Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
9 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
รอยอาญา ๔๐ (ธัญรัตน์)




ผลไม้และผักในสวนดูจะผลิดอกออกผลอย่างดีในความคิดของระพีพรรณ ที่ตั้งแต่กลับจากทำงานช่วงบ่าย ๆ นั้น ก็เข้าสวนมาช่วยโป่งเก็บผลไม้และผัก ซึ่งก็เป็นรายได้ที่ดีไม่น้อยสำหรับโป่ง แต่โป่งก็จะเอาเงินให้เธอทุกครั้งที่เขาไปขายที่ตลาด เธอก็ต้องคอยปฏิเสธไม่รับอยู่ตลอด เธออยากจะให้โป่งเก็บเอาไว้ใช้ส่วนตัวมากกว่า เพราะเธอคิดว่าตัวเองให้เงินเดือนโป่งได้ไม่มาก แรก ๆ โป่งก็ไม่เต็มใจจะรับเงินเดือนจากเธอสักเท่าไหร่ แต่ทั้งเธอและกำพลก็บังคับเพราะจะได้เอาไปใช้ส่วนตัวบ้าง

“ไม่เห็นคุณดำมาบ้านสองวันแล้วนะครับคุณเพลง”
โป่งถามขึ้นในที่สุด ซึ่งปกติเขาจะพูดน้อยแต่ด้วยความสงสัยจึงอ้าปากถามเจ้านายสาว ทำให้เธอถึงกับชะงักที่จู่ ๆ ก็ถามถึงเขาขึ้นมาแต่ก็นั่นสินะ
“เขาหายไปไหน สองสามวันแล้ว”

นั่นคือคำถามที่อยู่ในใจเธอเรื่อยมา และมันก็ทำให้เธอทั้งรู้สึกโล่งใจและกังวลใจในเวลาเดียวกัน เพราะตลอดเวลาที่เขาตามมาหาเธอและลูก และใช้เวลาอยู่ร่วมกับบิดานั้น มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้ไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่แสดงออกให้เขาและหลาย ๆ คนได้เห็นก็ตาม แต่ในส่วนลึกแล้ว เธอรู้สึกดีที่ทั้งพ่อและเขาได้ปรับความเข้าใจกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมและ พูดคุยหัวเราะกันได้อย่างคนปกติ แต่เธอก็เข้าใจความรู้สึกของทั้งเขาและพ่อดี

และสำหรับเรื่องที่เธอกังวลใจก็คือ ทำไมจู่ ๆ เขาหายไปไม่บอกกล่าวใครเลย หรือว่าเขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว นั่นก็คือการให้อภัยจากพ่อ และได้กีดกันเธอและพี่ชายได้สำเร็จแล้ว
“ใช่สิ ก็เขามันจอมวางแผนนี่ และนี่ก็คงจะเป็นแผนการที่เขาวางเอาไว้อย่างแนบเนียนเลยทีเดียว”

คิดได้แค่นั้น ความดีใจมันก็ค่อย ๆ มลายหายไปจนหมดสิ้น เธอรู้สึกโกรธตัวเองอีกครั้งที่เจ็บแล้วไม่จำ เธอน่าจะลุกขึ้นมาช่วยพี่ชายคอยขัดขวางเขา ไม่ให้เข้าใกล้พ่อและลูกของเธอให้มากกว่านี้ เพราะความใจอ่อนและไม่อยากจะผูกใจเจ็บซึ่งกันและกันแท้ ๆ แต่หญิงสาวก็ดีใจ ที่เขาได้บอกให้เธอรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่านี่เป็นเพียงแผนการของเขา เธอจะได้ไม่ต้องปล่อยใจให้ถลำลึกไปมากกว่านี้

“เพลงเอาผักไปทำกับข้าวก่อนนะคะลุงโป่ง เดี๋ยวพี่พีคงจะมาช่วยลุงโป่งขนผลไม้ออกไปค่ะ ป่านนี้คงจะใกล้กลับแล้วล่ะค่ะ” เธอบอกโป่ง แล้วก็เดินไปหยิบเอาผักบุ้งและผักตำลึงในเข่ง ก่อนจะเดินออกมาจากสวน ทิ้งให้โป่งมองตามหลังเจ้านายสาวด้วยความกังวล


“เพลงตกลงลูกอยู่บ้านได้นะลูก”
กำพลถามหลังจากที่หลายวันก่อนหน้านี้ เขาได้บอกเอาไว้ว่าจะตามเปลวกับเพื่อนบ้านอีกหลายคน ไปทำบุญทอดกฐินทางเหนือ และก็จะเอาโป่งไปเป็นเพื่อนด้วย เพราะจะได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้าง ซึ่งเธอก็อนุญาตถึงแม้ว่าจะกังวลอยู่บ้างว่าดนุพรอาจจะมาตอนที่พ่อและโป่งไม่อยู่ แต่เธอก็คิดว่าเขาคงจะไม่มาอีกแล้ว
“ได้ค่ะคุณพ่อ ก็ตอนเย็นพี่จิตกับลูกก็จะมานอนเป็นเพื่อนเพลงนี่คะ ไม่ต้องห่วงเพลงค่ะ คุณพ่อกับลุงโป่งเที่ยวให้สนุกนะคะ ทำงานหนักมานานแล้ว”เธอบอก

“แล้วพีล่ะลูกจะไปเมื่อไหร่”
กำพลถาม เพราะระพีพงศ์นั้น จะต้องไปทำไซด์งานที่ปรานบุรีซึ่งระพีพรรณเป็นคนออกแบบเอาไว้แล้ว และก็คงจะไปหลายวันกว่าจะเสร็จ
“พรุ่งนี้เช้ามืดครับพ่อ แต่ความจริงผมยังไม่อยากให้คุณพ่อกับลุงโป่งไปตอนผมไม่อยู่เลย ห่วงยายเพลงกับหลาน”
ระพีพงศ์บอกออกไป
“เจ้าพี...น้องบอกว่าอยู่ได้ก็อยู่ได้สิ พ่ออยากจะพาเจ้าโป่งไปเที่ยวบ้าง นี่หายป่วยมาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำบุญเลย”
กำพลทำตาดุใส่ลูกชาย

“เพลงอยู่ได้ค่ะพี่พี เพลงจะเอางานมาทำที่บ้านตอนที่คุณพ่อไม่อยู่ค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินทาง ช่วงกลางวันก็ให้พี่จิตมาอยู่ด้วย คิดว่าไม่มีอะไรหรอกค่ะ ว่าแต่พี่พีเถอะ ทำงานให้ออกมาดี ๆ ตามที่เพลงออกแบบไว้ก็แล้วกันนะคะ ห้ามนอกเหนือแบบล่ะ ขี้เกียจตามไปแก้งานอีก เสร็จแล้วเพลงจะได้ไปตรวจ”เธอบอกพี่ชายและยิ้มให้ด้วยความรัก

“จ้าแม่คุณแม่คนเก่ง เอ่อ...แล้วนี่พ่อพระเอกของเราหายไปไหนล่ะ ไม่เห็นมาเพ่นพ่านแถวนี้เลย หรือว่าหมดแม็กแล้ว”
ระพีพงศ์ถามน้องสาว แล้วก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากเธอ นอกจากเลี่ยงเดินไปตักอาหารเข้าปากลูกชายตัวน้อย ที่วิ่งอยู่รอบ ๆ โต๊ะอาหาร
“เจ้าพี...เขาไปต่างประเทศ กว่าจะกลับก็อีกเป็นอาทิตย์ อะไรกันเรานี่ แขวะเขาอยู่ได้”กำพลกำหราบลูกชายเอาไว้

“แหม...มีคุณพ่อคอยแก้ต่างให้ด้วยแฮะ เฮ้อ....ทำใจหน่อยนะยายเพลง นายนี่เข้าใจหาพวกจริง ๆ เลย”
ระพีพงศ์แหย่น้องสาว แล้วก็ยิ้มให้พ่อด้วยใบหน้าที่เจื่อน ๆ เมื่อเห็นพ่อทำตาขึงใส่


เสียงรถที่แล่นมาจอดอยู่หน้าบ้านทำให้ระพีพรรณต้องละสายตาจากงาน และอุ้มลูกที่เล่นอยู่ที่เตียงนอนออกมาดู แล้วเธอก็แปลกใจเป็นที่สุดเมื่อเห็นคนที่พ่อบอกว่าไปต่างประเทศกว่าจะกลับอีกเป็นอาทิตย์
“คุณพ่อไม่อยู่ค่ะ”เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหินเป็นที่สุดเมื่อเห็นเขาเดินตรงเข้ามาในบ้าน
“ผมมาหาคุณ”เขาบอกและยิ้มให้เธอ
“ฉันไม่ว่างค่ะ มีงานต้องทำอีกมาก ขอตัวนะคะ ไม่สะดวกที่จะรับแขก”เธอบอกและเดินหนีเขาไป

“เพลง....ผมขอร้องเถอะนะ ผมไม่กวนคุณก็ได้ ผมขอนั่งรอคุณจนกว่าคุณจะว่างก็ได้ นะ....เห็นมั้ย ลูกอยากจะมาหาผม”
เขารีบวิ่งไปดักหน้าเธอเอาไว้ และส่งสายตาอ้อนวอนเธอ ลูกชายก็ดูเหมือนจะเป็นกองเชียร์ให้เขาได้ดี เพราะหนูน้อยโน้มตัวและก็อ้าแขนออกไปหาพ่อ
“น้องพิงครับ ไปเล่นกับคุณแม่ในห้องนะลูกนะ....โอ๊ะ ๆ ไม่เอานะครับน้องพิง อย่าดื้อนะลูก”
เธอไม่ยอมฟังเขา ส่วนลูกชายก็ไม่ยอมฟังเธอเหมือนกัน เพราะเริ่มงอแงจะไปหาพ่อเอาดื้อ ๆ

“เพลง...ให้ผมดูลูกให้ก็ได้นะ คุณทำงานไปเถอะ งานกำลังเร่งไม่ใช่เหรอ”เขาบอกและอ้อนวอนเธออีก
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกหน่อยพี่จิตก็จะมา ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
เธออดเหน็บเขาไม่ได้ และก็รีบเดินไปกดโทรศัพท์หาสมจิตที่บอกว่าจะมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมาเลย

“อ้าว...เหรอคะ แล้วพี่จิตกินยาหรือยังคะ จะไปหาหมอหรือเปล่าเพลงจะพาไป...งั้นก็พักผ่อนมาก ๆ นะคะ เดี๋ยวทางนี้เพลงจัดการเองค่ะ”
เธอพูดกรอกตามสายไปและก็วางโทรศัพท์ลงพร้อม ๆ กับทำหน้าไม่สู้ดีนัก ที่จู่ ๆ จิตก็มาท้องเสียกระทันหัน ทำให้คนที่ฟังอยู่ใกล้ ๆ แอบอมยิ้มด้วยความดีใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงให้เธอเห็น
“พี่จิตไม่สบายเหรอ”เขาถามเธอ

“คุณรู้ได้ยังไง”เธอถามกลับด้วยความสงสัย
“ก็ผมได้ยินคุณคุยเมื่อกี้ไง...งั้นให้ผมดูลูกให้ก็ได้นะ ส่วนคุณก็ไปทำงาน ผมให้สัญญาว่าผมจะไม่เข้าไปกวนคุณเด็ดขาด”

เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยจะมีทางเลือกสักเท่าไหร่ต้องยอม เพราะต้องรีบทำงานให้เสร็จ ลำพังที่ไม่ได้ไปออฟฟิศก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว หญิงสาวไม่พูดอะไรอีก ได้แต่เดินเข้าห้องและปิดประตูเอาไว้
ระพีพรรณใช้เวลาทำงานอยู่ในห้องจนเกือบบ่ายก็นึกขึ้นได้ว่าต้องป้อนข้าวลูก จึงรีบออกมาดู แต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ที่บ้านแล้ว ได้ยินแต่เสียงถ้วยชามดังก๊อกแก๊ก ๆ อยู่ในครัว จึงเดินไปดู ก็พบว่าเขากำลังจัดถ้วยชามด้วยมือเดียว ส่วนอีกข้างต้องอุ้มลูกเอาไว้

“คุณทำอะไร”เธอถามเขา
“ผมก็กำลังจะหาข้าวให้คุณกับลูกกินไง นี่กับข้าวผมซื้อมาให้แล้ว คุณจะเอาอะไร มีข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ด ต้มจืดมะระ แล้วนี่ของลูกก็ก๋วยเตี๋ยว ไม่ใส่ผงชูรสด้วย พี่จิตบอกผมมา”
เขาบอกและยิ้มให้เธอด้วยแววตาที่หวานฉ่ำ จนอีกฝ่ายมองเขาและก็ทำตาค้อน เพราะหมั่นไส้ที่ทำเป็นรู้ดีไปหมด
“รู้ดี แล้วพี่จิตจะบอกคุณได้ยังไง ในเมื่อไม่สบายอยู่ที่บ้าน”
“ก็ผมขับรถไปหาพี่จิตก่อนที่จะไปซื้อกับข้าวไง คุณจะช่วยผมยกกับข้าวหรือจะอุ้มลูกดีล่ะเพลง”
เขาถามและยิ้ม

“น้องพิงมาหาแม่มาค่ะ”
เธอเลือกที่จะไปอุ้มลูกจากอ้อมแขนของเขา แล้วก็เดินออกมา โดยมีเขาตามมาติด ๆ พร้อม ๆ กับอาหาร
“ให้ผมป้อนลูกให้ก็ได้นะเพลง คุณจะได้กินข้าวแล้วก็ทำงานให้เสร็จ”
เขาบอกเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะตักก๋วยเตี๋ยวเพื่อเอามาเป่าให้ลูก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำได้ คงไม่รบกวนคุณมากขนาดนั้นหรอก”เธออดที่จะประชดเขาไม่ได้

“โธ่....คุณอย่าพูดกับผมอย่างนี้ได้มั้ย ไหนคุณบอกว่าคุณจะไม่ผูกใจเจ็บใครไง”เขาพูดกับเธอเสียงอ่อย ๆ
“ฉันไม่ได้ผูกใจเจ็บคุณ ฉันแค่ไม่อยากจะรบกวนคนอื่นให้มาป้อนข้าวลูกฉันก็เท่านั้น วันนี้คุณไม่ไปทำงานหรือไงคะ ถึงมาอยู่ได้นาน ๆ ขนาดนี้”เธอย้อนเขา
“นี่ไงงานของผม ทำเสร็จหมดแล้ว และการมาดูแลคุณกับลูกก็เป็นงานของผมเหมือนกัน”
เขาบอกพร้อมกับชี้ไปที่กองเอกสารและยิ้มให้เธอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่อยากจะตอบโต้อะไรไปมากกว่านั้น เพราะรู้ดีว่าถึงยังไงก็เถียงเขาไม่ทันอยู่ดี

“ให้ผมป้อนลูกให้ดีกว่านะเพลง จะบ่ายสองแล้วคุณจะได้กินข้าวและก็ไปทำงาน เสร็จแล้วผมจะเอาลูกนอนให้นะ อย่าดื้อเลย คุณควรจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวนะ ผมรู้ว่างานคุณเร่ง คุณโสภาบอกผมมา”
เขาพูดจี้จุดเธอจนได้ เธอจึงยอมปล่อยลูกชายให้เขาเมื่อเขาเดินเข้ามาอุ้มลูกไปนั่งที่ตักเขาแทน

“มานี่มาลูกพ่อ ให้คุณแม่กินข้าวแล้วก็ไปทำงานนะครับ เดี๋ยววันนี้ให้พ่อป้อนข้าวนะลูก”
กับคำพูดของเขาแค่นั้น ก็แทบจะเรียกน้ำตาของผู้เป็นแม่ได้ไม่ยากเลย จนเธอต้องรีบหักห้ามไม่ให้มันไหลออกมาให้เขาได้เห็น เธอพยายามจะบอกตัวเองว่า ที่เขาทำอยู่ทั้งหมดนี้ มันไม่ได้มาจากใจเขาเลย เขาแค่ต้องการทำอะไรบางอย่าง เพื่อขัดขวางเธอกับพี่ชายเท่านั้น พอเธอหลงเชื่อ เขาก็จะทำให้เธอเจ็บปวดอีก

“เพลง คุณจะไปไหน คุณไม่กินข้าวเหรอ”ดนุพรถามเมื่อจู่ ๆ เห็นเธอลุกจากโต๊ะเดินตรงไปยังห้องนอน
“ไม่ฉันยังไม่หิว”

เธอบอกแค่นั้นแล้วก็กลับเข้าไปในห้องและปิดประตูไปทันที ทำให้ดนุพรถึงกับอ่อนใจ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูกหรือเปล่า จึงทำให้เธอต้องลุกหนีแบบนี้ แต่เขาก็หันมาให้ความสนใจกับลูกที่ดูเหมือนจะหิวเอามาก ๆ แทน
ไม่นานคุณพ่อที่เริ่มจะเลี้ยงลูกได้คล่องแคล่วแล้วก็ป้อนข้าวลูกเสร็จ จากนั้นเขาก็จัดแจงกับข้าวเที่ยงตัวเองในเวลาไม่กี่นาที และก็แบ่งอาหารไว้ให้แม่ของลูก เผื่อเธอจะเปลี่ยนใจออกมากินข้าว ลูกเริ่มงอแงจนเขาต้องพาไปนอนที่เปล หนูน้อยเริ่มตาปรือ ๆ ได้สักพักก็หลับปุ๋ยไป

เขาละมือจากเปลลูก และเดินตรงไปยังห้องที่คนที่อยู่ข้างในดูเหมือนจะไม่มีวี่แววว่าจะออกมาอีก มือที่ยกขึ้นเพื่อเคาะประตูชะงักเอาไว้ ด้วยยังไม่อยากจะกวนเธอในเวลานี้ เพราะเขารู้ดีว่า เธอต้องการเวลาสำหรับเรื่องนี้ และมันก็คงจะไม่ต่างไปจากเขา ที่ต้องการเวลาในเรื่องพ่อและพี่ชายของเธอเหมือนกัน

เขากลับมาเปิดแล็บท๊อปเพื่อทำงานที่ค้างเอาไว้ให้เสร็จ จัดการส่งไปที่ออฟฟิศ เพราะเขาบอกกับเมธิตาว่าจะไม่เข้าออฟฟิศอีกหลายวัน ด้วยรู้ดีว่ากำพลพยายามจะหลีกทางให้เขาและลูกสาวได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง เผื่อว่าการมาง้องอนของเขามันจะประสบผลสำเร็จได้เร็วขึ้น ถึงกำพลไม่บอกเขาก็รู้ว่ากำพลให้โอกาสเขา เพราะการไม่อยู่บ้านของกำพลนั้น ได้ถูกส่งข่าวไปหาพิสิทธิ์ และพิสิทธิ์เองก็เป็นคนบอกให้เขาหยุดมาที่บ้านสวนสักสองสามวัน ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เพราะอะไร ก็ได้แต่ทำตาม แล้วเมื่อคืนพิสิทธิ์ก็โทรบอกเขาว่าให้มาที่บ้านสวนได้

เวลาเกือบจะสี่โมงครึ่งแล้วที่ระพีพรรณขังตัวเองอยู่ในห้องมุทำงานที่เร่งให้เสร็จจนลืมหิวข้าวหิวน้ำ หญิงสาวละมือจากแบบที่ทำไว้ เดินมาที่ประตูเพื่อเหงี่ยหูฟังว่าคนที่อยู่ข้างนอกทำอะไร แต่ก็มีแค่ความเงียบ แรกทีเดียวที่เธอตั้งใจว่าจะไม่ออกมาจากห้อง แต่ก็ห่วงว่าลูกว่าจะอยู่ยังไง จึงค่อย ๆ เปิดประตูออกมาดู ก็พบว่าลูกชายยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปล

ส่วนอีกคนนั้นนอนทอดร่างยาวเหยียดอยู่กับโซฟาไม้สักตัวยาวนั่นเอง แฟ้มหลาย ๆ แฟ้มวางอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับแล็บท๊อปที่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ ถ้าให้เธอเดาเขาก็คงจะเหนื่อยไม่น้อยสำหรับวันนี้ เพราะงานดูแลเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หญิงสาวค่อย ๆ เดินไปในครัวและหยิบผลไม้เข้าปากไม่กี่ชิ้นก็กลับออกมาพบว่าเขาตื่นแล้ว

“คุณไม่กินข้าวเหรอเพลง”เขาถามเธอทันที
“ฉันไม่หิวค่ะ”เธอตอบแค่นั้น
“แต่นี่ก็จะห้าโมงแล้ว งั้นคุณอยากจะกินอะไรเย็นนี้ ผมจะไปหามาไว้ให้”เขาทำน้ำเสียงเอื้ออาทรต่อเธอ
“ไม่เป็นไร ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องลำบากคุณหรอกค่ะ”
เธอตอบไปแค่นั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะลูกชายตื่นขึ้นมาพอดี เธอจึงเลี่ยงไปหาลูกชายที่เปลแทน

“น้องพิงตื่นแล้วเหรอลูก มาเร็ววันนี้ทำไมลูกแม่หลับนานจังเลยครับลูก หิวหรือเปล่าครับ”
เธอพูดกับลูกพร้อม ๆ กับอุ้มลูกออกมาจากเปล และก็รู้ทันทีว่าลูกหิว เพราะใช้มือน้อย ๆ ตบไปที่หน้าอกของแม่ เพื่อให้สัญญาณ หญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินไปนั่งที่โซฟาเพื่อให้นมลูก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น
“งั้นผมไปจ่ายตลาดให้ก็แล้วกันนะ”
เขาบอกเพื่อหลีกทางให้เธอและลูก ระพีพรรณรีบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาไปได้ จึงรีบให้นมลูกที่เริ่มหิวเต็มที


“คุณซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
ระพีพรรณถามเมื่อเขากลับมาเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว หลังจากที่เธอเพิ่งจะอาบน้ำให้ลูกชายเสร็จ
“ก็กับข้าวของคุณกับผมไง เผื่อพรุ่งนี้ด้วยในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย ไหนจะของลูกอีก นี่ไง ผมซื้อแกงจืดมาให้ด้วย คุณจะป้อนข้าวตาพิงเลยหรือเปล่า ผมจะจัดให้”เขาถาม
“ไม่ต้องหรอก ตาพิงเพิ่งจะกินนมไป ยังไม่หิวข้าว แล้วคุณจะทำอะไร”
เธอถามเมื่อเห็นเขาจับโน่นจับนี่อยู่ในครัว

“ผมก็จะรีบหาข้าวเย็นไว้ไง คุณยังไม่กินอะไรตั้งแต่เที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ ผมรู้นะว่าคุณหิว”เขาบอกและยิ้ม
“ไม่ต้องเดือดร้อนคุณก็ได้ ฉันจัดการเอง คุณกลับบ้านไปได้แล้ว”เธอไล่เขาทางอ้อม
“เพลงอย่าดื้อเลยนะ คุณก็รู้ว่าคุณยุ่ง ให้ผมช่วยเถอะ ผมคิดว่าการที่ผมมาอยู่บ้านของคุณ คงไม่รบกวนอะไรคุณมากหรอกนะ คุณไปใส่ผ้าให้ลูกเถอะตาพิงหนาวจะแย่แล้ว”
เขาบอกเมื่อลูกที่มีแต่ผ้าเช็ดตัวหุ้มร่างไว้ ทำให้ระพีพรรณเพิ่งจะคิดขึ้นได้ จึงหนีออกมาจากครัวด้วยความไม่ชอบใจนักที่เขาเข้ามาอยู่ในบ้านแทบทั้งวัน

“เพลงคุณมากินข้าวได้แล้ว มีแต่อาหารอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลย”
เขาบอกเมื่ออาหารก็ถูกเขาจัดขึ้นโต๊ะ กลิ่นอาหารทำให้ระพีพรรณรู้สึกหิวขึ้นมาได้ไม่ยากเลย จึงยอมอุ้มลูกมาที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี
“ให้ผมป้อนข้าวลูกให้นะ คุณกินข้าวไปเถอะกำลังร้อน ๆ เลย”เขาบอกพร้อมทั้งตักข้าวใส่จานให้เธอ

“คุณทำแบบนี้ทำไม คุณต้องการอะไร”ระพีพรรณไม่วายที่จะไม่ไว้ใจเขา
“ผมก็แค่อยากจะทำอะไรให้ลูกให้เมียบ้างก็แค่นั้น”เขาบอกและยิ้มให้เธอ
“ใครเป็นลูกเป็นเมียคุณมิทราบ”เธอทำตาดุใส่เขา
“ไม่รู้สิ ผมทำให้ใครท้องคนนั้นก็เป็นเมียผม และลูกที่เกิดกับเธอก็เป็นลูกผมนั่นล่ะ”เขาบอกและยิ้มให้เธอ
“คุณ...”เธอเหนื่อยที่จะเถียงเขา

“ตาพิงมาหาพ่อมาลูก ให้แม่กินข้าวก่อน เดี๋ยวแม่จะอารมณ์เสียใส่พ่อ”
เขาชิงอุ้มลูกมาไว้ที่ตักก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ แต่ก็ผิดคาดเพราะระพีพรรณไม่พูดอะไรต่อไป ได้แต่ตักอาหารเข้าปากด้วยความหิว
ในที่สุดอาหารเย็นที่มีแต่เสียงผู้เป็นพ่อพูดกับลูกชายเสียส่วนใหญ่ก็จบสิ้นลง โดยที่ดนุพรรับอาสาเก็บโต๊ะและจัดการล้างถ้วยชามในครัวให้ระพีพรรณดูลูกอยู่ด้านนอก ไม่นานเขาก็จัดการกับทุกอย่างจนเสร็จและออกมาหาเธอที่แคร่หน้าบ้าน

“คุณกลับบ้านไปได้แล้ว ค่ำมืดแล้วฉันจะเอาลูกเข้านอน และจะได้ทำงานต่อ”
ไม่ทันที่เขาจะได้ทรุดตัวลงนั่งลงที่แคร่ เสียงระพีพรรณก็ไล่เขาเสียแล้ว
“ผมกลับไม่ได้หรอก เพราะผมห่วงคุณ วันนี้ไม่มีใครอยู่กับคุณ ผมจะนอนนี่”
เขาบอกหน้าตาเฉย หลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ เธอ จนอีกฝ่ายต้องรีบขยับหนี
“ใครอนุญาตให้คุณนอนที่นี่ แล้วคุณไม่คิดจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไง”เธอถามเขา
“พ่อคุณอนุญาตให้ผมมานอนเป็นเพื่อนคุณ และรอแป๊บนะ”
เขาบอกหน้าตาเฉยก่อนที่จะเดินไปที่หลังรถแล้วก็กลับมาพร้อมกระเป๋าใบเขื่อง

“นี่ก็เสื้อผ้า ผมเตรียมมาหมดแล้ว ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณได้ทั้งอาทิตย์ หรือจะให้อยู่ด้วยตลอดชีวิตก็ได้”
เขาบอกและวางกระเป๋าลงด้วยความอารมณ์ดี
“คุณพ่อจะอนุญาตได้ยังไงในเมื่อท่านไม่อยู่”เธอถามด้วยความโมโห
“ท่านโทรไปบอกเจ้าสิทธิ์ ว่าจะไม่อยู่บ้านหลายวัน ฝากให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณด้วย”
เขายิ้มให้เธออีกครั้งอย่างคนที่ได้ชัยชนะ
“อยากจะอยู่มากใช่ไหม งั้นก็เชิญตามสบาย”เธอบอกแล้วก็ลุกขึ้นอุ้มลูกเดินเข้าบ้านไป
“แล้วคุณจะไปไหนเพลง”เขาวิ่งมาดักหน้าเธอ

“คุณอยากจะนอนก็นอนไปสิ ฉันก็จะไปนอนบ้าง ตามสบายเลย”
เธอบอกแล้วก็เดินเลี่ยงเข้าห้องไป ทิ้งให้เขามองตามเธอด้วยใบหน้าละห้อย แต่เขาก็ยิ้มออกมาในที่สุด เพราะรู้สึกดีใจที่วันนี้เหตุการณ์ระหว่างเขาและเธอผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้เธอจะมีงอนบ้าง แต่เขาไม่ได้ถือสาอะไร ดนุพรหิ้วกระเป๋าที่วางไว้ที่แคร่เข้าบ้าน และก็จัดการปิดบ้านให้เรียบร้อย ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำและกลับมาทำงานที่เขาหอบเอามาด้วย

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเขายกมาดูก็รู้ว่านั่นคือนินทกาล ถ้าหากเป็นนัชนินที่โทรมาในตอนนี้ เขาก็คงจะปิดมือถือทิ้งไปเหมือนในหลาย ๆ ครั้งที่เขาทำมา แต่กับนินทกาลซึ่งมีความเป็นผู้ใหญ่อย่างมาก ทำให้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้

“สวัสดีครับคุณป้า มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ”เขาตอบไปด้วยความสุภาพ
“พอดีช่วงนี้ผมยุ่งจริง ๆ ครับ กำลังทำงานสำคัญ ๆ หลายอย่างครับ เอาไว้ให้ผมเคลียร์อะไร ๆ ได้ลงตัวมากกว่านี้ ผมจะเรียนเชิญคุณป้าไปทานข้าวที่บ้านพร้อมกับคนในครอบครัวนะครับ แต่ตอนนี้ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ ที่ปลีกตัวไปหาไม่ได้”

เขาตอบกลับไปเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายขอนัดทานข้าวที่บ้านของนินทกาล ถึงเขาจะไม่รู้ว่าธุระที่แท้จริงของเธอคืออะไร แต่ด้วยความมีประสบการณ์ต่อโลกกว้าง เขาก็พอจะเดาได้ว่านินทกาลต้องการจะคุยเรื่องเขาและลูกสาวนั่นเอง
อันทีจริงเขาควรจะบอกนินทกาลออกไปในตอนนี้เลยก็ได้ ว่าเขาไม่สามารถไปรักใครได้อีกแล้วนอกจากเมียและลูก แต่เขาก็เห็นว่าออกจะดูไม่ดีนักที่จะบอกเรื่องสำคัญทางโทรศัพท์ และอีกอย่างเขาเองก็ยังไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของนินทกาลว่าคืออะไร

“ครับขอบพระคุณ คุณป้ามาก ๆ ครับที่เข้าใจผม งั้นเอาไว้ผมจะไปหาคุณป้าที่บ้านตอนที่ทุกอย่างเรียบร้อยนะครับ ฝากขอโทษคุณแนนด้วยครับที่ไม่ได้ โทรหา มันยุ่งจริง ๆ ครับ”

เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อจบบทสนทนากับนินทกาล แล้วตัวเองก็ทำงานต่อจนดึกดื่น เพื่อรอให้ระพีพรรณออกมาอาบน้ำ แต่เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นวี่แววที่เธอจะออกมาเลย เขารู้ว่าเธอยังไม่ได้นอน เพราะแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากห้อง จนเขารู้สึกง่วงจึงจัดการยึดโซฟาไม้สักเป็นที่นอน

เขาพยายามมองหาเบาะที่จะมาปูเป็นที่นอน แต่หายังไงก็หาไม่ได้ มีเพียงหมอนสองใบที่ประดับไว้กับโซฟาแค่นั้น แต่เขาก็จำเป็นจะต้องนอนตรงนั้น แล้วเขาก็ไปเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดตัวอีกฝืนที่เตรียมมาจากบ้านมาเป็นผ้าห่มแทน และด้วยความเหนื่อยเขาก็หลับไปได้ทั้งอย่างนั้น

ระพีพรรณที่มุทำงานอยู่ในห้องมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้ตีสองแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายเริ่มอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก และก็รู้สึกหนัก ๆ หัว จึงละมือจากงานแล้วค่อย ๆ เปิดประตูออกไปเพื่ออาบน้ำ เพราะบ้านทั้งบ้านมีห้องน้ำแค่ห้องเดียวเท่านั้น หญิงสาวไม่ได้สนใจคนที่อยู่ด้านนอกเลย ได้แต่รีบอาบน้ำแล้วก็กลับเข้าห้อง พร้อมกับกินยาเพื่อดักไข้เอาไว้แล้วก็นั่งทำงานไปได้สักพักก็ไม่ไหว จึงปิดไฟนอนในที่สุด

ร่างที่ยาวเหยียดที่นอนขดอยู่บนโซฟานั้นค่อย ๆ ขยับออกเพราะความปวดเมื่อยไม่น้อย เขาเหลือบไปดูนาฬิกาที่ผนังก็พบว่าเจ็ดโมงแล้ว เขามองไปที่ห้องของเมียรักพบว่ายังไม่ได้เปิดประตู แสดงว่าเธอยังไม่ตื่น เขาไม่รอช้ารีบเข้าครัวเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เธอโดยเร็ว แล้วเขาก็อาบน้ำอาบท่าหลังจากที่ข้าวต้มกุ้งตั้งไว้ที่โต๊ะเสร็จแล้ว

“เพลงคุณตื่นหรือยัง ออกมากินข้าวได้แล้วผมทำอาหารไว้ให้แล้ว”
เขาตัดสินใจไปเคาะประตูห้องเธอ เมื่อพบว่าเป็นเวลาจะแปดโมงแล้วเขาก็ยังไม่เห็นออกมา เขาใช้เวลาเคาะประตูห้องอยู่สักพัก ระพีพรรณจึงมาเปิดประตู
“เพลงคุณไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าคุณซีด ๆ ไป”
เขาถามเธอด้วยความห่วง และเอามือไปแตะที่หน้าผาก แต่ก็ถูกอีกฝ่ายเอามือปัดออก
“ฉันไม่เป็นอะไรมาก คุณมีอะไร”เธอถามเขา
“ผมทำอาหารเช้าไว้ให้คุณกับลูก มากินข้าวก่อนดีกว่านะ”
เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จนทำให้อีกฝ่ายที่ตั้งท่าจะประชดเขาแต่แรกล้มเลิกไป

“ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
เธอบอกแค่นั้น แล้วก็ไปเก็บเอาผ้าเช็ดตัวแล้วก็ตรงไปยังห้องน้ำ แต่ก็รู้สึกปวดหัวมาก ๆ ไม่นานระพีพรรณก็อาบน้ำเสร็จ พอเข้าห้องมาอีกทีก็รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ตามเนื้อตัว จึงล้มตัวลงนอนลงไปอีก แต่ก็ไม่ทันได้หลับตาลง ลูกก็ตื่นขึ้นมาพอดี หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นมาดูลูก แต่ก็หนักหัวไม่น้อย

“เพลงคุณเป็นอะไรหรือเปล่าลูกร้องตั้งนานแล้ว ให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า”
เสียงของเขาร้องเรียกอยู่ด้านนอก ทำให้เธอตัดสินใจไปเปิดประตูให้เขา
“เพลงคุณไม่สบายนี่ตัวร้อนจี๋เลย ให้ผมดูลูกให้นะ ผมว่าคุณไปนอนพักก่อน”
เขาบอกเมื่อเธอมาเปิดประตูให้ แล้วเห็นหน้าเธอซีดกว่าเดิม จึงเอื้อมมือไปจับมือเธอ ก็พบว่าตัวร้อน

“ฉันไม่เป็นอะไรมาก ขอนอนสักพักก็หาย”
เธอบอกแค่นั้น แล้วก็เดินนำเขาเข้าไปในห้องแล้วตัวเองก็ล้มตัวลงนอน ปล่อยให้เขาดูแลลูกแทน


“ไข้หวัดครับคุณดำ เดี๋ยวผมจะฉีดยาแก้ไข้ให้นะครับ แล้วก็จะฉีดยาบำรุงให้ด้วย เพราะคุณเพลงร่างกายอ่อนเพลียมาก”
หมอที่เขาโทรศัพท์เรียกให้มาดูอาการเธอบอก
“เพลงเดี๋ยวหมอจะฉีดยาให้คุณนะ”
เขาเข้าไปนั่งข้าง ๆ เตียงของคนที่หลับด้วยความอ่อนแรง หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับแล้วก็หลับไปอีกด้วยพิษไข้

“แล้วผมต้องทำยังไงครับคุณหมอ”เขาถามด้วยความกังวลกับอาการของเธอ
“ก็ให้ทานน้ำเยอะ ๆ ครับ เช็ดตัวให้บ่อย ๆ ให้กินยาที่หมอให้ไว้ด้วย ถ้าอาการไม่ดีขึ้นคุณดำโทรไปหาผมอีกครั้งนะครับ อาจจะต้องเอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแทน แต่ดูจากอาการก็ไม่มีอะไรมากครับ ได้ยาไปเข็มก็เอาอยู่แล้วล่ะครับ”
หมอบอก ทำให้เขาโล่งใจไม่น้อยเลย

“ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณหมอ”เขาบอกเมื่อเดินมาส่งหมอที่รถ โดยมีลูกชายอยู่ในวงแขน
“ไม่เป็นไรครับ งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ”
หมอบอกและก็ขึ้นรถขับออกไป แล้วก็มีรถปิ๊กอัพขับสวนเข้ามาในบ้านพอดี เขาเห็นสมจิตเดินลงมาพร้อมกับคนขับด้วย
“คุณดำคะ พี่จะมาเก็บมะม่วงไปขายให้อาโป่งค่ะ มะม่วงพอดีเก็บตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ ผักที่สวนก็ไม่ได้เก็บตั้งแต่เมื่อวาน อาโป่งแก่ห่วงค่ะโทรบอกพี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”สมจิตบอกเขา

“เหรอครับ แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับ”เขาถาม
“ปกติอาโป่งจะเอาไปส่งให้พ่อค้าเอง หรือไม่ก็ไปนั่งขายที่ตลาดค่ะ แต่วันนี้พี่จะเก็บแล้วไปนั่งขายให้แก แล้วคุณเพลงล่ะคะ” สมจิตถามหา
“เพลงไม่ค่อยสบายครับ กำลังหลับอยู่ งั้นผมไปดูเพลงก่อนนะ แล้วจะมาช่วยพี่สมจิตเก็บมะม่วงกับผัก”
เขาบอกแล้วก็กลับเข้าบ้านไป







Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2551 13:15:50 น. 2 comments
Counter : 633 Pageviews.

 
เย้ๆๆ มาแล้วๆ หายไปนาน สบายดีป่าวคะ สู้ๆนะคะ


โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:21:16 น.  

 
รอทุกวันเลยค่ะ สนุมมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: aoi IP: 124.120.143.151 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:59:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.