ประเพณีชุโด ภาพวาดแสดงประเพณีชุโดของญี่ปุ่นโบราณ ที่ผู้ชายเกิดความสัมพันธ์รักกับผู้ชายที่อ่อนวัยกว่า วาดโดยมิยางาวะ อิสโช (พ.ศ. 2293) ชุโด (ญี่ปุ่น: 衆道 ?) คือ ประเพณีแห่งสายใยรักที่เกิดขึ้นระหว่างซามูไรผู้แก่กล้าวิชา กับซามูไรที่ยังไร้ประสบการณ์ ที่เปรียบได้ดัง ดอกไม้แห่งจิตวิญญาณของซามูไร ที่ได้ก่อร่างสร้างพื้นฐานที่แท้จริง ของลัทธิความงามของผู้ที่เป็นซามูไรขึ้นมา ประเพณีนี้มีความคล้ายคลึงกับประเพณีของกรีกโบราณ ที่ชายวัยผู้ใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กผู้ชาย สำหรับสังคมซามูไร นี่ถือว่าเป็นประเพณีที่มีเกียรติ เป็นการปฏิบัติที่สำคัญ และเป็นเส้นทางสายหลักที่จะสืบทอดความคิด คุณค่า จิตวิญญาณ และทักษะแห่งประเพณีซามูไร จากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นต่อ ๆ ไปได้ อีกชื่อหนึ่งของประเพณีนี้คือ บิโด (ญี่ปุ่น: 美道 ?) (วิถีทางแห่งความงาม) เป็นประเพณีที่เชื่อว่า ความรักอันหนักแน่น ที่ซามูไรสองคนมีให้แก่กันนั้น เป็นสิ่งที่เกือบจะยิ่งใหญ่เท่ากับความรัก แบบเดียวกันที่มีให้แก่ไดเมียว จากข้อมูลในบทบันทึกร่วมสมัยฉบับหนึ่ง ได้กล่าวไว้ว่า ทางเลือกระหว่างความรักที่มีต่อซามูไรอีกคน กับ เจ้านายของเขาเอง สามารถกลายมาเป็นปัญหาทางปรัชญาสำหรับซามูไรได้ ในตำราฮางากุเระและคู่มือสำหรับซามูไรฉบับอื่น ๆ ได้ให้คำสอนที่เจาะจงไปที่วิถีของประเพณีเช่นนี้ว่า เป็นสิ่งที่ซามูไรควรจะต้องทำตามและให้ความเคารพ หลังจากที่เกิดการปฏิรูปสมัยเมจิ และการเข้ามาของแบบแผนการดำเนินชีวิตของตะวันตก การหลงใหลในความงามของผู้ชาย ก็ถูกแทนที่โดยความหลงใหลในเพศหญิงตามแบบยุโรปแทน นี่จึงเป็นจุดจบของประเพณีชุโดไปในที่สุด การตั้งชื่อชื่อเต็มของซามูไร มักจะตั้งขึ้นมาโดยการนำเอาชื่อ ที่อ่านตามตัวอักษรคันจิ ของพ่อหรือปู่ของเขา มารวมกับชื่อใหม่อีกหนึ่งชื่อที่อ่านตามตัวอักษรคันจิเหมือนกัน ซึ่งตามธรรมดาแล้ว ซามูไรจะใช้ชื่อบางส่วนจากชื่อเต็มทั้งหมดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น โอดะ คาซุซะโนซุเกะ ซาบุโร โนบุนางะ (ญี่ปุ่น: 織田上総介三郎信長 ?) ก็คือชื่อเต็มของโอดะ โนบุนางะ โดยคำว่า โอดะ ก็คือชื่อของตระกูลหรือสังกัด คำว่า คาซุซะโนซุเกะ ก็คือชื่อตำแหน่งรองข้าหลวงประจำจังหวัดคาซึซะ คำว่า ซาบุโระ ก็คือชื่อที่มีมาก่อนเข้าพิธีเก็มปุกุ (พิธีฉลองการเจริญวัย) และคำว่า โนบุนางะ ก็คือชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ต่อที่เป็นผู้ใหญ่ การแต่งงาน การแต่งงานของซามูไร จะถูกจัดขึ้นมาโดยผู้ที่แต่งงานแล้ว และมียศศักดิ์เท่ากับหรือเหนือว่าซามูไร ผู้เป็นเจ้าบ่าวเท่านั้น (นี่เป็นพิธีสำคัญสำหรับซามูไรที่มียศศักดิ์ต่ำกว่า และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับซามูไรที่มียศศักดิ์สูงกว่า) ซามูไรส่วนมากมักจะแต่งงานกับผู้หญิง ที่มาจากตระกูลซามูไรเหมือนกัน แต่สำหรับซามูไรที่มียศต่ำลงมา การแต่งงานกับหญิงสามัญชนถือเป็นเรื่องที่อนุโลมได้ ส่วนเรื่องของสินสมรส (สินเดิม) ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้ที่นำมาให้เอง เพื่อใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา ก่อนการแต่งงาน ซามูไรจะส่งค่าสินสอด หรือเอกสารยกเว้นการเก็บภาษีไปให้กับครอบครัวของฝ่ายหญิง ผ่านทางผู้ส่งข่าว เพื่อที่จะขออนุญาตบิดาและมารดาแต่งงานกับฝ่ายหญิง ซึ่งบิดามารดาส่วนใหญ่ ก็ยอมรับข้อเสนอด้วยความยินดี พ่อค้าฐานะดีหลายคนส่งลูกสาวของพวกเขา ไปแต่งงานกับซามูไร เพื่อจะได้หักลบหนี้สินของซามูไร และจะได้ทำให้ตำแหน่งหน้าที่ของตนก้าวหน้าขึ้น ถ้าหากว่าภรรยาของซามูไรให้กำเนิดบุตรชาย บุตรชายผู้นั้นก็สามารถที่จะเป็นซามูไรได้ ซามูไรสามารถมีภรรยาน้อยได้ แต่พื้นหลังชีวิตของผู้ที่จะมาเป็นภรรยาน้อย จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยซามูไรระดับสูงเหมือนที่ทำในการแต่งงานจริง การลักพาตัวภรรยาน้อย ถือว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ในนิยายหลาย ๆ เรื่องจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปก็ตาม ซามูไรสามารถหย่าขาดจากภรรยาของเขาได้ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบ จากผู้มีตำแหน่งสูงกว่าก่อน ซึ่งในความเป็นจริง การหย่าของซามูไรเกิดขึ้นมาน้อยมาก เหตุผลในการหย่าอาจจะเป็นเพราะว่า ภรรยาของเขาไม่สามารถให้บุตรชายแก่เขาได้ แต่วิธีการรับเด็กชายมาเลี้ยง ก็สามารถใช้เป็นแนวทางแทนการหย่าได้เช่นกัน ซามูไรสามารถหย่าโดยใช้เหตุผลส่วนตัว ที่ว่าเขาไม่ชอบภรรยาของเขาได้ แต่โดยทั่วไปเหตุผลนี้มักจะไม่ยกมาอ้างกัน เพราะมันจะสร้างความอับอายให้แก่ซามูไรระดับสูง ที่จัดการแต่งงานให้ได้ แต่แม้ว่าโดยทั่วไป ผู้ที่เป็นฝ่ายหย่าก่อนจะเป็นฝ่ายของซามูไร ฝ่ายหญิงก็สามารถเป็นฝ่ายที่เริ่มการหย่าก่อนได้เหมือนกัน หลังจากการหย่าแล้ว ฝ่ายซามูไรจะได้รับเงินค่าสินสอด ซึ่งมีไว้ป้องกันการหย่า กลับคืนมา ภรรยาของซามูไรที่ไม่ซื่อสัตย์ แล้วปฏิเสธในความผิดของเธอ จะได้รับอนุญาตให้ทำการจิไง (การคว้านท้องฆ่าตัวตาย (เซ็ปปุกุ) ของผู้ชาย) ปรัชญาหลัก ปรัชญาของศาสนาพุทธและลัทธิเซน บวกกับบางส่วนของลัทธิขงจื๊อ มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมซามูไรได้ดีพอ ๆ กับลัทธิชินโต ลัทธิเซน ได้กลายเป็นหลักคำสอนสำคัญ ในเรื่องของวิธีการที่ทำให้จิตสงบ ฐานคติของพุทธในเรื่องการกลับชาติมาเกิด ก็นำซามูไรไปสู่การละเลิกการทรมาน และการฆ่าฟันอย่างไร้เหตุผล ฐานคตินี้มีอิทธิพลมากจนซามูไรบางคน ถึงกับยอมเลิกใช้ความรุนแรง และบวชเป็นพระสงฆ์หลังจากที่ตระหนักว่า การฆ่าฟันไม่ได้ส่งผลดีอย่างไร ขณะที่ซามูไรบางคนตระหนักถึงเรื่องเช่นนี้ได้ ตอนที่อยู่ในสมรภูมิจริง จนเป็นเหตุให้เขาต้องถูกฆ่าตาย ณ ที่นั้นก็มี ส่วนบทบาทของลัทธิขงจื๊อ ที่มีผลต่อวัฒนธรรมซามูไรก็คือ การเน้นความสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ ที่มีต่อผู้ปกครองให้ได้ ซึ่งนี่คือความจงรักภักดี ที่ซามูไรต้องการจะแสดงต่อเจ้านายของเขา บูชิโดคือ ประมวลหลักการปฏิบัติ ที่ติดตัวซามูไรทุก ๆ คน หลักนี้เริ่มบังคับใช้ในสมัยเอโดะ โดยคณะการปกครองของโชกุนโทกึงาวะ เพื่อพวกเขาจะได้ควบคุมเหล่าซามูไรได้ง่ายขึ้น แต่เหตุการณ์ของ กลุ่มโรนิงทั้ง 47 ก็ทำให้เกิดการโต้เถียงกันเกี่ยวกับประเด็นความถูกต้อง ของหลักปฏิบัติของซามูไร และประเด็นที่ว่าหลักบูชิโดควรจะประยุกต์ใช้ได้อย่างไร เนื่องจากซามูไรซึ่งกลายเป็นโรนิงทั้ง 47 คนนี้ ไม่ได้ให้ความเคารพต่อโชกุน ซึ่งเป็นผู้ปกครองของพวกเขา แต่ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะความภักดีและความซื่อสัตย์ ที่มีต่อนายเก่าของพวกเขาเอง ผลสุดท้าย การกระทำของพวกเขาถูกตัดสินว่า เป็นการกระทำที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ แต่ไม่เป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อโชกุน นี่จึงเป็นเหตุให้พวกเขาทั้ง 47 คนต้องถูกฆาตกรรม ด้วยการสำนึกผิดและสิทธิในการคว้านท้องฆ่าตัวตาย ผู้หญิง หน้าที่ของผู้หญิงในฐานะภรรยาของซามูไรคือ แม่บ้าน บทบาทนี้สำคัญมากในยุคศักดินาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักรบผู้เป็นสามีมักจะเดินทางไปดินแดนอื่น หรือไปทำสงครามร่วมกับสังกัดของตนเอง ภรรยา หรือ โอกึซัง (แปลว่า ผู้ที่อยู่แต่ในบ้าน) จะเป็นผู้ที่จัดการกิจธุระทุกอย่างของครอบครัว ดูแลลูก ๆ และบางโอกาสยังต้องป้องกันบ้านจากการรุกรานด้วย ภรรยาของชนชั้นซามูไรหลาย ๆ คนต้องฝึกฝนการใช้ง้าว หรือที่เรียกว่านางินาตะ มือเดียวให้ได้ เพื่อจะได้สามารถปกป้องคนในครอบครัว บ้าน และเกียรติยศเอาไว้ ลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนใครของผู้ที่เป็นภรรยาซามูไรคือ ถ่อมตัว เชื่อฟัง ควบคุมตนเอง และจงรักภักดี ภรรยาในอุดมคติของซามูไรจะต้องมีทักษะในการจัดการกับทรัพย์สิน หมั่นจดบันทึก ดูแลการเงิน ให้การศึกษาแก่ลูก ๆ (และบางทีก็ต้องให้การศึกษาแก่ผู้รับใช้ด้วย) และบำรุงบิดามารดายามแก่เฒ่า ทั้งของตนและของสามี ซึ่งอาจจะอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน กฎของขงจื๊อ ได้ช่วยนิยามความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และประมวลรวมหลักจรรยาของชนชั้นนักรบ ในเรื่องนี้ไว้ว่า ภรรยาจะต้องแสดงความเคารพอย่างสูงแก่สามี ต้องกตัญญูและบูชาบิดามารดา และต้องดูแลเอาใจใส่แก่ลูก ๆ แต่ถ้าให้ความรักต่อลูกมากจนเกินไป ก็จะทำให้ลูกเป็นผู้ที่เอาแต่ใจตนเองได้ ดังนั้น ผู้เป็นแม่จึงต้องฝึกให้ลูกมีวินัยควบคู่ไปด้วย แม้ว่าภรรยาของตระกูลซามูไรที่มั่งคั่ง จะได้เสวยสุขจากทรัพย์สินเงินทองและตำแหน่งอันเลิศหรูในสังคม และยังมีสิทธิหลีกเลี่ยงการถูกใช้แรงงานทางกายด้วยก็ตาม พวกเธอก็ยังมีสถานะทางสังคมที่ต่ำกว่า เพศชายอยู่หลายระดับ ผู้หญิงจะถูกห้ามไม่ให้ข้องเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง และโดยมากก็จะไม่ได้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของครอบครัวด้วย เมื่อการศึกษาเริ่มมีคุณค่ามากขึ้นในยุคของโทกึงาวะ ผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาตั้งแต่เด็ก จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัวและสังคมโดยรวม หลักเกณฑ์ในการเลือกสตรีมาแต่งงานด้วย จึงเริ่มถ่ายน้ำหนักไปที่ความฉลาดและระดับการศึกษา บวกกับความดึงดูดใจทางกายภาพ ของผู้ที่จะมาเป็นภรรยามากขึ้น ทำให้นอกจากจะต้องมีทักษะของการเป็นภรรยา และผู้จัดการครอบครัวที่ดี ผู้หญิงในยุคนั้นยังต้องพบกับความท้าทาย ในการเรียนการอ่านภาษาจีน และยังจะต้องมีความรู้ในวิชาทางด้านปรัชญา และอักษรศาสตร์เบื้องต้นอีกด้วย เพราะฉะนั้น จนถึงสิ้นสุดยุคโทกึงาวะ ภรรยาของซามูไรเกือบทุกคนจึงสามารถอ่านออกเขียนได้หม ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี อาทิตยวารสิริบวร เพ็ญบูลย์วรพรสวัสดิ์วาร |
บทความทั้งหมด
|