มอนเตเนโกร (Montenegro)

มอนเตเนโกร







Република Црна Гора
Republika Crna Gora
เรพูบลีคา เซฺรอะนา กอรา
สาธารณรัฐมอนเตเนโกร

เพลงชาติ: Oj, svijetla majska zoro


เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด) พอดกอรีตซา
42°47′N 19°28′E
ภาษาราชการ ภาษามอนเตเนโกร1 ภาษาเซอร์เบีย ภาษาบอสเนีย ภาษาแอลเบเนีย และภาษาโครเอเชีย
รัฐบาล สาธารณรัฐ
ประธานาธิบดี
นายกรัฐมนตรี Filip Vujanović
Milo Đukanović
เอกราช

- ประกาศ การสลายตัวของเซอร์เบียและมอนเตเนโกร
3 มิถุนายน พ.ศ. 2549
เนื้อที่
- ทั้งหมด 13,812 กม.² (ลำดับที่ 157)
- พื้นน้ำ (%) 1.5
ประชากร
- 2546 ประมาณ 620,145 (อันดับที่ 164)
- 2546 สำรวจ 620,145
- ความหนาแน่น 44.9/กม.² (อันดับที่ 126)
GDP (PPP) 2548 ประมาณ
- รวม 1.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 167)
- ต่อประชากร 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 117)
HDI ไม่มีข้อมูล
สกุลเงิน ยูโร2 (EUR)
เขตเวลา CET (UTC+1)
- ฤดูร้อน (DST) CEST (UTC+2)
รหัสอินเทอร์เน็ต .yu3
รหัสโทรศัพท์ +3814
1ถือเป็นภาษาถิ่นหนึ่งของภาษาเซอร์เบีย

มอนเตเนโกร (Montenegro) ออกเสียง: [ˈmɔntɛˌnɛːgrɔ] (เซอร์เบีย: Црна Гора; Crna Gora) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอนเตเนโกร (Republic of Montenegro) เป็นประเทศเอกราชประเทศใหม่ล่าสุดของโลก

ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป มีอาณาเขตจรดทะเลเอเดรีย ติกและโครเอเชียทางทิศตะวันตก จรดบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาทางทิศเหนือ จรดเซอร์เบียทางทิศตะวันออก และจรดแอลเบเนียทางทิศใต้

ในอดีต มอนเตเนโกรมีสถานะเป็นสาธารณรัฐในสหพันธ์สาธารณรัฐสังคม นิยมยูโกสลาเวีย และต่อมาได้เป็นส่วนหนึ่งในสหภาพการเมืองของเซอร์เบีย-มอนเตเนโกร หลังจากมีการลงประชามติเมื่อวันที่21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549

มอนเตเนโกรก็ได้ประกาศเอกราชในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มอนเตเนโกรได้รับการกำหนดให้เป็น "รัฐประชาธิปไตย สวัสดิการ และสิ่งแวดล้อม"


ประวัติ

ประวัติศาสตร์ระยะแรกของชนเผ่ามอนเตเนโกรเริ่มปรากฏชัดเจนในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ในฐานะเป็นรัฐกึ่งอิสระชื่อว่า ดูเคลีย (Duklija) ต่อมาจึงมีการสถาปนาระบอบกษัตริย์ขึ้น

ซึ่ง สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 ได้ทรงมีประกาศรับรองความเป็นอิสระของดูเคลีย และยอมรับพระเจ้ามีไฮโลแห่งดูเคลียอย่างเป็นทางการ เมื่อปี ค.ศ. 1077

ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 มอนเตเนโกรได้ถูกจักรวรรดิออตโตมันเข้ายึดครอง แต่ด้วยเหตุที่ว่าเป็นรัฐชายแดนทางตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน อำนาจและอิทธิพลของจักรวรรดิจึงแผ่ขยายเข้าไปได้ไม่มากนัก

กษัตริย์ของมอนเตเนโกรตั้งแต่ปลางยุคกลางจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 จึงมีอำนาจปกครองประเทศด้วยความอิสระพอควร

ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 กษัตริย์มอนเตเนโกร โดยพระเจ้านิโคลัสที่ 1 แห่งราชวงศ์นีเยกอช ทรงพยายามปลดแอกประเทศจากการอยู่ใต้อำนาจการปกครองของจักรวรรดิออตโตมันหลายครั้ง

ซึ่งในที่สุดแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2421 (ค.ศ. 1878) รัสเซียซึ่งได้ทำสงครามกับจักรวรรดิออตโตมันได้รับชัยชนะ และส่งผลให้มีการตกลงสนธิสัญญาซานสเตฟาโน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้รัสเซียมีอิทธิพลมากขึ้นในกลุ่มรัฐบอลข่าน

อังกฤษและออสเตรีย-ฮังการีจึงคัดค้านและนำไปสู่การประชุมใหญ่แห่งเบอร์ลิน เพื่อทบทวนสนธิสัญญาซานสเตฟาโนและจัดทำสนธิสัญญาเบอร์ลินขึ้นแทน ซึ่งสนธิสัญญฉบับนี้ส่งผลให้มอนเตเนโกรได้รับดินแดนเพิ่มเติมพร้อมเป็นเอกราชจากออตโตมัน

ความผันผวนทางการเมืองในคาบสมุทรบอลข่าน และกระแสชาตินิยมจากการเคลื่อนไหวของขบวนการอุดมการณ์รวมกลุ่มสลาฟ (Pan- Slavism) ได้นำไปสู่การเกิดสงครามบอลข่านสองครั้ง ระหว่างปี ค.ศ. 1912 - 1913

สงครามบอลข่านครั้งแรก เป็นสงครามระหว่างสันนิบาตบอลข่านซึ่งประกอบด้วย ประเทศกรีซ บัลแกเรีย เซอร์เบีย และมอนเตเนโกร กับจักรวรรดิออต โตมัน ซึ่งผลที่ออกมาคือชัยชนะของสันนิบาต

ส่งผลให้ทางออตโตมันต้องสูญเสียดินแดนในยุโรกเกือบทั้งหมด พร้อมยอมให้มีการจัดตั้งประเทศแอลเบเนียขึ้น แต่เนื่องด้วยความไม่พอใจของเซอร์ เบียและมอนเตเนโกร เพราะต้องการผนวกดินแดนชายฝั่งของแอบเบเนียเพื่อเป็นทางออกทะเล

และความไม่พอใจของบัลแกเรียที่ได้เห็นว่าเซอร์เบียได้รับผลประโยชน์มากกว่า บัลแกเรียจึงเปิดฉากสงครามบอลข่านครั้งที่ 2 ขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1913 แต่ผลออกมาคือการพ่ายแพ้ของบัลแกเรีย ส่งผลให้เซอร์เบียและมอนเตเนโกรได้รับดินแดนเพิ่มเติมอีกประมาณหนึ่งเท่าของพื้นที่เดิมของประเทศ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มอนเตเนโกรได้เข้าสนับสนุนฝ่ายสัมพันธมิตรในการทำสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง แต่ด้วยกองกำลังที่เล็กเพียงประมาณ 5 พันคน กองกำลังมอนเตเนโกรจึงประสบความพ่ายแพ้ต่อกองทัพออสเตรีย-ฮังการี


มอนเตเนโกรได้ตัดสินใจรวมประเทศเข้ากับราชอาณาจักรเซอร์เบีย ซึ่งในขณะนั้นเป็นแกนนำสำคัญในการรวมชนเชื้อสายสลาฟใต้เข้าด้วยกันหลังสงครามยุติและสถาปนา "ราชอาณาจักรเซิร์บ โคกแอต และสโลวีน" ขึ้น

โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งยูโกสลาเวีย แห่งราชวงส์คาราจอร์เจวิชเป็นประมุขแห่งรัฐ แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 1924 พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ทรงประกาศยุบสภาและปกครองด้วยระบอบเผด็จการ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "ยูโกสลาเวีย"

แต่ด้วยความไม่พอใจของชนชาติต่างๆในการปกครองแบบเผด็จการของพระองค์ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 จึงถูกลอบปลงพระชนม์โดยพวกโครแอตชาตินิยมในขณะที่เสด็จฯเยือน ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1934 เจ้าชายปีเตอร์ที่ 2 พระราชโอรสวัย 11 ชันษาจึงเสด็จขึ้นครองบัลลังก์แทน

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ยูโกสลาเวียถูกนานาประเทศเข้ายึดครอง ยอซีบ บรอซ (Josip Brozi) หรือตีโต (Tito) ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวียจึงได้ก่อตั้งกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ เพื่อปลดปล่อยประเทศออกจากการยึดครอง

ซึ่งในที่สุดก็สามารถปลดแอกตนเองออกมาได้ ส่วนตีโตนั้นได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้นำประเทศ ซึ่งเขาก็ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นระบอบสังคมนิยมแบบสหภาพโซเวียตวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946)

และเปลี่ยนชื่อประเทศใหม่เป็น “สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย” ซึ่งประกอบด้วย 6 รัฐ กล่าวคือ สโลวีเนีย โครเอเทีย เซอร์เบีย บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา มอนเตเนโกร และมาซิโดเนีย และอีก 2 มณฑลอิสระ โคโซโวและวอยโวดีนา

และถึงแม้ว่ามอนเตเนโกรจะรวมตัวอยู่กับยูโกสลาเวียซึ่งมีการปกครองในระบอบสังคมนิยม แต่มอนเตเนโกรก็มีอำนาจการปกครองภายในอย่างสมบูรณ์

การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชของรัฐต่างๆ ที่รวมตัวกันอยู่ในยูโกสลาเวีย รัฐโครเอเชีย สโลวีเนีย มาซิโดเนีย และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา

ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) แต่เซอร์เบียและมอนเตเนโกรกลับรวมตัวกันอยู่ดั่งเดิม พร้อมกับเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย"

และมีนายสลอบอดัน มีโลเซวิช (Slobodan Miloseviv) เป็นประธานาธิบดีคนแรก ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ได้มีการเปลี่ยนชื่อประเทศอีกครั้งเป็น เซอร์เบียและมอนเตเนโกร แต่ละรัฐมีอำนาจปกครองตนเองสูงสุด มีเพียงการทหารและการต่างประเทศที่รวมกันเป็นหลัก

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ได้มีการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากเซอร์เบีย โดยร้อยละ 55.4 ซึ่งเกินเกณฑ์ขั้นต่ำ (ร้อยละ 55) ที่สหภาพยุโรปกำหนดที่จะให้การรับรอง

และด้วยเหตุนี้มอนเตเนโกรจึงประกาศแยกตัวเพื่อมาเป็นประเทศใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปีเดียวกัน ปัจจุบันมอนเตเนโกรได้รับการรับรองจากนานาประเทศ และเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติลำดับที่ 192 และองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ หลายองค์การแล้ว


การแบ่งเขตการปกครอง
มอนเตเนโกรแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 21 เมือง (opština)


ประชากร

เชื้อชาติ

มอนเตเนโกร 43.16% เซิร์บ 31.99% บอสนีแอก 7.77% แอลเบเนีย 5.03% เชื้อชาติต่าง ๆ ที่เป็นชาวมุสลิม 3.97% โครแอต 1.1% ยิปซี (โรมา) อียิปต์ และอิชคาลี 0.46%

ศาสนา ศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ 74% ศาสนาอิสลาม 17.74%


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


สิริสวัสดิ์อาทิตยวาร กมลมานเจิจรัสค่ะ



Create Date : 06 ธันวาคม 2552
Last Update : 6 ธันวาคม 2552 12:45:32 น.
Counter : 2641 Pageviews.

0 comments
พิธีไหว้ครู ครอบครูนาฏศิลป์ไทย โขน-ละคร ปี2567 ณ หอประชุมศูนย์วัฒนธรรม นายแว่นขยันเที่ยว
(4 มี.ค. 2567 01:33:31 น.)
เข็นเด๊กขี้นภูเชา : 12ข้อ เพื่อความเข้มแข็งทางใจให้เด็กๆ newyorknurse
(18 มี.ค. 2567 04:29:26 น.)
เปลี่ยนหลอดไฟรุ่นเก่าเป็น LED เองได้ง่ายๆ ผู้หญิงก็ทำได้! ฟ้าใสทะเลคราม
(1 มี.ค. 2567 00:27:13 น.)
ริเน็น ปรัชญาการทำธุรกิจของญี่ปุ่น peaceplay
(19 ก.พ. 2567 05:58:41 น.)

Vinitsiri.BlogGang.com

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]

บทความทั้งหมด