....OUR FAMILY'S JOURNEY....
เยอรมัน..ออสเตรีย...สวิส 2


เยอรมัน ออสเตรีย สวิส..2



ตอนที่แล้ว เราไปเที่ยว มิวนิค และ Salzburg มา และเดินทางมาพักที่ Innsbruck



อ่านตอนที่ 1 : คลิ๊กที่นี่
อ่านตอนที่ 3 : คลิ๊กที่นี่





3 พฤษภาคม 2006

Innsbruck เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของ Austria ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศ ทิศเหนือติดแคว้นบาวาเรียของเยอรมัน สภาพของเมืองตั้งอยู่กลางหุบเขา Inn และสงบเงียบ จึงเป็นสถานที่ที่นักเขียนชอบมานั่งเขียนหนังสือที่นี่ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเขาบอกว่าเป็นแหล่งวัตถุดิบที่เอามาทำเครื่องคริสตัลที่ดีที่สุดในโลกด้วย จึงเป็นทำเลที่ Swarovski เลือกเป็นที่ตั้งโรงงานผลิต และเมืองนี้ยังเคยเป็นสถานที่แข่งกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 1964 และ 1976 มาแล้วด้วย ที่โรงแรมที่พักจะเห็นแขกต่างชาติ โดยเฉพาะเอเชียเข้ามาพักกันเยอะ วันที่เข้าพักก็เจอกลุ่มทัวร์จากอินเดีย

หลังมื้อเช้าที่โรงแรมแล้วชาวกะเหรี่ยงก็เตรียมตัวเพื่อเข้าฟังบรรยาย เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจของยุโรบที่เกี่ยวพันกับการพัฒนา ประเด็นหลักๆที่อาจารย์ ของมหาวิทยาลัย Innsbruck บรรยายคือ ความเป็นมาของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปและกลยุทธ์ มหาวิทยาลัยอินท์บรู๊คเป็นมหาวิยาลัยเก่าแก่ของเมืองตั้งเมื่อ ค.ศ.1916 วันที่เราเข้าฟังบรรยายเขาจัดที่สำนักงานคล้ายๆสำนักวิทยบริการ ในเมืองให้เราฟังเพื่อความสะดวก ซึ่งเราประทับใจในความเป็นมิตรของเขามาก โดยเฉพาะ Prof. Christian สาวๆชาวไทยอดใจไม่ไหวขอชักภาพกันจ้าละหวั่นเพราะความหล่อเหลาของอาจารย์








Prof. Christian กำลังบรรยายทิศทางเศรษฐกิจของยุโรป







การบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัย 5 ท่าน กินเวลาประมาณ สองชั่วโมงเศษจึงยุติ การเตรียมการของทางมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะผู้บริหารท่านหนึ่งที่เป็นศาตราจารย์ เคยมาทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยธนบุรี และจุฬา ในเมืองไทยมาแล้ว ท่านยังกล่าวต้อนรับพวกเราเป็นภาษาไทยเลยซึ่งทำให้ทางคณะพอใจมาก งานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลาฉันใด หลังจากมอบของที่ระลึกกันแล้ว พวกเราก็ลาอาจารย์ของ ม.อินท์บรู๊คเพื่อลุย Innsbruck ต่อไป









อีกมุมหนึ่งของ Innsbruck






โรงแรมเก่าแก่ของเมืองนี้ สมเด็จพระเทพฯก็เคยเสด็จ






ภาพซ้ายคือ Golden roof และขวา คนแต่งตัวเป็นตุ๊กตา







ออกจากมหาวิทยาลัยก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี วันนี้ไกด์พาเราไปทานอาหารพื้นเมืองของออสเตรีย ที่ย่าน Down Town ซึ่งรสชาดก็แปลก แต่อร่อยดี ส่วนเราชาวแก๊งก็ไม่ลืมที่จะสั่งเบียร์ออสเตรียมาลอง รายการ อาหารและเครื่องดื่มที่นี่ค่อนข้างแพง แม้กระทั่งน้ำดื่ม ราคาน้ำขวดบรรจุ 750 cc ก็ตกร่วม 3 ยูโร ถ้าเผื่อว่าจะซื้ออะไรก็ควรตรวจสอบราคาด้วยละกัน

ที่เมืองนี้ยังมีสัญลักษณ์ทีรู้จักกันดีคือบ้านหลังคาทอง (Golden Roof) อายุหลายร้อยปี เป็นหลังคาที่ทำด้วยทองแดงเคลือบทองคำแท้ๆ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1502 สมัยจักรพรรดิแมคซิมิเลี่ยนที่ 1 เพื่อเป็นที่ประทับระหว่างชมการแสดงต่างๆที่จัดขึ้นภายในเขตเมืองเก่า (1494 – 1496) ถ่ายรูปกันพอสมควรก่อนที่จะไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารพื้นเมืองของ ออสเตรีย









นานๆจะเจอแสงแดด คนก็ออกมาเดินเต็มถนน






จบจากมื้อกลางวัน เราก็มีเวลาเดินชมเมือง Innsbruck พร้อมเปิดโอกาสให้สาวๆ shopping กันพอหอมปากหอมคอ แหล่งช๊อบที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองนี้ก็คือ Swarovski Gallery ซึ่งพร้อมเสมอ สำหรับนักช๊อบชาวไทย ขนาดว่าเขาลงทุนจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับลูกค้าเป็นชาวไทยมาคอยต้อนรับเราเลยล่ะ และมีอินเดียด้วย เพราะชาวภาระตะเดี๋ยวนี้มีเงินจับจ่ายซื้อสินค้าเยอะแยะ วันนี้เรามีน้องผู้หญิงจากโคราชมาคอยแนะนำ และพาเราชมร้าน สุดท้ายก็ต้องใจอ่อนซื้อเข็มกลัดติดมือมาหลายอันจนได้

เมื่อหลายๆคนตัวเบาแล้ว (เงินพร่อง) ไกด์ก็พาเราเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์ Swarovski ที่อยู่ที่เมือง Wattens ซึ่งเขาจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของชวารอฟกี้มากมาย รวมทั้ง Crystal น้ำหนัก 300,000 กะรัต (สามแสนกะรัต) ด้วย ซึ่งก็แน่นอน เจ้าหน้าที่นำชมก็เป็นสาวจาก อำเภอกุสินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ นั่นเอง เห็นไหมล่ะว่าคนไทยความสามารถไม่เบา ที่จริงเราก็ถามเธอว่าในเมือง Innsbruck นี้มีคนไทยอยู่เยอะไหม ก็ได้คำตอบว่าร้อยเกือบสองร้อยคนเหมือนกัน ที่นี่เราเจอกรุ๊ปทัวร์อีกกรุ๊ปจากเมืองไทย









นี่คือสัญญลักษณ์ของ Swarovski Crystal World







Swarovski Crystal World
ก่อตั้งโดย แดเนียล ชวาร็อฟกี้ เมื่อประมาณปี 1895 โดยที่เขาเลือกทำเลในการผลิตเครื่องประดับที่ทำจากหินเหล่านนี้ที่นี่เพราะว่า บริเวณเมืองเก่าแก่ วัตต์เตน นี้มีแม่น้ำซึ่งละลายจากน้ำแข็งไหลผ่านทางด้านหนึ่งของเมือง ชวาร็ฟกี้ต้องการใช้น้ำเย็นเหล่านั้นมาหล่อเย็นเครื่องเจียรนัยเครื่องประดับของเขา วัตตเตนยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งนักดนตรีและนักร้องอีกด้วย









ทิวทัศน์รอบๆ







หน้าพิพิธภัณฑ์เขาทำเป็นรูปลิงขนาดใหญ่ไว้โดยตาใช้คริสตัลทำ แล้วทำเป็นทางเดินเข้าชมเป็นอุโมงเข้าไปด้านใน มีจุดชมทั้งสิ้น 13 จุดโดยทำเป็นทางเดินทางเดียวสำหรับเข้าชมถ้าเรามองจากด้านอกก็เหมือนเนินดินที่มีรูปปั้นหน้าลิงไว้ ส่วนโรงงานเขาสร้างไว้ด้านหน้าอยู่ใกล้ถนนใหญ่ จากพิพิธภัณฑ์นี้เราสามารถมองออกไปด้านหลัง เห็นเป็นยอดเขาปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ









คริสตัล







เมืองวัตตเต้น (Watten) ยังเป็นที่ตั้งโรงงาน ของ Swarovski ทั้งหมด 2 โรงงาน และยังเล่ากันว่านักประพันธ์ทั้งหลายชอบมานั่งเขียนหนังสือที่นี่ ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมที่สวยงามมากของเมืองเก่าแก่แห่งนี้จึงเป็นตำนานของใครต่อใครที่มาเยี่ยมออสเตรียแล้วจะขาดเสียมิได้ โดยเฉพาะนัก shopping อย่างชาวไทย หลังจากที่กะเหรี่ยงถ่ายภาพกันอย่างพอเพียงแล้ว คณะเราก็บ่ายหน้ากลับ Innsbruck ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศต่อไป ซึ่งกำหนดการหลังจากนั้น ก็คืออาหารเย็นที่ภัตตาคารจีนในเมือง ปกติเมื่อนักท่องเที่ยวทั่วไปมาถึง Innsbruck แล้วเขามักจะเลือกทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารลอยฟ้าของเมือง ซึ่งตอนแข่งกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเป็นหอ snow jump และตอนนี้พัฒนาเป็นร้านอาหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวทั่วไปดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของ Innsbruck ในยามค่ำคืน

รถรับเรามาที่ร้านอาหารจีนที่ที่อยู่ในซอยเล็กๆ สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับร้านอาหารที่นี่ คือเราจะต้องจองเวลาล่วงหน้า ถ้าไม่แล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าไปนั่ง ผมกินเสร็จเป็นคนแรกๆ เพราะไม่ชอบอาหารที่รสจืดๆมากนัก และที่นั่งที่คับแคบ เลยเดินลงมาทัศนาร้านขายสิ่งของใกล้ๆแถวนั้น ผมแปลกใจไม่น้อยที่เจอ “ผ้าขาวม้า” วางขายในร้าน เครื่องประดับที่ทำด้วยผ้า มีหลากหลายสีเสียด้วย เป็นผ้าแบบลายสก๊อตตามแบบที่เราใช้กันในภาคอีสานเปรี๊ยบเลย ที่แน่ใจว่าเป็นของจริงคือ ที่ชายผ้าจะเหลือไว้เป็นทางยาว ไม่ทำเป็นลายเหมือนส่วนในของผืนผ้า ดูเนื้อผ้าแล้วส่วนมากจะทอจากผ้าฝ้าย ทำให้กะเหรี่ยงอย่างเราแอบปลื้มนิดๆ แม้ไม่ใช่สินค้าส่งออกที่ไฮเทคก็ตาม แต่นี่คือภูมิปัญญาชาวบ้านเราเชียวนา












ใกล้ค่ำที่ Innsbruck







ทางเข้าสวนสาธาณะเจอสาวๆ







หลังจากรถนำคณะเรามาส่งที่โรงแรมที่พักแล้ว เรายังมีเวลาอีกมากมายกว่าจะแสงอาทิตย์จะลับฟ้า เพราะตอนนี้เพิ่งจะทุ่มเศษๆเอง สำหรับฤดูใบไม้ผลิที่นี่กว่าจะมืดมิด ก็สามทุ่มกว่าๆเห็นจะได้ เราจึงไม่รอช้ารีบชวนกันเป็นกลุ่มๆ เดินสำรวจเมืองกัน ที่ใจกลางเมืองใหม่มีเสาหลักสูงโด่ขึ้นไปและมีรูปปั้นบุคคลสำคัญในศาสนาอยู่เรียงรายรอบเสานั้น ผู้คนจะใช้เวลามานั่งอ่านหนังสือ อาบแสงแดดรอบๆนี้ ผมไม่เห็นมีรถวิ่งในถนนสายนี้เลย เข้าใจเอาเองว่าเขาละไว้ให้เป็นถนนคนเดิน มีร้านขายเบียร์ตั้งโต๊ะออกมาด้านนอกถนนด้วย ผู้รู้ได้ให้ความเห็นว่าชาวยุโรปมีไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นแสงแดดแบบเต็มพิกัดแบบนี้ อุณหภูมิช่วงกลางวันขึ้นสูงถึง 25 องศาเซ็นเซียส แต่สำหรับเราชาวกะเหรี่ยงเจอแสงแดดเยอะแยะอยู่แล้วเรื่องอะไรจะสนใจใช่ไหม ก็ได้แต่เดินดูเพราะจริงๆแล้วร้านรวงเขาปิดหมดแล้ว แม้แสงจะยังคงอยู่บนฟ้าก็ตาม












เราอดไม่ได้ว่าทำไมสินค้าที่นี่มันแพงนัก เช่นกาแฟ 2.5 ยูโร เบียร์ 3 ยูโร น้ำเปล่า 1.5 ยูโรต่อขวด 0.5 ลิตร เราเลยตัดสินใจชวนกันไปดูของที่ซูเปอร์มาเก็ตเผื่อว่ามันจะแตกต่างบ้าง แต่ก็มีราคาอยู่ประมาณเดียวกัน แต่จะมีสินค้าจำนวนหนึ่งโปรโมชั่น หรือขายแบบ Discount อยู่ ซึ่งราคาก็จะถูกมาก เช่นน้ำจะเหลือ 0.9 ยูโรเป็นต้น แถมยังมีสินค้าที่ใช้ปรุงอาหารมาจากเมืองไทยด้วย เช่นหอม สะระแหน่ ตะไคร้ นี่ก็เป็นการยืนยันว่ามีชาวเราอยู่เยอะเหมือนกันแหละ

แม้เราจะตั้งใจว่านานๆได้มีโอกาสมาเที่ยวแล้ว จะต้องใช้เวลาให้คุ้ม และจะนอนให้น้อยกว่าปกติ แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวัน จึงจำเป็นต้องพาตัวเองเข้านอนเมื่อนาฬิการบอกว่าเที่ยงคืนแล้วนั่นแหละเลยเซย์ Good night Innsbruck.


จบตอนที่ 2



_______________







Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 24 สิงหาคม 2556 19:17:52 น. 6 comments
Counter : 4536 Pageviews.

 
i am Thai . I want to visit there .it is very beautiful

Have a job for me

kid


โดย: kid IP: 58.137.154.50 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:04:44 น.  

 

Matrix_kid4@hotmail.com


โดย: kid IP: 58.137.154.50 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:05:44 น.  

 
สวยงาม และน่าไปเที่ยวมากค่ะ


โดย: pnoo (kimmybangkok ) วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:39:13 น.  

 
มาเที่ยวด้วยคนค่ะ


โดย: asita วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:37:36 น.  

 
คุณ Kid, i have no idea about the job overthere ! but the places / locations are lovely and nice krab.

คุณ pnoo, ขอบคุณครับสำหรับ comment... ยอมรับว่าจะไปอีก.

คุณ asita, ยินดีที่เข้ามาเยี่ยมครับ.


โดย: wicsir วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:01:14 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
ครั้งต่อไป ขอชม crystal สารพัดสัตว์หน่อยนะคะ
ไม่มีใครทำได้สวยงามเท่า Swarovski เลยค่ะ


โดย: นีลา IP: 202.91.19.205 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:17:49:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.