พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2
รัชกาลที่ 5 กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย
ทรงฉายร่วมกัน ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2440
พระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2
และพระราชวงศ์ ฉายเมื่อ พ.ศ. 2457
แกรนด์ดัชเชสโอลกานิโคเลฟนา
แกรนด์ดัชเชสทาเทียนานิโคเลฟนา
แกรนด์ดัชเชสมาเรียนิโคเลฟนา
แกรนด์ดัชเชสอนาสตาเชียนิโคเลฟนา
ซาเรวิชอเล็กเซนิโคเลวิชซาร์นิโคลัสที่ 2 หรือ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (รัสเซีย: Никола́й II, Nikolay II, อ่านว่า "นิคาลัย ที่ 2"; อังกฤษ: Nicholas II) (18 พฤษภาคม พ.ศ. 241117 กรกฎาคม พ.ศ. 2461) เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิรัสเซีย กษัตริย์ของโปแลนด์ และแกรนด์ดยุกแห่งฟินแลนด์
เป็นพระโอรสของสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย แห่งราชวงศ์โรมานอฟ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 2437 พระองค์ได้รับการกล่าวถึงว่าทรงเป็นจักรพรรดิที่อ่อนแอ ทรงไม่สามารถจัดการกับความไม่สงบภายในประเทศ
โดยเฉพาะความพ่ายแพ้ในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2447-พ.ศ. 2448 และการที่ทรงบัญชาการรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ไม่ทรงสามารถควบคุมกองทัพได้ อันเป็นชนวนให้ประชาชนชาวรัสเซียไม่พอใจและก่อการประท้วง
นอกจากนี้ยังทรงปล่อยให้รัสปูติน นักบวชนอกรีตมีอิทธิพลเหนือราชสำนัก ต่อมาคณะปฏิวัติบอลเชวิกได้บังคับให้ทรงสละราชสมบัติ เมื่อ พ.ศ. 2460 ทรงถูกจำและถูกปลงพระชนม์อย่างทารุณ พร้อมด้วยพระราชวงศ์หลายพระองค์
พระนามาภิไธยเต็มของพระองค์คือ นิคาลัย อเล็กซานโดรวิช โรมานอฟ พระนามาภิไธยอย่างเป็นทางการคือ นิโคลัสที่ 2 สมเด็จพระจักรพรรดิเจ้าอธิปัตย์แห่งรัสเซีย และในบางครั้งมีผู้เรียกพระองค์ว่า นิโคลัสผู้เป็นที่เคารพบูชา
อันเนื่องมาจากการถูกปลงพระชนม์อย่างทารุณ กับทั้งได้รับสมัญญาว่า นิโคลัสผู้กระหายเลือด อันเนื่องมาจากเหตุการณ์นองเลือดในวันขึ้นทรงราชย์ อย่างไรก็ดี ผู้ถือศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ของรัสเชียยกย่องพระองค์ให้เป็น นักบุญนิโคลัสผู้ธำรงความหฤหรรษ์
ซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงเสกสมรสกับเจ้าหญิงอลิกซ์แห่งเฮสส์และไรน์ ซึ่งต่อมาได้รับการเฉลิมพระนามเป็น สมเด็จพระจักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย มีพระราชบุตรด้วยกันห้าพระองค์
ความสัมพันธ์ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 กับราชอาณาจักรสยาม พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เมื่อครั้งเป็นมกุฎราชกุมารทรงพระนามว่าเซอร์เรวิช แกรนด์ ดุ๊ก นิโคลัส ได้เสด็จเยือนประเทศไทย หรือประเทศสยามในเวลานั้นระหว่างวันที่ 20 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2434 รวมเป็นเวลา 5 วัน
ทรงได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดที่พักประทับแรมถวาย ที่พระราชวังสราญรมย์และได้นำเสด็จ "ปิกนิกใหญ่" ทอดพระเนตรการคล้องช้างที่จังหวัดอยุธยา
ต่อมาเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเยือนพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เป็นการตอบแทนที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเวลา 11 วัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกเป็นเวลา 9 เดือน
โดยนับตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 ซึ่งต่อมาได้ถือเป็นวันแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย - รัสเซียอย่างเป็นทางการ
การเสด็จเยือนรัสเซียพร้อมการฉายภาพ ทั้งสองพระองค์ประทับนั่งคู่กันตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วยุโรป ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระราโชบายที่ทำให้ประเทศสยาม รอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษหรือฝรั่งเศส
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์วุธวาร สิริมานรมณีย์นะคะ