Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
รอยอาญา ๕ (ธัญรัตน์)




ห้องอาหารที่เต็มไปด้วยของใช้ที่หรูหรา แพงสมกับฐานะของเจ้าของบ้านในสายตาของระพีพรรณที่ใช้เวลาพิจารณาดูไม่นานนัก เจ้าของบ้านและแขกนั่งอยู่ทั้งหมดสี่คน คือดนุพร ลัดดา มีนิตยานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย และก็มีเด็กชายวัยไม่น่าจะเกินเจ็ดหรือแปดขวบ พร้อมกับพิสิทธิ์ที่มีสีหน้าที่เป็นมิตรกับเธอ ซึ่งแตกต่างจากดนุพรและลัดดายิ่งนัก ที่แม้แต่หน้าเธอคนทั้งสองก็แทบจะไม่อยากจะชำเลืองมองด้วยซ้ำ

เธอเองก็ไม่เข้าใจนัก ว่าในเมื่อสองแม่ลูกนี้เกลียดชังเธอและคนในครอบครัวเธอมากขนาดนี้ แล้วทำไมเขายอมให้เธอมาทำงานที่นี่ ภาพทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกันอยู่ โดยมีเธอกับรำพึงคอยเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำให้นั้น ทำให้ระพีพรรณอดคิดถึงสถานะภาพตัวเองเมื่อวันวานไม่ได้ แล้วความรู้สึกต่ำต้อยมันก็ผุดขึ้นมาในความคิดได้ไม่ยากเย็นนัก

เธอเองก็เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ทำงานเป็นคนรับใช้ก็วันนี้เองว่า มีความรู้สึกเช่นไร แต่คิดไปแล้วก็ป่วยการสำหรับระพีพรรณในเวลานี้ เพราะเธอเองก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องเอาทุกอย่างกลับคืนไปให้ได้ เพื่อพ่อและพี่ชายจะได้มีวันข้างนี้ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่นั่นเอง
“นิตยา พรุ่งนี้จัดการให้แม่นี่ใส่ยูนิฟอร์มด้วยนะ จะได้เหมือน ๆ กับคนอื่น” ดนุพรบอกนิตยาก่อนจะลงมือกินข้าว

“ค่ะคุณดำ พรุ่งนี้จะให้นายสมพรพาไปร้านตัดผ้าจะได้วัดตัว”
นิตยารับคำ แล้วก็มีสีหน้าที่แปลกใจไม่น้อยกับท่าทางของดนุพร ที่มีต่อระพีพรรณ
“คุณพ่อครับวันนี้คุณพ่อจะสอนการบ้านให้ดอนหรือเปล่าครับ เมื่อวานคุณพ่อก็ลืมไปวันหนึ่งแล้วนะครับ”
เด็กชายเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ

“ได้สิลูก กินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะไปสอนให้ที่ห้องนะลูก”
เขาบอกเด็กชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และน้ำเสียงที่นุ่มนวล ระพีพรรณมองแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

“แล้วแม่ของเด็กไปไหนกันล่ะ” แต่เธอก็ได้แค่คิด
“ฉันยังไม่ได้แนะนำให้เธอรู้จัก นี่คุณดอน ลูกชายฉัน เธอจะต้องสอนการบ้านให้เขาด้วย ในเวลาที่นิตยายุ่ง ๆ และฉันไม่มีเวลา เพราะนั่นก็คืองานของเธอด้วย” เขาบอกและหันหน้าไปหาระพีพรรณเพียงแค่แว๊บเดียวแล้วก็หันกลับ

“ใครกันครับคุณพ่อ ดอนไม่เคยเห็นหน้าเลย” ดอนถามเขา
“อ๋อ...คนรับใช้ใหม่ของเราลูก เดี๋ยวอีกหน่อยเขาจะเป็นคนช่วยดอนดูเรื่องการบ้านนะลูก” เขาพูด
“เก่งภาษาอังกฤษหรือเปล่าครับ ถ้าเก่งดอนจะให้ช่วยสอน คราวที่แล้วน้านิดก็สอนการบ้านดอนไม่ค่อยจะถูกเลย”
เด็กน้อยพูดด้วยความไร้เดียงสา แต่เล่นเอานิตยาถึงกับทำหน้าไม่ถูก

“อะไรกันคะคุณดอน คราวที่แล้วน้านิดก็สอนถูกนี่คะ ว่าแต่คุณดอนเถอะทำถูกหรือเปล่าคะ แล้วมาโทษน้า”
นิตยารีบแก้หน้าตัวเอง จนทำให้พิสิทธิ์กับดนุพรกลั้นขำแทบไม่อยู่
“ตาดอน....พอแล้วลูก เวลากินข้าวย่าไม่ชอบให้คุยกัน” ลัดดารีบเอ็ดหลานชาย เล่นเอาทุกคนในโต๊ะเงียบไปตาม ๆ กัน

“เอ่อ...ดำ ช่วยบอกให้แม่นี่ไปไหนก็ไปเถอะ แม่กินข้าวไม่ค่อยจะลง ทีหลังก็ไม่ต้องให้มาเสนอหน้าที่ห้องอาหารอีกนะ” ลัดดาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย จนทำให้พิสิทธิ์ที่นั่งตรงข้ามกับดนุพรถึงกับกังวล แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกสองแม่ลูกนี้ดี ว่ารู้สึกอย่างไร
“ได้ครับคุณแม่...เธอไปอยู่ในครัวกับป้าแพงโน่นไป วันหลังถ้าฉันไม่เรียกก็ไม่ต้องมาตั้งโต๊ะนะให้รำพึงกับป้าแพงทำก็พอ” เขาบอกเธอทั้ง ๆ ไม่มองไปดูหน้าเธอแม้แต่หางตา

ระพีพรรณไม่พูดอะไรมาก รีบออกไปจากห้องอาหารทันที พร้อมกับความรู้สึกที่บอกไม่ถูก กับความเกลียดชังที่คนทั้งสองมอบให้ เท้าที่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่น้ำตาก็พาลจะไหลออกมา จนเธอต้องรีบอดกลั้นเอาไว้ และก็เดินตรงไปยังห้องครัว แต่ก็ไม่เห็นแพงหรือว่าใครอยู่ ก็เลยเดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง


“ป้าแพง....” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าทันทีที่ประตูห้องของระพีพรรณเปิดออก
“คุณเพลง ทำไมไม่ไปกินข้าวคะ” แพงถาม
“เพลงไม่หิวค่ะ ป้าแพงมีอะไรให้เพลงทำหรือเปล่าคะ หรือว่าใครเรียกเพลง”
เธอถาม เพราะตั้งแต่ถูกไล่มาจากห้องอาหารแล้ว เธอก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย

“ไม่มีหรอกค่ะ ดึกป่านนี้แล้ว คนที่นี่ก็จะเตรียมตัวเข้านอนแล้วล่ะค่ะ....คุณเพลงคะเกิดอะไรขึ้นคะ แล้วทำไมคุณเพลงถึงได้มาทำงานอย่างนี้ ช่วยบอกป้าทีเถอะค่ะ” แพงรีบถามด้วยความอยากรู้
“ก็ตั้งแต่ตอนที่ป้าแพงอยู่นั่นล่ะค่ะ เพลงเองก็ไม่ค่อยได้รู้อะไรมาก ก็รู้มาจากลุงโป่งอีกที....”
แล้วระพีพรรณก็บอกเล่าให้แพงฟังเฉพาะในเรื่องหนี้สินเท่านั้น แต่สำหรับเรื่องความหลังของทั้งสองครอบครัวนั้น ระพีพรรณเองก็ไม่อยากจะบอกเล่าให้ใครฟังสักเท่าใดนัก

“โธ่...คุณเพลง ดูสิคะ เคยแต่มีคนทำโน่นทำนี่ให้ แล้วต้องมาทำงานเอง แล้วจะไหวเหรอคะ ตั้งห้าปี แต่จะว่าไปแล้วทำไมคุณดำแกใจดีจังคะ เงินตั้งเยอะให้มาทำงานใช้แค่นี้เองค่ะ”
“เพลงก็ไม่รู้ค่ะป้า แต่เพลงก็ทำสัญญากับเขาเอาไว้แล้ว คุณพิสิทธิ์ก็เป็นพยานให้เพลงด้วย ไม่ว่าจะยังไงเพลงก็คงจะต้องอดทนให้ถึงที่สุดค่ะ เพราะคุณพ่อกับพี่พี และลุงโป่งที่ฝากความหวังไว้กับเพลง”

เธอบอกด้วยความมุ่งมั่น จนทำให้แพงรู้สึกแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงของเจ้านายที่มีแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ผิดกับครั้งก่อนที่แพงเห็นไปถนัดตา ระพีพรรณคนก่อนที่แพงรู้จักนั้น ค่อนข้างจะเป็นคนที่ง่าย ๆ อะไรก็ได้ การเรียนก็เอาแบบสบาย ๆ ไม่ค่อยจะเคร่งเครียดจริงจังสักเท่าไหร่นัก

“ป้าล่ะเสียใจจริง ๆ เลยค่ะที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ แต่ยังไงคุณเพลงก็ต้องอดทนนะคะ คนที่นี่ไม่ค่อยจะเข้มงวดสักเท่าไหร่หรอกค่ะ คุณดำก็ใจดี คุณลัดดาก็ใจดี ป้าทำงานที่นี่มาได้นานเหมือนกัน จะมีก็แต่คุณนิตยา กับนังแตนเท่านั้นล่ะค่ะที่คุณเพลงจะต้องระวัง” แพงบอก

“ทำไมคะป้า” เธอถามเพราะก็สงสัยไม่น้อย ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ในครัวแล้ว
“คุณเพลงรู้แล้วต้องเก็บไว้นะคะ และถ้าเลี่ยงสองคนนี้ได้ก็ให้เลี่ยง....ก็คุณนิตยาสิคะ แอบรักคุณดำค่ะ แกไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็นหรอกค่ะ แต่พวกเรารู้กัน คุณลัดดาเองก็รู้ค่ะ ส่วนนังแตนก็ใช่ย่อย รายนี้แสดงออกจนนอกหน้าค่ะ น้าหลานคู่นี้ ดู ๆ จะรักกันนะคะ แต่ลึก ๆ กินในกันอยู่ค่ะ” แพงเล่าให้เธอฟัง

“แล้วคุณดำรู้หรือเปล่าคะ” เธออดอยากรู้เรื่องไม่ได้ เพราะจะได้เก็บเอาไว้เป็นข้อมูล

“คุณดำเหรอคะ เอ...ป้าไม่แน่ใจนะคะ เพราะคุณดำเป็นคนไม่ค่อยจะพูด แต่เวลาดุนะ ใครก็กลัวกันหัวหดค่ะ เวลาคุณดำโกรธคุณเพลงก็ต้องระวังตัวไว้นะคะ อย่าเข้าใกล้เด็ดขาด ถ้าเป็นเรื่องงานแกเข้มงวดมากค่ะ ไม่อย่างนั้นแกจะสร้างตัวได้เร็วเหรอคะ ป้ารู้มาว่าเมื่อก่อนบ้านนี้ฐานะดีค่ะ พอพ่อเสียก็จนลง แล้วก็มารวยอีกทีรุ่นคุณดำนี่ล่ะค่ะ แต่แกมีพี่อีกคนนะคะ ชื่ออะไรก็ไม่รู้ค่ะ ป้าเองก็ไม่เคยเห็นหน้าด้วย เห็นแต่รูปที่ตั้งไว้ในห้องคุณลัดดา กับที่ห้องคุณดำ
แต่ป้าว่าป้าดูคุ้นหน้าคนในรูปมาก ๆ เลยนะคะ หน้าเหมือนพ่อเด่นที่เคยไปทำงานกับคุณท่านมาก ๆ เลยค่ะ แต่ป้าก็ไม่แน่ใจ และคิดว่าคงไม่น่าจะใช่ เพราะพ่อเด่นบ้านเขาจน แต่คุณดำกับคุณลัดดานี่ออกจะร่ำรวย อาจจะเป็นคนหน้าเหมือนกันก็ได้ค่ะ”

แพงเล่าให้เธอฟังในสิ่งที่ตัวเองเห็นและรู้มาตอนที่เป็นลูกจ้างที่บ้านกำพลเท่านั้น แต่ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะมีเพียงกำพลกับโป่งเท่านั้นที่รู้เรื่องโดยละเอียด เพราะกำพลสั่งโป่งให้เก็บทุกอย่างเป็นความลับ

“จริงเหรอคะป้า” เธอถามกลับแค่นั้น เพราะในใจรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะคุณเพลง พูด ๆ แล้วก็คิดถึงพ่อเด่นเหมือนกันนะคะ ไม่รู้เป็นอะไรจู่ ๆ ก็หายออกจากบ้านไป ไม่ลาป้ากับลุงโป่งสักคำเลย นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป ไม่มีใครรู้ใครเห็นเลย”

“เหรอคะ” เธอถามแค่นั้น

“ค่ะ นี่พูดไปแล้วอย่าเอ็ดไปนะคะ ป้าแอบได้ยินคุณดำกับคุณลัดดาคุยกันโดยบังเอิญค่ะ ว่าตอนนี้ลูกชายแกกำลังติดคุกอยู่ค่ะ แต่ข่าวเขาว่าพี่แกไม่ผิดหรอกค่ะ ถูกกลั่นแกล้งก็เลยติดคุกฟรี เห็นเขาบอกว่าคุณดำโกรธและเกลียดพวกที่ทำให้พี่ชายแกติดคุกมาก เรียกได้ว่าจะจองล้างจองผลาญให้ถึงที่สุดเลย ป้าก็รู้แค่นี้ล่ะค่ะ คุณเพลงอย่าเผลอไปบอกใครเชียวนะคะ ไม่งั้นมีหวังได้หอบผ้ากลับบ้านแน่ ๆ ค่ะ เพราะคุณดำกับคุณลัดดาปิดเรื่องนี้มิดเชียวค่ะ นี่ถ้าป้าไม่บังเอิญไปได้ยินมานะคะ ป้าก็ไม่รู้หรอกค่ะ”

แพงเล่าด้วยความไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่มันก็ทำให้ระพีพรรณอดที่จะหดหู่ใจไม่ได้ จนเธอเองก็อดคิดไม่ได้ว่าการที่สองแม่ลูกเกลียดชังเธอนั้น มันก็สมควรแก่เหตุผลไม่น้อย

“ขอบคุณป้าแพงนะคะ ที่เล่าให้เพลงฟัง”
เธอบอกไปแค่นั้น และก็ไม่ได้ปริปากเล่าหรือให้ความกระจ่างในข้อสงสัยของแพงแม้แต่อย่างใด เพราะเธอคิดว่ายิ่งแพงรู้เรื่องของเธอและครอบครัวนี้น้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้แพงปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

“เอ่อ....ป้าเกือบลืมค่ะ คุณนิตยาบอกว่าให้คุณเพลงตื่นไปช่วยป้าทำอาหารเช้าด้วยค่ะ ที่นี่จะตื่นกันประมาณตีห้า กว่าป้าจะเข้าครัวก็จะประมาณตีห้าครึ่ง เตรียมอะไรเสร็จและตั้งโต๊ะก็เจ็ดโมงค่ะ แต่ความจริงคุณเพลงไม่ต้องไปก็ได้ รำพึงมันก็ไปช่วยป้า” แพงบอกเพราะได้รับคำสั่งมาจากแตนอีกที
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าแพง งั้นเพลงจะไปหาป้าที่ครัวตอนตีห้าครึ่งนะคะ แล้วห้องป้าแพงอยู่ที่ไหนคะ” เธอถาม

“ห้องป้าอยู่ห้องที่สองค่ะ และห้องก็ใหญ่กว่านี้ด้วย มีเตียงด้วย ข้าวของเครื่องใช้ก็มีครบนะคะ แต่ทำไมห้องคุณเพลงถึงมีข้าวของน้อยจังคะ เตียงก็ไม่มี ห้องก็เล๊ก เล็ก ที่นอนก็เก๊าเก่า หมอนก็เก่า ปกติคุณดำจะให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของคนในบ้านดีนะคะ พวกเราก็มีสวัสดิการเหมือน ๆ กับพวกคนงานที่บริษัทค่ะ เงินเดือนก็เอาเข้าบัญชีด้วย โบนัสอะไร ๆ ก็มีให้ครบค่ะ”
แพงอดสงสัยไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แค่นี้เพลงก็พอแล้ว เขาคงจะหาไม่ทันก็ได้ค่ะ เพราะมันฉุกละหุก....เอ่อ...ป้าแพงคะ เพลงมีอะไรอยากจะบอกป้าค่ะ”
“อะไรคะ”
“เพลงอยากให้เราอยู่ที่นี่ในฐานะที่เป็นเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนค่ะ แล้วป้าแพงก็ต้องเลิกเรียกเพลงว่า
“คุณ” ด้วยนะคะ” เธอรีบบอก
“ทำไมล่ะคะคุณเพลง” แพงทำสีหน้างง

“เพลงเองก็ไม่รู้ค่ะ มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราสองคนอาจไม่รู้ก็ได้ คนเราเขาว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ เพลงกลัวถ้าเกิดมีคนรู้ว่าเรารู้จักกันมาก่อน ป้าแพงจะเดือดร้อนค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้น เพลงคงไม่สบายใจแน่ ๆ เลย นะคะ เชื่อเพลงเถอะ”

“ป้าเรียกคุณเพลงจนติดปากแล้ว จะให้เปลี่ยนกันง่าย ๆ มันก็ยากอยู่นะคะ แล้วป้าเองก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน ก็ในเมื่อคนเรามันจะรู้จักกันมาก่อนไม่ได้เชียวหรือคะ” แพงไม่วายที่จะแย้งเพราะไม่เห็นด้วย
“เชื่อเพลงเถอะค่ะ หรือถ้าไม่อย่างนั้น ป้าแพงก็ต้องระวัง อย่าเรียกเพลงให้คนอื่นได้ยินก็แล้วกันนะคะ....จริงสิคะ...ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เพลงว่าป้ากลับไปห้องเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเดือดร้อนกันเปล่า ๆ เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้เช้านะคะ”

“ได้ค่ะคุณเพลง งั้นป้าไปนะคะ คุณเพลงก็พักผ่อนเถอะ”
แพงบอกและก็ลุกเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี ทันทีที่แพงคล้อยหลังไประพีพรรณรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า เพื่อโทรไปหากำพลทันที เพราะความเห็นห่วงพ่อ



ใบหน้าคมสัน ดวงตาคมเข้มฉายแววที่ปรีดายิ่งนัก เมื่อดนุพรอ่านกระดาษที่อยู่ในมือเสร็จ
“ไอ้กำพล รออีกไม่นานหรอก แกก็จะได้รู้ว่าลูกที่แกรักต้องอยู่ในสภาพยังไง”
เขารำพึงกับตัวเองพร้อมแววตาฉายแววที่เกลียดชังคนที่เขาพูดถึงเป็นที่สุด แต่มันก็ถูกซ่อนเอาไว้ด้วยสายตาที่ปกติ เมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องทำงานของเขา

“คุณดำเรียกนิดเหรอคะ”
นิตยาเยื้องกายเข้ามาในห้องทำงาน ดนุพรหันไปมองก็ถึงกับตกตะลึงกับภาพที่เห็นของญาติห่าง ๆ เพราะใบหน้าของนิตยานั้นนวลผ่อง ถึงแม้จะแต่งหน้าค่อนข้างเข้ม แต่ก็ทำให้ดูดีในสายตาเขา เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูจะมีแต่ของแบรนด์เนมแทบทั้งนั้น นิตยาตอนนี้ดูดีแทบจะไม่มีที่ติ ผิดจากเมื่อก่อนที่เขาพบกับเธอครั้งแรก

โดยมารดาบอกว่านิตยาเป็นญาติทางพ่อซึ่งเขาเองก็ไม่รู้จักมาก่อน เพราะห่างกันมาก แล้วนิตยาก็กำลังเดือดร้อนไม่มีงานทำ เขาก็เลยรับเข้ามาอยู่ในบ้าน และให้ทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน ซึ่งนิตยาเองก็ช่วยเขาได้มากทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกไม่ชอบใจในบางครั้งก็คือ นิตยามักจะพยายามสื่ออะไร ๆ ออกมาให้เขาได้รู้ความในอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มากจนน่าเกลียดเขาจึงไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรนัก

บวกกับนิตยาเองก็พอจะรู้ตัวว่าเขามีความรู้สึกยังไงกับเธอ เพราะเขาจะแสดงออกด้วยความเฉยเมย และจะคุยเฉพาะเรื่องงานกับเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น พร้อม ๆ กับไม่แสดงท่าทางที่สนิทสนมมากเกินไปกว่าฐานะนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น จนบางครั้งก็ทำให้นิตยาถึงกับอายหน้าถอดสีไปก็มี เพราะสะพานที่ทอดไปหาเขานั้น ไม่ได้รับการตอบสนองนั่นเอง
“ใช่ นิดช่วยเอานี่ไปให้ระพีพรรณด้วย ตารางงานที่เขาจะต้องทำ” เขายื่นกระดาษในมือให้เธอ

“ทำไมมันมากมายนักคะคุณดำ ผู้หญิงคนเดียวจะทำได้เหรอคะ”
นิตยาอดที่จะถามเขาไม่ได้ หลังจากอ่านรายละเอียดทั้งหมด
“ผมอยากให้แม่นั่นทำให้มากว่านี้ด้วยซ้ำ อย่าลืมที่ผมสั่งนะ อย่าปล่อยให้แม่นั่นว่างเด็ดขาด คุมให้ดี แล้วมีอะไรให้มาบอกผมโดยตรง” เขาบอกด้วยแววตาที่เกลียดชังทายาทกำพลยิ่งนัก
“ค่ะ แต่นิดก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมคุณดำถึงให้เขาทำงานเยอะจังล่ะคะ...เอ่อ...นิดขอโทษค่ะ ที่ละลาบละล้วง”
นิตยาอดที่จะอยากรู้ไม่ได้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าดนุพรไม่ชอบให้ใครมาถามโน่นนี่

“ก็ไม่มีอะไรนี่ แค่อยากจะให้แม่นั่นทำงานมาก ๆ และก็ให้ทำตามที่ผมจัดตารางไว้ให้ทุกวันนะ คนที่จะเปลี่ยนแปลงได้ก็มีผมกับคุณแม่เท่านั้น” เขาบอก
“ค่ะคุณดำ....มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ” นิตยาหยุดความสงสัยไว้แค่นั้น
“พยาบาลดูแลยายดามาหรือยัง” เขาถามถึงพยาบาลคนใหม่
“มาแล้วค่ะ นิดเพิ่งจะพาไปเรือนกุหลาบ ดูหน่วยก้านแล้วน่าจะได้นะคะ”
“ดี....แล้วแม่นั่นไปไหน อีกชั่วโมงหนึ่งให้ไปพบผมที่เรือนกุหลาบด้วย” เขาสั่ง

“ยังไม่กลับจากร้านตัดเสื้อค่ะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะมาแล้ว นิดจะให้ไปหานะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วนิดขอตัวนะคะ”
นิตยารีบออกไปจากห้อง ด้วยเกรงกับอารมณ์ของดนุพร ที่ดูไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่เมื่อเอ่ยถึงระพีพรรณ ซึ่งนิตยาเองก็อยากจะรู้เรื่องไม่น้อย เพราะดูทั้งลัดดาและดนุพรแล้ว ไม่ค่อยจะชอบหน้าระพีพรรณเอามาก ๆ เลย


แสงแดดอ่อน ๆ ยามบ่ายแก่ ๆ สาดส่องลงมายังพื้นหญ้าที่ขึ้นปกคลุมบริเวณหลังบ้าน ซึ่งคนในบ้านพากันเรียกว่า
“บ้านใหญ่”
ระพีพรรณเดินไปตามทางเดินที่ลาดยาวออกมาจากตัวบ้านใหญ่ โดยที่สองฟากฝั่งนั้นถูกตกแต่งไปด้วยไม้ดอก ไม้ผลเต็มไปหมด พลางเธอก็อดชื่นชมกับคนสวนไม่ได้ ที่ตกแต่งอาณาบริเวณบ้านหลังนี้ให้ดูเขียวชะอุ่มไปด้วยไม้นานาพันธุ์ เธอเพิ่งจะประจักษ์ถึงความร่ำรวยที่ดนุพรสร้างสมขึ้นมาก็วันนี้นี่เอง

หลังจากที่เมื่อเช้านิตยาให้รำพึงพาไปดูห้องหับต่าง ๆ ที่บ้านใหญ่ แต่ก็ยังไม่ได้รู้อะไรมากนัก ก็ต้องออกไปร้านตัดยูนิฟอร์ม ที่ตัวเองรู้สึกขัดใจนัก หากจะต้องได้สวมใส่เอาไว้ เพราะด้วยความเคยชินกับเสื้อผ้าฝ้ายที่ใส่สบาย ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องมีอะไรมาก แต่ยังไงเธอก็ต้องทำใจให้ลืมเรื่องทั้งหมดเอาไว้ให้ได้

ระพีพรรณยืนละล้าละลังกับหนทางที่ตัวเองเดินออกมาจากบ้านใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าเรือนกุหลาบที่รำพึงบอกนั้นอยู่ที่ไหน เพราะมีแต่ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด เลยไม่แน่ใจว่ามาถูกหรือไม่ บวกกับทางซีเมนต์ที่ปูลาดและแยกออกไปหลาย ๆ แยก

“คงจะทำไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้รถเข็นของคุณลัดดานั่นเอง”
เธอคิดเอาไว้ แล้วตัวเองก็ตัดสินใจเดินตรงไปตามทางเล็ก ๆ ต่อไป ในที่สุดก็มองเห็นเรือนกุหลาบที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้เอาไว้ เดินพ้นจากแนวต้นไม้ได้ไม่นาน ระพีพรรณก็ต้องตะลึงกับความงามของสวน ที่ถูกจัดเอาไว้ก่อนจะถึงตัวเรือนกุหลาบ
ดอกไม้นานาพันธุ์ทำให้มองแล้วรู้สึกเย็นตาและสบายใจได้ไม่น้อย โดยเฉพาะกุหลาบหลากสีหลายพันธุ์ที่กำลังออกดอกชูช่อสลอน ตูมบ้าง บานบ้าง

“มิน่าล่ะถึงพากันเรียกว่า “เรือนกุหลาบ” เธอสันนิษฐานเอาเอง
ตัวเรือนกุหลาบถูกสร้างเอาไว้ให้เล็กกระทัดรัด ระเบียงหน้าบ้านถูกทำเอาไว้กว้างพอสมควร มีโต๊ะเล็ก ๆ จัดเก้าอี้ไว้แค่สามที่เท่านั้น สภาพบ้านถูกออกแบบมาโล่งโปร่ง รับลมได้ทุกด้าน
“ระพีพรรณหรือเปล่าจ๊ะ คุณดำรออยู่ด้านในแหนะ” พยาบาลเปิดประตูบ้านออกมาทักทายเธอ

“ค่ะ” เธอตอบแค่นั้น
“พี่เป็นพยาบาลใหม่ ชื่อยุพินค่ะ จะเรียกว่าพี่ยุก็ได้นะ” ยุพินพยาบาลที่ดูจะมีวัยที่สูงกว่าเธอแนะนำตัวเองด้วยความมีไมตรี
“ค่ะ งั้นเรียกหนูว่าเพลงก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอตอบกลับ
“เช่นกันจ๊ะเพลง งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ จะไปหาคุณนิตยา คุณดำบอกว่าให้เข้าไปหาด้านในเลย”

ยุพินบอก แล้วตัวเองก็เดินผละไป ร่างผอมบางค่อย ๆ เปิดประตูเรือนกุหลาบเข้าไป ผิวกายของระพีพรรณรู้สึกได้ จากลมที่พัดโชยเข้ามาด้านในทำให้รู้สึกเย็นสบายไม่น้อย เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พบว่ามีห้องที่ประตูปิดเอาไว้สามห้อง มีห้องรับแขกและที่นั่งเล่นเล็ก ๆ ที่ทำติดไว้กับหน้าต่าง
ส่วนอีกด้านก็ดูเหมือนจะเป็นครัวเล็ก ๆ ที่มีข้าวของเครื่องใช้เอาไว้ไม่มากนัก ครัวนี้คงจะไม่ค่อยได้ใช้งานหนักมากนัก เพราะจะเห็นได้ว่าข้าวของทุกอย่างถูกเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ที่ผนังด้านในทุกด้านถูกฉาบไว้ด้วยสีชมพูอ่อน ๆ คล้ายกลีบกุหลาบสีชมพู หน้าต่างบานใหญ่เป็นกระจก ที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวบ้าน ถูกเปิดออก จะปิดเอาไว้เฉพาะส่วนที่เป็นเหล็กดัดกับมุ้งลวดที่ยึดติดกันเอาไว้เท่านั้น จากจุดที่ยืนอยู่ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้โดยตลอด

“เข้ามาสิ” ดนุพรเปิดประตูห้องอีกห้องหนึ่งออกมา แล้วก็เห็นระพีพรรณยืนสำรวจบ้านอยู่
“ค่ะ”

เธอรับคำแค่นั้น ก็เดินตามเขาเข้าไปในห้อง สภาพด้านในห้องนอนไม่ได้มีข้าวของเครื่องใช้มากนัก แต่ห้องมีขนาดกว้างขวางเอาการ จะเห็นได้จากมีเตียงนอนขนาดห้าฟุตถึงสองชุด ที่ถูกวางเอาไว้คนละมุมห้อง แล้วก็ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่ทำแบบบิ้วอินซึ่งฝังติดไว้กับผนังเข้าไปนั่นเอง ถัดออกไปก็เป็นตู้เครื่องแป้ง แล้วก็มีประตูอีกบานหนึ่ง

ระพีพรรณเดาเอาว่าคงจะเป็นห้องน้ำ ส่วนอีกด้านถัดจากปลายเตียง ก็มีประตูกระจกบานเลื่อนบานใหญ่ที่เปิดเอาไว้ แล้วเหล็กดัดกับมุ้งลวดก็กั้นเอาไว้เหมือนด้านนอก ทำให้สามารถเดินออกไปด้านนอกได้อีกทางหนึ่ง ระพีพรรณไม่เข้าใจว่าดนุพรให้เธอมาพบที่นี่ทำไม

แต่ไม่นานร่างของเธอก็ไปหยุดอยู่ที่ประตูที่มีเหล็กดัดกับมุ้งลวดกั้นเอาไว้ ด้วยเห็นภาพของหญิงสาวที่มีวัยไม่น่าจะอ่อนกว่าเธอมากนัก นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านนอก ที่ถูกจัดเอาไว้แค่สามตัวเหมือนระเบียงหน้าบ้าน เธอเพ่งมองไปยังร่างที่นั่งหันข้างให้เธอ ก็พอจะเดาออกได้ว่านั่นน่าจะเป็นน้องสาวคนเล็กของเขานั่นเอง

“นี่คือดรุณี หรือยายดา น้องคนเล็กของฉัน...คงไม่ต้องให้ฉันบอกอะไรมากนะ เธอคงพอจะรู้เรื่องราวของฉันจากคนที่บ้านเธอมาบ้างแล้ว ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ พ่อเธออาจจะขี้ขลาดที่จะเล่าความจริงให้เธอฟัง แต่ฉันเชื่อว่าลุงโป่งคงจะไม่ปิดบังเธอหรอก...เธอต้องมีหน้าที่ช่วยคุณยุพิน พยาบาลที่เธอพบเมื่อครู่นี้ดูแลยายดาด้วย ฉันให้ตารางทำงานเธอไว้กับนิตยาแล้ว”
เขาพูดแล้วก็ใช้มือเลื่อนประตูมุ้งลวดออกไป แล้วก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวใกล้กับน้องสาว ไม่มีคำพูดเล็ดลอดออกมาจากปากระพีพรรณ นอกจากเดินตามเขามาติด ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้อีกตัวใกล้ ๆ เขา

“ลูก ๆ ลูกแม่ ลูกแม่น่ารัก นี่ดูสิลูกของฉัน”
เสียงที่เปล่งออกมาจากปากของดรุณี ระพีพรรณถึงกับสลดใจกับภาพที่เห็น เพราะดรุณีนั้นมีสายตาที่เหม่อลอย ไร้ซึ่งจุดหมาย ในมืออุ้มตุ๊กตาที่มีผ้าห่อเอาไว้ แล้วก็พร่ำพูดกับดนุพรถึงลูกตัวเอง พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

“นี่คือผลงานจากพี่ชายชั่ว ๆ ของเธอกับเพื่อนสวะ ๆ แล้วพวกมันก็ลอยนวลอยู่เหนือกฏหมายด้วยอำนาจเงินพ่อเธอ”
เขาบอกออกไปด้วยแววตาที่เกลียดชังระพีพงศ์ยิ่งนัก
“คุณดา”
เธอพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความสงสาร กับภาพที่เห็นเป็นที่สุด แล้วก็จินตนาการไม่ออกว่าพี่ชายตัวเองทำไมถึงได้ใจร้ายอย่างนี้

“แล้วพี่พีรู้หรือเปล่าคะ ว่าคุณดาเป็นแบบนี้” เธอถามเพราะความอยากจะรู้ทั้ง ๆ ที่น้ำตายังไหลเอ่อออกมา
“มันคงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีหรอกนะระพีพรรณ ที่ฉันจะให้ใคร ๆ รู้ว่าน้องของฉันถูกพี่เธอกับพวกข่มขืนจนเป็นบ้าขนาดนี้” เขาพูดออกมาด้วยความเจ็บแค้น
“แล้วทำไมคุณดาพูดถึงลูกล่ะคะ หรือว่าคุณดา....เอ่อ....” เธอถามด้วยความสงสัย

“ใช่....ยายดาตั้งท้อง ทั้ง ๆ ที่สติไม่ดี เธอรู้มั้ยว่ามันเจ็บปวดสำหรับฉันกับคุณแม่แค่ไหน ที่ต้องเห็นยายดาเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาฉันต้องดูแลยายดาอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวจะทำร้ายลูกในท้องที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
น้ำเสียงของดนุพรที่บอกเล่านั้นเจ็บปวดไม่แพ้เธอ
“แล้วลูกคุณดาไปไหนคะ หรือว่าคุณดอน....เอ่อ....”

“ใช่...เธอเข้าใจไม่ผิดหรอก ตาดอนก็คือลูกของยายดา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฉันต้องกล้ำกลืนเป็นทั้งพ่อ และลุงให้ตาดอนในเวลาเดียวกัน เธอคงจะจิตนาการความรู้สึก ฉันไม่ออกหรอกนะ ระพีพรรณ .....และที่ฉันให้เธอมาดูแลยายดา ก็เพราะว่าเธอจะได้รู้การกระทำชั่ว ๆ ของพ่อกับพี่เธอไง” เขาบอก

“ฉันขอโทษค่ะ” เธอพูดออกไปได้แค่นั้น
“ฉันไม่รับคำ ๆ นี้จากเธอหรอกนะ มันน้อยไป จากนี้ไปมันถึงเวลาที่ครอบครัวเธอจะต้องเจ็บปวดเหมือนฉันบ้าง โดยมีเธอเป็นคนถ่ายทอดต่อไปให้พี่กับพ่อเธอไง เธอจงเตรียมตัวและเตรียมใจที่จะต้องชดใช้คืนให้ฉันกับคุณแม่ และพี่ของฉันที่อยู่ในคุก กับยายดาที่ต้องเป็นแบบนี้ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน”เขาพูดใส่หน้าเธอ

“อาหารมาแล้วค่ะ”
เสียงยุพินดังมาจากด้านในห้อง จนทำให้ดนุพรรีบลุกไปจากเก้าอี้ แล้วยืนหันหลังให้ทั้งสองคน ส่วนระพีพรรณก็รีบปาดน้ำตาออก และทำหน้าให้อยู่ในสภาพปกติมากที่สุด
“คุณนิตยาบอกพี่ว่าเพลงจะมาช่วยพี่ดูคุณดาด้วยใช่ไหมจ๊ะ” ยุพินถามขณะยกถาดอาหารเย็นสำหรับดรุณีมา

“ค่ะ แต่เพลงไม่รู้ว่าจะช่วยพี่ยุได้มากแค่ไหนค่ะ” เธอตอบ
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณดาก็จะเป็นแบบนี้ตลอดค่ะ จะอาละวาดบ้างก็เฉพาะเวลาไม่พอใจอะไรเท่านั้น เพลงก็มาช่วยพี่ พาคุณดาเดินเล่นที่สวนก็ได้ค่ะ หรือจะลองป้อนข้าวคุณดาก่อนดีนะ” ยุพินบอกพร้อมกับเสนอเธอ จนทำให้ดนุพรหันมาดู

“ก็ได้ค่ะ วันนี้มีอะไรให้คุณดาทานคะ”
เธอถามขณะเอื้อมมือไปเปิดดูอาหารที่อยู่ในชาม ก็พบว่าเป็นแกงที่ยังร้อนอยู่ เพราะมีไอระเหยออกมา
“ต้มจืดเต้าหู้ไข่ กับปลากะพงผัดคื่นฉ่ายค่ะ มีผลไม้ด้วย” ยุพินบอก

“คุณดาคะ ทานข้าวเถอะค่ะ” ระพีพรรณเอื้อมมือไปจับแขนดรุณีที่ยังอุ้มตุ๊กตาเอาไว้ด้วยความหวงแหน
“แก ๆ แก ไอ้คนใจร้าย ออกไปๆ ออกไป ฉันเกลียดแก ๆ ได้ยินมั้ย ออกไป ๆ ๆ”
เสียงดรุณีดัง เกรี้ยวกราดใส่ระพีพรรณทันทีที่จ้องมองใบหน้าของเธอ พร้อม ๆ กับมือก็ฟาดลงไปที่หน้าของระพีพรรณด้วยความกลัวและโกรธ
“โอ้ย คุณดาอย่าค่ะ อย่า ๆ”
ระพีพรรณยกมือป้องกันตัวเองเอาไว้ แต่ก็ไม่ทัน เพราะถูกมือของดรุณีฟาดลงไปที่หน้าถึงสองครั้ง

“ว้าย...คุณดาอย่าค่ะ....คุณดำคะ” ยุพินรีบห้ามแต่ก็ทานแรงของดรุณีที่ผลักออกไปจนเซไปหาดนุพร
“คุณยุพินเป็นยังไงบ้าง” ดนุพรรีบช่วยพยุงยุพิน
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยจับคุณดาดีกว่าค่ะ” ยุพินบอกเขา
“ไป ๆ ๆ ฉันเกลียดแก ออกไป ๆ นี่ ๆ ออกไป ๆ ๆ”
ดรุณีปัดถาดอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตกกระจาย ทำให้แกงที่ร้อน ๆ ในถ้วยหกไปถูกแขนระพีพรรณ จนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อม ๆ กับปาฝาที่ปิดถ้วยแกงมานั้นใส่เธออย่างไม่ปราณี

“อุ๊ย...คุณดาอย่าค่ะ” ระพีพรรณร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“ยายดา ๆ ....พอแล้ว ๆ พี่บอกให้พอได้ยินมั้ย”ดนุพรร้องห้ามน้องสาวแล้วก็เข้ามากอดร่างเอาไว้
“คุณยุพินพาระพีพรรณออกไปก่อน เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”เขารีบบอกเพราะรู้อาการน้องสาวดีว่าเป็นเช่นไร
“เพลงมากับพี่มา...โอย...ดูสิ แขนโดนน้ำแกงแล้ว ไปเถอะไปข้างนอกพี่จะใส่ยาให้ เดี๋ยวแขนพองกันพอดี”
ยุพินเข้าไปพยุงระพีพรรณที่ยืนงงกับเหตุการณ์อยู่ แล้วก็รีบพาออกไปนอกห้อง ปล่อยให้ดนุพรรับมือกับดรุณีตามลำพัง



“เพลงรอตรงนี้นะ พี่ไปดูยาที่ตู้ยาก่อน”
ยุพินพาระพีพรรณมานั่งเก้าอี้ที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก แล้วก็รีบผละไปหายาที่ตู้ยา ทิ้งให้ระพีพรรณทนเจ็บปวดกับแขนที่ถูกน้ำแกงราด และตรงหน้าผากก็รู้สึกเจ็บแปลบ ๆ พลันเธอก็นึกได้ว่าคงจะโดนฝาชามกระเบื้องที่ปิดแกงมา แล้วถูกดรุณีปาใส่นั่นเอง แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกที่สงสารและสลดใจของระพีพรรณที่มีต่อดรุณี อันเนื่องมาจากการกระทำของพี่ชายตัวเองไม่ได้

“พี่พี ๆ ทำกับเขาได้ยัง” เธอรำพึงอยู่คนเดียวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา
“มาแล้วจ๊ะเพลง โชคดีนะคะที่ในตู้มียาสามัญอยู่ครบเลย สงสัยพยาบาลคนก่อนจะหามาไว้ พี่ว่าคุณดาคงจะไม่ได้ทำกับเพลงแค่คนเดียวหรอกมั้ง ก่อนที่พี่จะมา คุณนิตยาก็บอกว่าอาละวาดพยาบาลคนก่อน จนอยู่ไม่ไหว ยื่นแขนมาพี่จะใส่ยาให้”
ยุพินเดินเข้ามาพร้อมยาในมือ แล้วก็รีบทายาให้ระพีพรรณ

“ขอบคุณค่ะพี่ยุ” เธอบอกออกไป แต่ใบหน้าบ่งบอกว่ายังไม่หายตกใจ
“อุ๊ย...ดูสิคะ ตรงหน้าผากมีเลือดไหลออกมาด้วยค่ะ หัวแตกด้วยล่ะเจ็บหรือเปล่าคะ พี่จะไปเอาที่ทำแผลก่อนนะ เมื่อกี้พี่ไม่เห็น”
ยุพินมองไปที่หน้าของระพีพรรณแล้วก็เห็นเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากชายผม แต่ก็ไม่ทันจะได้ลุกเดินไปไหน ดนุพรก็เปิดประตูออกมาก่อน


“คุณดำเป็นยังไงบ้างคะ” ยุพินถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับคุณยุพิน ต้องขอโทษด้วยช่วงนี้ยายดาเป็นแบบนี้บ่อย” เขาบอกและก็เดินมานั่งลงที่เก้าอี้
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณดำอย่าขอโทษยุเลย ยุมีหน้าที่มาดูแลคุณดา งั้นยุขอตัวไปดูก่อนนะคะ ฝากคุณดำช่วยทำแผลให้เพลงด้วยค่ะ หัวแตกสงสัยจะถูกของที่คุณดาปาใส่ค่ะ”
ยุพินบอกแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ทั้งสองเผชิญหน้ากันตามลำพัง และมันก็ทำให้ระพีพรรณรู้สึกอึดอัดนัก ที่ต้องอยู่เผชิญหน้ากับเขา

“เธอรอตรงนี้นะ ฉันจะไปเอาที่ทำแผลก่อน” เขาบอก
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ดิฉันไม่เจ็บมาก เดี๋ยวจะรอพี่ยุทำให้ก็ได้ค่ะ คุณจะได้ไม่ลำบาก ขอบคุณค่ะ”
เธอบอกเขาออกไป เพราะรู้ดีว่าคนอย่างเขาคงจะไม่ใคร่เต็มใจทำให้เธอนัก
“อย่ามาอวดดีกับฉัน บอกให้รอก็รอ ฉันไม่ชอบต้องพูดซ้ำ”
เขาพูดแล้วก็เดินหายไป ปล่อยให้ระพีพรรณมองตามเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วก็จัดการสำรวจแผลที่หน้าผากเธอที่มีเลือดไหลซิบ ๆ ออกมา

“อุ๊ย...” เธอรู้สึกเจ็บที่แผลจากสำลีที่เขากำลังซับเลือดออกให้
“แค่นี้ไม่ตายหรอก ยังไกลหัวใจเธออีกเยอะ”
เสียงเขาค่อนข้างจะดุ แต่เธอก็รับรู้ถึงความอ่อนนุ่มได้จากมือที่เขาค่อย ๆ เช็ดเลือดออกให้จากแผล ระพีพรรณให้นึกแปลกใจว่าผู้ชายที่ดูจะปากร้าย หน้าดุ และสายตาไม่เคยมองเธออย่างเป็นมิตร จะทำอะไรที่นุ่มนวลเป็นกับเขาด้วย

ใบหน้าคมเข้มของเขา ในเวลาที่ไม่ได้ปั้นหน้าดุใส่เธอนั้น น่ามองไม่น้อย ไม่ต้องเดาเธอก็พอจะเข้าใจว่า คงจะมีสาวหลาย ๆ คน มาเข้าคิวให้เขาเลือกเป็นคู่ชีวิตไม่น้อยเป็นแน่ กับความหล่อเหลาของเขา เธออยากจะรู้นักว่ากับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เธอ เขาจะยังคงปั้นหน้ายักษ์ใส่อย่างนี้หรือไม่ หญิงสาวต้องรีบละสายตาจากใบหน้าคมเข้มของเขา หลังจากที่เขาใช้ผ้าก๊อตปิดแผลให้เสร็จแล้ว

“ขอบคุณค่ะ” เธอบอกเขา
“ไม่เป็นไร ฉันแค่ยังไม่อยากให้เธอตายตอนนี้เท่านั้นเอง มันง่ายไป เธอยังจะต้องเจออะไรอีกหลายอย่างจากฉัน”
เขาอดที่จะพูดกระทบเธอไม่ได้
“ฉัน...เอ่อ...ฉันขอโทษแทนพี่พีกับคุณพ่อด้วยค่ะ” เธอบอกเขาด้วยความสำนึกผิดอีกครั้ง

“ฉันบอกแล้วไงว่ามันน้อยไปสำหรับคำ ๆ นี้....เธอกลับไปได้แล้ว ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าเธอ”

เขาบอกและก็ลุกพรวดขึ้นไปยืนหันหลังให้เธอ จนคนถูกไล่ไม่รู้จะทำยังไงต้องรีบเดินออกไปจากเรือนกุหลาบด้วยความรู้สึกผิด ดนุพรกลับมานั่งที่เดิม พร้อม ๆ กับเอามือกุมศีรษะด้วยความสับสนและเจ็บแค้นระคนกันไป
“แกจะใจอ่อนไม่ได้นะไอ้ดำ พวกมันทำกับคนในครอบครัวแกยังไงบ้าง แกต้องจำเอาไว้”
เสียงเขาพูดอยู่คนเดียว พร้อมกับแววตาที่อ่อนโยนเมื่อสักครู่ก็มีแววตาที่แข็งกร้าวเข้ามาแทนที่

แล้วภาพของแม่ พี่ชายและน้องสาวที่ต้องทนอยู่ในห้องแถวเก่า ๆ ที่ผนังเป็นอิฐก่อและฉาบด้วยปูนส่วนหลังคาก็มุงสังกะสีทั้งหมด รวมกับคนงานครอบครัวอื่น ๆ ที่กำพลให้ไปใช้เป็นที่ซุกหัวนอนหลังจากยึดทุกอย่างไปจากแม่ของเขาหมดแล้ว ก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง
“ดำมาแล้วเหรอลูก ไหนบอกว่าอาทิตย์นี้จะไปทำงานที่ออฟฟิศคุณลุงไพศาลไงลูก”
ลัดดาร้องทักลูกชายที่เดินเข้ามาในห้อง

“ก็จะไปอยู่ครับแม่ แต่ผมแวะมาดูแม่กับยายดาก่อน แล้วนี่พี่เด่นยังไม่กลับเหรอครับ”
เขาถามหาพี่ชายที่ตอนนี้ไปทำงานบัญชีให้กำพลแล้ว หลังจากที่เมื่อก่อนทำงานก่อสร้าง
“ยังเลยลูก แต่อีกหน่อยก็คงจะมามั้ง....อ้าว...นั่นไงมาแล้ว” ลัดดาบอกหลังจากที่เห็นลูกชายคนโตเปิดประตูห้องเข้ามา
“พี่เด่นมาแล้วเหรอ หอบอะไรมาเอยะเชียว เงินเดือนออกแล้วเหรอ...แต่....นี่ก็เพิ่งจะวันที่ยี่สิบห้าเอง แล้วเอาเงินที่ไหนซื้อมาล่ะ” เขาทักพี่ชายเพราะเห็นข้าวของที่เขาหิ้วมาเต็มสองมือ

“เปล่าหรอก พอดีพี่ได้เงินพิเศษจากลูกค้ามา...เป็นไงบ้างดำ กินอะไรมาหรือยัง นี่พี่ได้ข้าวของมาเยอะแยะเลยดูสิ”
เขายื่นถุงหิ้วที่ด้านในมีข้าวสารถุงละห้ากิโลสองถุง แล้วก็อาหารกระป๋องอีกหลายอย่างที่บรรจุอยู่อีกถุงหนึ่ง
“โอ้โห....ทำไมเด่นซื้อมาเยอะจังล่ะลูก มีขนมด้วย แม่ว่าตั้งแต่เด่นไปทำงานที่ออฟฟิศนี่ ลูกได้เงินพิเศษจากลูกค้าบ่อยจังเลยลูก เดือนที่แล้วก็หอบมาตั้งเยอะ แล้วก็ช่วงที่เด่นบ่นไม่มีเงินด้วย แม่ว่าเราน่ะ เก็บเงินเอาไว้บ้างก็ดีนะลูก เมื่อวานยังเห็นบ่นบอกว่าไม่มีเงินอยู่เลย” ลัดดาบอกลูกชายหลังจากที่ได้เห็นข้าวของแล้ว

“ครับแม่...งั้นวันนี้แม่ผัดปลากระป๋องใส่คะน้าหรือตำลึงให้เด่นกับน้องกินนะแม่นะ” เด่นณรงค์บอกมารดา
“จ๊ะลูก....งั้นเด่นไปอาบน้ำก่อนนะลูกมาเหนื่อย ๆ ดำด้วย แม่จะทำกับข้าวให้กิน แล้วยายดาอยู่ไหนนี่ไม่เห็นมาเลย เลิกเรียนแล้วก็หายหน้าไปเลย” ลัดดาบ่นถึงลูกสาวที่ตอนนี้มีอายุแค่เก้าขวบ
“ยายดาวิ่งเล่นอยู่กับคุณเพลงครับแม่ อีกหน่อยคงจะมา” เด่นณรงค์บอก
“ทำไมให้ยายดาไปเล่นกับพวกมันล่ะพี่เด่น ไม่เจ็บหรือไงที่เขาทำกับเรา” ดนุพรเป็นเดือดเมื่อได้ยินชื่อคนพวกนี้

“โธ่...ดำ ยังไม่เลิกโทษพวกเขาอีกเหรอ ที่เขาทำกับเรา มันก็เป็นสิทธิ์ของเขานะ ก็ในเมื่อมันหลุดจำนองไปแล้ว พี่ว่าเลิกโกรธเกลียดพวกเขาซักทีเถอะ โดยเฉพาะคุณเพลงน่ะ เขาเป็นเด็กน่ารักนะ ใจดี มีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่นจะตายไป ไม่เหมือนพ่อกับพี่ชายเขาหรอก แต่จะว่าไปแล้ว คุณกำพลเขาก็ไม่ได้แย่ไปทุกเรื่องหรอกนะแม่ เขาเลี้ยงลูกน้องดี ถึงจะงกไปหน่อยก็เถอะ ดูอย่างลุงโป่งสิ อยู่กับเขามาตั้งนานแล้วแกยังไม่ไปไหนเลย”
เด่นณรงค์พยายามที่จะไม่ให้น้องกับแม่มีอคติกับเจ้านาย เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะไปผูกในเจ็บ

“แต่มันก็ได้ชื่อว่าแย่งของ ของเราไป มันร่ำรวยอยู่บนความเดือดร้อนของคนอื่น ดูสิมันขูดเลือดขูดเนื้อคนแค่ไหน กับดอกเบี้ยเงินกู้ที่แพงลิบลับ พอใครไม่มีเงินไปไถ่คืนมันก็ยึด แล้วพี่เด่นยังจะไปมองว่ามันดีอีกเหรอ”
ดนุพรไม่วายจะเกลียดชังกำพล
“แล้วแต่ดำก็แล้วกัน งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
เด่นณรงค์บอกแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้แม่กับน้องมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจในความคิดของเขา
“อ้าว...ดำจะไปแล้วเหรอไม่รอกินข้าวก่อนล่ะ” เด่นณรงค์ถามน้องหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว

“ไปแล้วพี่เด่น จะไปทำงานบ้านคุณลุงไพศาล ผมแค่แวะมาดูแม่กับพี่เท่านั้นเอง ปีหน้าผมก็จะเอ็นท์แล้วพี่ หาเงินเก็บเอาไว้เป็นค่าเทอมก่อน แม่ก็ไม่ค่อยมีให้ และผมก็ไม่อยากจะกวนด้วย ดีนะที่ผมมีเพื่อนดีและมีคุณลุงไพศาลช่วย ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะแย่ แล้วว่าแต่พี่เด่นเถอะ จะเรียนต่อหรือเปล่า จบแค่ ม.ปลายน่ะ จะทำอะไรได้แค่ไหน”ดนุพรบอกและถามเขา
“เอาไว้ก่อนเถอะ พี่ยังไงก็ได้ แค่ให้แม่กับน้องสบาย ไม่ว่าจะให้ทำอะไร ทำยังไง ลำบากแค่ไหน พี่ก็จะทำ”
เขาบอกน้องและแม่

“ผมก็เหมือนกันครับพี่เด่น ถ้าผมเรียนจบและได้ทำงาน ผมจะทำให้ฐานะเรากลับมารวยเหมือนตอนที่คุณพ่อยังอยู่ให้ได้”
เขารีบบอกออกไปด้วยความมุ่งมั่น
“โธ่..ลูกแม่ แค่นี้ลูกก็ช่วยแม่ได้มากแล้วล่ะจ๊ะ แม่ขอบใจลูกมาก ๆ นะ แม่รักลูกจ๊ะ แม่ขอโทษนะที่ทำให้พวกเราทุกคนลำบาก ถ้าแม่เข้าไปช่วยคุณพ่อทำงานแต่แรก แม่ก็คงจะบริหารงานได้ไม่ยาก และก็ไม่ต้องถูกเขายึดสมบัติอย่างนี้หรอกลูก”
ลัดดาเข้ามาโอบกอดลูกชายทั้งสองเอาไว้ด้วยความรักและตื้นตัน

“แม่ครับ....เราสัญญากันแล้ว ว่าเราจะไม่พูดถึงมันนะครับ แม่ทำดีที่สุดแล้วครับ ผมเองเป็นพี่คนโตกลับช่วยแม่ได้แค่นี้ เอาไว้ถ้ามีโอกาส ผมจะกู้ฐานะพวกเราให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะครับ กินข้าวเถอะครับ นี่ยายดายังไม่กลับอีกเหรอครับแม่”
เด่นณรงค์บอกมารดาและเปลี่ยนเรื่องทันที
“มาแล้วค่ะพี่เด่น” เด็กหญิงผมเปียสองข้าง ที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนรีบส่งเสียงหลังจากที่เปิดประตูห้องเข้ามา
“พี่ดำสวัสดีค่ะ” ดรุณีวิ่งเข้ามากอดพี่ชายเอาไว้ด้วยความคิดถึง เพราะนาน ๆ ทีพี่ชายจะมาหาสักครั้ง

“ว่าไงเราไปซนที่ไหนมา ไม่เห็นช่วยคุณแม่ทำงานเลย อย่าเล่นมากนะ กลับบ้านแล้วก็ดูหนังสือด้วย”
ดนุพรก้มลงไปลูบหัวน้องสาวด้วยความรัก
“ดารู้แล้วน่าพี่ดำ แม่คะดาหิวจังเลยค่ะ” เด็กน้อยบอกผู้เป็นแม่
“ไปอาบน้ำก่อนสิเรา” เด่นณรงค์บอกน้อง
“แม่ครับงั้นผมไปนะ พี่เด่นไปก่อนนะ สวัสดีครับแม่ พี่เด่นสวัสดีครับ”
ดนุพรยกมือไหว้ลามารดาและพี่ แล้วก็หายออกไปจากห้องทันที


“คุณดำยังไม่กลับอีกเหรอคะ ยุนึกว่ากลับแล้วก็เลยไม่ได้ออกมาดูค่ะ”
เสียงยุพินเรียกเขาให้ตื่นจากความหลังที่เจ็บปวดเพื่อมาพบกับความเป็นจริง
“ผมกำลังจะกลับพอดี ยายดาเป็นยังไงบ้างครับ” เขาไม่วายที่จะห่วงน้อง
“ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่สงสัยยุต้องให้คนยกอาหารมาให้ใหม่ค่ะ ยังไม่ได้กินอะไรเลย” เธอบอก
“งั้นผมจะบอกเด็กให้ จะให้เอามาให้คุณยุด้วยเลย จะได้ไม่ต้องไปอีก” เขาบอกแล้วก็ลุกจากไป







Create Date : 19 กันยายน 2551
Last Update : 19 กันยายน 2551 7:37:09 น. 0 comments
Counter : 433 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.