นินทกาลยืนมองอาการที่กระฟัดกระเฟียด และกระแทกโทรศัพท์โครม ๆ อยู่หลายครั้งของลูกสาว แล้วก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่สบอารมณ์นัก และถ้าจะให้เดาถึงสาเหตุของอาการบุตรสาวคนเล็กนั้น ก็คงจะไม่พ้นเรื่องของดนุพรเป็นแน่ เพราะพักนี้ดนุพรไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่ที่บ้านของเธอบ่อยครั้งนัก จะว่าไปแล้วตัวเธอเองก็สับสนกับพฤติกรรมของชายหนุ่มผู้นี้ไม่แพ้ไปจากบุตรสาวสักเท่าไหร่เลย เพราะไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไงกับบุตรสาวเธอดี บางครั้งเขาก็ทำเหมือนจะให้ความหวังแก่บุตรสาวเธอด้วยการไปมาหาสู่ถี่ขึ้น แต่บางครั้งเขาก็เงียบหายไปเฉย ๆ โดยไม่มีสาเหตุ และเธอก็มักจะเห็นความกระวนกระวายของบุตรสาวตามมาแทบทุกครั้ง หลังจากที่ติดต่อกับดนุพรไม่ได้ เหมือนกับเวลานี้ ตั้งแต่เช้าจนจะเที่ยงแล้ว ที่เธอเห็นบุตรสาวเฝ้ากดโทรศัพท์ ทั้งมือถือและโทรศัพท์บ้าน แต่แล้วนินทกาลก็เดาคำตอบของลูกสาวได้จากอาการเหล่านี้นี่เองติดต่อคุณดำไม่ได้เหรอเรา แม่เห็นโทรศัพท์มาตั้งแต่เช้าแล้วนะลูก นินทกาลเดินเข้ามาหาลูกสาวที่ห้องนั่งเล่นในที่สุดคุณแม่ดูสิคะ นี่คุณดำไม่ได้ติดต่อแนนมาหลายอาทิตย์แล้วนะคะ โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย เหมือนจะปิดโทรศัพท์หนีแนนยังไงยังนั้นเลยค่ะ แนนไม่ชอบเลย แนนจะทำยังไงดีคะคุณแม่ นัชนินบอกมารดาด้วยความหัวเสียก็ไม่เห็นจะต้องทำอะไรนี่ลูก อีกหน่อยคุณดำก็คงจะติดต่อมาเองนั่นล่ะ พักนี้คงจะยุ่งมั้ง แม่ว่าแนนอยู่เฉย ๆ ดีกว่านะลูก แม่ไม่ชอบเลยที่เห็นลูกแม่เอะอะโวยวายเรื่องผู้ชายแบบนี้ มันไม่งามนะลูก เดี๋ยวคุณดำเขาจะเบื่อเอานะ นินทกาลเตือนลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ก็หนักแน่นอยู่ในทีแล้วคุณแม่จะให้แนนนั่งอยู่เฉย ๆ อย่างนั้นเหรอคะ แนนไม่เอาหรอก เดี๋ยวคนอื่นก็คว้าไปพอดี อย่างคุณดำไม่ได้หาได้ง่าย ๆ นะคะคุณแม่ นัชนินยังไม่ละความพยายามแต่แม่ไม่เห็นประโยชน์ที่แนนจะมาเอะอะมะเทิ้งกับโทรศัพท์หรือว่าเด็กในบ้านเลย ดูสิพวกนั้นกลัวจนหัวหดกันหมดแล้ว และแม่จะบอกให้นะลูก ว่าผู้ชายน่ะถ้าเขาจะมาเขาก็มา ไม่ต้องไปไล่ต้อนเขาหรอก หรือถ้าคุณดำไม่มาหาเรามันก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอลูก ว่าเขาไม่มีเจตนาจะสานต่อความสัมพันธ์กับเรา นินทกาลสอนลูกด้วยความรักแต่แนนรับไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ แนนไม่ใช่ทางผ่านของใครนะคะ คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป แนนมีเพื่อนและมีสังคมที่จะต้องอับอายนะคะ ใคร ๆ เขาจะว่ายังไงคะ ก็ในเมื่อพวกนั้นเห็นแนนไปไหนมาไหนกับคุณดำบ่อย ๆ แนนก็เสียหน้าพอดีสิคะนัชนินอดห่วงตัวเองไม่ได้ เพราะเที่ยวไปอวดใครต่อใครว่ากำลังคบหาดูใจกับดนุพรอยู่แต่แม่ก็เห็นคุณดำไปไหนมาไหนกับผู้หญิงอีกตั้งหลายคนนะยายแนน แม่ก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะลงเอยกับใครสักคน แม่ว่าเราอยู่เฉย ๆ เถอะนะ อย่าทำท่าเหมือนไล่ล่าผู้ชายให้แม่เห็นแบบนี้เลยนะ มันไม่งามนินทกาลเตือนลูกสาวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แข็งกว่าตอนแรกคุณแม่คะ นี่มันยุคอินเตอร์เน็ตแล้วนะคะ ไม่ใช่สมัยคุณแม่สาว ๆ ที่ผู้หญิงจะต้องรอให้ผู้ชายมาตัดสินว่าจะเลือกเราไปเป็นคู่หรือเปล่า แนนไม่ยอมหรอกค่ะในเมื่อคุณดำหายหน้าไป แนนก็จะบุกไปถึงบ้านเลย ถ้าคุณแม่ไม่ช่วยแนน นัชนินบอกมารดาด้วยท่าทางที่เอาจริง พอ ๆ แม่แนน เอาไว้ให้คุณดำมาหาเราอีกเมื่อไหร่ก่อน แล้วแม่จะเรียกเขามาคุยให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ตอนนี้ไปกินข้าวกับแม่ก่อนดีกว่า แม่หิวแล้ว นินทกาลให้ความหวังลูกสาวจริงนะคะคุณแม่ แนนรักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ นัชนินรีบเดินมาโอบกอดมารดาด้วยใบหน้าที่แจ่มใสขึ้นแม่เคยโกหกเราเหรอลูก ไปกินข้าวเถอะแม่หิวแล้ว นินทกาลบอกลูกสาวอีกครั้ง แล้วก็เดินนำไปยังห้องอาหารโดยมีบุตรสาวคอยประคองไปอย่างเอาใจภาพหนูน้อยที่ทุกคนในบ้านเรียกว่าคุณพิงที่ตอนนี้มีอายุได้เก้าเดือนแล้ว หนูน้อยหัวเราะชอบใจไปตามแต่ผู้ที่มีฐานะเป็นลุงที่แท้จริงหยอกเย้าในท่าต่าง ๆ พร้อมกับตาและตาโป่งที่คอยผสมโรงหยอกล้อให้หนูน้อยมีรอยยิ้มตลอดเวลา และยังไม่รวมกับลุงสิทธิ์ที่หอบเอาคู่หมั้นคือป้าโสภามาหาตั้งแต่ก่อนเที่ยง จนจะตกเย็นก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเบื่อที่จะต้องเล่นกับหนูน้อยเอาเสียเลย ระพีพรรณยืนมองภาพที่น่าประทับใจนั้นอยู่ในบ้านตามลำพัง หญิงสาวรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นเลย เพราะนับตั้งแต่เด่นณรงค์มาหากำพลวันนั้น เขาก็กลายเป็นแขกประจำที่นี่ตั้งแต่นั้นมา เขาได้แสดงความห่วงใยเธอและคนในบ้านมากเป็นพิเศษ ผ่านข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น และอาหารหวานคาวที่หอบหิ้วติดมาแทบจะทุกครั้งก็ว่าได้ แรก ๆ เธอสังเกตเห็นพ่อมีท่าทีที่ไม่ค่อยจะไว้ใจเขาสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป และเด่นณรงค์เองก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีสิ่งอื่นใดแอบแฝงอยู่ ก็คงทำให้พ่อเริ่มคลายความกังวลไปจนหมดสิ้น เพราะเธอมักจะเห็นเด่นณรงค์และพ่อพูดคุยกันมากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งก็พูดถึงเรื่องเมื่อสมัยยังทำงานอยู่ด้วยกัน แล้วก็ลงท้ายด้วยเสียงหัวเราะโดยมีโป่งคอยร่วมพูดคุยด้วยในเรื่องที่เขาได้อยู่ร่วมในเหตุการณนั้น ๆ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่สร้างความบาดหมางในสองครอบครัวเลยแม้แต่น้อย ระพีพรรณเข้าใจว่า ทั้งเด่นณรงค์และพ่อคงอยากจะลืมช่วงเวลาอันเลวร้าย ที่เกิดจากความผิดพลาดในอดีตให้หมดสิ้นไป และมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากความคิดเธอเลยแม้แต่น้อย ที่แทบจะทุกวินาทีก็ว่าได้ ที่เธอพยายามทำใจให้ลืมเรื่องเก่า ๆ แต่มันช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเธอเหลือเกิน เพราะเมื่อใดที่มองหน้าลูกน้อยแล้ว ภาพของผู้เป็นพ่อก็วนเวียนมาอยู่ในความทรงจำของเธอเป็นนิจ เธออยากจะรู้เหลือเกินว่า ระยะเวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้แล้ว เขาจะลืมความแค้นที่ฝังอยู่ในจิตใจได้บ้างไหม เขาจะห่วงหาอาทรเธอและลูกบ้างไหม แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เขาจะมีความรู้สึกกับเธอไปในทางอื่นที่นอกเหนือจากการได้แก้แค้นหรือไม่ บางครั้งเธอก็อยากจะเข้าข้างตัวเอง ว่าเขาคงจะมีความรู้สึกที่พิเศษกับเธอไม่น้อย แต่ความคิดนั้นมันก็ถูกลบหายไป เมื่อเธอนึกถึงเหตุการณ์วันที่อุ้มท้องไปบอกข่าวเขาในกลางดึก และได้รับการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยเลยแม้แต่น้อย แล้วไหนจะภาพที่เขาและลูกสาวคุณนินทกาลวันนั้น ที่ดูสนิทสนมกันเกินกว่าคนรู้จักดูอะไรอยู่จ๊ะเพลง โสภาเดินมาทางด้านหลังทักขึ้นพี่โสภาดูสิคะ เพลงไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ ว่าเพลงจะได้เห็นภาพ ๆ นี้อีกในชีวิตนี้ เพลงคิดถึงพี่พีเหลือเกินค่ะ อยากจะให้ออกมาเห็นพร้อม ๆ กับเพลงจังเลย คุณพ่อคงจะมีความสุขมากกว่านี้ค่ะ เธอบอกออกไปตามความรู้สึกที่แท้จริง อีกไม่นานแล้วนี่จ๊ะเพลง นี่พี่ก็คุย ๆ กับคุณพิสิทธิ์อยู่เหมือนกันว่าจะรอจัดงานแต่งหลังจากที่คุณพีออกจากคุกดีหรือเปล่า จะได้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วยกันพร้อม ๆ หน้าโสภาบอกให้รู้ในสิ่งที่คุยกับคู่หมั้นเอาไว้อย่าเลยค่ะพี่โสภา อีกหลายเดือนเลย ความจริงพี่น่าจะจัดงานหมั้นเช้าและแต่งเย็นไปเลย ไม่ต้องห่วงเพลงหรอกค่ะ พวกเราอยู่กันได้ เธอบอกเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ตัวเองและครอบครัวต้องกลายเป็นห่วงให้เพื่อนรักต้องคอยพะวงไม่ดีมั้งเพลง เรื่องของเพลงก็ยังไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่เลย แล้วนั่นดูสิน้องชายเป็นคนก่อเรื่อง แต่พี่ชายก็ตามมาเหมือนจะสำนึกผิดแทน โอย...อะไรก็ไม่รู้นะคนในครอบครัวนี้ พี่ล่ะเดาใจไม่ถูกจริง ๆ เลยโสภาพูดและหันไปหาเด่นณรงค์ที่เล่นอยู่สนามกับหลานและทุกคนพี่เด่นคงไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพลงกับพี่เด่นรู้จักกันมาก่อน พี่เด่นเป็นคนดี ไม่ค่อยจะผูกใจเจ็บกับใคร เธอออกความเห็น เพราะมั่นใจในตัวเด่นณรงค์ไม่น้อยเลยคุณสิทธิ์ก็บอกพี่เหมือนกัน แต่พี่ก็ยังไม่ค่อยจะสบายใจเลยที่เห็นเขามาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ เฮ้อ...กลุ้มใจจัง...แต่ความจริงรีบแต่ง ๆ ไปก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าพี่เองก็อยากจะให้คินแต่งงานกับแฟนเขาเหมือนกัน รายนั้นก็คงจะรอให้งานพี่เสร็จก่อนล่ะมั้ง แต่ไม่กล้าบอกโสภาเอ่ยถึงน้องชายที่คอยดูแลเธอและระพีพรรณมานานหลายปีเพลงว่าก็ดีเหมือนกันค่ะ ไม่ต้องห่วงเพลงหรอกนะคะ ตอนนี้เพลงมีความสุขดีค่ะระพีพรรณบอกออกไป แต่โสภาก็ไม่อยากจะเชื่อเพื่อนสักเท่าไหร่ เพราะดูจากสีหน้าของคนที่บอกว่ามีความสุขนั้น ในสายตาของโสภากลับมองเห็นไปในทางตรงกันข้าม หรือเรื่องระหว่างเพื่อนรักของเธอกับเพื่อนรักของว่าที่สามีนั้น จะมีอย่างอื่นแอบแฝงอยู่ เหมือนกับที่พิสิทธิ์เคยบอกเอาไว้ แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ โสภาก็ได้แต่หวังว่ากาลเวลาคงจะเป็นเครื่องพิสูจน์อะไร ๆ ได้ดีที่สุดนั่นเองและภาพความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้านส่วนแห่งนี้ ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับคนที่เฝ้าแอบมองความเป็นไปของบ้านนี้เลยแม้แต่น้อย สีหน้าที่เป็นกังวลของดนุพรที่ยืนอยู่ที่กำบังนั้น บ่งบอกความไม่สบายใจในการกระทำของพี่ชายอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกเจ็บลึก ๆ อยู่ด้านในและกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียและแม่ของลูกเขาจะเปลี่ยนไปมากกว่าแค่คนรู้จักกันเท่านั้น ยิ่งเขาได้รับรู้ว่าพี่ชายมีความรู้สึกกับเธอเป็นไปในทางใดแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหวงเธอขึ้นมาได้ไม่ยากเลย เขาจึงรีบเดินหนีจากที่กำบังอย่างไม่รอช้า เพราะไม่อยากจะเห็นภาพที่เขาไม่ประทับใจเอาเสียเลยสีหน้าและท่าทางที่ดูจะสดชื่นของลูกชายคนโตที่กำลังดูแลน้องสาว ที่มีอาการดีขึ้นตามลำดับ สร้างความดีใจและกังวลใจให้กับลัดดาระคนกันไป เพราะค่อนข้างจะมั่นใจว่าระพีพรรณและลูกคือคนที่ทำให้ลูกดูจะสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแตกต่างจากช่วงที่ระพีพรรณลาจากบ้านไป ความเป็นแม่และความที่ได้ผ่านโลกมามากของลัดดา ทำให้เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของลูกได้ไม่ยากเลย อีกใจหนึ่งลัดดาก็อดห่วงความรู้สึกของลูกชายคนเล็กไม่ได้ ถ้าหากเขาได้ล่วงรู้ว่าพี่ชายแอบไปมาหาสู่อีกฝ่าย ไม่รวมกับความรู้สึกที่พิเศษที่พี่ชายมีต่อระพีพรรณนั้น ลัดดาเดาได้ไม่ยากเลยว่าหากลูกชายคนเล็กได้รับรู้แล้ว จะรู้สึกเช่นไร ถึงเขาจะเคยปฏิเสธกับเธอมาโดยตลอดเรื่องที่ทำไว้กับระพีพรรณแต่ลัดดาก็รู้ด้วยดีว่าลูกของระพีพรรณถือกำเนิดมาจากเลือดเนื้อเชื้อไขของเขานั่นเอง แล้วไหนจะคำบอกเล่าของผู้พี่เรื่องหน้าตาของเด็กน้อยนั้น ก็ละม้ายคล้ายคลึงกับน้องชายไม่น้อย แต่นั่นก็เป็นแค่คำบอกเล่าของเด่นณรงค์เท่านั้นคุณแม่คิดอะไรอยู่ครับ เด่นณรงค์เดินมาหามารดาที่นั่งอยู่ที่ระเบียงเรือนกุหลาบ หลังจากที่เขาปล่อยให้น้องอยู่กับยุพินที่สนาม แม่กำลังคิดถึงเรื่องแม่เพลงกับลูกอยู่ ลัดดาบอกตามตรงก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนี่ครับ ทุกคนทางโน้นก็มีความสุขดีครับคุณแม่ ก็อย่างที่ผมบอกคุณแม่นั่นล่ะครับเขาบอกมารดาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งที่ชุดรับแขกแม่อยากเห็นหน้าลูกแม่เพลง เด่นพอจะช่วยแม่ได้หรือเปล่าลูก พาเขามาหาแม่สักครั้งจะได้มั้ย ลัดดาบอกความจำนงตรง ๆ กับเขา เพราะรู้ดีว่าลูกคนนี้จะพูดอะไรตรง ๆ กับเธอมาโดยตลอดจะดีเหรอครับคุณแม่ ผมไม่รู้ว่าคุณเพลงจะยอมหรือเปล่า แล้วไหนจะคนของเราอีกล่ะครับ เขาไม่วายที่จะห่วงน้องชายเรื่องดำไม่ต้องห่วง หมู่นี้ก็อย่างที่เห็น บ้านช่องไม่ค่อยจะอยู่เท่าไหร่ แล้วเดือนหน้าดำบอกแม่ไว้ ว่าจะไปดูงานที่ประจวบฯ หลายวัน แม่อยากให้เด่นพาแม่เพลงกับลูกมาหาแม่ช่วงนั้น เด่นทำเพื่อแม่ได้มั้ยลูกลัดดาบอกผมจะลองดูครับคุณแม่ แต่ถ้าคุณเพลงไม่มาหรือรู้สึกลำบากใจที่จะมา ผมก็คงจะบังคับไม่ได้นะครับ เขาบอกตามตรงออกไปเด่นก็บอกว่าแม่ไม่สบายและก็เป็นห่วงแม่เพลงกับลูก หรืออะไรประมาณนี้ แม่คิดว่าแม่เพลงคงจะไม่เลี่ยงอะไร แม่เพลงเป็นคนขี้สงสารคน แค่ขอร้องนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คงจะไม่ยากนัก ลัดดาบอกตามที่เคยรู้จักอีกฝ่ายมางั้นวันอาทิตย์ผมจะลองเกริ่น ๆ กับคุณเพลงเอาไว้ก่อนครับ ว่าคุณแม่คิดถึง แล้วใกล้ ๆ วันที่ดำไม่อยู่ถึงจะบอกว่าคุณแม่ไม่ค่อยสบาย อย่างนี้ดีหรือเปล่าครับ เขาบอกลูกจะทำยังไงก็ได้ ขอให้พาแม่เพลงมาหาแม่ให้ได้ก็พอ ลัดดาบอกด้วยความดีใจ ว่าไงไอ้เสือ วันนี้ไม่มีคิวให้สาวคนไหนเหรอ ถึงได้มาถึงที่นี่ได้ พิสิทธิ์ทักทายเพื่อนรักเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างอิดโรย เปล่า แค่รู้สึกเบื่อ ๆ ไม่อยากจะไปไหน และก็ยังไม่อยากจะกลับบ้าน แล้วฉันก็เบื่อคอนโดด้วย ก็เลยจะมาฝากท้องไว้กับแกเย็นนี้ เขาบอกขณะเอนตัวลงนอนที่โซฟาตัวยาวด้วยความคุ้นเคยกับบ้านพิสิทธิ์เป็นอย่างดีอืม...ดีจริง พอเบื่อก็นึกถึงเพื่อน พิสิทธิ์ทำสีหน้าเอื่อมระอาและหมั่นไส้เขานิด ๆคุณลุงกับยายแยมไม่อยู่บ้านเหรอ เขาถามไปอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่เปลือกตาปิดลงแล้ว มือเผลอยกขึ้นไปก่ายหน้าผากเอาไว้ เหมือนคนมีเรื่องต้องครุ่นคิดอย่างหนักคุณพ่อไปสังสรรค์กับเพื่อนตามเคย ส่วนยายแยมอยู่ในครัวกำลังเตรียมกับแกล้มให้แกมั้ง เพราะตั้งแต่แกโทรมาก็หายเข้าไปในครัวแล้ว พิสิทธิ์บอกไปเรื่อย ๆ ในมือก็ดูรายชื่อแขกที่จะเชิญมาในงานแต่งงานของเขา ที่ถูกกำหนดขึ้นแล้วในอีกสองเดือนข้างหน้า แรกทีเดียวโสภาตั้งใจจะมาช่วยเขาดู แต่พอเขาโทรไปบอกว่าคู่ปรับจะมา โสภาจึงไม่มาปล่อยให้ว่าที่เจ้าบ่าวจัดการเรื่องแขกเอง ซึ่งเรื่องนี้สร้างความหนักใจให้พิสิทธิ์ไม่น้อย เพราะระหว่างเพื่อนรักกับคนรักที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกันได้เลย เขาก็ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างนั้นเพราะคิดว่าคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วมาแล้วค่ะกับแกล้มกับเครื่องดื่มของสองหนุ่ม นี่แยมตั้งใจทำเองกับมือเลยนะคะเสียงของไปรยาดังมาตั้งแต่ตัวยังไม่ถึงห้องนั่งเล่นด้วยซ้ำ พร้อม ๆ กับในมือก็มีจานอาหารและตามด้วยเด็กรับใช้ที่มาพร้อมเครื่องดื่มต่าง ๆ เหมือนทุก ๆ ครั้งที่พี่ชายกำมะลอมาเยี่ยมเยือนขอบคุณมาก ๆ นะจ๊ะแยม ดนุพรเปลี่ยนจากการนอนเป็นนั่งเมื่อไปรยาวางจานและทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้วยความยินดีค่ะ ดีนะคะที่พี่ดำมาตอนนี้ เพราะอีกหน่อยพี่สิทธิ์แต่งงานไป ก็คงจะลืมเพื่อนลืมน้อง แล้วก็คงจะให้เวลาภรรยามากกว่า แล้วพวกเราก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ ๆ เลยค่ะ พี่ดำว่ามั้ยคะไปรยาแหย่พี่ชายที่ก้มหน้าดูรายชื่อแขกอยู่ใกล้ ๆ อ้าว...กลัวพี่ไม่มีเวลาให้ เราก็แต่งตามสิยายแยม เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันยายมิ้นกับคุณก๊อปหรอก วันก่อนพี่เห็นมาหาเรา ท้องเริ่มออกแล้วนี่ พิสิทธิ์แหย่น้องสาว ยังไม่ล่ะค่ะ พี่ดำก็ยังไม่เห็นแต่งเลย ไม่รู้แยมจะรีบไปทำไม ขี้เกียจหาห่วงมาผูกคอ ไปรยาตอบออกไป ทำให้ดนุพรที่กำลังผสมเครื่องดื่มให้กับตัวเองอยู่นั้นได้แค่ยิ้มออกมาเพราะไม่รู้จะพูดอะไรโอย...ไม่ต้องไปรอเจ้าดำมันหรอกนะยายแยม เพราะมันน่ะจะรอให้นางฟ้าตกมาจากสวรรค มันถึงจะสละโสดพิสิทธิ์แหย่เขาอีกนี่ไม่ต้องมาว่าฉันเลย แกจะแต่งก็แต่งไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันจะอยู่อย่างนี้ใครจะทำไมเขาว่าเพื่อนกลับในที่สุด เพราะรู้สึกว่าถูกแหย่หลายหนจ้า ๆ พ่อคุณ ระวังนะ มัวแต่ช้าอยู่นี่ เดี๋ยวจะโดน มอ คอ ปอ ดอ พิสิทธิ์อดที่จะแหย่เขาอีกไม่ได้ แล้วก็ยิ้มเยาะเขาในทีด้วยความหมั่นไส้อีกระรอกหนึ่ง ซึ่งเขาก็เหมือนจะรู้ความหมายของพิสิทธิ์ดีว่าคืออะไร แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วยกเหล้าจิบไปอย่างเป็นปกติที่สุด ส่วนไปรยานั้นไม่เข้าใจความหมายที่ผู้ชายกันพูดเท่าไหร่ ได้แต่มองหน้าพี่ชายอย่างค้นหา โอย...ไม่เอาแล้ว ผู้ชายคุยเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ไปดีกว่าไปรยาบอกแล้วก็ลุกเดินขึ้นห้องไปดื้อ ๆ ทำให้พี่ชายยิ้มตามหลังไปด้วยความเอ็นดูน้องสาว ที่นับวันก็จะกลับกลายลงไปเป็นเด็กเข้าทุกที ๆ ทั้งที่ก็ทำงานเป็นถึงทนายความแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรมากมายนัก เพราะไปรยานั้นจะแสดงความเป็นเด็กก็เฉพาะตอนนี้ที่ได้อยู่ใกล้พี่กับพ่อเท่านั้นกำพลรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักกับการที่เด่นณรงค์ได้แจ้งความจำนงของมารดามาให้เขารับรู้ เพราะเขาห่วงความรู้สึกของลูกสาวเป็นที่หนึ่ง และรู้ดีว่าหากต้องย้อนกลับไปที่บ้านของลัดดาอีกครั้ง ลูกสาวก็อาจจะได้รับความเจ็บปวดกลับมาก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าเด่นณรงค์จะอ้างเหตุที่มารดาป่วยและเป็นช่วงที่ดนุพรไม่อยู่บ้านก็ตามที แต่เขาก็ไม่วายที่จะเป็นกังวลพี่คงไม่อาจจะบังคับคุณเพลงกับคุณท่านหรอกนะครับ อยากจะให้ไปเยี่ยมคุณแม่ด้วยความเต็มใจ มากกว่าที่จะต้องไปเพราะคุณแม่ป่วย เด่นณรงค์ที่นั่งรอคำตอบจากสองพ่อลูก รีบบอกออกไปเมื่อเห็นว่าทั้งสองเงียบไป เมื่อรับรู้สิ่งที่เขาบอก และมันก็ทำให้สองพ่อลูกมีอาการโล่งอกขึ้นมาไม่น้อยที่ได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งจะบอกอีกครั้ง เพราะทั้งสองต่างก็ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาปฏิเสธได้ โดยเฉพาะระพีพรรณ ที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่ขอหวนกลับไปในสถานที่ ๆ ได้สร้างความเจ็บปวดให้เธออีกเป็นอันขาด แต่ก็กังวลกับอาการป่วยของลัดดาไม่น้อยขอบคุณพี่เด่นมาก ๆ ค่ะ ที่เข้าใจเราสองคน งั้นเอาไว้ให้เพลงกับคุณพ่อคิดดูก่อนนะคะ แล้วจะบอกพี่เด่นอีกครั้งค่ะ เธอแจ้งเขาไปเพื่อไม่ให้เขารู้สึกว่าเธอปฏิเสธเสียทีเดียวได้ครับคุณเพลง แต่อย่านานนักนะครับ เพราะคุณแม่บ่นว่าคิดถึงคุณเพลงทุกวันเลย และอยากเห็นหน้าลูกคุณเพลงด้วย เขาบอกค่ะ เธอรับคำแค่นั้นแล้วไม่ทราบว่าคุณท่านจะไปงานแต่งงานของคุณโสภากับนายสิทธิ์ด้วยหรือเปล่าครับ คุณแม่คงจะไป เพราะนายสิทธิ์ก็เหมือนลูกท่านคนหนึ่ง เขาถามและรีบบอกเพื่อทำให้การตัดสินใจของกำพลง่ายขึ้นก็ยังไม่รู้เลยพ่อเด่น เอาไว้ให้ใกล้ ๆ วันก่อนก็แล้วกันนะ กำพลบอกได้แค่นั้น แต่เขาก็มีคำตอบในใจแล้วว่า คงจะไม่ขอไปร่วมงานเป็นแน่ เพราะในความคิดของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าลัดดาอยากจะเจอหน้าลูกสาวและหลานของเขา แต่เขาก็เดาเอาว่าลัดดาคงยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขาในวันงานแน่นอน และอีกอย่างที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมลัดดาถึงอยากจะเห็นหน้าหลานชายเขานัก หรือลัดดาจะปักใจเชื่อ ว่าดนุพรก็คือพ่อของหลานเขานั่นเอง งั้นผมก็หวังว่าคุณเพลงก็คงจะไปเยี่ยมคุณแม่ก่อนวันงานแต่งของนายสิทธิ์ได้นะครับ เพราะถ้าคุณเพลงไม่ไป สงสัยว่าคุณแม่คงจะหายไม่ทันไปงานเป็นแน่เลยครับ นี่วัน ๆ ก็เอาแต่บ่นถึงคุณเพลงนะเด่นณรงค์ได้ที รีบเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เพื่อให้แผนการที่มารดาวางเอาไว้มีความสมจริงสมจังมากยิ่งขึ้นสายลมในยามค่ำคืนพัดบางเบาผ่านร่างที่ดูจะผอมกว่าเมื่อก่อนให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น แต่ถึงแม้ภายนอกจะเย็นสบายมากแค่ไหน แต่ภายในหัวใจของระพีพรรณนั้นช่างรู้สึกร้อนลุ่มยิ่งนัก เพราะไม่อาจจะรู้ได้ว่าความประสงค์ที่แท้จริงของลัดดาคืออะไร ถ้าหากเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน เธอก็ยังพอจะเดาได้ว่าลัดดาคงอยากจะรู้ว่าลูกชายตัวเองคือพ่อของลูกเธอหรือไม่ แต่นี่ก็ล่วงเลยมาปีกว่า ๆ แล้ว ทำไมลัดดาเพิ่งอยากจะพบเธอ หรือเพิ่งจะคิดถึงเธอ หรือว่านี่จะเป็นแผนการของดนุพรที่ต้องการจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอและพ่ออีก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกปวดหัว จนทำให้ไม่มีแม้แต่สมาธิ ที่จะทำงานให้ลูกค้าที่ใกล้วันจะต้องส่งงานเข้ามาทุกที ๆ แล้วคิดอะไรอยู่ลูก หรือว่าคิดเรื่องนั้น กำพลที่มีความไม่สบายใจไม่แพ้ลูกสาว ค่อย ๆ เข็นรถออกมาหาเธอ ที่นั่งอยู่แคร่หน้าบ้านคุณพ่อคิดว่าคุณท่านต้องการอะไรคะ ถึงได้อยากให้เพลงกับลูกไปหาจังเลย หรือว่าทางนั้นมีแผนการอะไรที่จะทำให้พวกเราเจ็บช้ำอีกคะ เธอถามบิดาอย่างไม่รอช้าคงไม่หรอกลูก พ่อว่าพ่ออ่านแววตาของพ่อเด่นได้ ว่าคงไม่มีจุดประสงค์ร้ายอะไรหรอก ถ้าให้พ่อเดาแม่ลัดดาก็คงอยากจะเห็นหน้าเจ้าพิง เพราะอยากจะดูให้แน่ใจว่าหน้าเหมือนลูกชายคนเล็กหรือเปล่าแค่นั้นเอง กำพลสรุปในที่สุด หลังจากที่คิดอยู่ทั้งเย็น ตั้งแต่เด่นณรงค์ลากลับไปแล้วเพื่ออะไรคะ แล้วคุณพ่อคิดว่าเพลงควรจะไปหรือเปล่าคะ แล้วถ้าเพลงไม่ไป เขาจะคิดว่าเพลงแล้งน้ำใจหรือเปล่าคะคุณพ่อ เพลงรู้สึกไม่สบายใจเลยค่ะ เธอบอกความในใจให้บิดาได้รับรู้พ่อก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องการจะทำอะไร แต่พ่อว่าเพลงก็ควรจะไปเยี่ยมเขานะลูก เพราะอย่างน้อย ๆ แม่ลัดดาก็เคยมีน้ำใจกับลูก แล้วไหนจะพ่อเด่นอีก ไปสักประเดี๋ยวประด๋าวก็คงไม่เป็นอะไรหรอก เผื่อเขาป่วยหนักจริง ๆ เราจะได้ไม่รู้สึกผิดมากไปกว่านี้ ที่ทำเหมือนไม่มีเยื่อใยกับเขา กำพลสรุปให้ลูกสาวในที่สุดคุณพ่อคิดอย่างนั้นเหรอคะ เธอถามด้วยความไม่แน่ใจถึงเพลงจะไม่ไปหาแม่ลัดดาวันนี้ วันหน้าเพลงก็คงจะต้องเจอเขาอยู่ดี ก็งานแต่งหนูโสภาไงล่ะ หรือเพลงจะไม่ไปร่วมงานด้วย งานหมั้นเราก็ไม่ไปทีหนึ่งแล้วนะลูก พ่อไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เราจะต้องคอยหลบหน้าอีกต่อไปแล้ว เพราะอย่างน้อย ๆ คนบ้านโน้นเขาก็รู้แล้ว ว่าเราอยู่ทีไหน และอยู่ยังไง กำพลให้เหตุผลอีกเพลงจะลองคิดดูอีกทีนะคะคุณพ่อ งั้นเพลงขอตัวไปทำงานก่อนนะคะต้องรีบส่งลูกค้า เธอบอกและค่อย ๆ เดินผละจากพ่อไป ส่วนกำพลนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ได้บอกแนวทางให้ลูกสาวไปแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้วางใจอะไรง่าย ๆ ตามที่ได้บอกลูกออกไปเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็อยากจะรู้ไม่แพ้ระพีพรรณเหมือนกัน ว่าทางโน้นจะทำอะไรต่อไป ความปีติยินดีที่ได้เห็นพ่อมาเยี่ยมบ่อยครั้งในช่วงหนึ่งปีให้หลังมานี้ แสดงออกมาให้เห็นผ่านรอยยิ้มบนใบหน้าของระพีพงศ์ ผู้ที่เฝ้านับวันรออิสระภาพที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เขาเห็นพ่อดูมีสีหน้าที่มีความสุขต่างจากเมื่อก่อนมาก ก็คงจะเป็นเพราะตอนนี้ภาระกิจที่น้องสาวรับไปทำไว้นั้นบรรลุผลด้วยดีแล้วในความคิดของเขา เพราะทั้งระพีพรรณและกำพลนั้น ตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จนกว่าระพีพงศ์จะพ้นโทษ เพราะไม่อยากให้เขาต้องเสียใจและเป็นทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้น ด้วยเพราะมีเขาเป็นต้นเหตุสำคัญนั่นเอง และดูเหมือนว่าระพีพงศ์เองก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะระพีพรรณไปเยี่ยมพี่ชายหลังจากวันที่ไปเยี่ยมเขาครั้งสุดท้ายเมื่อห้าปีมาแล้ว ซึ่งแสดงให้เขาเห็นว่าน้องสาวมีอิสระและได้ทุกอย่างกลับมาแล้ว ส่วนก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นช่วงที่ระพีพรรณตั้งท้อง กำพลและโป่งก็ทำหน้าที่มาเยี่ยมเขาตามปกติ งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับคุณพ่อ ยายเพลงคงจะยุ่งมาก ๆ ใช่ไหมครับ ผมฝากบอกน้องด้วย ว่าทันทีที่ผมออกไป ผมจะไปช่วยน้องทำงาน ผมให้สัญญาว่าทุกคนจะไม่ต้องลำบากเพราะผมอีก เขาบอกบิดากำพลผู้ที่ปั้นหน้าแทบจะไม่ถูกเมื่อทุก ๆ ครั้งที่ลูกชายถามถึงเรื่องทางบ้านด้วยความเบิกบานหัวใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าการโกหกลูกชายก็ยุ่ง ๆ อยู่น่ะลูก ยายเพลงต้องทำงานหนัก กลางคืนก็ยังต้องทำงานอยู่ เพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่เป็นหัวแรงให้กับบ้านเรา ส่วนพ่อก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้วล่ะ โลกเปลี่ยนไป อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป พ่อตามไม่ค่อยจะทันหรอกลูก ก็เลยให้ยายเพลงดูแลเองทั้งหมดเลย ทุกวันนี้ถ้าไม่มีน้องพวกเราก็คงจะลำบากแย่ เขาบอกความจริงไปทั้งหมด แต่มันก็ช่างต่างความหมายกับผู้ที่ได้รับฟังเหลือเกิน เพราะสีหน้าของระพีพงศ์นั้น มีสีหน้ายิ้มแย้มมากกว่าจะเคร่งขรึมเหมือนเมื่อก่อน เพราะในความรู้สึกของเขาแล้ว ถึงแม้น้องจะลำบาก แต่ก็คงจะลำบากน้อยกว่าตอนที่ต้องไปทำงานให้ดนุพรกดขี่เป็นแน่แต่มันก็เป็นธุรกิจของเรา ถึงยายเพลงจะลำบากกาย แต่ผมเชื่อว่ายายเพลงจะต้องสบายใจแน่ครับคุณพ่อ ผมรู้จักน้องดี ยายเพลงไม่ชอบให้ใครมาบังคับ มีอะไร ๆ ทำเป็นของเราเองแล้วก็คงจะดีขึ้น เขาแย้งบิดาด้วยใบหน้าที่แจ่มใสใช่ ตอนนี้ยายเพลงดูสบายใจขึ้นมากเลยลูก และพ่อคิดว่ายายเพลงก็คงจะชอบความเป็นอยู่ทุกวันนี้มากกว่าเมื่อก่อนนะลูก เขาบอกออกไปอีกครั้งตามความเป็นจริง แต่ก็ไม่ทันจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ก็ได้รับสัญญาณจากผู้คุมขังว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว จึงรีบสั่งลาลูกชายด้วยความอาลัยยิ่ง