6 ธันวาคม 2008

บ่ายวันนี้เป็นอีกวันที่หลังจากออกรอบเสร็จ เราก็ขับเที่ยวแถวๆใกล้พัทยา เพื่อหาสถานที่สวยๆเพื่อเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆนักเดินทาง สวนนงนุชจึงเป็นสถานที่แห่งหนึ่งเมื่อใครต่อใครมาเที่ยวพัทยาแล้วก็มักจะหาทางมาเที่ยวชมกัน

เรามีเวลาไม่มากนักในตอนบ่าย จึงได้ภาพมาเพียงบางส่วน ถ้าจะเที่ยวนี่นั่นให้ครบตลอดจนชมการแสดงด้วยคงต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันบนพื้นที่ 1500 ไร่....









ความเป็นมา

เมื่อปีพุทธศักราช 2497 คุณ.พิสิทธิ์และคุณ.นงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินจำนวน 1,500 ไร่ หลักกิโลเมตรที่ 163 ระหว่างพัทยา-สัตหีบ โดยขณะนั้นพื้นที่ดังกล่าวในอดีตขณะนั้นเป็นพื้นที่ๆใช้ในการปลูกสวนผลไม้ต่างๆอาทิเช่น มะม่วง ส้ม สวนมะพร้าว และพืชอื่นๆ...

ต่อมาคุณ.นงนุช ได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศกับเพื่อนๆและได้ประทับใจในสวนสวยงามที่ได้เยี่ยมชมประกอบกับชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเกิดแนวคิดที่จะ " จัดสวนให้คนมาเที่ยว " ดังนั้นจึงเปลี่ยนสวนผลไม้ให้เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงได้สร้างสิ่งปลูกสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจที่จะเข้ามาเที่ยวชมสวนแห่งนี้.





สัปปะรดสี




สวนนงนุชพัทยา เปิดเป็นทางการในปีพ.ศ 2522 ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมาประมาณ 6 ปีให้หลังคุณ.นงนุช ก็ได้มอบงาน บริหารให้กับลูกชายคุณ.กัมพล ตันสัจจา เป็นผู้ดูแลต่อไป ส่วนตัวคุณ.นงนุช เองก็ยังคงทำในสิ่งที่ตัวเองรัก โดยในขณะนี้ได้มีการ " จัดสวนเพื่อให้คนมาเที่ยว " ที่ทำคล้ายกับที่สวนนงนุชพัทยา แห่งนี้เพิ่มขึ้นมาอีกสองที่ได้แก่ที่ จังหวัดปราจีนบุรี และที่สวนผลไม้ที่จังหวัดเชียงราย





สัปปะรดสี




ในปัจจุบัน สวนนงนุชพัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้า โดยมีผู้เข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คนเพราะสวนนงนุชเองมีการปรับปรุง และพัฒนารูปแบบของสวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมรู้สึกประทับใจในความงดงามของสวนสวยแห่งนี้





แต่งด้วยสัปปะรดสี




ในปัจจุบันสวนนงนุชนอกจากที่จะจัดทำสวนแบบสวยงามเพื่อให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมแล้ว ยังมีการจัดแสดงโชว์ภายในโรงละคร และมีการแสดงของช้างแสนรู้ รวมถึงการให้บริการที่พักและสถานที่ใช้ในการจัดสัมนาหรือจะทำการฝึกอบรมกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างพร้อมสรรพ





ไม้แต่ง




ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาสวนนงนุชพัทยา เคยได้รับรางวัลต่างๆอาทิเช่นได้รับ มาตรฐานปาง (แค้มป์) ช้างประเทศไทยจากกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปีพ.ศ 2546-พ.ศ 2548 รางวัลนี้ให้ในองค์ประกอบหลายอย่างอาทิเช่น ช้างและควาญมีสุขภาพที่






ซุ้มถ่ายภาพ





การเดินทาง สำหรับการเดินทางเพื่อมาเที่ยวชมสวนนงนุชแห่งนี้ไม่ยากเลย โดยหากท่านมาจากกรุงเทพขับรถตามถนนสุขุมวิทผ่านจังหวัดชลบุรี ผ่านเมืองพัทยาโดยใช้เส้นทางถนนสายสุขุมวิทตลอดทาง ผ่านทางเข้าวัดญาณสังวรารามตรงมาที่ตำบลบางเสร่ สวนนงนุช จะอยู่ก่อนที่จะถึงตำบลบางเสร่ประมาณ 3 กิโลเมตรจะมีป้ายใหญ่บอกทางเข้าชัดเจนไม่ต้องกลัวหลงทาง

ช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับการมาท่องเที่ยวสวนนงนุช เวลาให้บริการ : 8:00-18:00 ทุกวัน

ค่าใช้จ่ายสำหรับการมาเที่ยวสวนนงนุช
ค่าบริการ : ชมสวน ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก (ต่ำกว่า 11 ปี 50 บาท)
ชมการแสดงศิลปะและช้างแสนรู้ 09:45 น., 10:30 น., 15:00 น. และ 15:45 น. (1 ชั่วโมง) ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท









ออกจากสวนสัปปะรดสี ก็จะพบกับเรือนกล้วยไม้สีสดสวยต่างๆ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่บริเวณสวนหลัก ซึ่งต้องข้ามแนวร่องน้ำ สวนป่าพร้อมน้ำตก ...









เห็นรูปปั้นกบทั้งสองภาพที่เขาเอามาแต่งตรงทางเดินเข้าเรือนกล้วยไม้ สะดุดตาทันที เขาทำง่ายๆ แต่ก็สวยได้ความรู้สึกที่ดี เหมือกับว่าเราเดินอยู่บนแหล่งธรรมชาติจริง แต่สีสรรกบที่ออกจัดจ้าน ก็ทำให้หลายๆคนรวมทั้งเราด้วยอดใจไม่ไหวที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้..





นี่ก็กบ




เดินผ่านเรือนกล้วยไม้ออกมา ก็จะมาเจอกระถางปลูกต้นไม้เล็กๆ เจ้าของสวนเขาเอามาแต่งเป็นรูปช้างสวัสดี.... นี่ก็คิดดีมากๆ





จากกระถางต้นไม้




ที่จริงจากตรงสะพานนี้เข้าไป จะเป็นสวนเต็มรูปแบบแล้ว เราควรจะขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถด้านใน แล้วค่อยเดิน แต่เพราะเราถ่ายภาพเพลิน เลยไม่นึกถึงเรื่องเดินเหนื่อยเท่าไหร่ เดินไป ถ่ายภาพไป จนลืมว่ามาไกลแล้วเลยพากันขึ้นบันไดไปบนสะพานลอยฟ้า เพื่อดูวิว และเก็บภาพในมุมสูงตรงหอดูวิวนั่นเลย.... ก็ตรงที่เราถ่ายมดน้ำเงินกับมดแดงมานั่นแหละครับ





ริมน้ำ




สุดปลายทางของบึงนี้จะเป็นบ้านพัก แต่เราไม่มีโอกาสเข้าไปสำรวจ จะเห็นก็แต่บ้านพักที่อยู่ข้างสวนสัปปะรดสี ซึ่งเป็นสไตล์รีสอร์ท....






สวนและน้ำตก




น้ำตก (Water Fall)
เป็นน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ที่จัดทำไว้อย่างกลมกลืนคล้ายคลึงกับน้ำตกธรรมชาติ มากที่สุด





รากไทร





มดที่ศาลาชมวิว




แนวคิดเรื่องมดเราก็ว่าดี เพราะต้นไม้เมืองไทยส่วนใหญ่จะเจอมดเป็นประจำ จนกลายเป็นของคู่กัน... แต่มดที่เขาทำนี่ออกเป็นแนวมดเอ็กซ์ในหนังการ์ตูนญี่ปุ่นนิดๆ (ความเห็นของผู้เขียน) เพื่อให้เด็กสนุกสนานไปด้วย จึงเห็นแต่เจ้ามดสีจัดจ้านเต็มไปหมด..





มด






หินที่สวนไม้แต่ง




เห็นหินก้อนกลมๆที่วางเรียงกัน ทำให้แถวโค้งนิดๆ ผู้เขียนชอบแนวคิดการออกแบบเขามาก เมื่อเห็นทำให้เราคิดอะไรไปหลายๆอย่าง อาจจะเลยเถิดไปถึงเรื่องภิภพหรือจักรวาลอะไรไปโน่น...





เหนื่อยนักก็พักตรงนี้




ที่ถ่ายภาพเก้าอี้ และโต๊ะสีออกเขียวๆนี้มาให้ดูก็เพราะว่า ชอบแนวคิดของความกลมกลืนในการจัดของเจ้าของสวน เก้าอี้ผ้าใบเขียว-ขาว ทำให้ดูแล้วสบายตามาก..





สวนยุโรป





สวนยุโรป



สวนยุโรปเป็นการประดับประดาด้วยไม้แต่ง และโชว์เทคนิคการตัดแต่งไม้เหล่านั้นให้ออกมาเป็นรูปทรงเลขาคณิตตามใจคนจัด ซึ่งต้องการให้เป็นแบบชาวยุโรป....





สวนยุโรป











หมากแดงสีลำต้นที่แดงสดใส ปลูกไว้เป็นกลุ่ม ภาพถ่ายจากสะพานลอยฟ้าจึงมองเห็นลำต้นไม่ค่อยเต็มเท่าที่ควร ความสูงของต้นบางต้นเลยพ้นสะพานลอยฟ้าขึ้นไปอีก ดูแล้วตรงนี้ร่มรื่นดีมาก






สวนไม้แต่ง






หมดแรง







นกมาคอร์ (Macaw)





บริเวณนี้จะมีร้านขายอาหาร ขายของที่ระลึกหลายร้าน และอยู่ใกล้ๆกันก็จะมีสวนสัตว์เล้กๆ ให้หนูๆได้ชม พร้อมทั้งสวนผีเสื้อ (Butterfly Garden) ให้เราเข้าไปชมได้ด้วย





ศาลาการแสดง






วัตถุโบราณ




ในเรือนหลังด้านบน ที่เขียนว่าวัตถุโบราณ (Antique House) แต่เราไม่มีภาพมาฝาก ถ่ายไว้เฉพาะตัวเรือน เพราะเวลาเราเหลือน้อยเต็มที

เราเดินวนออกไปทางลานจอดรถที่1 เพื่อไปต่อที่สวนน้ำพุ และขึ้นสะพานลอยฟ้า เพื่อกลับออกไปที่เราจอดรถไว้ในตอนแรก นี่ถ้าเราขับเข้ามาจอดเสียที่ลานนี้ก็น่าจะดีไม่น้อย เพราะเดินเหนื่อยแล้วจะได้ขับออกไปจากตรงนี้ได้เลย.





ต้นไม้ขวดยักษ์ ที่ข้างลานจอดรถที่ 1






สวนน้ำพุ




สวนน้ำพุ(Fountain Garden)
เป็นสวนที่จัดสร้างขึ้นมาตั้งแต่เริ่มสร้างสวนนงนุช ซึ่งปัจจุบันนี้ ยังคงรักษาโครงสร้างเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้ตกแต่งเพิ่มเติมไม้ดอกไม้ประดับในสวนนี้ให้สวยงามอยู่ตลอดเวลา





เรือนแพ



ลาจากตอนนี้ด้วยภาพเรือนแพ แต่ในภาพนี้ถ่ายเพื่อให้เห็นทางเดินข้างๆสระน้ำขนาดใหญ่ และการตกแต่งเป็นรูปธงชาติของชาติต่างๆด้วยพันธุ์ไม้

ภายในบริเวณสระจะสร้างสะพานไว้ให้เดินชมบริเวณ และไกลออกไปจะเป็นเวทีการแสดง.... ส่วนตอนต่อไปซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้ เป็นเช้าของวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2008 ซึ่งเป็นวันที่เราเดินทางกลับ และแวะไหว้หลวงพ่อโสธรที่จังหวัดฉะเชิงเทราครับ.


_____________

Create Date : 13 ธันวาคม 2551
Last Update : 10 กรกฎาคม 2556 23:10:36 น.		23 comments
Counter : 17912 Pageviews.
Share Tweet