ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

3 กุมภาพันธ์ ... วันทหารผ่านศึก


วันทหารผ่านศึก





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์

          การรบถือเป็นงานหลักของเหล่า "ทหาร"
ที่เป็นแนวหน้าคอยปะทะปกป้องประเทศชาติไม่ให้ศัตรูมารุกราน
แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลง การสูญเสียมักจะมาเยือนเสมอ ทั้งบาดเจ็บ ล้มตาย
รวมถึงพิการ ซึ่งในช่วงแรกทุกคนต่างให้เกียรติในฐานะวีรบุรุษ
แต่นานวันเข้าก็เหล่าวีรบุรุษก็ถูกสังคมลืมเลือน กลายเป็นความทรงจำสีจาง "ทหารผ่านศึก"
ถูกมองเป็นแค่เพียงคนพิการกินเงินบำนาญ ทั้ง ๆ
ที่แท้จริงแล้วพวกเขามีความสามารถและต้องการให้สังคมยอมรับ
วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ไปค้นหาที่มาของ "วันทหารผ่านศึก" ที่มีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าที่หลาย ๆ คนคิดไว้










วันทหารผ่านศึก
 



ความเป็นมาของ "วันทหารผ่านศึก"
          หลัง
จากสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหลังสงครามมหาเอเซียบูรพาสิ้นสุดลง
มีทหารไทยจำนวนมากที่ถูกปลดปล่อยจากการเป็นทหาร
จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ดังนั้น ในปี
พ.ศ.2490 กระทรวงกลาโหมจึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้น
เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่กลับจากปฏิบัติการรบ
และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ
แต่ก็ยังเป็นหน่วยงานที่ไม่เป็นทางการ

         
ต่อมากระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
ขึ้น โดยได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2491 จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์
ของทุกปี เป็น "วันทหารผ่านศึก"
โดยมี พลโทชมะบูรณ์ ไพรีระย่อเดช เป็นผู้อำนวยการคนแรก ในปี พ.ศ.2510
องค์การทหารผ่านศึกได้ปรับเปลี่ยนฐานะมาเป็นองค์การเพื่อการกุศลของรัฐ
และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
โดยได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงกลาโหมและเงินที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นครั้ง
คราว



ภารกิจหลักขององค์การทหารผ่านศึก

         
ภารกิจ
หลักขององค์การทหารผ่านศึก ได้แก่
การให้การสงเคราะห์แก่ทหารที่ผ่านการปฎิบัติการรบ
และครอบครัวของทหารที่ปฏิบัติการรบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ ...

          1.
การสงเคราะห์ทางด้านสวัสดิการ เป็นการให้การสงเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องทั่ว ๆ
ไป ที่อยู่อาศัย การศึกษา ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านอวัยวะเทียม

          2. การสงเคราะห์ทางด้านอาชีพ โดยการฝึกอบรมและการฝึกอาชีพ ให้ความช่วยเหลือในทางด้านการทำงาน จัดหางานให้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
          3. การสงเคราะห์ด้านนิคมเกษตรกรรม จัดสรรที่ทำกินในด้านเกษตรกรรมให้ และให้ความช่วยเหลือทางด้านเครื่องมือและวิชาการ
          4. การสงเคาระห์ด้านกองทุน โดยการจัดหาเงินทุนให้สมาชิกขององค์การทหารผ่านศึกได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ
          5. การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลให้แก่สมาชิก โดยไม่คิดมูลค่า
          6. ให้มีการส่งเสริมสิทธิของทหารผ่านศึก โดยการขอสิทธิพิเศษในด้านต่างๆ ให้แก่ทหารผ่านศึก เช่น การขอลดค่าโดยสาร เป็นต้น



ดอกป๊อปปี้




"ดอกป๊อปปี้" สัญลักษณ์ของ "วันทหารผ่านศึก"
          ใน
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
ทั่วโลกจะได้จัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละแม้กระทั่ง
ชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยและอธิปไตยของชาติ รวมถึงจำหน่าย "ดอกป๊อปปี้สีแดง" ให้เป็นสัญลักษณ์แทน "ทหารผ่านศึก" ซึ่งสีแดงของดอกป๊อปปี้ คือ เลือดของทหารหาญที่ได้หลั่งชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละอันสูงสุด

          สำหรับประเทศไทยนั้น การจัดทำ ดอกป๊อปปี้ เพื่อจำหน่ายใน วันทหารผ่านศึก
เกิดจากดำริของท่านผู้หญิง จงกล กิตติขจร
ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก
หรือมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในปัจจุบัน
ที่ต้องการจะดำเนินการหาทุนมาช่วยเหลือทหาร และครอบครัวทหารผ่านศึก
ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศ จึงได้เลือกเอา ดอกป๊อปปี้สีแดง


          แล้วสงสัยไหมว่า ทำไมถึงเป็น "ดอกป๊อปปี้" ที่มาของ ดอกป๊อปปี้
นั้น มาจากในสงครามโลกครั้งที่ 1
ทหารพันธมิตรได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากสมรภูมินี้มากที่สุด จอมพลเอิร์ล
ออฟ เฮก ผู้บัญชาการรบ ได้เห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าพิศวงเกิดขึ้น
ในบริเวณหลุมฝังศพทหาร โดยมีดอกป๊อปปี้ป่าขึ้นอยู่เดียรดาษทั่วไป
ทำให้เกิดเป็นลานสีแดงฉานสวยงาม ตั้งแต่นั้นมา ดอกป๊อปปี้
จึงกลายเป็นดอกไม้อนุสรณ์แห่งวีรกรรมของ ทหารผ่านศึก เตือนใจให้ระลึกถึงเลือดสีแดงของทหารที่ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติ











การจัดกิจกรรมในวันทหารผ่านศึก

          
ใน
วันทหารผ่านศึกของทุกปี
องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจะจัดพิธีวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เพื่อเป็นการแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้า และในวันที่ 3
กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 นี้ก็เช่นกัน จะมีการประกอบพิธีวางพวงมาลา
บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และพิธีเทิดไท้องค์ราชันย์
การเดินแถวของทหารผ่านศึก การเชิญหมู่ธงไตรรงค์ และหมู่ธง 6 กรณีสงคราม
เพื่อเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกดีเด่น    

          นอก
จากนั้นแล้ว ตามสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
จะได้ร่วมกันจัดงานในวันทหารผ่านศึกนี้ด้วย
เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมและคุณงามความดีของเหล่าทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อชาติ
และเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก รวมทั้งการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณของบรรดาทหารผ่านศึกผู้ล่วงลับไปแล้ว


         สำหรับ
ประชาชนทั่วไป ก็ขอเชิญร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีของเหล่าทหารกล้า
ด้วยการซื้อดอกป๊อปปี้ ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะได้นำไปช่วยเหลือครอบครัวทหาร
ตำรวจ พลเรือนและอาสาสมัคร ที่ได้อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ
ให้มีความสงบร่มเย็นมาจวบจนปัจจุบันค่ะ













อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
irrigation.rid.go.th, lib.ru.ac.th




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 8:31:16 น.
Counter : 4214 Pageviews.  

10สุดยอดสโลแกนสินค้าโลก

นิตยสารเมืองผู้ดีจัดอันดับสุดยอดสโลแกนสินค้า ทีมงานเลยนำมาฝากกันใน "10สุดยอดสโลแกนสินค้าโลก"







10 "อร่อยจนต้องเลียนิ้ว" (It's Finger Lickin' Good)
อันดับ 10 ได้แก่ "อร่อยจนต้องเลียนิ้ว" (It's Finger Lickin' Good) ของเคเอฟซี










9 (It is. Are you?)

อันดับ 9 ได้แก่ (It is. Are you?) ของหนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์ ของอังกฤษ










8 "คิดให้แตกต่าง" (Think Different)

อันดับ 8 ได้แก่ "คิดให้แตกต่าง" (Think Different) ของ บริษัทแอปเปิล










7 "Vorsprung Durch Technik"

อันดับ 7 ได้แก่
"Vorsprung Durch Technik" ซึ่งเป้นภาษาเยอรมันที่แปลว่า
"ก้าวล้ำทะลุเทคโนโลยี" หรือ "Advancement through Technology"
ของผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังอย่าง ออดี้










6 "พักสักนิดด้วยคิทแคท" (Have a Break. Have a Kit Kat)

อันดับ 6 ได้แก่สโลแกน "พักสักนิดด้วยคิทแคท" (Have a Break. Have a Kit Kat) ของขนมชื่อดังอย่างคิทแคท











5 "Every little Helps"
อันดับห้าได้แก่ สโลแกน "Every little Helps" ของเทสโก้ ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังของเมืองผู้ดี










4 "ทำรักไม่ใช่ทำสงคราม" (Make Love Not War)

อันดับสี่ได้แก่ สโลแกน "ทำรักไม่ใช่ทำสงคราม" (Make Love Not War) ซึ่งเป็นสโลแกนต่อต้านสงครามในยุคทศวรรษ 1960










3 "ทำตามคำสั่งบนกระป๋อง" (Does Exactly What It Says On the tin)

อันดับ
สามได้แก่ สโลแกน "ทำตามคำสั่งบนกระป๋อง" (Does Exactly What It Says On
the tin) ของรอนซีล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลไม้










2 "จัส ดู อิท" (Just Do It)

อันดับสอง คือ สโลแกน "จัส ดู อิท" (Just Do It) ของบริษัทไนกี้ ซึ่งยังคงเป็นสโลแกน ที่ทางบริษัทใช้อยู่ตั้งแต่ปี 1987










1 "บีนส์ มีนส์ ไฮนซ์ "

(ถั่วคือไฮนซ์, Beanz
Meanz Heinz) ของผลิตภัณฑ์ถั่วอบจากบริษัทไฮนซ์ ครองแชมป์อันดับ 1
โดยเป็นสโลแกนที่ทางบริษัทคิดค้นตั้งแต่ปี 1967




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 8:18:53 น.
Counter : 5431 Pageviews.  

ที่มาของการเกิด โลโก้ใหม่ๆ เจ๋งดีนะ

โอ้ววววว คิดได้นะครับเนี้ยะ คนเรา  q*071

การทำโลโก้แต่ละแบบมันมีที่มาที่ไปนะครับ ไม่ใช่ทำกันมั่วๆ
  q*073 





 

Create Date : 29 มกราคม 2555    
Last Update : 29 มกราคม 2555 11:06:14 น.
Counter : 1648 Pageviews.  

รวมรถไฟที่เร็วที่สุดในโลก

รถไฟที่ต่างประเทศวิ่งกันอย่างไวเลย แต่ลองดูรถไฟในไทยดิ  เทียบไม่ติด   q*069

































 

Create Date : 28 มกราคม 2555    
Last Update : 28 มกราคม 2555 9:49:35 น.
Counter : 1514 Pageviews.  

ออกกำลังกายให้ดี..ต้องมีเหงื่อจริงหรือไม่



การออกกำลังกายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ
แต่ทำให้หลายๆคนคิดไปว่าออกกำลังจะดีได้นั้น
ต้องออกเยอะและเหงื่อต้องออกเยอะด้วย ยิ่งเยอะยิ่งดี
ความคิดนี้เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่








ความเชื่อแบบนี้ถือว่าเป็นความเชื่อที่ผิด
เพราะการเผาผลาญพลังงานที่เกิดขึ้นภายในเซลล์จะเกิดได้เฉพาะการออกกำลังกาย
เท่านั้น แต่การที่ออกกำลังกายแล้วเหงื่อโชก
เป็นเพราะว่าเมื่อร่างกายของเราถูกความร้อนมากระทบทำให้เกิดการหลั่งของ
เหงื่อ เพื่อเป็นการระบายความร้อนเท่านั้นเอง
ไม่ได้หมายความว่าพลังงานถูกใช้ไปมากมายตามปริมาณของเหงื่อ ดังนั้น
การเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน
หรือว่าทำงานบ้าน เพียงแค่ออกแรงอย่างต่อเนื่อง 30 นาที และทำให้ได้ทุกวัน
ก็จะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว
ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักๆและมีเหงื่ออกมากเสมอไป







ดังนั้นก็แสดงว่า ออกกำลังก็ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายวันละนิดวันละหน่อย ถึงแม้จะมีเหงื่อไม่มาก ก็ถือว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณแล้ว











 

Create Date : 24 มกราคม 2555    
Last Update : 24 มกราคม 2555 7:26:34 น.
Counter : 1974 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.