ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

คลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด ดีนะ



การคลอดในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 2 วิธีการหลักๆ คือ การคลอดเองตามธรรมชาติ และการผ่าตัดคลอด

การเลือกว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย คุณแม่ควรตัดสินใจร่วมกับสูติแพทย์ที่ฝากครรภ์ โดยดูจากข้อจำกัดหรือปัจจัยต่างๆ หมอจะอธิบายคร่าวๆ ว่าการผ่าตัดคลอดเกิดขึ้นในกรณีใดบ้าง

1. คุณแม่ตัวเล็ก, ทารกตัวโต หรือแพทย์ตรวจพบว่า อุ้งเชิงกรานของแม่ไม่สมดุลกับขนาดของทารก
2. ท่าของทารกไม่เหมาะสม เด็กไม่เอาหัวลงมาในอุ้งเชิงกรานของแม่ แต่เอาก้นหรือเท้าลงมาแทน เด็กบางคนอาจนอนขวางกลางหน้าท้องของแม่เสียเลย อย่างนี้คลอดเองไม่ได้ค่ะ
3. ภาวะครรภ์แฝด ท้องคุณแม่ใหญ่มาก แพทย์จะแนะนำว่า ควรผ่าตัดคลอด
4. คุณแม่เคยมีประวัติผ่าตัดคลอดในท้องแรก หากท้องนี้คลอดเอง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการที่มดลูกจะแตกในช่วงเจ็บท้องหรือช่วงเบ่งคลอด การผ่าตัดคลอดจึงปลอดภัยกว่า
5. คุณแม่มีโรคประจำตัวที่ทำให้เบ่งคลอดไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือแม่อายุมาก ไม่มีแรงเบ่งคลอด อย่างหลังนี่พบบ่อยในยุคปัจจุบัน เพราะผู้หญิงแต่งงานช้า ทำให้มีบุตรช้า กว่าจะมีลูกคนแรกก็อายุมากแล้ว
6. เกิดภาวะที่ทำให้คลอดเองไม่ได้ หรือคลอดไม่ออกในช่วงที่รอคลอด เช่น ปากมดลูกเปิดค้างอยู่แค่ 6 เซนติเมตร หัวลูกเริ่มบวม ปากมดลูกไม่เปิดต่อ หรือกราฟหัวใจเด็กลดลง หากมีภาวะเหล่านี้ สูติแพทย์จะตัดสินใจผ่าตัดคลอดเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และทารกค่ะ

อยากคลอดเองแต่กลัวเจ็บมีทางแก้
สำหรับคุณแม่ที่อยาก คลอดธรรมชาติ แต่กลัวว่า ช่วงที่เจ็บท้องคลอดจะเจ็บจนทนไม่ไหว หมอแนะนำให้เลือกวิธี ฉีดยาชาที่ไขสันหลัง หรือที่เรียกว่า บล็อกหลัง อย่างที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ค่ะ

ส่วนใหญ่แพทย์จะบล็อคหลังเมื่อคุณแม่เริ่มเจ็บครรภ์พอประมาณ ปากมดลูกเปิดประมาณ 4-5 เซนติเมตร จะทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บท้องคลอด ตอนที่คุณหมอเย็บซ่อมแผลช่องคลอดก็จะไม่เจ็บเหมือนกัน ยาชานี้ไม่ผ่านไปสู่ทารก ดังนั้นจึงปลอดภัยกับลูก คุณแม่ที่ตั้งใจจะผ่าตัดคลอด ก็สามารถเลือกวิธีบล็อคหลังได้เช่นเดียวกัน ตอนผ่าตัดจะไม่เจ็บ และได้เห็นหน้าลูกทันทีที่ลูกเกิด ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบแล้วหลับตลอดการผ่าตัด แต่ถ้าคุณแม่กลัวบรรยากาศตอนผ่าตัด ก็เลือกใช้ยาสลบแทนได้

ปรับตัวหลังผ่าคลอด
ในการคลอดแต่ละครั้งไม่ว่าจะคลอดด้วยวิธีใด คุณแม่จะต้องเสียเลือดมาก ดังนั้นคุณแม่จึงควรกินยาบำรุงเลือดเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนที่ท้องอ่อนๆ (ประมาณสัปดาห์ที่ 12) ไปจนถึงช่วงคลอด จะได้มีเรี่ยวแรงไว้เลี้ยงเจ้าตัวเล็กที่คลอดออกมา ถ้าคุณแม่ซีดเพราะไม่ได้กินยาบำรุงเลือด หลังคลอดคุณแม่อาจมีอาการวิงเวียนและหมดแรงได้
สำหรับคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอด หลังผ่าตัด 1 วัน คุณแม่ก็สามารถลุกเดินเองได้ตามปกติแล้วค่ะ ลุกเดินไปดูลูกที่ห้องเด็กอ่อน และสามารถเดินเข้าห้องน้ำเองได้ อาจจะรู้สึกปวดแผลบ้าง แต่จะไม่ปวดมากเท่าใด สายน้ำเกลือและสายปัสสาวะที่ระโยงระยางช่วงผ่าตัดคลอดก็เอาออกไปได้หมด

ข้อควรระวังก็คือ ในช่วง 2-3 เดือนหลัง ผ่าคลอดคุณแม่ไม่ควรยกของหนักหรือทำงานหนัก เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดบวมนูน กลายเป็นแผลเป็นไม่สวย ระหว่างนี้หมอแนะนำให้ใช้ครีมทาป้องกันแผลเป็น เริ่มทาได้ตั้งแต่ปลายสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด และทาต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนที่สาม แต่ถ้าแผลผ่าตัดยังเป็นแผลนูนอยู่ คุณแม่อาจปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อฉีดสเตียรอยด์ หรือรักษาด้วยเลเซอร์ก็ได้

ผู้เขียน: แพทย์หญิง สิรนาถ นุชนาถ สูตินรีแพทย์ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
คุณแม่ของน้องมะปราง เด็กหญิงปรางญรีย์ มีแต้ม วัย 3 ขวบ 8 เดือน และน้องปังปอนด์ เด็กชายธีทัต มีแต้ม วัย 2 ขวบ 2 เดือน


ที่มาข้อมูลและภาพ postjung.com




 

Create Date : 07 มีนาคม 2556    
Last Update : 7 มีนาคม 2556 8:19:00 น.
Counter : 2038 Pageviews.  

อาหารว่างที่ไม่ทำให้อ้วน



ถ้าคุณกำลังมองหาอาหารสำหรับมื้ออาหารว่างดีๆซักอย่าง และไม่อยากอ้วน ลองดู...

     +คะน้าแผ่นกรอบ ทำได้ง่าย ๆ เพียงล้างคะน้าให้สะอาด แยกเป็นใบ ๆ เหยาะน้ำมันมะกอก เกลือ และพริกไทย นำเข้าอบในเตาด้วยอุณหภูมิ 350 เป็นเวลา 10 นาที คุณจะได้คะน้าแผ่นกรอบสุดอร่อย

     +เซเลอรี่กับครีมชีส เซเลอรี่มีความกรอบ เคี้ยวเพลินนำมาจิ้มกับครีมชีสแบบไขมันต่ำ เป็นของว่างที่ได้ประโยชน์มาก เพราะได้ทั้งวิตามิน ไฟเบอร์จากเซเลอรี่ และยังได้โปรตีนจากชีสซึ่งคุณสามารถเพิ่มเติมความอร่อยด้วยการเติมหัวหอม หรือเครื่องเทศอื่น ๆ ได้ตามชอบ

     +เบอร์รี่พาเฟ่ต์ เป็นของว่างที่ดูหรูแต่ทำได้ง่าย แถมยังไขมันต่ำ โดยให้ใช้โยเกิตไขมันต่ำ หรือปราศจากไขมัน เทเป็นชั้นสลับกับเบอร์รี่ชนิดต่าง ๆ (สตรอเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่ ฯลฯ) สามารถกินได้ทั้งร่วมกับอาหารเช้า หรือก่อนนอนก็ยังไหว

     +เมล็ดฟักทองอบอร่อย แล้วยังมีทั้งแอนตี้ออกซิแดนท์ และไฟเบอร์ คุณสามารถแพ็กใส่ถุงซิปล็อกพกพาไปเป็นอาหารว่างแบบติดตัวได้ทุกที่

     +ไข่ต้มแข็ง ให้โปรตีนที่เป็นประโยชน์ที่สำคัญต้านความหิวได้ดีมาก เทรนเนอร์มักแนะนำให้ซื้อไข่ 1 แผงมาต้มให้แข็งแล้วเก็บไว้ ใช้เป็นอาหารว่างตลอดสัปดาห์ บางคนอาจชอบทั้งฟอง หรือเลือกเฉพาะไข่ขาวก็ได้ทั้งนั้นค่ะ

ที่มาข้อมูลและภาพ thaiza.com




 

Create Date : 06 มีนาคม 2556    
Last Update : 6 มีนาคม 2556 11:38:51 น.
Counter : 2269 Pageviews.  

ทำไมควรกินโยเกิร์ตหลังกินยา



ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของการกินยาปฏิชีวนะคือ ยาจะไปทำลายแบคทีเรียที่สร้างวิตามินบีในลำไส้เล็ก อย่าเพิ่งวิตกไปคะ เรามีวิธีกู้แบคทีเรียดีๆในลำไส้เล็กให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างขันแข็ง

วิธีการคือ หลังจากรับประทานยาปฏิชีวนะจนครบตามที่แพทย์สั่ง เราควรรับประทานโยเกิร์ต วันละ 1 ถ้วย นาน 2 สัปดาห์ เพราะโยเกิร์ตจะมีจุลินทรีย์ที่เข้าไปช่วยทดแทนแบคทีเรียที่ถูกทำลายไป และช่วยให้ลำไส้เล็กทำงานได้อย่างเป็นปกติ และควรเลือกกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่มีรสชาติไม่หวานจะเป็นผลดีต่อสุขภาพมากกว่า


ที่มาข้อมูลและภาพ thaiza.com




 

Create Date : 05 มีนาคม 2556    
Last Update : 5 มีนาคม 2556 8:25:28 น.
Counter : 2143 Pageviews.  

อันตรายจากน้ำมะนาวเทียม



ใครที่ชอบทานส้มตำคงคุ้นตาดีกับภาพแม่ค้าขายส้มตำปรุงรสด้วยน้ำมะนาวสีเขียว ใสๆ ที่บรรจุอยู่ในขวดแก้ว (อันที่จริงก็ไม่ถึงกับทุกร้านหรอกนะครับ) น้ำมะนาวที่เห็นนั้นเรียกว่าน้ำมะนาวเทียมหรือเกร็ดมะนาว ให้มีรสเปรี้ยวแหลม ราคาถูก อีกทั้งยังมีสีสันคล้ายคลึงกันกับน้ำมะนาวจริงเกือบทุกประการ

สิ่งที่ต้องระวังสำหรับผู้ที่ทานน้ำมะนาวเทียมเป็นประจำก็คือ เครื่องปรุงรสดังกล่าวผลิตมาจากกรด “ซิตริก” ซึ่งถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม มีความบริสุทธิ์น้อยและมีสารปนเปื้อนที่สำคัญสามารถย่อยสลายสิ่งต่างๆได้ ไม่เว้นแม้แต่อวัยวะภายในระบบทางเดินอาหารของผู้บริโภค ผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสแซบทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นต้มยำ ส้มตำ หรือแม้แต่น้ำหวานหรือไอศกรีมรสมะนาวต้องคอยสังเกตวัตถุดิบที่พ่อค้า – แม่ค้าใช้ดูให้ดี

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของอาหารที่มีสารปนเปื้อนในความเป็นจริงแล้ว อาหารต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรม และมุ่งหวังผลประโยชน์การค้าเป็นสำคัญล้วนมีสารพิษชนิดใดชนิดหนึ่งที่เจือปนอยู่ทั้งนั้น นับเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งของมนุษย์ยุคปัจจุบันที่ไม่อาจสืบทราบที่มา ตลอดจนเส้นทางการเดินทางของอาหารที่ตนทานได้

หนทางป้องก้น จึงควรที่จะหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีสารปนเปื้อน หรือใช้วิธีการบริโภคอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน หรือใช้วิธีการรับประทานอาหารเหล่านี้หมุนเนียนสับเปลี่ยนทานอาหารให้ได้หลากหลายประเภทโดยไม่ซ้ำหน้ากันก็จะช่วยลดความเสี่ยงสะสมในการรับและสะสมสารพิษภายในร่างกายลงได้
ส่วนการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลายาวนาน


ที่มาข้อมูลและภาพ eduzones.com




 

Create Date : 04 มีนาคม 2556    
Last Update : 4 มีนาคม 2556 13:45:33 น.
Counter : 2543 Pageviews.  

วิธีเลือกซื้อผักสด



  การรับประทานผักสดมีประโยชน์ต่อร่างกาย วันนี้มีวิธีเลือกซื้อผักสดไว้รับประทานมาบอกกัน

ผักสดเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ คือเป็นอาหารที่ให้วิตามิน และเกลือแร่ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการรักษาสมดุลของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงเจริญเติบโต มีระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่ดี

     อย่างไรก็ตาม ผักสดอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ถ้าหากผักสดมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค พยาธิ และสารเคมีที่เป็นอันตราย

การเลือกซื้อผักสด มีดังนี้
     1. ควรเลือกซื้อผักสดที่สะอาดไม่มีคราบดิน หรือคราบขาวของสารพิษกำจัดศัตรู พืช หรือเชื้อราตามใบ ซอกใบ หรือก้านผัก

     2. เลือกซื้อผักสดที่มีรูพรุน เป็นรอยกัดแทะของหนอนแมลงอยู่บ้าง ไม่ควรเลือก ซื้อผักที่มีใบสวยงาม เพราะถ้าหากว่าหนอนกัด เจาะผักได้ แสดงว่า มีสารพิษ กำจัดศัตรูพืชในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายมาก

     3. เลือกซื้อผักสดอนามัย หรือผักกางมุ้ง ตามโครงการพิเศษของกรมวิชาการ เกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

     ถ้าจะเลือกซื้อผักสดครั้งหน้า อย่าลืมเลือกซื้ออย่างถูกวิธี จะได้มีผักสดที่ปลอดภัยไว้รับประทาน

ที่มาข้อมูล ezythaicooking.com
ที่มารูปภาพ dbdmart.com





 

Create Date : 03 มีนาคม 2556    
Last Update : 3 มีนาคม 2556 10:00:53 น.
Counter : 3765 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.