Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
17 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
รอยอาญา ๓ (ธัญรัตน์)




ระพีพรรณยืนอยู่หน้าบ้านที่ใหญ่โตรโหฐานของผู้เป็นอา ซึ่งมีขนาดที่ไม่ได้แพ้บ้านของบิดาเธอเลย แต่จะผิดกันก็ตรงที่ บ้านอานั้น ดูสวยเป็นระเบียบ ด้วยเพราะมีคนดูแลไม่ขาด ซึ่งตรงกันข้ามกับบ้านตัวเอง
“เชิญเลยยายเพลง เข้าบ้านก่อนลูก” เสียงกำธรเรียก พร้อมกับออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

“สวัสดีค่ะคุณอา”เธอไหว้เขาด้วยความนอบน้อม
“โอ้โห ไม่เจอตั้งนาน โตเป็นสาวแล้วนะเรา ไปเราไปนั่งคุยกันที่เรือนกล้วยไม้ของอาดีกว่า กำลังออกดอกสวยเชียว และอีกอย่างก็อากาศกำลังดี เดี๋ยวอาจะให้เด็กยกอะไรไปให้ทีหลัง” เขาบอกผู้เป็นหลาน
“คุณอาสบายดีหรือเปล่าคะ แล้วอาพริ้งกับน้อง ๆ ไปไหนกันหมดคะ”
เธอถาม เมื่อทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในสวนกล้วยไม้ ที่เต็มไปด้วยกล้วยไม้นานาพันธุ์ ที่ออกดอกสวยงาม

“อาแกพาน้องไปซื้อของเตรียมจะเอาไปเรียนนอกกันจ๊ะ....แล้วว่าแต่เราเถอะกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกอาเลย”
กำธรถาม เพราะเขาเองก็ห่างจากครอบครัวพี่ชายไปนานพอสมควร ด้วยเพราะความโกรธที่พี่ชายตัดพี่ตัดน้อง แต่เขาก็ยังคงโทรไปหาโป่งที่บ้าน เพื่อสอบถามอาการของพี่ชายอยู่ไม่เว้น และก็หยิบยื่นเงินให้โป่งเอาไว้ใช้สอยบ้าง ถึงจะไม่มาก แต่เขาก็ยังดีใจที่ได้ทำ

“เพลงมาได้ไม่กี่วันค่ะคุณอา มัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องที่บ้านก็เลยยังไม่มีเวลามากราบคุณอาค่ะ เพลงต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เธอบอกพร้อมกับไหว้เขาด้วยความนอบน้อม ซึ่งทำให้เขาประทับใจในตัวหลานสาวคนเดียวของเขาไม่น้อย ในสายตาเขาแล้ว ระพีพรรณนั้น ช่างแตกต่างจากระพีพงศ์ผู้พี่กับบิดายิ่งนัก

เพราะเธอจะอ่อนน้อม กิริยามารยาทเรียบร้อย มองโลกในแง่ดีเสมอ ซ้ำยังเป็นคนขี้สงสารคนอีกด้วย นี่ถ้าพี่ชายได้แบบน้องบ้าง บ้านก็คงจะไม่ตกอยู่ในวิกฤตแบบนี้เป็นแน่ แต่จะโทษระพีพงศ์ซะทั้งหมดก็คงไม่น่าจะใช่ เพราะด้วยความที่เป็นวัยรุ่น แล้วไม่มีแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

บวกกับพี่ชายเขาเองนั้นมัวแต่ทำงานหาเงิน จนไม่มีเวลาได้อยู่ดูแลลูกซึ่งอยู่ในช่วงหัวเรี้ยวหัวต่อ แล้วเงินก็เข้าไปมีอำนาจในการชดเชยความรักที่เขามีต่อลูกแทบทุกครั้ง ไม่ว่าลูกจะขอเท่าไหร่ เขาก็ไม่เคยจะเกี่ยงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะเตือน จนถึงขั้นห้ามปรามพี่ชายเขาก็ไม่ฟังเอาเสียเลย

“อาเองก็มัวแต่ยุ่ง ๆ ไม่ค่อยได้ไปดูพ่อเราเท่าไหร่ พอว่างได้ไปแล้วพ่อเราก็แทบจะไล่ลุงตะเพิดออกมา เพราะโกรธที่ตั้งใจมาหาลุงแล้วเกิดอุบัติเหตุ ดูเอาเถอะพ่อเรา ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แต่อาก็ไม่โทษหรอกนะ พี่กำพลก็แย่พอควรอยู่แล้ว ลืมได้ก็จะลืม ไหน ๆ ก็เลือดก้อนเดียวกันแล้ว...เอ่อ...ว่าแต่เพลงมาหาอามีอะไรหรือเปล่า ดูสีหน้าแล้วไม่ค่อยจะดีเลย”
กำธรถามออกไปอย่างนั้น แต่ในความคิดก็พอจะเดาออกว่าหลานสาวมาด้วยเรื่องอะไร

“เพลงต้องขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณอาโกรธ แต่เพลงก็ดีใจค่ะ ที่คุณอาไม่ถือโทษโกรธท่านตอบ ตอนนี้จิตใจคุณพ่อท่านแย่มากแล้วค่ะ ที่เพลงมานี่ก็มีเรื่องจะปรึกษาคุณอาค่ะ.....” ระพีพรรณบอกเล่าความจำเป็นที่จะต้องให้เขาช่วย

“เงินเยอะขนาดนี้ อาจะไปหาได้จากที่ไหนล่ะยายเพลง แล้วเวลาก็เหลืออีกไม่กี่วัน จริง ๆ แล้วอาเองก็พอจะรู้เรื่องที่พ่อเราไปทำไม่ดีกับครอบครัวคุณลัดดาอยู่บ้าง แต่ก็รู้ไม่หมดหรอก เจ้าโป่งโน่นมันรู้ดี แต่ก็เอาเถอะอาจะลองโทรขอความช่วยเหลือจากพรรคพวกดูก่อน แล้วว่าแต่ถ้าเพลงได้เงินจากเพื่อนของอาแล้วเอาไปใช้ทางโน้น เพลงก็ต้องหาเงินมาใช้คนอื่นอยู่ดี แล้วเมื่อไหร่มันจะหมดล่ะลูก” เขาให้แง่คิด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่บอกหลานออกไปนั้น เขาก็แทบจะมองไม่เห็นทาง

“ถ้าได้บริษัทคืน เพลงก็คงจะเข้าไปบริหารเอง เผื่อจะได้เงินมาใช้หนี้ได้บ้างค่ะ”
เธอบอกออกไปทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็แทบจะไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะทำได้หรือไม่
“หรือถ้าเพลงหาเงินไม่ทันที่เขากำหนด เพลงก็คงจะต้องทำงานใช้หนี้ตามที่เขาระบุเอาไว้ค่ะ” เธอบอกอีกครั้ง

“ถ้าเราพอหาเงินมาไถ่กิจการกับบ้านคืนได้ ลุงก็จะยอมเข้าไปช่วยทำงานหาเงินให้อีกแรง เพลงเองก็เพิ่งจะจบมาไม่ใช่เหรอ แล้วงานที่ทางนี้เพลงเองก็ยังไม่มีประสบการณ์ แล้วเพลงจะทำได้เหรอ” กำธรอดห่วงไม่ได้

“เพลงก็คิดว่าจะเชิญคุณอาไปช่วยเหมือนกันค่ะ เพราะลำพังเพลงเอง ก็ทำไม่ได้ หรือถ้าได้ก็คงจะต้องเรียนรู้อีกนานค่ะ แล้วที่สำคัญเพลงก็ไม่ค่อยจะชอบงานพวกนี้ด้วย หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะให้คุณอาทำคนเดียว ส่วนเพลงก็จะเปิดบริษัทพวกออกแบบตามที่เพลงเรียนมาค่ะ” เธอบอกแผนการที่มีในความคิดตอนนี้

“แล้วถ้าเกิดเราหาเงินมาไม่ทันล่ะ เพลงจะทำยังไง จะต้องไปทำงานงานพวกนี้เหรอ แล้วเพลงไม่เคยทำเลยนะ แล้วที่ทางโน้นเขาให้เราทำงานพวกนี้ มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่หรือเปล่า ฟังดูแล้วมันดูจะง่าย ๆ ยังไงก็ไม่รู้นะเพลง เงินตั้งเยอะตั้งแยะ จะคืนให้ง่าย ๆ แค่นี้เหรอ” กำธรอดที่จะห่วงหลานสาวไม่ได้

“เพลงยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนั้นค่ะคุณอา เพลงคิดแค่ว่าพอจะมีใครที่จะช่วยให้เพลงยืมเงินจำนวนนี้ได้บ้าง ตอนนี้ก็ให้เพื่อน ๆ ลองช่วยอีกแรงค่ะ” เธอบอกไปตามความคิดจริง ๆ เพราะตัวเองก็ให้คำตอบกับคำถามของกำธรไม่ได้เหมือนกัน

“เอาเป็นว่าอาจะลองดูอีกแรงหนึ่งนะ แล้วยังไงอาจะโทรไปหาเราอีกที แต่อาอยากจะให้เพลงทำใจไว้ด้วย มันไม่ใช่เงินน้อย ๆ ถ้าคนไม่มีเงินเหลือใช้จริง ๆ ก็ไม่มีใครให้ยืมหรอกนะ แล้วเงินอาเองก็มีไม่มากขนาดนั้น ถ้าเอาไปช่วยเพลงแล้ว เกิดมีอะไรฉุกเฉินมาช่วยตัวเองไม่ได้ มันก็ยิ่งจะแย่ไปกันใหญ่นะ อาอยากให้เพลงเผื่อใจสำหรับความผิดหวังเอาไว้บ้าง สมบัติมันเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ เพลงตัวคนเดียวจะไปทำอะไรได้ลูก”
กำธรให้แง่คิดแก่เธอ ซึ่งก็ทำให้เธอแทบจะเห็นด้วยเกือบทั้งหมด แต่ติดตรงที่ความสงสารพ่อ ที่สร้างกิจการกับบ้านมากับมือ เธอคิดว่าพ่อคงจะรักและอยากจะได้มันคืนไม่น้อย และความหวังสุดท้ายที่พ่อมีก็คือเธอนั่นเอง

“ขอบคุณค่ะคุณอา เพลงจะจำคำของคุณอาเอาไว้ค่ะ เอ่อ...จริงสิคะ เพลงเกือบลืม เพลงมีของฝากมาฝากคุณอากับอาพริ้ง และก็น้อง ๆ ด้วยค่ะ นี่ค่ะเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ เพลงเขียนชื่อไว้ที่กล่องแล้วค่ะ”
ระพีพรรณบอกพร้อมทั้งเปิดเป้ใบเขื่องที่ตัวเองสะพายไปด้วยเพื่อหยิบของออกมาวางไว้ตรงหน้าผู้เป็นอา
“ไม่น่าลำบากเลยนะเรา เงินทองก็ยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ด้วย แต่ยังไงอาก็ขอบใจเพลงมาก ๆ นะ”
กำธรบอกและรับถุงของฝากจากมือหลานสาว

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเพลงคงต้องขอตัวนะคะคุณอา ว่าจะไปหาเพื่อน ว่าได้เรื่องยังไงบ้าง เพลงลาเลยนะคะ”
เธอบอกลา เพราะรู้ว่ากำธรนั้นเวลาว่างไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่
“เพลงไม่รอกินข้าวพร้อมอาพริ้งเหรอลูก แต่กว่าจะกลับก็คงอีกนาน นี่อาก็จะต้องออกไปธุระข้างนอกอีกชั่วโมงกว่า ๆ นี่ ยังไงก็เอาไว้วันหลังมาเที่ยวบ้านอาบ้างนะ ส่วนเรื่องนั้นอาจะติดต่อกลับไป” เขาบอกพร้อม ๆ กับลุกเดินไปส่งเธอ

“ค่ะคุณอา....เพลงไปนะคะ สวัสดีค่ะ”
เธอไหว้เขา แล้วก็เดินออกจากบ้านไปในที่สุด กำธรมองตามหลังหลานสาวคนเดียวแล้วก็อดทอดถอนใจแทนไม่ได้ แล้วเขาจะช่วยหลานได้ยังไงกัน ตัวเขากับธุระกิจก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมายนัก แต่เขาก็ให้สัญญากับตัวเองว่าจะช่วยเธอให้ถึงที่สุด



“คิดอะไรอยู่ครับแม่” ดนุพรเดินเข้ามาหามารดาที่นั่งรับลมอยู่สนามหญ้า
“ดำ...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก แม่ไม่เห็นเลย”ลัดดาใช้มือสองข้างเ ข็นล้อให้หันมาหาลูกชาย
“ได้สักพักแล้วครับ พอดีไปอาบน้ำแล้วก็มาหาแม่นี่ล่ะครับ”
เขาบอกมารดาพร้อม ๆ กับเดินเข้าไปช่วยเข็นรถให้เข้าไปนั้งที่ซุ้มที่สร้างเอาไว้พักผ่อน

“ลูกนายกำพลติดต่อมาหรือยังดำ” ลัดดาถามด้วยความอยากรู้ เพราะดนุพรเคยบอกเอาไว้เมื่อหลายวันมาแล้ว
“ยังเลยครับแม่ อีกสองวันก็จะถึงกำหนดแล้ว คงหาไม่ได้หรอกครับ ใครจะช่วยพวกมัน เงินตั้งมากมายขนาดนั้น”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ชิงชังผู้ที่ถูกพูดถึงยิ่งนัก
“แล้วถ้าเกิดเขาหากันมาได้ล่ะ ดำ”
ลัดดาไม่วายที่จะห่วงเรื่องนี้ เพราะถ้าศัตรูหัวใจของเธอสามารถทำได้ตามที่ลูกชายบอกเอาไว้ โอกาสที่เธอจะได้แก้แค้นก็จะหมดไป

“ข้อแรก ผมว่าไม่มีทางที่พวกนั้นจะหาได้ ข้อสอง ถึงหาได้ มันก็แค่เงินต้นนี่ครับแม่ แต่ดอกเบี้ยผมยังไม่ได้บอกพวกมันไป จะยังไงซะ ลูกนายกำพลมันก็ต้องมารับกรรมอย่างไม่มีทางเลือกหรอกแม่”

เขาบอกถึงแผนการที่เตรียมเอาไว้ แรกทีเดียวเขาคิดจะยึดสมบัติทั้งหมดแล้วนำไปขายทอดตลาด เพราะคิดว่ากำพลคงจะปล่อยให้หลุดไปแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีทายาทนายกำพลดิ้นรณมาหาถึงที่ จนทำให้เขาได้ความคิดดี ๆ ที่จะให้กำพลได้รับความเจ็บปวด เพิ่มจากเดิมที่กำลังได้รับอยู่ในตอนนี้

“แม่อยากจะเห็นหน้ามันจริง ๆ เลยดำ มันคงคิดไม่ถึงนะ ว่าเราจะได้มีโอกาสเอาคืนกับลูกของมัน แม่ยังนึกสะใจไม่หาย ที่เราส่งไอ้พีเข้าคุกคราวนั้น มันรักลูกมาก รักจนลืมไปว่า คนอื่น ๆ เขาก็รักลูกเขาเหมือนกัน พูดแล้วแม่เกลียดมันจริง ๆ เลย ไอ้คนใจร้าย ใจโหด ไอ้คนสับปลับ” ลัดดาพูดด้วยอารมณ์โกรธจัด เมื่อนึกถึงการกระทำของกำพลเมื่อหนหลัง

“อีกไม่นานหรอกครับแม่ อีกไม่นาน มันจะได้รับรู้รสชาติของการสูญเสียว่ามันจะเป็นยังไง ผมว่าแม่เข้าบ้านก่อนเถอะครับ อาหารเย็นคงจะตั้งแล้ว”
เขาบอกมารดา แล้วก็เข็นรถเข้าบ้านไปด้วยหัวใจเบิกบาน ที่จะได้ทำอะไร ๆ ที่อยากจะทำมานานแล้ว



ระพีพรรณจ้องมองใบหน้าผอมซูบของบิดา ที่นอนทอดร่างอยู่บนเตียงแล้วก็รู้สึกใจหายยิ่งนัก กับภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าตัวเองในเวลานี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่นานมานี้ ภาพของผู้ชายที่แข็งแรง ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยยังอยู่ในความทรงจำเธออยู่เลย แต่ตอนนี้กับความเป็นจริง มันช่างบั่นทอนจิตใจเธอเสียนี่กระไร พ่อคงจะเสียใจมากที่ทุกอย่างกลับกลายเป็นแบบนี้ แล้วเธอจะทำยังไงดี อีกสองวันแล้วสินะที่จะถึงกำหนดเส้นตาย แล้วเธอจะทำยังไง

“เพลงนี่อานะ ตอนนี้อาหาได้ทั้งหมดก็สิบห้าล้าน จากเพื่อน ๆ กับลูกค้าที่สนิทกัน ถ้าจะเอาจริง ๆ เขาก็ไม่เอาหลักประกันอะไรหรอก เขาเชื่อเครดิตอา เงินของอาเองก็มีให้ได้ประมาณสิบล้านเห็นจะได้ แล้วเพลงล่ะหาได้เท่าไหร่”
เสียงกำธรกรอกมาตามสายเมื่อเช้านี้

“ของเพลงยังได้ไม่เท่าไหร่ค่ะคุณอา ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ กันก็เป็นพวกเรียนหนังสือทั้งนั้น ที่ได้มาก็ไปขอพ่อแม่ที่พอจะมีมาให้ ประมาณสิบล้านค่ะ ยังขาดอยู่อีกตั้งเยอะ เพลงไม่รู้จะไปหาที่ไหนแล้วค่ะคุณอา”
ระพีพรรณบอกออกไปอย่างสิ้นหวัง พร้อม ๆ กับทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้
“แล้วเพลงจะทำยังไงดี” กำธรถามกลับมา

“เพลงยังคิดไม่ออกค่ะ เอาไว้รอดูพรุ่งนี้อีกวันนะคะ ถ้าไม่ได้เพลงก็คงจะต้องเลือกอีกทางค่ะ แต่ยังไงเพลงก็กราบขอบพระคุณ คุณอามาก ๆ นะคะ ที่ช่วยเพลง แล้วเพลงจะติดต่อกลับไปนะคะ”

หญิงสาวนั่งลงข้างเตียงแล้วก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหนักใจ กับเงินที่หามาได้แค่สามสิบห้าล้าน เธอก็ปรารถนาที่จะได้อีกแค่สิบห้าล้านเท่านั้น แล้วเธอจะไปหาได้จากที่ไหน กับเวลาที่เหลือแค่สองวัน โทรศัพท์ถูกกดไปหาคนที่เธอคิดว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ นั่นคือ ธนากร ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่รู้ใจเธอมากที่สุด หรือจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่เธอมีใจให้ก็ว่าได้ เพราะเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเพื่อนผู้ชายมากนัก ส่วนใหญ่ชีวิตจะหมดไปกับการเรียน และอยู่กับโสภาตลอดเวลา

“ก๊อปเหรอคะ เพลงนะคะ” เสียงกรอกไปตามสายด้วยความเคยชิน
“เอ่อ...ก๊อปไม่อยู่เหรอคะ”
เธอถามคนที่มารับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเสียงผู้หญิง และเสียงนี้เธอจำได้แม่นยำว่าเป็นเสียงของ ยดา หรือมิ้นท์ ผู้ที่เฝ้าคอยแย่งความสนใจจากธนากรไปจากเธอ ตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว

“มิ้นเหรอ เพลงฝากให้ก๊อปช่วยโทรกลับด้วยนะ พอดีมีเรื่องด่วน”
เธอฝากข้อความเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันจะได้เรื่องอะไร ปลายทางก็วางสายแล้ว เธอพยายามโทรกลับไปอีก แต่ก็ดูเหมือนว่าสายจะไม่ว่างแล้ว เธอละความพยายามในการติดต่อทางโทรศัพท์ในที่สุด เพราะโทรเท่าไหร่สายก็ไม่ว่างเลย

หญิงสาวรู้โดยสัญชาตญาณว่า ถูกยดาขัดขวางเสียแล้ว จึงไม่รอช้ารีบไปต่ออินเตอร์เนท ผ่านคอมพิวเตอร์แลปท๊อปทันที แล้วส่งอีเมลย์ไปหาธนากรเกี่ยวกับเรื่องที่เธอรอคำตอบจากเขา หลังจากที่ได้เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เขาฟังไปแล้ว และขอให้เขาช่วยหาเงินมาสมทบตามที่เขาจะพอช่วยได้
เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงสำหรับลูกมหาเศรษฐีอย่างเขา แค่เพียงโทรมาขอความช่วยเหลือจากผู้พ่อแค่นั้น แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ หากเรื่องต่าง ๆ มันไม่เป็นไปตามที่เธอคาดคิดเอาไว้ เสร็จจากส่งข่าวสารให้ธนาการแล้ว หญิงสาวเดินกลับมานั่งทรุดตัวลงข้าง ๆ เตียงผู้พ่อด้วยหัวใจที่อ่อนล้าอีกครั้ง

สิ่งนี้คือสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเธอเลยแม้แต่น้อย ชีวิตเธอทั้งชีวิตนับตั้งแต่จำความได้ เงินไม่เคยเป็นปัญหากับเธอเลย อยากจะได้เท่าไหร่พ่อก็หยิบยื่นให้ โดยไม่คิดจะไตร่ถาม ว่าเอาไปใช้อะไร จะมากน้อย หรือจะบ่อยครั้งแค่ไหนที่เธอโทรข้ามทวีปมาพ่อไม่เคยบ่น จัดการหาให้ตามที่ต้องการ ชีวิตเธอและพี่ชายเกิดมาพบกับความสะดวกสบาย และเพรียบพร้อม จนจะเรียกได้ว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอะเจอกับปัญหาอันหนักอึ้งขนาดนี้

น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้บิดาต้องเห็นจึงรีบสงบสติ แล้วก็ล้มตัวลงนอนกับที่นอนใกล้เตียงผู้เป็นพ่อในที่สุด



ใบหน้าที่ดูซีดเซียว ผ่ายผอมของพี่ชาย ดูแล้วทำให้ระพีพรรณสะเทือนใจเป็นที่สุด ภาพต่าง ๆ ของเขาเมื่อก่อนที่เธอเคยเห็นผุดขึ้นในความทรงจำได้ไม่ยาก ภาพของพี่ที่เคยไว้ผมยาวแล้วรวบมัดเอาไว้บ้าง หรือบางคราวตัดสั้น แล้วแต่อารมณ์ที่เขาจะสรรหา บางครั้งในช่วงปิดเทอมเธอก็จะเห็นพี่ชายทำสีโน่นสีนี่บ้าง

แต่พอใกล้จะเปิดเทอมเขาก็จะทำให้มันกลับมาเป็นสีดำ
ภาพที่พี่เคยพาเธอไปเที่ยว สอนการบ้านเธอบ้างเป็นบางเวลา แต่บัดนี้ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอช่างแตกต่างเหลือเกิน ผมถูกตัดให้เหี้ยนเตียน เสื้อผ้าที่เคยใส่แต่ของยี่ห้อดังและแพง กลับต้องมาใส่เครื่องแบบของนักโทษ พี่ชายที่เธอเคยได้โอบกอด หอมแก้มและขี่หลังเมื่อยามเหน็ดเหนื่อยหรืองอแง เพราะโดนพี่ชายแกล้ง กลับต้องมาถูกกางกั้นด้วยกรงเหล็กเส้นเขื่อง ตามด้วยกระจกใส ๆ ที่เจาะรูเล็ก ๆ เอาไว้พอให้ได้ยินเสียงพูดแค่นั้น

ความเสียใจ ความสงสาร และก็ความรู้สึกที่เธอไม่สามารถบรรยายได้ถูกอีกมากมาย ได้สื่อออกมาทางน้ำตาแทน มันค่อย ๆ ไหลออกมาให้ผู้เป็นพี่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้ไม่ยาก ระพีพงศ์เองก็รู้สึกสะเทือนใจไม่แพ้กัน
“อะไรกันยายเพลง ร้องไห้อีกแล้ว เป็นยังไงบ้างเรา แล้วคุณพ่อสบายดีหรือเปล่า”

เขาถามน้องสาว ด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่แตกต่างกันนัก ไม่นานน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาให้เธอเห็น ด้วยความเจ็บปวด ความเสียดายในอิสระภาพของตัวเอง เสียดายในโอกาสที่มีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเอง จนในที่สุดต้องมาอยู่ในสถานที่ ๆ โหดร้ายที่สุดในชีวิตสำหรับเขา

“เพลงสบายดีค่ะ คุณพ่อด้วย พี่พีล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง ทำไมพี่พีต้องเป็นแบบนี้คะ ทำไมบ้านเราต้องเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ด้วยคะ” เธอร่ำไห้ถามพี่ชาย
“มันก็สมควรกับการกระทำของพี่แล้วนี่เพลง ใครทำกรรมอะไรเอาไว้ เราก็ต้องชดใช้มัน พี่ทำตัวไม่ดี พี่ก็ต้องเจอแต่สิ่งที่ไม่ดีอย่างนี้ล่ะ เพลงเองก็ต้องทำตัวดี ๆ นะ อยู่ข้างนอก มีอิสระเสรีอยู่ในมือแล้วอย่าใช้มันไปในทางที่ผิด ๆ เดี๋ยวจะเป็นเหมือนพี่” เขาบอกน้องสาวด้วยสีหน้าของคนที่เจนชีวิต เพราะเวลาอยู่ในคุกหกปีสอนอะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่างให้เขา

“พี่พีคะ เพลงเอาของมาฝากค่ะ ช็อคโกแล็ตขาวที่พี่พีชอบค่ะ”
เธอบอกแล้วก็ยกให้พี่ชายดู หากแต่ให้ตอนนี้ไม่ได้ เพราะต้องผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ก่อน

“ขอบใจมากนะเพลง เอามาเยอะหรือเปล่า พี่จะเอาไปแบ่งเพื่อน ๆ ข้างในด้วย นาน ๆ ทีพี่จะได้มีอะไรให้พวกเขากินด้วยสักที ลุงโป่งมาเยี่ยมทีก็ไม่ค่อยมีอะไรมาฝากมาก แต่ก็ยังดีที่ลุงโป่งมาเยี่ยมพี่บ่อย” เขาบอก
“แล้วว่าแต่ตกลงเพลงจะเอายังไงเรื่องบ้านกับบริษัท เจ้าหนี้ผ่อนผันให้ไหม เพลงไปคุยกับเขาหรือยัง”

เขาถามด้วยความห่วง เพราะโป่งเคยบอกไว้ครั้งก่อนว่าหลุดจำนองแล้ว จะรอให้ระพีพรรณกลับมาก่อน แล้วค่อยหาทางออก
“ไปมาแล้วค่ะ แต่พี่พีคะคนที่เป็นเจ้าหนี้เรา ไม่ใช่นายเมธีนะคะ แต่เป็นอีกคน.....”
ระพีพรรณเล่าเรื่องต่างให้พี่ชายได้รับรู้

“ไม่ได้นะเพลง ไอ้ดำมันคงจะไม่ปล่อยให้เพลงได้สบายหรอกนะ เงินตั้งเยอะแยะ อย่าไปทำเลยนะเพลง ไม่ได้ก็ไม่เอา มีแค่ไหนก็อยู่แค่นั้นเถอะ อยู่ข้างนอก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มันก็ยังดีกว่าอยู่ในนี้เป็นร้อยเท่า” เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดเธอ

“เพลงแค่บอกพี่พีว่าถ้าหาเงินไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าหาได้เพลงก็ไม่ต้องไปทำงานให้เขา แต่ถึงจะทำ ถ้ามันจำเป็นเพลงก็คงจะต้องทำค่ะ เพลงไม่อยากให้คุณพ่อผิดหวัง ห้าปี มันคงไม่นานเท่าไหร่ค่ะ ก็อย่างที่พี่พีบอก อยู่ข้างนอกคงจะดีกว่าที่พี่พีอยู่ในนี้ ไม่ต้องห่วงเพลงนะคะ” เธอบอก
“โธ่เพลง เพราะพี่แท้ ๆ ทุกคนถึงได้มาเดือดร้อนกันแบบนี้ พี่ขอโทษ ๆ” เขาพร่ำบอกน้องสาว

“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว” เจ้าหน้าที่คุมขัง เดินเข้ามาให้สัญญาณ
“แล้วเพลงจะเขียนจดหมายมาเล่าให้พี่พีฟังนะคะ เพลงจะหาเวลามาเยี่ยมพี่พีใหม่”
เธอรีบบอกเมื่อเจ้าหน้าที่มายืนรอรับระพีพงศ์ให้เข้าไปด้านใน

“ไม่ต้องห่วงพี่นะเพลง ดูแลตัวเองดี ๆ พี่ฝากพ่อด้วย”
เขาพูดได้แค่นั้น ก็ต้องหยุดแล้วก็ลุกเดินหายเข้าไปข้างใน ทิ้งให้ผู้เป็นน้องมองตามพี่ชายด้วยหัวใจที่ปวดร้าวยิ่งนัก แล้วน้ำตามันก็พาลไหลออกมาอีกครั้งที่มองตามพี่ชายเดินหายลับไป โดยมีผู้คุมขังเดินประกบคู่ไปไม่ห่าง
สีหน้าของระพีพรรณที่เดินออกมาจากโทรศัพท์สาธารณที่ใช้สำหรับโทรข้ามทวีปไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่

หลังจากที่ออกมาจากเยี่ยมระพีพงศ์ เธอก็ตัดสินใจโทรหาธนากรอีกครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย เธอได้แต่ฝากข้อความกับเครื่องตอบรับเอาไว้ และมันก็เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเธอก็ไม่อยากจะจดจำ
เธอยืนเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ตรงมุมถนนอยู่นาน เหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงกับหนทางที่จะเดินต่อไป แล้วเธอก็ยิ้มให้กับจุดหมายที่เพิ่งมองเห็น นั่นคือร้านอินเตอร์เนทนั่นเอง

ระพีพรรณสาวเท้าตรงไปยังจุดหมายด้วยความมั่นใจ แต่ไม่นานเธอก็กลับออกมาพร้อมกับความผิดหวัง ไม่มีแม้แต่วี่แววจากคนที่เธอรอคอยแม้แต่น้อย หรือเขาจะไม่ว่างจนไม่มีเวลามาเช็คอีเมลย์ หรือเขาหาเงินไม่ได้
หญิงสาวรู้สึกว้าวุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ใจอยากจะคิดว่าเขาไม่สนใจจะช่วยเธออย่างที่เขารับปากเอาไว้ แต่เธอก็ไม่อยากจะสรุปอะไรเอาเองเพียงข้างเดียว ธนากรอาจจะมีปัญหาบางประการจนไม่สามารถติดต่อมาหาเธอก็ได้ นั่นคือวิธีคิดและวิธีมองคนของเธอเสมอมา แล้วหญิงสาวก็กลับมาที่รถแล้วก็ขับออกไปอย่างคนไม่มีจุดหมายปลายทางใด ๆ



โป่งยืนมองเจ้านายสาวที่ตั้งแต่บ่ายเอาแต่นั่งเหม่อ ไม่ยอมแม้แต่จะแตะข้าวปลา ซึ่งเขาเองก็เข้าใจสาเหตุดีว่าเพราะอะไร เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า ถ้าเธอตัดสินใจเข้าไปทำงานที่บ้านของดนุพรแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“คุณเพลงดื่มน้ำส้มก่อนเถอะครับ ตั้งแต่เช้าคุณเพลงไม่ยอมกินอะไรเลย เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ”
โป่งเดินเข้าไปหา พร้อมในมือมีน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว

“ขอบคุณค่ะลุงโป่ง”
เธอยิ้มให้แล้วรับแก้วมาขึ้นจิปด้วยไม่อยากให้เสียน้ำใจ ที่โป่งอุตส่าห์ทำให้ แต่แท้ที่จริงแล้ว แม้แต่น้ำเธอก็แทบจะกลืนไม่ลงเอาเสียเลย
“แล้วคุณเพลงจะเอายังไงครับ เงินก็หาได้ไม่ครบ ก็เหลือแค่วิธีเดียว”
โป่งถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบดี เพราะพรุ่งนี้แล้วเธอก็จะต้องไปตามกำหนด
“เพลง” เสียงโสภาร้องเรียกทันทีที่ร่างมาถึงห้องนั่งเล่น เพราะนัดกับเธอเอาไว้


“พี่โสภา เชิญค่ะ” เธอเอ่ยเชิญแขกด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่มีชีวิตเอาเสียเลย
“ตกลงเพลงจะเอายังไงดี พรุ่งนี้จะถึงกำหนดแล้วนะ” โสภาถามด้วยความร้อนใจ
“เพลงคงจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะค่ะ เราก็ช่วยกันจนสุดความสามารถแล้ว มันก็ไม่สำเร็จ จริง ๆ แล้ว เพลงไม่น่าเอาเรื่องปวดหัวไปให้พี่โสภากับเพื่อน ๆ เลย ไหนจะอากำธรอีก เพลงว่า เพลงจะยอมไปทำงานกับเขาจะดีกว่าค่ะ เป็นคนรับใช้แค่ห้าปี กับเงินตั้งห้าสิบล้านบาท ไม่เอาก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วค่ะพี่โสภา”

เธอบอกออกไปอย่างนั้น แต่นัยน์ตานั้นฉายแววที่ไม่แน่ใจนักกับทางเลือกที่ตัวเองกำลังจะตัดสินใจลงไป
“แล้วก๊อปล่ะเพลง เขาช่วยได้เท่าไหร่ พี่ว่าสำหรับก๊อปไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ เขาติดต่อมาหรือยังเพลง”
โสภาถามด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง

“เพลงติดต่อก๊อปไม่ได้ค่ะพี่โสภา ส่งอีเมลย์ไปก็ไม่เห็นตอบกลับมา โทรไปห้องก็ไม่มีคนรับสาย เพลงโทรไปตั้งหลายครั้งแล้วนะคะ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าค่ะ แล้วพี่โสภาได้ข่าวเขาจากคนอื่น ๆ หรือเปล่าคะ”
เธอบอกตามความจริง และถามโสภาขึ้น เพราะรู้ดีว่าโสภาติดต่อกับเพื่อน ๆ ที่ยังเรียนไม่จบอยู่เหมือนกัน
“จริงเหรอเพลง พี่ก็ไม่ค่อยได้ข่าวหรอกนะ พอดีรีบคุยเรื่องของเพลงน่ะ ก็เลยไม่ทันได้คิดอะไร เพลงจะให้พี่โทรไปถามเพื่อนมั้ย”

โสภาตอบและเสนอความคิดเห็น แต่โสภาพอจะเดาว่าอะไรเป็นอะไรได้ไม่ยากเลย สำหรับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย ย่อมรู้ดีว่าสาเหตุที่คนรักของเพื่อนหายหน้าไป ก็คงจะไม่ใช่อะไรหรอกนอกจาก ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่เงินของมนุษย์บางกลุ่ม มันทำให้โสภารู้สึกโล่งใจที่ธนากรออกลายมาให้เพื่อนรักเห็นในเวลานี้

เพราะมันก็จะทำให้ระพีพรรณได้เห็นในสิ่งที่โสภาเห็นไปด้วย แต่โสภาก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอจะคิดเหมือนกับที่ตัวเองคิดหรือไม่ เพราะด้วยความที่มีมุมมองคนที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง โลกของโสภานั้นเต็มไปด้วยความเป็นจริง ความดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด มุมมองในการมองอะไรนั้นจะมีทั้งสองมุมนั่นคือทั้งบวกและลบ

ส่วนโลกของระพีพรรณนั้นจะอยู่ในโลกแห่งความสุขสบาย ความเพียบพร้อม จึงทำให้ระพีพีพรรณมีมุมมองที่ค่อนข้างจะเป็นบวกมากกว่าลบ การมองโลกและคนรอบข้างของเธอจะมองแต่ในแง่ดี หรือจะมีในทางร้ายบ้าง แต่ระพีพรรณก็จะหาเหตุผลต่าง ๆ นานา มาหักล้างออกให้มันเป็นบวกมาให้ได้ ดังเช่นที่เธอมองธนากรในเวลานี้นั่นเอง

โสภารู้ดีว่าธนากรแค่คบกับระพีพรรณด้วยฐานะทางด้านการเงิน ฐานะทางสังคม ที่เท่าเทียมกับเขาและครอบครัวทางบ้านเท่านั้นเอง และเมื่อเขาได้รับรู้ว่าผู้หญิงที่เขาหมายปองนั้น กำลังมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือเป็นที่สุด เขาจึงตีตัวออกห่างเสียตั้งแต่ต้น

“อย่าเลยค่ะพี่โสภา เพลงไม่อยากเอาปัญหาส่วนตัวไปสร้างความกังวลให้คนอื่น ถ้ามันไม่มีหนทางอื่นเพลงก็คงจะต้องเลือกทางออกอีกทางที่เขาให้เพลงมาค่ะ” เธอตอบไปตามความคิดที่มีในใจ
“คุณเพลงครับ คุณเพลงแน่ใจแล้วเหรอครับ ลุงไม่อยากให้คุณเพลงทำแบบนี้เลย” โป่งบอกด้วยความห่วงใย

“คงไม่มีอะไรหรอกค่ะลุงโป่ง สัญญาตามที่เขาร่างให้เอามาอ่านก็ดูรัดกุมนี่คะ คงจะไม่มีอะไรมั้งคะ แต่ถึงจะมีเพลงก็ไม่มีทางเลือกแล้วนะคะ” เธอบอก
“เพลง...งานที่เขาให้ทำมันดูจะไม่มีอะไรก็จริงนะ แต่มันทำเกือบทุกอย่างเลย แล้วไหนจะทำตามที่เขาสั่งอีก แล้วถ้าเกิดนายนั่นสั่งให้เพลงไปปีนเขาลงห้วย เรามิต้องทำไปด้วยเหรอ” โสภาไม่วายที่จะห่วง เพราะเคยได้อ่านร่างสัญญาแล้ว

“แต่สัญญาก็บอกว่างานที่เขาจะให้ทำ จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และชีวิตนี่คะ แต่ไม่ว่ายังไงเพลงก็จะทำค่ะ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่เพลงจะได้ทุกอย่างกลับมา” เธอยืนยันคำเดิม

“แต่ถ้าคุณท่านรู้ คุณท่านจะต้องไม่ยอมแน่ ๆ เลยครับคุณเพลง” โป่งกังวล
“ลุงโป่งต้องปิดคุณพ่อนะคะ แค่บอกว่าเพลงไปทำงานใช้หนี้ก็พอ แต่ไม่ต้องบอกว่าไปทำให้ใคร แล้วเพลงจะกลับมาเยี่ยมบ้านทุกอาทิตย์ เพลงคงจะต้องฝากคุณพ่อไว้กับลุงโป่งอีกครั้งนะคะ ถ้าเราได้ทุกอย่างคืนแล้ว เพลงจะไม่ให้ลุงโป่งทำอะไรอีกเลย” เธอไม่ลืมที่จะกำชับ

“คุณเพลงไม่ต้องห่วงครับ ลุงจะดูแลคุณท่านอย่างดี คุณเพลงทำงานให้สบายใจเถอะนะครับ ระวัง ๆ ตัวด้วยก็แล้วกันนะลุงเป็นห่วง” โป่งให้ความมั่นใจ
“พี่ก็จะมาช่วยดูคุณลุงให้อีกแรงนะเพลงไม่ต้องห่วง แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปด้วยนะ จะได้ไปเป็นพยานให้ตามที่นายคนนั้นสั่งไว้ งั้นพรุ่งนี้พี่กับภคินจะมารับสิบโมงนะ เขาให้เราไปบ่ายโมงตรงไม่ใช่เหรอ เผื่อเวลาไว้เยอะ ๆ แล้วกัน เกิดนายคนนั้นเล่นแง่กับเราอีก” โสภาย้ำกับเธอ

“ค่ะพี่โสภา ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ เพลงจะไปส่งหน้าบ้านค่ะ” เธอบอก
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะเพลง พักผ่อนเถอะ แล้วเจอกัน”
สิ้นเสียงไม่นานสักเท่าไหร่ร่างโสภาก็หายไปจากห้องนั่งเล่นเอาดื้อ ๆ ด้วยความเคยชินกับบ้านเธอเป็นอย่างดี ถึงแม้จะมาเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม
“คุณเพลงครับ...เอ่อ...ลุงได้ยินมาว่านายดำนี่ ไม่เบานะครับ รอบตัวทีเดียว ไม่อย่างนั้นเขาจะสร้างตัวจนร่ำรวยได้เร็วเหรอครับ” โป่งบอกอีกครั้งเมื่อโสภากลับออกไปจากบ้านแล้ว

“ยังไงเพลงก็จะอดทนค่ะ เขาเป็นไฟมา เพลงก็จะเป็นน้ำกลับ ก็เราไม่มีทางเลือกนี่คะ และอีกอย่าง ถ้าคิด ๆ ไปถึงเรื่องที่คุณพ่อกับพี่พีทำกับครอบครัวของเขาไว้ มันก็ไม่น้อยนะคะลุงโป่ง เพลงคิดว่าเพลงพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขาค่ะ”
เธอบอกรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ

“คุณเพลงเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ คงจะพอเอาชนะนายดำได้กระมังครับ งั้นลุงขอตัวก่อนนะ วันนี้ปวดหลังจังเลย สงสัยเพราะไปถางหญ้าหลังบ้านแน่ ๆ เลย คุณเพลงก็พักผ่อนนะครับ” โป่งบอก
“ค่ะลุงโป่ง เพลงก็จะไปดูคุณพ่อก่อน” แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกัน
“เพลงเหรอลูก” เสียงกำพลเอ่ยถาม เมื่อรู้สึกว่ามีมือมาสัมผัสกับใบหน้าเขา ทั้ง ๆ ที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่

“ค่ะคุณพ่อ....วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ได้ย้ายมาอยู่ข้างล่างแล้ว ต่อไปต้องให้ลุงโป่งพาไปนั่งรถดูอะไร ๆ ข้างนอกบ้างนะคะ อยู่แต่ในห้องมันอุดอู้ค่ะ” เธอบอกเมื่อทำการย้ายที่หลับนอนของเขาลงมาที่ห้องข้างล่าง เมื่อวันก่อน
“จะไปไหนมาไหนมันก็ลำบากเจ้าโป่งมัน ไหนจะไปไหว้วานเพื่อนบ้านอีกล่ะ ไม่เอาหรอก พ่อขออยู่อย่างนี้ก็แล้วกันนะเพลง ถ้ามันจะตายก็ให้มันตายอยู่ในนี้ก็แล้วกัน”

กำพลไม่วายที่จะตัดพ้อ เพราะการที่เขาจะเคลื่อนย้ายตัวเอง ที่เป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนั้น เป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อยเวลาจะโยกย้ายตัวเองไปไหนแต่ละที เพราะต้องใช้คนที่แข็งแรงไม่น้อยกว่าสองคน ช่วยกันยกตัวเขา ให้ไปนั่งที่รถเข็น

“ไม่ลำบากหรอกค่ะคุณพ่อ เพลงบอกลุงโป่งไว้แล้ว เพื่อนบ้านเราก็เต็มใจมาช่วยนะคะ คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้อีกนะ มันทำให้เพลงฟังแล้วหมดกำลังใจค่ะ” เธอบอกบิดาด้วยใบหน้าที่ยิ้มจาง ๆ
“แล้วว่าแต่เรื่องบ้านกับโรงงานตกลงเพลงทำยังไงล่ะลูก พรุ่งนี้ก็จะถึงกำหนดแล้วนะ แล้วหาเงินได้มั้ย ไม่เห็นเพลงบอกพ่อเลย หรือเห็นพ่อไม่มีความหมายแล้ว”
เขาถามลูกสาวและน้ำเสียงต่อว่าเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ว่าบิดาไม่ได้จริงจังกับคำพูดเท่าใดนัก

“คุณพ่อคะ คุณพ่อเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตเพลงค่ะ แต่เพลงไม่อยากให้คุณพ่อคิดมาก เพลงก็เลยยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่เพลงก็กำลังจะมาบอกค่ะ ว่าเพลงตกลงจะไปทำงานใช้หนี้เขา มันดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และเพลงก็ไม่ต้องไปรบกวนใคร ๆ ด้วยค่ะ คุณพ่อเห็นด้วยไหมคะ” เธอบอกบิดาในที่สุด

“แล้วเขาให้เราทำอะไรบ้างล่ะเพลง ทำงานแค่ห้าปี แลกกับเงินตั้งห้าสิบล้าน มันไม่น้อยไปหน่อยเหรอลูก”
เขาไม่วายจะสงสัย เพราะนั่นคือคำถามที่มีในใจเขา ตั้งแต่วันแรกที่ลูกสาวเอามาบอกเล่าแล้ว
“โธ่....คุณพ่อคะ เพลงหนะอินทรีเรีย ดีไซเนอร์ ปริญญาโทจากนอกนะคะ ทำงานแป๊บ ๆ ก็หาเงินให้เขาได้มากกว่าที่เรายืมอีกค่ะ” เธอบอกออกไปอย่างนั้น

“ยังไงลูก”
“คือเขาให้เพลงทำงานตามที่เพลงเรียนมานี่ล่ะค่ะ ปี ๆ หนึ่งเพลงก็จะต้องหาลูกค้าที่กระเป๋าหนัก ๆ เข้าบริษัทเขาเยอะ ๆ ให้ได้มากที่สุดค่ะ ช่วงนี้ธุระกิจด้านนี้กำลังบูมค่ะ อีกไม่นานเพลงก็ทำเงินคืนให้เขาได้แล้วล่ะค่ะ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แต่ว่าช่วงที่เพลงไปทำงาน เพลงคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่นะคะ จะมาหาคุณพ่อได้ก็เฉพาะคืนวันเสาร์ แล้วก็คืนวันอาทิตย์ค่ะ เพราะเพลงหยุดวันอาทิตย์วันเดียว” เธอจัดแจงแต่งเรื่องให้บิดาเชื่อ

“แล้วทำไมมานอนบ้านเราไม่ได้ล่ะลูก” เขาสงสัย
“ก็บริษัทอยู่ไกลค่ะคุณพ่อ เพลงก็คงจะเดินทางไปมาไม่ไหวหรอกค่ะ แล้วอีกอย่าง เพลงก็ไม่มีรถ เพลงพักที่ออฟฟิศเลยค่ะ เขาทำที่พักไว้ให้คนงานต่างจังหวัดพักด้วย น่าอยู่มาก ๆ เลยค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงเพลงนะคะ” เธอบอกให้บิดาโล่งใจ

“พ่อค่อยสบายใจหน่อย ทำงานกับเขาก็ทำตัวดี ๆ นะลูก ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด และอดทนนะลูก อย่าทำไม่ดี เพราะบาป กรรมทุกวันนี้มันเดินทางเร็วเหลือเกิน ไม่นานมันก็ตามมาทันในชาตินี้แล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าหรือชาติไหนหรอก แต่พ่อว่าลูกพ่อเป็นคนดี พ่อภูมิใจในตัวลูกจริง ๆ เลย”
เขาสอนลูกพร้อม ๆ กับยิ้มจาง ๆให้ แต่ในใจนั้นมันช่างเศร้าเหลือเกิน เมื่อคิดถึงกรรมที่ตัวเองกำลังรับอยู่ในตอนนี้ และยังผลให้ลูกต้องลำบากไปเป็นลูกจ้างคนอื่น

“ค่ะคุณพ่อ เพลงจะจำคำสอนคุณพ่อไว้ค่ะ งั้นคุณพ่อพลิกตัวก่อนนะคะ นอนนาน ๆ เดี๋ยวจะเป็นแผลกดทับ เป็นแล้วมันรักษายาก หรือคุณพ่อจะนั่งไหมคะ เพลงจะอ่านหนังสือให้ฟังค่ะ” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะรู้สึกไม่ดีที่โกหกผู้ใหญ่

“เอางั้นก็ได้ลูก....นาน ๆ ทีจะมีคนอ่านหนังสือให้ฟัง เจ้าโป่งมันก็หูตาไม่ค่อยดีแล้วช่วงนี้ อีกอย่างก็เกรงใจมันด้วย มันช่วยงานสารพัด” เขาบอกลูกสาว แล้วก็ยิ้มให้เธอด้วยความรักและเอ็นดูยิ่ง









Create Date : 17 กันยายน 2551
Last Update : 17 กันยายน 2551 6:51:05 น. 0 comments
Counter : 427 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.