Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
31 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
รอยอาญา ๓๗ (ธัญรัตน์)




รุ่งขึ้นระพีพรรณตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะว่าต้องเอาแบบไปเสนอลูกค้าที่นครนายกในช่วงเที่ยง หญิงสาวจัดเตรียมอาหารไว้สำหรับสมาชิกในบ้านเสร็จแล้ว ก็ไปตักบาตร ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยได้มีเวลาทำเรื่องพวกนี้นักด้วยยุ่งกับหลาย ๆ อย่าง แต่วันนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอามาก ๆ จึงมาตักบาตรให้จิตใจสบายขึ้น และมันก็เป็นไปตามที่เธอหวังเอาไว้

“เพลงจะไปหาลูกค้าตอนไหนลูก หรือต้องรอให้ตาพิงตื่นก่อนแล้วค่อยไป”
กำพลที่เพิ่งเข็นรถออกมาทันได้เห็นลูกสาวนั่งรับพรจากพระเพิ่งเสร็จ
“เพลงจะรอป้อนข้าวตาพิงก่อนค่ะคุณพ่อ แต่ไม่รู้ว่าจะตื่นเร็วหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนงอแงไม่ยอมนอนค่ะ”
เธอบอกบิดา

“เหรอ....รู้ความจริง ๆ นะหลานตา”กำพลบอกและอมยิ้มเมื่อคิดไปถึงพ่อของหลานเขาที่นั่งทนอยู่ในรถหลายชั่วโมง
และกับคำพูดของบิดาก็ทำให้อีกฝ่ายนั้นหน้าซีดไปเลยทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าพ่อจะพูดอะไรต่อไป แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะไม่ปริปากพูดอะไรต่อไป เพราะกลัวที่จะต้องตอบผู้เป็นพ่อ

“แล้วเพลงจะไม่คุยกับเขาหน่อยเหรอลูก ให้เขามารอนาน ๆ ก็น่า....” ผู้เป็นพ่อถาม และนั่นคือสิ่งที่เธอกลัวที่จะต้องตอบ
“คุณพ่ออย่าไปสนใจเลยค่ะ อีกหน่อยเขาก็จะเลิกไปเอง เอ่อ....เพลงเอาของไปเก็บก่อนนะคะ จะได้ดูตาพิงด้วยเลยค่ะ”
เธอรีบดักทางบิดาเอาไว้ แล้วก็รีบเดินเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจว่าผู้เป็นพ่อจะพูดอะไรต่อ

“ยายเพลงเป็นอะไรครับคุณพ่อ หน้างอเชียว”
ระพีพงศ์ถามเมื่อเดินออกมาจากบ้านแล้วสวนกับน้อง แต่ผู้เป็นน้องไม่ยอมมองหน้าเอาเสียเลย
“ก็จะเรื่องอะไรอีกล่ะ”กำพลให้ลูกชายเดาเอาเอง
“อ้อ...เรื่องนายดำ ไม่รู้เป็นอะไรนะคุณพ่อ ไม่ว่านายนี่จะเกี่ยวข้องกับเราทางไหน เมื่อไหร่ เป็นอันว่าบ้านเรานี่จะต้องอยู่ไม่สุขเลยใช่มั้ย ผมชักจะเบื่อขี้หน้านายนี่ขึ้นทุกวัน ๆ แล้วนะ”เขาอดไม่ได้ที่จะมีโมโห
“เจ้าพี พอทีเถอะ อะไรที่มันแล้ว ๆ ก็ให้มันแล้วไป อย่าไปคิดมันเลย ให้ปล่อย ๆ ไปบ้างเหอะ”
กำพลสอนลูกอย่างคนที่คิดอะไร ๆ ได้มากแล้ว

“คุณพ่อก้อ....ผมไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ ก็อยากจะมาหาเรื่องผมก่อนทำไม มีอย่างเหรอ จะมาง้อน้องเขายังจะมาทำซ่าส์อีก”
เขาอดบ่นไม่ได้
“แล้วเราไม่เคยไปซ่าส์กับเขาหรือยังไง พอแล้ว ๆ ไปช่วยน้องดูหลานหน่อยไป ยายเพลงจะต้องไปนครนายกกว่าจะมาก็คงค่ำมืด”เขาตัดบทลูกชาย
“คุณพ่อน่ะ”
เขาตัดพ้อพ่อ แต่ก็ต้องทำตามพ่อด้วยความยินดี เพราะรู้ดีว่าน้องต้องรีบไปทำงาน แล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องระพีพรรณที่กำลังวุ่นกับลูกชายที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา


สีหน้าของผู้ที่เพิ่งจะเข็นรถพาตัวเองออกมาจากห้องนอนที่เรือนมะลิ รู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลย ที่เห็นลูกชายคนโตนอนทอดร่างที่ยาวเหยียดไปกับชุดรับแขก ลัดดารู้สึกเป็นกังวลเป็นที่สุดกับท่านอนที่เอามือก่ายหน้าผากของลูก พักนี้เธอรู้สึกว่าลูกชายคนโตจะเงียบไปกว่าที่เคยเป็น เขามักะใช้เวลาในการทำงานนานกว่าปกติ กลับบ้านก็จะดึกกว่าเมื่อก่อน แล้วก็จะหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่วันที่กลับมาจากบ้านสวน
“คุณแม่ ตื่นแล้วเหรอครับ”เขารีบยกมือออกจากหน้าผากแล้วลุกนั่ง เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นมารดานั่งอยู่ใกล้ ๆ

“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วได้ล่ะลูก”ผู้เป็นแม่ถามพร้อมกับยิ้มให้ลูกชาย
“วันนี้รู้สึกเหนื่อย ๆ ครับแม่ ก็เลยแอบมางีบที่บ้านคุณแม่”เขาตอบ
“พักบ้างก็ได้นะลูก งานน้องก็ทำเอาไว้จนลงตัวแล้ว อย่าไปหักโหมมาก”เธอบอก
“ครับ”เขารับคำแค่นั้น
“เด่น...ลูกมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าลูก แม่เห็นพักนี้ลูกไม่ค่อยจะสดใสเลย”เธอถามในที่สุด
“ไม่มีนี่ครับแม่ ผมไม่เป็นอะไรครับ เหนื่อยแค่นั้น”เขายังคงยืนกราน
“เรื่องแม่เพลงกับน้องใช่ไหมลูก”เธอตัดสินใจถามในที่สุด

“คุณแม่ถามทำไมครับ”เขาไม่รู้ว่าจะตอบมารดายังไง
“แม่เองก็ไม่รู้ว่าระหว่างลูกกับแม่เพลงเมื่อสมัยเด็ก ๆ เป็นมายังไง แต่ถ้าให้แม่เดาล่ะก้อ ใคร ๆ ที่ได้อยู่ใกล้ ๆ แม่เพลง ก็คงจะมีน้อยรายนัก ที่จะไม่ชอบเขา เพราะเขาเป็นคนดี จิตใจดี ขนาดแม่ตอนแรกก็โกรธเกลียดเขาจะเป็นจะตาย แต่ไป ๆ มา ๆ แม่ก็ยังแพ้ความดีงามของเขา แล้วเด่นล่ะรู้สึกยังไงตอนที่ได้ไปอยู่ใกล้ ๆ เขา”
เธอเลือกที่จะพูดกับลูกชายในทางนี้ ด้วยไม่อยากจะให้เขามีความหวัง และก็ไม่อยากที่หักหาญน้ำใจลูกด้วย

“ไม่รู้สึกยังไงครับคุณแม่ คุณเพลงก็เป็นเหมือนที่คุณแม่พูดมา ผมกับเขาก็แค่รู้จักกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน อย่างที่เคยบอกคุณแม่แล้ว และเราก็ห่างกันออกไปตอนที่คุณเพลงต้องไปเรียนต่อครับ ทำไมแม่ถามอย่างนี้ครับ”
เขาตอบ และก็อดสงสัยในคำถามมารดาไม่ได้

“ไม่มีอะไรหรอกลูก ตอนนี้เด่นยังไม่อยากบอกแม่ก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เด่นอยากจะเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ยินดีนะลูก เราก็มีกันอยู่แค่นี้ แล้วพ่อน้องชายตัวดีของเราหายไปไหนล่ะ แม่ไม่เห็นหน้าตั้งหลายวันแล้วนะ แล้วไป
ตามแม่เพลงน่ะ ได้เรื่องไปถึงไหนแล้ว”
ลัดดาถามด้วยความอยากรู้ เพราะตั้งแต่ที่กลับจากบ้านสวน เธอก็ไม่มีโอกาสได้พบหน้าลูกชายเลย เพราะเขาจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้า และก็กลับดึกหรือไม่ก็ไม่กลับเลย เพราะไปค้างที่คอนโด

“คุณแม่ถามดำเองแล้วกันนะครับ มาโน่นแล้ว”
เขาส่งสายตาไปหาน้องชายที่พาตัวเองเดินตรงมาที่เรือนมะลิ
“ว่าไงลูกชายแม่ ทำไมวันนี้ถึงมาให้แม่เห็นหน้าได้ล่ะ แล้วไม่ไปบ้านโน้นหรอกเหรอ”
ไม่ทันที่เขาจะมาถึงชุดรับแขกด้วยซ้ำ ผู้เป็นแม่ก็ชิงถามก่อน จนทำให้ผู้ที่มีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ถึงกับออกอาการเซ็งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้
“ไม่รู้จะไปทำไมครับ ไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เขาตอบมารดาและทรุดตัวลงนั่งใกล้พี่ชายแล้วก็เอนหลังไปกับพนักชุดรับแขกด้วยอาการของคนหมดแรง

“ทำไมล่ะดำ แล้วยังตกลงกับคุณเพลงไม่ได้เลยเหรอ”พี่ชายถาม
“ก็ไม่ทำไมหรอกพี่เด่น แค่ตั้งแต่วันที่ผมไปหาเขาวันโน้นจนมาถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่เคยได้เห็นหน้าเขาแค่นั้นเอง”
เขาบอกแล้วก็เอามือก่ายหน้าผากอีกคน จนทำให้มารดาอดขำไม่ได้
“ทำไมล่ะลูก”ลัดดาถาม
“ก็เขาไม่เคยออกมาให้ผมได้อธิบายอะไรบ้างเลยหน่ะสิครับ มิหนำซ้ำยังปิดบ้านหนีผมตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินด้วยซ้ำมั้งครับ หรือถ้าผมไปทันตอนที่บ้านเขายังเปิดไฟอยู่ เขาก็จะปิดหนีผมตอนที่ผมไปถึง และถ้าผมรอเขาจนหลับไปเขาก็จะไม่มีวันโผล่หน้าออกมาให้ผมได้เห็นเลยสิครับ”เขาบ่นด้วยความเหนื่อย

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะลูก แล้วทำไมลูกไม่ไปดักพบเขาที่ ๆ ทำงานล่ะ”มารดาถาม
“ผมว่าจะไปแล้วครับ แต่เจ้าสิทธิ์มันบอกว่าเขาไม่เข้าออฟฟิศ ไปหาลูกค้าที่ต่างจังหวัด เย็น ๆ ถึงจะกลับ ผมก็เลยไม่รู้จะไปไหน ก็แวะมาที่นี่ล่ะครับ เบื่อจังเลย ทำไมมีเมียนี่มันมียากเย็นอย่างนี้ก็ไม่รู้นะ เดี๋ยวก็ไปหาใหม่ซะเลยนี่”
เขาบ่นอีก จนทำให้แม่และพี่ชายหันหน้าไปหากันด้วยความขำ
“ใจเย็น ๆ เถอะดำ พี่ว่าอีกไม่นานคุณเพลงก็คงจะใจอ่อนเองนั่นล่ะ ดำก็ตาม ๆ หน่อยแล้วกันช่วงนี้” พี่ชายให้กำลังใจ

“แม่ก็เห็นด้วยนะลูก แม่เพลงหน่ะใจอ่อนเร็วจะตายไป ง้อ ๆ หน่อยก็น่าจะหายแล้ว ถ้าไม่ยอมออกมาหา เราก็เฝ้าให้ถึงเช้าเลยเป็นไง ให้มันรู้ไปว่าจะปล่อยให้ลูกแม่นั่งตากน้ำค้างอยู่อย่างนั้น”มารดาบอกเขา
“เอางั้นเลยเหรอครับแม่ ผมว่าให้ผมนั่งไปจนตายเพลงก็คงจะไม่ออกมาหาผมหรอกครับ”
เขาบอกทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาและมือก่ายหน้าผากอยู่
“ไม่หรอกดำ พี่เห็นด้วยกับคุณแม่นะ นั่งอยู่อย่างนั้นทั้งคืนเลย อย่าลุกไปไหน จนกว่าคุณเพลงจะออกมา รับรองได้ผลแน่ ๆ คุณเพลงทนดูดำนั่งอย่างนั้นไม่ได้หรอก เชื่อพี่สิ”เด่นณรงค์สนับสนุนผู้เป็นแม่

“พี่เด่นว่าจะได้ผลเหรอครับ”เขารีบลุกนั่ง จ้องมองทั้งแม่และพี่ด้วยความอยากรู้และอยากจะลอง
“ก็ไม่ลองแล้วเราจะรู้เหรอ พี่ว่าดำรีบไปอาบน้ำดีกว่าจะได้สดชื่นหน่อย กว่าจะไปถึงบ้านสวนคุณเพลงคงจะกลับมาแล้วมั้ง ดำอาจจะเจอคุณเพลงก่อนที่จะเข้าบ้านนะ จะได้ไม่ต้องนั่งทั้งคืนไง”เด่นณรงค์แนะนำ

“ใช่ลูก แม่เห็นด้วย ไปเถอะ เมียอย่างแม่เพลงก็หาไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนกันนะ” มารดาเสริมและยิ้มให้เขาด้วยความรัก
“งั้นผมจะลองดูครับ แล้วผมจะโทรมาบอกนะครับแม่ พี่เด่น ไปก่อนนะ”
เขาบอกพร้อมทั้งลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนทำให้ทั้งพี่ชายและมารดามองตามหลังเขาแทบไม่ทัน

รถสปอร์ตหรูจอดเทียบตรงรั้วบ้านสวน รอยยิ้มของความดีใจปรากฏบนใบหน้าของผู้ที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อเขาพยายามมองหารถของผู้ที่เขาเฝ้าตามมางอนง้อ เขาพบว่ายังไม่มีรถจอดอยู่ แปลว่ามารดาของเขาแนะทางได้ถูกต้องทีเดียว เขาตั้งปฏิญาณไว้กับตัวเองว่า ถ้าเขาไม่ได้คุยกับระพีพรรณให้รู้เรื่อง คืนนี้เขาจะไม่ยอมพาตัวเองหนีไปไหนเด็ดขาด ให้มันรู้ไปว่าผู้หญิงที่ใคร ๆ บอกว่าใจอ่อนง่าย ๆ อย่างเธอ จะยอมทนเห็นเขานั่งตากน้ำค้างทั้งคืน

เขานั่งรอในรถไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถของระพีพรรณก็เลี้ยวเข้าไปในรั้วบ้าน เขาไม่รอช้ารีบลงจากรถและรีบเดินตรงไปหาผู้ที่เพิ่งจะเปิดประตูรถออกมาทันที สีหน้าของระพีพรรณที่เห็นเขาในเวลานี้ รู้สึกไม่ค่อยดีเอามาก ๆ เลย เพราะแรกทีเดียวเธอคิดว่าวันนี้เขาคงจะหมดความอดทนแล้ว แต่เขาก็ทำให้เธอผิดหวัง

“เพลง ผมขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม ไม่นานหรอก นะผมขอร้อง”เขาไม่รอช้า
“มีอะไรคะ รีบหน่อยนะคะ เพราะคนในบ้านรอดิฉันทำกับข้าวอยู่ค่ะ”
เธอตอบเขาแค่นั้น แล้วก็เปิดโอกาสให้เขาได้พูดในสิ่งที่เธอเองก็อยากจะรู้
“ผมมาขอโทษ ยกโทษให้ผมได้มั้ย”
เขายอมพูดกับเธอตรงข้าง ๆ รถ ทั้ง ๆ ที่เขาอยากจะหาที่ส่วนตัว ๆ คุยมากกว่า แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอม

“ฉันบอกแล้วไงคะว่า ฉันยกโทษให้คุณตราบใดที่คุณจะไม่มารบกวนพวกเราที่นี่อีก แค่นี้ค่ะ คุณมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และลูกก็รอฉันอยู่” เธอบอกเขา และก็เดินตรงไปเพื่อหมายจะเข้าบ้าน แต่ก็มีมือของเขารั้งแขนเอาไว้

“เพลงผมไม่ได้ต้องการอย่างนี้ ผมต้องการจะรับผิดชอบคุณกับลูก อยากให้เรามาเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วลืมเรื่องเก่า ๆ ทั้งหมดซะ นะผมขอร้อง อย่าโกรธผมอีกเลย”เขาอ้อนวอนเธอ
“แล้วคุณล่ะคะ คุณลืมเรื่องเก่า ๆ ได้หรือเปล่า คุณลืมได้หรือยังว่าคุณพ่อทำอะไรไว้กับคนรอบข้างคุณบ้าง ลืมหรือยังว่าพี่พีเคยทำอะไรไว้กับคุณดา”เธอย้อนเขาทันควัน จนเขาพูดไม่ออก

“เห็นมั้ยคะ ว่าคุณเองก็ตอบฉันไม่ได้ และฉันจะตีความว่าคุณยังไม่ได้ลืมมัน เพราะฉะนั้นคุณก็ไม่ต้องมาบอกให้ฉันลืมหรอกนะคะ ฉันไม่เคยจดจำอดีตที่มันไม่สวยงามเลย มันไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้คนที่จำเจ็บปวดจนหาความสุขไม่ได้”
เธอพูดกระทบเมื่อเห็นเขาเงียบไป
“เพลงผมก็ต้องใช้เวลานะ ถ้าคุณจะให้ผมบอกว่าผมลืม ผมก็คงจะโกหกคุณแน่ ๆ คุณก็รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง คุณจะให้ผมลืมง่าย ๆ มันยากนะที่จะทำได้”เขาบอกออกไป

“งั้นฉันก็คงจะไม่ต่างจากคุณเท่าไหร่หรอกค่ะ ฉันก็ต้องการเวลาเหมือนกับคุณ ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ ลูกรอฉันนานแล้ว ฉันยังมีคนที่ต้องหุงหาอาหารให้กิน ไม่ได้ว่างงานเหมือนใครบางคน”เธอเหน็บเขา
“ไม่ปล่อยจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
เขาไม่ยอม จนอีกฝ่ายต้องรีบดึงแขนตัวเองให้หลุดจากการฉุดรั้งของเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ
“เฮ้ย ๆ ปล่อยน้องฉันนะ จะทำอะไรหน่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าอยากจะแก้แค้นให้มาทำกับฉันนี่”
ระพีพงศ์เพิ่งเอารถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน รีบตะโกนใส่เขาทันทีที่ลงจากรถได้

“ปล่อยฉันนะ ฉันว่าคุณกลับไปดีกว่า ก่อนที่จะมีเรื่องมีราวไม่ดีเกิดขึ้นที่นี่”
ระพีพรรณพยายามสลัดแขนออกจากมือของเขา
“ไม่นะเพลงคุณต้องคุยกับผมให้รู้เรื่องก่อน”เขาย้ำเจตนาเดิม
“ฉันบอกให้ปล่อยน้องฉันไง ไม่ได้ยินเหรอ หรืออยากจะมีเรื่องอีก สำหรับฉันได้เลยทุกเมื่อ”
ระพีพงศ์เดินเข้ามาแล้วก็คว้าเอาแขนน้องสาวอีกข้างไว้
“พี่พีพอแล้วค่ะ เข้าบ้านไปก่อนเถอะค่ะ ทางนี้เพลงจัดการเอง”
ระพีพรรณรีบห้ามทั้ง ๆ ที่แขนทั้งสองข้างยังถูกคนทั้งสองรั้งไว้คนละข้าง
“ไม่ วันนี้พี่ต้องคุยกับนายนี่ให้รู้เรื่อง มาอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน เห็นแล้วรำคาญลูกกะตา”ระพีพงศ์ไม่ยอมฟังน้อง

“นายอย่ามายุ่ง ฉันไม่ได้มาหานาย”ดนุพรตอบกลับไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะร้อนขึ้น
“มาหาฉันหรือมาหาใครมันก็เหมือน ๆ กันนั่นล่ะ เพราะที่นี่ไม่มีคนที่เขารู้จักนายหรอก กลับไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับเราอีก พวกฉันมันมีแต่เลือดชั่ว ๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังอยากจะมาเกี่ยวข้องกับพวกเราอีก อะไร ๆ ก็ได้ไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ แค่นี้ยังไม่สาสมหรือไง ไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย”ระพีพงศ์ไม่ยอมลดละเช่นกัน และก็ใช้มืออีกข้างไปผลักหัวไหล่เขา
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
ดนุพรละมือจากแขนของระพีพรรณ แล้วก็หันหน้ามาประจันกับคู่อริเก่าพร้อม ๆ กับผลักอีกฝ่ายกลับ

“ไอ้นี่วอนซะแล้ว”ระพีพงศ์ฉุนกึกเมื่อถูกตอบกลับ
“พี่พี อย่านะ เพลงบอกให้เข้าบ้านไง ทั้งสองคนนั่นล่ะ หยุดทะเลาะกันได้มั้ย เพลงเหนื่อยและก็เบื่อมากแล้วนะ”
เสียงระพีพรรณตะโกนใส่ทั้งสองคนด้วยความเหลืออด จนทำให้ทั้งสองที่กำลังจะเปิดศึกอีกครั้งถึงกับชะงัก
“เพลง”
เสียงเขาเรียกชื่อเธอด้วยความตกใจที่ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นเธอขึ้นเสียงใส่ใคร หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาไม่เคยเห็นอาการแบบนี้ของเธอเลยด้วยซ้ำ
“คุณกลับไปได้แล้วค่ะ ฉันจะเข้าบ้าน และก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”เธอบอกเขา
“พี่พีเข้าบ้านไปช่วยคุณพ่อเตรียมกับข้าวค่ะ เดี๋ยวเพลงจะไปทำให้”เธอสั่งพี่ชาย

“ทำไมยายเพลง จะไปกลัวมันทำไม มันทำกับเราไว้ไม่รู้เท่าไหร่ คนอย่างนี้ต้องเอาเลือดหัวมันออก มันถึงจะสาสม ไม่ต้องกลัวมัน พี่อยู่ทั้งคน พี่ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเรากับคุณพ่ออีกเป็นอันขาด”ระพีพงศ์ไม่ยอม
“เจ้าพี พอได้แล้ว เข้าบ้านมานี่เลย ปล่อยให้ยายเพลงจัดการเอง”
เสียงกำพลที่หลบอยู่มุมประตูและแอบฟังบทสนทนาของทั้งสามมาโดยตลอดรีบออกมาห้ามทัพ เพราะกลัวจะเป็นเหมือนวันก่อน และจากสีหน้าของผู้พ่อ ทำให้ระพีพงศ์ถึงกับหน้าสลดลง และยอมกลับเข้าบ้านโดยดี
“เพลงให้ผมได้....”
“คุณกลับไปเถอะค่ะ อย่ามากวนพวกเราอีกเลย ขอให้เราอยู่อย่างคนไม่รู้จักกันดีกว่านะคะ”เธอรีบตัดบททันที

“ไม่...ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าคุณยังไม่ยอมยกโทษให้ผม ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้ จะไม่ยอมลุกไปไหนเลย ไม่เชื่อคุณคอยดูก็แล้วกัน”เขาไม่ยอมลดละ
“ก็ตามใจคุณสิคะ คุณจะนั่งอยู่จนถึงเช้าก็ตามใจ แล้วอย่าหาว่าเราใจร้ายไม่ได้นะ”
เธอบอกแค่นั้น แล้วก็เดินหนีเข้าบ้านไปดื้อ ๆ พร้อมทั้งประตูบ้านก็ปิดลงต่อหน้าเขา โดยไม่สนใจว่าเขาจะคิดยังไงด้วยซ้ำ มันทำให้ดนุพรรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาได้ไม่ยากเลย แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงนั่งลงตรงสนามหน้าบ้านเธอไปดื้อ ๆ เพราะได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้ว

ดนุพรนั่งปักหลักงอยู่ตรงนั้นโดยไม่ยอมลุกจากไปไหน จนเวลาใกล้จะสี่ทุ่มแล้วเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของเจ้าของหัวใจจะออกมาให้เขาเห็นหน้าเลย ท้องเริ่มส่งเสียงบอกว่าหิวแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมลุกไปไหนยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เพราะเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าระพีพรรณจะใจแข็งกับเขาได้อีกนานแค่ไหน
ไม่นานท้องฟ้าเริ่มปั่นป่วน ลมเริ่มแปรปรวน ก้อนเมฆเริ่มลดระดับลง แล้วฝนก็โปรยปรายลงมา เขาไม่รอช้ารีบลุกวิ่งตรงไปที่รถทันที

“โธ่...นึกว่าจะแน่ ทีแท้ก็กลัวฝน อะไรวะ”
เสียงระพีพรศ์เปล่งออกมาเมื่อเขาและคนในครอบครัวเฝ้ามองผู้นั่งอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ขาดแม่และลูกที่เข้านอนไปนานแล้ว ห้องของระพีพรรณยังคงเปิดไฟเอาไว้ เพราะต้องแก้งานให้ลูกค้าอีกหลายจุด และคืนนี้ก็ทำให้เธอทำงานยากกว่าหลาย ๆ คืน จะเป็นเพราะลมที่พัดแรง ฝนที่ตกหนักลงมา หรือว่าเพราะคนที่นั่งตากฝนอยู่ด้านนอก เธอเองก็สุดแต่จะเดาได้

“แต่ลุงว่าคุณดำไม่กลัวฝนหรอกครับคุณพี นั่นไงกลับมาอีกแล้ว”
โป่งที่นั่งลุ้นอยู่ใกล้ ๆ กำพลและระพีพงศ์บอก เมื่อเห็นดนุพรกลับมานั่งตากฝนอยู่ที่เดิม หลังจากที่วิ่งเอามือถือ และรีโมทรถไว้ในรถก่อนที่จะโดนฝนเสียหายไปกันใหญ่
“เอาจริงโว้ยเจ้านี่”กำพลบอกด้วยน้ำเสียงกั้วหัวเราะอยู่ในที
“มันจะจริงไปได้สักกี่น้ำกันครับคุณพ่อ ฝนก็ตกหนัก ลมก็พัดแรง หนาวจะตาย และที่สำคัญผมว่านายนี่ต้องยังไม่ได้กินอะไรมาด้วยแน่ ๆ เลย”เขาบอกบิดาด้วยสีหน้าที่สะใจแทนน้องเป็นที่สุด

“จริงไม่จริงก็ดู ๆ ไปก่อนก็แล้วกันนะ แล้วว่าแต่ยายเพลงจะไม่ออกมาดูเขาหน่อยเหรอ”
เขาถามลูกชายหลังจากที่เขาให้ไปตามเธอมาดูคนที่นั่งตากฝนอยู่ด้านนอก แต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ยายเพลงจะรีบทำงานครับคุณพ่อ ไม่มาก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวคิดมากจนแก้งานลูกค้าไม่ออกอีก ยิ่งจะต้องรีบส่งด้วย”
ระพีพงศ์บอกบิดา
“งั้นผมไปนอนก่อนนะครับ ใครจะอยู่ดูนายคนนี้ก็เชิญ ผมเหนื่อย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าด้วย”

ระพีพงศ์บอก แล้วก็เดินจากไปดื้อ ๆ ทิ้งให้โป่งและกำพลหันไปมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ
ผ้าม่านถูกเปิดแง้มออกไปเพื่อให้พอได้มองเห็นผู้ที่นั่งแข่งกับสายฝนอยู่ด้านนอกอย่างไม่รู้จักหนาวเหน็บ สีหน้าของระพีพรรณบอกถึงความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำอย่างนี้กับเขา นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว หญิงสาวรู้สึกสับสนกับการสั่งการให้ขาตัวเองเหลือเกินว่าจะให้ก้าวไปทิศทางไหน ระหว่างการกลับไปทำงานต่อที่ห้อง หรือเดินไปเปิดประตูรับเขาเข้ามาในบ้าน ความสงสารเขาในตอนนี้สำหรับเธอนั้นมีมากมาย แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ยอมทำอะไรเลย ได้แต่ยืนมองเขาอยู่อย่างนั้น

“ยังไม่ไปอีกเหรอลูก”เสียงผู้เป็นพ่อทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง
“ยังค่ะ”เธอตอบแค่นั้น
“เอายังไงดีล่ะลูก ถ้าให้นั่งอยู่อย่างนั้นพ่อว่าพรุ่งนี้คงไข้จับแน่ ๆ เลย”
เขาบอกลูกสาว ทำให้เธอหวนคิดถึงวันที่เธอต้องนั่งตากฝนในคืนที่ไปซื้อเหล้าให้เขาไม่ได้ แล้วหญิงสาวก็เหมือนได้คำตอบให้ตัวเองแล้วว่าจะเดินไปทางไหนดี
“จะไม่ไปดูเขาหน่อยเหรอยายเพลง”กำพลถาม เมื่อเห็นลูกสาวเดินตรงไปยังห้องนอน
“เพลงดูแล้วไงคะคุณพ่อ เขาอยากนั่งอยู่อย่างนั้นก็ปล่อยเขาเถอะค่ะ อีกไม่นานก็คงจะไปเอง เพลงไปทำงานต่อก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันนัดลูกค้า”
สิ้นเสียงเธอก็เดินหายเข้าไปในห้องทันที เพราะไม่อยากจะรอให้บิดาถึงกับออกปากสั่งให้เธอออกไปดูเขา


ร่างที่ยังคงนั่งตากฝนมาหลายชั่งโมงติดต่อกันกำลังหนาวสั่น แขนสองข้างถูกยกขึ้นมากอดไว้ที่อกเพื่อให้พอได้คลายหนาวลงไปบ้าง พื้นหญ้าที่เขานั่งอยู่ชุ่มไปด้วยน้ำ ท้องที่ร้องขออาหารตั้งแต่สี่ทุ่มเริ่มร้องหนักเข้าเรื่อย ๆ มันทำให้เขาคิดถึงซุปร้อน ๆ ของป้าแพงขึ้นมาได้ไม่ยากเลย แล้วก็ตามด้วยอาหารอีกหลาย ๆ อย่างที่เขาเคยได้ลิ้มลอง เขาเริ่มจะเกิดความท้อแท้ที่จะนั่งรอคนข้างในเข้ามาทุกขณะแล้ว เพราะมองไปทีไร ก็เห็นแต่ประตูที่ปิดสนิทอยู่อย่างนั้น เขาชักไม่แน่ใจแล้วล่ะว่า ที่ใคร ๆ บอกว่าอีกไม่นานระพีพรรณจะใจอ่อนนั้นมันจะจริง ดวงตาเริ่มอยากจะปิดลงทุกขณะเพราะความง่วงทั้ง ๆ ที่ตัวยังคงเปียกโชกอยู่

แต่การที่เขาต้องนั่งตากฝนมาหลายชั่วโมงมานี้ มันก็ทำให้เขาได้หวนคิดไปถึงคืนที่เขาทิ้งให้เธอต้องนั่งตากฝนขึ้นมาในทันใด ความรู้สึกของเธอวันนั้น กับความรู้สึกของเขาในวันนี้มันก็คงจะไม่แตกต่างอะไรกันมากนัก แต่เธอคงจะไม่รู้หรอกว่า เขาต้องต่อสู้กับใจตัวเองมากแค่ไหนในคืนนั้น เพราะต้องคอยบอกตัวเองว่าไม่ให้ใจอ่อนกับเธอง่าย ๆ แล้วสำหรับคืนนี้ล่ะ เธอจะต้องต่อสู้กับใจตัวเองเหมือนเขาหรือไม่ อันนี้คือสิ่งที่เขาอยากจะรู้เหลือเกิน

เขารู้สึกว่าฝนหยุดตกลงมาที่ร่างเขา แต่มันแปลกเหลือเกินที่จู่ ๆ เม็ดฝนก็หยุดเอาดื้อ เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาดู ก็พบว่าร่มใบใหญ่ที่โป่งยืนกางอยู่เหนือศีรษะเขานั่นเอง รอยยิ้มของโป่งในเวลานี้เปรียบประหนึ่งรอยยิ้มของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเขาเลยทีเดียว เพราะนั่นหมายถึงว่าเธอคงจะใจอ่อนแล้ว และสั่งให้โป่งมารับเขาแทน

“คุณดำเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เปียกหมดทั้งตัวแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
โป่งบอก พร้อมทั้งขยับออกห่างเพื่อให้เขาได้ลุกสะดวก แต่มือก็ยังคงกางร่มให้เขาอยู่ เขาไม่รอช้าเลย รีบลุกขึ้นตามคำบอกของโป่งโดยไม่คิดจะปริปากถามเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาก็เดินเข้าบ้านไปพร้อม ๆ กับโป่ง ไฟในบ้านเปิดตอนไหนเขาไม่รู้ได้ แต่ว่าไฟในห้องนอนของเมียรักนั้นปิดไปแล้ว

“ไปอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าก่อนเถอะนะ นี่คงพอให้คุณใส่ไปพลาง ๆ ก่อนได้ ห้องน้ำอยู่ทางโน้น”
กำพลที่นั่งอยู่รถเข็นรอเขาอยู่ด้านในบอก พร้อมทั้งยื่นผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าให้หนึ่งชุด เขารับมาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่เขาถือว่าเป็นศัตรูของเขามาหลายสิบปี เขาเลือกที่จะเดินไปห้องน้ำโดยไม่เอ่ยอะไรเลย ไม่นานก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อม ๆ กับเสื้อผ้าชุดใหม่ มันใหม่จริง ๆ ด้วย เพราะยังมีป้ายราคาติดตรงคอเสื้ออยู่เลย ถึงราคาจะไม่แพงนัก แต่มันก็ทำให้เขาดูดีได้ไม่ยาก

“ยายเพลงซื้อมาให้เจ้าพีมัน ยังใหม่ ๆ อยู่เลย”
กำพลบอก เมื่อมองเห็นเขาดึงป้ายราคาออกจากคอเสื้อ เขาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่ไม่นานเขาก็ต้องหันไปทางกลิ่นหอม ๆ ของอาหารที่โชยมาใกล้ ๆ จมูก
“คุณดำกินข้าวก่อนนะครับ”โป่งถือถาดที่มีข้าวหนึ่งจานกับอาหารร้อน ๆ อีกสองอย่างมาให้

“อาหารยายเพลงเตรียมไว้ตักบาตรพรุ่งนี้ ขอแบ่งมาให้คุณกินหน่อยหนึ่ง”
กำพลบอกเมื่อเห็นเขาไม่ยอมพูดอะไร และส่วนตัวของเขาเองก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลย ที่จะต้องมาเผชิญหน้ากับเขาในเวลานี้ และกำพลก็จัดไม่ถูกว่าจะให้เขาอยู่ในตำแหน่งไหน ระหว่างศัตรูคู่อาฆาตกับลูกเขย มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ สำหรับกำพล แต่ก็นับว่าวันนี้ เขาโชคดีมาก เพราะถ้าเป็นกำพลคนก่อนที่เลือดร้อนไม่ยอมลงให้ใครง่าย เดนุพรคงจะไม่มีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้เป็นแน่ คิด ๆ แล้วกำพลก็อยากจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ที่ทำให้กำพลเมื่อวันวานเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนเลย

“ยายเพลงหลับไปแล้ว เพิ่งจะหลับเมื่อกี้ ผมว่าคุณคงไม่อยากจะไปทำให้ยายเพลงตื่นหรอกนะ เพราะเพิ่งจะแก้งานลูกค้าเสร็จ แล้วตาพิงก็ตื่นขึ้นมางอแงอีก กว่าจะทำให้หลับได้ยายเพลงก็เหนื่อยไม่น้อย ผมว่าให้ยายเพลงพักผ่อนดีกว่า”
กำพลบอกหลังจากที่เห็นเขาชะเง้อไปมองที่หน้าห้อง
“คุณควรจะกินข้าว แล้วก็กลับไปนอนซะ มันดึกมากแล้ว ผมกับเจ้าโป่งก็จะได้พักผ่อนด้วย ถ้าคุณอยากจะมาก็ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้”

กำพลบอกอีกเมื่อเห็นเขายังคงไม่ยอมแตะอาหาร และไม่ยอมเอ่ยคำใด ๆ กับกำพลแม้แต่คำเดียว และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมกำพลถึงทำดีกับเขาในวันนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาทำกับลูกสาวอันเป็นที่รักของกำพลไว้มาก
“งั้นผมจะให้เจ้าโป่งอยู่เป็นเพื่อนคุณก็แล้วกันนะ มันดึกมากแล้วขอเข้านอนก่อน”

กำพลบอกเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นดูจะอึดอัดที่จะเปิดปากสนทนา และกำพลเองก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่จะดีกว่าก็ตรงที่กำพลเป็นถิ่นเท่านั้นเอง แต่ถ้าให้กำพลไปอยู่ที่บ้านของเขาแบบนี้ กำพลก็คงจะไม่ขอไปเป็นเป้าให้ใครเล่นงานเป็นแน่ อันที่จริงกำพลก็ค่อนข้างที่จะพอใจกับว่าที่ลูกเขยอยู่ไม่น้อย ที่อุตส่าห์พาตัวเองเข้ามาอยู่ในดงของศัตรูเลยทีเดียว

“กินข้าวเถอะครับคุณดำ เดี๋ยวแกงจะเย็นหมดครับ ผมจะไปเอาน้ำอุ่น ๆ มาให้”
โป่งบอกเมื่อกำพลหายเข้าไปในห้องแล้ว และก็ทำให้ดนุพรรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ได้อยู่กับโป่งตามลำพังในเวลานี้ เพราะจากจำนวนคนทั้งบ้าน ก็คงจะมีแต่โป่งเท่านั้นมั้งที่เขาไม่เคยสร้างความเดือนร้อนให้ เขาไม่รอช้ารีบตักอาหารมื้อเย็นเข้าปากด้วยความหิว

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเขาทันที เมื่อจำรสชาติอาหารฝีมือใครบางคนที่เขาห่างไปนานได้ แล้วมันก็พลอยทำให้เขาพอมีกำลังใจที่จะตามง้องอนเธอขึ้นมาเป็นกองเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อย ๆ วันนี้เขาก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเธอ ได้กินอาหารฝีมือเธอ แล้วยังได้ใส่เสื้อผ้าที่เธอซื้อด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อให้เขาก็ตาม แต่มันก็เป็นเสื้อผ้าใหม่ที่ยังไม่ผ่านมือใครเลย

“น้ำครับ”
โป่งบอกเมื่อหายไปในครัวสักพักแล้วกลับออกมาพร้อมกับน้ำ โป่งรู้ดีว่าเขาจะต้องไว้ลายไม่กล้ากินข้าว ถ้ามีใครอยู่ด้วย จึงรีบหาเรื่องหนีออกไปก่อน และการกลับมาของโป่งก็ทำให้ดนุพรตักอาหารเข้าปากช้าลงกว่าเมื่อสักครู่จริง ๆ จะด้วยอะไรเขาไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่อยากจะเสียฟอร์มสักเท่าไหร่ นี่ถ้าเกิดมีนายกำพลนั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขามั่นใจว่าเขาจะไม่แตะอาหารแม้แต่คำเดียว คิด ๆ แล้วเขาก็สะดุดกับคำพูดของระพีพรรณเมื่อช่วงเย็นเข้าอย่างจัง

“นั่นสิ แล้วตัวเขาล่ะ ลืมเรื่องร้าย ๆ ได้หรือยัง แล้วทำยังไงเขาถึงจะลืมได้”
นั่นคือคำถามที่มีในใจเขาตอนนี้ และมันก็เป็นคำถามเดียวกันสำหรับระพีพรรณที่นอนอยู่ในห้อง แล้วก็รับรู้เหตุการณ์ภายนอกโดยตลอด เพราะเธอไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้ ตั้งแต่รู้ว่าพ่อให้โป่งไปพาเขาเข้ามาในบ้านแล้ว และเธอก็ได้ประจักษุ์แล้วว่า พ่อพยายามข่มใจและข่มอารมณ์แค่ไหน ที่จะพูดกับเขา แต่เธอก็ไม่แม้แต่จะได้ยินคำตอบรับจากเขาเลย มันยิ่งทำให้เธอมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นมาอีก ในเรื่องระหว่างเขาและเธอ มันจะเป็นไปในรูปแบบไหนกัน

“ขอบคุณครับลุงโป่งสำหรับอาหาร อร่อยมาก ๆ ครับ”เขาบอกโป่งออกไปเมื่อข้าวในจานหมดเกลี้ยง
“คุณเพลงทำครับ คุณดำจะรับข้าวอีกหรือเปล่าครับ”โป่งถาม
“ไม่ดีกว่าครับ เอ่อ....ผมฝากขอบคุณคุณเพลงของลุงโป่งด้วยนะครับเรื่องอาหาร”
เขาบอกออกไปแล้วก็ยิ้มบาง ๆ เมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่เขาพูดถึง
“ครับ”โป่งรับคำแค่นั้น
“งั้นผมกลับก่อนดีกว่า ดึกมากแล้วลุงโป่งจะได้ไปนอนซักที”เขาบอกเพราะรู้สึกเกรงใจโป่งไม่น้อย
“โอย...ผมนอนอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นแล้วล่ะครับ” โป่งบอกและยิ้มให้เขาด้วยความอารมณ์ดี

“ทำไมครับ”เขาถามด้วยความงง
“ก็ประมาณตีสาม ผมก็ต้องลุกขึ้นมามัดผักที่เก็บมาจากสวนไปขายที่ตลาดแล้ว ตอนนี้ทั้งผักและผลไม้ขึ้นเต็มเลยครับ เก็บขายแทบไม่ทันเลย นี่ช่วยค่ากับข้าวคุณเพลงได้ไม่น้อยเลยนะครับ”
โป่งบอก และมันก็ทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาได้ไม่ยากเลย ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้คนที่เขารัก ต้องมาตกระกำลำบาก ถึงขั้นต้องเก็บของไปขายที่ตลาดเพื่อเป็นค่าอาหาร

“แต่คุณดำไม่ต้องทำหน้าสงสารผมขนาดนั้นก็ได้ครับ จริง ๆ แล้วคุณเพลงไม่อยากให้ผมทำหรอก แต่ผมดื้ออยากจะทำเอง เพราะจะให้อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เบื่อแย่เลย สู้ทำสวนไม่ได้สนุกว่ากันเยอะเลยครับ” โป่งบอกและยิ้ม

“งั้นผมไม่กวนแล้วครับ เอาไว้พรุ่งนี้บ่าย ๆ ผมจะมาใหม่”
เขาบอกและลุกเดินนำหน้าโป่งไปที่ประตู และโป่งก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านส่งแขกจนเขาขับรถออกไปในที่สุด โป่งได้แต่ส่ายหน้าตามหลังรถของเขาไปด้วยความขำ ปนดีใจที่เขากลับมาง้อเจ้านายสาว ถึงแม้ใคร ๆ จะไม่เชียร์เขาก็ตามที แต่สำหรับโป่งนั้น มองไม่เห็นใครที่จะเหมาะกับเจ้านายสาวของเขาไปมากกว่าพ่อของคุณพิงของเขาแน่ ๆ







Create Date : 31 ตุลาคม 2551
Last Update : 31 ตุลาคม 2551 12:04:14 น. 0 comments
Counter : 971 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.