Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
รอยอาญา ๒๐ (ธัญรัตน์)




ผ้าม่านที่ปิดอยู่ค่อย ๆ ถูกแง้มออกพอแค่ให้มองเห็นภาพที่ระพีพรรณเข็นรถผู้เป็นพ่อเดินชมทิวทัศน์ยามเช้าอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มันเป็นสิ่งที่ทำให้ดนุพรรู้สึกสะใจ ดีใจและเสียใจคละเคล้ากันไป เขาเองบอกไม่ถูกพร้อมทั้งเฝ้าถามตัวเองมาโดยตลอดตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับระพีพรรณ ว่าทำไมเธอจะต้องเกิดมาเป็นลูกนายกำพลด้วย

เขายินดีที่จะยกย่องเธอขึ้นมาเป็น ภรรยาและแต่งงานออกหน้าออกตาได้ ขอเพียงแต่เธอไม่ใช่ลูกนายกำพลเท่านั้น แต่มันก็ช่างเหมือนฟ้าดินกลั่นแกล้ง ความกังวลกับเรื่องของวันข้างหน้าปรากฏขึ้นที่ใบหน้าเขาได้ไม่ยากเลย แต่เขาก็จนด้วยปัญญาที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ เขารีบเดินหนีภาพที่อยู่เบื้องหน้าเพื่อเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
อาหารเที่ยงที่ระพีพรรณจัดเตรียมไว้ให้เขาเสร็จสิ้นไป ภายหลังที่เธอกลับจากดูแลบิดาแล้ว เขารีบเดินตรงมาที่โต๊ะโดยที่ไม่รอให้เธอเรียก เพราะรู้สึกหิวเต็มที หลังจากที่ต้องรอให้กำพลกินข้าวเสร็จก็ปาเข้าเกือบจะบ่ายโมงอยู่แล้ว

“เธอล่ำลาพ่อหรือยัง เราต้องไปแล้วนะ”
เขาถามเมื่อตักอาหารคำแรกเข้าปาก โดยมีเธอนั่งกินไปด้วยข้าง ๆ เพราะเขาไม่ได้อนุญาตให้เธออยู่กับกำพลต่อคืนนี้
“บอกแล้วค่ะ แต่ก่อนไปฉันขอไปลาคุณพ่อก่อนนะคะ และก็ขอคุยอะไรกับลุงโป่งอีกหน่อยค่ะ”
เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ในใจนั้นรู้สึกหดหู่กับชะตาตัวเองไม่น้อย ที่อยากจะอยู่ใกล้ ๆ พ่อที่รักและคิดถึง แต่ก็ทำไม่ได้ และเธอก็ไม่อยากจะต่อรองกับเขาอีก เพราะลำพังที่เขาให้เธอมาก็นับว่าดีมากพอแล้ว ถ้าขืนเธอไปขออะไรจากเขาอีก เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำตอบที่ได้จะเป็นอะไร

“เรื่องที่ลุงโป่งป่วยหนะเหรอ”
เขาถามหน้าตาเฉย แต่คนฟังนั้นแทบจะหลุดปากออกมา ว่าเขารู้ได้ยังไง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ได้แต่เงียบและตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารเข้าปากไป
“ฉันติดตัวมาไม่มาก เพราะไม่รู้ว่าจะได้ใช้อะไร แต่ก็น่าจะพอให้ลุงโป่งเอาไปหาหมอ และก็พอให้ใช้ได้ในระหว่างที่เธอจะไม่อยู่” เขาบอกหลังจากที่ล้วงเอากระเป๋าเงินจากกระเป๋ากางเกงและหยิบธนบัตรใบละพันมานับจำนวนสิบใบ แล้วยื่นให้เธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันพอจะมี ขอบคุณค่ะ” เธอปฏิเสธน้ำใจจากเขา

“จากเงินเดือนที่ได้จากฉันหนะเหรอ เธออย่ามาทำเป็นอวดดีกับฉันนะ รับไป แล้วก็เอาให้ลุงโป่งไปหาหมอ ฉันไม่อยากให้คนดี ๆ อย่างลุงโป่งต้องเป็นอะไรไปในตอนนี้ ลำพังที่เขาอยู่รับใช้พ่อ...เอ่อ...พ่อเธอมันก็เป็นเรื่องที่ฉันรับไม่ได้อยู่แล้ว กินข้าวเสร็จรีบไปลาพ่อเธอซะ ฉันจะรีบไป”
เขาเกือบลืมตัวด่ากำพลออกมา แต่ก็ยับยั้งเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากจะมีเรื่องทะเลาะกับเธออีก และก็สั่งเธอโดยไม่คิดจะสนใจสีหน้าที่กำลังโกรธของเธอด้วยซ้ำ ระพีพรรณจำต้องรับเงินจากเขามาในที่สุด เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบการพูดซ้ำซากนั่นเอง...


ใบหน้าที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางค์หนาและเข้ม ส่งให้นิตยาดูน่ามองไม่น้อย แต่หลังจากที่วางโทรศัพท์ลงมันก็เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่บูดบึ้ง แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เธอเฝ้าถามตัวเองมาหลายวันแล้ว ว่าทำไมดนุพรถึงต้องหอบตัวเองไปนอนที่คอนโดมาทั้งอาทิตย์ แล้วนี่ก็เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่ดนุพรเคยให้เวลากับคนในครอบครัวมาโดยตลอด

แล้วไหนจะการลากลับไปดูแลพ่อของระพีพรรณอีก จากอดีตที่ผ่านมาดนุพรไม่เคยลดละกฏที่เข้มงวดกับระพีพรรณแม้แต่น้อย แต่มาวันนี้เขากลับยอมให้เธอหายไปได้เป็นอาทิตย์ แล้วตัวเขาเองก็หายไปด้วย เหตุการณ์รอบข้างมันทำให้นิตยาอดคิดไม่ได้ แล้วจู่ ๆ เขาก็โทรศัพท์มาสั่งให้เธอช่วยไปดูแลความเรียบร้อยโครงการที่กำลังจะขึ้นใหม่ที่พัทยา
และให้เธอรีบเดินทางไปอาทิตย์หน้า และจะต้องอยู่โดยไม่มีกำหนดจนกว่าเขาจะสั่งให้กลับ ส่วนอาทิตย์นี้ เขาบอกว่าระพีพรรณโทรมาลางานต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ที่ระพีพรรณเข้ามาอยู่ที่นี่ เขากำลังจะทำอะไรกันแน่

“ใครโทรมาล่ะแม่นิด” ลัดดาถามเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของนิตยาเมื่อเดินมาหาเธอที่ดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่น
“คุณดำค่ะคุณป้า โทรมาบอกว่าให้นิดไปช่วยดูงานให้ที่พัทยาอาทิตย์หน้าค่ะ” เธอบอกและนั่งลงข้าง ๆ ลัดดา
“ป้ารู้แล้วล่ะ เขาโทรมาบอกป้าตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เห็นบอกว่าจะโทรมาบอกแม่นิดอีกทีป้าก็เลยไม่ได้บอก แล้วก็อาทิตย์นี้ตาดำก็จะไม่กลับบ้านทั้งอาทิตย์นะ เห็นบอกว่าจะไปคุมงานที่ประจวบฯ เห็นว่ามีปัญหาต้องไปจัดการ”
ลัดดาบอกด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่มันกลับตรงกันข้ามกับนิตยาโดยสิ้นเชิง แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่ไต่ถามอะไรจากลัดดาให้มากความ เพราะรู้ดีว่าลัดดาไม่ชอบ

“ป้าจะไปหายายดาก่อน แม่นิดช่วยจัดข้าวเย็นไปให้ที่โน่นเลยก็แล้วกัน แล้วตาดอนไปไหนล่ะ หายไปตั้งแต่บ่ายแล้วนะ” ลัดดาถามหาหลานชาย ที่วันนี้เป็นวันหยุดแต่ก็ยังไม่เห็นหน้าเด็กน้อยเลย
“สงสัยจะอยู่ในสวนกับสมพรค่ะ เห็นบอกว่าจะเอาต้นไม้ลงดินแล้ว เพราะรอแม่เพลงไม่มาสักที” นิตยาบอกตามที่รู้มา
“จริงสิ เห็นดำบอกว่าแม่เพลงลาต่อ ไม่รู้ว่าอาการพ่อเขาเป็นยังไงบ้าง” ลัดดาเพิ่งจะนึกได้
“นั่นสิคะ นิดว่าเราไปเยี่ยมหน่อยจะดีไหมคะคุณป้า จะได้ไม่เสียมารยาท เพราะแม่เพลงเองก็อยู่กับเรามาหลายปีแล้วนะคะ” นิตยารีบเสนอความคิด เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าที่ดนุพรบอกนั้น เป็นเรื่องจริงมากน้อยเพียงใด พอลัดดาเปิดช่อง เธอจึงได้ลู่ทางพอดี

“ไม่เอาล่ะ บ้านช่องอยู่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ เขาก็จะบอกเองนั่นล่ะ ฉันไม่ชอบไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร แม่นิดช่วยไปตามแก้วมาพาฉันไปหายายดาที” ลัดดาฉลาดที่จะกั้นทางของนิตยา
“ค่ะคุณป้า”
นิตยารับคำสั้น ๆ ด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ เธอรีบเดินไปกดโทรศัพท์ภายในเพื่อเรียกแก้วมา และตัวเองก็เลี่ยงออกไปดูความเรียบร้อยที่ครัว


“อาหารเย็นจะเสร็จหายังแม่แพง วันนี้ให้รำพึงไปตั้งโต๊ะที่เรือนกุหลาบเหมือนเดิมนะ เร็ว ๆ ด้วย ทำไมวันนี้ช้าจังเลย”
นิตยาสั่งงานและก็บ่นไปตามเรื่อง เมื่อมาตรวจตราในครัว
“ก็หลานคุณนิดลากลับบ้านเมื่อเช้านี่ไงค่ะ ดิฉันก็เลยมีแค่แม่รำพึงคนเดียวที่คอยช่วย ส่วนแม่แก้วก็ต้องไปดูแลคุณท่าน”
แพงบอกนิตยาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ในใจนั้นนึกตำหนินิตยาอยู่ไม่น้อย ที่ถือว่าตัวเองเห็นหัวหน้า เอาแต่สั่งงานไม่เคยจะชายตาดูเลย หรือไม่เคยแม้แต่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือการงานเลยสักครั้ง

“ก็ต้องทำใจหน่อยนะ แม่เพลงก็ลาไปตั้งหลายวันแล้ว คนอะไร ไม่รู้จักจะเกรงใจคนอื่น ปล่อยให้เขาทำงานของตัวเองอยู่ได้ ถ้ากลับมานะ ฉันจะว่าให้เข็ดเลย”
นิตยาได้ทีรีบบ่น แต่แพงก็ไม่ได้สนใจฟัง แถมในใจก็อดห่วงระพีพรรณกับคนที่บ้านไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แพงลองกดโทรศัพท์ไปที่บ้านกำพล เพราะอยากจะถามข่าวคราวแต่ก็ไม่มีคนรับสาย ก็เลยหมดปัญญาที่จะติดต่อระพีพรรณ ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เจ้านายเก่าเป็นอะไรไปตอนนี้เลย เพราะแพงเองสงสารระพีพรรณที่จะต้องเสียใจอีกคำรบหนึ่ง

“จะทำยังไงได้ล่ะคะ ก็คนมันเจ็บป่วย เป็นพ่อของหนูป่วย หนูก็คงจะไม่อยู่หรอกค่ะ คุณนิดไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เพื่อพี่เพลงพวกเราทนได้ค่ะ” รำพึงที่นั่งหั่นผักอยู่รีบตอบกลับนิตยาด้วยความไม่เห็นด้วยที่ได้ฟังคำพูดของเธอ
“ย่ะ แม่คุณ รู้แล้วล่ะว่าพวกหล่อนเป็นแฟนคลับของแม่เพลง รีบ ๆ ทำก็แล้วกัน อ้อ...ฉันจะกินที่นี่นะ ไม่ต้องจัดไปให้ ที่โน่นล่ะ ส่วนคุณดอนก็คงจะตามคุณท่านไปกินที่เรือนกุหลาบ ช่วยจัดไปเผื่อด้วย จัดให้แม่พยาบาลนั่นด้วยล่ะ”
นิตยาบอกด้วยอารมณ์ที่ขุ่นข้อง ก่อนที่จะเดินออกจากครัวไป รำพึงที่สีหน้าไม่สบอารมณ์รีบ เบ้ปากตาหลังทันที

“ไปเลย คนอะไร ใจดำที่สุด งานก็ล้นมืออยู่แล้ว เอาแต่นั่งเร่งอยู่ได้ เจ้านายแท้ ๆ เขายังไม่เข้มงวดขนาดนี้เลย ตัวเองก็เป็นแค่คนใช้ กินเงินเดือนเหมือนกัน ถือว่าเป็นหลานคุณท่านน่ะสิ ถึงได้วางอำนาจไม่เลิกซักที” รำพึงอดด่าตามหลังไม่ได้
“เอ็งจะไปบ่นทำไมนังรำพึง บ่นไปก็ได้แต่บ่น ยังไง ๆ คุณนิดก็ไม่เปลี่ยนหรอก อะไรอยู่มาตั้งนานแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอ” แพงรีบเตือน แต่ก็ไม่จริงจังนัก ออกจะมีน้ำเสียงที่เห็นด้วยกับรำพึงด้วยซ้ำ
“บ่นอะไรกันค่ะ ป้าแพง รำพึง” ยุพินที่เดินเข้ามาในครัวทักขึ้น
“อ้าว...คุณยุพิน มาพอดีเลย อาหารคุณดากำลังจะเสร็จค่ะ นั่งรอก่อนนะคะ วันนี้ยุ่งมากค่ะ”
แพงบอกและก็รีบหันไปให้ความสนใจกับอาหารในหม้อ

“ไม่เป็นไรค่ะป้า ช้า ๆ ก็ได้ คุณดายังไม่หิวหรอก มัวแต่วาดรูปเพลินอยู่เลย” ยุพินบอก
“พูดถึงวาดรูปแล้วก็คิดถึงพี่เพลงจังนะคะเห็นแกชอบ รูปที่วาดไม่เสร็จยังค้างอยู่ที่เรือนกุหลาบแน่ะ ไม่รู้ป่านนี้พ่อจะเป็นยังไงบ้าง ไม่เห็นโทรมาหาเลย” รำพึงบ่นถึง
“คิดถึงก็ต้องรออีกหน่อยนะจ๊ะรำพึง เพราะคุณท่านบอกว่า เพลงโทรมาลางานอีกอาทิตย์หนึ่ง”
ยุพินที่เพิ่งจะรู้จากลัดดาที่ไปหาที่เรือนเมื่อสักพัก ก่อนที่จะขอตัวมาเอาอาหารให้ดรุณีนั่นเอง

“จริงเหรอคะคุณยุพิน แล้วคุณท่านบอกหรือเปล่าคะ ว่าอาการคุณท่าน...เอ่อ...คุณพ่อคุณเพลงน่ะค่ะ เป็นยังไงบ้าง”
แพงที่ได้ยินรีบหันมาถาม แล้วก็เกือบจะหลุดปากเรียกกำพลว่าคุณท่านด้วยความเคยชิน
“ไม่ได้บอกหรอกค่ะป้า อุ๊ยตายจริง ยุเกือบลืมไป รำพึงจ๊ะ ช่วยขึ้นไปเอาเสื้อผ้าคุณดอนให้พี่หน่อยสิ คุณท่านจะให้อาบน้ำที่เรือนกุหลาบและเลยกินข้าวเลย ปลูกต้นไม้กับแฟนเราจนมอมแมมไปหมดแล้ว มาเดี๋ยวพี่ทำแทนเอง”
ยุพินนึกขึ้นได้ และรีบเดินมาหั่นผักแทนรำพึงทันที
“ได้ค่ะ” รำพึงรับคำและรีบไปล้างมือและเดินแกมวิ่งไปที่บ้านใหญ่ทันที


รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะสดใส และมีชีวิตชีวาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของระพีพรรณทันที ที่ได้พบกับจุดมุ่งหมายที่ดนุพรพามา เพราะมันเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ปลูกไว้ริมหาดในอำเภอปรานบุรี ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยจนถึงวันนี้ เธอยังไม่เคยได้ไปไหนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นธรรมชาติจึงรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

“สมพงศ์ไปพักผ่อนเถอะนะฉันไม่เอาอะไรแล้ว เอาเงินนี่ไปใช้ในระหว่างที่รอฉันอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน แล้วอย่าลืมที่ฉันสั่งนะ ฝากบอกพวกนั้นด้วย”
ดนุพรบอกหลังจากที่กระเป๋าเสื้อผ้าถูกเอาไปเก็บไว้ให้ที่ห้องแล้ว พร้อมกับยื่นงินให้จำนวนหนี่ง เพื่อให้สมพงศ์พอใช้ในหนึ่งอาทิตย์ที่เขาจะอยู่ที่นี่กับเธอตามลำพัง
“ครับคุณดำ ขอบคุณครับ”
สมพงศ์รับคำ แล้วก็เดินเลี่ยงไปขึ้นรถของคนเฝ้าบ้านที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ดนุพรโทรมาสั่งการ ให้จัดหาสิ่งที่เขาต้องการเอาไว้ และก็กำชับคนทั้งหมด ว่าไม่ให้มารบกวน ถ้าเขาไม่ได้เรียก
“เธอชอบทะเลเหรอ” เขาเดินไปสมทบกับเธอที่ยืนชื่นชมธรรมชาติอยู่
“ค่ะ ฉันไม่ได้เห็นมันมานานแล้ว ตั้งแต่...เอ่อ..” เธอหยุดไว้แค่นั้น เพราะรู้ดีว่าเขาเข้าใจความหมายของเธอ
“ฉันว่าเราคงต้องไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะ ฉันหิวแล้ว และเธอก็จะต้องทำอาหารให้ฉันกินทุกมื้อ จนกว่าเราจะกลับ”
เขาบอกและดึงเอาแขนเธอเข้าบ้านไปโดยไม่รอช้า

ลมเย็น ๆ ยามค่ำคืน ทำให้ระพีพรรณรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ความเงียบสงบเริ่มเข้ามาปกคลุม เสียงเกรียวคลื่นที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของเธอ ค่อย ๆ สงบลง จะมีก็เพียงแค่คำถามเดียวที่มีในใจก็คือ ดนุพรจะเอายังไงกับชีวิตของเธอ เขาจะหาความสุขจากเรือนร่างของเธอไปอีกนานแค่ไหน และเขาจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระเมื่อไหร่ เธออยากจะให้เวลาแห่งอิสระที่เหลือแค่ปีกว่า ๆ หมดไปเร็ว ๆ เหลือเกิน
เธอจะได้เป็นตัวของตัวเอง จะได้หนีให้พ้น ๆ จากเขา แต่กับสิ่งที่ตัวเองได้สูญเสียไปแล้ว เธอจะเรียกคืนกลับได้ยังไง แล้วกับใครบางคน ที่เธออาจจะได้พบเจอภายภาคหน้า เขาจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ความคิดของเธอวนกลับมาอีกแล้ว จนเธอเองจะต้องรีบขจัดความคิดเหล่านี้ออกไป

“ดึกมากแล้ว เธอจะเข้าบ้านหรือยัง ฉันง่วงแล้วนะ”
เขาเดินมาหา และเสียงของเขาก็เรียกสติเธอกลับมาให้อยู่กับตัวอีกครั้ง เขาเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลังเอาไว้ แล้วก็ก้มลงไปสูดดมเรือนผมที่ยาวสลวยอย่างลืมตัว แต่ก็ไม่มีคำตอบรับจากอีกฝ่าย นอกจากจะยืนในท่าเดิม และปล่อยให้เขากอดเธอเอาไว้อย่างนั้น หญิงสาวหลับตาพริ้มลงเพราะต้องการซึมซัลเอาความอบอุ่นจากวงแขนของเขา
ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนสองคนในร่างเดียว บางครั้งก็ดูจะเป็นคนที่อ่อนหวาน นุ่มนวล แต่บางครั้งก็แข็งกร้าวและดุดัน จนเธอเองปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของเขาแทบจะไม่ทัน

“เธอคิดอะไรอยู่ เพลง”
เขาถามและเรียกชื่อสั้น ๆ ของเธอ พร้อมกับเดินอ้อมไปเผชิญหน้าเธอกับ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน เพราะไม่บ่อยครั้งนัก ที่จะได้ยินเขาเรียกเธอแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกว่า เป็นกันเองกับเขาอย่างบอกไม่ถูก
“เปล่าค่ะ”
เธอบอก และก็พยายามจะเบือนหน้าหนีจากการจ้องมองของเขา คางมนถูกมือเขาเชยขึ้นมา เพื่อให้มองมาที่ใบหน้าเขาชัด ๆ และเธอก็ได้เห็นดวงตาของเขาที่จ้องมองเธอ ด้วยแววตาที่อ่อนโอน ลึกซึ้ง มันทำให้เธอยิ่งไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอในเวลานี้เพิ่มมากขึ้น

“เธอจะไปนอนที่ห้องกับฉัน หรือจะให้ฉันยืนจูบและทำอะไรเธออยู่ที่นี่”
เขาถามตรง ๆ และกำลังจะก้มหน้ามาหาใบหน้าเธอตามที่เขาถาม
“อย่าค่ะ ฉันง่วงแล้ว”
เธอรีบหลบหน้า และวิ่งหนีเข้าบ้านไปโดยเร็ว เขายิ้มตามหลังด้วยความขำ และก็ตามเธอเข้าไปในบ้านติด ๆ แต่ก็ไม่ทัน เพราะเธอหนีเข้าไปเก็บตัวอยู่ในห้องน้ำแล้ว เขายักไหล่ให้ตัวเองด้วยความสบายใจ และเปิดทีวีดูอะไร ๆ ไป เป็นการฆ่าเวลา ไม่นานระพีพรรณก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาไม่รอช้ารีบตรงไปหาและสวมกอดเธอเอาไว้

“ฉันจะจูบเธอได้หรือยัง”
เขาถามและก็ไม่คิดจะรอคำตอบแม้แต่วินาทีเดียว ริมฝีปากหนานุ่มก็ถูกก้มลงมาประชิดกับปากบางเรียวของเธอ จูบที่นุ่มนวลและแผ่วเบาที่เขามอบให้เธอนั้น บ่งบอกให้เธอรู้ว่า เขากำลังอารมณ์ดี มือหนานุ่มถูกสั่งให้ไปดึงสายเสื้อคลุมที่ผูกเอวเธอไว้หลวม ๆ ให้หลุดออกไป ไม่นานร่างที่ขาวโพลนก็ไม่มีอะไรปกปิดเอาไว้อีกแล้ว ร่างทั้งสองร่างค่อย ๆ โน้มลงไปนอนที่เตียงอย่างแผ่วเบา

แล้วทั้งสองก็มอบสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้กันและกันอย่างดูดดื่ม เปรียบประหนึ่งทั้งคู่เป็นแรกสมรสก็ไม่ปาน ระพีพรรณอยากจะให้เขาเป็นใครสักคนของเธอเหลือเกินในเวลานี้ เธอคงจะมีความสุขกับผู้ชายที่ทั้งนุ่มนวล และอ่อนหวานได้ไม่ยาก แต่ครั้นเมื่อนึกถึงหลักความจริงที่ว่า เขาจะไม่มีวันเป็นใครที่ไหนได้ นอกจากจะเป็นคนที่เกลียดชังเธอ และคนรอบข้างของเธอเท่านั้น มันพลอยทำให้ความสุขที่มีมลายหายไปจนแทบจะหมดสิ้น



“เราไปเดินเล่นกันก่อนดีกว่า อากาศกำลังดีเลย”
ดนุพรบอก หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าของวันต่อมาเสร็จแล้ว
“ค่ะ”
เธอรับคำแค่นั้น เพราะมันตรงกับสิ่งที่เธออยากจะทำพอดี แต่ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ คนอย่างเขาก็มีเวลามาคิดเรื่องไปเดินเล่นเป็นกับเขาด้วย ทำให้หญิงสาวรู้สึกขำ แต่ก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้
“งั้นไปเลย กลับมาแล้วค่อยเก็บจานชามก็แล้วกัน”เขาลุกจากเก้าอี้ แล้วก็จูงเอามือเธอให้เดินตามออกไป

อากาศยามสาย ๆ ของที่นี่ทำให้ระพีพรรณรู้สึกสดชื่นขึ้นไม่น้อยเลย หาดทรายขาวสะอาดมองไปจนสุดลูกหูลูกตา คงจะเป็นเพราะระดับน้ำทะเลที่ลดลงไปมากนั่นเอง เธอสังเกตเห็นว่าหาดที่นี่ไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว ที่มีก็มองเห็นแต่ไกล ๆ ก็นับว่าบ้านหลังนี้ของเขา ปลูกเอาไว้ในสัดส่วนที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก และก็คงจะมีราคาที่ไม่น้อยด้วย

“เธอชอบที่นี่หรือเปล่า”เขาถามขณะที่ยังคงจูงเธอเดินไปตามชายหาด
“ค่ะ”เธอตอบแค่นั้น
“เธอพูดอย่างอื่นไม่เป็นเหรอนอกจากคำว่า “ค่ะ” น่ะ” เขาอดสงสัยไม่ได้
“ก็ฉันไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับคุณนี่คะ และก็ไม่ทราบด้วยว่าคุณจะอนุญาตให้ฉันคุยเรื่องอะไรได้บ้างค่ะ”
เธอตีรวนกับเขา
“ทำไมเธอจะต้องยอกย้อนฉันอยู่เรื่อยเลยนะ เราจะพูดคุยกันดี ๆ บ้างไม่ได้เหรอ เพลง”เขาถามเธอ

“ได้ค่ะ คุณก็คุยมาสิคะ อยากจะคุยเรื่องอะไรฉันจะคุยด้วย”
เธอรับคำเขาแค่นั้น เพราะไม่อยากจะให้บรรยากาศดี ๆ ถูกเขาทำลายไปเสียก่อน
“ก็ได้ งั้นเล่าให้ฉันฟังหน่อย ว่าเธออยู่ยังไงเวลาเรียนอยู่ที่โน่น ไปเรียนเมืองนอกนาน ๆ ไม่คิดถึงบ้านบ้างเหรอ”
เขาเริ่มก่อน
“ตอนไปอยู่แรก ๆ ฉันก็ไปอยู่โรงเรียนประจำก่อนค่ะ พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย คุณพ่อก็ให้ฉันไปเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ค่ะ ส่วนเรื่องคิดถึงบ้านก็มีบ้างแต่ก็จะได้กลับมาเยี่ยมบ้านบ้างค่ะ ไม่ใช่ไปแล้วไม่ได้กลับมาเลย ก็เลยไม่ค่อยจะคิดถึงบ้านเท่าไหร่ แล้วอีกอย่างก็ได้โทรคุยกับทางบ้านบ่อย ๆ ค่ะ”เธอตอบเขาดี ๆ

“เหรอ”
เขารับแค่นั้น เพราะในใจไม่อยากจะคิดไปถึงคนที่เธอโทรคุยด้วย เพราะมันอาจจะทำให้อารมณ์ดี ๆ ของเขามลายสิ้นไปก็เป็นได้
“แล้วทำไมเธอถึงเรียนตกแต่งล่ะ”เขาถามอีกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ขณะที่เดินตามมือที่เขาจูงไปตามชายหาด
“ฉันชอบค่ะ มันเป็นงานที่ได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ทำงานก็ไม่ต้องมีใครมากวน เราสามารถสื่ออะไร ๆ หลาย ๆ อย่างที่เราอยากจะบอกออกไป”เธอตอบเขาไปตามความจริง
“แสดงว่าเธอเป็นคนมักน้อย ชอบความสงบ ไม่ชอบพบปะผู้คน”เขาเดา
“ค่ะ” เธอรับคำเขาแค่นั้น เพราะค่อนข้างจะเห็นด้วยในสิ่งที่เขาบอกเธอ
“อากาศกำลังดี เล่นน้ำกันเถอะนะ”
เขาบอกและก็ไม่ทันที่จะได้คำตอบจากเพื่อนร่วมทาง ร่างของเธอก็ถูกเขาช้อนขึ้น และเดินตรงดิ่งลงไปทะเลอย่างง่ายดาย

“คุณดำปล่อยค่ะ ไม่เอา ฉันยังไม่อยากจะเล่นน้ำตอนนี้ ไม่เอาค่ะปล่อย”เธอร้องขอเขาทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังอยู่ในวงแขนของเขา
“แต่ฉันอยากจะเล่นน้ำกับเธอนี่ เห็นมั้ยน้ำสะอาดน่าเล่นจะตายไป มาทะเลก็ต้องเล่นน้ำทะเลสิ นี่ต้องเล่นแบบนี้ด้วย”
เขาไม่สนใจคำร้องขอจากเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อตัวเองพาเธอลงไปที่กลางน้ำได้ ก็จัดการโยนร่างบางของเธอลงไปในน้ำด้วยอารมณ์ที่อยากจะสนุกกับเธอ
“ว้าย....คุณดำ....ช่วยด้วย ๆ”
เธอตกใจกับการกระทำของเขา และก็รีบเอามือคว้าหาที่เกาะโดยเร็ว แต่ก็มีแต่ความว่างเปล่าของทะเล สีหน้าของเธอทำให้เขาตกใจและรีบกระโจนไปคว้าเอาร่างของเธอด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ไม่นานเขาก็ได้ร่างของเธอมาอยู่ในอ้อมแขนเหมือนเดิม

“กลัวเหรอ”
เขาถามเธอเมื่อเห็นเธอเอื้อมแขนสองข้างไปคล้องไว้ที่คอของเขาจนแน่น พร้อม ๆ กับสีหน้าที่บอกว่าไม่สนุกกับสิ่งที่เขากำลังเล่นอยู่เลย
“ค่ะ”เธอรับคำแค่นั้น
“จริงสิ ฉันลืมไปว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น ฉันไม่น่าลืมเลยนะ เรื่องที่สระว่ายน้ำวันนั้น เพราะว่ามันทำให้ฉันได้....”
เขาหยุดพูดแค่นั้น แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความขำ เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงเป็นลูกตำลึง เมื่อคิดถึงวันที่เขาช่วยเธอขึ้นจากสระวันนั้น
“กลับกันเถอะค่ะ”เธอบอกเขา
“ยังก่อนไหนเธอค่อย ๆ ยืนนะ เพราะฉันเริ่มจะหนักแล้วสงสัยช่วงนี้เธอจะกินเยอะ”
เขาแหย่เธอ จนทำให้อีกฝ่ายถึงกับทำตาถลึงและมองเขาอย่างค้อน ๆ แต่ก็ไม่ยอมเอามือห่างร่างเขา เมื่อเขาค่อย ๆ วางเธอให้ยืน

“ไม่ต้องกลัวหรอกน้ำมันลึกแค่อก นี่เห็นมั้ยไม่มีอะไรน่ากลัวเลย”
เขาบอกเมื่อวางเธอลงแต่มือก็ยังคงโอบร่างเธอไว้ใกล้ ๆ เพื่อไม่ให้คลื่นพัดพาเธอห่างออกไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะสอนให้เธอว่ายน้ำนะ เธอเอาชุดว่ายน้ำที่ฉันซื้อไว้ให้มาด้วยหรือเปล่า ฉันบอกเธอให้เอามาแล้วนะ”
เขาถามเธอ
“เอามาค่ะ แต่ไม่ใส่ และก็ไม่เรียนว่ายน้ำด้วยค่ะ”
เธอบอกด้วยสีหน้าที่ไม่นึกสนุกนักเมื่อจินตนาการถึงตัวเองที่จะต้องใส่ชุดว่ายน้ำให้เขาดูสรีระ

“ไม่เรียนว่ายน้ำฉันไม่อนุญาต แต่ถ้าจะไม่ใส่ชุดว่ายน้ำ ฉันคิดว่าเป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน มันคงจะน่าดูไม่น้อย ถ้าเวลาเธออยู่ในสระกับฉันแล้วไม่ใส่อะไรเลย และฉันคิดว่าเธอก็คงจะไม่ได้เรียนว่ายน้ำหรอก”
เขาแหย่ด้วยความขำและยิ้มออกมาให้เธอเห็น และมันก็เป็นรอยยิ้มที่เขากำลังมีความสุขไม่น้อยเลยที่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับเธอ และมันยิ่งทำให้เขาสุขใจนัก ที่ได้เห็นแววตาที่ค้อนเขาขมับ ๆ กับคำพูดและสายตาที่เจ้าเล่ห์ของเขา
“เธอจะไปไหน ระวังโดนคลื่นหอบไปกลางทะเลนะ ฉันขี้เกียจตามไปงม”
เขาล้อ เมื่อเห็นเธอค่อย ๆ พาร่างตัวเองเดินห่างเขาออกไปเพื่อหมายจะขึ้นฝั่ง
“ฉันจะกลับค่ะ...ว้าย”
เธอทันได้ตอบเขาแค่นั้น ก็ต้องตกใจที่คลื่นลูกใหญ่ซัดร่างตัวเองจนปลิวไป แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกอุ่นใจอีกครั้งที่มีเขาตามมาติด ๆ และกอดเธอเอาไว้

“ฉันบอกแล้วว่าขี้เกียจตามไปงม”เขาบอกและยิ้มอีกครั้ง
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ ฉันกลัวคลื่น”เธอบอกเขาอีกครั้งด้วยสายตาอ้อนวอนเพราะรู้สึกกลัวจริง ๆ
“มีฉันอยู่ด้วยทั้งคนเธอจะกลัวอะไร”
เขาบอกแค่นั้น แล้วก็ก้มลงจูบเธอด้วยความรู้สึกที่สุขใจ ที่ได้มีเธออยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้ จนทำให้เขาลืมทุก ๆ อย่างของกำพลที่อยู่ในตัวเธอ เขาดีใจเป็นที่สุดที่ตัวเองคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจพาเธอมาที่นี่ เพราะทั้งเขาและเธอจะได้มีเวลาได้อยู่กันสองต่อสอง โดยที่ไม่มีใครคอยมารบกวนเลย มันทำให้ความตึงเครียดระหว่างเธอและเขาลดน้อยลงไปมาก

ระพีพรรณบอกตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกมีความสุขแค่ไหนที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเขา และปล่อยให้เขาได้หาความสุขกับเรียวปากบางอยู่เนิ่นนาน อาการกลัวคลื่นนั้นแทบจะหมดสิ้นไปเมื่อวงแขนแข็งแรงของเขาคอยประคองร่างเธอไว้ แขนสองข้างค่อย ๆ โอบหลังเขาไว้ด้วยความลืมตัว เขาละจากเรียวปากซอกซอนลงไปตามซอกคอที่มีหยดน้ำเกาะอยู่อย่างสุขใจ ไม่นานก็กลับมาหาเรียวปากอีกครั้ง จูบที่นุ่มนวลของเขานั้น ทำให้ระพีพรรณลืมทุก ๆ อย่างที่อยู่เบื้องหลัง ไม่นานเขาก็อุ้มร่างเธอขึ้นจากน้ำอย่างง่ายดาย แล้วก็ตรงไปที่วิมานหลังน้อย ที่เหมือนว่าจะเปิดประตูรอรับเขาและเธออย่างเต็มใจ


เช้ารุ่งขึ้นของวันต่อมาหลังจากอาหารเช้าเสร็จ ดนุพรพาระพีพรรณมาหัดว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำในบ้าน แต่กว่าที่เขาจะทำให้เธอยอมใส่ชุดว่ายน้ำออกมาให้เขาดูนั้นก็ต้องขู่หลายครั้ง
“ไม่เห็นต้องอายเลย ที่เมืองนอกเขาใส่กันให้เกลื่อน หรือว่าเธอไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำ”
เขาบอกเธอเมื่อพาเธอลงไปในสระว่ายน้ำแล้ว
“ใส่ค่ะ แต่ไม่ได้ใส่ให้คุณดูนี่คะ”
เธอตอบ เพราะเธอก็เคยไปเรียนว่ายน้ำเหมือนกัน เมื่อสมัยอยู่เมืองนอก แต่เรียนไม่เท่าไหร่ก็หยุด เพราะกลัวน้ำจริง ๆ จนครูที่สอนสงสารเธอ เพราะแค่เห็นสีหน้าที่กลัวน้ำนั่นเอง

“เอ้า....เธอใช้มือว่ายแบบนี้นะ แล้วก็ใช้ขาสองข้างตีน้ำไปเรื่อย ๆ เอาห่วงยางคล้องไว้จะได้ไม่จม”
เขาสอน แต่ก็อดขำกับอาการที่กลัวจนเกินเหตุของเธอไม่ได้
“ไม่ต้องกลัวหรอก น้ำมันแค่อกเอง ฉันไม่ปล่อยให้เธอจมไปง่าย ๆ หรอก เพราะฉันกลัวไม่มีเพื่อน เราต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน” เขาแหย่เธออีก จนเธอต้องค้อนเขาด้วยสายตา
“ฉันชอบจังเลย เวลาเธอค้อนนี่ รู้มั้ยว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าค้อนฉันเลยนะ แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าหน้าเธอตอนนี้น่ะน่ารัก และก็ทำให้ฉันอยากจะ....”
เขาไม่วายแหย่เธออีก ระพีพรรณรู้สึกอายขึ้นมา และก็หมั่นไส้เขาอีกเป็นกระบุงเมื่อสายตาของเขามองไปที่ร่างเธอ แต่เธอก็สุขใจนักที่มีครูอย่างเขาอยู่ใกล้ ๆ

แล้วคุณครูก็สอนลูกศิษย์โข่งให้ว่ายน้ำด้วยความทุลักทุเล เพราะอาการที่กลัวน้ำของลูกศิษย์นั้นเข้าขั้นโคม่านัก บวกกับบางครั้งเขานึกสนุกแกล้งเธอเล่นบ้าง โดยการเดินหนีเธอไปจนหญิงสาวต้องรีบกระโจนไปเกาะร่างเขาไว้ไม่ยอมให้ห่างไปไหน และบางครั้งเขาก็อุ้มร่างเธอขึ้น แล้วก็โยนลงไปในน้ำอย่างนั้น แล้วพอลูกศิษย์โกรธจะขึ้นจากน้ำ ครูก็ตามไปโอบกอดเอาไว้ แล้วก็เริ่มสอนใหม่อีกครั้ง เป็นอยู่อย่างนี้หลายต่อหลายครั้ง

รอยยิ้มของคนทั้งสองในเวลานี้ช่างเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขยิ่งนัก เวลาที่ทั้งคู่ใช้อยู่ในสระว่ายน้ำเกือบจะครึ่งค่อนวันไปแล้วนั้น ไม่ได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกว่านานเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นลูกศิษย์ที่ลืมอะไรได้ง่าย ๆ นั้น รู้สึกจะสุขใจเป็นที่สุด ที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ชายที่แทบจะไม่มีความแค้นหลงเหลืออยู่ในใจในเวลานี้เลย เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วก็อบอุ่นไม่น้อย เธอก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเป็นแบบนี้ไปนาน ๆ



โสภาจ้องมองหน้าน้องชายที่เดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ เธอที่ห้องรับแขก ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
“เป็นอะไรไปคิน ทำหน้ายังกะคนอายุแปดสิบ” โสภาแซวน้อง
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ แค่ลูกค้าต่อว่ามาก็แค่นั้น ทำไมวันนี้พี่โสภากลับบ้านเร็วจัง นี่เพิ่งจะหกโมงเองนะครับ”
เขาถามพี่สาว เพราะรู้ดีว่า วัน ๆ โสภานั้นยุ่งมาก กว่าจะกลับบ้านได้ก็เกือบสามทุ่มทุกวัน

“ก็วันนี้วันศุกร์ ไม่มีอะไรมาก แต่พรุ่งนี้สิยุ่งน่าดู ต้องไปดูงานที่ไซด์ เห็นลูกค้าบ่นมาว่างานไม่เรียบร้อย พี่ก็เลยรีบกลับบ้านมานั่งทำใจก่อน หิวหรือยัง พี่รอกินข้าวอยู่” เธอถามน้องชายด้วยความห่วงใย
“ก็นิดหน่อยครับพี่ เอ่อ...จริงสิครับพี่ พรุ่งนี้คุณเพลงจะให้เราไปรับหรือเปล่า อาทิตย์ที่แล้วก็ไม่ได้ไปรับ ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง” ภคินถาม
“ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ แต่ถ้ายายเพลงจะให้ไปรับ ก็คงจะโทรมาเองล่ะ แต่ว่าวันอาทิตย์พี่จะไปหาเพลงที่บ้านอยู่นะ คินจะไปด้วยหรือเปล่า” โสภาถามน้อง
“ยังไม่รู้ครับพี่ ถ้าว่างผมก็จะไป ไม่ได้คุยกับคุณเพลงมาเป็นเดือนแล้วนะ ไม่รู้จะถูกนายดำใช้งานอะไรบ้าง”

“นั่นหนะสิ แต่อีกไม่นาน ยายเพลงก็จะเป็นอิสระแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องไปทนให้นายใจดำนั่นโขกสับอีก พี่ล่ะนับวันรอแทนยายเพลงเสียจริง ๆ เลย” โสภาอดที่จะดีใจแทนเพื่อนไม่ได้ กับอิสระภาพที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ ๆ
“งั้นไปอาบน้ำก่อนเถอะเราหนะจะได้มากินข้าวพร้อมกัน” โสภาบอกน้องชาย
“ครับพี่”เขารับคำและก็เดินจากไป โดยมีโสภามองตามหลังน้องชายด้วยความภาคภูมิใจในตัวเขา



บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่บ้านพักชายทะเลดำเนินไปด้วยความเงียบ สีหน้าของระพีพรรณมีอาการลังเล ที่จะถามอะไรบางอย่างกับเขา เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าหากคำถามเธอไปทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวเข้า เธอเองจะต้องตกเป็นเครื่องรองรับอารมณ์เขาเสียเอง แต่รู้สึกว่าตั้งแต่ที่เขาพาเธอมาอยู่ที่นี่จะเกือบอาทิตย์ ก็ไม่พบว่าเขาจะอารมณ์เสียแต่อย่างใด

เขาปล่อยให้เธอมีอิสระที่จะทำอะไรตามที่ใจเธออยากทำนั่นก็คือการวาดรูป หรืออ่านหนังสือ ส่วนเขาเองก็ใช้เวลาช่วงกลางวันทำงาน การสั่งการไปยังบริษัทของเขา อินเตอร์เน็ทได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะอุปกรณ์การสื่อสารของเขามีครบครัน ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนของมุมโลก เขาก็สามารถทำงานกับพนักงานได้ง่าย เพียงแค่ปลายนิ้วคลิกที่แล็ปท็อปของเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รับโทรศัพท์แทบทุกสาย จะเห็นได้ว่า เขาเปิดแบบสั่นเอาไว้ จะมีรับก็แค่เรื่องที่สำคัญ ๆ เท่านั้น

“เธอจะถามอะไรฉัน” เขาดักทางเธอ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำ ทำให้เธอถึงกับอึ้งไปครู่ใหญ่
“ว่าไง จะถามอะไร จะขออะไร หรืออยากจะไปเที่ยวที่ไหน” เขาถามย้ำอีก
“เอ่อ...วันนี้วันศุกร์แล้ว พรุ่งนี้คุณจะกลับหรือยังคะ แล้วคุณจะให้ฉันไปหาคุณพ่อเหมือนอาทิตย์ที่แล้วหรือเปล่า แล้วเมื่อไหร่เราจะกลับคะ”
เธอตัดสินใจถามเขาไป และก็ทำใจรอรับคำเสียดสี หรือด่าทอที่จะตามมาจากเขา หรือไม่เขาก็อาจจะลากตัวเธอไปเหวี่ยงไว้ที่เตียง และก็ให้บทลงโทษที่รุนแรงกับเธอ เหมือนคราวที่แล้ว
“ทำไม เธอเบื่อที่นี่แล้วเหรอ หรือเบื่อที่จะอยู่กับฉันแล้ว” น้ำเสียงของเขาอ่อนและเบาเกินความคาดหมาย
“เอ่อ...ฉันแค่คิดถึงคุณพ่อค่ะ แล้วก็ไม่รู้ว่าลุงโป่งไปหาหมอหรือยัง” เธอให้เหตุผลกับเขา

“เราจะอยู่ที่นี่ถึงพรุ่งนี้บ่าย ๆ แล้วก็จะกลับ ฉันจะพาเธอไปส่งให้พ่อที่บ้าน แล้ววันจันทร์ เธอก็จะต้องกลับไปทำงานที่บ้านฉันเหมือนเดิม พอใจหรือยัง”
เขาบอก และก็ลุกจากโต๊ะอาหารไปโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่มันก็ทำให้ระพีพรรณโล่งใจเหลือเกิน ที่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดเอาไว้แต่แรก แล้วเธอก็รีบเก็บถ้วยชามล้าง ทั้ง ๆ ที่ อาหารตกไปอยู่ที่ท้องเพียงไม่กี่คำ การที่จะได้กลับไปเยี่ยมพ่อ มันทำให้เธอรู้สึกอิ่มโดยที่ไม่ต้องกินอาหารเลย และเหนือไปกว่านั้น เธอก็จะได้ไม่ต้องมานอนทอดร่างให้เขาเชยชมอีกต่อไป....

เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่ง น้ำที่ก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นลูกเล็ก ๆ ไหลเข้ามากระทบเท้าที่เปล่าเปลือยของเขา ใบหน้าที่เหมือนกำลังจะใช้ความคิดหรือจะตัดสินใจอะไรบางอย่างของดนุพรเบิกมองออกไปที่ท้องทะเลกว้าง ท้องฟ้าใกล้จะมืดมิดเข้ามาทุกขณะ ๆ เหมือนกับกำลังจะบอกเขาว่า เวลาแห่งการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างของเขา ใกล้เข้ามาแล้วเหมือนกัน

เขารู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเองเหมือนเป็นผู้พิพากษา ที่กำลังจะกำหนดบทลงโทษให้กับระพีพรรณและครอบครัวของเธอ ว่าควรจะให้รับโทษอย่างไร ถ้าเป็นเมื่อสามปีที่แล้ว ที่เขามีคำตอบในใจอยู่แล้ว เขาคงจะไม่ต้องกลัวว่าคำพิพากษาของตัวเองว่าจะออกมายังไง และมีผลกระทบต่อจำเลยมากน้อยแค่ไหน แต่ ณ วันนี้ เวลานี้ คำพิพากษายังคงมีไว้ในใจเขาแล้ว

แต่เขาก็รู้สึกลังเล ที่จะประกาศมันออกมาให้จำเลยของเขาได้รับรู้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ระพีพรรณจะทำให้เขาต้องลำบากใจที่จะตัดสินใจ หรือเลือกอะไร เธอเหมือนมีพลังบางอย่างแอบแฝงเอาไว้ คอยบงการให้เขาใจอ่อนอยู่เรื่อย หรือมันอาจจะเป็นเพราะความใกล้ชิด ความรัก หรือแม้แต่ความกตัญญูกตเวทีของเธอต่อผู้ให้กำเนิดที่มีมากมายนัก เขาเองก็บอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้และไม่อยากให้มันเป็นจริงนั่นก็คือ ความจริงที่ว่าเธอคือผู้ที่ถือกำเนิดมาจากสายเลือดศัตรูเขานั่นเอง

“ฉันจะทำยังไงกับเธอดี เพลง ทำไม ๆ เธอเป็นลูกคนอื่นไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเป็นลูกคนเลว ๆ อย่างไอ้กำพลด้วย ทำไม”
เขาพร่ำถามตัวเองคนเดียว เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ เหมือนจะตัดสินใจกับคำพิพากษาแล้ว และดวงตาก็เปิดขึ้นอีกครั้ง แล้วเขาก็ออกเดินช้า ๆ เพื่อเข้าบ้านไป เขาเดินไปเพ่งมองภาพที่ระพีพรรณวาดเอาไว้ตั้งแต่วันมาถึง และมันก็ใกล้จะเสร็จทันเวลาที่เขาจะพาเธอกลับแล้ว
“เธอกำลังวาดรูปบ้านหลังนี้เหรอ”
เขาถามเธอ เพราะในรูปนั้น มีบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ริมทะเล มีดวงอาทิตย์ที่กำลังจะอับแสงลง มองดูแล้วมันค่อนข้างจะให้อารมณ์เศร้ามากกว่าที่จะเป็นภาพวิวที่สดใส

“ค่ะ บ้านของคุณ” เธอตอบ
“แล้วทำไมเธอต้องวาดตอนที่พระอาทิตย์จะตกดินด้วยล่ะ ทำไมไม่วาดให้มันเป็นตอนเช้าที่สดใส หรือไม่ก็ตอนกลางวัน” เขาถาม
“ฉันวาดสิ่งที่ฉันจำค่ะ และฉันก็คิดว่า ภาพนี้เหมาะที่สุด” เธอตอบเขา
“ถ้าฉันจะให้เธอวาดรูปให้ฉัน เธอจะวาดรูปอะไรให้”
เขาถามเพราะความอยากรู้ เธอคิดอยู่เป็นนาน และก็ไม่ตอบ ได้แต่หันไประบายสีบนรูปต่อ
“ว่าไงล่ะ ฉันถามทำไมเธอไม่ตอบฉัน” เขาย้ำ
“ฉันไม่รู้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ คนอย่างฉันมาดูยากมากนักเหรอสำหรับเธอ” เขาค่อนข้างจะสงสัยกับคำตอบที่ได้รับจากเธอ

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเปรียบคุณกับอะไรดีนี่คะ แล้วฉันก็เห็นว่ามนุษย์เราทุกคน ต่างก็มีความสลับซับซ้อนมากมาย อยู่ในตัวของแต่ละคน มันยากเกินที่จะเปรียบมาเป็นสิ่งของ หรือว่าภาพอะไรเพียงอย่างเดียวค่ะ และฉันเองก็ไม่ชอบเปรียบคนเป็นเหมือนสิ่งของ หรือเป็นแค่รูปภาพเท่านั้น ขอโทษนะคะที่ฉันให้คำตอบคุณไม่ได้”
เธอตอบ และมันก็เป็นคำพูดที่เขาถูกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เธอเห็น
“แล้วในความคิดของเธอ คิดว่าฉันเป็นคนยังไง”
เขาถามเธอออกไปอีกครั้ง และมันก็เป็นคำถามที่ระพีพรรณไม่อยากจะตอบอีกเช่นเคย
“ทำไมคุณถึงอยากจะรู้นักคะ ว่าฉันคิดยังไงกับคุณ” เธอเลี่ยงที่จะตอบเขา
“ฉันก็แค่อยากจะรู้ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก ว่าไงล่ะ เธอจะตอบฉันได้หรือยัง” เขาคาดคั้น

“ฉันขอไม่ตอบค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”
เธอไม่ตอบเอาดื้อ และก็เดินหนีเข้าห้องไป โดยไม่สนใจเขาเลย แล้วเขาก็เดินตามเธอไปในที่สุด
“ให้ฉันอาบด้วยคนนะ”
เขาขอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแต่เรียบ และเขาก็ไม่รอคำตอบจากเธออีกตามเคย แขนสองข้างช้อนเอาตัวเธอและเดินไปยังห้องน้ำทันที
“ปล่อยค่ะคุณดำ คุณจะทำอะไรคะ” เธออดที่จะอายเขาไม่ได้

“เอาอีกแล้วนะ เธอถามฉันไม่รู้ว่าจะกี่ครั้งแล้วกับคำถามนี้ ผัวน่ะเขาจะทำอะไรกับเมียล่ะในเวลานี้”
เขาบอกและก็เปิดน้ำที่ฝักบัวให้ไหลลงมาชโลมร่างทั้งสอง แล้วเขาก็ไม่รอช้าที่จะดึงร่างเธอให้มาชิดแนบอกกว้างเอาไว้ แล้วก็มอบความเป็นสามีให้กับเธออีกครั้ง โดยที่ระพีพรรณไม่ได้ขัดขืนเขาแต่อย่างใด



รถของดนุพรจอดที่หน้าตึกในช่วงเที่ยงของวันอาทิตย์ หลังจากที่ไปส่งระพีพรรณกลับไปหากำพลในเวลาสองทุ่มของเมื่อคืนวาน หลังจากนั้นเขาก็กลับไปนอนค้างที่คอนโดแทนที่จะกลับบ้าน แล้วถึงกลับเข้าบ้านในเที่ยงนี้ นิตยาที่ได้แต่รอคอยการกลับมาของเขายืนรอที่หน้าประตูตึก
“คุณดำกลับมาแล้วเหรอคะ นิดเป็นห่วงแทบแย่ หายไปตั้งหลายวัน กลัวจะไม่มีใครดูแลเรื่องอาหารการกินค่ะ”
เธอถาม และเดินตรงไปรับข้าวของมาจากมือเขา

“ผมสบายดีนะนิด ขอบคุณมาก แล้วยังไม่เตรียมตัวอีกเหรอ พรุ่งนี้จะให้สมพงศ์ขับรถไปส่ง ไม่มีใครจริง ๆ ฝากนิดช่วยดูให้ด้วยนะ ผมแจ้งพนักงานทางโน้นไว้ให้แล้ว” เขาบอก
“นิดเตรียมของเสร็จหมดแล้วล่ะคะ รอลาคุณดำแค่นั้นนิดก็จะไปแล้ว แต่จริง ๆ แล้วนิดไม่ค่อยอยากจะไปหรอกนะคะ ห่วงคุณป้ากับคุณดำ ไหนจะคุณดาคุณดอนอีก ไม่มีนิดไม่รู้ที่นี่จะเป็นยังไง ใครจะดูแลความเรียบร้อยก็ไม่รู้”
นิตยาพยายามหาเหตุผลมาทำให้เขาเปลี่ยนใจ

“ขอบคุณมาก ๆ นะนิด แต่คงไม่เป็นไรหรอก คนที่นี่ก็รู้อะไรดีแล้ว นิดไม่อยู่สักพัก คงจะไม่เป็นอะไรหรอก งานทางโน้นสำคัญกว่า ผมถึงต้องให้นิดไปช่วยไง”
เขาเข้าใจหาแรงจูงใจมาให้นิตยา เพราะรู้ดีว่าเธอชอบเป็นคนสำคัญ ความจริงแล้วที่นิตยาพูดมาก็พอจะถูกบ้าง เพราะเธอจะเป็นคนดูแลเรื่องทั้งหมดภายในบ้านให้เรียบร้อยอย่างไม่มีที่ติ แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องเอาเธอออกให้ห่างเขาและคนในบ้านเอาไว้ในช่วงนี้ เพื่อให้แผนการของเขาบรรลุผลตามที่ตั้งใจเอาไว้
“ขอบคุณคุณดำค่ะที่ไว้ใจนิด ยังไงนิดก็จะทำให้ดีที่สุดค่ะ คุณดำมาเหนื่อย ๆ ดื่มอะไรเย็น ๆ ก่อนดีไหมคะ”
เธอรีบเสนอเขา

“ก็ดีเหมือนกัน แล้วคุณแม่อยู่ไหนล่ะ” เขาถามหามารดา
“อ๋อ...คุยกับคุณหมอที่เรือนกุหลาบค่ะ พอดีคุณหมอมาตรวจอาการคุณดาตามปกติค่ะ” นิตยาตอบ
“เหรอ งั้นนิดช่วยให้เด็กยกอะไรไปให้ผมที่เรือนกุหลาบก็แล้วกันนะ พอดีมีอะไรจะคุยกับคุณหมอด้วย”
เขาบอกและรีบเดินจากนิตยาไป โดยไม่แยแสกับสีหน้าและท่าทางที่ออกห่วงใยเขาเป็นพิเศษ
“ดำมาแล้วเหรอลูก พอดีเลยจะได้กินข้าวพร้อมคุณหมอด้วย แม่สั่งให้คนยกมาที่นี่แล้ว”
ลัดดาร้องทักเขาเมื่อเห็นเขาพาร่างที่อยู่ในชุดสบาย ๆ ไปนั่งที่เก้าอี้

“สวัสดีครับคุณหมอ อาการยายดาเป็นยังไงบ้างครับ” เขาถาม
“ก็ดีขึ้นตามลำดับครับ คุณดามีการตอบสนองกับคนที่เข้ามาพูดคุยด้วยในบางครั้งแล้ว และก็จำชื่อคนได้หลาย ๆ คนด้วยครับ นี่เริ่มถามถึงคุณเพลงหลายหนแล้วนะครับ แต่พอหาเรื่องอื่นมาดึงดูดความสนใจ คุณดาก็จะลืมไปครับ” หมอบอกเขา
“จริงเหรอครับ แล้วอยู่ไหนครับ” เขาถามหาน้องสาว
“กำลังจะอาบน้ำอยู่จ๊ะ บอกว่าร้อน คุณยุพินกับตาดอนกำลังช่วยกันอยู่ในห้องแน่ะ” ลัดดาบอกเขา

“แล้วเมื่อไหร่ยายดาจะหายเป็นปกติครับคุณหมอ” เขาถามด้วยความอยากรู้
“หมอเองก็ให้คำตอบไม่ได้แน่ชัดครับ แล้วแต่สถานะการณ์ แต่ถ้าจะให้เทียบกับเมื่อก่อน ก็นับว่าเรามาถึงครึ่งทางแล้วนะครับคุณดำ หมอเชื่อว่าอีกไม่นานหรอกครับ”

หมอให้ความกระจ่างกับเขา แต่มันก็ไม่ได้สร้างความยินดีให้กับเขาเลย เพราะคำบอกเล่านี้ เขาฟังมาไม่น้อยกว่าร้อยครั้งแล้ว แต่ก็จะมีอะไรดีไปกว่า การรอคอยอีกสำหรับเขา และมารดา แล้วความคิดของเขาก็ล่องลอยไปถึงครอบครัวของต้นเหตุแห่งความวุ่นวายนี้ด้วยความโกรธแค้นอีกครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกให้มารดาและหมอได้เห็น นอกจากทำหน้าให้เป็นปกติที่สุด







Create Date : 05 ตุลาคม 2551
Last Update : 5 ตุลาคม 2551 7:48:35 น. 3 comments
Counter : 613 Pageviews.

 
เริ่มตื่นเต้นขี้นทุกทีๆแล้วเนอะ เฮ้อ...กว่าจะจบเพลง
จะน่วมมั๊ยเนี่ย T_T


โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:10:43:54 น.  

 
รอลุ้นนะค่ะ ว่านู๋เพลงจะเอาคืน นายดำแบบไหน รอติดตามตอนต่อไปนะค่ะ


โดย: finn IP: 88.195.240.139 วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:14:50:42 น.  

 
งั้นต้องรอต่อไปค่ะ อีกไม่นานหรอกนะคะคุณ finn

ส่วนน้องติ๊กนี่ เป็นแฟนพี่ที่เหนียวแน่นจริง ๆ ค่ะ
สมความอยากอ่านน้อ


โดย: ธัญรัตน์ IP: 202.149.25.241 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:22:11:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.