Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
1 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๓๘ (ธัญรัตน์)




“ว่าไงซามูไรพ่อลูกอ่อน ไปง้อเมียแค่นี้ถึงกับต้องนอนหยอดน้ำเกลือเลยเหรอวะ”
พิสิทธิ์แหย่เขาทันทีที่เดินมาถึงห้องนอนของเขา ก็พบว่ามีถุงน้ำเกลือแขวนอยู่ข้าง ๆ เพื่อนรัก
“จมูกไวดีนี่”เขาแขวะเพื่อน

“ถ้าคุณเมไม่บอกฉันก็ไม่รู้หรอก เห็นบอกว่าไม่ยอมไปนอนโรงพยาบาล จนต้องเดือดร้อนคุณหมอให้มารักษาถึงที่นี่ แกนี่ไม่ไหวเลยจริง ๆ นะ งั้นวันนี้ก็อดไปง้อเมียล่ะสิท่า”พิสิทธิ์ถามขณะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เตียงนอนของเขา
“อื่ม....แต่ถ้าฉันหายดี พรุ่งนี้จะไปรอตั้งแต่เที่ยงเลย”
เขาบอกและก็ยิ้มออกมาด้วยความหวัง ส่วนพิสิทธิ์ที่รู้เรื่องของเขามาจากโสภาแล้ว ก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้เขาได้คืนดีกับระพีพรรณเร็ว ๆ เพราะอยากจะเห็นทั้งสองคนมีความสุขกันเสียที

“ต้องอย่างนั้นสิเพื่อนรัก เอ๊ะ...แต่ทำไมคุณเพลงใจแข็งจังเลยวะ ฉันคิดว่าน่าจะไม่เกินสามวันด้วยซ้ำนะที่เห็นแกไปง้อหน่ะ”พิสิทธิ์อดสงสัยไม่ได้
“ก็มีก้างคอยขวางหน่ะสิ”เขาบอก
“เอ่อ...ชิ้นใหญ่ด้วยตั้งสามชิ้นแหน่ะ ดูท่าแกจะเจองานช้างแล้วมั้ง”พิสิทธิ์แหย่เขา
“สองก็พอมั้ง ลุงโป่งไม่อะไรกับฉันหรอก ส่วนนายกำพลก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นะ เมื่อคืนยังคุยกับฉันเลย ทำให้ฉันงงไปนานเลยล่ะ ที่จู่ ๆ มาทำดีกับฉัน หาเสื้อผ้ามาให้ใส่ด้วย ไม่รู้จะมาไม้ไหน”เขาอดสงสัยไม่ได้

“เขาเองก็คงจะสงสัยแกละมั้ง ไม่รู้จะไปไม้ไหนเหมือนกัน”
“เฮ้อ....ทำไมง้อคนนี่มันช่างยากจริง ๆ เลยนะ”เขาบ่นกับเพื่อน
“เอ้ย ๆ อย่าท้อนะ อีกหน่อยก็คงจะดีขึ้นเองล่ะ”พิสิทธิ์ให้กำลังใจและยิ้มให้เพื่อนรัก
“ฉันไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงกับฉัน ไม่รู้ว่าเขาจะรักฉันบ้างหรือเปล่า และไม่รู้ว่าเขาจะโกรธเกลียดฉันมากแค่ไหน ที่เคยทำไม่ดีกับเขา ลำพังแค่เขาฉันก็หนักใจมากพออยู่แล้ว ไหนจะนายพีกับพ่อเขาอีกล่ะ ไม่รู้จะออกมารูปไหนเลย”
เขาบอกเพื่อนตามความรู้สึกที่มีในตอนนี้

“ใจเย็น ๆ เถอะนะดำ ถ้าจะหักลบกลบหนี้กันจริง ๆ แล้ว ฉันมั่นใจว่านายไม่ได้ทำอะไรให้ลุงกำพลกับนายพีมากเท่าไหร่หรอกนะ แต่สำหรับที่ทำกับคุณเพลงฉันก็เห็นว่ามันมาก แต่ฉันเชื่อว่าคุณเพลงไม่ได้โกรธ เกลียดนายเท่าไหร่หรอก เพราะคุณเพลงจะต้องเข้าใจว่าที่แกทำกับเขาเพราะอะไร”พิสิทธิ์ให้เหตุผลกับเขา
“เขาถามฉันว่า ฉันลืมความแค้นที่มีกับพ่อและพี่เขาได้หรือยัง ฉันเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน”เขาบอก

“นั่นล่ะคือประเด็น ถ้าแกไม่ลืมเรื่องนี้ แกจะไปเอาลูกเขามาเป็นเมียได้ยังไงล่ะ ลองคิดดูดี ๆ นะดำ ถ้าลืมได้ก็ลืม ๆ มันไปซะ ถ้าแกยังรักลูกสาวเขาแกก็ต้องลืม และฉันก็เชื่อว่าลุงกำพลก็คงจะไม่ได้ถืออะไรแกมากมายนักหรอก เพราะเขาก็ทำกับแกไว้มากเหมือนกัน”พิสิทธิ์ให้แง่คิดเขา
“ไม่รู้เหมือนโว้ย แล้วแต่เวรกรรมก็แล้วกัน”เขาบอก
“เถอะน่า ฉันรับรองว่าแกไปบ้านคุณเพลงคราวหน้า อะไร ๆ มันจะต้องดีขึ้นกว่าเก่าแน่ ๆ ไม่เชื่อคอยดูสิ”
พิสิทธิ์บอกและยิ้มให้เขา


สีหน้าของผู้ที่เข็นรถค่อย ๆ คลายความกังวลลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขาออกมาดูที่หน้าบ้าน และรู้ว่าเจ้าของเสียงรถที่เพิ่งจอดไว้นั้น เป็นพิสิทธิ์แทนที่จะเป็นคนที่นั่งตากฝนแทบทั้งคืน
“สวัสดีครับคุณลุง”พิสิทธิ์ยกมือไหว้เขาทันทีที่ลงมาจากรถ พร้อม ๆ กับในมือถือตะกร้าของบำรุงลงมาด้วย
“สวัสดีครับ วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ แล้วหนูโสภาไม่มาด้วยเหรอ แล้วถืออะไรมาด้วยครับ”
กำพลรับไหว้เขาและถามหาอีกคน

“ไม่ครับผมไม่ได้บอกคุณโสภาล่วงหน้าว่าจะมา แล้วนี่ก็ของบำรุงครับ วันนี้คุณลุงอยู่กับใครบ้างครับ บ้านเงียบเชียว”
เขาถามและมองหาคนในบ้านนั่นก็คือระพีพงศ์นั่นเอง ส่วนระพีพรรณนั้นเขารู้จากโสภาแล้วว่ายังไม่กลับจากออฟฟิศ เขาจึงรีบมาหากำพลก่อนที่เธอจะกลับบ้าน
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยครับคนกันเองแท้ ๆ วันนี้ยังไม่มีใครกลับมาเลยครับ อ้าว...โน่นเจ้าพีมาพอดีเลย”
กำพลบอกเมื่อรถลูกชายเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน

“สวัสดีครับคุณพิสิทธิ์ไม่เจอกันตั้งนาน”ระพีพงศ์ทักทายเขา
“ครับ ผมมัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องลูกความครับ”เขาตอบ
“วันนี้คงไม่ได้มาเที่ยวเฉย ๆ ใช่หรือเปล่าครับคุณพิสิทธิ์”
กำพลถามเพราะเดาได้จากการมาของเขาซึ่งแตกต่างจากปกติไม่ใช่น้อย
“เอ่อ...ครับ พอดีผมอยากจะคุยอะไรกับคุณลุงกับคุณพีหน่อยครับ ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาให้ผมบ้างหรือเปล่า คงจะใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ครับ”เขารับกับกำพลโดยตรง และบอกจุดประสงค์การมาของเขาทันที


“สวัสดีครับคุณเพลง”
พิสิทธิ์ทักทายผู้ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้าน เขาอดดีใจแทนตัวเองไม่ได้ ที่ระพีพรรณกลับมาหลังจากที่เขาได้คุยธุระของตัวเองเสร็จไปพักใหญ่ ๆ แล้ว และเขาก็กำลังจะกลับพอดี หลังจากที่ได้ผลไม้และผักจากสวนกลับไปฝากเมียที่บ้านตะกร้าใหญ่ ๆ
“สวัสดีค่ะคุณพิสิทธิ์ จะกลับแล้วเหรอคะ แล้วทำไมพี่โสภาไม่มาด้วยคะ”
เธอถามเมื่อเห็นพิสิทธิ์เตรียมถือกุญแจรถ

“ครับพอดีผมไม่ได้ชวนคุณโสภาเอาไว้ เพราะว่ามาหาลูกความแถว ๆ นี้ ก็เลยแวะมาเยี่ยมคุณลุง ได้ผลไม้กลับไปเต็มตะกร้าเลย”เขาบอก
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ เอ่อ...งั้นเพลงฝากของไปให้พี่โสภาเลยก็แล้วกันนะคะ พอดีซื้อไว้ระหว่างทางกลับมาบ้าน ว่าจะฝากให้เด็กที่ออฟฟิศเอาไปให้ ตอนที่เอาแบบไปให้พี่โสภาตรวจค่ะ แต่เพลงฝากคุณพิสิทธิ์ไปดีกว่าค่ะ พี่โสภาจะได้กินเลย เห็นบ่นอยากกินมาหลายวันแล้วค่ะ” เธอบอกและเดินไปเปิดกระโปรงรถ แล้วก็หอบเอาถุงส้มโอสี่ห้าลูกมาส่งให้เขา

“โอ้โห ขอบคุณครับ ผมเห็นคุณโสภาบ่นอยากจะกินเหมือนกัน”
เขาบอกเพราะตั้งแต่โสภาแพ้ท้อง ก็อยากจะกินแต่ส้มโอไม่รู้จักจะเบื่อ
“เหรอคะ เวลาเพลงคุยกับพี่โสภาก็เหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรบ่นอยากกินแต่ส้มโอ สงสัยจะมีอะไรเกี่ยวกับส้มโอแน่ ๆ เลยนะคะ แต่คนแพ้ท้องก็อย่างนี้ล่ะค่ะ อยากจะกินอะไรก็จะฝังใจจนได้กินนั่นล่ะค่ะถึงจะหายอยาก”
ระพีพรรณบอกพร้อม ๆ กับยิ้มให้เขา จนทำให้เขาคิดไปถึงวันที่ได้ประทับจูบภรรยาครั้งแรกไม่ได้

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ เอาไว้วันหลังผมจะพาคุณโสภามาเยี่ยมคุณเพลงใหม่ครับ”เขาบอกและยิ้มให้เธอ
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยมคุณพ่อค่ะ”
เธอบอกและยิ้มให้เขา พร้อม ๆ กับเดินไปส่งเขาที่รถ โดยมีโป่งหิ้วตะกร้าผักและผลไม้ไปให้ด้วย


ปากกาที่เมื่อสักครู่ถูกใช้งาน ถูกวางลงไปตรงบันทึก ที่ผู้เขียนใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเขียนบันทึกหน้าสุดท้ายลงไป แล้วเขาก็ค่อย ๆ อ่านทวนสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะเขียนเสร็จอีกครั้ง คล้าย ๆ จะเป็นการสั่งลาอะไรบางอย่างกับเรื่องราวที่เขาได้บันทึกไว้ ดวงตาที่ดูจะเศร้าสร้อยเป็นที่สุดค่อย ๆ ปล่อยให้หยดน้ำตาไหลออกมาโดยง่าย แล้วภาพเก่า ๆ ของคืนวันเก่า ๆ ที่เขาถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเขาก็ลอยมาอยู่ตรงหน้า

“แล้วคุณเพลงจะไปเมื่อไหร่ครับ แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ แล้วเราจะได้พบกันอีกมั้ย”
คำถามที่หนุ่มน้อยถามเด็กน้อยผมเปีย เมื่อทั้งสองได้นั่งพูดคุยกันอยู่ม้าหินอ่อนริมแม่น้ำในเวลาใกล้พลบ
“เพลงจะไปเดือนหน้าค่ะ แล้วก็เรียนให้จบปริญญาตรีหรือโทถึงจะได้กลับ แล้วเราก็จะได้พบกันอีก ถ้าพี่เด่นไม่หนีเพลงไปไหนค่ะ”
เด็กน้อยหน้าใสตอบเขาทุก ๆ คำถาม พร้อม ๆ กับยิ้มให้เขา และรอยยิ้มของเธอนั้น ทำให้เขายิ้มออกมาได้ไม่ยากเลย

“พี่เด่นจะหนีไปไหนได้ครับคุณเพลง ก็คงจะต้องทำงานช่วยคุณท่านไปเรื่อย ๆ ล่ะครับ”
เขาบอกด้วยแววตาที่เศร้าสร้อยอีกครั้ง
“งั้นเราก็คงจะได้พบกันตอนที่เพลงกลับมาสิคะ ดีจังเลยค่ะ เพลงจะได้มีเพื่อนเล่นอีก เพราะมีพี่เด่นและดาอยู่ใกล้ ๆ เพลงค่ะ”เด็กน้อยบอกด้วยความดีใจ
“พอคุณเพลงกลับมาอีกทีก็คงจะเป็นสาว และสวย คงจะมีหนุ่ม ๆ เรียงแถวกันเข้ามาจีบไม่มีเว้นวัน แล้วคุณเพลงจะมีเวลามาเล่นกับเราสองพี่น้องเหรอครับ”เขาบอกออกไป

“กลับมาแล้วเพลงจะเป็นสาวและสวย พร้อมกับมีหนุ่ม ๆ เรียงแถวมาจีบนั้นเพลงไม่รู้ค่ะ เพลงรู้แต่ว่าเพลงคงจะมีเวลามาเล่นกับพี่เด่นและดาได้เสมอค่ะ”เธอบอกและยิ้มให้เขาอีก
“แล้วคุณเพลงจะลืมพี่กับยายดาหรือเปล่าครับ พี่กลัวว่าพอถึงตอนนั้นเราก็คงจะเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันแล้วหน่ะสิครับ คุณท่านก็คงจะไม่ยอมให้คุณเพลงมาวิ่งเล่นกับพวกเราหรอกครับ เรามันคนละชั้นกัน”เขาถาม

“ไม่ลืมหรอกค่ะพี่เด่น หรือถ้าพี่เด่นกลัวเพลงจะลืม พี่เด่นก็เขียนจดหมายไปหาเพลงบ่อย ๆ สิคะ เราจะได้คุยกันไงคะ”
เด็กน้อยบอก
“พี่คงจะไม่มีเงินค่าส่งจดหมายหรอกครับคุณเพลง ลำพังเงินจะซื้อข้าวสารกรอกหม้อก็แทบจะไม่พอแล้ว”
เขาบอกด้วยแววตาที่ดูเศร้าลงกว่าปกติ

“โธ่เอ้ย....เพลงคิดว่าเรื่องอะไร เอายังงี้นะคะ เพลงจะเขียนจดหมายมาหาพี่เด่นก่อน แล้วเพลงก็จะสอดซองพร้อมทั้งเงินค่าส่งมาให้พี่เด่นด้วยดีหรือเปล่าคะ แค่นี้ปัญหาก็หมดแล้วค่ะ”

เด็กน้อยยิ้มด้วยความสดใส ทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้ด้วย เขารู้ทั้งรู้ว่าหลังจากที่เธอจากไปแล้ว เขาและเธอก็คงจะห่างเหินกันออกไปตามธรรมดา ถึงแม้ว่าคนข้าง ๆ จะมองไม่เห็นปัญหาที่จะตามมาก็ตาม แต่สำหรับเขาซึ่งรู้จักโลกภายนอกมากกว่าเธอนั้นรู้ดีว่าอีกไม่นานเขาและเธอก็คงจะไม่ได้พบหน้ากันแล้ว และก็คงจะอีกนานแสนนานกว่าเขาจะได้พบเธออีก หรืออาจจะไม่ได้พบเธออีกเลยก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้ แต่เขาก็ภาวนาว่าอย่าให้มันเป็นไปตามที่เขาคิดเลย

เด่นณรงค์มองตามรถ ที่มีสาวน้อยผมเปียนั่งอยู่ด้านในพร้อม ๆ ทั้งโบกมืออำลาเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใสของวัยเด็ก ที่ไม่ได้กังวลอะไรมากมายเท่าเขาเลย รูปใบเล็ก ๆ ที่เขาถือไว้ในมือถูกยกขึ้นมาดูอีกครั้งหลังจากที่รถนำร่างสาวน้อยหายลับประตูไปแล้ว เขาพลิกดูด้านหลังรูป แล้วก็อ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เพลงขอมอบให้พี่เด่น เอาไว้ดูต่างหน้าเวลาคิดถึงเพลงนะคะ
และเพลงขอสัญญาว่า เพลงจะไม่มีวันลืมพี่เด่นและดาตลอดไปค่ะ”
“รักและคิดถึงพี่เด่นเสมอ”
“เพลง”

เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำตาเขาถึงได้ไหลออกมา ให้กับการจากไปของเธอ ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามจะปลอบใจตัวเองว่าอีกไม่นานเด็กน้อยก็คงจะเขียนจดหมายมาหาเขา และเขาเองก็จะได้เขียนไปหาเธออีก เขาสัญญากับตัวเองว่า เขาจะพยายามเก็บเงินเอาไว้เป็นค่าส่งจดหมายไปหาเธอให้ได้ รูปใบเล็ก ๆ ถูกเขาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วเขาก็ต้องรีบกลับไปหางานที่ทำค้างเอาไว้


น้ำตาของเขาที่ร่วงหล่นวันนั้น ไม่ได้ต่างอะไรจากวันนี้ และการจากไปของระพีพรรณวันนั้น ก็คงจะไม่แตกต่างอะไรจากวันนี้ เขาไม่ได้เสียใจที่เขาต้องเสียคนที่เขารักไปให้น้องชาย แต่เขารู้สึกน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง ที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างอาภัพนัก ไม่ว่าจะเป็นความอาภัพที่ต้องพลัดพรากจากอกแม่ และจากน้อง ๆ ที่เขารัก อาภัพในการได้ใช้ชีวิตในวัยหนุ่ม ที่จะต้องได้เรียนรู้โลกกว้างและสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต และที่สำคัญที่สุด

เขารู้สึกว่าเขาช่างอาภัพในเรื่องความรักเสียเหลือเกิน ความรักที่รอการเปิดเผยนานนับสิบปี แล้วพอได้โอกาสนั้น มันก็ต้องถูกเก็บงำเอาไว้ในใจตัวเองอีกครั้ง เขาปล่อยให้น้ำตาของลูกผู้ชายค่อย ๆ ไหลออกมาเพื่อเป็นการระบายความในใจที่เขามีให้อีกคนที่เธออาจจะรู้หรือไม่รู้ เขาเองก็ยากที่จะเดาได้ แต่ไม่ว่าเธอจะรู้หรือไม่ มันก็หาประโยชน์ไม่ได้แล้วสำหรับตอนนี้

“ลาก่อนนะครับ.....คุณเพลงของพี่ พี่ขออวยพรให้คุณเพลงจงมีความสุขตลอดไป”

นั่นคือสิ่งที่บอกอยู่ในใจของเขาในเวลานี้ แล้วเขาก็ขังตัวเองอยู่ในห้องนอนนานเท่านาน โดยไม่คิดที่จะลงไปร่วมโต๊ะอาหารกับแม่และหลานเลย


ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ้านแทบจะหุบยิ้ม เมื่อออกมาดูว่าใครมาแล้วก็เป็นอีกคน แทนที่จะเป็นพิสิทธิ์หรือว่าลูกชายของเขาตามที่เขาคิดเอา แล้วเขาก็มีคำถามว่าทำไมดนุพรถึงได้มาเร็วกว่าหลาย ๆ ครั้ง เพราะนี่เพิ่งจะบ่ายสามโมงเอง แต่เขาก็ทำใจดีสู้เสือเอาไว้ มองดูคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของหลานตัวเอง ค่อย ๆ เดินตรงเข้ามาหาเขาที่บ้าน

“ยายเพลงยังไม่กลับจากออฟฟิศหรอกนะ บอกว่าจะกลับค่ำ ๆ หน่อยเพราะงานเยอะ”
เขาบอกผู้มาเยือนด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประดังเข้ามาในหัว และก็เผื่อว่าแขกที่ไม่อยากรับเชิญจะกลับไปก่อน เขาจะได้ไม่ต้องอึดอัดใจที่จะมีคนที่เป็นเหมือนคนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้าน และยิ่งเป็นเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านเลย จะมีก็แต่เขากับหลานชายที่หลับปุ๋ยอยู่เปลตั้งแต่กินข้าวเสร็จ จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่นเลย ส่วนโป่งก็เก็บผักอยู่ท้ายส่วน กว่าจะออกมาก็คงจะอีกนาน

“ขอผมรอได้หรือเปล่าครับ”ดนุพรพยายามสงบปากสงบคำและพูดกับกำพลน้อยที่สุด
“ได้ตามสบาย คุณจะนั่งรอที่แคร่ก็ได้นะ ผมมีที่ต้อนรับแขกแค่นั้นล่ะ ผมขอตัวก่อน”
กำพลบอก ก่อนที่จะหมุนรถเข็นแล้วก็ปั่นไปในครัว เพื่อเตรียมของไว้ให้ลูกสาวปรุงอาหาร ซึ่งตามปกติเขาจะใช้แคร่หน้าบ้านเป็นที่เตรียม แต่ก็มีแขกที่เขาไม่แน่ใจว่าอยากจะต้อนรับหรือไม่ แต่กำพลก็อยู่ในครัวได้ไม่นาน หลานชายก็ร้องงอแง ทำให้เขาต้องรีบปั่นรถกลับมาที่เปลเพื่อดูหลานก่อน

“ว่าไงลูก ทำไมน้องพิงถึงตื่นช้าจังล่ะลูกวันนี้ นอนตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วนะ ตาโป่งรอหนูไม่ไหว เลยหนีเข้าสวนไปแล้วล่ะลูก” กำพลพูดหยอกล้อกับหลานชายด้วยความเอ็นดู ทำให้ผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่หน้าบ้านเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน มันก็ทำให้ดนุพรได้คิดว่า ความดีของกำพลก็มีอยู่บ้าง นั่นก็คือกำพลได้เลี้ยงลูกของเขาตั้งแต่วันแรกที่ลูกเขาเกิดมานั่นเอง

“ทำไมเหรอลูก หนูจะลงจากเปลเหรอลูก มาลุกมาลูกตาก้มไปอุ้มหนูไม่ได้นะ ต้องรอตาโป่งกลับมาก่อนลูก หนูหิวหรือยัง”
กำพลบอกเด็กน้อยที่งอแงเพราะอยากจะออกมาจากเปล ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถที่จะก้มไปอุ้มหลานได้ เพราะเปลมีโครงเหล็กเป็นสี่เหลี่ยมทำให้ก้มลงไปลำบากสำหรับคนพิการที่นั่งรถเข็นอย่างเขา
“ให้ผมช่วยก็ได้”ดนุพรตัดสินใจเดินมาใกล้ ๆ เปลลูกชาย ทำให้กำพลต้องหันไปมองหน้าเขา

“ได้สิ งั้นช่วยอุ้มน้องพิงมาให้ผมหน่อย”
กำพลบอกเพราะหลานเริ่มงอแงหนัก คงอยากจะออกมาจากเปลแล้ว ดนุพรก้มลงไปอุ้มลูกชายมาแนบอกเอาไว้ด้วยความรัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสลูก หลังจากที่ต้องทนส่องกล้องทางไกลดูลูกชาย และชื่นชมเด็กน้อยผ่านรูปหลาย ๆ ใบมาตั้งแต่ลูกเกิด ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำให้น้ำตาของเขาแทบจะไหลออกมา เมื่อลูกชายที่เริ่มงอแงตอนอยู่ในเปล พอได้มาอยู่ในอ้อมอกเขา ลูกชายกลับเงียบกริบและส่งยิ้มให้เขาด้วยความไร้เดียงสา แล้วเขาก็หันไปมองกำพลที่จ้องมองเขาและหลานอยู่ก่อนแล้ว

“ขอผมหอมแก้มเขาได้ไหม”เขาถามออกไป
“ได้สิ ก็น้องพิงเป็นลูกคุณนี่”นั่นคือคำตอบของพ่อตาเขา
“ตาพิงลูกพ่อ”

เขาพูดได้แค่นั้น ก็ยื่นจมูกไปสูดดมความหอมจากผิวแก้มที่อ่อนละเอียดอย่างอ่อนโยน แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาในที่สุด ซึ่งเขาเองก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร และมันก็ทำให้กำพลที่รู้ถึงการกระทำของเขาที่คอยช่วยเหลือโป่งและลูกสาวเอาไว้จากคำบอกเล่าของพิสิทธิ์เมื่อวานนี้ ทำให้กำพลค่อยคลายความขัดเคืองในการกระทำของดนุพรลงไปได้มากทีเดียว

“น้องพิงเขาแสดงความรักคุณเข้าให้แล้วล่ะ”
กำพลบอก เพราะจู่ ๆ เด็กน้อยก็ฉี่รดลงไปที่หน้าอกเขา แล้วก็หัวเราะชอบใจ ทำให้เขาต้องหัวเราะตามทั้งน้ำตา มันเป็นภาพที่กำพลเห็นแล้วรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาไม่น้อยเลย
“สงสัยจะหิวแล้วล่ะ ตายจริง ผมลืมชงนมเอาไว้ให้น้องพิงด้วย”
กำพลบอกเขา เมื่อจู่ ๆ หลานน้อยก็ร้องงอแงขึ้นมาอีก และด้วยประสบการณ์ ทำให้รู้ทันทีว่าหลานกำลังหิว เขารีบปั่นรถตรงไปยังกระติกน้ำ แล้วก็จัดแจงชงนมลงในขวด ที่ล้างเตรียมเอาไว้แล้ว

“คุณช่วยไปเอาน้ำในตู้เย็นมารินส่งกระป๋องให้ผมหน่อยได้มั้ย”
เขาบอกดนุพรที่อุ้มลูกเอาไว้ ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่รอช้ารีบตรงไปในครัวและออกมาพร้อมน้ำเย็น ๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ากำพลจะให้เอามาทำไม แต่ด้วยความที่ลูกชายร้องงอแงเขาจึงไม่รออะไร ไม่นานเขาก็รู้ว่าน้ำเย็นนั้นจะช่วยทำให้นมในขวดเย็นเร็วขึ้น เพราะกำพลเอาขวดนมที่ชงเสร็จแล้ว ลงไปแช่ในน้ำเย็นที่รินใส่ในกระป๋องเมื่อสักครู่

“รอก่อนนะน้องพิง ตาลืมชงนมไว้ให้หนูเลย อีกแป๊บเดียวลูก”
กำพลพูดกับหลานด้วยความอารมณ์ดี ไม่นานเขาก็เอานมในขวดมาหยดลงที่แขน ทำให้ดนุพรสงสัยว่าทำไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ไม่คิดจะถามอะไร ได้แต่อุ้มลูกชายเอาไว้อย่างนั้น

“เอาล่ะนมได้แล้วลูก....คุณเอาน้องพิงมาให้ผมดีกว่าจะได้กินนมได้สะดวก ๆ”
เขาบอกดนุพร พร้อม ๆ กับอ้าแขนรับหลานชาย แล้วก็จัดการดึงกางเกงที่เด็กน้อยฉี่รดเอาไว้ออก พร้อมทั้งจัดให้หลานนอนไปบนตักของเขา แล้วก็ให้หลานดูดนมจากขวดโดยเร็ว ไม่นานหลานน้อยก็หยุดร้องแล้วก็เปลี่ยนเป็นดูดนมในขวดด้วยความหิวแทน

“คุณจะเปลี่ยนเสื้อก่อนก็ได้นะ เสื้อเจ้าพีก็ได้ ถ้าคุณไม่รังเกียจ มีหลายตัวที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใช้” กำพลบอกดนุพร
“ไม่เป็นไรผมเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเอาก็ได้”
เขาบอกและจัดการเข้าครัวเพื่อหาผ้าชุบน้ำและเช็ดเสื้อ แต่ก็อยู่ในครัวได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงลูกชายร้องงอแงอีกจึงรีบเดินออกมาดู

“นมใกล้จะหมดแล้ว คุณช่วยชงให้ผมอีกหน่อยจะได้มั้ย เมื่อกี้ก็ลืมชงเอาไว้ อีกหน่อยน้องพิงก็จะร้องหิวอีก เพราะปกติน้องพิงจะกินทีละสองขวดเลย”
กำพลบอกเมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากครัว แล้วเขาก็ทำตามอย่างว่าง่ายทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย เขาเคยมีลูกมาแล้วนั่นคือดอน แต่ก็ไม่เคยที่จะได้ทำเรื่องพวกนี้เลย เพราะพี่เลี้ยงที่จัดมาไว้นั้นจัดการทั้งหมด
“ใส่น้ำร้อนครึ่งหนึ่ง แล้วเอาน้ำสุกในกระติกอีกใบใส่ไปครึ่งหนึ่งนมสามช้อน เขย่า ๆ แล้วก็เอาใส่ในกระป๋องน้ำเย็นเมื่อกี้ ”กำพลรีบบอกเมื่อเห็นเขาหันรีหันขวางอยู่นาน

“ไม่ใช่ ใส่น้ำร้อนก่อนแล้วค่อยเอาน้ำสุก....ผมว่าคุณมาอุ้มน้องพิงดีกว่า ผมจะไปทำเอง”
กำพลบอกเมื่อเขาทำพลาดโดยการเอาน้ำสุกใส่ลงไปในนมก่อน ดนุพรไม่รอช้ารีบมาอุ้มลูกชายไปจากตักของกำพลทันที แล้วทั้งคู่ก็เกิดการสาละวนอยู่ตรงนั้น เมื่อเด็กน้อยเร่งเร้าโดยการร้องไห้ไม่ยอมหยุดเพราะความหิว แต่ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็จบลงเมื่อเด็กน้อยอิ่มท้อง

“คุณช่วยเอาผ้าไปชุบน้ำให้ผมหน่อยสิ ผมจะเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตาพิง ถ้ารอให้ยายเพลงกลับมาอาบน้ำให้ สงสัยตาพิงต้องเหม็นไปทั้งตัวแน่ ๆ เลย”
กำพลบอกเมื่อเด็กน้อยเริ่มอารมณ์ดีมากแล้วหลังจากที่นมทั้งสองขวดหมดไปแล้ว และอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย ทำให้กำพลรู้สึกสบายใจขึ้นมาเป็นกอง ที่ความอึดอัดระหว่างเขาและลูกเขยนั้นคลี่คลายลงโดยมีหลานตัวน้อย ๆ เป็นสื่อกลาง
“ให้ผมทำให้ก็ได้ คุณจะได้ทำงานที่ค้างไว้ในครัว”ดนุพรบอกเมื่อกลับมาพร้อมผ้าชุบน้ำ

“ได้งั้นคุณเช็ดตัวให้ตาพิงก็แล้วกัน เสร็จแล้วก็ทาแป้งให้และใส่เสื้อผ้าใหม่ที่พับอยู่ในตะกร้านั้น อ้อ...อย่าลืมใส่แพมเพิร์สด้วยนะ”
กำพลบอกก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในครัว ทิ้งให้คุณพ่อคนใหม่รบกับลูกชายตามลำพัง ผู้เป็นพ่อไม่รอช้ารีบจัดการกับลูกน้อยตามคำที่พ่อตาบอกเอาไว้ แต่กว่าจะใส่เสื้อให้ลูกชายเสร็จก็ทะลักทุเลเต็มที เขารีบใส่กางเกงตามไปหลังจากเสื้อ แล้วก็เหมือนได้คิดว่า

เขาลืมใส่แพมเพิร์สไป ก็ต้องถอดกางเกงออกใหม่อีก เดินวนหาแพมเพิร์สอยู่เป็นนานกว่าจะเจอ ซ้ำร้ายเจอแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเขาใส่กันยังไงอีก แต่ในที่สุดภาระกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เขายิ้มออกมาได้ด้วยความดีใจ แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกผิดเอามาก ๆ เลย ที่ได้คิดว่ากว่าที่เมียและผู้เป็นพ่อตาจะเลี้ยงลูกเขาให้โตมาได้ขนาดนี้นั้น ต้องลำบากและยุ่งยากขนาดไหน

“เสร็จแล้วครับคนเก่งของพ่อ ไหนให้พ่อดูซิว่าหล่อขนาดไหน...ฮื้ม...หล่อเหมือนพ่อเลยรู้มั้ย ไหนขอพ่อหอมแก้มอีกทีสิครับ...ฮื้ม...แก้มลูกชายพ่อหอมจังเลย”
เขารู้สึกสุขใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับลูกมากขนาดนี้ แล้วรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขนั้นก็ค่อย ๆ จืดจางลงด้วยความอาย เมื่อเขาเห็นโป่งยืนมองเขาอยู่หน้าบ้าน
“สวัสดีครับลุงโป่ง”เขาเดินมาหน้าบ้านพร้อมทักทายโป่ง โดยมีลูกชายอยู่ในอ้อมแขน

“คุณดำ มาแต่หัววันนะครับวันนี้”โป่งทักเขา เพราะแปลกใจที่เห็นเขาในเวลานี้
“ครับ....ลุงโป่งได้อะไรมาเยอะแยะเลยครับ”เขาถามเมื่อเห็นผักและผลไม้อยู่เต็มรถเข็น
“โอย...เยอะครับคุณดำ ....เอ่อ...แล้วคุณท่านล่ะครับ”โป่งอดห่วงเจ้านายไม่ได้
“อยู่ในครัวครับ กำลังเตรียมของไว้ให้เพลงทำกับข้าว”เขาบอกออกไปแค่นั้น
“ได้อะไรมาบ้างเจ้าโป่ง มีผักกูดมาด้วยมั้ย จะได้ลวกเอาไว้ให้ยายเพลงก่อน มาแล้วจะได้ยำเลย”
กำพลที่ปั่นรถออกมาจากครัวร้องถามโป่งตั้งแต่ตัวยังมาไม่ถึงที่แคร่เลย
“มีครับคุณท่าน โน่นแหน่ะครับ”โป่งบอกและก็ใช้สายตาชี้ไปทางกองผักกูดที่วางอยู่ในเข่งที่มีมะม่วงอยู่ด้านล่าง”

“เอ่อ....ดี ๆ แล้วทำไมเจ้าพีมันยังไม่มาก็ไม่รู้ จะได้ให้มันขูดมะพร้าวคั้นกะทิรอยายเพลงเลย มาถึงแล้วจะได้ปรุงอย่างเดียว แล้วคุณล่ะ อยากจะกินอะไรพิเศษบ้างหรือเปล่า ผมจะได้เตรียมไว้ให้ยายเพลงทำทีเดียวเลย”
เขาถามลูกเขยที่อุ้มเด็กน้อยอยู่อย่างนั้น และกับคำถามของกำพลก็ทำให้เขางงไม่น้อย
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไงก็ได้ ขอบคุณครับ”
เขาบอกแค่นั้น และก็ทำหน้าไม่ค่อยจะถูก เมื่อถูกเจ้าบ้านอนุญาตให้กินข้าวเย็นด้วย โดยที่เขาไม่ต้องขอ

“งั้นผมล้างผักก่อนนะครับคุณท่าน กว่าคุณเพลงจะกลับมาก็คงจะเสร็จพอดี”
โป่งบอกและรีบจัดแจงหากะละมังใบใหญ่ สองสามใบมาวางตรงใกล้ ๆ แคร่ แล้วก็เปิดน้ำใส่ในกะละมัง
“เอ้อ...เอาสิ เดี๋ยวฉันเสร็จจากครัวแล้วจะออกมาช่วย”
กำพลบอกพร้อมทั้งเข็นรถไปเลือกเอาผักกูดที่เขาถามหา พอได้ตามที่เขาต้องการแล้วก็เข็นรถกลับเข้าครัวอีกครั้ง

“ทำไมลูก หนูจะช่วยตาโป่งเหรอครับ”
ดนุพรพูดกับลูกชายที่แสดงท่าทางว่าอยากจะลงไปเล่นที่พื้น แล้วเขาก็ค่อย ๆ วางลูกชายลงในที่สุด
“ประจำครับคุณดำ คุณพิงจะชอบเล่นน้ำในกะละมังผักครับ” โป่งบอกและยิ้มให้เขา
“ให้ผมช่วยนะครับ”

เขาบอกเมื่อเดินตามลูกมาหากะละมังที่มีน้ำเกือบจะเต็มทั้งสามใบ แล้วทั้งเขาและโป่งก็ช่วยกันล้างผักบุ้ง ต้นหอม ผักชี โดยมีลูกชายของเขาคอยช่วยให้งานเสร็จช้าลงกว่าปกติ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นอุปสรรคตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขากลับชอบเสียอีก และมันก็ทำให้เขาพลอยคิดถึงแม่ของลูกไปอย่างไม่รู้ตัว

ไม่รู้เธอจะว่ายังไงถ้าเห็นเขาก้าวหน้าถึงขั้นได้เข้าใกล้พ่อตา และลูกชายมากขนาดนี้ มันทำให้เขาอยากจะกอดร่างเล็ก ๆ นั้นขึ้นมาได้ไม่ยากเลยเมื่อคิดถึงเธอ นานเท่าไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้สูดดมแก้มขาวเนียนทั้งสองข้างนั้น ยิ่งคิดเขายิ่งเจ็บใจตัวเอง ที่มัวแต่เคียดแค้นแล้วก็ละทิ้งความสุขที่กำลังจะมีจากเธอและลูกไป แต่เขาก็ดีใจเหลือเกินที่เขายอมละทิ้งมัน แล้วก็กลับมาง้องอนเธอ แล้วเขาก็มั่นใจว่าอีกไม่นานเขาจะได้เธอและลูกกลับคืนไปสู่อ้อมอกเขาแน่ ๆ เพราะอย่างน้อย ๆ วันนี้ เขาก็ได้สัญญาณดีจากอดีตศัตรูและพ่อตาในอนาคตของเขาแล้ว

แต่แล้วความฝันของเขาก็แทบจะพังครืนลงตรงนั้น เมื่อมองเห็นรถที่ระพีพงศ์ขับเข้ามาจอดไว้หน้าบ้าน พร้อม ๆ กับทำหน้าที่บอกบุญไม่ค่อยรับเลย เมื่อเห็นเขานั่งอยู่กับลูกชาย เขารู้สึกว่าสีหน้าของระพีพงศ์นั้น ไม่ค่อยจะอยากผูกมิตรกับเขาเท่าไหร่นัก ไม่เหมือนสีหน้าของกำพลเลย แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะไม่ตอบโต้อะไร หากระพีพงศ์ไม่แผลงฤทธิ์กับเขามากเกินไป

“คุณมาทำไม แล้วพ่อผมไปไหน”
ระพีพงศ์ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ห้วน ถึงแม้ว่าระพีพงศ์จะได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากพิสิทธิ์เมื่อวานนี้แล้วก็ตาม แต่ระพีพงศ์ก็ไม่อาจที่จะสับรางอารมณ์ได้เร็วขนาดที่จะยิ้มรับน้องเขยที่ออกจะกวนบาทาได้ในเร็ววัน
“คุณท่านอยู่ในครัวครับคุณพี”โป่งตอบแทน เมื่อเห็นว่าดนุพรเงียบไป
“ผมไม่ได้ถามลุงโป่งนะ ผมถามนายนี่ต่างหาก”ระพีพงศ์ยังไม่ยอมหาเรื่องเขา

“ว่าไง คุณจะตอบผมได้หรือยัง ว่าคุณมาทำไม ใครเชิญไม่ทราบ แล้วไม่ได้ยินที่ยายเพลงบอกเหรอ ว่าให้คุณอยู่ห่าง ๆ จากพวกเรา คุณรู้มั้ยว่าเมื่อกี้ผมอารมณ์ดีอยู่แท้ ๆ แต่พอมาเจอคุณเข้ามันทำให้บ้านผมไม่น่าอยู่ขึ้นมาเลยล่ะ” ระพีพงศ์ยังไม่ยอมหยุด
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ ที่ผมมาผมก็มาหาลูกกับเมียผม ไม่ได้มาหาคุณ ถ้าคุณไม่อยากจะเจอหน้าผม คุณก็ไปอยู่ที่อื่นสิ เมียกับลูกผมอยู่ที่ไหน ผมก็จะตามไปอยู่ที่นั่นล่ะ”ดนุพรอดทนไม่ได้อีกต่อไป

“อ้อ...ทีอย่างนี้ยอมรับแล้วเหรอ ว่ามีลูกมีเมียแล้ว ทีเมื่อก่อนที่ยายเพลงอุ้มท้องไปหา เห็นปฏิเสธคอเป็นเอ็น ทุเรศ ผู้ชายอะไร ไม่มีความรับผิดชอบ ทิ้งได้แม้กระทั่งลูกเมียตัวเอง แล้วยังจะมีหน้ามาตามอีก จะบอกให้นะชาตินี้ทั้งชาติคุณก็อย่าหวังว่าจะได้ยายเพลงกลับไปเลย”ระพีพงศ์รู้สึกฉุนขึ้นมาเป็นกอง เมื่ออีกฝ่ายต่อปากต่อคำขึ้นมา

“อันนั้นให้เมียผมเป็นคนตัดสินดีกว่า คุณอย่ามายุ่งนักเลย และตัวคุณเองก็คงไม่ต่างอะไรจากผมนักหรอก คุณเองก็ไม่มีความรับผิดชอบเหมือนกัน”ดนุพรไม่ยอมอ่อนข้อให้
“ไอ้นี่วอนซะแล้ว”ระพีพงศ์กำกำปั้นด้วยความโมโห แล้วก็เดินตรงไปหาอีกฝ่ายที่จ้องมองเขาเขม็งไม่แพ้กัน

“เจ้าพี หยุดนะ”
เสียงกำพลดังขึ้น และสีหน้าของกำพลก็แสดงให้ลูกชายเห็นว่าไม่พอใจที่การกลับบ้านของเขาสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีให้กับหลาย ๆ คน และหนึ่งในนั้นก็คือหลานชายของเขาที่จ้องมองลุงกับพ่อปะทะคารมกันด้วยความหวาดกลัว เพราะเสียงทั้งสองคนเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็มีเสียงของกำพลที่ดังกว่าคนทั้งสองตามมา ไม่นานหนูน้อยก็ร้องไห้ออกมา

“โอ๋ ๆ ๆ คุณพิงเงียบนะครับ ไม่มีอะไรแล้วนะครับ มามะ มาดูนี่กับตา”
โป่งรีบอุ้มเอาพิงเดินอ้อมทั้งสองที่ยืนประจันหน้ากันอยู่อย่างนั้น แล้วก็พอดีกับที่รถของระพีพรรณขับเข้ามาจอดในบ้าน







 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551
4 comments
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2551 7:33:25 น.
Counter : 1390 Pageviews.

 

ชอบตอนนี้จังเลย รู้สึกน่ารักแล้วก็อบอุ่นดีตอนที่นายดำได้เลี้ยงลูกตัวเองเป็นครั้งแรก นึกภาพไม่ค่อยออกเลยว่าจะทำได้ 555

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 2 พฤศจิกายน 2551 9:31:32 น.  

 

up เร็ว ๆ นะค่ะ ติดตามตลอดเลย

 

โดย: รออยู่นะค่ะ IP: 124.120.150.191 2 พฤศจิกายน 2551 11:40:56 น.  

 

up ตอนต่อไปขอยาวหน่อยได้ไหมค่ะ อยากอ่านจังเลย

 

โดย: คนรออ่าน IP: 125.27.32.54 2 พฤศจิกายน 2551 15:43:05 น.  

 

ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจ

แต่...เอ...ตอนนี้ก็ยาวแล้วนา ยังไม่พออีกหรือคะ

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 202.149.24.129 2 พฤศจิกายน 2551 19:38:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.