Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
14 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
รอยอาญา ๔๔ (ธัญรัตน์)




แบบที่ทำตั้งแต่เช้าถูกระพีพรรณลบแล้วลบอีกมาไม่รู้กี่สิบรอบเพราะยังดูจะไม่ถูกใจเธอ เธอรู้ดีว่าเป็นด้วยเหตุใดถึงไม่มีสมาธิให้กับงานแบบนี้ น้ำตามันไหลออกมาดื้อ ๆ เมื่อในใจหวนคิดไปถึงผู้ที่ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเป็นกรรมหรือเวรอันใดที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันต้องออกมาเป็นแบบนี้

แล้วตัวเองก็แทบจะหาความแน่ใจในสิ่งที่ทำลงไปแล้วไม่ได้เลย ว่ามันจะมีผลตามมาในรูปไหน เธอเฝ้าคิดแล้วคิดอีกว่าสิ่งที่ทำลงไปมันจะคุ้มค่าหรือไม่ แต่สุดท้ายเธอก็ได้คำตอบเดิม ๆ คือ เธอไม่สามารถที่จะทนเห็นผู้ชายดี ๆ อย่างเด่นณรงค์ต้องพกพาความเจ็บปวดด้วยมีเธอและพ่อเป็นสาเหตุไปตลอดชีวิตได้

แต่คำถามอีกคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจนั้นก็คือ แล้วตัวเธอเองจะต้องพกพาความเจ็บปวดที่จะต้องสูญเสียพ่อของลูกไปตลอดชีวิต เธอจะทนได้มากน้อยแค่ไหน กับแค่เพียงไม่กี่วันที่เขาไม่ได้มาให้เธอเห็นหน้าแค่นี้ เธอเองก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด มือน้อย ๆ ถูกยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมาด้วยความรู้สึกที่รันทดใจในโชคชะตาความรักของตัวเองเป็นที่สุด

“คุณคะ คุณเข้าไปไม่ได้นะคะ”
เสียงเลขาฯ หน้าห้องดังเข้ามาถึงในห้องทำงานของเธอ แล้วไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก แล้วคนที่โผล่เข้ามานั้นก็ทำให้เธอตกใจไม่น้อย ระพีพรรณรีบหักห้ามน้ำตาที่จะไหลออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าเขา
“คุณเพลงคะ คุณคนนี้จะมาพบคุณเพลงค่ะ บอกว่ายังเข้าไม่ได้ยังไงก็ไม่ฟังค่ะ”
เลขารายงานเธอ เมื่อตามเขาเข้ามาในห้อง
“ไม่เป็นไรจ๊ะจู ไปกินข้าวเถอะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เธอลุกขึ้นและบอกเลขาออกไป

“คุณมีธุระอะไรคะ ถึงได้มาถึงที่นี่”
เธอถามเมื่อเดินมาเผชิญหน้ากับเขา เพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะบุกมาถึงออฟฟิศเธอ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมาเลย ส่วนเรื่องเขารู้ได้ยังไงว่าอยู่ที่ไหนนั้น เธอเลิกแปลกใจไปนานแล้ว

“ผมต้องการความแน่ใจ ว่าสิ่งที่คุณบอกผมมันเป็นความจริง หรือว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่ คุณพอจะบอกผมได้มั้ยเพลง ว่ามันเกิดอะไรคุณ คุณทำแบบนี้ทำไม”เขารีบบอกในสิ่งที่เขาตั้งใจแบกหน้ามาหาเธอถึงที่นี่ หลังจากที่
“คุณหมายถึงเรื่องฉันกับพี่เด่นเหรอคะ” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูห่างเหินยิ่งนัก และมันก็ทำให้เขาไม่ชอบใจมาก ๆ
“ใช่ ผมต้องการรู้จากปากคุณอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำอะไรลงไป”เขาบอกเธอตรง ๆ

“ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรมากนี่คะ ฉันก็บอกแล้วว่าฉันกับพี่เด่นรักกัน คุณก็ไม่เคยฟัง”เธอยืนยันกับเขาอีกครั้ง
“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณเหรอเพลง วันนั้นคุณยังดี ๆ อยู่เลย แต่พอผมกลับจากไซด์งานคุณก็เปลี่ยนไป มีอะไรที่ผมยังไม่รู้หรือเปล่า พี่เด่นคุยอะไรกับคุณบ้าง มีอะไรคุณก็บอกผมได้นะ ผมจะได้ช่วยหาทางแก้ไขปัญหาได้”
เขาบอกเธอตามที่เขาคิด เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอบอกนั้นมันจะเป็นจริงทั้งหมด

“ไม่มีอะไรค่ะ พี่เด่นไม่ได้คุยอะไรกับฉันเลย ส่วนเรื่องที่ฉันยอมให้คุณเข้าไปอยู่ในบ้านฉัน ก็เพราะว่าฉันแค่อยากจะรู้ว่าคนอย่างคุณจะยอมอ่อนข้อให้ใครบ้างหรือเปล่าก็แค่นั้น และตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าในที่สุด คนที่เอาแต่เก็บงำความแค้นเอาไว้ แล้วคอยทำร้ายฉันกับพ่อ แท้ที่จริงคุณก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ

เพราะยังไง ๆ คุณก็แพ้ใจตัวเอง ยอมทิ้งศักดิ์ศรีกับความหยิ่งพยองของตัวเอง ตามไปง้อฉันถึงบ้าน คุณรู้หรือเปล่าคะว่าฉันสนุกแค่ไหน ที่ได้เห็นคนอย่างคุณไปนั่งตากฝนร้องเรียกฉันทั้งคืน แล้วยังไม่รวมกับที่คนอย่างคุณ ลงทุนไปเข้าครัวทำอาหาร ล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้านถูบ้าน แล้วก็อื่น ๆ อีก
คุณเห็นมั้ยคะว่ากรรมมันตามทันคุณแล้วค่ะ คุณใช้งานฉันแทบจะไม่มีวันพักผ่อน คุณทำร้ายฉันแล้วก็ปัดความรับผิดชอบ แล้วดูตอนนี้สิคะ คุณต้องกลับมาทำงานให้ฉัน มาอ้อนวอนฉันให้ฉันคืนดีกับคุณ

แต่ขอบอกนะคะ ว่าคนอย่างฉันคงจะไม่ลุงทุนจ้างนักสืบให้ตามไปดูคุณหรอกค่ะ เพราะฉันไม่อยากจะรู้อะไรที่เกี่ยวกับคุณเลย แล้วทีนี้คุณเข้าใจหรือยังคะ ว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักคุณเลย ไม่เคยเลยค่ะ”
เธอบอกเขาพร้อม ๆ กับแสดงท่าทางที่ดูจะสะใจที่ได้เอาคืนเขาบ้าง แต่ในใจลึก ๆ นั้น เธอรู้สึกสงสารเข้าขึ้นมาไม่น้อยทีเดียว แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาไปจากเธอได้ในตอนนี้

“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ คนอย่างคุณหนะเหรอจะคิดเอาคืนคนอื่นเป็น ผมไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด เพราะผมรู้ว่าคุณรักผม”
เขายังคงปักใจแบบนั้น
“อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าฉันจะรักคุณคะคุณดำ”เธอถามเขาพร้อม ๆ ทำท่าทางเยาะเย้ยเขาเป็นที่สุด
“ก็นี่ไง........”

เขาพูดแค่นั้นแล้วก็รั้งร่างของเธอเข้ามากอด และจูบลงไปที่เรียวปากด้วยความโกรธและโหยหาในเวลาเดียวกัน จูบที่ดูจะรุนแรงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลในเวลาต่อมา มือสองข้างของเขาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังที่มีเพียงเสื้อยืดรัดรูปหุ้มเอาไว้แค่นั้น รสสัมผัสจากเธอยังคงทำให้เขามีความสุขได้เสมอ

ระพีพรรณเลือกที่จะไม่ขัดขืนและตอบสนองเขาในเวลานี้ เพราะถ้าเธอเผลอหลงใหลไปกับรสสัมผัสของเขา นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องคิดว่าเธอรักและต้องการเขา จึงได้แต่ทำร่างให้แข็งทื่ออยู่แค่นั้น แต่เขาคงไม่มีวันจะรู้หรอกว่า ทุก ๆ ครั้งที่เขามอบสัมผัสรักให้เธอนั้น เธอสุขใจมากแค่ไหน
คิด ๆ แล้วก็ให้รู้สึกใจหายเป็นที่สุด ที่ตั้งแต่นี้ต่อไปเธอจะต้องมอบร่างกายและหัวใจให้กับพี่ชายของเขา ซึ่งเธอเองแทบจะไม่แน่ใจนักว่าจะทำได้หรือไม่

แล้วน้ำตามันก็ไหลรินออกมาเพื่ออุทิศให้กับความรักที่หาความสมหวังแทบไม่มีของตัวเองยิ่งนัก มันเจ็บปวดอย่างนี้นี่เอง แล้วเด่นณรงค์ล่ะเขาจะเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าเขาจะต้องผิดหวังจากเธอไป แล้วผู้ชายคนนี้ล่ะเขาจะเจ็บปวดมากน้อยแค่ไหน หรือเขาอาจจะรีบวิ่งหาผู้หญิงใหม่เพื่อเอามายืนเคียงข้างเขาเพื่อแทนที่เธอ คิดได้แค่นั้น มันก็เรียกน้ำตาของเธอให้ไหลรินออกมาแทบจะไม่มีวันเหือดแห้งเลย

ดนุพรถึงกับตกใจที่พบว่ามีหยดน้ำตาไหนอาบแก้มขาวที่เขาเพิ่งจะสูดดมความหอมจากพวงแก้มเธอด้วยความรัก แล้วคำบอกเล่าของเธอหลาย ๆ ครั้ง ที่พร่ำบอกเขาว่าเธอไม่ได้รักเขา มันก็ผุดขึ้นมาลอยอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน

“เพลง....คุณเสียใจมากขนาดนี้เลยเหรอ ที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ผม”
เขาปล่อยร่างของเธอให้เป็นอิสระทันทีที่ได้เห็นหยดน้ำตาของเธอ
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะ ว่าฉันไม่ได้รักคุณ และไม่เคยรักคุณเลย”
เธอตอกย้ำทั้ง ๆ ที่น้ำตายังคงนองหน้า เพราะต้องผืนบอกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง
“งั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมก็เป็นคนหลงคิดว่าคุณจะรักผมใช่มั้ยเพลง....คุณไม่รักผม และไม่เคยมีความสุขเมื่อได้อยู่กับผมเลยใช่มั้ย แล้วคุณทำให้ผมคิดว่าคุณรักผมทำไม”เขาตัดพ้อเธอด้วยความน้อยใจ และเสียใจในเวลาเดียวกัน

“คุณเข้าใจผิดเองต่างหากค่ะ ฉันไม่เคยทำให้คุณคิดไปเองเลย ทีนี้คุณก็รู้แล้วใช่มั้ยคะ ว่าฉันรักใคร และต้องการจะอยู่กับคนที่ฉันรักมากแค่ไหน ได้โปรดหลีกทางให้เราสองคนเถอะค่ะ เพราะที่ผ่านมาชีวิตของฉันกับพี่เด่นก็เสียเวลามามากพอแล้ว ขอให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเถอะนะคะ ได้โปรดไปจากชีวิตของเราสองคนเถอะค่ะ ฉันขอร้อง”
กับคำอ้อนวอนของเธอบวกกับน้ำตายังคงไหลออกมานั้น มันสร้างความเสียใจให้ดนุพรเป็นที่สุด

“คุณไม่ต้องขอร้องผมมากขนาดนี้ก็ได้เพลง ถ้าคุณกับพี่เด่นรักกัน ผมก็ไม่มีปัญญาที่ขัดขวางความรักของคุณสองหรอก ผมมันโง่เองที่หลงเข้าใจคุณผิด ๆ คิดว่าคุณจะรักผม เหมือนที่ผมรักคุณ”เขาบอกเธอด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด
“ที่ฉันยอมคุณไปทั้งหมด เพราะฉันแค่ต้องการสมบัติคุณพ่อคืนเท่านั้นค่ะ มันไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องเลย”
เธอยังคงตอกย้ำเขาอีก

“คุณคงจะสนุกมากสินะที่เห็นคนอย่างผมไปคอยตามง้อคุณ เป็นตัวตลกให้พ่อกับพี่คุณได้หัวเราะเยาะผม คุณคงจะสะใจมากใช่มั้ยเพลง”
เขาถามด้วยความรู้สึกที่โกรธขึ้นมา ด้วยหวนคิดไปถึงวันที่ตัวเองตามงอนง้อเธอกับลูก และได้รับการกีดกันจากระพีพงศ์และกำพล
“งั้นเราก็หายกันค่ะ คุณทำให้ฉันเจ็บ ส่วนฉันก็ได้โอกาสเอาคืน ฉันขอให้เราเลิกแล้วต่อกันเพียงแค่นี้นะคะ ต่อไปนี้เราก็จะต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก”เธอบอกเขา

“คุณคงจะรอเวลานี้มานานแล้วใช่มั้ยเพลง ได้ถ้าคุณต้องการให้ผมไป ผมก็ยินดีที่จะไป ผมเคยบอกคุณแล้วว่ามีผู้หญิงอีกเป็นร้อย ที่อ้าแขนรอรับผม ในเมื่อคุณไม่คิดอะไรกับผม มันก็ป่วยการที่ผมจะตามมารับผิดชอบคุณ ผมจะบอกคุณไว้อย่างนะ ว่าไม่ว่าคุณจะแต่งงานกับพี่เด่นเมื่อไหร่ เมื่อนั้นมันก็คือวันแต่งงานของผมเหมือนกัน และต่อไปนี้ผมก็จะไม่มารบกวนคุณอีก ขอให้คุณมีความสุขกับคนที่คุณรักและเลือกก็แล้วกัน”

พูดได้แค่นั้นเขาก็เดินออกจากห้องทำงานของเธอไป โดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะมองตามร่างของเขาไปด้วยความเจ็บปวดมากแค่ไหน ระพีพรรณค่อย ๆ เดินไปล็อคประตูห้องทำงานแล้วก็กลับมาทรุดตัวลงนั่งที่ชุดรับแขกด้วยความอ่อนแรง แล้วน้ำตามันก็ไหลรินออกมาอย่างไม่รู้จักเหือดแห้ง เธอเพิ่งจะรู้ว่ารักเขามากแค่ไหน ก็ตอนที่เขาเดินจากเธอไปนี่เอง


กุญแจรถและการ์ดถูกเขาโยนทิ้งอย่างไม่สนใจทิศทางทันทีที่ดนุพรพาตัวเองมาถึงคอนโด แล้วร่างที่ดูจะหนักอึ้งของเขาก็ล้มตัวลงนั่งที่โซฟาตัวเก่า เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า การที่จะต้องเสียระพีพรรณไปจริง ๆ มันจะสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้เขามากมายขนาดนี้ นี่เขารักผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้เลยหรือ

เขาอยากจะยิงหัวใจตัวเองทิ้งนัก ที่มันไม่ยอมฟังเสียงห้ามของเขา ว่าไม่ให้รักเธอ ไม่ให้หลงใหลในรูปโฉมของเธอ แต่หัวใจเจ้ากรรมมันก็ไม่ยอมฟัง แล้วเขาก็พาลคิดโกรธตัวเองที่มัวแต่คิดเคียดแค้นคนพวกนั้น จนเป็นเหตุให้พาเธอเข้ามาใจชีวิตของเขา ทำให้ลูกผู้ชายที่เคยแต่มีผู้หญิงมาวิ่งตามอย่างเขา ผู้ชายที่ชีวิตไม่เคยคิดที่จะงอนง้อผู้หญิงคนไหนอย่างเขาต้องพบกับจุดจบกับความรักแบบนี้

ความแค้นไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาอย่างที่เธอเคยบอกเขาไว้จริง ๆ แล้วที่เหนือไปกว่านั้นมันยังมาสร้างความเจ็บปวดให้เขาเป็นที่สุด เขาจินตนาการตัวเองไม่ออกเลย ว่าจะอยู่จะทำหน้ายังไงถ้าวันข้างหน้าจะต้องพบเธอกับพี่ชาย มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ เพราะดูเหมือนเขาจะหมดหนทางที่จะแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เสียงเรียกเข้าที่มือถือดังขึ้น เขายกขึ้นมาดูก็รู้ว่าเป็นนัชนินโทรมา แรกทีเดียวเขาคิดที่จะปิดมือถือทิ้งไป แต่คิด ๆ อีกทีเขาก็เหมือนจะคิดอะไรออก จึงรีบรับสายในที่สุด


“มาแล้วเหรอดำ นี่ใจจริงจะปล่อยให้แม่กับน้องต้องอยู่กันตามลำพังเลยหรือยังไงลูก โทรหาก็ไม่รับสาย ดำไม่ห่วงแม่กับน้องแล้วเหรอ แล้วไหนจะตาดอนอีกที่วัน ๆ เอาแต่ถามหาพ่อ แต่พ่อก็ไม่มาหาลูกเลย”
ลัดดาต่อว่าลูกชายคนเล็ก ที่เพิ่งจะย่างกายเข้าไปในเรือนมะลิเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น เพราะเธอรู้สึกโมโหที่กว่าจะดึงตัวเขาให้กลับมาบ้านได้ก็แทบจะแย่
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแม่”ดนุพรนั่งทรุดตัวลงที่ชุดรับแขก โดยมีเด่นณรงค์นั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง

“ต้องให้มีเรื่องก่อนเหรอ ดำถึงจะมาหาแม่ได้”
ลัดดาบ่นและมองไปหาลูกชายคนโตคล้าย ๆ จะขอความเห็นใจ แต่เด่นณรงค์ก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสบายใจไม่แพ้ผู้เป็นน้องเลย เพราะตั้งแต่วันนั้นมา เขาก็ไม่สามารถติดต่อน้องชายได้ กะว่าจะรอไปคุยด้วยที่ออฟฟิศ ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะเข้าไปเลย ทำให้เขารู้สึกแย่มาก ๆ ที่เรื่องต่าง ๆ กลับกลายมาเป็นแบบนี้ได้
“คุณแม่มีอะไรครับ ผมจะอยู่ที่นี่ไม่นาน เพราะจะต้องไปธุระต่อครับ”เขาบอกมารดาแค่นั้น

“แม่จะถามดำเรื่องแม่เพลง พี่เรามาเล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว แต่แม่ก็อยากจะฟังจากปากของดำด้วย แต่ติดต่อเราไม่ได้เลยทั้งอาทิตย์ มีอะไรทำไมไม่หันหน้ามาปรึกษากัน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย การหนีหน้ามันจะช่วยแก้ไขอะไรได้เหรอลูก”
ลัดดาพยายามจะพูดหว่านล้อมเขาให้มากที่สุด
“ไม่มีอะไรนี่ครับคุณแม่ พี่เด่นบอกคุณแม่ยังไงมันก็เป็นอย่างนั้นล่ะครับ ไม่ต้องมาหาทางแก้ไขอะไร ผมยังไงก็ได้ ใครจะรักใครจะแต่งงานกับใครผมก็ไปขัดขวางไม่ได้หรอกครับ”
เขาบอกมารดาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจยิ่งนัก และหน้าพี่ชายเขาเองก็แทบไม่อยากจะมอง

“ดำพี่ยังไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้คุยกับดำและปรับความเข้าใจกันก่อน เพราะคราวนี้จะไม่เหมือนคราวที่แล้วนะ คราวนี้พี่เอาจริง”เด่นณรงค์รู้ว่าน้องชายพูดประชดตัวเอง แต่ก็ทำใจเย็นและคุยกับเขาด้วยเหตุผล
“ไม่เห็นต้องปรับอะไรนี่พี่เด่น เรามันลูกผู้ชายอกสามศอกคุยกันสามสี่คำก็รู้เรื่อง ในเมื่อผู้หญิงเขาไม่รักผมและไม่ต้องการผม แค่นี้ผมก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้แล้ว”เขาบอกแค่นั้น
“แล้วดำจะทำยังไงต่อไป ดำจะรู้สึกยังไง และจะยอมรับมั้ย ถ้าพี่เขาจะให้แม่ไปขอแม่เพลง”ลัดดาถามเขา

“ผมยังไงก็ได้ครับ คุณแม่ก็อย่าลืมหาเวลาว่าง ๆ ไปขอคุณแนนให้ผมด้วยก็แล้วกัน และถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะแต่งงานวันเดียวกับพี่เด่น หรือถ้าไม่ได้ก็ให้ใกล้กันที่สุด ผมขอแม่แค่นี้ล่ะครับ ที่เหลือใครจะยังไงกับใคร ผมไม่สนใจ และไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ห้วนผิดปกติมาก
“ดำพี่จะแต่งงานกับคุณเพลงได้ ก็ต่อเมื่อรู้ว่าดำไม่โกรธเราสองคน ที่เรื่องมันกลับกลายมาเป็นแบบนี้ พี่เองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าคุณเพลงจะ....เอ่อ...”

“ว่าเขาจะรักพี่เด่นเหมือนที่พี่เด่นรักเขาและรักมานานแล้วใช่หรือเปล่า”เขาต่อให้พี่ชาย
“ดำ...”เด่นณรงค์พูดได้แค่นั้น

“ก็ไม่เป็นไรนี่พี่เด่น ผมเองต่างหากที่เป็นฝ่ายไปแย่งคนรักพี่เด่นมา เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกัน ถ้าผมรู้ว่าพี่กับเขารักกัน ผมไม่มีวันที่จะทำเรื่องแบบนี้หรอก เรื่องที่แล้ว ๆ มาก็ให้มันแล้วไป ส่วนเรื่องอนาคตผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปขัดขวางอะไรพี่หรอก พี่จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องมาห่วงผม พี่ก็เลือกคนของพี่ไป ส่วนผมก็จะเลือกคนของผม ก็อย่างที่บอกว่าเราต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ผมมันง่าย ๆ ยังไงก็ได้อยู่แล้ว”เขาบอกพี่ชายด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด

“ดำแน่ใจในสิ่งที่บอกพี่เขาไปเหรอลูก แม่ไม่อยากจะเห็นลูกสองคนต้องมีปัญหากัน เพราะผู้หญิงคนเดียวนะ”
ลัดดาบอกทั้งสองเพราะเห็นพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปกตินัก

“ผมไม่เป็นอะไรครับคุณแม่ ในเมื่อเรื่องมันออกมาแบบนี้ผมก็จนปัญญาที่จะแก้ไขอะไรได้ ก็อย่างที่บอกครับ ว่าถ้าผมรู้แต่แรกว่าพวกเขารักกัน ผมก็คงจะไม่ทำแบบนี้ แล้วตอนนี้ในเมื่อเขาเลือกพี่เด่น รักพี่เด่น ผมก็เป็นลูกผู้ชายมากพอ ผมรู้จักแพ้รู้จักชนะเหมือนกัน”
เขาตอบมารดาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะแข็ง ๆ เพราะความรู้สึกเขาในตอนนี้นั้น ไม่ค่อยจะสุขใจนักที่มารดามาคาดคั้นคำตอบจากเขา ประหนึ่งว่าจะเข้าข้างพี่ชายก็ไม่ปาน

“ถ้าดำคิดได้ยังงั้นแม่ก็สบายใจ และถ้าเกิดแม่จะทำอะไรลงไป ก็จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง”
ลัดดาบอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ไอ้อะไร ๆ ของแม่มันคืออะไรครับ”เขาอดที่จะอยากรู้ไม่ได้
“ก็ในเมื่อสองคนเขารักกัน แม่ก็จะไปจัดการตามประเพณีไงลูก ถึงแม้ว่าอะไร ๆ มันจะดูผิดที่ผิดทางไปบ้าง ก็ปล่อยมันไปเถอะ จะไปมัวถือหน้าถือหลัง คนที่เขารักกันก็คงจะไม่สมหวังกันพอดี แม่ตัดสินใจแล้ว ว่าจะไม่คิดถึงอดีตอีกต่อไปแล้ว”
ลัดดาสรุปให้เขาฟัง

“แล้วแต่แม่ครับ ถ้าจัดการธุระพี่เด่นเสร็จแล้วก็อย่าลืมเรื่องของผมก็แล้วกัน ผมต้องการหมั้นและแต่งงานเร็วที่สุด”
เขาบอกและลุกหนีมารดากับพี่ชายทันที จนทำให้ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้ต่างกันนัก

“ผมจะทำยังไงดีครับคุณแม่”เด่นณรงค์ถามมารดาด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกนะลูก เอาไว้ให้เวลาเป็นเครื่องสมานแผลในอดีตก็แล้วกันนะ แม่คงจะทำได้ดีที่สุดแค่นี้ล่ะลูก เด่นเองก็ทำเพื่อน้องมามากพอแล้ว คราวนี้ก็ทำเพื่อตัวเองก็แล้วกันนะลูก ถ้าลูกกับแม่เพลงรักกัน และตั้งใจจะอยู่ครองคู่กัน แม่ก็มองไม่เห็นทางที่จะแยกลูกออกจากคนรักได้หรอก จะทำยังไงได้ล่ะ ก็เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว แม่ว่าเด่นไม่ต้องกังวลหรอกลูก ทำในสิ่งที่ใจเราต้องการก็พอแล้ว”ลัดดาปลอบใจเขา เพราะรู้ดีว่าลูกชายกำลังคิดหนักเรื่องนี้

“ดำคงจะโกรธผมมาก ที่จู่ ๆ ไปแย่ง....เอ่อ...คุณเพลงมาจากเขา”เขาอดที่จะห่วงไม่ได้
“แต่ลูกกับแม่เพลงรักกัน และต้องการแบบนี้ ต่อให้ดำรักแม่เพลงหรือว่าเป็นอะไรกับแม่เพลงมา มันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกลูก ทำใจให้สบายดีกว่า แล้วแม่จะจัดการให้”ลัดดาบอกเขา
“ครับคุณแม่”
เด่นณรงค์รับคำแค่นั้น เพราะไม่อยากให้มารดาไม่สบายใจ แต่ในใจเขาในเวลารู้สึกกังวลในเรื่องวันข้างหน้า ที่จะเริ่มชีวิตใหม่กับคนที่ตัวเองรักไม่น้อย


ลมพัดเอื่อย ๆ ในเวลาบ่ายคล้อยที่บ้านสวน กำพลที่นั่งไกวเปลหลานชายชะเง้อหน้ามองรถลูกสาวที่ขับเข้ามาจอดในบริเวณบ้านด้วยความรู้สึกที่หลากหลายในเวลานี้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามไถ่อะไร เพราะคิดว่าลูกสาวคงจะบอกเขาเมื่อถึงเวลา เขามองเธอที่ลงมาจากรถพร้อม ๆ กับหิ้วข้าวของเครื่องใช้ลงมาด้วย ระพีพรรณมองไปที่รถของเด่นณรงค์ที่จอดอยู่ก่อนแล้ว แต่เธอก็ไม่เห็นเจ้าของรถ

“อยู่ในสวนโน่นแหนะลูก”กำพลไม่รอให้ลูกถาม รีบบอกทันทีที่เธอวางข้าวของไว้ที่แคร่หน้าบ้าน
“เหรอคะ”เธอรับคำแค่นั้น และเลือกที่จะไม่สบตาผู้เป็นพ่อ ด้วยรู้ว่าพ่อต้องการอยากจะรู้อะไร แต่เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกใครในตอนนี้
“บอกว่าจะรอคุยอะไรกับเพลงหน่อย ไปหาพ่อเด่นก่อนก็ได้ลูก ค่อยมาทำกับข้าว วันนี้เพลงกลับเร็วนี่”เขาบอก
“ค่ะพ่อ”เธอรับคำแค่นั้นแล้วก็เดินเข้าสวนไป
“พี่เด่นมานานหรือยังคะ”เธอถามทันทีที่เห็นเขานั่งอยู่ที่ม้านั่งไม้เก่า ๆ ในสวน

“สักพักแล้วครับ”
เขาตอบแค่นั้นพร้อม ๆ กับยิ้มจาง ๆ ให้เธอ จนทำให้ระพีพรรณอดสงสัยไม่ได้ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นเขาทำหน้าแบบนี้
“พี่เด่นเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าไม่ค่อยจะดีเลย”เธอถามเขาด้วยความห่วง แล้วก็นั่งลงใกล้ ๆ กับเขา
“พี่กำลังห่วงเกี่ยวกับ....เอ่อ...เรื่องของเรา”เขาบอกเธอในที่สุด
“เรื่องอะไรคะพี่เด่น”เธอถาม

“คุณเพลงก็รู้ว่าดำโกรธเราสองคน และก็คงไม่อยากให้เราแต่งงานกัน เรื่องนี้พี่ก็เข้าใจน้องดี แต่ถ้าเกิดเขาไม่พอใจเราสองคน การที่พี่จะมาแต่งงานกับคุณเพลงได้ พี่ก็ต้องพึ่งใบบุญน้องอยู่วันยังค่ำ เพราะสำหรับพี่ในเวลานี้ ถ้าจะพูดให้ถูก ๆ ก็ถือได้ว่ามีแต่ตัวเท่านั้น จะไปหยิบจับอะไร ๆ มันก็เป็นของ ๆ น้องแทบทั้งหมด แล้วอย่างนี้จะให้พี่สบายใจได้ยังไงครับคุณเพลง”
เขาบอกเหตุผลให้เธอรู้ และมันยิ่งทำให้เธอสงสารเขาขึ้นมาอย่างจับใจที่สุด ใช่สิก็เขาเสียเวลาอยู่ในคุกมาแทบจะครึ่งค่อนชีวิต แล้วเขาจะเอาเวลาไหนมาสร้างเนื้อสร้างตัวได้ และเธอก็เหมือนได้คิดในสิ่งที่เขาบอกออกไปเหมือนกัน

“พี่เด่นคะ ถึงพี่เด่นจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่สำหรับเพลงนะคะ เพลงกลับมองเห็นความเสียสละของพี่เด่นที่ทำให้กับน้อง ๆ มีค่ามหาศาลมากยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใด ๆ อีกค่ะ เพลงขอบอกพี่เด่นไว้ตรงนี้ ว่าเพลงไม่เคยสนใจว่าพี่เด่นจะมีอะไรหรือไม่มีอะไร แค่ความรักที่พี่เด่นมีให้เพลงมาโดยตลอด แค่นี้เพลงก็พอใจแล้วค่ะ”เธอปลอบใจเขา และบอกในสิ่งที่เธอคิด

“คุณเพลงครับ ลำพังแค่ความรักบางครั้งมันก็กินแทนข้าวปลาอาหารไม่ได้นะครับ ในเมื่อพี่จะแต่งงานกับคุณเพลง พี่ก็ต้องแน่ใจว่าพี่จะสามารถรับผิดชอบชีวิตของคุณเพลงกับทุก ๆ คนให้ดีได้ด้วย แต่ตอนนี้พี่บอกตรง ๆ ว่าพี่ไม่สบายใจเอามาก ๆ ที่ตัวเองไม่สามารถทำแบบนั้นได้

ดูพี่ตอนนี้สิครับ รถที่ขับอยู่น้องก็เป็นคนซื้อให้ งานที่ทำอยู่ก็ที่บริษัทของน้อง เรื่องบ้านช่องยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าย้ายออกมาจากบ้านแล้ว ก็แทบจะหาที่ซุกหัวนอนไม่มีด้วยซ้ำ ส่วนเงินเก็บก็มีไม่เท่าไหร่ จะซื้อแหวนมาหมั้นคุณเพลงได้ราคาแพงสักแค่ไหนพี่ก็ไม่แน่ใจนัก พี่กลัวคุณเพลงจะอายเพื่อน ๆ อายญาติพี่น้อง ที่ได้คนที่เคยผ่านคุกผ่านตารางอย่างพี่มาเป็นผู้นำ

เพราะชีวิตในคุกไม่ได้ให้อะไรพี่มากมายเลย นอกจากที่จะให้เวลาพี่ได้ฝึกเขียนเท่านั้น แต่ก็เขียนหนังสือไว้ไม่กี่เล่ม ไปเสนอโรงพิมพ์ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสนใจมั้ย ถึงได้ตีพิมพ์ก็คงจะได้เงินไม่เท่าไหร่ ก็คงไม่วายจะเข้าตำรา นักประพันธ์ไส้แห้ง แล้วคุณเพลงยังอยากจะเลือกพี่ไว้เป็นผู้นำอีกเหรอครับ”เขาบอกเธอออกไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดยิ่งนักเมื่อคิดถึงจุดนี้

“พี่เด่นคะ อย่าเป็นกังวลไปเลยค่ะ เพลงไม่มีเพื่อนฝูงมากมายมาให้อับอายนักหรอกค่ะ ส่วนญาติพี่น้องยิ่งแล้วไปใหญ่ เพราะแทบจะไม่มีเลย จะมีก็แค่อาผู้ชายเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว และถ้าเพลงจะรังเกียจคนที่เคยผ่านคุกผ่านตารางมา ก็เท่ากับว่าเพลงจะต้องรังเกียจพี่ชายตัวเองด้วยสิคะ

ส่วนเรื่องบ้าน เพลงเคยบอกพี่เด่นแล้วค่ะ ว่าถ้าพี่เด่นไม่รังเกียจบ้านสวนของเพลง และไม่รังเกียจที่จะอยู่ร่วมกับพวกเรา บ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับพี่เด่นเสมอค่ะ รวมทั้งทุก ๆ คนในบ้านด้วย พี่เด่นอย่าคิดมากเลยนะคะ คนบางคนเขาเก็บขยะขาย แล้วใช้ใต้สะพานเป็นบ้าน เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้และอาจจะมีความสุขมากกว่าคนร่ำรวยหลาย ๆ คนอีก แต่เรามีมากกว่าคนพวกนั้นตั้งเยอะ พี่เด่นเองก็เรียนจบตั้งสูง หางานทำที่ใหม่ก็คงจะไม่ลำบากหรอกค่ะ

ส่วนเพลงก็ทำงานได้เงินเดือนและเงินปันผลไม่น้อย เพลงเชื่อว่าเราจะต้องประคองชีวิตคู่ของเราให้อยู่รอดได้ค่ะ พี่เด่นอย่าห่วงเลยนะคะ ชีวิตของพี่เด่นต้องเจ็บช้ำมามากพอแล้ว อย่ามาคิดกังวลเรื่องของเพลงเลยนะคะ เพลงอยากให้พี่เด่นมีความสุขค่ะ จะให้เพลงทำยังไงเพลงก็ทำได้”
เธอบอกออกไปพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความสงสารเขายิ่งนัก และในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกสงสารหัวใจตัวเองไม่น้อย ที่ตัดสินใจทิ้งคนที่เธอรัก และได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกตัวเอง

“คุณเพลงอย่าร้องให้เลยนะครับ พี่ไม่สบายใจ ดูสิแค่เราคิดที่จะแต่งงานกัน พี่ก็ทำให้คุณเพลงร้องไห้ซะแล้ว แล้วถ้าต่อไปคุณเพลงจะต้องพบกับความลำบาก เพราะพี่ไม่สามารถดูแลคุณเพลงให้อยู่สุขสบายได้ คุณเพลงไม่ต้องร้องไห้มากกว่านี้เหรอ”เขาบอกเธอด้วยความไม่สบายใจ พร้อม ๆ กับเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้

“เพลงไม่กลัวความลำบากหรอกค่ะ เพราะสี่ห้าปีที่ผ่านมา เพลงก็เคยลำบากมาแล้ว มันสอนเพลงได้ดีค่ะ ว่าชีวิตเราไม่มีอะไรที่แน่นอน วันข้างหน้าจะยากดีมีจนยังไงเพลงไม่สนใจค่ะ ขอเพียงให้พี่เด่นรักษาความดีในตัวพี่เด่นให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป แค่นี้ก็ทำให้เพลงมีความสุขได้แล้วค่ะ”เธอบอกเขาทั้งน้ำตา

“ขอบคุณ คุณเพลงมาก ๆ ครับที่ให้กำลังใจพี่....จริงสิครับ วันนี้พี่ไปซื้อนี่มา แต่พี่ไม่รู้ว่ามันจะถูกใจคุณเพลงหรือเปล่า พี่ก็ลอง ๆ เดาดูว่า ถ้าพี่ใช้เงินที่เป็นเงินของพี่เอง คุณเพลงคงจะพอใจมากกว่า แต่คุณเพลงอย่าหาราคาของมันนะเลยครับ เพราะมันน้อยมาก ๆ”
เขาบอกและละมือจากมือของเธอ พร้อม ๆ กับล้วงกระเป๋าเอาแหวนทองคำขาวสองวงที่บรรจุอยู่ในกล่องออกมาให้เธอดู

“ต่อให้มันเป็นพียงแหวนพลาสติก ถ้าพี่เด่นตั้งใจซื้อให้เพลง มันก็มีค่ามากสำหรับเพลงแล้วค่ะ”เธอบอกเขา
“โธ่...คุณเพลงของพี่ คุณเพลงรู้หรือเปล่าครับว่าพี่ดีใจแค่ไหนที่รู้ว่าคุณเพลงเองก็รักพี่ พี่คิดว่าพี่จะต้องเสียคุณเพลงไปแล้วในชาตินี้ มันเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อคิดว่าจะต้องเสียคุณเพลงไป พี่รักคุณเพลงครับ จะขอรักและอยู่ดูแลคุณเพลงตราบเท่าที่พี่ยังมีลมหายใจอยู่”

เขาบอกเธอพร้อม ๆ กับรั้งร่างของเธอมากอดเอาไว้ แล้วน้ำตาแห่งความปลื้มใจของเขามันก็ไหลออกมา เมื่อเขาได้รับรู้ว่าเธอไม่สนใจว่าเขาจะเป็นยังไง และมีอะไร นับว่าเขาดูคนไม่ผิดและเลือกรักคนไม่ผิดเลย แต่ทำไมนะ ทำไมเขาจะต้องพาเธอมาลำบากด้วย เพียงแค่คิดเขาก็สงสารเธอแล้ว แต่เขาก็สัญญากับตัวเองว่า ไม่ว่าเขาจะลำบากมากแค่ไหน ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขได้เขาก็จะทำ

“เพลงก็รักพี่เด่นค่ะ”

เธอบอกและโอบกอดเขาเช่นกัน พร้อม ๆ กับน้ำตามันก็ไหลรินออกมา โดยที่เธอไม่สามารถหักห้ามมันได้อีกแล้ว เพราะสงสารเขาเหลือเกิน แล้วเธอก็อดคิดไปถึงคนที่กุมหัวใจเธอเอาไว้แทบทุกสี่ห้องไม่ได้ เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าเธอเองก็เสียใจและเจ็บปวดไม่น้อย ที่ต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ละครที่เธอแสดงให้เขาเห็นมันคงจะทำให้เขาเชื่อว่าเธอไม่ได้รักเขา แล้วเขาก็คงจะวิ่งหาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่เธอในเร็ววัน

แล้วภาพของลูกชายก็ปรากฏขึ้นมาในความคิดของเธออีก ดูเอาเถอะ มันช่างเป็นกงกรรมกงเกวียนเหลือเกิน เขาต้องรับหลานมาไว้เป็นลูก เพราะการกระทำของพี่ชายเธอเอง ส่วนพี่ชายเขาก็ต้องมารับหลานมาเป็นลูก เพราะการกระทำของน้องชายตัวเอง นี่ถ้าเธอกลายเป็นคนที่ไร้ซึ่งสติอย่างดรุณี มันก็คงจะดีไม่น้อย เพราะเธอจะได้ไม่ต้องพบกับความเจ็บปวดอีกต่อไป

“ถ้าคุณเพลงไม่รังเกียจพี่ พี่ก็จะให้คุณแม่มาสู่ขอคุณเพลง กับคุณท่านนะครับ แล้วจะให้พี่มาเมื่อไหร่ แล้วคุณเพลงจะให้พี่ไปบอกคุณท่านยังไง ป่านนี้ท่านก็คงจะอยากรู้ และก็ไม่รู้ว่าท่านจะว่ายังไงด้วย ที่เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้”
เขาละวงแขนออกจากร่างเธอ แล้วก็กุมมือเธอเอาไว้

“เมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ เพลงไม่อยากให้มีงานอะไรใหญ่โตนะคะ อยากจะให้ทำแบบเงียบ ๆ ค่ะ จะเช้าหมั้นเย็นแต่ง หรือจะแค่หมั้นเช้าแต่งเช้าก็ได้ เชิญแค่คนที่เราสนิทเท่านั้นก็พอ หรือพี่เด่นจะจดทะเบียนสมรสกับเพลงแค่นั้น เพลงก็ไม่ว่าอะไรค่ะ ส่วนเรื่องคุณพ่อ เพลงจะเป็นคนบอกท่านเอง แล้วเพลงก็เชื่อว่าคุณพ่อจะไม่ว่าอะไรค่ะ เพราะท่านจะทำทุกอย่างให้ลูกของท่านมีความสุข”เธอให้ความมั่นใจกับเขา
“งั้นเราออกบ้านกันเถอะนะ พี่จะรีบไปบอกคุณแม่ด้วย”เขาบอกและจับมือเธอ

“ได้ค่ะ”
เธอรับคำแค่นั้น และก็ปล่อยให้เขายึดครองมือและจูงเธอเดินออกจากสวนไป กำพลที่เฝ้ามองแต่ทางออกสวน เห็นทั้งสองเดินออกมาก็ให้แปลกใจไม่น้อย ที่เห็นลูกสาวจูงมือมากับเด่นณรงค์
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณท่าน”เด่นณรงค์ไหว้เขาเมื่อมาถึงใกล้ ๆ
“อ้าว....คิดว่าพี่เด่นจะอยู่กินข้าวกับพวกเราอีก”กำพลถาม
“วันนี้คงไม่ครับ แต่เอาไว้วันหลังแล้วผมจะมารบกวนครับคุณท่าน ผมไปก่อนนะครับ พี่ไปก่อนนะคุณเพลง แล้วพี่จะโทรมาหาครับ”เขาบอกกำพลให้หันไปบอกเธอ

“เพลงมีอะไรจะบอกพ่อหรือเปล่าลูก”กำพลตัดสินใจถามในที่สุด
“พี่ก็อยากรู้ด้วยนะยายเพลง”ระพีพงศ์ที่เดินลงมาจากด้านบนสมทบด้วย
“คุณพ่อกับพี่พีจะเห็นด้วยกับเพลงหรือเปล่าคะ ถ้าเพลงจะแต่งงานกับพี่เด่นค่ะ”
เธอตอบตรง ๆ แค่นั้น แต่มันก็ทำให้ทั้งพ่อและลูกหันหน้ามาหากันด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรกันนัก
“เพลงหมายความว่ายังไงลูก”
“นั่นสิยายเพลง แล้วนายดำว่ายังไง ที่เพลงจะทำแบบนี้”ระพีพงศ์รีบถามด้วยความสงสัยเหมือนผู้พ่อ

“เขาไม่ว่าหรอกค่ะ เพราะเพลงตัดสินใจเลือกคนที่เพลงรัก และรักเพลงค่ะ”เธอบอก
“เพลงกับพ่อเด่นรักกันเหรอลูก”กำพลถามด้วยความสงสัย
“ค่ะคุณพ่อ เรารักกัน รักมานานแล้ว เราตกลงว่าจะแต่งงานกัน แล้วพี่เด่นก็จะย้ายมาอยู่บ้านสวนกับเราค่ะ คุณพ่อจะว่ายังไงบ้างคะ พี่พีด้วย”เธอบอกออกไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
“แล้วมันจะเป็นยังไงล่ะยายเพลง พี่ชายจะมาแต่งงานกับน้องสะใภ้ตัวเอง แล้วยังจะต้องมาเป็นพ่อของหลานอีก มันดูยังไง ๆ อยู่นะยายเพลง”ระพีพงศ์บอกออกมาตามความรู้สึก

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ในเมื่อเพลงรักใคร เพลงก็เลือกคนนั้นดีแล้วล่ะลูก พ่อไม่ว่าอะไรเลย ดีอีกที่เพลงเลือกพ่อเด่น เพราะเขาเป็นคนดี ขยันทำงาน แล้วก็ใจเย็นเป็นน้ำ พ่อรู้จักพ่อเด่นดี”
กำพลรีบบอก ถึงแม้เขาจะเห็นด้วยกับคำถามของลูกชาย แต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวไม่สบายใจนัก
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ แล้วพี่พีล่ะคะ จะรังเกียจพี่เด่นหรือเปล่าคะ ถ้าเขาจะมาอยู่บ้านเรา”เธอถามพี่ชาย

“ไอ้รังเกียจหน่ะ พี่ไม่รังเกียจหรอกยายเพลง แต่เพลงแน่ใจแล้วเหรอว่าจะทำแบบนี้ คิดให้ดี ๆ ก่อนนะ”
เขาเตือนน้องด้วยความห่วง เพราะคิดว่าน้องไม่น่าจะรักเด่นณรงค์ในฐานะคนรักได้
“เพลงคิดดีแล้วค่ะ ถ้าพี่พีกับคุณพ่อไม่มีปัญหาอะไร พี่เด่นก็จะให้คุณท่านมาขอเพลง แล้วเราก็จะแต่งงานกันให้เร็วที่สุดค่ะ”เธอบอก

“ทำไมต้องเร็วด้วยล่ะลูก”กำพลอดสงสัยไม่ได้
“ก็เราสองคนเสียเวลามามากพอแล้วค่ะ งั้นเพลงไปทำกับข้าวนะคะ”
เธอบอกแค่นั้นแล้วก็ลุกเดินเข้าครัวไป ทิ้งให้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความสงสัย







Create Date : 14 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2551 12:08:41 น. 2 comments
Counter : 1466 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ เพิ่งอ่าน 43 ไปเมื่อกี้เอง ลงอีกนะค่ะ


โดย: aoi IP: 203.144.220.241 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:55:44 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณ aoi ที่ติดตาม

จะพยายามเจียดเวลาและอารมณ์มาลงให้อ่านจนจบค่ะ

ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่มีให้นะคะ


โดย: ธัญญะ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:59:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.