สมเด็จพระเจ้าอัลเฟรดมหาราช .. มหาราชองค์เดียวของอังกฤษ
สมเด็จพระเจ้าอัลเฟรดมหาราชสมเด็จพระเจ้าอัลเฟรดมหาราช (Alfred the Great; อังกฤษโบราณ: Ælfrēd) (ค.ศ. 849 - 26 ตุลาคม ค.ศ. 899) ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์เวสเซ็กซ์ ของราชอาณาจักรเวสเซ็กซ์ พระราชสมภพที่เวนเทจ บาร์คเชอร์ ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเอเธลวูลฟแห่งเวสเซ็กซ์ และ ออสเบอร์กา
ทรงเสกสมรสกับเอลสวิธ และทรงครองราชย์เป็นกษัตริย์ของแอง โกล-แซ็กซอนภายใต้ราชอาณาจักรเวสเซ็กซ์ ระหว่างวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 871 พระเจ้าอัลเฟรดทรงมีชื่อเสียงในการป้องกันราชอาณาจักร จากการรุกรานของชาวไวกิงจากเดนมาร์ก และทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษพระองค์เดียวที่รับสมญานามว่า มหาราช
พระเจ้าอัลเฟรดทรงเป็นกษัตริย์แห่งแซ็กซอนตะวันตกพระองค์แรก ที่ทรงแสดงพระองค์ว่าเป็นกษัตริย์แห่งชนแองโกล-แซ็กซอน ทรงเป็นผู้มีการศึกษาดี และทรงส่งเสริมการศึกษาและปรับปรุงทางด้านกฎหมายในราชอาณาจักรและระบบการทหาร พระราชประวัติของพระองค์ถูกกล่าวถึงในงานเขียนของแอสเซอร์ (Asser) นักปราชญ์ชาวเวลส์
พระราชสมภพประมาณระหว่างปี ค.ศ. 847 ถึง ปี ค.ศ. 849 ที่แวนเทจ ในปัจจุบันอยู่ในมลฑลบาร์คเชอร์ พระเจ้าอัลเฟรดทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 5 และองค์เล็กของพระเจ้าเอเธลวูล์ฟแห่งเวสเซ็กซ์(Æthelwulf) และออสเบอร์กาพระชายาองค์แรก
กล่าวกันว่าเมื่อพระเจ้าอัลเฟรดพระชนมายุได้ 5 พรรษาทรงถูกส่งตัวไปกรุงโรม และจากบันทึกพงศาวดารแองโกล-แซ็กซอน สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 4 ก็ประกาศยอมรับและ เจิมว่าเป็นกษัตริย์
นักเขียนสมัยวิคตอเรียตีความ เป็นสัญญาณถึงการที่จะได้สวมมงกุฏเป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งเวสเซ็กส์ต่อมา แต่อันที่จริงแล้วการที่ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าเช่นที่ว่า เป็นไปได้ยากเพราะในขณะนั้นพระเจ้าอัลเฟรดทรงมีพระเชษฐาสามพระองค์
จดหมายของพระสันตะปาปาลีโอที่ 4 กล่าวว่า พระเจ้าอัลเฟรดได้รับการแต่งตั้งให้เป็น กงสุล (consul) ซึ่งอาจจะเป็นการทำให้เข้าใจผิดไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ต่อมา หรืออาจจะมีสาเหตุมาจากการที่พระเจ้าอัลเฟรด เสด็จติดตามพระราชบิดาไปแสวงบุญที่โรม
และประทับที่ราชสำนักของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์เศียรล้าน (Charles the Bald) พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสอยู่ระยะหนึ่งราวปี ค.ศ. 854 หรือ ค.ศ. 855 เมื่อเสด็จกลับมาจากโรมในปี ค.ศ. 856 พระเจ้าเอเธลวูลฟ ถูกโค่นอำนาจโดยเอเธลบอลด์ (Æthelbald) พระโอรส
เมื่อเอเธลวูล์ฟสิ้นพระชนม์เมื่อ ค.ศ. 858 เวสเซ็กซ์จึงปกครองโดยพระเชษฐาสามพระองค์ ของพระเจ้าอัลเฟรดต่อเนื่องกันมา
แอสเซอร์กล่าวว่า เมื่อพระเจ้าอัลเฟรดยังทรงพระเยาว์ ทรงได้รับรางวัลเป็นหนังสีอโคลงกลอนเป็นภาษาอังกฤษจากพระมารดา และทรงเป็นพระโอรสองค์แรก ที่ทรงจำโคลงกลอนจากหนังสือเล่มนั้นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริง หรืออาจจะเป็นเรื่องที่เล่าเพื่อสร้างเสริมพระบารมีในความที่มีชื่อว่าเป็นผู้รักการศึกษาเล่าเรียนก็ได้
ครอบครัว
ในปี ค.ศ. 868 พระเจ้าอัลเฟรดทรงเสกสมรส กับเอลสวิธธิดาของเอเธลเรด มูซิลล์ผู้ปกครองไกนิ (Gaini) จากเกนสเบรอ ในบริเวณแคว้นลิงคอล์นเชอร์ และอาจจะเป็นพระนัดดาของพระเจ้าแผ่นดินแห่งเมอร์เซีย
พระเจ้าอัลเฟรดและพระชายา ทรงมีโอรสธิดาด้วยกันหกพระองค์ คือ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโส ผู้ครองราชบัลลังก์สืบต่อจากพระองค์
เอเธลเฟลดา (Ethelfleda) ผู้ต่อมาเป็นพระราชินีแห่งอาณาจักรเมอร์เซีย
เอลฟริธ (Ælfthryth, Countess of Flanders) ผู้ต่อมาแต่งงานกับบอลด์วินที่ 2 เคานท์แห่งฟลานเดอร์ส (Baldwin II, Count of Flanders)
ออสเบอร์กาพระมารดาของพระองค์ เป็นบุตรีของออสลาคแห่งเกาะไวท์ ซึ่งแอสเซอร์กล่าวไว้ในหนังสือพระราชประวัติว่า แสดงให้เห็นว่าทรงสืบเชื้อสายมาจากชนจูท (Jutes) แห่งเกาะไวท์
แต่ข้อสันนิษฐานนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะบุญราศีบีด กล่าวว่าชนจูทถูกสังหารโดยชาวแซ็กซอนไปหมด ภายใต้การนำของ แคดวัลลา (Caedwalla)
แต่เชื้อสายของพระองค์สืบได้ว่ามาจากราชวงศ์เวสเซ็กซ์ จากพระเจ้าวิห์เทรดแห่งเค้นท์ ผู้มีพระมารดาเป็นพระขนิษฐาของอาร์วอลด์ (Arwald) ผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์สุดท้ายของเกาะไวท์
บั้นปลายพระชนม์ชีพ
พระเจ้าอัลเฟรดเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม แต่จะในปีใดนักประวัติศาสตร์ไม่ทราบแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ ค.ศ. 901 ดังที่เขียนไว้ในพงศาวดารแองโกล-แซ็กซอน และจะด้วยสาเหตใดก็ไม่เป็นที่ทราบแน่นอนเช่นกัน
แต่ตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ก็ประชวรด้วยพระอาการหลายอย่าง ซี่ง อาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารก็ได้ หลังจากเสด็จสวรรคตพระบรมศพถูกนำไปเก็บไว้ชั่วคราว ที่มินส์เตอร์เก่าที่วินเชสเตอร์ ต่อมาก็อัญเชิญไปที่มินส์เตอร์ใหม่ ซึ่งอาจจะสร้างสำหรับบรรจุพระบรมศพโดยเฉพาะ
เมื่อมินส์เตอร์ใหม่ย้ายไปตั้งอยู่ที่ไฮด์ ทางด้านเหนือของตัวเมืองในปี ค.ศ. 1110 พระจากวัดใหม่ก็ย้ายตามไปที่แอบบีไฮด์ด้วย พร้อมกับพระบรมศพ
ในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ที่ฝังพระศพถูกปล้นโดยเจ้าของวัดใหม่ โลงพระศพถูกหลอมเอาตะกั่ว พระศพที่เหลือก็ถูกฝังอย่างไม่มีพิธีรีตองในลานวัด
แต่หลุมพระศพถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง ระหว่างการสร้างคุกใหม่ในปี ค.ศ. 1788 ทำให้กระดูกกระจัดกระจายไปหมด แต่กระดูกที่พบในบริเวณใกล้เคียงกันในคริสต์ทศวรรษ 1860 ได้รับการประกาศว่าเป็นกระดูกของพระองค์ ในการขุดค้นทางโบราณคดีในปี ค.ศ. 1999 ในหลุม ที่เชื่อว่าเป็นหลุมของพระองค์ พระชายาและพระโอรสแทบจะไม่พบซากใด ๆ ในหลุม
สถาบันการศึกษาหลายแห่งในอังกฤษ ใช้พระนามของพระองค์เป็นชื่อสถาบัน ซึ่งได้แก่
มหาวิทยาลัยวินเชสเตอร์ ใช้ชื่อ King Alfred's College, Winchester ระหว่างปี ค.ศ. 1840 ถึงปี ค.ศ. 2004 แต่มาเปลี่ยนเป็น University College Winchester
มหาวิทยาลัยอัลเฟรด และ วิทยาลัยรัฐอัลเฟรด ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านอัลเฟรดที่นิวยอร์ก เพื่อเป็นเกียรติให้แก่พระองค์
มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลก่อตั้งตำแหน่ง King Alfred Chair of English Literature
วิทยาลัยพระเจ้าอัลเฟรด เป็นชื่อโรงเรียนมัธยมที่แวนเทจ ในอ็อกฟอร์ดเชอร์ ที่เกิดของอัลเฟรด
King's Lodge School ที่ชิพเพ็นนัมในแคว้นวิลท์เชอร์ เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้เพราะเชื่อกันว่าเป็นที่ทรงใช้ล่าสัตว์
King Alfred School ที่บาร์เน็ต, ลอนดอนเหนือ
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์วุธวาร สิริมานปรีดิ์ปราโมทย์นะคะ