ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ระวัง อันตรายจากมันฝรั่ง



ทราบกันหรือเปล่าค่ะว่า มันฝรั่ง ที่เรากินนั้นมีอัตรายอยู่ไม่น้อย แล้วอันตรายของมันฝรั่งนั้นมันจะมีอะไรอยู่บ้าง และควรหลีกเลี่ยงอย่างไร ?

เรื่องของมันฝรั่งเป็นที่นิยมกันมากและได้นำไปเล่าสู่กันฟังใน Food News เพราะเนื่องจากว่ามันฝรั่งเป็นอาหารที่คนไทยเราชอบกินกันเป็นอย่างมากในสมัยนี้ที่ชอบกินมากๆ คือเด็กและกลุ่มวัยรุ่น จะชอบบริโภคอาหารฟาสต์ฟู๊ดและขนมต่างๆ ที่ได้ทำมาจากมันฝรั่งแล้วรู้หรือเปล่าว่ามันฝรั่งที่เรากำลังกินอยู่นั้นมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่ ได้มีการค้นพบว่ามันฝรั่งนั้นมีสารพิษร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ซึ่งสารพิษที่พบในหัวมันฝรั่งนั้นได้แก่ สารไกลโคแอลคาลอยด์ (glycoalkaloids) นั้นจะไปยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์คอลีนเอสเทอเรส (Cholinesterase) ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการ ปวดหัว อาเจียน ท้องเสีย หรือทำให้ไข้ขึ้นเลยก็เป็นได้  สารในมันฝรั่งนั้นจะมีอยู่ประมาณ 0.01 – 0.1% มีน้ำหนักแห้ง ที่สำคัญเลยก็คือ ความร้อนนั้นจะไม่สามารถทำลายสารนี้ได้ งั้นก็แสดงว่าหากมันฝรั่งได้ผ่านความร้อนจากการทอด การต้ม แล้วก็จะไม่ส่งผลกระทบอันตรายใดๆ ต่อเราได้เลย แต่การกินมันฝรั่งปกติในชีวิตประจำวันนั้นจะไม่เกิดโทษจากสารชนิดนี้ และนอกจากนี้แล้วมันฝรั่งยังมีการยับยั้งและมีโปรตีนอยู่ซึ่งได้แก่ สารที่ยับยั้งการทำงานของทริปซิน และการทำงานของไคโมทริปซิน เป็นต้น ซึ่งสารดังกล่าวนี้จะถูกทำลายเมื่อได้พบกับความร้อน จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเวลาที่เรารับประทานมันฝรั่งนั้นเราควรจะต้ม ทอด ให้สุกก่อนเพื่อเป็นการละลายสารพิษ และเรายังสารมารถกินได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น

ที่มาข้อมูลและภาพ kappticer.com

cartoonthai




 

Create Date : 17 มกราคม 2556    
Last Update : 17 มกราคม 2556 8:15:03 น.
Counter : 2522 Pageviews.  

วันครูแห่งชาติ


วันครูแห่งชาติ

วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษาและวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุม จรรยาและวินัยของครูรักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัว ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู

       ด้วยเหตุนี้ในทุกปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และชักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคียาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา

       ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณ เป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมี สักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพ สักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับ คนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละ ทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง" จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึก ถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดี เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมากในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอ คณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริม ความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน

การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้ ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุการจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา ในปัจจุบันได้จัดรูปแบบ การจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทหลักดังนี้

กิจกรรมทางศาสนา
+พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์

+กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น

ดอกไม้ที่ใช้ในการไหว้ครู
       ในพิธีไหว้ครูนับตั้งแต่สมัยก่อน จะใช้ดอกไม้หลัก 3 อย่างในการทำพาน ซึ่งดอกไม้ ความหมายในการระลึกคุณครู ได้แก่
หญ้าแพรก สื่อถึง ขอให้เรียนได้เร็วเหมือนหญ้าแพรก ที่โตได้เร็วและทนต่อสภาพดินฟ้า อากาศ ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งเปรียบเสมือน คำดุด่าของครูบาอาจารย์
ดอกเข็ม สื่อถึง ขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เหมือนชื่อของดอกเข็ม
ดอกมะเขือ สื่อถึง การเปรียบเทียบว่า มะเขือนั้น จะคว่ำดอกลงเสมอเมื่อจะออกลูก แสดงถึง นักเรียนที่จะเรียนให้ได้ผลดีนั้นต้องรู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคนสุภาพเรียบร้อย เหมือนมะเขือที่โน้มลง
ข้าวตอก เนื่องจากข้าวตอกเกิดจากข้าวเปลือกที่คั่วด้วยไฟอ่อนๆ ให้ร้อนเสมอกันจนถึงจุดหนึ่งที่เนื้อข้างในขยายออก จนดันเปลือกให้แยกออกจากกัน ได้ข้าวสีขาวที่ขยายเม็ดออกบาน ซึ่งสามารถนำไปประกอบพิธีกรรม หรือทำขนมต่างๆได้ ดังนั้น ข้าวตอกจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบวินัย หากใครสามารถทำตามกฎระเบียบ เอาชนะความซุกซนและความเกียจคร้านของตัวเองได้ ก็จะเหมือนข้าวตอกสีขาวที่ถูกคั่วออกจากข้าวเปลือก


ที่มาข้อมูล blogspot.com
ที่มารูปภาพ teenee.com

cartoonthai




 

Create Date : 16 มกราคม 2556    
Last Update : 16 มกราคม 2556 14:28:04 น.
Counter : 2645 Pageviews.  

เมื่อเด็กอยากสูง



เมื่อเด็กอยากสูง

ลูกของท่านมีปัญหาต่อไปนี้หรือไม่

• ตัวเล็กมาตลอดเมื่อเทียบกับเพื่อนวัยเดียวกัน
• เติบโตช้ามาก ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 4 ซม. ต่อปี
• เพื่อนรุ่นเดียวบางคนที่เตี้ยกว่าหรือสูงพอๆ กัน ตอนนี้สูงกว่า
• ตัวเล็กมากทั้งที่บิดามารดาสูง

       "หากมี ควรรีบปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเด็กมีอาการซึมเศร้า โดนเพื่อนแกล้ง หรือการเรียนแย่ลง เนื่องจากโรคเตี้ยบางสาเหตุมีทางแก้ไขได้หากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ"

  การเจริญเติบโตในเด็กผิดปกติจะถูกกำหนดโดยพันธุกรรม

      แม้การเจริญเติบโตของคนจะเป็นไปตามพันธุกรรมก็ตาม แต่การที่เด็กจะมีการเจริญเติบโตที่ดีนั้นต้องประกอบด้วยปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆดังต่อไปนี้ มีภาวะโภชนาการดีและเหมาะสม มีสุขภาพทางจิตใจและอารมณ์ดี ปริมาณฮอร์โมนปกติ

      และสามารถออกฤทธิ์ได้ปกติไม่มีโรคเรื้อรังทางกายอื่นๆ มีการออกกำลังกายและ นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ และประการสุดท้ายไม่มีความผิดปกติที่จะส่งผลทำให้มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ ของกระดูก เช่น ยาหรือสารเคมีจากภายนอก

จะทราบอย่างไรว่าเด็กตัวเตี้ยกว่าเกณฑ์หรือเติบโตช้าผิดปกติ

          การประเมินการเจริญเติบโตว่าปกติหรือไม่ ทำได้โดยการเอาส่วนสูงของเด็กจุดลงบนกราฟมาตรฐานน้ำหนัก และส่วนสูงของเด็กไทยที่อายุและเพศเดียวกัน และพบว่าต่ำกว่าเปอร์เซนต์ไทล์ที่ 3 ก็ถือว่าเตี้ย และติดตาม อย่างต่อเนื่องเพื่อดูลักษณะกราฟการเจริญเติบโต กรณีที่ส่วนสูงไม่ต่ำกว่าเปอร์เซนต์ไทล์ที่ 3

         แต่หากพบว่า มีการเบี่ยงเบนจากเปอร์เซนต์ไทล์เดิมไปในทิศทางที่ต่ำลงก็ถือว่าผิดปกติเช่นกัน แต่ทั้งสองวิธีต้องมีกราฟ มาตรฐาน อีกวิธีที่สะดวกคือดูอัตรการเจริญเติบโตในระยะที่ผ่านมา เด็กวัยเรียนอายุ 4-9 ปีจะเติบโตประมาณ 5 ซม.ต่อปี

         ซึ่งสามารถหาดูได้จากสมุดพกนักเรียน เด็กที่สงสัยว่าจะมีการเจริญเติบโตผิดปกติควรได้รับการ ตรวจ วินิจฉัยโดยแพทย์แต่เนิ่นๆ เนื่องจากบางภาวะสามารถให้รักษาได้และได้ผลดีกว่าหากรักษาตั้งแต่อายุ น้อยๆ ไม่ ควรรอจนอายุมาก หรือจนมีลักษณะเป็นหนุ่มสาวจึงค่อยมาพบแพทย์เพราะทำให้การรักษาไม่ได้ ผลดีเท่าที่ควร หรือไม่ได้เลย

ข้อมูลที่ควรนำไปด้วยเมื่อพบแพทย์

          ส่วนสูงที่เคยวัดไว้ในสมุดพกนักเรียน นอกจากนี้ควรมีส่วนสูงบิดา-มารดา ผู้ที่นำเด็กไปพบแพทย์ควรเป็น บิดา-มารดาหรือคนใดคนหนึ่ง เพราะแพทย์จะซักรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วยและประวัติอดีตของ เด็กด้วย หากแพทย์พบว่าเด็กเตี้ยหรือเติบโตช้าจริง

          แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อแยก สาเหตุทางกายอื่นๆที่ชัดเจนออกไป หากพบว่ามีข้อบ่งชี้หรือสงสัยว่าจะมีความผิดปกติทางฮอร์โมน แพทย์ จะนัดตรวจทางห้องปฎิบัติการต่อมไร้ท่ออีกครั้งหนึ่ง

ฮอร์โมนที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตหลังคลอด

          ฮอร์โมนที่มีผลต่อการเจริญเติบโตหลังคลอด ได้แก่ อินซูลิน ฮอร์โมนเติบโต ธัยรอยด์ฮอร์โมน และฮอร์โมนเพศ

         ฮอร์โมนที่พบบ่อยถ้าขาดและทำให้การเจริญเติบโตช้า ได้แก่ ฮอร์โมนเติบโต ธัยรอยด์ฮอร์โมน "เด็กเตี้ยที่มีสาเหตุจากขาดฮอร์โมนเติบโตและธัยรอยด์ฮอร์โมนสามารถรักษาได้ผลดีหากตรวจพบ และ รักษาแต่เนิ่นๆ

      การตรวจความผิดปกติที่เกิดจากการขาดธัยรอยด์ฮอร์โมน

         ทำได้ง่ายเพียงเจาะเลือดตรวจหาระดับธัยรอยด์ฮอร์โมนเพียงครั้งเดียว หากพบว่าขาดจริงการรักษาทำโดย การให้ฮอร์โทนทดแทนทางปาก

   การตรวจหาความผิดปกติที่เกิดจากการขาดฮอร์โมนเติบโต

         การตรวจหาระดับฮอร์โมนเติบโตแตกต่างไปจากการเจาะเลือดโดยทั่วๆไป จำเป็นต้องให้ยากินหรือฉีดยา กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเติบโตก่อน ดังนั้นคนไข้ต้องงดอาหารก่อนวันทดสอบ

         ระหว่างการทดสอบคนไข้ จะอยู่ภายใต้การดูแลของพยาบาล และแพทย์โดยใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าผลการทดสอบสามารถแปลผลได้ แม่นยำ คนไข้บางรายอาจต้องทำการทดสอบ 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าคนไข้ขาดฮอร์โมนนี้จริงๆ

การรักษาคนไข้ที่ขาดฮอร์โมนเติบโต ทำโดยการฉีดฮอร์โมนเติบโตเข้าใต้ผิวหนัง

         คนไข้ที่จะตอบสนองดีต่อการให้การรักษาด้วยการฉีดฮอร์โมนเติบโต คือคนไข้ที่ขาดฮอร์โมนเติบโตจริงๆ หากขาดมากจะตอบสนองดีกว่ารายที่ขาดไม่มาก ดังนั้นก่อนให้ฮอร์โมนเติบโตจึงจำเป็นต้องทำการทดสอบ ทุกราย

ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษา

         การรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนเติบโตจะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับอายุที่เริ่มให้การรักษา ความรุนแรงของการ ขาดฮอร์โมน ขนาดของฮอร์โมนที่ให้ วิธีการให้ และระยะเวลาที่ได้รับการรักษา การรักษาจะได้ผลดีหากให้ การรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม

         โดยสรุปเด็กที่มีปัญหาเติบโตช้าหรือตัวเตี้ย ควรนำเด็กไปพบแพทย์ก่อนที่เด็กจะมีลักษณะเข้าวัยหนุ่มสาว นำส่วนสูงของที่วัดไว้ก่อนหน้านี้ในสมุดวัคซีนและสมุดพกนักเรียนไปด้วย หากไม่มีสมุดวัคซีนหรือสมุดพก สามารถขอบันทึกการวัดได้จากสถานพยาบาลหรือโรงเรียนโดยตรง

         ส่วนสูงของบิดาและมารดา อายุที่เริ่ม เข้าวัยหนุ่มในบิดา(ถ้าหากจำได้) และอายุที่เริ่มมีประจำเดือนในมารดา บิดาและหรือมารดาควรไปกับเด็ก ด้วยเพื่อให้ประวัติเด็กกับแพทย์ผู้ดูแล เพื่อฟังคำแนะนำและแนวทางในการตรวจรักษา นอกจากนี้เด็กบาง รายอาจต้องการความช่วยเหลือดูแลจากแพทย์ทางจิตเวชเด็กอีกด้วย



ที่มาข้อมูล จาก โรงพยาบาลพญาไท
ที่มารูปภาพ isabye.com




[ดูภาพทั้งหมดในหมวด]



cartoonthai




 

Create Date : 15 มกราคม 2556    
Last Update : 15 มกราคม 2556 8:13:22 น.
Counter : 1693 Pageviews.  

ทำไมนกถึงยืนหลับบนต้นไม้ได้



นกเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่บนต้นไม้หรือที่สูงๆเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมันจะมีความสามารถพิเศษในการยืนบน
ต้นไม้ในขณะที่มันหลับได้โดยที่ไม่ตกลงมา ทั้งนี้เป็นเพราะนกที่เกาะบนต้นไม้โดยสัญชาตญาณของมัน
มันจะงอขาทันทีที่เกาะต้นไม้ ซึ่งขณะที่งอขานั้น เส้นเอ็นที่ต่ออยู่กับกล้ามเนื้อก็จะดึงยึดนิ้วขาให้งอเข้ามา
ทำให้นิ้วขาของนกจับแน่นอยู่กับกิ่งไม้ ทำให้ไม่ตกลงมาแม้ในเวลาหลับ ซึ่งหากขานกไม่ตั้งตรงขึ้น นิ้วเท้า
ของมันก็จะไม่คลายออกเด็ดขาด

ที่มาข้อมูล sarakade.itgo.com

ที่มารูปภาพ local.environnet.in.th

cartoonthai




 

Create Date : 14 มกราคม 2556    
Last Update : 14 มกราคม 2556 8:23:11 น.
Counter : 2497 Pageviews.  

คุณค่าของปลาทูไทย



สำหรับวันนี้เราได้นำเอา สาระน่ารู้ เกี่ยวกับเรื่องของ ปลาทูไทยมาให้ความรู้กันทราบหรือไม่ว่า ปลาทูไทย  นั้นมีประโยชน์มากมายไม่น้อยหน้าชาติอื่นเลยทีเดียว เนื่องจากปลาทูไทยนั้นมีสารโอเมก้า 3 อยู่มากและที่สำคัญราคาถูกไม่แพง และทีเด็ดของมันอยู่ที่เนื้อปลาซึ่งเนื้อจะนุ่มหวานอร่อยถูกปากคนไทยเป็นที่สุด ซึ่งในเนื้อปลาทู 100 กรัม นั้นจะมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ2-3 กรัม มันเป็นปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของเรา เพราะร่างกายของเรานั้นมีความต้องการโอเมก้า 3 อยู่ประมาณ 3 กรัม/วัน

หลายๆ คนนั้นเชื่อกันว่าหากใครทานปลาทูแล้วจะเป็นคนฉลาด อันนี้ต้องยอมรับค่ะว่าได้ผลจริงๆ ไม่ใช่เรื่องโกหกใดๆ ทั้งสิ้น เพราะการที่เราทานปลาที่มีโอเมก้า 3นั้นมันจะช่วยไปเสริมการเติบโต ช่วยบำรุงสมองให้มีความแข็งแรงและฉลาดมากขึ้นไม่ว่าจะเด็กไปจนถึงผู้สูงอายุที่มีความจำเริ่มเสื่อมไปเรื่อยๆ สำหรับการที่เราทานโอเมก้า 3 นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาเช่นกันเนื่องจากมันจะช่วยให้ร่างกายของเรานั้นแข็งแรง

อย่างไรก็ตามแต่การที่เราทานโอเมก้า 3 เข้าไปนั้นควรจะรับประทานในปริมาณที่มากพอสมควรมันจึงจะเกิดประโยชน์ได้สูง เพราะฉะนั้นการที่เรารับประทานปลาทูในปริมาณที่พอสมควรก็จะได้รับประโยชน์มาก แต่ถึงแม้ว่าคุณจะทานอาหารเสริมเช่น น้ำมันปลา  มันก็จะเกิดผลประโยชน์ได้น้อยกว่าการทานปลา เอาล่ะสำหรับใครที่อยากมีสุขภาพแข็งแรงและฉลาดต้องหันมาทานปลากันแล้ว


ที่มาข้อมูลและภาพ kappticer.com

cartoonthai




 

Create Date : 13 มกราคม 2556    
Last Update : 13 มกราคม 2556 9:44:48 น.
Counter : 1861 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.