....OUR FAMILY'S JOURNEY....
เยอรมัน..ออสเตรีย...สวิส 3


เยอรมัน ออสเตรีย สวิตซ์..3



ตอนที่แล้วเราไปชม Swarovski Crystal Wold มาแล้วนะครับ วันนี้ถึงคิวที่เราจะไปดูปราสาทในฝัน ที่ Disney Land เอามาเป็น highlight



อ่านตอนที่ 2 : คลิ๊กที่นี่
อ่านตอนจบ : คลิ๊กที่นี่





4 พฤษภาคม 2006

เสร็จภารกิจจากอาหารเช้าที่โรงแรมคณะเราก็เช็คเอาท์เพื่อเดินทางต่อไปในเยอรมันอีกครั้ง ที่เมืองฟุซเซน(Fussen) อันเป็นเมืองที่สวยงามที่พระเจ้าลุควิกที่2 เลือกทำเลสร้างปราสาทให้เหมือนในเทพนิยายของพระองค์ เส้นทางที่เข้าไปยังปราสาทนอยชวานชไตน์(Neuschwanstein) เป็นทางที่ก่อนจะแยกจากเส้นทางหลัก สวยงามมาก มองไปข้างหน้าจะเห็นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งเป็นช่วงๆ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจชาวกะเหรี่ยงทั้งหลายไม่น้อย พอเข้าทางที่จะไปปราสาท ก็จะเป็นทางขนาดเล็ก รถวิ่งสวนกันแถมบางช่วงโค้งหักศอกเป็นที่หวาดเสียวของชาวกะเหรี่ยง ถนนรู้สึกจะไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆจนเราเจอก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ยังละลายไม่หมดในยามนี้ อยู่ทั่วไป ทั้งตื่นเต้นและหวาดเสียวเหวที่อยู่ข้างๆทาง แถมบางครั้งลุงคนขับแกยกโทรศัพท์ออกมาพูดอีก เราอดไม่ได้ที่จะเตือนแก (เป็นภาษาไทยนะ เพราะพูดเยอรมันไม่เป็น ครั้นจะพูดอังกฤษก็หลายครั้งล่ะที่แกทำเป็นไม่เข้าใจ) “ลุงๆ ทางโค้งนะลุง ระวังหน่อย” แต่ลุงแกนี่มือดีมาก คนขับรถแถบนี้เขาค่อนข้าง strict เกี่ยวกับวินัยมาก คือไม่ค่อยจะขับล้ำเส้นกันนัก แม้ไหล่ถนนจะไม่มีแต่เขาก็พยามอยู่ในเส้นทางเดินของรถเขา ระหว่างทางเราเริ่มเห็นปราสาทหลายแห่ง แต่จนด้วยเกล้าที่เราไม่ได้เตรียมอ่านไปมากนักเลยไม่รู้เรื่องมากนัก













รถเราผ่านฟุซเซนแต่ไม่ได้แวะ เราตรงไปที่ลานจอดรถเชิงเขาที่จะขึ้นชมปราสาท ซึ่งมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารอยู่หลายร้าน ส่วนวิธีการที่ขึ้นชมปราสาทนอยชวานชไตน์ส่วนใหญ่มีสองวิธี คือขาขึ้นนั่งรถบัสขึ้นไปส่วนขาลงนั่งรถม้าหรือเดินลัดเขาลงมาก็ได้ แต่คณะเราเลือกซื้อบัตรขาขึ้นโดยรถบัสของท้องที่ ส่วนขาลงตามอัธยาศัย ตัวผมเองเลือกที่จะนั่งรถม้าตอนขาลง มันเท่ห์ดีน่ะ








ปราสาทนอยชวานชไตน์ (เอามาจากเวบ)






ปราสาทโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau) ที่เชิงเขากำลังปรับปรุง






ปราสาทนอยชวานชไตน์ ถ่ายจากสะพาน







ถ้าจะตามรอยปราสาทของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ต้องเริ่มกันที่ปราสาทนิมเฟนบูร์กในเมืองมิวนิคอันเป็นที่ประสูติของพระองค์ จากนั้นจึงมาที่ปราสาทโฮเฮนชวานเกา ซึ่งพระองค์ใช้ชีวิตวัยเยาว์ ทำเลที่ตั้งของปราสาทโฮเฮนชวานเกาอยู่บริเวณทะเลสาบชวาน (Schwansee) และทะเลสาบแอลป์ (Alpsee) ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงหงส์ (หรือ Schwan ในภาษาเยอรมัน) สัตว์แห่งโชคลาภในสมัยกลางและสัตว์โปรดของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 จุดเด่นของปราสาทโฮเฮนชวานเกาซึ่งพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2 ทรงบัญชาให้สร้างอยู่ที่ภาพวาดเรื่องราวอัศวินแห่งหงส์ Lohengrin บนผนังห้อง Schwanrittersaal ปราสาทแห่งนี้ผมไม่ได้เดินขึ้นไปชมเนื่องจากเรามีน้อย จึงต้องเลือกที่ให้เจ๋งที่สุดว่างั้นเถอะ









สะพาน






ทะเลสาบด้านหลังปราสาท







ปราสาทนอยชวานชไตน์แห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1868-1886 ออกแบบโดย Christian Jank ตามจินตนาการของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ที่ได้จากละครโอเปร่าของริชาร์ด วากเนอร์เรื่อง Lohengrin และ Tannhauser ส่วนการออกแบบตกแต่งภายในปราสาทนั้น รับผิดชอบโดย Julius Hoffmann ในปี 1880 ปราสาทนอยชวานชไตน์ มีรูปทรงดุจปราสาทในเทพนิยาย (วอลท์ ดีสนีย์จึงนำไปเป็นต้นแบบของปราสาทซินเดอเรลล่าในดิสนีย์แลนด์) สีขาวเด่นกลางเนินเขาสูงทำให้มองเห็นได้แต่ไกล หอคอยตระหง่านภายในวิจิตรบรรจงด้วยภาพวาดฝาผนังเรื่องราวจากละครโอเปร่าของริชาร์ด วากเนอร์ (อีกแล้วครับท่าน) เครื่องเรือนไม้แกะสลักเสลา ห้องบัลลังก์ (Throne Room)ได้รับแรงบันดาลใจจากบาซิลิกาแบบไบแซนไทน์ประดับประดาด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่เคลือบไปด้วยสีทอง โมเสค และโคมไฟแก้วเจียระไนขนาดใหญ่ แม้จะใช้เป็นที่ชมการแสดง แต่ห้องนี้ยังไม่เคยได้ใช้เลย (ว่าไปแล้ว พระองค์มีเวลาประทับอยู่ในปราสาทแห่งนี้เพียง 172 วัน) ขณะที่ทุกซอกมุมของปราสาทมักปรากฎรูปหงส์ที่พระองค์โปรดปราน ในภาพเขียน เครื่องเรือน แม้แต่ท่อน้ำสรงพระพักตร์ แม้ปราสาทนอยชวานชไตน์จะโด่งดังที่สุด แต่ก็ไม่ใช่หลังที่สวยงามที่สุด หากสำคัญด้วยเป็นสถานที่ที่พระองค์ประทับในช่วงสุดท้ายก่อนที่จะถูกจับกุมไปยังปราสาทแบร์ก และสิ้นพระชนม์อย่างปริศนาในที่สุด (ขอบคุณ...ข้อมูลจากเพื่อน ออนไลน์)








รอเวลาเข้าชม ห้าพลาดเพราะคนเยอะมาก







นั่งรถม้าลง







ปราสาทนอยชวานชไตน์มีที่ทางให้ถ่ายรูปไม่มากนัก โดยเฉพาะในปราสาทนั้นห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด ที่อนุญาตก็เป็นห้องที่ไม่สวยงามอะไร ใครต้องการถ่ายรูปปราสาทในมุมที่สวยพอใช้ได้ แนะนำให้ไปที่สะพาน Marienbrucke สะพานเหล็กข้ามโตรกผาด้านหลังของปราสาท แต่หากต้องการภาพปราสาทในมุมที่สวยสุดๆ เหมือนในโปสการ์ด (ดูภาพข้างบนซึ่งถ่ายจากมุมสูงเห็นตัวปราสาททั้งหมดโดยมีป่าและทะเลสาบเป็นฉากหลัง)ต้องถ่ายจากเคเบิลคาร์ที่นำไปสู่ยอดเขา Tegelberg (สถานีอยู่ห่างจากตัวปราสาทประมาณ 2 กิโลเมตร คือถ้ามากับทัวร์หมดสิทธิขึ้นแน่ๆ)

พระเจ้าลุดวิกที่ 2 กษัตริย์แห่งแคว้นบาวาเรีย เป็นพระราชโอรสแห่งพระแมกซิมิเลียนที่ 2 พระองค์ทรงมีรูปโฉมงามดุจเจ้าชายในเทพนิยายหากมีอารมณ์อ่อนไหว สำรวยและทรงโปรดน้ำหอมและไวน์หวานเช่นเดียวกับลูกกวาด และต้องขึ้นครองราชย์ในวัยยังไม่ครบ 19 ชันษา กลับสนพระทัยในวรรณกรรม และการละครมากกว่าการปกครองแผ่นดิน พระองค์ทรงเบื่อหน่ายราชการหากหลงใหลในโคลงกลอน ดนตรี และในตัวริชาร์ด วากเนอร์ผู้ประพันธ์อุปรากร จนเป็นที่ครหาทั่วแผ่นดิน เนื่องจากเห็นว่าพระองค์ทรงมี

ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งแนบแน่นกับวากเนอร์เกินความเป็นเพื่อน และทรงทุ่มเทเงินในท้องพระคลังให้กับงานของวากเนอร์ ซึ่งส่งผลให้เขาผลิตงานชิ้นสำคัญๆ ที่ยืนยงจนทุกวันนี้ เมื่อวากเนอร์ถูกกำจัดออกจากราชวงศ์ พระองค์เหมือนอยู่ในโลกอันเปล่าเปลี่ยว จึงหันไปทุ่มเทเวลาให้กับงานสร้างปราสาทราชวังเพื่อเติมเต็มความฝันในจินตนาการให้เป็นรูปเป็นร่าง พระองค์ทรงห่างหายจากสังคมเมืองหลวง ไปประทับท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบในปราสาทที่ทรงเนรมิตขึ้น คือ นอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein), ลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof) และแฮร์เร่มคีมเซ (Herrenchiemsee) ทั้งทรงสบายพระทัยที่จะสนทนากับชาวชนบทมากกว่าจะเสวนากับขุนนางบาวาเรียและชนชั้นกลางในเมืองหลวง

หากฉากสุดท้ายของพระองค์หาได้มีความสุขเช่นนิยายไม่ เมื่อมีผู้พบศพของพระองค์ในทะเลสาบใกล้ๆ กับนายแพทย์ผู้ลงความเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นบ้า (ถ้าอยากดูภาพภายในปราสาท ดูได้ทิ่ง Link : //www.neuschwanstein.com/english/castle/gallery.htm)














เราทานอาหารเที่ยงกันที่บริเวณร้าอาหารเชิงเขานั่นเอง เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่อยู่รอบๆ เกือบลืมบอกไปถ้าท่านพิศวาสกับการนั่งรถม้าแล้วละก็เตรียมเงินไว้ด้วย 10.5 ยูโรต่อเที่ยวครับ ในระหว่างทานอาหารหลายๆคนสั่งเบียร์เยอรมันมาดื่นกัน ผมนักชิมอยู่แล้วพลาดได้ไง พอดีเขาแนะนำว่า Wheat Beer(ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกไหมนะ) อร่อยมาก เลยขอลองซักแก้วสนนราคาก็ 3.2 ยูโร เป็นน้ำเบียร์ข้นๆแต่รสชาติยอดเยี่ยมจริงๆ เลยลุยซะสองแก้วเลย พอได้ที่ชักอยากจะต่อที่นี่เสียแล้วสิ ถ้าไก๊ด์ไม่เตือนว่าถึงเวลาเดินทางไปลูเซินแล้วละก็ จะขอต่อกับเพื่อนอีกซักตั้งให้สมกับสิ่งที่ชอบ....5555









ภาพแถวร้านอาหาร







เราออกจากนอยชวานชไตน์ ผ่านทะเลสาบที่พระเจ้าลุควิคเสียชีวิต(จำชื่อไม่ได้) ที่ไกด์บอกเราว่า ที่นี่แหละคือที่ลุควิกที่2 เสียชีวิตอยู่ใกล้ๆกับนายแพทย์ที่ลงความเห็นว่าพระองค์เป็นบ้า ....... รถเราวิ่งผ่านไปตามเส้นทางในชนบทของแคว้นบาวาเรียที่บางครั้ง เราก็เจอชาวบ้านพากันตัดท่อนไม้สนวางกองกันไว้เป็นระยะๆ อากาศหน้านี้ทำให้เราเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีจนสุดลูกตา นานๆครั้งจะเห็นรถเมอร์ซีดีสลากพ่วงด้วยกะบะใส่วัสดุการเกษตรมาด้วย ทำเอาหลายๆคนในรถพากันอิจฉาเกษตรกรที่นี่กันเป็นแถวเลยล่ะ หลายครั้งที่รถผ่านหมู่บ้านที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่เจริญไม่แพ้ในเมืองบ้านเรา เห็นคนสูงอายุออกมาจับกลุ่มกันทำกิจกรรมในหมู่บ้าน ถามไก๊ด์แล้วได้ความว่าสังคมที่นี่เป็นสังคมเดี่ยว เมื่อลูกหลานจากไปอยู่ที่อื่นหรืออยู่ตามเมืองใหญ่ๆแล้ว ผู้สูงอายุเหล่านนี้ก็จะรวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรม เพื่อให้คลายเหงาได้ว่างั้น

รถผ่านถนนใหญ่ซักพักก็ถึงชายแดนเยอรมัน-ออสเตรีย และจอดเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ผ่านพรมแดน พวกเราหลายคนลงจากรถออกไปด้านนอกเพื่อถ่ายรูป ซึ่งจริงๆแล้วเขาไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารหรือลูกทัวร์ลงจากรถเมื่อรถจะผ่านพรมแดน เราก็โดนเจ้าหน้าที่ตำหนิเอาซึ่งลุงคนขับรถโกรธพวกเรามาก เราเลยช่วยกันซื้อน้ำเปล่าที่ลุงเตรียมมาขายไป 20กว่าขวดทำให้ลุงแกค่อยใจเย็นขึ้นมาบ้าง... ก็กะเหรี่ยงไม่รู้นี่นา ไม่นานนักรถเราก็วิ่งเรียบทะเลสาบที่ชื่อว่า Lake Constance ที่ว่ากันว่าหนุ่มสาวชอบมาล่องเรือ ฮันนี่มูนกัน ทะเลสาบคอนสเทนซ์นี้เป็นทะเลสาบร่วมสามประเทศคือ เยอรมัน-ออสเตรีย-สวิตซ์









ทุ่งหญ้าขณะรถวิ่งผ่านเข้าสวิส








ไม่นานนักเราก็เข้าพรมแดนสวิส มองเห็นยอดเขาแอลป์ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหรือหิมะ อยู่มากมาย และตามไร่ก็พบว่าเกษตรกรกำลังเก็บเกี่ยวหญ้าที่ออกเขียวขจีทั่วไปไว้สำหรับสัตว์ในหน้าหนาว โดยใช้รถเกี่ยวแล้วม้วนกลมๆเก็บไว้ซึ่ก็เป็นภาพแปลกๆสำหรับเราเหมือนกัน บางช่วงรถวิ่งลอดอุโมงค์ที่ขุดลอดภูเขาไว้และเปิดเป็นคล้ายๆหน้าต่างให้เรามองเห็นทิวทัศน์อีกด้านหนึ่ง ซึ่งบางอุโมงค์ยาวหลายกิโลเมตรเลยที่เดียว คงเป็นวิศกรรมการสร้างทางของพื้นที่ในเทือกเขาแอลป์ของชาวสวิสโดยได้ทั้งประโยชน์จากหิมะไม่หล่นทับถนนและให้การขับขี่ยานพาหนะไม่ปีนสูงมากเกินไป










ทุ่งหญ้าในสวิส








รถเรามาถึงเมือง Luzern ประมาณหกโมงเย็นกว่าๆ หลังจากเช็คอินเข้าพักที่โรงแรม..แล้ว ทางไก๊ด์ก็นัดคณะทานอาหารเย็นกันที่ชั้นบนของโรงแรม ซึ่งเป็นร้านอาหาร ที่นี่มีคนเอเชียหลายชาติคอยเสริฟอาหารอยู่ และอย่างเคยเราก็สั่งน้องไฮน์ของที่นี่มาลองดู ซึ่งราคาก็แพงน่าดู ขวดเล็กคิดเราได้ตั้ง 4.6 ยูโร เรามีทั้งเงินยูโรและสวิตช์ฟรัง เวลาใช้ก็ทุกครั้งพยามเทียบเป็นบาททุกอย่าง โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเมือง ลูเซิร์นพอดี ไม่ห่างจากสถานีรถไฟมากนัก เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึง เราไม่รอช้าให้เสียเวลากะเหรียง รวมกลุ่มกับน้องๆได้ ก็ออกสำรวจเมืองทันที









สะพานไม้ Chapel Bridge สัญญลักษณ์ของเมือง







สถานีรถไฟตั้งอยู่ริมทะเลสาบ อยู่ด้านหน้าสะพานที่จะข้ามไปทางเมืองเก่าซึ่งเราจะไปช้อปปิ้งกัน Water Tower และ Chapel Bridge เป็นสัญลักษณ์ของเมือง Luzerne ที่นักท่องเที่ยวจำได้ทันทีที่เห็น สร้างมานานกว่า 650 ปีแล้ว ตัวเมืองเก่าเริ่มจากฝั่งแม่น้ำ Reuss มีสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจหลายแห่ง เมือง Luzern จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเกือบตลอดปี เพราะเป็นเมือง ชอปปิ้งที่อยู่ระดับแนวหน้าของสวิตเซอร์แลนด์ จะมีตลาดนัดเป็นประจำทุกวันอังคารและวันเสาร์









รูปแกะสลักสิงห์ที่เขาสัญญลักษ์ความกล้าหาญของชาวเมือง







สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝันของใครหลายๆ คน ที่มาดหมายไว้ว่าไม่วันใดวันหนึ่งจะต้องไปเที่ยวให้ได้ ประเทศเล็กๆแห่งนี้ได้เปรียบประเทศอื่นๆในยุโรปอยู่ไม่น้อยในเชิงของ การท่องเที่ยวเพราะความหลากหลายของภูมิประเทศ ทิวทัศน์ วัฒนธรรม ดินฟ้าอากาศ และอาหารการกิน ทั้งนี้ก็เนื่องจากชนหลายเผ่าพันธุ์ในแถบเทือกเขาแอล์ปรวมตัวกันเป็นสมาพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์เมื่อ 700 กว่าปีที่ผ่านมา














ลูเซิร์นฝั่งเมืองเก่า







จำนวนประชากร 6.9 ล้านคน เมืองหลวง กรุงเบิร์น (Bern) เมืองมรดกโลก เนื้อที่ทั้งประเทศ 41,293 ตารางกิโลเมตร ภาษา เยอรมัน - ภาคกลาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝรั่งเศส – ภาคตะวันตก อิตาเลียน – ภาคใต้ โรมันช์ (Rhaeto-Romanic - ภาษาละตินโบราณ) ใช้พูดกันในชนกลุ่มน้อยของมณฑล กริซองส์ (Grisons) อังกฤษ - พูดกันได้ทั่วไปโดยเฉพาะในเมืองและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อาหารการกิน สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมสมสาน ในแต่ละท้องถิ่นจะมีอาหารหลักที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับอิทธิพลที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ทั้งจากฝรั่งเศส, เยอรมัน และอิตาลี

อากาศที่ลูเซิร์นตอนที่เรามาถึงทำท่าว่าจะมีฝนตก และก็ตกจริงๆ แต่กะเหรียงก็ไม่วายที่จะตะลุยเพื่อดูความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ คนในเมืองนี้เขาจะพก ร่ม เสื้อแจ๊คเก็ต ไปด้วยตลอด ถ้าไม่หนาวเขาก็จะเอาผูกเอวไว้ ส่วนร่มจะนิยมเป็นแบบพับได้เพื่อสะดวกแก่การแครี่ติดตัวไปทุกที่ เดินเข้าทางเมืองเก่าตอนกลางคืน เกือบหลงหาทางกลับโรงแรมแทบไม่เจอ พอหาทางกลับได้เล่นเอาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ไม่เอานอนดีกว่า พรุ่งนี้เราก็จะเจอหิมะบนยอดเขา ทิตลิสแล้ว.... ราตรีสวัส ลูเซิร์น





จบตอนที่ 3 ครับ ตอนหน้าเราจะไปเที่ยวยอดเขาทิสลิสกันครับ



________________








Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 24 สิงหาคม 2556 19:16:51 น. 5 comments
Counter : 2003 Pageviews.

 
Nice picture kha


โดย: Irish girl วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:09:12 น.  

 

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคร้าบบบบบบ
ไปเป็นก๊วนใหญ่ๆ น่าสนุกดีนะครับ
และแวะมาชวนไปเที่ยวเกาะตาปู (James Bond Island) ด้วยกันครับ

Phuket
คลิกที่ภาพเพื่อตามมาเที่ยวพังงาด้วยกันได้เลยนะครับ



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:15:23 น.  

 
Thanks Khun Irish girl..

ขอบคุณครับ Mr. Hong ที่เข้ามาเยี่ยม..... ภาพที่พังงา สวยดีนะครับ


โดย: wicsir วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:33:37 น.  

 
ไปท่องเที่ยวอย่างนี้ ความสนุกคือเพื่อนๆนั่นเองค่ะ


โดย: นีลา IP: 202.91.19.205 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:17:58:26 น.  

 
ถูกต้องแล้ครับคุณ นีลา...


โดย: wicsir วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:9:41:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.