Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
30 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๑๕ (ธัญรัตน์)




“ก็ยายเพลงค่ะ พอเห็นพี่ก๊อปแฟนมิ้นเกิดถูกใจ แล้วก็หว่านเสน่ห์จนพี่ก๊อปติดกับค่ะ เลยได้แฟนมิ้นไปควงเล่น ๆ จนเกือบถึงขั้นตกร่องปล่องชิ้นเลยนะคะ มิ้นก็เลยไม่ค่อยจะชอบหน้าเท่าไหร่ ก็ใช้ได้ที่ไหนคะจู่ ๆ ก็มาแย่งแฟนเขาไป แต่ไม่รู้ยังไงนะคะพอยายเพลงกลับมาเมืองไทยได้ไม่เท่าไหร่ พี่ก๊อปก็เลิกกับยายเพลง แล้วก็กลับไปหายายมิ้นค่ะ”

“ยายมิ้นพยายามถามว่าทำไมถึงเลิกกันเท่าไหร่ พี่ก๊อปก็ไม่บอกค่ะ บอกแต่ว่าเบื่อคนจนชอบไปขอเงิน เป๊กกี้ก็ไม่รู้ว่ายายเพลงมีปัญหาอะไร พวกเราก็ไม่ได้สนใจค่ะพี่ดำ แต่พอมาเห็นทำงานที่นี่ก็คงจะมีปัญหาเรื่องเงินจริง ๆ ล่ะคะ เพราะอยู่ที่โน่นเคยหยิบเคยจับอะไรที่ไหนคะ”

“เขามีพี่เลี้ยงค่ะ ชื่อพี่โสภา รายนั้นน่ะ ก็หวังเงินยายเพลงค่ะ เรียกว่าบ้านจนก็เลยต้องเกาะคนรวย ๆ เอาไว้ มีอะไรก็ต้องให้ยายเพลงคอยช่วย เป๊กกี้ก็รู้แค่นี้ล่ะค่ะ” เปรมสิณีบอกด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างสะใจ ที่ได้ใส่ไฟคู่อริของตัวเองและเพื่อนรัก
“จริงเหรอหนูเป๊กกี้” ลัดดาถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“จริงสิคะคุณป้า ไม่เชื่อก็รอถามพี่ก๊อปก็ได้นะคะ เดี๋ยวมิ้นจะพามาไหว้คุณป้าวันหลังนะคะ”
ยดารีบเสริมแทนเพื่อน และมันก็ทำให้ดนุพรที่นั่งฟังมีสีหน้าที่ปรีดาอย่างบอกไม่ถูกที่จู่ ๆ ก็ได้เครื่องมือในการสร้างความเจ็บปวดให้คู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นอีก

“จริงเหรอมิ้น ใช่คนเดียวกับที่มิ้นเคยเล่าให้แยมฟังหรือเปล่า”
ไปรยาถามเพื่อนเพื่อรื้อฟื้นความจำ เพราะจำได้ว่ายดาเคยโทรศัพท์ไปปรับทุกข์เรื่องแฟนหนุ่มให้ฟัง
“ใช่คนนั้นแล่ะแยม ไม่นึกเลยว่าโลกมันจะกลมได้ถึงเพียงนี้” ยดารีบบอก
“แล้วเราไปรู้เรื่องอะไรกับเขาด้วยล่ะยายแยม”

พิสิทธิ์ถามเป็นเชิงตำหนิน้องสาว และนึกไม่ค่อยจะชอบใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับโสภา เขารู้สึกว่าคำบอกเล่าของยดาและเปรมสิณีจะค่อนข้างเกินความเป็นจริงไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไร เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนัก แต่ลึก ๆ เขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าระพีพรรณและโสภาไม่น่าจะมีพฤติกรรมตามที่เขาได้ยินมา
“อาหารตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะคุณป้า จะทานเลยหรือเปล่าคะ” นิตยาเดินมาบอก

“เอาสิแม่นิด ป้าก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน งั้นป้าเชิญทุกคนที่ห้องอาหารเลยนะ ตาดอนเสร็จหรือยังแม่นิด”
ลัดดารีบรับคำ เพราะไม่อยากจะรับฟังเรื่องอีกต่อไป เพราะลัดดาเองก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักในเรื่องที่ทั้งสองบอกเล่า
“ใกล้แล้วค่ะ รำพึงกำลังขึ้นไปตามเดี๋ยวก็คงจะลงมา”
นิตยาบอกพร้อม ๆ กับเดินเข้ามาเข็นรถของลัดดาไป แล้วทั้งหมดก็พากันย้ายไปที่โต๊ะอาหารแทน ไม่นานดอนก็ลงมาจากด้านบนโดยมีระพีพรรณตามลงมาส่งที่โต๊ะอาหาร

“ระพีพรรณฉันอยากจะแนะนำให้เธอรู้จักเอาไว้ นี่คุณไปรยาหรือคุณแยม น้องสาวของคุณพิสิทธิ์ และส่วนสองคนนี้ ฉันคงไม่ต้องแนะนำนะ คิดว่าเธอคงจะรู้จักดี ทั้งสามคนเป็นแขกของฉัน และก็จะมาเป็นแขกประจำบ้านฉันด้วย เพราะยายแยมกับคุณแม่สนิทกันมานานแล้ว ฉันฝากให้เธอคอยรับใช้คุณแยมกับเพื่อน ๆ ด้วย” ดนุพรรีบดำเนินขบวนการสร้างความอับอายให้เธอ

“สวัสดีค่ะคุณแยม คุณมิ้น และคุณเป๊กกี้”
ระพีพรรณรับรู้ด้วยตัวเองว่า ถูกดนุพรเล่นงานอีกแล้วแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ได้แต่รีบไหว้แขกสำคัญของเขาด้วยอาการสงบ แต่ในหัวใจนั้นรู้สึกขัดต่อความรู้สึกตัวเองเป็นที่สุด เพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนร่วมสถาบันทั้งสองคนนี้ แทบจะไม่เคยญาติดีกับเธอเลย ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่เธอก็ไม่ได้สนใจใคร่รู้แล้วสำหรับตอนนี้ เพราะสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
จากอาการที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวของระพีพรรณทำเอาเพื่อนที่ไม่ค่อยจะเข้าหน้ากันติดตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วยิ้มให้กันอย่างสะใจ เพราะสมัยที่อยู่เมืองนอกคนทั้งสองรู้ดีว่า ระพีพรรณจะมีความเป็นตัวเองสูง เมื่อไม่ชอบหน้าใคร หรือใครไม่ชอบก็จะไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่พูดคุย ไม่สังสรรค์ด้วย ทำตัวเป็นเจ้าหญิง ทั้งเชิดทั้งหยิ่ง

“เพลงเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ไปยังไงมายังไงถึงได้มาทำงานที่นี่”
ยดารีบหันไปหาและทักด้วยน้ำเสียงที่เห็นใจ แต่สีหน้าที่แสดงให้ระพีพรรณเห็นนั้น ทั้งเยาะเย้ย อย่างสะใจยิ่ง
“นั่นสิมิ้น แต่เราก็ดีใจนะที่ได้เจอเพลงวันนี้ เอาไว้วันหลังเราจะมาเยี่ยมนะ เป๊กกี้ขออนุญาตคุณป้าได้ไหมคะ”
เปรมสิณีหันไปหาลัดดาที่ทำสีหน้าเป็นปกติ
“คงต้องถามพี่ดำแล้วล่ะจ๊ะหนูเป๊กกี้ แม่เพลงเขาเป็นคนของพี่เขา”
ลัดดารีบบอกปัดเพราะรู้โดยสัญชาตญาณว่าลูกชายกำลังเล่นงานระพีพรรณอีกแล้ว

“ได้ไหมคะพี่ดำ” ยดารีบถาม
“ได้สิครับ บ้านพี่ยินดีต้อนรับครับ ว่าง ๆ ก็พาแฟนมาเที่ยวที่บ้านพี่ก็ได้ จะได้รู้จักกันเอาไว้ แฟนคุณมิ้นชื่ออะไรนะครับ พี่จำไม่ได้ ใช่คุณก๊อปหรือเปล่าครับ”
ดนุพรบอกพร้อม ๆ กับหันไปยิ้มให้ระพีพรรณเพื่อจะดูสีหน้าว่ามีความรู้สึกอย่างไร และมันก็ค่อนข้างได้ผลมาก เมื่อชื่อ ๆ นี้ทำให้ระพีพรรณถึงกับหน้าถอดสี
“ใช่ค่ะ ชื่อจริง ๆ ว่าธนากรค่ะพี่ดำ” ยดารีบผสมโรงด้วย
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะแม่เพลง ไปช่วยงานในครัวเถอะไป รอให้คุณดอนเสร็จก่อนแล้วค่อยมา”

ลัดดารีบตัดบทเพราะไม่อยากให้ลูกชายและสองสาวเล่นงานระพีพรรณไปมากกว่านี้ แล้วเธอก็เดินออกไปด้วยอาการที่สงบ แต่พอคล้อยหลังกลุ่มคน น้ำตามันก็ค่อย ๆ ไหลออกมาช้า ๆ พร้อม ๆ กับในใจที่เต็มไปด้วยคำถาม ว่าทำไมโชคชะตาของตัวเองถึงได้ย่ำแย่ขนาดนี้ โลกมันช่างกลมเหลือเกิน ที่นำพามาให้ต้องเจอกับคนที่ไม่ได้เป็นมิตรกับเธอเลย

แล้วเรื่องนี้ก็คงจะถูกยดาและเปรมสิณีนำไปขยายต่อให้เพื่อน ๆ ทั้งในเมืองไทยและเมืองนอกรู้เป็นแน่ และเธอก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่า คนทั้งสองคงจะไม่พูดถึงเธอในเชิงบวกเป็นแน่ อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นคนรู้ใจเธอ ที่จู่ ๆ เขาก็หายหน้าไป ไม่ยอมแม้แต่จะติดต่อกลับมาหาเธอ เพียงเพราะฐานะทางการเงินเธอแย่ลงนั่นเอง
ระพีพรรณหยุดเดินเมื่อมาใกล้ครัว มือค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง แล้วก็ทำหน้าให้เหมือนเดิมที่สุด ก่อนที่จะเดินเข้าครัวไป



“นิตยาช่วยให้ระพีพรรณเอาของว่างมาเสิร์ฟให้แขกได้แล้ว”
ดนุพรสั่งนิตยาเมื่อเขาใช้ศาลากลางสวนที่เป็นกระจกใสสามารถมองเห็นบรรยากาศรอบ ๆ ได้ ด้านในติดเครื่องปรับอากาศไว้ เพื่อให้คนที่อยู่ด้านในเย็นสบาย
“แม่เพลงยังอยู่ที่เรือนเพาะชำอยู่เลยค่ะคุณดำ ให้รำพึงยกมาแทนได้ไหมคะ” นิตยารีบบอก เพราะเป็นวันเสาร์
“ไม่ได้ ให้เขาหยุดก่อนแล้วคอยมารับใช้แขกพิเศษของผมด้วย” ดนุพรทำเสียงเข้มจนนิตยาไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง
“ได้ค่ะ” นิตยารับคำและรีบเดินเข้าตึกใหญ่ไปโดยเร็ว เพราะรู้ตัวดีว่าเผลอไปขัดคำสั่งดนุพรเข้าให้แล้ว

“ตามสบายนะครับคุณก๊อปอีกหน่อยเด็กรับใช้ที่บ้านก็จะยกของว่างมาให้”
ดนุพรหันไปบอกแขกที่มาเยือนเขาด้วยการชักจูงของไปรยา ยดาและเปรมสิณี ตามคำเชิญของเขา
“ขอบคุณครับพี่ดำ บ้านน่าอยู่จังเลยนะครับ ต้นไม้เต็มไปหมดเลย ผมชักจะชอบซะแล้วสิครับ”
ธนากรบอกตามมารยาทแขกที่ดี
“โอย...สงสัยจะสู้บ้านคุณก๊อปไม่ได้มั้งครับ คุณพ่อคุณออกจะร่ำรวย บ้านช่องก็ใหญ่โต บ้านผมคงเทียบไม่ติดหรอกครับ”
เขารีบออกตัว และก็ดูเหมือนว่าธนากรจะเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ก็ไว้ลายเอาไว้

“ที่ไหนได้ครับ บ้านก็เป็นบ้านคุณพ่อครับ ไม่ใช่บ้านผม ๆ ก็แค่อาศัยคุณพ่ออยู่เท่านั้นครับ” เขาบอก
“แหม..พี่ก๊อปพูดเหมือนไม่ใช่ลูกคุณพ่อค่ะ ท่านมีลูกชายคนเดียว ยังไง ๆ สมบัติทุกชิ้นก็ต้องตกมาเป็นของทายาทอยู่วันยังค่ำล่ะค่ะ” ยดารีบชิงพูดขึ้นแล้วก็ยิ้มหวานให้แฟนหนุ่ม
“พี่ดำคะ อาทิตย์หน้าแยมจะไปทำงานที่ออฟฟิศพี่สิทธิ์แล้วนะคะ”
ไปรยาบอกด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ใช้วิชากฎหมายที่เรียนมาเสียที
“เหรอ ร้อนวิชาล่ะสิเรา ทำหน้าตื่นเต้นเชียว” ดนุพรแซวอย่างคนรู้ใจ
“ใช่ค่ะพี่ดำ ยายแยมน่ะตื่นเต้นมาก ๆ เลยค่ะ ไม่เหมือนเป๊กกี้เลย ยังไม่ค่อยอยากทำงาน อยากจะเที่ยวมากกว่า แต่ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี พี่ดำช่วยแนะนำได้ไหมคะ”
เปรมสิณีรีบสมทบและทำสีหน้าไร้เดียงสาพร้อมส่งสายตามาให้ดนุพร เพื่อเป็นการเชิญชวน จนเขาเองก็รับรู้ได้ว่าคนพูดต้องการจะสื่ออะไรออกมา

“ได้สิครับ เอาไว้ว่าง ๆ พี่จะพาไปก็แล้วกันนะ”
เขาบอกตามมารยาทไปอย่างนั้น แต่ในใจอดนึกขำสาวน้อยไม่ได้ ที่มีอาการเชิญชวนอย่างโจ่งแจ้ง มันทำให้เขาเห็นความแตกต่างระหว่างยดา เปรมสิณี และระพีพรรณอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าเขาจะมีความรู้สึกที่ลบกับเธอ แต่เขาก็รู้ดีว่าเธอแทบจะไม่เคยแสดงกิยิยาท่าทางแบบนี้ให้เขาเห็นเลย แม้กระทั่งเวลาที่เขายึดร่างบาง ๆ เอาไว้ในอ้อมกอดแล้วประทับรอยจูบเอาไว้ เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางแบบนี้ออกมาให้เขาเห็นเลย
“ของว่างมาแล้วค่ะ” นิตยาบอกพร้อม ๆ กับเดินนำระพีพรรณที่ถือถาดในมือมาด้วย

“แม่เพลงยกไปเสิร์ฟให้คุณ ๆ เลย”
นิตยาสั่ง แล้วระพีพรรณก็ทำตามอย่างเสียไม่ได้ และเธอก็ได้ประจักษ์ในความคิดที่ตัวเองรู้สึกกังวลกับคำสั่งที่ให้เธอมารับใช้แขก แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิดเอาไว้ สีหน้าเธอที่มองไปยังธนากรนั้นบ่งบอกความเสียใจและผิดหวังไม่น้อย แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ ธนากรเองก็ตกใจและแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบเธออยู่ที่นี่

เขารู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อเธอขึ้นมาไม่น้อย เพราะไม่ได้ทำตัวเป็นที่พึ่งให้ในเวลาที่เธอต้องการความช่วยเหลือ แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าการที่เขาไม่ได้ช่วยเหลือเธอเมื่อครั้งก่อน จะทำให้เธอผู้เคยเป็นคนสูงศักดิ์ในสายตาเขาต้องตกต่ำถึงกับต้องมาทำงานเป็นคนรับใช้แบบนี้ คำถามต่าง ๆ ผุดขึ้นในหัวเขา แต่ก็ทำอะไรได้ไม่ถนัดเพราะมือสองข้างของยดายึดแขนเขาไว้
เพื่อประกาศตัวเป็นเจ้าของอย่างโจ่งแจ้ง ระพีพรรณรีบยกของว่างให้แขกจนหมด แล้วก็ลุกเดินออกไปจากศาลา แต่ไม่ทันได้ไปไหน ก็ถูกดนุพรเรียกเอาไว้ก่อน

“ระพีพรรณมารู้จักคุณธนากรแฟนคุณมิ้นก่อนสิ คุณก๊อปจำเพื่อนเก่าได้ไหมครับ เห็นมิ้นบอกว่าเคยรู้จักกัน”
ดนุพรรีบดักคอ
“จำได้ครับ” เขาบอก
“เพลงสบายดีหรือเปล่า” ธนากรรีบทักด้วยน้ำเสียงที่อ่อนกว่าปกติ
“สบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ” ระพีพรรณบอกแล้วก็มองหน้าเขาแว๊ปหนึ่ง
“ระพีพรรณมาทำงานที่นี่ตั้งแต่กลับจากเมืองนอกครับ ถ้าเกิดพวกคุณอยากจะพบปะเพื่อนเก่าก็มาหาได้นะครับ ผมอนุญาต ก็อยากให้เขาได้พบเพื่อนเก่า ๆ บ้างครับ จะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง” ดนุพรพูดพร้อมกับยิ้มให้ระพีพรรณด้วยความสะใจ

“ขอบคุณครับ” ธนากรพูดแค่นั้น
“ไม่มีอะไรแล้วไปทำงานต่อได้ระพีพรรณ แต่อย่าไปไหนไกลล่ะ เผื่อแขกฉันจะเรียกใช้”
เขาบอกแล้วก็หันกลับมาหาแขก พร้อมยิ้มให้ยดาและเปรมสิณีด้วยความอารมณ์ดี แต่มันค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับระพีพรรณเป็นที่สุด เธออยากจะให้เวลาเลิกงานมาถึงเร็ว ๆ เหลือเกิน และอยากจะไปให้มันพ้น ๆ จากที่นี่ แต่ในใจก็รู้สึกโล่งใจในที่สิ่งที่เธอกลัวว่ายดาและเปรมสิณีจะเล่นงานตัวเองเพิ่งจะผ่านพ้นไป คนพวกนี้ก็คงต้องการทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดกับฐานะตัวเองนั่นเอง

“มิ้นรู้ว่าเพลงมาทำงานที่นี่แล้วเหรอครับ”
ธนากรหันมาถามคนรัก และรู้สึกเหมือนกับว่ายดาจะเป็นคนที่อยากจะให้เขามาพบกับระพีพรรณ เพราะเธอคะยั้นคะยอให้เขามาไห้วลัดดาให้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามผลัดตั้งหลายครั้งแล้วก็ตาม
“มิ้นเพิ่งจะเจอเพลงเมื่อครั้งก่อนที่มาไหว้คุณป้าค่ะ ก็เลยอยากให้พี่ก๊อปได้พบยายเพลงด้วย เห็นจากกันมาหลายปีแล้ว พี่ก๊อปไม่ดีใจเหรอคะที่เจอเพื่อนเก่า”
ยดารีบบอกและทำน้ำเสียงเยาะเย้ยเขาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ธนากรรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก และนี่คือความแตกต่างระหว่างระพีพรรณกับยดาที่เขาเห็นได้ชัด

“แล้วทำไมเพลงเขาถึงมาทำงานที่นี่ได้ครับมิ้น” เขาถามด้วยความอยากรู้
“เอาไว้มิ้นจะเล่าให้ฟังนะคะ แล้วพี่ก๊อปจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่มิ้นได้ยินมาค่ะ”
ยดาที่รับรู้เรื่องราวมาจากดนุพรว่าพ่อของระพีพรรณล้มละลายและเป็นหนี้สินเขาจำนวนมาก เขาจึงให้ระพีพรรณมาทำงานใช้หนี้เท่านั้นเอง เพราะดนุพรก็ฉลาดที่จะบอกเฉพาะสิ่งที่เขาอยากจะบอกเท่านั้น และข้อมูลแค่นี้ก็สามารถเล่นงานศัตรูของเขาได้ไม่ยากเลย


สีหน้าของพิสิทธิ์รู้สึกไม่ชอบใจการกระทำของเพื่อนรักนัก และเขาก็ให้เห็นใจระพีพรรณเป็นที่สุดกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินจากน้องสาว
“เจ้าดำมันทำได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี๊ยะ” เขาพึมพำในลำคอ
“ทำไมพี่สิทธิ์ทำหน้าตกใจขนาดนั้นค่ะ กับอีแค่ยายมิ้นท์พาแฟนตัวเองไปอวดแฟนเก่าแค่นั้น”
ไปรยาที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของพี่ชาย
“แกจะไปรู้อะไรล่ะ นี่พี่ขอห้ามนะว่าทีหลังอย่าไปยุ่งกับเขาอีก สงสารคุณเพลงบ้าง” เขาเอ็ดน้องสาว
“ทำไมล่ะพี่สิทธิ์ ก็แม่เพลงนั่นนิสัยไม่ดีนี่ แล้วเรื่องอะไรมาห้ามแยม” ไปรยาทำสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
“แล้วเรารู้จักเขามากแค่ไหน ที่บอกว่านิสัยไม่ดีน่ะ” เขาไม่วายทำเสียงดุใส่น้องสาว

“ก็เพื่อนแยมเพิ่งจะบอกไปเมื่อครั้งก่อนนั่นไงคะ พี่สิทธิ์ก็ได้ยิน แล้วจะให้แยมคิดยังไงคะ” ไปรยาแย้งพี่ชาย
“ดูเอาสิ ฉันล่ะเสียดายเงินที่คุณพ่อส่งเราไปเรียนจริง ๆ เลย เป็นทนายแล้วนี่จะมาฟังความข้างเดียวมันใช้ได้ที่ไหน มันน่ามั้ยนี่” เขาว่าน้องและก็เอื้อมมือมาเขกศีรษะน้องสาวเบา ๆ
“โอย...พี่สิทธิ์แยมจะฟ้องคุณพ่อ มันอะไรนี่ แค่พูดถึงแม่เพลงคนนั้นก็มาลงไม้ลงมือกับน้องแล้ว มันอะไรกัน เอ...หรือว่าพี่สิทธิ์จะ...”
“พอเลยเรา นี่ก็อีกอย่าง อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น และอย่าเห็นในสิ่งที่เชื่อ ที่เมืองนอกเขาไม่ได้สอนแกเหรอเรื่องนี้”
เขาแหย่น้องสาว

“เอาล่ะ ๆ พอได้แล้ว พี่สิทธิ์ห้ามมาว่าสถาบันแยมนะ ไม่ยอมจริง ๆ ด้วย แล้วว่าแต่แม่เพลงของพี่สิทธิ์นี่เป็นใครกันคะ แยมสังเกตว่าพี่ดำไม่ค่อยจะชอบหน้าเท่าไหร่เลยค่ะ พี่ดำเคยเล่าให้แยมกับเพื่อนฟังเรื่องหนี้สินที่พ่อของแม่เพลงติดพี่ดำค่ะ แต่แยมดู ๆ แล้วน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้นนะคะ พี่สิทธิ์รู้เรื่องพวกนี้หรือเปล่าคะ” ไปรยาตั้งสันนิษฐาน
“เอ่อ....ค่อยเข้าเค้าทนายเข้ามาหน่อย อย่างนี้ค่อยสมกับตำแหน่งทนายใหม่ไฟแรงหน่อย” เขาแซวน้องสาว
“พี่สิทธิ์นี่ จริง ๆ เลย แล้วว่าไงล่ะ รู้เรื่องอะไรหรือเปล่า ถ้ารู้ก็รีบบอกมา ทนายจะได้มีข้อมูลในการพาลูกความไปขึ้นศาลหน่อย” ไปรยาล้อพี่ชายบ้าง

“รู้ แต่ไม่บอก เรื่องอะไรล่ะ เดี๋ยวเราก็เอาไปเม้าส์กับแม่มิ้นแม่เป๊กกี้เพื่อนเราสิ สองคนนั้นใช่ย่อยที่ไหน ไปคบได้ยังไงกัน มันคนละลุ๊คกับเราเลยนะยายแยม” เขาไม่วายบ่นน้องสาว
“แหม...พี่สิทธิ์ก็ ว่าเพื่อนแยมซะเสียเลย ทำไมล่ะ สองคนนั้นเป็นยังไงกันคะ” ไปรยาอดที่จะต่อว่าพี่ชายไม่ได้
“ยังจะมาถามอีก ก็มีอย่างที่ไหน เจอเจ้าดำกับคุณป้าแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง เล่นเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังจนหมดแล้ว และไอ้ที่เล่ามาทั้งหมดนั่นน่ะ ไม่รู้ใส่ไข่ไปกี่ฟอง พี่ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคุณเพลงจะเป็นแบบนั้น หัวเด็ดตีนขาดยังไงพี่ก็ไม่เชื่อ”
เขายังคงยืนยันอีกครั้ง

“ไม่เชื่อก็เล่าให้ฟังบ้างสิคะ นะ ๆ แยมอยากฟัง” ไปรยาคะยั้นคะยอพี่ชาย
“เล่าก็ได้ แต่เราต้องสัญญากับพี่นะ ว่าจะไม่เอาเรื่องไปเล่าให้เพื่อนเราสองคนฟัง ถ้าไม่อย่างนั้นนะ เราอย่ามาเรียกพี่ว่าพี่นะ สัญญามาก่อน” พิสิทธิ์ทำสีหน้าจริงจัง จนทำให้ไปรยาชักสีหน้าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
“โห...อะไรกันพี่สิทธิ์ ทำไมมันดูร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ จนถึงขั้นจะมาตัดพี่ตัดน้องกับแยมเชียว ก็ได้ค่ะ แยมสัญญาว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง สัญญาด้วยเกียรติของทนายค่ะ” ไปรยาบอกและก็ยกมือขึ้นสามนิ้วให้พิสิทธิ์ดู
“สัญญาแล้วนะ ถ้าเราไม่รักษาสัญญาพี่จะไม่พูดกับเราจริง ๆ ด้วย คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้......”
พิสิทธิ์ถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้ให้น้องสาวฟังโดยละเอียด

“โห....อะไรกันคะพี่สิทธิ์ เรื่องอย่างนี้มีด้วยเหรอคะ ในสังคมทุกวันนี้ แยมไม่อยากจะเชื่อเลย”
ไปรยาถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองในสิ่งที่ได้ยินพี่ชายเล่าให้ฟัง
“ก็มันมีแล้วนี่ไง แต่เราก็อย่าไปยุ่งอะไรกับเขามากล่ะ มันเรื่องของเจ้าดำมัน และที่สำคัญนะ เจ้าดำมันไม่ชอบให้ใครไปรู้เรื่องของมัน นี่เห็นว่าเราเป็นน้อง และมองคุณเพลงในทางไม่ดีนะ พี่ถึงเล่าให้เราฟัง แล้วก็อย่าลืมสัญญาล่ะ”
พิสิทธิ์ทวงน้องสาว

“รู้แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องย้ำมากหรอก แต่จริง ๆ แล้วก็น่าสงสารแม่เพลงของพี่สิทธิ์เหมือนกันนะคะ คนไม่เคยทำอะไร แต่ก็สามารถทำมาได้นานขนาดนี้ ถ้าเป็นแยมล่ะก็ สงสัยคงไม่ไหวล่ะค่ะ” ไปรยาพูดไป ก็ทำสีหน้าขยาดไป
“ก็เรายังไม่เจอสถานะการณ์แบบนั้นจริง ๆ น่ะสิ ไม่แน่นะ เราอาจจะทนได้มากกว่าคุณเพลงก็ได้ ใครจะไปรู้ ไม่เคยได้ยินเหรอ ที่เขาว่า สถานการณ์ที่คับขัน ย่อมสร้างวีระบุรุษน่ะ” พิสิทธิ์บอก
“มันก็อาจจะจริงนะคะ แต่จะว่าไปแล้ว ก็น่าเห็นใจแม่เพลงพี่สิทธิ์เหมือนกันนะคะ” ไปรยาแซวพี่ชาย

“น่าสงสารต่างหาก ไม่ใช่แค่น่าเห็นใจ และอีกอย่างนะ คุณเพลงไม่ได้เป็นของพี่ ทีหลังเราห้ามพูดแบบนี้นะ ไม่เอาแล้ว วันนี้พี่ไปเตรียมข้อมูลก่อนนะ ใกล้ถึงวันขึ้นศาลของลูกความแล้ว เราก็เหมือนกัน ฝึกงานกับคุณสามารถไปถึงไหนแล้ว พี่ยังไม่ค่อยมีเวลาว่างไปดูเราเลย”
เขาถามน้องสาว เพราะตั้งแต่ไปรยากลับมาเขาก็จัดแจงมอบให้สามารถ ซึ่งเป็นมือขวาของเขาเป็นคนดูแลน้อง และฝึกงานให้
“โอย...สบายมากค่ะ พี่สิทธิ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ระดับทนายที่จบนอกอย่างแยมแล้ว อีกหน่อยก็บินเดี่ยวได้ค่ะ”
ไปรยาโอ้อวดพี่ชาย
“เอ่อ...ให้มันจริงเถอะ ไปล่ะนะ” เขาบอกแล้วก็รีบเดินขึ้นไปทำงานที่ห้องนอนชั้นบนทันที



ระพีพรรณหยุดฝีเท้าไว้ก่อนที่จะเดินไปถึงศาลาที่ ๆ มีแขกที่เธอไม่ปรารถนาจะพบเลยแม้แต่น้อย แล้วเธอก็ทำท่าเหมือนจะหมุนตัวแล้วเดินกลับไปยังทางเดิมที่เดินมา แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเดินหน้าตรงเข้าไปที่ศาลาในที่สุด

“เพลง”
เสียงธนากรเรียกชื่อเธออย่างตั้งใจ เพราะในที่สุด ระพีพรรณก็ยอมออกมาหาเขาจนได้ หลังจากที่เขา พยายามมาขอลัดดาเพื่อจะพบและปรับความเข้าใจกับเธอหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากเธอ ไม่ยอมออกมาพบ ตอนแรกที่เขาเข้ามาหาลัดดาวันนี้ เขาแทบจะไม่แน่ใจว่าเธอจะปล่อยให้เขามาเก้ออีกหรือไม่ แต่เขาก็ยืนยันกับลัดดาว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็จะรอเธอจนได้ แล้วในที่สุดเขาก็สมหวัง

“คุณก๊อป มีอะไรกับดิฉันเหรอคะ”
ระพีพรรณถามด้วยภาษาที่ห่างเหิน พร้อมกับสีหน้าที่รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก เธอเคยคิดว่า ชาตินี้ทั้งชาติคงจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่เขาปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเธอเมื่อครั้งก่อนโดยการหายเงียบไปเลย แล้วตั้งแต่นั้นมา เขากับเธอก็เหมือนกับคนที่ไม่รู้จักกันเลยตลอดระยะเวลาที่เธอมาทำงานที่นี่จะครบสี่ปีแล้ว แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้พบกับเขา แต่มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เธอไม่ปรารถนาที่จะได้พบกับเสียเหลือเกิน

และมิหนำซ้ำการมาของเขาในฐานะแฟนของยดาที่กำลังจะมีข่าวดีในอีกไม่ช้านั้น มันยิ่งสร้างความรู้สึกที่ทรมานให้กับเธอเป็นที่สุด แต่เธอเองก็ไม่ได้คิดโกรธหรือจะโทษเขาทั้งหมด ด้วยความที่เธอเองเป็นคนที่มองคนในแง่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“เพลงทำไมพูดกับเราอย่างนี้ล่ะ มันดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้” เขาตัดพ้อเธอ
“ดิฉันไม่อาจเอื้อมหรอกค่ะ สถานภาพระหว่างฉันกับคุณตอนนี้มันไม่เหมือนกันอีกต่อไปแล้ว”
เธอบอกเขาแล้วก็เบือนหน้าหนีเพื่อหลบซ่อนอะไรบางอย่างในแววตา

“เพลงจะคิดยังไงก็ช่าง แต่เพลงก็คือคนพิเศษของเราเสมอ” เขาบอก
“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ดิฉันจะต้องรีบไปทำงานค่ะ เพราะปกติแล้วคุณดำไม่อนุญาตให้ดิฉันต้อนรับแขกในเวลาทำงาน” เธอรีบบอก
“เรารู้ คุณป้าลัดดาบอกเอาไว้ ที่เรามาพบเพลงก็เพื่อต้องการปรับความเข้าใจกับเพลง ถ้าเรารู้ว่าเพลงจะต้องมาตกชะตากรรมแบบนี้ เราจะโทรมาขอให้คุณพ่อช่วยเพลงทันที เราขอโทษนะเพลง”
เขาบอกด้วยความรู้สึกผิด และมันก็ทำให้ความขุ่นเคืองของระพีพรรณค่อยคลายลงได้บ้าง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปัญหาใคร คนนั้นก็ต้องแก้เอง จะเอาไปโยนให้คนอื่นมารับผิดชอบได้ยังไง ดิฉันไม่โทษคุณหรอกค่ะ” เธอบอกออกไป
“เพลง เราไปขอคุณพ่อแล้ว ให้ท่านช่วยเพลงท่านบอกว่าอยากจะคุยรายละเอียดว่าเป็นยังไงบ้าง เพลงไปพบท่านกับเราหน่อยได้ไหม เราจะได้หาทางแก้ไขปัญหากันไง” เขาบอก
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ และก็ฝากขอบคุณ คุณพ่อคุณด้วย ที่กรุณาอยากจะช่วยดิฉัน แต่คงไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ เพราะอีกไม่นานฉันก็จะทำงานครบสัญญาแล้ว และทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นของฉันแล้ว” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม

“เพลง แต่มันเหลืออีกตั้งปีกว่า ๆ นะ ให้คุณพ่อท่านช่วยเถอะ เพลงจะได้สบายไม่ต้องมาคอยเป็น...เอ่อ....” เขาพูดไม่ออก
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันทนมาได้ตั้งนานแล้ว กับแค่ปีกว่า ๆ มันคงไม่นานเกินรอหรอกค่ะ และอีกอย่าง การเป็นคนรับใช้มันก็ทำให้ดิฉันได้เห็นอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว” เธออดไม่ได้ที่จะประชดเขา
“เพลง เราบอกแล้วไงว่าเราขอโทษ ยิ่งมาเห็นเพลงเป็นแบบนี้ เรายิ่งอยากจะช่วย ตกลงให้เราช่วยเถอะนะ ให้เราได้ไถ่โทษกับความผิดบ้าง” เขายังไม่ลดความพยายาม

“คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ดิฉันช่วยตัวเองได้ คุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้กลับไปทำงาน”
เธอรีบตัดบทเพราะไม่อยากจะเสียเวลาคุยนาน และที่สำคัญเธอกลัวว่าจะมีคนในบ้านมาพบเข้า
“ตกลงเพลงจะไม่รับข้อเสนอเราใช่ไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง
“ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ ฝากขอบคุณ คุณพ่อคุณด้วย งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เธอบอกและก็เดินออกจากศาลา แต่ก็มีเขามาขวางเอาไว้
“เพลงแล้วเรื่องของเราล่ะ จะมีทางกลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย” เขาถามด้วยสายตาที่อ้อนวอน
“ดิฉันบอกแล้วไงคะ ว่าสถานะภาพระหว่างคุณกับดิฉันตอนนี้ มันไม่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น มันจะดีกว่าถ้าหากเราจะไม่พบกันอีก เพราะมันมีเหตุผลหลาย ๆ อย่าง ที่สมควรให้เราสองคนทำแบบนั้น แล้วว่าที่คู่หมั้นคุณเองก็จะได้สบายใจด้วย ดิฉันขอตัวนะคะ”

เธอบอกแล้วก็รีบเดินกลับโดยเร็ว ปล่อยให้ธนากรยืนมองตามร่างบางของเธอด้วยสายตาที่ค่อนข้างสับสน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกลับออกจากศาลาเพื่อไปลาลัดดา แต่เขาก็เดินไปได้ไม่นาน ก็ต้องตกใจเมื่อพบกับดนุพรที่เพิ่งจะเดินออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ ๆ กับศาลา

“พี่ดำสวัสดีครับ”
เขารีบทักทายเจ้าของบ้าน และก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาในเวลานี้ ปกติเวลาเขามาขอพบระพีพรรณจะไม่เห็นดนุพรเลย เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่เขาน่าจะอยู่ที่ทำงานมากกว่าที่จะอยู่บ้าน
“พอดีผมไปดูงานข้างนอก เลยแวะรับลูกชาย ก็เลยกลับบ้านเข้ามาเลย คุณก๊อปมานานหรือยังครับ”
เขาแสร้งถามไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้เรื่องทั้งหมดจากมารดาแล้ว และการสนทนาของทั้งสองคนเมื่อสักครู่นั้น มันไม่ได้ลอดหูลอดตาเขาได้เลย

“สักพักแล้วครับ งั้นผมคงจะต้องขอตัวไปกราบลาคุณป้าก่อนครับ พอดีต้องรีบไปทำธุระให้คุณพ่อต่อ”
เขาบอกออกไปอย่างนั้น
“เหรอครับ แหม...ผมกำลังจะชวนทานข้าวเย็นด้วยอยู่พอดี” เขาบอกตามมารยาทเจ้าของบ้าน
“ขอบคุณมากครับ แต่ผมขอเอาไว้วันหลังนะครับ วันนี้มีธุระสำคัญจริง ๆ งั้นผมขอตัวนะครับ”
เขาบอกและรีบเดินเลี่ยงออกไปโดยเร็ว รอยยิ้มของความสะใจปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของดนุพร ทันทีที่ธนากรเดินลับไปแล้ว ไม่นานเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังหามารดาที่ตึก







 

Create Date : 30 กันยายน 2551
5 comments
Last Update : 30 กันยายน 2551 7:18:29 น.
Counter : 616 Pageviews.

 

เม้นเดวคนเเต่งน้อยใจ

หิหิ

ใกล้จุดเด่นๆของเรื่องเเล้ว

 

โดย: ออย IP: 222.123.201.68 30 กันยายน 2551 10:40:26 น.  

 

55555

รู้ใจอย่างนี้ น่ารักที่สุดเลย

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 202.149.24.161 30 กันยายน 2551 16:13:00 น.  

 

อย่าโหดกับนางเอกมากนักนะ สงสารหนูเพลง

 

โดย: kwan IP: 118.172.68.21 30 กันยายน 2551 20:10:12 น.  

 

อิอิ คนเขียนแอบซาดิสท์ ชอบแกล้งนางเอกอ่ะดิ
นายดำเริ่มออกลายแล้ว แสดงว่านางเอกต้องโดน
อีกเยอะเลยใช่ป่ะคะ แต่ชอบมากที่นางเอกเข้มแข็ง
เก่งด้วย มีความอดทนเก็บอารมณ์ได้เก่งสุดๆอ่ะ
อันนี้เรายอมแพ้ อิอิ เพราะว่าถ้าเป็นเรานาย นายดำแหลกไปตั้งแต่เดือนแรกแล้ว 555+
เฮ้อ..ก้อเพาะว่าเรามะช่ายนางเอกอ่ะดิ แต่เป็นนางมารร้าย

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 1 ตุลาคม 2551 8:00:34 น.  

 

แค่นี้ยังไม่ได้เรียกว่าโหดเลยนะคะคุณขวัญ คุณน้องโดฯ

มีอีกเยอะที่จะต้องโดนมากกว่านี้

 

โดย: ธัญญะ 1 ตุลาคม 2551 9:25:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.