ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

รวมเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในโลก

จาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวทางตอนเหนือของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ที่ผ่านมา ความรุนแรงของมันนั้นได้ถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงที่สุดในโลกที่เคยได้บันทึกไว้ จากการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ

แผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้และมีความรุนแรงมากที่สุดที่เคยบันทึุกไว้ มีดังนี้

Chile, ปี 1960

ความรุนแรง 9.5 ริกเตอร์

แผ่นดินไหวครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ทางตอนใต้ของชิลีในปี 1960 มีผู้เสียชีวิตเกือบ 2,000 คน และก่อให้เกิดความเสียหายไปจนถึงฝั่งสหรัฐฯ นอกเหนือจากจะมีสึนามิ สองวันหลังจากนั้นได้เกิดภัยพิบัติภูเขาไฟ Puyehue ระเบิดขึ้นอีก

Alaska, ปี 1964

ความรุนแรง 9.2 ริกเตอร์

นานถึงสี่นาทีกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใต้เขตทะเล Prince William Sound ทำให้เกาะหนึ่งเคลื่อนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 18 เมตร และฆ่าผู้คนไป 131 ราย

Sumatra, ปี 2004

สึนามิที่เกิดขึ้นในวันสิ้นปี 2004 ที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 21 มีผู้เสียชีวิตกว่า 228,000 คนจาก 14 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยของเรา และความสั่นที่วัดได้จากทั่วโลก



Kamchatka, ปี 1952

ความรุนแรง 9.0 ริกเตอร์

เหตุเกิดในคาบสมุทรรัสเซีย แผ่นดินไหวในเขตนี้เมื่อปี 1952 ได้เกิดสึนามิที่สร้างความเสียหายถึง 1 ล้านเหรียญฯ และไกลถึงฮาวาย อย่างไรก็ตามจำนวนผู้เสียชีวิตในครั้งนี้มีจำนวนไม่สูง

Japan, ปี 2011

ความรุนแรง 8.9 ริกเตอร์เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิล่าสุดที่เกิดขึ้นทางตอนเหนือของ ญี่ปุ่น หลายล้านคนปราศจากไฟฟ้าใช้และหลายพันคนต้องอพยพทิ้งบ้าน



Chile, ปี 2010

ความรุนแรง 8.8 ริกเตอร์

521 คนทางตะวันตกเฉียงใต้ของชิลีเสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ (กุมภาพันธ์ 2010) และกว่า 800,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัยเพราะบ้านเรือนของพวกเขาถูกทำลายยับ

Sumatra, ปี 2005

ความรุนแรง 8.6 ริกเตอร์

ชาวอินโดนีเซียบนเกาะ Nias ต้องได้รับความทุกข์ยากเป็นที่สุดจากแผ่นดินไหวเมื่อปี 2005 ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,000 คน



Assam, ปี 1950

ความรุนแรง 8.6 ริกเตอร์

ภาพการเจริญเติบโตของชาในดินแดน assam แสดงถึงกว่า 70 หมู่บ้านที่เคยถูกทำลายจากแผ่นดินไหวเมื่อปี 1950 ซึ่งแรงสะเทือนไปถึงเกาะอังกฤษ มีการบันทึกว่ามีผู้เสียชีวิต 780 รายแม้ว่าความเป็นจริงดูแล้วจะมีมากกว่านั้น

Alaska, 1965

ความรุนแรง 8.7 ริกเตอร์

หนึ่งปีหลังการเกิดแผ่นดินไหวใต้เขตทะเล Prince William Sound มีผู้ติดเกาะอยู่ที่ Aleutian ความเสียหายในพื้นที่ได้รับการควบคุมเนื่องจากการสื่อสารของกลุ่มชาวประมงใน เขตตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิค




 

Create Date : 17 มีนาคม 2554    
Last Update : 17 มีนาคม 2554 8:45:00 น.
Counter : 1830 Pageviews.  

20 วิธี ยกระดับความสมาร์ทในตัวคุณ



ทุก คนต้องการที่จะ Smart เพราะในโลกปัจจุบัน การที่จะอยู่รอดได้มันไม่ง่ายสักเท่าไหร่ จากเด็กเล็กในโรงเรียนสู่การเป็นผู้ใหญ่ในโลกธุรกิจ แต่การที่เราจะเฉียบคม หลักแหลม นำสมัย และน่ามอง แม้ว่าบางคนจะโชคดีที่เกิดมาพร้อมกับคุณสมบัติดังกล่าว แต่อีกหลาย ๆ คนต้องอาศัยประสบการณ์

ลองปฏิบัติตามเคล็ดลับง่าย ๆ บางอย่างต่อไปนี้ เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตและบุคลิกภาพที่ดีขึ้น

1. ลองทำตารางกำหนดเป้าหมายสำหรับตัวคุณเอง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หลายคนสับสนกับแพลนของตัวเอง เงองะเฟอะฟะไปหมด

ลองนึกภาพตามนะคะ มีคนโทรมาถามว่าคุณว่างในอีกอาทิตย์ไหม เออ อือ ไม่รู้ดี ไม่แน่ใจ คือจำไม่ได้จริง ๆ ขอเช็คดูก่อนนะ อ้าวสมุดนัดไปไหนแล้ว เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะคะ ...สองนาทีผ่านไป.. อ้อเจอแล้วคะ ว่าง ๆ ค่ะ

สองชั่วโมงผ่านไป..ตายล่ะขอโทษที พอดีลืมอีกนัดหนึ่งที่เขานัดมาก่อนแล้ว จดไว้แล้วในกระดาษแต่มันตกไปได้โต๊ะ ขอนัดเป็นวันศุกร์แทนนะคะ

ถึงวันนั้นคุณกระเชอะกระเชิงมาพร้อมหัวที่ยังหมาด ๆ เพราะคุณไดร์ไม่ทัน และมาสายไปเกือบยี่สิบนาที พร้อมกับเหตุผลหลากหลาย

ถามว่าถ้าประชุมนี้เป็นประชุมที่กำหนดอนาคตของคุณ คุณจะมีอนาคตที่ดีได้ไหมคะ แล้วคนที่ดิฉันบรรยายมาให้ฟังนี้เป็นคนสมาร์ทไหม แล้วคุณมีบางอย่างที่เหมือนเธอไหม ถ้าใช่ต้องเปลี่ยนแล้วค่ะ... ดังนั้น จึงควรรู้จักการจัดระเบียบและการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เช่น การวางแผนการทำงาน การทำงานชิ้นสำคัญตามลำดับในแต่ละวัน การสร้างวินัยให้กับตนเอง

2. ต้องแน่ใจว่าคุณจัดและบริหารเวลา และลำดับการทำงานถูกต้องเหมาะสม และทำสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก ๆ จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

หลายคนจัดลำดับของงานผิด ทั้งระบบในชีวิตก็รวนไปหมด มีงานสำคัญๆ อยู่ 30% ที่ทำแล้วให้ผลลัพธ์ถึง 70% ของงานทั้งหมด ในขณะที่งานอีก 70% ที่เหลือถึงทำเสร็จก็จะให้ผลแค่ 30% เท่านั้น และคนส่วนมากก็ยังหมกมุ่นกับงานแบบนั้นจนเสียระบบ

ตอนเด็ก ๆ จำได้ไหมคะว่า คุณครูเคยสอนว่าเราสามารถแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

(A) งานสำคัญและเร่งด่วน : ฝากใครทำไม่ได้ ต้องทำเองทันที เร่งด่วน รอช้าไม่ได้และต้องสำเร็จด้วย

(B) งานสำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน : ฝากใครทำไม่ได้ ต้องทำเอง แต่ไม่ด่วนมาก ต้องจัดสรรเวลามาทำ และต้องสำเร็จด้วย

(C) งานไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน : ฝากคนอื่นทำได้ แต่ต้องทำทันที ไม่ควรช้า

(D) งานไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน : ฝากใครทำก็ได้ ถ้าว่างจริง ๆ แล้วจะทำงานอย่างนี้อาจผลัดไปได้ ไม่เสร็จก็ไม่เสียหายอะไร

ถ้าคุณจัดตารางดี ๆ คุณก็จะมีสมาธิในการทำงาน ไม่ต้องพะวงในหลายเรื่อง การทำงานไม่ซ้ำซ้อน

3. พยายามที่จะปรับปรุงคำศัพท์หรือทักษะใหม่ ๆ ของคุณ โดยการอ่านหนังสือดี ๆ ซึ่ง จะทำให้ภาษาของคุณอุดมไปด้วยการเพิ่มพูนทักษะของคุณ หรือแม้แต่ดูหนังภาคภาษาอังกฤษ หรือฟังเพลงแล้วอ่านเนื้อเพลงไปด้วย เพื่อคุณจะได้เข้าเพลงมากขึ้น

4. ดูข่าวและรับทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกซะบ้าง ไม่ ใช่ดูแต่ละครน้ำเน่า ที่นำมาทำใหม่ตั้งแต่รุ่นยายยันหลาน หมั่นเพิ่มความรู้ทั่วไปและเหตุการณ์ปัจจุบันด้วยการดูอะไรที่ต่างออกไปบ้าง เถอะ

ดิฉันแอบเห็นบางคนคอมเมนท์เพื่อนใน Facebook ถึงภาพเขียนชื่อดังของศิลปินที่ใครต่างรู้จักว่าภาพนี้วาดเองเหรอ สวยจัง หรือภาษาอังกฤษ บางคำว่าแปลว่าอะไรอ่ะ ดิฉันอยากจะเมนท์ไปบอกว่า "ที่รักจ๊ะ แอ๊บแบ๊วน่ะ บางครั้งก็น่ารักดี แต่แอ๊บแบ๊วนี่ไม่ไหวนะจ๊ะ ถ้าบังเอิญคุณไม่รู้จริง ๆ หาความรู้ใส่ตัวซะบ้าง จะได้ดูดีขึ้นนิดหนึ่ง"

5. ลองหัดอ่านหรือค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ที่คุณไม่เคยสนใจดูบ้างนะคะ คำพูดตลกและคำคมต่าง ๆ ก็ช่วยให้คุณมีคำพูดเก๋ ๆ ไว้ชวนคนคุณได้ หรือการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น หลายคนกลัวที่จะพูดคุยกับคน ขึ้นลิฟท์แล้วก้มหน้างุด ๆ ทำอย่างกับว่ากลัวใครจะพูดด้วย ถ้าหันหน้าเข้ามุมได้ก็คงทำไปแล้ว รู้ไหมว่าคนรอบข้าง เขารับรู้ความรู้สึกของคุณดีกว่าที่คุณคิด แล้ววันหนึ่งคุณก็จะถูกลืมจริง ๆ

ลองหาข้อมูลตาม internet ว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ทักษะของคุณในเรื่อง 'Elevator Pitch' ดีขึ้น แล้ว Elevator Pitch คืออะไรล่ะ

Elevator Pitch คือการพูดคุย หรืออธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่งภายในหนึ่งนาที บางคนมีเสน่ห์มากขนาดที่ทำให้ใครก็ได้สนใจตัวคุณภายในช่วงเวลาในลิฟท์ ล็อบบี้ ถึงชั้นที่คุณต้องการ แล้วมันสำคัญอย่างไรเหรอคะ

สำคัญมากค่ะ สมมุติว่าคุณกำลังเสนอโปรเจ็กต์บางอย่างให้ลูกค้าอยู่ แล้วบังเอิญคุณกับลูกค้าบังเอิญขึ้นลิฟท์ด้วยกัน หรือเจอกันตรงทางเดินคุณต้องรู้วิธีที่จะทำให้คุณเป็นที่น่าสนใจขึ้น หรือถ้าบังเอิญคุณเจอหนุ่มแบบที่คุณตามหามาทั้งชีวิต คุณต้องมีคำพูดที่ชาญฉลาดที่จะทำให้เขาต้องย้อนกลับมานัดคุณทานข้าวให้ได้

หาแรงบันดาลใจจากหนังสือดี ๆ หรือภาพยนตร์ การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ หรือการค้นพบใหม่ ๆ สิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจเหล่านี้จะให้ข้อมูลที่จะช่วยคุณในการโต้ตอบกับคน อื่น ๆ อย่างมีไหวพริบ

6. เป็นผู้ฟังที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าคุณต้องการจะดูดีและสมาร์ท การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นในสิ่งที่คุณอาจไม่เห็นด้วย แต่พยายามที่เปิดกว้างและสังคมได้อย่างอิสระ

7. ใจดี เป็นมิตรและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างสบาย ๆ เป็นสัญญาณของคนที่เป็นผู้ใหญ่ มีระดับ และสง่างาม นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะรู้สึกมั่นใจ

เคยมีคนกล่าวว่าคนที่หลบเลี่ยงไม่พูดคุยหรือสื่อสารกับคนรอบข้างไม่สามารถ ประสบความสำเร็จได้ เพราะการทำงานทุกอย่างต้องมีการสื่อสารแม้แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว

8. การออกกำลังกายสมองของคุณโดยการแก้ปริศนา จะทำให้คุณเก่งและปรับตัวได้เร็วกับทุกเรื่อง คณิตศาสตร์ผลรวมการปฏิบัติทางจิตใจเพื่อเพิ่มความเร็วของคุณ เรียนรู้เทคนิคการเปลี่ยนแปลงสำหรับการทำสิ่งที่ซับซ้อน เพื่อให้ตัวเองล้ำหน้ากว่าผู้อื่น

9. จงมีความสุขกับผู้อื่นในความสำเร็จของผู้อื่น และส่งเสริมพวกเขาโดยแสดงความยินดีอย่างจริงใจ แต่ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกยินดี คุณควรฝึกความคิดของคุณให้ยินดี

การที่คุณขี้อิจฉาและทนไม่ได้ที่จะรับรู้ความสำเร็จของคนอื่น คุณนั่นแหละที่จะทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช และแน่นอนว่าไม่มีสาวสมาร์ทคนไหนดูดี ได้ด้วยความรู้สึกสมเพชจากคนรอบข้าง

10. ลองเท่าที่เป็นไปได้ที่จะรู้สึกว่าคุณควบคุมชีวิตของคุณได้ ทำไมเหรอคะ เพราะนำไปสู่การมีอายุยืนยาว และดูดี

เมื่อก่อนดิฉันมักหงุดหงิดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะเห็นเรื่องเล็กน้อยเป็นเรื่องใหญ่โต เดียวนี้แม้จะมีเรื่องให้น่าอารมณ์เสียแบบไม่มีเหตุผล ที่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ ดิฉันกลับมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำให้ทุกอย่างมันเล็กลง ก็ไม่มีอะไรทำให้คุณขุ่นเคืองนาน ไม่มีอะไรทำให้คุณสั่นคลอน และนั่นทำให้คุณมั่นคงขึ้น และเมื่อมั่นคงก็ทำให้คุณดูสมาร์ทขึ้นเช่นกัน

11. จงเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนร่ำรวย หรือไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ จงมีความสุขและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเชื่อว่าคุณมีดี และคุณทำได้

จำไว้ว่าความสุขนั้นคือความพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงานทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะ ของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอกเท่านั้น

ดังนั้น เมื่อคุณไม่วิ่งวุ่นทุรนทุรายหาความมั่งคั่ง หรือความสำเร็จ และไม่เศร้าใจเวลาเห็นคนอื่นมี คุณก็มีเวลามากพอที่จะหาความสุข คนสมาร์ท จึงไม่ใช่คนที่ดูดีที่สุด เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด แต่เป็นคนรู้จักหาความสุขใส่ชีวิตต่างหาก

12. จงรู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ ไม่มีใครเพอร์เฟค มีแต่คนที่รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหนและแก้ไขมันให้ด่างหาก ไม่มีคนที่ไม่มีเสน่ห์ มีแต่คนที่ไม่ยอมจะหามันให้เจอต่างหาก ไม่มีคนที่ซื้อปื้อที่สุด มีแต่คนที่ไม่ยอมรับรู้และเรียนรู้อะไรต่างหาก

13. ต่อให้คุณเป็นศาสตราจารย์สติเฟื่องแค่ไหน คุณก็ดูโง่สนิท ถ้าคุณทำพลาด แต่ดื้อดึง ไม่ยอมขอโทษ ไม่ยินยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง และรับฟังคนอื่น

14. เห็นค่าของตัวเอง นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วย การลดคุณค่า และทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง จะทำให้คุณเป็นสาวสมาร์ทมาตมั่นอยู่เสมอ

15. วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบทาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน ไม่มีใครชอบเป็นเพื่อนหรือใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีปัญหา หรือเศร้ากับชีวิตตลอด

16. กล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่าง ๆ กล้าพูด กล้าคิดแตกต่าง กล้าที่จะมีจุดยืนหรือเสนอความคิดใหม่ นอกจากจะทำให้คุณดูสมาร์ทขึ้นแล้วยังดูเซ็กซี่ขึ้นอีกเยอะ

17. เติมสีสันสร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง คนที่รู้จักรู้จักหยอกล้อคนอื่นๆ และตัวเอง ถ้าคุณมี positive energy คุณก็เป็นคนที่น่าคบหา และอยากจะมีคนใกล้ชิด คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง จำได้ไหม และถ้าคุณทั้งหล่อหรือสวย แถมคารม และอารมณ์ดี รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง

18. รู้จักหลบเลี่ยงและให้อภัย บางครั้งคุณอาจบังเอิญขับรถเฉี่ยวกับคนใจร้ายที่สุดในโลก หรือเดินขนกับคนที่นักเลงที่สุดในโลก หรือ deal งานกับคนที่งี่เง่าที่สุดในโลก แล้วยังไงเหรอ ให้ทำใจซะว่านั่นคือเรื่องไร้สาระที่คุณคอนโทรลไม่ได้ จงอย่าเสียเวลาโต้เถียงกับคนเหล่านั้น เวลาของคุณมีค่าสำหรับสิ่งที่มีสาระ ที่คุณควบคุมมันได้ต่างหาก

เคยมีคนบอกว่าบางเรื่องเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ แต่อย่าให้ผลมาทำให้คุณสั่นคลอน ให้คิดซะว่าคนเรามีหลายระดับ และคนบางพวกที่เราต้องพบเจอ คือคนที่ยังไม่สามารถเข้าใจระดับที่ดีได้ เพราะเขาไม่เคยก้าวมาถึงขั้นนั้น ดังนั้น จงเลี่ยงที่จะโต้เถียงกับเขา จงสงสารเขา และไม่ต้องถือโทษ แล้วคุณจะเป็นสุข เมื่อเป็นสุข คุณก็ไม่สูญเสียบาลานซ์ในตัวเอง

19. มีสุขอนามัยที่ดี ไม่ มีที่จะน่าเศร้าเท่ากับที่คนลืมการรักษาสุขภาพและทำความสะอาด เพื่อประโยชน์ของสุขภาพ อาบน้ำทุกวัน แปรงฟัน ชุดดับกลิ่น และแปรงผมของคุณ หรือเลือกทานอาหารที่ดี เรื่องเบสิคที่หลายคนลืม เพราะมัวแต่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากไป

20. เรียนรู้ระดับคนจากท่าทาง คุณ จะได้จัดเก็บคนเหล่านั้นได้ถูก File แล้วคุณก็จะไม่ต้องเปลืองตัว เช่นเขาคนนั้นส่งปลายมืดให้คุณ หรือส่งกระดาษกลับหัว แปลว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้มารยาทที่ดี เมื่อใครบางคนส่งถุงพลาสติกให้คุณโดยอ้าในส่วนหูหิ้วให้คุณเพื่อที่คุณจะได้ สอดมือเข้าได้อย่างสบาย ๆ

เชื่อไหมคะคนที่ยื่นถุงแบบนั้นให้ดิฉันคือ รปภ. ในดึกของดิฉันนั่นเอง What a class? เพื่อนฝรั่งของดิฉันถึงกับออกปากชม

ในขณะที่ใครบางคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีกลับไม่มีระดับเท่ากับที่ รปภ. ของดิฉันเลยสักนิด พอเข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่า คำว่า ระดับ ที่ดิฉันพร่ำพูดถึงนั้น ไม่ได้มาจากความร่ำรวย หรือตำแหน่งหน้าที่การงาน การที่คุณจะ get smart ได้มันมาจากองค์ประกอบมากมายเหลือเกิน แต่ก็ไม่ยากถ้าคุณมีใจที่อยากปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น

ใครบางคนบอกว่า ถ้าเราทุกคนสามารถยกระดับตัวเองให้สมาร์ทขึ้น เราก็จะยกระดับองค์กรของเราให้ดีขึ้นด้วยในที่สุดถ้าเราทุกคนทั้งประเทศ เปลี่ยนได้ ระดับประเทศของเราก็สมาร์ทขึ้นเช่นกัน

ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างเรา ก็จะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเสียที Together we can ค่ะ


แหล่งที่มา : SLIM UP




 

Create Date : 16 มีนาคม 2554    
Last Update : 16 มีนาคม 2554 15:35:14 น.
Counter : 1526 Pageviews.  

'วงแหวนแห่งไฟ' คืออะไร



'คลื่นยักษ์ถล่ม' 'ธรณีพิบัติ' 'ภูเขาไฟระเบิด' เชื่อหรือไม่ ทั้ง 3 ภัยพิบัติ เกิดจากต้นกำเนิดเดียวกัน !!


' Ring of fire' หรือในภาษาไทยแปลว่า 'วงแหวนแห่งไฟ' (อังกฤษ: Pacific Ring of Fire หรือ the Ring of fire)
เป็น บริเวณในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง มีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า ความยาวรวมประมาณ 40,000 กิโลเมตร และวางตัวตามแนวร่องสมุทร แนวภูเขาไฟและบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลก โดยมีภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ภายในวงแหวนแห่งไฟทั้งหมด 452 ลูก และเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาไฟคุกกรุ่นอยู่กว่า 75%

จากข้อมูล อันน่าสะพรึง พบว่าเหตุ แผ่นดินไหวประมาณ 90% ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกและกว่า 80% ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดขึ้นในบริเวณวงแหวนแห่งไฟ นอกจากวงแหวนแห่งไฟ ยังมีแนวแผ่นดินไหวอีก 2 แห่ง ได้แก่ แนวเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีแนวต่อมาจากเกาะชวาสู่เกาะสุมาตรา (สาเหตุของแผ่นดินไหวและสึนามิที่ถล่มอินโดนีเซียในขณะนี้) ผ่านเทือกเขาหิมาลัย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แนวแผ่นดินไหวแห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 27% ของทั้งโลก และอีกแห่งคือ แนวกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 5-6% ของทั้งโลก

ร่อง เกือกม้าของวงแหวนแห่งไฟ เกิดจากการเคลื่อนที่และการชนกันของแผ่นเปลือกโลก ที่เลื่อนและแยกตัวกันเป็นแผ่น ๆ และมีชื่อแตกต่างกันไปทั่วโลก ซึ่งเราจะโฟกัสกันที่รอยเลื่อนและบริเวรใต้วงแหวนที่ส่งผลกับเอเซียตะวันออก เฉียงใต้มากที่สุด และเป็นแผ่นเปลือกโลกขนาดเล็กมากมายที่ติดกับแผ่นแปซิฟิก

เริ่มตั้งแต่หมู่เกาะมาเรียน่า ประเทศฟิลิปปินส์ เกาะบัวเกนวิลเล ประเทศตองกา และประเทศนิวซีแลนด์ แนววงแหวนแห่งไฟยังมีแนวต่อไปเป็น แนวอัลไพน์ ซึ่งเริ่มต้นจากเกาะชวา เกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย รอยเลื่อนที่มีชื่อเสียงที่ตั้งบนวงแหวนแห่งไฟนี้ ได้แก่ รอยเลื่อนซานอันเดรียส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กอยู่เป็นประจำ

ภูเขาไฟที่มีชื่อ เสียงที่ตั้งอยู่ในวงแหวนแห่งไฟ (เฉพาะในเอเชีย) ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อ ค.ศ. 1707 ภูเขาไฟพินาตูโบ มายอน ทาล และคานลายอน ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งภูเขาไฟพินาตูโบเคยเกิดระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 1991 ภูเขาไฟแทมโบรา เคลูด และเมราปี ในประเทศอินโดนีเซีย (ลูกที่กำลังระเบิดอยู่ในขณะนี้) ภูเขาไฟลูอาเปทู ประเทศนิวซีแลนด์

สรุป ง่าย ๆ ก็คือ ทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด ล้นมีผลมาจากการเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่บน 'วงแหวนแห่งไฟ' ทำให้มีภูมิประเทศทั้งบนบก ทะเล และใต้พื้นดิน เอื้อต่อการเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติมากที่สุด

ส่วนชื่อประเทศ ที่ตั้งหรือมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ ได้แก่ ประเทศเบลีซ โบลิเวีย บราซิล แคนาดา โคลัมเบีย ชิลี คอสตาริกา เอกวาดอร์ ติมอร์ตะวันออก เอลซัลวาดอร์ ไมโครนีเซีย ฟิจิ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น คิริบาตี เม็กซิโก นิวซีแลนด์ นิการากัว ปาเลา ปาปัวนิวกินี ปานามา เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ตองกา ตูวาลู และสหรัฐอเมริกา

โดยประเทศต่างๆ เหล่านี้ เป็นประเทศที่ต้องเฝ้าระวังภัยทางธรรมชาติที่อาจเกิดจากแผ่นดินไหว สึนามิ และภูเขาไฟระเบิดมากถึงมากที่สุด





ที่มา
voicetv




 

Create Date : 15 มีนาคม 2554    
Last Update : 15 มีนาคม 2554 8:33:29 น.
Counter : 1651 Pageviews.  

มาตราริกเตอร์


มาตราริกเตอร์ (อังกฤษ: Richter magnitude scale) เป็นมาตรที่ใช้กำหนดขนาดความรุนแรงของแผ่นดินไหว เสนอขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1935 โดยนักวิทยาแผ่นดินไหวสองคน คือ เบโน กูเทนเบิร์ก (Beno Gutenbrg) และ ชาลส์ ฟรานซิส ริกเตอร์ (Charles Francis Richter)


เดิมนั้นมีการกำหนดมาตรานี้เพื่อใช้วัดขนาดของแผ่นดินไหวในท้องถิ่นทางใต้ของแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา ที่บันทึกได้ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า
เครื่องวัดความไหวสะเทือน (seismograph) แผ่น ดินไหวที่มีขนาดน้อยที่สุดในเวลานั้นถือเป็นค่าใกล้เคียงศูนย์ มาตราดังกล่าวแบ่งเป็นระดับ โดย ทุกๆ 1 ริกเตอร์ที่เพิ่มขึ้น แสดงว่าแผ่นดินไหวแรงขึ้น 10 เท่า


มาตราริกเตอร์ไม่มีขีดจำกัดว่ามีค่าสูงสุดเท่าใด แต่โดยทั่วไปกำหนดไว้ในช่วง 0 - 9

ภาย หลังเมื่อเครื่องวัดความไหวสะเทือนมีความละเอียดมากขึ้น สามารถวัดขนาดของแผ่นดินไหวได้ละเอียด ทั้งในระดับที่ต่ำกว่า 0 (สำหรับค่าที่ได้น้อยกว่า 0 ถือเป็นค่าติดลบ) และที่สูงกว่า 9

ตารางมาตราริกเตอร์
ตัวเลขริกเตอร์จัดอยู่ในระดับผลกระทบอัตราการเกิดทั่วโลก
1.9 ลงไปไม่รู้สึก (Micro)ไม่มี8,000 ครั้ง/วัน
2.0-2.9เบามาก (Minor)คนทั่วไปมักไม่รู้สึก แต่ก็สามารถรู้สึกได้บ้าง และตรวจจับได้ง่าย1,000 ครั้ง/วัน
3.0-3.9เบามาก (Minor)คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ และบางครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้บ้าง49,000 ครั้ง/ปี
4.0-4.9เบา (Light)ข้าวของในบ้านสั่นไหวชัดเจน สามารถสร้างความเสียหายได้ปานกลาง6,200 ครั้ง/ปี
5.0-5.9ปานกลาง (Moderate)สร้างความเสียหายยับเยินได้กับสิ่งก่อสร้างที่ไม่มั่นคง แต่กับสิ่งก่อสร้างที่มั่นคงนั้นไม่มีปัญหา800 ครั้ง/ปี
6.0-6.9แรง (Strong)สร้างความเสียหายที่ค่อนข้างรุนแรงได้ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร120 ครั้ง/ปี
7.0-7.9รุนแรง (Major)สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงในบริเวณกว้างกว่า18 ครั้ง/ปี
8.0-8.9รุนแรงมาก (Great)สร้างความเสียหายรุนแรงได้ในรัศมีเป็นร้อยกิโลเมตร1 ครั้ง/ปี
9.0-9.9รุนแรงมาก (Great)'ล้างผลาญ' ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีเป็นพันกิโลเมตร1 ครั้ง/20 ปี
10.0 ขึ้นไปทำลายล้าง (Epic)ไม่เคยเกิด จึงไม่มีบันทึกความเสียหายไว้0




ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย




 

Create Date : 14 มีนาคม 2554    
Last Update : 14 มีนาคม 2554 8:26:08 น.
Counter : 1716 Pageviews.  

7 ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแท้ง



7 ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแท้ง วันนี้จะรวมเอาเรื่องที่ถูกถามบ่อยๆจากในinternetครับ

1. หมอบอกว่าเป็นแท้งคุกคาม แปลว่าอะไร

- ภาวะแท้งคุกคามคือการที่มีเลือดออกมาทางช่องคลอดโดยที่เด็กในท้องยังอยู่ เป็นภาวะที่มารดาต้องระวังว่าอาจจะแท้งบุตรได้ แต่ว่าในขณะนั้นลูกในท้องก็ยังอยู่ตามปกติ

2. ไข่ลมคืออะไร

- ไข่ลม หรือ Blighted Ovum คือการที่ไข่และอสุจิผสม แต่ได้ส่วนของถุงน้ำคร่ำโดยไม่มีตัวเด็กเกิดขึ้น ปกติจะรู้ได้เมื่อมีการตั้งครรภ์แล้วได้ทำอัลตร้าซาวน์พบแต่ถุงน้ำโดยไม่พบ เด็ก ซึ่งปกติแพทย์จะนัดมาตรวจซ้ำ ถ้าหากไม่พบเด็กจริงๆ ก็จะรอให้เกิดการแท้งมาเองหรือไม่ก็ขูดมดลูกเอาออก

3. แท้งจากอะไร เพราะมาฝากท้องที่รพ.หรือเปล่า

- เวลามีผู้ป่วยแท้งหรือมีเลือดออกมา ปัญหาใหญ่คือแท้งจากอะไร ซึ่งในสมัยนี้ซึ่งมีการฝากครรภ์ตามสถานพยาบาลต่างๆ ก็จะมีการให้วิตามินบำรุงและฉีดวัคซีนเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ก็เลยเป็นเหตุหนึ่งที่เวลามีการแท้งเกิดขึ้น มักมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า "เป็นเพราะการฝากครรภ์" และเวลามีผู้ป่วยและมานอนในรพ. ก็น่าแปลกที่ญาติๆที่หยิบยกเอาเรื่องการแท้งของคนนั้นคนนี้มาพูด มักโยงว่าการแท้งที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการรักษาและการฝากครรภ์ ... เวลาไปถาม ก็จะได้ความรู้สึกว่า คนบางกลุ่ม เชื่อมั่นเอาจริงๆว่าเป็นเพราะหาหมอ เช่นบอกว่า "แท้งเพราะเมื่อสามวันก่อนมาหาหมอได้ยาแก้หวัดไป" , "แท้งเพราะ เดือนก่อนมาฝากท้องฉีดวัคซีน ไม่ถูกกับเด็ก" , "แท้งเพราะสองปีก่อนไปผ่าไส้ติ่ง" ฯลฯ
ผู้หญิงในประเทศไทย ส่วนใหญ่ตั้งครรภ์ก็มาฝากท้องที่รพ. และได้รับการรักษาในรูปแบบเดียวกันทั้งยา วัคซีน และการดูแล ถ้าหากสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการแท้งจริง ก็น่าจะปรากฎให้เห็นทั่วประเทศแล้ว

4. แท้งจากแม่หรือไม่

- หญิงบางคนมีการแท้งบ่อยครั้ง จนบางครั้งคนในครอบครัวหรือตัวผู้หญิงเองตั้งข้อสงสัยว่าเกิดจากตัวผู้หญิง หรือไม่ บางครั้งถึงกับเป็นปัญหาภายในครอบครัวทีเดียว
การแท้งบ่อยครั้ง เป็นสิ่งที่ต้องหาสาเหตุ เพราะสาเหตุมีได้หลายอย่าง ทั้งจากกรรมพันธุ์จากสองฝ่าย สิ่งแวดล้อม จากความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ของมารดา ยาหรืออาหาร พฤติกรรมของมารดาหรือคนในครอบครัว
ดังนั้นในผู้ที่มีการแท้งหลายครั้ง ก็ควรตรวจชี้ชัดให้รู้สาเหตุ หากเป็ฯสาเหตุที่รักษาได้ก็จะได้แก้ไขต่อไปครับ

5. ท้องอยู่ กินยาอะไรได้บ้าง

- ยาที่ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ จะมีการจัดหมวดหมู่ออกเป็นกลุ่มต่างๆ เพื่อแยกว่าปลอดภัยต่อเด็กในท้องหรือไม่ มีกลุ่ม A B C D X โดยกลุ่มA ก็คือพบว่าปลอดภัย โดยมีการทดลองในคน และกลุ่ม X คือ กลุ่มที่ยืนยันแน่ชัดว่าห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์เพราะมีผลเสียกับทารกอย่าง รุนแรง

ปัญหาคือกลุ่ม B C D ที่ไม่100%ว่าใช้แล้วจะปลอดภัยแน่นอน และ3กลุ่มนี้ ก็คือยาแทบทุกชนิดที่มีในโลกใบนี้

ถ้า ให้ตอบว่าท้องอยู่ กินยาอะไรได้บ้างจึงจะปลอดภัยกับเด็ก 100% จึงแทบจะตอบได้ทันทีว่า ไม่มี... เพราะกลุ่มAที่ว่าปลอดภัย ส่วนใหญ่ก็คือพวกวิตามินเกลือแร่ทั่วไป (ยาที่ใช้รักษาโรคส่วนใหญ่ จะอยู่ในกลุ่มอื่นๆ)

ปัญหาที่แพทย์พบก็คือ เวลาผู้หญิงท้องป่วยเป็นโรคใดๆมาก็ตาม ญาติที่แรงๆหน่อย อาจจะเดินเข้ามาและประกาศว่า ต้องรักษาให้หายและแม่และเด็กต้องปลอดภัย100% ถ้าเด็กเกิดมาไม่ปกติ หมอต้องรับผิดชอบทั้งหมด

จริงๆแล้ว เวลาแพทย์จะเลือกใช้ยากับผู้หญิงท้อง ก็ต้องมีการชั่งข้อดีข้อเสียโดยเฉพาะโรคที่รุนแรงต่อมารดา ... ถ้าแม่อาการหนัก ลูกในท้องก็แย่ไปด้วย

ในขณะเดียวกันต่อให้มีการตั้งครรภ์โดยปกติไม่มีอะไรและคลอดออกมา ก็จะพบเด็กที่มีความพิการหรือผิดปกติบางอย่างในสัดส่วนหนึ่งอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่แพทย์จะไปการันตีว่าเด็กจะต้องออกมาปกติ หากได้เลือกใช้ยาอย่างดีแล้ว

6. แท้ง ต้องขูดมดลูกทุกครั้งหรือไม่

เป็นคำถามที่เจอบ่อยทีเดียว เพราะบางคนแท้งแล้วขูด บางคนแท้งแล้วไม่ได้ขูด บางคนแท้งครั้งแรกขูด ครั้งที่สองไม่ได้ขูด

การ ขูดมดลูกจะทำในกรณีที่แพทย์ตรวจแล้วพบว่ายังมีส่วนของทารกค้างในโพรงมดลูก ส่วนในกรณีที่การแท้งเป็นแท้งครบ เด็กและรกออกมาหมด แพทย์ก็จะไม่ขูดมดลูกครับ
ส่วนการขูดมดลูก ที่สงสัยว่าจะทำให้มีลูกคนต่อไปยาก หากทำโดยผู้ที่ทำเป็นและระมัดระวังตามวิสัยปกติ ก็จะไม่ทำให้มีลูกยากขึ้นกว่าสภาพเดิมของมารดาครับ

7. หลังแท้งแล้วจะมีลูกได้ยากขึ้นไหม

บาง คนเคยแท้ง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นเวลาผ่านไปนานหลายปี พอจะมีลูกอีกครั้งก็คิดกังวล ว่าจะมีลูกได้หรือไม่ จะมีลูกยากไหม

โดยปกติ ถ้าการแท้งนั้นเป็นไปตามธรรมชาติและไม่มีเหตุอันผิดปกติทางร่างกายแม่ที่ทำให้แท้ง การตั้งครรภ์ครั้งต่อไปก็สามารถมีได้ปกติ

การแท้งที่จะมีลูกได้ยากขึ้นมักจะเป็นการแท้งที่มีผลแทรกซ้อนตามมาและผลแทรกซ้อนนั้นทำให้มดลูกมีสภาพเปลี่ยนไป

จริงๆ แล้ว หลังแท้งไม่นาน เมื่อเริ่มมีประจำเดือนใหม่อีกครั้งก็สามารถมีบุตรได้ทันที แต่หมอมักจะให้รอไว้ก่อนอย่างน้อยประมาณสามเดือน ก็เพื่อให้สภาพร่างกายพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะหลังแท้งอาจจะมีภาวะซีดและร่างกายอยู่ในภาวะขาดสารอาหารบางตัว รวมทั้งการมีลูกหลังแท้งใหม่ๆก็ทำให้เครียดกว่าปกติได้มากครับ



ขอบคุณข้อมูลจาก : FW




 

Create Date : 10 มีนาคม 2554    
Last Update : 10 มีนาคม 2554 8:30:21 น.
Counter : 1546 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.