Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๔๖ (ธัญรัตน์)




“ตอนนี้น้องก็ยุ่งจริง ๆ ล่ะลูก แต่ก็อย่างที่เด่นรู้ เป็นใครก็คงจะทำใจได้ยากไม่ใช่เล่นหรอก เด่นเข้าใจน้องนะ”
ลัดดาบอกด้วยรู้สึกสงสารลูกชายคนเล็กไม่น้อย

“ผมเข้าใจน้องครับคุณแม่ แต่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ผมถือว่าขึ้นอยู่กับคุณเพลงครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรแล้วตั้งแต่รู้ว่าน้องกับคุณเพลง....เอ่อ...แต่เมื่อคุณเพลงสารภาพว่ารักผมและอยากจะแต่งงานกับผม มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องให้คุณเพลงต้องอยู่กับคนที่เธอไม่ได้รัก เพียงเพราะจะต้องทำตามความถูกต้องตามกฎที่สังคมเรากำหนดขึ้นมา”
เขาบอกมารดาตามที่เข้าใจในตอนนี้

“ไม่ว่าอะไรหรอกลูก เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป แต่แม่อยากจะให้เด่นรับเงินจากน้องนะลูก หรือถ้าเด่นไม่สะดวกใจที่จะเอาไปเฉย ๆ ก็ถือว่าเป็นเงินยืมน้องก่อนก็ได้ พอมีแล้วค่อยเอามาคืน แต่ตอนนี้ให้เอาไปไว้ก่อนอย่างน้อย ๆ ก็จะได้เอาไว้ทำทุนไงลูก เราเป็นผู้ชายนะจะไปแต่ตัวมันก็ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ แม่กลัวทางโน้นเขาจะว่าเราได้”
เธอให้เหตุผลที่เขาแทบจะเห็นด้วยเกือบทั้งหมด แต่เขาก็ยังไม่อยากจะรับอยู่ดี

“แล้วดำก็บอกแม่ว่าจะให้ช่างไปสร้างบ้านให้ เพราะแม่บอกน้องว่าลูกจะปลูกบ้านอีกหลังใกล้ ๆ หลังเก่า หลังจากแต่งงานไปแล้ว”เธอบอกเขาอีก

“คุณแม่ครับเอาเป็นว่าผมจะรับเงินของคุณแม่มาก่อนก็แล้วกันนะครับ แล้วก็จะเอามาคืนคุณแม่ตอนที่ผมทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันได้แล้ว ส่วนของน้องเอาไว้ให้ผมได้คุยกับน้องก่อนก็แล้วกันครับ เพราะถ้าผมเอาไปตอนนี้คุณเพลงคงจะไม่ชอบใจแน่ ๆ ที่ไม่ยอมปรึกษาก่อน เพราะเราตั้งใจเอาไว้ว่าจะอยู่ง่าย ๆ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่อยากจะร่ำรวยเงินมากไปกว่าความสุขในการใช้ชีวิตครับ
ผมเองก็เห็นด้วยกับเธอ จริง ๆ แล้วบ้านสวนของเธอก็น่าอยู่นะครับคุณแม่ พอว่างจากงานก็ช่วยลุงโป่งปลูกผัก แล้วก็เก็บผลไม้ขาย ได้เงินมานิด ๆ หน่อยก็เก็บเอาไว้เป็นค่ากับข้าว ผมเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคุณเพลงแล้วก็น่าอยู่ไปอีกแบบครับ”

เขาบอกและยิ้มให้กับมารดาเมื่อภาพที่เขาพูดถึงลอยมาอยู่ในห้วงความคิด จนทำให้ผู้เป็นแม่พลอยยิ้มตามไปด้วย ที่เห็นรอยยิ้มและแววตาที่เปี่ยมสุขของลูก จะว่าไปแล้วลัดดาก็ยังพอดีใจอยู่บ้างที่ได้เห็นลูกชายคนโตมีความสุขแบบนี้ ถึงแม้ว่าผู้น้องดูจะมีสีหน้าที่อมทุกข์ไปบ้างในช่วงนี้ แต่ลัดดาก็คิดว่าอีกไม่นานเขาจะต้องดีขึ้น ถ้าได้แต่งงานและมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว

“คุณแม่ครับถ้าผมจะมานอนกับคุณแม่จนกว่าผมจะย้ายไปบ้านโน้น คุณแม่จะว่าอะไรหรือเปล่าครับ”
เขาบอกมารดาเพราะอยากจะอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่จะแต่งงานไป
“แม่จะไปว่าอะไรล่ะลูก ดีซะอีกแม่จะได้มีเพื่อนคุยไง แล้วไม่อายใคร ๆ เหรอที่จะมานอนกับแม่ โตจนจะมีครอบครัวแล้วนะลูก”ลัดดาบอกพร้อม ๆ กับเอามือไปลูบศีรษะเขาด้วยความรัก

“ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ คุณแม่ให้มาก ๆ ครับ งั้นผมจะกลับไปเอาของก่อนนะครับ แล้วจะรีบกลับลงมา คุณแม่รอก่อนนะครับ”เขาบอกมารดาแล้วก็ลุกขึ้นจากเตียง
“เอานี่ไปด้วยสิลูก”ลัดดาไม่วายที่จะยื่นเช็คของดนุพรให้กับเขา
“ครับดีเหมือนกัน เวลาเจอดำจะได้คุยกันเลย แต่ไม่รู้จะมาบ้านเมื่อไหร่นะครับ”
เขาบอกและรับเช็คมา เพราะอยากจะเอาไปคืนให้น้องด้วยตัวเอง


“อ้าว...ดำวันนี้กลับมานอนบ้านเหรอ”
เด่นณรงค์ทักน้องชายที่จู่ ๆ ก็เห็นเขากลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่ไม่เห็นเขามานอนที่บ้านหลายวันแล้ว
“ครับ”เขารับคำแค่นั้น ก่อนที่จะผละจากพี่ชายเพื่อเดินขึ้นบันไดไป
“คุณดำทานข้าวหรือยังคะ ถ้ายังนิดจะจัดให้”
นิตยาที่เดินลงบันไดมาเพื่อไปตรวจความเรียบร้อยตามปกติ ถามเขาพร้อม ๆ กับมีสีหน้าที่ดีใจไม่น้อยที่ได้เห็นหน้าเขา
“ไม่ผมอิ่มมาแล้ว ขอบคุณนิดมาก ๆ”
เขาบอกพร้อมกับยิ้มให้นิตยาเพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไป โดยมีเด่นณรงค์ก้าวขึ้นบันไดตามไปด้วยความรีบ

“ดำ ๆ พี่ขอคุยธุระแป๊บหนึ่งได้มั้ย ไม่นานหรอก”เด่นณรงค์บอกเมื่อเดินตามเขามา
“มีอะไรครับพี่เด่น”เขาหันมาถาม แต่ก็ดูเหมือนเขาพอเดาออกว่าพี่ชายจะคุยเรื่องอะไร
“พี่ว่าเข้าไปคุยที่ห้องพี่ดีกว่านะ”
เขาบอกและเดินนำน้องชายไปในห้องที่อยู่ไม่ห่างกันมาก ดนุพรเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้
“มีอะไรครับพี่เด่น แต่รีบหน่อยนะเพราะวันนี้ผมเหนื่อยมาก อยากจะพัก”
เขารีบเข้าประเด็นพร้อม ๆ กับทรุดตัวลงนั่งที่ชุดรับแขกในห้องนอนของพี่ชาย โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือถูกวางเอาไว้ที่โต๊ะกลาง

“พี่ขอบใจดำมาก ๆ นะ สำหรับเรื่องนี้ แต่พี่คงจะรับไว้ไม่ได้หรอก มันมากเกินไป แล้วอีกอย่างพี่ก็ยังไม่ได้ปรึกษาคุณเพลงเลย ถ้าขืนพี่รับไว้คุณเพลงรู้เข้าคงจะไม่ค่อยชอบใจนัก”เด่นณรงค์บอกและยื่นเช็คคืนให้เขา
“พี่เด่นครับ ผมรู้ว่าพี่เด่นรู้สึกยังไงที่จะต้องเอาเงินที่พี่เด่นคิดว่ามันเป็นเงินของผม แต่ผมอยากจะบอกพี่เด่นไว้ตรงนี้เลยว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผมมีอยู่ทุกวันนี้ รวมไปถึงบ้านหลังนี้และทรัพย์สมบัติอื่น ๆ ผมถือว่ามันเป็นของพี่เด่นครึ่งหนึ่งครับ”
เขาบอกตามที่เขาคิดเอาไว้

“ทำไมดำถึงบอกพี่แบบนี้ล่ะ”เด่นณรงค์ถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็เพราะว่าถ้าตอนนี้เราได้ทุกอย่างคืนจากทางโน้น ผมก็คงจะเป็นคนบริหารงานรอพี่เด่นออกมา แล้วเราก็จะได้ถือกรรมสิทธิ์ในทุก ๆ อย่างกันคนละครึ่งไงครับ แต่ในเมื่อพี่เด่นต้องไปอยู่ที่นั่นฟรี ๆ ผมก็ถือพี่เด่นก็ทำงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนปูทางเอาไว้ก็เถอะ
ผมก็ถือว่ามันเป็นของพี่เด่นด้วย ถ้าพี่ไม่คิดที่จะเสียสละให้พวกเรา พี่ก็จะมีเวลามาช่วยผมสร้างครอบครัวของเราด้วยกันได้ พี่เด่นอาจจะพาพวกเราร่ำรวยกว่าผมทำไว้ตอนนี้ก็ได้ แล้วอย่างนี้พี่เด่นยังจะไม่ให้ผมบอกพี่เด่นแบบนี้ได้ยังไงครับ”
เขาบอกพี่ชายด้วยใจจริง

“แล้วดำไม่โกรธพี่กับ....เอ่อ...”
“ผมเป็นลูกผู้ชายนะครับพี่เด่น ในเมื่อเขารักและเลือกพี่เด่น ผมก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว”
เขาบอกพี่ชายตามที่เขาคิดเอาไว้
“ดำ...พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้”เด่นณรงค์รู้สึกผิดไม่น้อยเหมือนกัน

“พี่เด่นไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมเองต่างหากที่จะต้องขอโทษพี่ ที่ไป...เอ่อ...ถ้าผมรู้ว่าพี่กับเขารักกัน ผมจะไม่มีวันที่จะทำแบบนี้เด็ดขาด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ผมก็ไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขอะไร ๆ ได้อีกแล้ว ผมขอโทษนะครับพี่ ยกโทษให้ผมด้วย” เขาบอกพี่ชายด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยเมื่อคิดถึงการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง

“ดำอย่าคิดมากเลยนะ อะไร ๆ ที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปดีกว่า พี่ถือว่ามันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ต่างคนก็ต่างไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ และอีกอย่างเราก็เป็นพี่น้องกันด้วย มีกันอยู่แค่นี้ จะมาโกรธเคืองกันเพราะเรื่องผู้หญิง พี่คงจะยอมไม่ได้เป็นแน่”เขาปลอบน้องชาย
“ถ้าพี่เด่นคิดอย่างนั้นก็รับเงินที่ผมให้ไปด้วยนะครับ และก็มาช่วยผมทำงานเหมือนเดิมอย่าไปเริ่มต้นใหม่เลย พี่ก็บริหารงานได้ดีไม่แพ้ผม เผื่อวันข้างหน้าผมเกิดเหนื่อยหรือเบื่อวงการนี้ จะได้ไปทำอย่างอื่นแล้วให้พี่เด่นดูแลต่อไงครับ”
เขาให้เหตุผลพี่ชาย

“งั้นพี่ขอไปปรึกษาคุณเพลงก่อนนะ”เขาบอกน้อง
“ตามใจพี่ก็แล้วกันนะครับ พี่ตกลงใจยังไงก็มาบอกผม แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำ ผมว่าเรื่องนี้พี่อย่าไปบอกเขาเลย พี่ก็รู้ว่าเขาคงจะไม่อยากจะได้อะไร ๆ ที่เป็นของผมหรอก แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ผมไปอยู่กับเขาตัวเปล่า ๆ เหมือนกัน เขาจะได้ไม่ว่าเราได้” เขาให้ข้อคิดกับพี่ชายตรง ๆ โดยที่อีกฝ่ายนั้นก็เห็นด้วยแทบทั้งสิ้น แต่ก็ยังกังวลความรู้สึกของระพีพรรณไม่น้อย
“ขอพี่คิดดูอีกทีก่อนนะดำ งั้นดำเอาเช็คนี้กลับไปก่อน ถ้าพี่ตกลงใจได้พี่จะบอกดำดีกว่านะ”

“แล้วแต่พี่เด่นก็แล้วกันครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะ”เขาบอก
“พี่ขอบใจดำมาก ๆ นะ”เด่นณรงค์บอกน้องพร้อม ๆ กับตบบ่าเขาเบา ๆ ด้วยความรักที่มีต่อน้องชาย

“ไม่เป็นไรครับ”
เขาบอกพี่ชายและก็ลุกเดินออกจากห้องไป โดยมีผู้เป็นพี่ที่มองตามน้องออกไปด้วยความรู้สึกที่เข้าใจเขาไม่น้อย ที่มีอาการเศร้า ๆ ในช่วงนี้ แล้วเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าระพีพรรณเลือกน้องชายเขามาเป็นคู่ครอง คนที่จะเดินออกไปด้วยอาการเศร้าสร้อยนั้น คงจะเป็นเขาแทน
ดนุพรกลับเข้ามาในห้องตัวเองก็รีบอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น แล้วก็ออกไปดูดอนที่ห้องก็พบว่าลูกชายหลับไปนานแล้ว เขาจัดการปิดไฟในห้องให้ดอนก่อนจะออกจากห้อง แล้วก็พบนิตยาที่เดินขึ้นมาชั้นบนพอดี

“คุณดำคะ คุณพิสิทธิ์โทรมาค่ะ บอกว่าโทรหาคุณดำตั้งนานไม่ยอมรับสาย เห็นบอกว่ามีธุระด่วน นิดโอนสายมาที่ห้องคุณดำแล้วค่ะ”
“อ้าวเหรอ...สงสัยผมจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องพี่เด่น”
เขาอุทานก่อนที่จะรีบเดินกลับไปห้องตัวเองเพื่อรับโทรศัพท์ แล้วไม่นานก็กลับออกมา แล้วเดินไปห้องพี่ชายแล้วก็เคาะประตูอยู่หลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับเลย
“คุณเด่นไปนอนเรือนมะลิกับคุณป้าค่ะ ห้องคงจะล็อคเอาไว้นี่ค่ะนิดเอากุญแจมาให้แล้ว”
เสียงนิตยาที่ดังมาจากข้างหลัง พร้อม ๆ กับยื่นกุญแจให้เขา
“ขอบคุณมากนิด”เขารับกุญแจมา

“งั้นนิดขอตัวไปยกเครื่องดื่มร้อน ๆ ไปให้คุณป้าก่อนนะคะ บอกว่ายังไม่อยากจะนอน จะคุยกับคุณเด่นก่อนค่ะ”

นิตยาบอกเมื่อเขาพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเปิดประตูห้องพี่ชายเข้าไป เพื่อเอาโทรศัพท์เพราะพิสิทธิ์ต้องการเบอร์เพื่อนเก่า ๆ เพื่อจะถามข้อมูลบางอย่างของลูกความ
เขาเปิดไฟและเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงวางอยู่ที่โต๊ะตัวเก่า แล้วใกล้ ๆ ก็มีเช็คที่พี่ชายเพิ่งจะยื่นให้เขาเมื่อสักครู่ เขารีบจัดการส่งสิ่งที่พิสิทธิ์ขอไปให้โดยด่วนก่อน เพราะอีกฝ่ายกำลังรออยู่ เขาหยิบเช็คขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วก็เกิดความคิดที่จะทิ้งไว้ให้พี่ชายอีก เขามองไปที่โต๊ะทำงานของพี่ชายเพื่อหาที่เก็บเช็คเอาไว้ให้

แล้วก็เห็นสมุดบันทึกวางอยู่ เขาจำได้ว่าพี่ชายจะใช้บ่อย จึงเอาเช็คไปเสียบเอาไว้ที่บันทึกเล่มหนานั้น โดยให้ปลายเช็คโผล่ออกมาไว้เพื่อหวังให้พี่ชายได้เห็นพรุ่งนี้เช้า ส่วนตัวเองก็รีบเดินไปปิดไฟห้องเพื่อจะกลับออกไป
แต่เขาก็ชะงักเท้าเอาไว้ เพราะคิดอะไรบางอย่างได้เกี่ยวกับสมุดบันทึกเล่มนั้น ด้วยเขาเคยเห็นระพีพรรณถืออยู่ในมือวันนั้น แล้วเธอก็สารภาพรักพี่ชาย มันสร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย และเขาก็คิดว่ามันเป็นเล่มเดียวกันเป็นแน่ เขารีบเดินกลับมาที่เดิมแล้วก็ยอมเสียมารยาท เปิดบันทึกดูด้วยความอยากรู้ แล้วเขาก็ถึงกับเข่าอ่อนด้วยความสงสารพี่ชาย เมื่อเขาได้อ่านในส่วนท้ายของบันทึก

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านอกจากเขาแล้วก็ยังมีพี่ชายของเขาอีกคนที่รักระพีพรรณมากมายถึงเพียงนี้ นี่ถ้าคนที่กำลังจะแต่งงานกับเธอเป็นเขาในตอนนี้ คนที่จะเจ็บปวดแสนสาหัสในวันนี้ก็คงจะเป็นพี่ชายเขาเป็นแน่ นี่เขาเป็นคนทำร้ายจิตใจพี่ชายตัวเองได้ถึงเพียงนี้หรือ ทุก ๆ คำพูดที่ระพีพรรณพร่ำบอก ว่าเขาเป็นคนที่ทำร้ายเธอและพี่ชายตัวเอง มันเป็นจริงอย่างนั้นหรือ

เขาไปแย่งคนที่พี่ชายตัวเองรักมากมาได้ยังไง มิหนำซ้ำเขายังทำลายเธอจนย่อยยับไม่มีชิ้นดีอีก แล้วเขายังจะมีหน้าไปขัดเคืองที่พี่ชายไปแย่งผู้หญิงที่เขาประกาศปาว ๆ ว่าเป็นเมียมาจากเขาอีก ตามด้วยการจัดงานแต่งงานพร้อม ๆ พี่ชายเพื่อประชดใครบางคนอีก นี่เขาตอบแทนความเสียสละของพี่ชายด้วยเรื่องที่มันเลวร้ายที่ไม่มีใครคาดเดาได้

สมุดบันทึกถูกปิดไปแล้ว และเขาก็ต้องรีบเดินออกมาจากห้องพี่ชายด้วยความรู้สึกที่เศร้าใจเป็นที่สุดที่ได้รับรู้เรื่องนี้ เขาค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนไปนอนทันทีที่มาถึงห้องนอนพร้อมมือก็ยกขึ้นมาก่ายไว้ที่หน้าผาก เพื่อคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาในตอนนี้

“ทำไมคะคุณดำ ชีวิตของคุณเกือบทั้งชีวิต คุณจะมัวแต่เก็บสะสมเอาแต่ความแค้น ความเกลียดชังเอาไว้ยังงั้นเหรอเหรอคะ คุณไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเหรอที่วัน ๆ คอยแต่คิดหาทางแก้แค้นให้คนที่คุณเกลียดต้องได้รับความเจ็บปวด แล้วคุณจะหาความสุขกับชีวิตที่เหลือของคุณได้ยังไง....ปล่อยฉันเจ็บ”

แล้วเขาก็อดคิดถึงคำพูดของระพีพรรณไม่ได้ ใช่แล้วเขาจะหาความสุขจากชีวิตที่เหลือได้ยังไงกัน ในเมื่อความสุขทั้งหมดของเขามันมีเธอกับลูกเป็นคนกำหนด คิด ๆ แล้วให้เกลียดตัวเองเป็นที่สุด เกลียดที่คิดไปแก้แค้นพ่อกับพี่ชายเธอ เกลียดที่ไปหลงรักเธอ เกลียดที่หัวใจคอยแต่สั่งสมความแค้นไม่รู้จักจบสิ้น

แล้วตอนนี้ล่ะ ก็ในเมื่อเขาพอจะคลายความโกรธแค้นลงไปแล้ว ทำไมเขายังเจ็บปวดกับมันอีก ทำไมเขายังหาความสุขไม่ได้สักที ทำไม ๆ ๆ ๆ ๆ เขาพร่ำถามตัวเองจนจะรุ่งสางแล้วก็ค่อย ๆ หลับไปเพราะความอ่อนเพลีย


รถหรูของนัชนินขับเข้ามาจอดไว้ที่บ้านของดนุพรในเวลาบ่ายคล้อยของวันต่อมา เพราะดนุพรโทรนัดให้มาหาที่บ้าน และให้เลยรอกินข้าวเย็นด้วยเลย บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก ซึ่งนัชนินก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะได้ทำความคุ้นเคยกับคนที่บ้านด้วย
“คุณดำให้เชิญคุณแนนไปรออยู่ที่เรือนกุหลาบเลยค่ะ บอกว่าติดลูกค้าสำคัญอยู่ คุณป้ารออยู่ที่โน่นแล้วให้คุณแนนทานของว่างไปพลาง ๆ ก่อนค่ะ”นิตยาที่ยืนรอรับนัชนินตามคำสั่งของดนุพรบอกแขกที่เพิ่งจะก้าวขึ้นบันไดบ้านมา

“อ้าว...แล้วคุณดำบอกไว้หรือเปล่าว่าจะมาเมื่อไหร่ แล้วเรือนกุหลาบไปทางไหนล่ะ วันนั้นฉันลืมไปแล้วว่าคุณดำพาไปทางไหน”
นัชนินถามนิตยาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก เพราะไม่ชอบหน้านิตยาตั้งแต่วันแรกที่มาบ้านนี้แล้ว และเธอก็สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่า เมื่อไหร่ที่เธอได้เข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ เธอจะไล่นิตยาออกจากบ้านเป็นคนแรกด้วยข้อหาที่มองดนุพรด้วยสายตาแปลก ๆ
“เชิญทางนี้ค่ะ แล้วคุณจะรับอะไรเป็นของว่างคะ วันนี้มีข้าวเกรียบปากหม้อ กับสาคูไส้หมูค่ะ”
นิตยาพยายามจะข่มอารมณ์ไม่ให้ขุ่นเคืองไปมากกว่านี้ เพราะไม่ชอบใจมาก ๆ ที่ได้ยินน้ำเสียงของนัชนินที่ออกจะข่ม ๆ ตัวเองอยู่ในที

“ฉันเอาสาคูไส้หมูก็แล้วกัน ไหนฉันต้องไปทางไหน”
นัชนินตอบและถามทางนิตยาด้วยอาการไม่ชอบใจนักที่มาแล้วไม่พบดนุพร
“คุณเดินตามทางนี้ไปค่ะ บ้านหลังแรก แต่ถ้าไปไม่ถูกก็คงจะเห็นคุณป้าที่นั่งอยู่ระเบียงรอแล้วล่ะค่ะ ฉันจะไปจัดของว่างก่อน”

นิตยาบอกด้วยน้ำเสียงที่ห้วนไม่แพ้กัน เพราะทนไม่ไหวที่มีคนมาข่มทับรอย แล้วก็เดินจากไปทางด้านครัว ส่วนนัชนินนั้นทำท่ายักไหล่แล้วก็เดินตามทางไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็มองเห็นเรือนกุหลาบอยู่ตรงหน้า และเห็นลัดดานั่งอยู่ที่ระเบียงตามที่นิตยาบอกเอาไว้ แต่ใกล้ ๆ กัน นิตยาก็มองเห็นหญิงในชุดขาวถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นพยาบาล แล้วก็มีหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอีกชุด

“หนูแนนมาแล้วเหรอลูก มา ๆ ป้ารออยู่”ลัดดาทักทันทีที่เห็นเธอเดินมาใกล้ ๆ เรือนกุหลาบ
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณป้า”นัชนินรีบไหว้ลัดดาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ
“เอ่อ...แล้วไม่ทราบว่านั่น...”
นัชนินถามด้วยความอยากรู้ พร้อม ๆ กับมองไปยังดรุณีที่ค่อย ๆ มองจานของว่างที่ตั้งอยู่ตรงหน้า โดยมียุพินคอยสอนให้จับช้อนเพื่อตักของว่างเข้าปาก

“อ๋อ...นั่นยายดาลูกสาวคนเล็กป้าไงจ๊ะ แล้วส่วนคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็คือคุณยุพินจ๊ะ เป็นพยาบาลที่คอยดูแลยายดา แล้ววันนั้นดำไม่ได้พาหนูแนนกับคุณแม่มาดูยายดาที่นี่หรือจ๊ะ”ลัดดาแนะนำและถามด้วยความสงสัย
“เปล่านี่คะ คุณดำแค่พาแนนเดินมาดูไกล ๆ แล้วก็บอกว่าเป็นบ้านของน้องสาว ส่วนอีกหลังที่อยู่ทางโน้นเป็นบ้านของคุณป้าค่ะ”

นัชนินตอบตามตรง และก็แปลกใจที่ดรุณีมีอาการแบบนั้น แต่ก็ไม่กล้าถามลัดดาได้แต่มองดูด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวของคนในครอบครัวของดนุพรมาก่อนเลย แต่ไม่ว่าจะให้มองดรุณีกี่ครั้ง ๆ เธอก็ดูว่าดรุณีเป็นคนที่สติสตังไม่ค่อยจะดีนั่นเอง และนัชนินก็เดาเอาว่า

นี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ดนุพรไม่ยอมพาเธอมาเที่ยวบ้านของเขา เพราะเธอและแม่อยากจะมาดูว่าเขาจะมีความเป็นอยู่ทางบ้านยังไง ส่วนเรื่องฐานะทางการเงินของเขานั้นเธอรู้แล้ว ว่าเขาร่ำรวยแค่ไหน จึงเคยเปรย ๆ กับเขาว่าอยากจะมาเที่ยวบ้านเพื่อทำความรู้จักกันเอาไว้ แต่เขาก็บอกปัดไปเรื่อย

“ดำคงจะไม่ว่างมั้งลูก แต่อีกหน่อยแต่งงานกันไปแล้วเขาคงจะเล่าอะไร ๆ ให้หนูฟังเองล่ะจ๊ะ ป้าว่าทานของว่างก่อนดีกว่า โน่นแม่นิดยกมาแล้ว อ้าว....ตาดอนกลับมาแล้วเหรอลูก”
ลัดดาบอกและก็มองเห็นนิตยาเดินถือถาดของว่างมา โดยมีดอนเดินตามหลังมาด้วย
“คุณย่าสวัสดีครับ ดอนคิดถึงคุณย่าที่สุดเลยครับ”ดอนรีบวิ่งแซงหน้านิตยาเข้าไปโอบกอดย่าเอาไว้ด้วยความรัก
“ว่าไงเรา มาประจบย่าแบบนี้จะขออะไรย่าอีกล่ะลูก”ลัดดาถามหลานชายแล้วก็หอมไปที่ศีรษะของเขาด้วยความรัก

“ไม่มีครับ แต่ตอนนี้หิวจังเลยครับ ครูที่สอนพิเศษดอนนะดุเป็นบ้าเลย”
ดอนบอกแล้วก็นั่งลงใกล้ ๆ ลัดดา หลังจากที่กลับจากโรงเรียน แล้วก็เลยไปเรียนพิเศษกับครูมา
“ดอนไหว้น้าแนนซะสิลูก อีกหน่อยน้าแนนจะมาอยู่บ้านเราแล้วนะลูก”
ลัดดาบอกไปแค่นั้น เพราะไม่แน่ใจว่าดนุพรได้บอกอะไรดอนไปบ้างหรือยัง เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน

“สวัสดีครับ”
“จ๊ะ...แล้วดอนนี่เป็นลูกคนโตของพี่เด่นหรือเปล่าคะ”
นัชนินสงสัยไม่น้อย เพราะได้ยินแต่ชื่อหนุ่มน้อยมาแล้วเมื่อวันก่อนที่มากินข้าวที่นี่ แต่ก็ไม่เคยเห็นหน้า และดนุพรก็ไม่เคยบอกอะไรเธออีกเช่นกัน
“เปล่าครับดอนไม่ใช่ลูกลุงเด่น ดอนเป็นลูกพ่อดำต่างหากครับ”ดอนรีบตอบและก็ยิ้มให้นัชนินด้วยความไร้เดียงสา
“ลูกคุณดำ...เหรอคะคุณป้า...แล้วเอ่อ...กับ...”
นัชนินรู้สึกตกใจเป็นที่สุดที่ได้ยินคำพูดของดอน เพราะรู้สึกทั้งไม่พอใจและโกรธดนุพรเป็นที่สุด ที่ไม่ยอมบอกกล่าวว่ามีลูกโตจนป่านนี้

“มันไม่ใช่อย่างที่หนูแนนคิดหรอกจ๊ะ ป้าว่าเอาไว้ให้ดำมาเล่าให้หนูแนนฟังดีกว่านะลูก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ จะให้ป้าบอกไปตอนนี้ก็ไม่ได้ แล้วหนูจะเข้าใจอะไร ๆ ได้ดีขึ้นเอง แต่ตอนนี้กินของว่างก่อนดีกว่า เพราะกว่าดำจะกลับมาก็คงจะค่ำแน่ ๆ เลยจ๊ะ ถ้าบอกว่าติดลูกค้าแบบนี้ ก็คงจะถึงบ้านตอนตั้งโต๊ะเสร็จโน่นล่ะจ๊ะ”

ลัดดารีบตัดบท เพราะเห็นสีหน้าของนัชนินแล้ว ก็ไม่แน่ในนักว่าจะบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หรือรอให้ลูกชายมาบอก ส่วนนัชนินก็พยายามเก็บความรู้สึกที่ไม่ค่อยชอบใจเอาไว้ภายใน เพราะไม่อยากแสดงออกมาให้ลัดดาได้เห็น ได้แต่นั่งตักของว่างเข้าปากแบบเสียไม่ได้และเธอก็หวังว่าดนุพรคงจะมีเหตุผลที่ดีเพียงพอสำหรับเรื่องนี้ได้


“เอ๊ะนั่นรำพึงพาใครเดินเข้ามาล่ะ”
ลัดดาถามเมื่อแตนเข็นรถพาเธอเดินเล่นมาถึงขอบสระน้ำ โดยมีนัชนินเดินตามมาใกล้ ๆ หลังจากที่ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่เรือนกุหลาบเกือบจะถึงหกโมงเย็น แต่ก็ไม่เห็นดนุพรกลับบ้านสักที
“คุณท่านคะ คุณเด่นบอกว่าให้คุณคนนี้มารอคุณเด่นอยู่ที่บ้านก่อนค่ะ อีกหน่อยคุณเด่นจะกลับมาค่ะ”
รำพึงรีบรายงานเมื่อพาสมคิดเดินมาใกล้ ๆ ลัดดา
“อ้าว...เหรอ...แล้วเธอเป็นใคร ชื่ออะไรกัน แล้วรู้จักพ่อเด่นได้ยังไง”
ลัดดาถามชายที่ตัดผมเตียนสั้น และมีร่างกายผอมโซ เสื้อผ้าก็ออกจะเก่าเก็บ

“ผมชื่อสมคิดครับ เป็นเพื่อนกับพี่เด่นตอนที่เราอยู่ที่โน่นด้วยกันครับ พอดีพี่เด่นบอกว่าถ้าผมออกมาแล้ว ให้มาหาพี่เด่นที่นี่ แล้วจะหางานให้ทำ ผมออกมาได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งแล้วครับ กลับบ้านไปอยู่กับแม่ก่อน แล้วก็เลยมาที่นี่ครับ เห็นพี่เด่นบอกว่ากำลังจะแต่งงาน เลยจะมาอยู่ช่วยงานก่อน แล้วเรื่องงานก็แล้วแต่พี่เด่นจะเห็นสมควรครับ”

สมคิดไหว้ลัดดา เพราะเดาได้ว่าคงจะเป็นแม่ของเด่นณรงค์ แต่ในใจก็รู้สึกกลัว ๆ ไม่น้อย ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่า ฐานะทางบ้านของเด่นณรงค์จะร่ำรวยขนาดนี้ และเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าสายตาของผู้หญิงสวยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้น มองเขาอย่างดูแคลนเป็นที่สุด

“เหรอ....เด่นยังไม่กลับบ้าน เธอต้องรอก่อนนะ จะนั่งรอที่สระว่ายน้ำ หรือว่าที่ศาลาตรงโน้นก็ได้ หรือจะไปรอในบ้านก็ได้ แล้วเด่นมาฉันจะบอกให้นะ รำพึงช่วยหาอะไรให้สมคิดกินด้วยนะ”

ลัดดาสั่งเหมือนจะเข้าใจว่านัชนินคงจะไม่อยากให้ชวนเพื่อนของลูกชายร่วมโต๊ะอาหารด้วยเป็นแน่ เพราะนัชนินฉายแววตาที่ไม่อยากจะร่วมโต๊ะกับชายแปลกหน้าอย่างเห็นได้ชัด คงจะเพราะการแต่งตัวของเขานั่นเอง แต่ลัดดาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเลย เพราะอย่างน้อย ๆ ลูกชายตัวเองก็เคยผ่านสถานที่แบบนั้นมาแล้ว ลัดดาจึงตัดสินใจยังไม่ชวนสมคิดร่วมโต๊ะ รอให้ลูกชายกลับมาก่อนนั่นเอง

“ขอบพระคุณครับ งั้นผมรอที่สระว่ายน้ำก็ได้ครับ”สมคิดบอกและไหว้ลัดดา
“รำพึงพาสมคิดไปทีนะ แล้วอย่าลืมหาอะไรมาให้สมคิดกินด้วย” ลัดดากำชับอีกครั้ง
“ค่ะคุณท่าน”รำพึงรับคำสั่งก่อนจะเดินนำสมคิดไป

“ใครกันคะคุณป้า แต่งตัวมอมแมมไม่น่าดูเลยค่ะ พี่เด่นมีเพื่อนแบบนี้ด้วยเหรอคะ แล้วที่บอกว่าออกมานี่ มาจากที่ไหนคะ เป็นพวกสิบแปดมงกุฎหรือเปล่าก็ไม่รู้ แนนว่าคุณป้าน่าจะให้รอนอกบ้านก่อน รอให้พี่เด่นกลับมาแล้วค่อยให้เข้าบ้านดีกว่ามั้ยคะ เห็นหน้าแล้วดูไม่น่าไว้ใจยังไงไม่รู้ค่ะ”
นัชนินบอกและเตือนลัดดาด้วยความหวังดี ซึ่งลัดดาเองก็เข้าใจดี และเธอก็คงจะทำแบบนั้น ถ้าลูกชายไม่เคยผ่านสถานที่แบบนั้นมา แต่มันก็ป่วยการที่ลัดดาจะเล่าอะไรให้นัชนินฟังในตอนนี้ เธอก็ได้แต่หวังว่าลูกชายคนเล็กคงจะให้ความกระจ่างแก่นัชนินเมื่อแต่งงานกันไปแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะหนูแนน พ่อเด่นโทรมาบอกไว้แล้ว คงจะไม่มีอะไรหรอกลูก ป้าว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่านะ ใกล้เวลาอาหารแล้ว แต่ทำไมป่านนี้ดำยังไม่กลับมาอีกก็ไม่รู้ ไปแตนพาฉันเข้าบ้านได้แล้ว”
ลัดดารีบตัดบท เพราะไม่อยากให้นัชนินซักมากไปกว่านี้ จนนัชนินรู้สึกขัดใจนิด ๆ แต่ก็ไม่กล้าแสดงอะไรออกมา ได้แต่เดินตามลัดดาไปในบ้านแค่นั้น
“หิวกันหรือยังครับคุณแม่ ขอโทษด้วยครับที่ให้รอ”
เสียงเด่นณรงค์ที่เดินจนเกือบจะเป็นวิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะรู้ดีว่ามารดาจะรอกินข้าวด้วย

“มาแล้วเหรอลูก แม่ยังไม่หิวเท่าไหร่หรอก แต่หนูแนนไม่รู้จะหิวหรือยังจ๊ะ”
ลัดดาบอกลูกชายและเป็นการถามนัชนินไปด้วย เพราะเข้ามานั่งรอดนุพรก็เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว
“เหรอครับ แล้วสมคิดอยู่ที่ไหนครับคุณแม่”เด่นณรงค์ถาม
“แม่ให้รอที่สระน้ำแหนะลูก จะไปหาก่อนก็ได้แล้วค่อยมากินข้าว หรือเด่นจะชวนเพื่อนมากินข้าวด้วยกันก็ได้นะลูก”
ลัดดาเปิดทางให้
“ครับงั้นผมไปแป๊บหนึ่งก่อนนะครับ คุณแม่ไปรอที่โต๊ะอาหารได้เลย คุณแนนด้วยครับ เดี๋ยวผมมา”
เด่นณรงค์บอกก่อนจะเดินผละจากไป

“เอ่อ....แนนขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคุณป้า”นัชนินรีบเดินผละไปอีกคน โดยไม่ทันที่ลัดดาจะบอกทางไปห้องน้ำด้วยซ้ำ
“ว่าไงสมคิด”
เสียงเด่นณรงค์ร้องทักเพื่อนเก่าด้วยความคุ้นเคย ทำให้สมคิดที่นั่งแทบจะขดตัวอยู่ถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นเขาเดินไปถึงสระว่ายน้ำ
“พี่เด่น....ดีใจจัง คิดถึงพี่เด่นที่สุดเลย”
สมคิดเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจและก็รีบลุกขึ้นพร้อม ๆ กับโผลเข้าไปกอดเขาเอาไว้แน่น แล้วน้ำตาของลูกผู้ชายที่เหมือนจะรู้ ๆ กันก็ไหลออกมาด้วยความดีใจ

“ออกมาตั้งนานแล้วไม่ยอมโทรมาหาพี่เลยนะ”
เด่นณรงค์ต่อว่าเมื่อทั้งคู่ผละออกจากกันแล้วก็ต่างฝ่ายก็ต่างเช็ดน้ำตา และเดินไปนั่งที่โต๊ะ

“ผมยุ่งเรื่องของแม่อยู่ครับ ที่บ้านมีปัญหาหลายอย่าง เสร็จแล้วก็โทรหาพี่นี่ล่ะ ตอนแรกว่าจะหางานให้ได้ก่อน แต่หายังไง ๆ ก็ไม่มีคนรับ แค่รู้ว่าเราเป็นคนผ่านคุกผ่านตารางมาแค่นั้น เขาก็ไม่เรียกสัมภาษณ์ด้วยซ้ำพี่ ผมหมดหนทางก็เลยโทรมาหาพี่นี่ล่ะ โอย...พี่....บ้านพี่ทำไมรวยจังเลย ถ้าพี่ไม่บอกให้เข้ามารออยู่ข้างในนะ ผมคงจะต้องนั่งเกาะรั้วรอพี่อยู่ข้างนอกนั่นล่ะ”
สมคิดบอกตามความรู้สึก

“มันเป็นของน้องชายพี่น่ะ ส่วนพี่ก็มีแต่ตัวเหมือนกัน เราก็รู้ ๆ กันอยู่ ไปเสียเวลาอยู่ที่นั่นเป็นนานสองนาน แล้วจะเอาเวลาไหนมาสร้างตัว”เขาบอกตามจริงเหมือนกัน
“แล้วแฟนพี่อยู่ไหน หรือว่าจะเป็นคนสวย ๆ ที่อยู่ในบ้านคนนั้น แล้วเป็นคน ๆ เดียวกับในรูปที่พี่เก็บเอาไว้หรือเปล่า”
สมคิดถามด้วยความสงสัย

“อ๋อ...คุณแนนเหรอ ไม่ใช่หรอก นั่นแฟนน้องชายพี่หนะ ส่วนแฟนพี่ก็เป็นคน ๆ เดียวกับที่อยู่ในรูป แต่ว่าไม่ได้มาที่นี่ จะมาก็เย็น ๆ วันมะรืน ก่อนวันแต่งวันหนึ่ง เพราะบ้านอยู่ไกลกันพี่เลยให้มานอนที่นี่ก่อนจะได้ไม่วุ่นวาย เดี๋ยวสมคิดก็คงได้เห็น”
เขาบอก เพราะตกลงกับระพีพรรณว่าจะให้มานอนที่เรือนมะลิในคืนก่อนงานหนึ่งคืน
“เหรอ....เฮ้อ...โล่งอกไปที นึกว่าเป็นคุณคนสวยคนนั้นซะอีก”
“ถ้าเป็นคนนั้น แล้วทำไมล่ะ”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกพี่ ผมดู ๆ เหมือนเขาจะรังเกียจผมยังไงไม่รู้ ไอ้ผมมันก็แต่งตัวมอซอด้วย”สมคิดบอก

“ไม่ต้องไปคิดมากหรอก เอ่อ....จริงสิ เรื่องงานพี่ถามให้แล้วนะ จะไปทำกับน้องชายพี่หรือว่าจะทำกับน้องชายแฟนพี่ก็ได้ ส่วนเงินเดือนก็ให้ไปคุยกับเขาเอง”
เด่นณรงค์บอกหลังจากที่เล่าเรื่องนี้ให้ดนุพรฟังแล้ว และเขาก็เผื่อเอาไว้ให้สมคิดเลือกอีกทางโดยการคุยกับระพีพงศ์เอาไว้ด้วยเช่นกัน
“โธ่พี่เด่น คนคุกอย่างผมนี่มีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ แค่พี่มีที่ให้ผมเอาไว้ซุกหัวนอนมีข้าวกินสามมื้อ แค่นั้นผมก็พอใจมากแล้วพี่” เขาบอกก่อนจะทำหน้าละห้อยจนเด่นณรงค์รู้สึกสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูกเลย


“อ้าว...ยังไม่ทานข้าวกันล่ะครับคุณแม่”
เด่นณรงค์ถามเมื่อคุยธุระกับสมคิดเสร็จ แล้วก็ตรงมาที่ห้องอาหาร ก็พบว่ามารดากับนิตยายังคงนั่งรออยู่
“ยังเลยลูก แม่ก็รอเรากับหนูแนนอยู่หนะสิ”
“แล้วคุณแนนไปไหนครับ”เขาถามพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ มารดา
“บอกว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่ทำไมยังไม่มาก็ไม่รู้ อ้าว....นั่นไงมาพอดี”ลัดดาบอกเมื่อเห็นนัชนินเดินมา

“คุณดำยังไม่มาเหรอคะคุณป้า นี่มันก็ทุ่มกว่าแล้วนะคะ นัดแนนมาแล้วทำไมไม่ยอมมาล่ะคะ”
นัชนินเริ่มบ่นด้วยความหงุดหงิด
“สงสัยคงจะปลีกตัวจากลูกค้ามาไม่ได้มั้งครับคุณแนน เพราะบางทีก็คุยกันเรื่องอื่นด้วย ผมว่าทานข้าวรอไปพลาง ๆ ดีกว่านะครับ เลยเวลาอาหารมานานแล้ว”เด่นณรงค์แก้ตัวให้น้องชาย ทั้ง ๆ ที่เขานัดแฟนแล้วแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ยอมมาสักที

“นั่นสิหนูแนน มากินข้าวกับป้ารอก่อนก็ได้ลูก ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะ เพราะอีกหน่อยเราก็คงจะต้องนั่งกินข้าวตามลำพังสองสามคนบ่อย ๆ เหมือนกัน เพราะสองหนุ่มนี่งานเขาเยอะ”ลัดดาบอก

“งั้นแนนขอตัวก่อนดีกว่านะคะคุณป้า ถ้าคุณดำไม่มาตามที่นัดกับแนนไว้ และไม่ยอมโทรมาบอก แนนก็ไม่รู้ว่าจะนั่งรอไปทำไม ฝากคุณป้าบอกคุณดำด้วยนะคะ ว่าให้โทรหาแนนด้วยค่ะ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ให้ไปที่บ้านแนนพรุ่งนี้นะคะ คุณแม่คงจะมีอะไรหลาย ๆ เรื่องถามคุณดำค่ะ งั้นแนนลานะคะคุณป้า พี่เด่น”
นัชนินบอกด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสุขใจนัก ที่ดนุพรไม่ยอมมาตามนัด และก็ไม่ยอมโทรมาบอกเหตุผลด้วย เธอจึงตัดสินใจลาลัดดาแล้วก็กลับบ้านทันที







 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2551
2 comments
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2551 11:07:36 น.
Counter : 625 Pageviews.

 

กลัวตอนจบจัง

 

โดย: aoi IP: 124.120.147.106 17 พฤศจิกายน 2551 20:09:19 น.  

 

อย่ากลัวเลยค่ะ ธัญรัตน์

ไม่เคยทำร้ายจิตใจคนอ่านเลยสักครั้ง

 

โดย: ธัญญะ 19 พฤศจิกายน 2551 14:00:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.