของหนูน้อยตอนนี้ก็คือเรียนเป็นหลัก นอกจากนั้นยังเจียดเวลาไปเรียนภาษาอิตาลี เยอรมัน และสเปน แล้วยังเรียนร้องเพลง เรียนยิมนาสติก และเรียนเต้น

"เป้าหมายต่อไปของเธอคือ เป็นดาราเด็กในสังกัดดิสนีย์ อิซาเบลล่าอยากเป็นเหมือน เซเลน่า โกเมซ (นักร้อง นักแสดง อดีตแฟนสาว จัสติน บีเบอร์)"

ซูซานน่ายังเล่าย้อนถึงตอนพาลูกสาวเดินสายประกวดล่ามงกุฎว่า "ฉันยอมรับว่า การที่ลูกประกวดชนะทุกครั้ง ทำให้เราเสพติดการประกวดเหมือนกัน จนฉันต้องหยุดถามตัวเองว่า ฉันกำลังทำเพื่อตัวเอง หรือเพื่อลูกกันแน่ ในโลกการประกวดมันน่าหลงใหล และทำให้เราเสพติดมันได้ โดยเฉพาะเมื่อลูกสาวคุณชนะบ่อยๆ แต่เมื่อฉันมองดูเบลล่า ฉันก็เชื่อว่าลูกสนุกกับมันทุกย่างก้าวเหมือนกับฉัน"

คุณแม่ยังสาวเล่าว่า เธอฝากเงินที่อิซาเบลล่าหาได้ไว้ธนาคาร โดยตามกฎหมายอิซาเบลล่ามีสิทธิจะเบิกเงินเหล่านั้นมาใช้ได้ตอนอายุ 18

"ตอนนี้เธอมีธุรกิจของตัวเอง มีเงินฝากในธนาคารพอที่จะมีความมั่นคงในอนาคต ฉันและอันโตนิโอ ไม่อยากให้ลูกโตขึ้นเป็นคนฟุ้งเฟ้อ เราทั้งสองจึงพยายามเลี้ยงลูกให้ติดดิน คุณคงเคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับศิลปินที่ดังตั้งแต่เด็กๆ หลายคน อย่าง บริตนีย์ สเปียร์ส ซึ่งแน่นอนว่า ฉันไม่อยากให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับลูกสาวฉัน"

ซูซานน่ายังย้ำว่า "ฉันไม่ใช่แม่ที่พยายามผลักดันลูก ฉันแค่ต้องการช่วยให้อิซาเบลล่าประสบความสำเร็จในสิ่งที่เธอฝัน หากพรุ่งนี้ ลูกมาบอกฉันว่า เธอไม่ต้องการทำแบบนี้อีกแล้ว ฉันกับสามีก็ยินดี ไม่มีปัญหา"

แต่สำหรับ อิซาเบลล่า เธอยืนยันว่า "หนูรักสิ่งที่หนูทำอยู่ และไม่มีวันจะเลิก หนูอยากเป็น ดารา"

คอลัมน์ ร่อนตามลม
raikorn@hotmail.com

ที่มา : นสพ.มติชน



  • สนับสนุนเนื้อหา ประชาชาติธุรกิจ




 

Create Date : 24 เมษายน 2556    
Last Update : 24 เมษายน 2556 9:57:51 น.
Counter : 2075 Pageviews.  

วิธีเร่งให้สิวยุบได้เร็วขึ้น



ยังไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้สิวอักเสบเม็ดใหญ่ของคุณหายวับลงไปในพริบตาหรอก แต่เทคนิคต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่แพทย์ผิวหนังยอมรับว่าจะช่วยทำให้สิวยุบลงได้ในตอนเช้า

ขั้นแรกก็วางก้านสำลีไว้ในน้ำร้อน (ไม่ใช่น้ำเดือดปุด ๆ นะ) จากนั้นก็นำมาลูบลงบนหัวสิวเบา ๆ เป็นเวลา 3 วินาที (ความร้อนจะช่วยให้สิวเปิดหัวออก แล้วดึงสิ่งสกปรกข้างในให้ลอยขึ้นมาอยู่บนพื้นผิว ฉะนั้น เวลาที่คุณใช้ยาแต้มสิวหลังจากนั้น ก็จะช่วยให้ยาแต้มสิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น)

จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการแต้มสิว ซึ่งจะช่วยให้สิวแห้งและยุบตัวลงในระหว่างที่คุณนอน พอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็จัดการกับสิวต่อด้วยคอนซีลเลอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิค แล้วตามด้วยแป้งฝุ่นเพื่อลดความมันวาว

ที่มาข้อมูลและภาพ teenee.com




 

Create Date : 23 เมษายน 2556    
Last Update : 23 เมษายน 2556 7:31:20 น.
Counter : 2037 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.