Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
3 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๓๙ (ธัญรัตน์)




“น้องพิง เป็นอะไรลูก มาหาแม่มาค่ะ”ระพีพรรณรีบรับลูกชายจากโป่งทันทีที่ลงจากรถ
“ลุงโป่งคะเอาของหลังรถลงมาด้วยนะคะ”
เธอบอกโป่ง และก็หันหน้าไปมองพี่ชายและพ่อของลูกตัวเอง ที่ทำหน้าเจื่อน ๆ เมื่อเห็นเธอ
“มีอะไรกันคะคุณพ่อ”เธอเลือกที่จะถามพ่อ

“ไม่มีอะไรหรอกลูก พ่อกำลังจะให้เจ้าพีมันไปขูดมะพร้าวไว้ให้เราหน่ะ พ่อลวกผักกูดรอแล้ว....เจ้าพีรีบ ๆ ทำนะ พ่อหิวข้าวแล้ว มะพร้าวอยู่ในครัวโน่นแหนะ ไปเร็วเข้า”
กำพลบอกลูกชายและทำตาขึงใส่เพื่อให้ไปทำตามที่เขาสั่ง จนระพีพงศ์ต้องรีบเดินเข้าบ้านไป เพราะไม่อยากจะขัดใจพ่อและไม่อยากจะให้น้องไม่สะบายใจอีกคน

“โอ๋ ๆ ๆ เงียบนะครับลูกแม่ อะไรลูก...หิวนมเหรอครับ ไปงั้นไปกินนมกันนะครับ”
ระพีพรรณไม่ทันที่จะได้สนใจอะไรไปมากกว่านั้น เมื่อลูกชายงอแงและร้องขอกินนม เธอไม่รอช้ารีบอุ้มลูกและเดินเข้าไปในห้องทันที
“ผมว่าวันนี้คุณกลับบ้านก่อนเถอะนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
กำพลบอกดนุพรที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก และเขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะรู้สึกโมโหระพีพงศ์ไม่น้อย ที่มาทำให้เขาอารมณ์เสียจนได้ ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันกำลังจะไปได้ด้วยดีแล้ว

“แต่ผมอยากจะคุยกับ...เอ่อ...”
เขายังคงมองตามเมียและลูกเข้าไปในบ้านด้วยความเสียดายโอกาสและบรรยากาศดี ๆ ของวันนี้
“เอาไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้ ยายเพลงคงไม่หนีไปไหนหรอกนะ”กำพลรีบบอกเมื่อรู้ว่าความต้องการของเขาคืออะไร
“ก็ได้ครับ งั้นผม...เอ่อ...ผมไปนะ”
เขาบอกกำพลด้วยอาการที่ขัด ๆ ไม่น้อย แต่กำพลก็พยักหน้ารับให้เขา และก็มองเขาเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกจากบ้านไป โป่งและกำพลถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที

“เฮ้อ...คิดว่าจะต้องได้ดูมวยคู่อีกแล้วนะครับคุณท่าน”โป่งบอกยิ้ม ๆ
“เอ่อ...คิด ๆ ไปก็น่าเห็นใจนายนั่นเหมือนกันนะ”กำพลบอก
“ผมไม่รู้ว่าคุณท่านคิดยังไง แต่สำหรับผมแล้ว คุณดำก็มีบุญคุณกับผมมากนะครับ ถ้าไม่ได้แกป่านนี้ผมก็คงจะ...เอ่อ...”
โป่งหยุดไว้แค่นั้น เพราะเขาเองก็รู้เรื่องจากพิสิทธิ์เมื่อวานนี้เหมือนกัน

“ฉันรู้ว่าแกคิดยังไงเจ้าโป่ง ฉันเองก็ไม่ได้คิดที่จะขวางกั้นอะไรใครหรอกนะ เรื่องอย่างนี้มันก็แล้วแต่คู่ผัวตัวเมียเขา ถ้าลูกฉันเลือกทางไหน ฉันก็ว่าตามนั้นล่ะ แกไม่ต้องทำเป็นหาพวกให้นายดำหน่อยเลย...ฉันรู้นะว่าแกแอบลุ้นอยู่น่ะ”
กำพลบอกคนสนิทอย่างรู้ใจ จนทำให้โป่งยิ้มจืด ๆ ออกมา แต่เขาก็ไม่ตอบโต้อะไรเจ้านาย ได้แต่หันกลับไปหากองผักที่ต้องล้างให้เสร็จต่อ
“เอามากองไว้บนนี้สิ จะได้ช่วยมัดให้”กำพลบอกโป่งเพราะหมั่นไส้ แต่เขาก็ยิ้มให้โป่งด้วยความอารมณ์ดี

“ทำไมคุณพ่อยังไม่นอนคะ ดึกแล้วนะ”
ระพีพรรณเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่แคร่ข้าง ๆ บิดา เมื่อจัดการให้ลูกชายหลับไปได้สักพักแล้ว ส่วนเธอก็ออกมาอาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่ก็เห็นพ่อนั่งรับลมอยู่หน้าบ้าน
“วันนี้เดือนหงายดีนะลูก มันทำให้พ่อคิดถึงแม่จังเลย”คำพูดที่ดูจะเศร้าของพ่อทำให้เธอสะเทือนใจไม่น้อยเลย
“คุณพ่อ...”เธอพูดได้แค่นั้น

“พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูก ว่าแต่เพลงเถอะทำไมยังไม่นอน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอลูก”เขาถามลูกสาว
“เพลงเห็นคุณพ่อยังไม่นอนก็เลยมาดูค่ะ แล้ววันนี้...เอ่อ...คุณพ่อบอกอะไรเขาคะ ถึงได้ยอมกลับไปง่ายขนาดนั้น”
เธอถามบิดาหลังจากที่รู้เรื่องราวต่าง ๆ จากพ่อและพี่ชายตอนที่กินข้าวเย็น แต่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เพราะลูกชายคอยกวนอยู่เรื่อย
“พ่อไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ให้กลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ แค่นั้นเอง เพลงถามทำไมล่ะลูก”เขาถามกลับ

“เปล่าค่ะ เพลงแค่สงสัยเท่านั้น แล้วทำไมคุณพ่อบอกให้เขากลับมาอีกล่ะคะ”เธอถาม
“เพลงคิดว่าเขาจะหยุดมาหาลูกเหรอ ตราบใดที่เขายังไม่ได้ลูกกลับคืนไปน่ะ”
เขาถามลูกออกไป แต่ก็ไม่มีคำตอบจากเธอออกมา
“แล้วเพลงล่ะคิดยังไง พ่อว่าเพลงน่าจะพูดอะไรกับเขาให้รู้เรื่องได้แล้วนะลูก ปล่อยให้เขามาวน ๆ เวียน ๆ นั่งตากแดดตากฝนอยู่อย่างนี้ มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะลูก”เขาถามเธออีก
“เพลงไม่รู้ค่ะ แล้วคุณพ่อล่ะคะคิดยังไง”เธอถาม

“พ่อไม่คิดอะไรหรอกลูก ทุกอย่างพ่อให้เพลงเป็นคนตัดสินใจ”
เขาบอกลูกสาวและก็ยิ้มให้เธอด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
“เพลงก็ยังไม่ได้คิดอะไรค่ะ เอาไว้ดูเขาไปก่อนนะคะ แต่ไม่ว่าเพลงจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่นะคะคุณพ่อ สิ่งแรกที่เพลงจะคำนึงก็คือคุณพ่อและพี่พีค่ะ ถ้าเขายังไม่ลืมความแค้นที่มีกับพวกเรา เพลงก็คงจะไม่....เอ่อ...”เธอหยุดแค่นั้น

“พ่อบอกแล้ว ว่าให้เพลงเป็นคนตัดสินใจ...ไม่เอาแล้วล่ะ วันนี้พ่อรบกับเจ้าพิงมามากแล้ว รู้สึกเหนื่อยจังเลย ไปนอนดีกว่า ลูกก็เหมือนกันเข้านอนได้แล้วล่ะ อย่าคิดอะไรมาก”เขารีบตัดบท เพราะไม่อยากให้ลูกสาวคิดเรื่องของอนาคตมากเกินไป
“ค่ะ เพลงไปส่งนะคะ”
และก็ดูเหมือนว่าระพีพรรณเองก็เห็นด้วยตามนั้น จึงลุกขึ้นและเข็นรถพ่อไปส่งให้ในห้องนอน และดูความเรียบร้อยให้พ่อจนเสร็จแล้วก็กลับออกมาปิดประตูบ้านแล้วก็เข้านอนในที่สุด


สายตาคมคู่นั้น จ้องมองไปยังผู้ชายที่เธอแทบจะเรียกได้ว่าตามไล่ล่าเขาก็ว่าได้ เพราะดนุพรไม่ยอมรับสายจากเธอเอาดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่เคยทำแบบนี้กับเธอเลย นัชนินจ้องมองตามเขาไปไม่ให้ห่างเมื่อบังเอิญเห็นเขาที่โรงจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

“ยายแนนดูอะไรอยู่ลูก”นินทกาลหันมาถามลูกสาวเมื่อเห็นชะเง้อชะแง้ไปมา
“นั่นคุณดำนี่คะคุณแม่”
นัชนินบอกมารดาและก็ชี้ไปทางร่างสูงใหญ่ที่กำลังขนข้าวของจากรถเข็นเข้าไปไว้ในรถสปอร์ตของเขา
“เอ่อ...จริงด้วย หายหน้าไปตั้งนาน...แล้วนั่นเราจะไปไหนล่ะยายแนน”
นินทกาลร้องตามลูกสาวที่ออกเดินไปหาดนุพรด้วยความเร็ว

“คุณดำมาทำอะไรแถวนี้คะ”
นัชนินร้องถามตั้งแต่ยังไม่ถึงตัวเขาเลย และเสียงเรียกของเธอก็ทำให้ดนุพรทำหน้าไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไหร่เลย เพราะพักนี้เขารู้ดีหนีหน้าเธอไป
“อ้าว....คุณแนน คุณป้า สวัสดีครับ มาทำอะไรแถวนี้ครับ”เขาทักทายนัชนิน และไหว้นินทกาลที่เดินตามหลังลูกสาวมา
“สวัสดีค่ะคุณดำ ไม่เจอกันตั้งนานนะคะ ไม่เห็นไปกินข้าวบ้านป้าบ้างเลยค่ะ”นินทกาลรับไหว้และทักทายเขา

“นั่นสิคะ แนนโทรหาคุณดำก็ไม่รับสาย พักนี้ยุ่งมากเหรอคะ ถึงได้ไม่มีเวลาพูดคุยกับแนนเหมือนเมื่อก่อน”
นัชนินบ่นเขาด้วยความน้อยใจ แต่มือนั้นก็รีบเอื้อมไปคล้องแขนเขาเอาไว้เหมือนทุก ๆ ครั้งที่เธอเคยทำมา จนทำให้มารดาจ้องมองตาเขม็ง เพราะเห็นว่าไม่เหมาะ แต่ผู้เป็นลูกก็ทำไม่รู้ไม่ชี้
“พอดีผมยุ่งมาก ๆ ครับช่วงนี้ ต้องดูแลงานหลายที่เจ้าสิทธิ์ก็ไม่ค่อยจะมีเวลาสักเท่าไหร่ เมียกำลังแพ้ท้องครับ”
เขาเฉไฉไปเรื่อย

“ไม่รู้ล่ะค่ะวันนี้คุณดำจะต้องไปกินข้าวกับแนนและคุณแม่นะคะ เราตั้งใจว่าจะไปกินอาหารญี่ปุ่นในห้างนี้ค่ะ ไปเลยมั้ยคะคุณแม่”นัชนินพยายามต้อนเขาให้จนมุม
“คงจะต้องขอตัวครับคุณแนน คุณป้า พอดีวันนี้ผมมีนัดสำคัญแล้วครับ เสร็จจากนี่ก็จะออกไปเลยเดี๋ยวรถจะติดครับ”
เขารีบปฏิเสธทันที
“คุณดำนัดกับใครคะที่ว่านัดสำคัญ แล้วสำคัญกว่าแนนกับคุณแม่เลยเหรอคะ”
นัชนินถามด้วยความน้อยใจและไม่สบอารมณ์ที่ถูกปฏิเสธ

“ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ นัดสำคัญจริง ๆ เอาไว้ผมจะเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการขอโทษนะครับที่วันนี้ไปด้วยไม่ได้ นะครับคุณป้า ผมต้องขอตัวก่อน เดี๋ยวไปไม่ทัน”เขาบอกด้วยความสุภาพ
“ไปเป็นไรคะคุณดำ งั้นเอาไว้วันหลังค่อยนัดกันใหม่นะคะ พอดีป้าก็มีเรื่องจะคุยกับคุณดำอยู่พอดีค่ะ”
นินทกาลบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล จนทำให้อีกฝ่ายนั้นรู้สึกผิดเหลือเกินที่ไม่สามารถจะบอกอะไร ๆ ให้มันกระจ่างไปมากกว่านี้ได้

“คุณแม่คะ”นัชนินเรียกมารดาด้วยน้ำเสียงที่สูงกว่าปกติ เพราะไม่คิดว่าจะปล่อยดนุพรให้ไปง่าย ๆ อย่างนี้
“ขอบพระคุณ คุณป้ามาก ๆ ครับที่เข้าใจ ผมรับรองครับว่าคราวหน้าผมจะไม่พลาดนัดคุณป้าแน่ ๆ นะครับคุณแนน วันนี้ขอตัวจริง ๆ”
เขาบอกสองแม่ลูกด้วยความสุภาพ พร้อม ๆ กับแกะมือนัชนินออกจากแขน แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่อยากจะปล่อย จนมีสายตาที่จ้องมองเป็นเชิงเตือนของนินทกาล นัชนินจึงได้ยอมปล่อยแขนออก

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นป้ากับยายแนนขอตัวนะคะ นัดเพื่อนเอาไว้ด้านในค่ะ ไปยายแนนเดี๋ยวจะสาย”นินทกาลบอกลูกสาว
“สวัสดีครับคุณป้า สวัสดีนะครับคุณแนน”
เขาไหว้นินทกาลด้วยความนอบน้อม และยิ้มให้นัชนินด้วยความเอ็นดู และก็มองนินทกาลที่จูงเอาแขนลูกสาวแล้วเดินเข้าห้างสรรพสินค้าไป แต่นัชนินก็ยังไม่วายที่จะหันมาหาเขาอีก เขาค่อย ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่สองแม่ลูกหายเข้าไปด้านในได้สักที เขาไม่รอช้ารีบขึ้นรถและขับออกไปยังบ้านสวน ที่เขาบอกว่านัดกับคนสำคัญเอาไว้นั่นเอง


รถของดนุพรแล่นมาจอดไว้ที่บ้านสวนด้วยความมั่นใจกว่าหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา เขาเดินอ้อมไปอีกฟากเพื่อเปิดประตูรถหอบหิ้วข้าวของหลายอย่างที่อุตส่าห์เจียดเวลาไปหาซื้อมาให้ลูกชาย กำพลเข็นรถออกมามองดูผู้ที่ถือของพะรุงพะรังด้วยความรู้สึกที่เป็นบวกกับเขามากกว่าหลาย ๆ ครั้ง

“ผมซื้อของมาฝากลูก”เขาบอกหลังจากที่วางของลงไปไว้ที่แคร่หน้าบ้าน
“แต่ตอนนี้ตาพิงไม่อยู่นะ ไปอยู่บ้านแม่จิตตั้งแต่กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ป่านนี้คงกำลังหลับอยู่มั้ง”กำพลบอกเขา
“เอ่อ...งั้นผมรออยู่ตรงนี้ได้หรือเปล่า”เขาถาม
“ก็เอาสิ ก็ดีเหมือนกัน ผมเองก็อยากจะคุยกับคุณเหมือนกัน”
กำพลบอกออกไป เพราะรู้สึกว่าเรื่องในอดีตนั้น น่าจะมีการพูดคุยและปรับความเข้าใจให้จบ ๆ ไป แต่เขาก็เห็นอีกฝ่ายนั้น ทำหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“เรามันก็ลูกผู้ชายด้วยกันนะ ผมว่ามีอะไรเราก็ควรจะคุยกันให้รู้เรื่อง มันจะได้ไม่ต้องอึดอัดใจกันทั้งสองฝ่าย หรือคุณคิดว่ายังไงล่ะ แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าจะปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังอยู่เป็นแบบนี้ก็ได้นะ เพราะเราเองก็ไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว ว่าแต่คุณเถอะจะเอายังไง”กำพลไม่ยอมเสียเวลา
“ผมอยากได้เพลงกับลูกคืน”เขาบอกออกไปในที่สุด

“ผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะขัดขวางคุณกับยายเพลงหรอกนะ แล้วแต่จะตกลงกัน ส่วนเรื่องในอดีต ผมก็ยอมรับว่าผมกับเจ้าพีทำผิดไว้กับพวกคุณมาก แต่ก็อย่างที่คุณเห็นว่าเราทั้งสองคนก็ได้ชดใช้ผลที่ตามมาแล้ว มันอาจจะวัดกันไม่ได้ว่ามันชดเชยกันได้ครบหรือเทียบเท่ากันหรือเปล่า แต่ทุกอย่างมันก็อยู่ที่ความรู้สึกของคนเท่านั้น และผมก็อยากจะบอกให้คุณรู้ไว้ตรงนี้ว่า ผมและลูกรู้สึกผิดเสมอมาในเรื่องที่ทำเอาไว้
ในฐานะที่ผมเป็นฝ่ายสร้างปัญหาให้คุณก่อน มันคงจะยังไม่สายนะ ที่ผมจะบอกว่า “ผมขอโทษ” จริง ๆ แล้วผมได้ขอโทษแม่กับพี่คุณมาแล้ว และทั้งสองคนก็เข้าใจผม และให้อภัยผม แต่สำหรับคุณผมไม่รู้”กำพลพูดในสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้ว

“ผมไม่รู้ว่าคุณแม่กับพี่เด่นคิดยังไง แต่สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกเจ็บปวดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นจากการกระทำของคุณ เพราะผมคือคนที่เป็นที่พึ่งของคนทั้งบ้าน ไม่ว่าใครจะได้รับอะไรมาทุกอย่างมาตกอยู่ที่ผม และผมเจ็บปวดทุก ๆ ครั้งที่มองเห็นคุณแม่ ที่ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต เจ็บปวดเวลาที่ไปเยี่ยมพี่เด่นในคุกและถูกกีดกันด้วยเวลา ที่สำคัญที่สุดผมเจ็บปวดมากที่ต้องมองดูน้องที่ไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย มิหนำซ้ำผมยังจะต้องเปลี่ยนฐานะจากลุงของหลานมาเป็นพ่อเขาแทน

คุณอาจจะไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไง มันทรมานแค่ไหน และกว่าที่ผมจะลุกขึ้นมา กอบกู้ฐานะทางบ้านให้กลับมาเหมือนเดิมได้ คุณคงไม่อยากจะรู้หรอกว่า มันลำบากแค่ไหน บางครั้งชีวิตของผม ๆ เองก็แทบจะเอามาไม่รอด เพราะถูกคู่แข่งสั่งเก็บก็มี ต้องว่ายน้ำ ดำดิน ขึ้นเขา ลงห้วยเพื่อหนีลูกปืนก็หลายครั้ง เรื่องพวกนี้ไม่มีใครรู้หรอก แม้แต่พี่เด่น ที่ผมบอกคุณก็ไม่ได้อยากจะรื้อฟื้นอะไรหรอกนะ แต่แค่อยากจะให้คุณเข้าใจว่า ทำไมผมถึงโกรธ และแค้นที่คุณเคยทำกับพวกเรา และนั่นก็เป็นต้นเหตุทำให้ผมต้อง....เอ่อ...”เขาหยุดไว้แค่นั้น

“ต้องใช้ยายเพลงเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น”กำพลเสริมให้
“ผมขอโทษ”
เขาบอกกับกำพล เพราะเขาคิดว่าในเมื่อกำพลยังกล้าขอโทษในเรื่องที่เขาทำไว้ ขาเองก็เป็นลูกผู้ชายมากพอ และก็มากพอที่จะกล้าขอโทษในสิ่งที่ได้ทำลงไปด้วย

“เรื่องที่ผมทำไม่ดีเอาไว้ มันพอจะลบล้างกับเวลาเกือบสี่ปีที่ยายเพลงไปทำงานที่บ้านคุณได้มั้ย ถ้าได้ผมก็ถือว่าเราหายกัน ส่วนเรื่องที่คุณทำกับยายเพลง ในฐานะที่ผมเป็นพ่อของยายเพลง ถามว่าผมโกรธคุณมั้ย แน่นอนผมทั้งโกรธและเจ็บปวดที่คุณทำกับลูกผมขนาดนี้ แต่ถ้าคุณกลับมาหายายเพลง และรับผิดชอบชีวิตลูกกับหลานผมแบบนี้ ผมก็ยินดีที่จะยกโทษให้ แต่ว่ายายเพลงจะยกโทษให้คุณหรือเปล่า ผมให้ลูกเป็นคนตัดสินใจ ผมจะไม่บังคับหรือขอร้องยายเพลงเด็ดขาด”
กำพลบอกเขาออกไป และมันก็ทำให้เขานั้นรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดที่ได้ยินคำพูดของกำพลวันนี้

“ผมขอบคุณครับ”เขาบอกกำพลออกไปด้วยใบหน้าที่มีถึงความยินดีเป็นที่สุด
“แล้วคุณจะเอายังไง”กำพลถามอีก

“ผมรักเพลง อยากจะได้เพลงเป็นคู่ชีวิตของผมตลอดไป แต่ผมไม่รู้ว่าเพลงจะรักผมบ้างมั้ย และไม่รู้ว่าเขาจะยกโทษให้ผมได้หรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะให้ผมทำอะไร ยังไง หรือนานแค่ไหน ผมก็ยินดีที่จะทำ ถ้ามันทำให้เพลงหายโกรธผมได้ คุณจะว่าอะไรมั้ยถ้าผมจะขอเพลงแต่งงาน มันอาจจะไม่ถูกขั้นตอนไปบ้าง แต่ผมก็ยินดีที่จะแก้ไขอะไร ๆ ที่มันผิดพลาดให้กลับมาเหมือนเดิม”
เขาบอกกำพลพร้อมทั้งดวงตาฉายแววตาที่มุ่งมั่นเป็นที่สุด จนทำให้อีกฝ่ายนั้นถึงกับยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ และก็ดีใจที่อย่างน้อย ๆ ทั้งเขาและดนุพรก็ได้มีโอกาสพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันได้

“ผมบอกแล้วว่าแล้วแต่ยายเพลง ถ้าช่วยได้ผมก็จะทำ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับยายเพลงคนเดียวเท่านั้น”
กำพลบอกและยิ้มให้เขา
“ขอบคุณครับ”ดนุพรบอกและยกมือไหว้กำพลเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีมานี้
กำพลอดโล่งใจไม่ได้เลย ที่เห็นรถของลูกชายขับเข้าบ้านมาตอนนี้ นี่ถ้ามาเร็วกว่านี้สักสิบนาที มีหวังว่าเขาก็คงจะไม่ได้ปรับความเข้าใจกับดนุพรเป็นแน่ และเขาก็ลอบมองไปดูดนุพรที่มองระพีพงศ์ด้วยสายตาที่เขาเองก็อ่านไม่ออก แต่กำพลก็ไม่ได้กังวลใจอะไรมากนักกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายและดนุพร

“ทำไมกลับมาแต่วันเชียวเจ้าพี”กำพลชิงถามก่อนที่ลูกชายจะถามว่าดนุพรมาทำไมอีก
“ผมทำงานเสร็จแล้วนี่ครับ”เขาตอบพ่อแค่นั้น
“คุณช่วยไปรับตาพิงที่บ้านแม่จิตให้ผมหน่อยได้มั้ย ให้เจ้าโป่งพาไปก็ได้ มันเก็บผักอยู่ท้ายสวนโน่นแหนะ”
กำพลบอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าบ้านลุงเปลวอยู่ที่ไหน”เขาบอก และก็รีบลุกเดินออกไป
“ทำเป็นรู้ดี ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็เล่นมาแอบดูเขานี่ ไม่แน่จริงนี่หว่า”
ระพีพงศ์ทรุดตัวลงนั่งที่แคร่ และอดค่อนขอดไม่ได้ เมื่อเขาหายไปจากรั้วบ้านแล้ว

“พีพอได้แล้วลูก เมื่อไหร่จะเลิกซักที พูดว่าเขาแบบนี้มันไม่ได้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะลูก เราก็ทำไม่ดีกับเขามามาก น้องเขาก็ยังไม่หายดี พ่อว่าพีน่าจะพอได้แล้วนะลูก”กำพลสอนลูกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ผมรู้ครับพ่อ ว่าผมทำไม่ดีกับน้องเขา แต่เขาก็ไม่น่ามาทำกับยายเพลงแบบนี้เลย นี่ถ้าผมรับผิดชอบชีวิตน้องเขาได้ ผมก็ยินดีที่จะทำนะครับคุณพ่อ แล้วลูกของดาที่เขารับเป็นพ่อ ถ้าเกิดพิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกผม ผมก็ยินดีที่จะรับผิดชอบด้วย ผมแค่ไม่ชอบวิธีการแก้แค้นของเขาก็แค่นั้น มีอย่างเหรอเอายายเพลงไปใช้งานแล้วยังจะมาทำร้ายจิตใจยายเพลงอย่างนี้อีก”ระพีพงศ์บอกกับพ่อ

“พ่อว่าเรื่องมันผ่านมาแล้ว ก็ให้มันแล้วไปเถอะนะพี พ่อขอร้อง อย่าให้น้องต้องกลุ้มใจมากไปกว่านี้เลย ถ้าพ่อกับพีไม่ลืมเรื่องร้าย ๆ ในอดีตให้หมด ยายเพลงก็คงจะลำบากใจที่จะตัดสินใจทำอะไรได้ยากนะพี เชื่อพ่อเถอะ จะว่าไปแล้วนายดำก็เป็นลูกผู้ชายไม่น้อยนะ เมื่อกี้เขาขอโทษพ่อด้วย และก็ขอยายเพลงกับพ่อแล้วด้วย”กำพลบอกเขา
“นายนั่นน่ะนะ ขอโทษคนเป็น ไม่อยากจะเชื่อเลย”เขาค่อนขอดอีกครั้ง
“พี...พอได้แล้วลูก ไป...เอาของไปเก็บ นี่เขาซื้อของมาฝากหลานเราตั้งเยอะแยะเลย”
กำพลตัดบท เพราะไม่อยากจะไปรบเร้าลูกชายมากไปกว่านี้อีก

“โธ่...ทำกับเขาไว้ตั้งเยอะ ซื้อของมาแค่นี้”
ระพีพงศ์บ่น แต่ก็ยอมทำตามคำพ่อแต่โดยดี ทำให้ผู้เป็นพ่ออดยิ้มให้ลูกชายไม่ได้ นี่ถ้าเป็นระพีพงศ์คนก่อนป่านนี้ก็คงจะนั่งเถียงเขาคอเป็นเอ็นแน่ ๆ แต่บังเอิญว่าวันนี้เขาเป็นระพีพงศ์คนใหม่ ที่ค่อนข้างจะว่านอนสอนง่ายสำหรับกำพลทีเดียว


“น้องพิงอยู่ไหนคะคุณพ่อ”
เป็นคำถามแรกที่ระพีพรรณถามเมื่อลงจากรถได้ และเธอก็เหมือนจะรู้ว่าลูกชายนั้นตอนนี้อยู่กับใคร เพราะเห็นรถของเขาจอดอยู่ก่อนแล้ว
“อยู่ในสวนโน่นแหนะลูก”กำพลตอบ
“กับใครคะ”เธอถาม
“เพลงเองก็รู้แล้วนะว่าอยู่กับใคร”เขาบอกลูก
“แล้วทำไมคุณพ่อยอมให้เขาพาลูกเพลงไปไหนต่อไหนได้ล่ะคะ แล้วเขามานานหรือยัง แล้ววันนี้มีเรื่องกับพี่พีหรือเปล่าคะ”
เธอถามพ่อด้วยความสงสัย ปนไม่ค่อยจะชอบใจนิด ๆ ที่พักนี้เขาก้าวหน้าถึงขั้นพ่อยอมให้เขาพาลูกชายเธอไปเดินเล่นไหนต่อไหนได้โดยลำพังแล้ว

“ลูกเพลงคนเดียวทีไหน ก็ลูกเขาด้วยนี่ แล้วเขาก็มาตั้งแต่บ่าย ๆ แล้ว วันนี้ไม่มีเรื่องกับเจ้าพีหรอก เพราะพ่อสั่งว่าให้ลืมเรื่องเก่า ๆ ซะให้หมด”เขาตอบลูกสาวด้วยความอารมณ์ดี
“แล้วเขาลืมได้แล้วเหรอคะเรื่องเก่า ๆ”เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบายใจนัก
“พ่อไม่รู้ว่าเขาลืมหรือยัง แต่ว่าวันนี้พ่อกับเขาคุยกันแล้ว และก็พอจะเข้าใจกันได้ในระดับหนึ่ง พ่อขอโทษเขาในเรื่องที่พ่อกับพี่พีทำไม่ดีไว้ ส่วนเขาก็ขอโทษที่ทำไม่ดีกับเพลง และเขาก็ขอเพลงกับพ่อด้วยนะ เพลงจะว่ายังไงล่ะลูก”กำพลบอกลูกสาว

“คุณพ่อคะ แค่คุณพ่อได้คุยกับเขาแค่นี้ คุณพ่อก็เชื่อเขาแล้วเหรอคะ แล้วคุณพ่อลืมไปแล้วเหรอคะ ว่าเขาเป็นจอมวางแผนแค่ไหน คุณพ่อไม่คิดว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนเขาบ้างเหรอคะ”เธอถามพ่อด้วยความกังวล
“พ่อไม่รู้หรอกลูก ถ้าเขาอยากจะทำแบบนั้นแล้วมันทำให้เขามีความสุข ก็ปล่อยให้เขาทำไป พ่อเชื่อในผลกรรม เพลงเองก็เห็นว่ากรรมทุกวันนี้มันติดจรวด ใครทำยังไงก็ได้ยังงั้น พ่อไม่คิดอะไรมากแล้วล่ะลูก”เขาบอกลูกสาวถึงความรู้สึกที่แท้จริง
“พ่อเรากลายเป็นพ่อพระไปแล้วล่ะยายเพลง พี่บอกก็ไม่ฟัง”
ระพีพงศ์ที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบน อดที่จะแหย่พ่อไม่ได้ เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวเพิ่งพูดกับพ่อเอาไว้

“พอได้แล้วเจ้าพี โน่นเขากลับมาแล้ว ไปเลย ไปช่วยเจ้าโป่งเข็นรถผักมาด้วย กลับจากทำงานตั้งนานแล้ว แทนที่จะรีบไปช่วยมัน อะไรกันขึ้นไปขลุกอยู่แต่ในห้องได้ตั้งนานสองนาน พ่อบอกแล้วว่าอย่าให้โป่งทำงานหนักมาก ให้มันสบายบ้าง”
กำพลดุลูก เมื่อมองเห็นทั้งดนุพรและโป่งกำลังออกมาจากสวน
“ถ้านายนั่นไม่อยู่ ผมก็คงจะไปช่วยลุงโป่งตั้งนานแล้วล่ะครับคุณพ่อ”
เขาบอกพ่อ และก็เดินตรงไปยังหน้าบ้านเพื่อช่วยโป่ง


“ดูพี่เราสิยายเพลง แก่จนป่านนี้แล้วยังไม่เลิกขี้บ่นอีก ดีนะที่เพลงไม่เป็นแบบมัน ถ้าไม่อย่างนั้นนะ พ่อคงจะขอไปบวชดีกว่า”กำพลบ่นตามหลังลูกชายให้เธอฟัง
“แล้วเขาจะอยู่อีกนานหรือเปล่าคะคุณพ่อ เพลงเองก็ไม่อยากจะออกไปช่วยลุงโป่งเหมือนกันนะคะ”เธอบอก
“อ้าว...ยายเพลง เป็นไปอีกคนแล้ว วันนี้พ่อตั้งใจว่าจะชวนเขากินข้าวที่บ้านเราด้วยนะ ดูสิ...ลูกของเราติดเขาแจเลยนะ อยู่กับเขาตั้งแต่ไปรับมาจากบ้านแม่จิตแล้วนะ ไม่ยอมมาหาพ่อเลย เฮ้อ...สายเลือดนี่ตัดไม่ขาดจริง ๆ เลย”
กำพลบอกลูกสาวและยิ้มให้ด้วยความรู้สึกที่ปรีดาไม่น้อย

“คุณพ่อคะ”เธอเรียกพ่อแค่นั้น ก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว
“เพลง”กำพลทำเสียงดุใส่ลูกนิด ๆ
“เพลงไปทำกับข้าวก็แล้วกันค่ะ”
เธอบอกและเดินหายเข้าครัวไป เพราะไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อทำในตอนนี้ แต่เธอก็ไม่อยากจะขัดใจพ่อสักเท่าไหร่


บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของครอบครัวที่บ้านสวนวันนี้ แทบจะหาความรื่นเริงไม่ได้เลย ระพีพงศ์ที่เคยมีเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่าให้ทุกคนฟังก็ปิดปากเงียบ ส่วนโป่งนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาไม่ค่อยจะได้พูดอะไรอยู่แล้ว กำพลเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร เพราะถามอะไรใครสักคำ ก็จะมีคำตอบออกมาคำแค่นั้น แต่เขาก็ยังไม่ใคร่จะสะดวกใจที่จะคุยเรื่องสัพเพเหระกับแขกของเขาสักเท่าไหร่นัก และก็ดูเหมือนว่าแขกของเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่เลย

จะเห็นได้จากการที่ดนุพรแทบจะไม่ตักอะไรเข้าปากเลย ได้แต่เงียบ ส่วนคุณแม่ลูกเล็กนั้น ตักข้าวเข้าปากตัวเองบ้าง และผลัดเปลี่ยนกับการป้อนลูกชายบ้าง บางทีก็ต้องวิ่งวนไล่ต้อนลูกชายที่วิ่งไปซุกมุมโน้นมุมนี้อยู่เรื่อย บางทีก็วิ่งไปซุกข้าง ๆ พ่อที่นั่งกินข้าวที่เขาเองก็ไม่ได้รับรู้รสอาหารเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่เกร็งทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

“น้องพิงมากินข้าวก่อนสิลูก แม่เหนื่อยวิ่งไล่หนูแล้วนะครับ”
ระพีพรรณดุลูกชาย ขณะที่วิ่งไล่ป้อนข้าวไปด้วยกินของตัวไปด้วย และมันก็ทำให้ดนุพรนั้นวาดภาพความยุ่งยากที่เธอจะต้องเผชิญกับลูกชายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว มันยิ่งทำให้เขารักและต้องการเธอมาเป็นคู่ครองของเขามากยิ่งขึ้น
“ให้ผมป้อนลูกให้ก็ได้เพลง คุณจะได้ไปกินข้าว”เขาบอกเธอเมื่อลูกชายวิ่งมาเกาะเก้าอี้ที่เขานั่งอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้ และก็ทำมาตั้งนานแล้ว”
เธออดที่จะเหน็บเขาไม่ได้ จนทำให้พี่ชายที่รอจังหวะอยู่นั้นยิ้มเยาะเขาด้วยความสะใจ นี่ถ้าไม่มีพ่ออยู่ตรงหน้านะ รับรองว่าเขาจะต้องได้ผสมโรงกับน้องสาวอีกหลายคำแน่ ๆ
“วันนี้เพลงมีขนมอะไรหรือเปล่าลูก”กำพลรีบถามเพื่อกันลูกชายเอาไว้
“วันนี้เพลงซื้อแตงไทน้ำกะทิมาค่ะคุณพ่อ อยู่ในตู้เย็นค่ะ คุณพ่ออิ่มแล้วเหรอคะ”
เธอถาม เพราะเพิ่งจะเห็นพ่อกินข้าวไปไม่กี่คำ และก็คงจะไม่ต่างจากเธอนัก ที่วันนี้รู้สึกว่าอาหารไม่มีความอร่อยเอาเสียเลย จะมีก็แต่โป่งกับพี่ชายเธอเท่านั้น ที่ไม่ว่าเธอจะทำอาหารอะไรทั้งสองก็กินไม่เคยเกี่ยงเลย

“เมื่อบ่ายพ่อกินมะม่วงสุกไปเยอะลูก ใครจะเอาของหวานบ้าง คุณเอาด้วยหรือเปล่า”
กำพลถามเขา เพราะเห็นเขาก็ไม่ค่อยจะเจริญอาหารเลย ด้วยยังมีข้าวที่พูนจานอยู่นั่นเอง
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ค่อยหิว ผมไปหยิบให้ก็ได้”เขาบอกกำพล เพราะเห็นกำพลใช้มือเข็นรถตัวเองออกจากโต๊ะอาหาร
“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้คุณเป็นแขกของบ้านเรา นั่งเถอะ หรือถ้าจะช่วยก็ช่วยจับตาพิงให้ยายเพลงป้อนข้าวก็พอแล้ว”
เขาบอกและปั่นรถออกไป

“ไม่เป็นไรค่ะ ตาพิงมาหาแม่มาลูก ไป...เข้าไปกินข้าวในห้องกันดีกว่านะครับ”
ระพีพรรณรีบเข้าไปอุ้มลูกชายตัดหน้าเขาทันทีที่เห็นเขากำลังจะลุกไปอุ้มลูกชายมาให้เธอ เธอพาลูกชายเดินเข้าห้องนอนและเปิดประตูเอาไว้ ด้วยไม่อยากจะให้เขาเข้ามาข้องเกี่ยวกับเธอและลูกอีก
แล้วสมาชิกร่วมโต๊ะอาหารก็กระจายกันไปคนละทิศคนละทาง เพราะเมื่อระพีพงศ์เห็นน้องหายเข้าห้องเขาก็ถือโอกาสขึ้นชั้นบนทันทีเพราะอิ่มแล้ว ส่วนโป่งพออิ่มแล้ว ก็ไม่รอช้ารีบไปจัดผักเพื่อเตรียมไปตลาดตอนเช้า

“อ้าว...อิ่มกันหมดเลยเหรอ ไม่มีใครกินขนมเลยเหรอนี่”กำพลถามเมื่อออกมาจากครัวแล้วไม่เจอใคร นอกจากแขกของเขา
“ครับ”เขาตอบกำพลแค่นั้น เพราะเขารู้ดีว่า ตัวเขาเองเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนในบ้านกระจัดกระจายไปหมด

“ไม่เป็นไรหรอก คุณมากินเป็นเพื่อนผมก็แล้วกัน ยายเพลงซื้อมาตั้งเยอะ นี่ก็สงสัยว่ากว่าจะได้ออกมาก็คงจะเอาตาพิงเข้านอนก่อนล่ะมั้ง”
กำพลบอก เพราะรู้ดีว่าลูกสาวจงใจจะหนีหน้าเขา ดนุพรเองก็พอจะเข้าใจดีว่าระพีพรรณตั้งใจจะหลบหน้า เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการไปนั่งช่วยโป่งจัดผัก และคุยกับกำพลเพื่อรอเธอ แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเขาจะรอเก้อซะแล้ว เพราะรอตั้งนานสองนาน ก็ยังไม่มีวี่แววของเธอจะออกมาจากห้องเลย

“ผมว่าคุณกลับบ้านก่อนดีกว่านะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ วันนี้ยายเพลงคงจะเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน”
กำพลแนะและก็ยิ้มให้เขา

“ครับ งั้นผมลานะครับ”

เขายอมแพ้ระพีพรรณง่าย ๆ สำหรับวันนี้ เพราะเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน จึงลากำพลและขับรถออกไปจากบ้านสวนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว แต่จะว่าไปแล้ววันนี้เขาเองก็ประสบผลสำเร็จไปได้มากทีเดียว เพราะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้กำพลคอยเกื้อหนุนให้บ้าง ถึงแม้จะไม่ออกนอกหน้ามากก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าหลาย ๆ ครั้ง ที่เขามารอเธอแล้วก็ไม่มีโอกาสได้เดินเฉียดประตูบ้านด้วยซ้ำ คิดได้แค่นั้นเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ

เย็นของวันถัดมาและหลาย ๆ วันต่อมา ดนุพรกลายเป็นแขกประจำของกำพลไปโดยปริยาย เขาได้มีโอกาสใกล้ชิดลูกมากขึ้น เพราะอาศัยว่ารีบมาบ้านสวนก่อนระพีพรรณจะกลับบ้าน และช่วยโป่งกับกำพลอาบน้ำให้ลูกชาย และอุ้มลูกเดินเล่น หรือพาขับรถเที่ยวแถว ๆ นั้น ระหว่างที่รอแม่กลับจากทำงาน มันทำให้เขามีความสุขไม่น้อยเลย ที่ได้อยู่กับลูก ถึงแม้ว่าจะขาดผู้เป็นแม่ไป

แต่เขาก็คาดหวังเอาไว้ว่าอีกไม่นาน แม่ของลูกเขาจะต้องใจอ่อนเป็นแน่ แม้จะให้รออีกสักพักเขาก็ไม่กังวลใด ๆ แล้ว เพราะเขา เข้านอกออกในบ้านสวนได้คล่องตัวกว่าเมื่อก่อน ซึ่งกำพลเป็นคนคอยเปิดทางให้ ถึงแม้ว่าช่วงแรก ๆ ระพีพงศ์จะขวาง ๆ เขาอยู่บ้าง แต่ก็ทำได้ไม่สะดวกเมื่อมีกำพลคอยปรามเอาไว้ จนในที่สุดระพีพงศ์ก็เลิกกวนเอาไป







 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2551
3 comments
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2551 12:34:53 น.
Counter : 814 Pageviews.

 

up อีกเมื่อไหร่คะ อยากอ่านมากเลย มาเปิดทุกวันเลยค่ะ

 

โดย: สนุกมาก IP: 203.121.167.243 4 พฤศจิกายน 2551 9:11:19 น.  

 

สงสัยนายดำง้อง่ายกว่าพี่ปลายแหงเลย แต่ว่าต้องอดทนทรมานใจตัวเองมาตั้งนานแน่ะ รีบๆมานะคะ รออยู่ค่ะ

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 5 พฤศจิกายน 2551 12:06:23 น.  

 

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม

ถ้ามาอัพช้าก็อย่าว่ากันนะคะ เพราะว่ายุ่งมากจริง ๆ ค่ะช่วงนี้

 

โดย: ธัญญะ 9 พฤศจิกายน 2551 13:18:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.