Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๒๑ (ธัญรัตน์)




ดนุพรตื่นขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่าบนเตียง ไร้ซึ่งเงาของคนที่เขาเคยโอบกอดเอาไว้เป็นเวลาเกือบจะครึ่งเดือน เขารู้สึกว่ายังไม่อยากจะลุกไปไหนเลย เพราะทั้งสองคืนที่ผ่านมา กว่าที่จะข่มตาให้หลับลงไปได้ ก็เกือบจะสว่าง แต่เขาก็ต้องบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียง เพราะมีงานที่ออฟฟิศอีกมากที่จะต้องสะสาง หลังจากที่สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้ให้เวลากับงานเท่าที่ควร

ป่านนี้เอกสารที่รอการอนุมัติจากเขาคงจะกองท่วมหัวแล้วกระมัง แล้วเขาก็รีบเดินไปอาบน้ำอย่างเร่งด่วน ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับความกระฉับกระเฉง เสื้อผ้าถูกสวมใส่ด้วยความเร็ว ไม่นานก็เสร็จ แล้วเขาก็รีบเดินแกมวิ่งลงไปชั้นล่าง ก็พบว่ายังไม่มีใครลงมาเลย อาหารเช้ายังไม่ได้ตั้งโต๊ะ เพราะเขาลงมาเร็วก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วเขาก็รีบตรงไปที่รถสปอร์ตอีกคัน เพราะรถที่เขาใช้เป็นประจำนั้น สมพงศ์จะต้องขับไปส่งนิตยานั่นเอง
“คุณดำยังไม่ลงมาอีกเหรอคะคุณป้า” นิตยาถามเมื่อลงมาไม่เห็นเงาของดนุพร

“ตาดำไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดแล้วล่ะแม่นิด บอกป้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มากินข้าวก่อนเถอะ จะต้องออกเดินทางอีกนะเรา กว่าจะถึง” ลัดดารีบตอบคำถามหลานสาว และก็รีบตัดบทสนทนาให้สั้นที่สุด
“คุณดำน่ะ จะอยู่ให้นิดลาสักหน่อยก็ไม่ได้”
นิตยาไม่วายที่จะบ่น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากไปกว่านั้น เพราะรู้ดีว่าจะไม่เป็นการดีสำหรับตัวเองเลย ยิ่งอยู่ต่อหน้าลัดดา เธอยิ่งจะต้องพยายามระวังปากระวังคำเอาไว้มาก ๆ
“แม่นิดพูดเหมือนจะไม่ได้เจอตาดำอีกเป็นปีอย่างนั้นล่ะ อีกหน่อยก็ได้กลับแล้วนี่” ลัดดาปลอบใจ
“รำพึง...แม่เพลงมาหรือยัง” ลัดดาถามรำพึงที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้าง ๆ
“มาแล้วค่ะคุณท่าน ตั้งแต่ตีห้าแล้ว และก็กำลังจะเตรียมตัวไปส่งคุณดอนที่โรงเรียนค่ะ”
รำพึงรีบรายงานด้วยน้ำเสียงที่สดใส

“งั้นรำพึงช่วยไปบอกให้เขามารอพบฉันที่ห้องนั่งเล่นนะ ส่วนตาดอนก็ให้ไปกับสมพรเหมือนเมื่อก่อน”
ลัดดาสั่ง แต่ก็ไม่วายที่จะหันไปหาหลานชาย
“ทำไมล่ะครับคุณย่า ดอนคิดถึงพี่เพลงจัง กะจะคุยกันตอนไปส่งดอนที่โรงเรียนสักหน่อย”
ดอนถามด้วยความสงสัย
“เอาไว้คุยกับพี่เขาตอนที่สอนการบ้านเราก็ได้นี่ลูก ย่ามีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับพี่เขา รีบกินข้าวเถอะลูก เดี๋ยวจะสาย”
ลัดดาให้เหตุผลแก่หลานชาย
“ก็ได้ครับ” ดอนรับคำอย่างว่าง่าย
“คุณป้าจะคุยอะไรก็แม่เพลงคะ”
นิตยาถามด้วยความอยากรู้ และในใจก็คิดว่าระพีพรรณคงจะถูกลัดดาเรียกมาว่ากล่าวที่หายไปตั้งนานสองนานเป็นแน่

“ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะแม่นิด เอ่อ...จริงสิ ป้าเกือบลืมไป นี่เป็นเงินที่ตาดำฝากไว้ให้แม่นิดเอาไว้ใช้ตอนอยู่ที่โน่นนะ ตาดำบอกว่าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แม่นิด ส่วนเงินเดือนก็จะเอาเข้าบัญชีให้เหมือนเดิม”
ลัดดายื่นซองสีขาวที่ด้านในมีเงินจำนวนไม่น้อยอยู่ในนั้น
“ขอบคุณค่ะคุณป้า งั้นนิดขอลาเลยนะคะ เดี๋ยวจะสาย”
นิตยารีบไหว้ลาลัดดา เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ ในเมื่อคนที่เธอยากจะพบหน้าไม่ได้อยู่รอแล้ว
“เดินทางปลอดภัยนะแม่นิด” ลัดดาให้พร และก็ยิ้มให้ด้วยแววตาที่มองไปยังหลานสาวห่าง ๆ ด้วยความปราณี

“คุณท่านมีอะไรให้เพลงรับใช้คะ”
ระพีพรรณค่อย ๆ คลานเข่าเข้ามาใกล้ ๆ ลัดดา พร้อมสีหน้าที่ค่อนข้างจะกังวลไม่น้อยเลย ด้วยเธอเกรงว่าจะถูกลัดดาเรียกมาต่อว่าเรื่องที่หายไปนานนั่นเอง
“ไม่มีอะไรมากหรอกนะ เห็นเธอหายไปนาน แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ พ่อของเธอ”
ลัดดาถามในที่สุด แต่ทำสีหน้าไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไหร่

“คุณพ่อไม่เป็นอะไรมากค่ะ ขอบพระคุณค่ะ”
ระพีพรรณรีบบอกและไหว้ด้วยความนอบน้อม ซึ่งเป็นกิริยาท่าทางที่ลัดดาพึงพอใจไม่น้อย ถึงแม้ว่าการหายหน้าไปสองอาทิตย์ของเธอ จะถูกดนุพรสั่งให้เธอบอกลัดดาและคนอื่น ๆ ว่า เป็นการหายไปดูแลพ่อ แทนที่จะพูดความจริง แต่เธอก็ซาบซึ้งในน้ำใจที่ลัดดามีให้เธอ

“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ฉันกับลูกจะได้ไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ ที่ฉันเรียกเธอมาก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ คุณดำบอกว่าจะให้เธอมีหน้าที่มาดูแลฉันแทนแม่แตนที่ลากลับบ้าน ส่วนหน้าที่ของเธอที่ทำอยู่ ก็ให้แก้วกับรำพึงช่วยกันทำเหมือนเดิม แต่เธอก็ยังจะต้องช่วยคุณยุพินดูแลยายดาเหมือนเดิมนะ และก็ต้องสอนการบ้านให้ตาดอนเหมือนเดิมด้วย”
ลัดดาบอกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับเธอ

“ค่ะคุณท่าน” เธอรับคำด้วยอาการสงบ รู้สึกแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
“อ้อ...อีกเรื่องหนึ่ง คุณดำให้เธอขึ้นมานอนที่ตึกนะ แต่ก็แค่ช่วงที่แม่นิดไม่อยู่เท่านั้นล่ะ จะได้คอยช่วยดูแลฉันและตาดอนด้วย” คำบอกเล่าของลัดดาทำให้ระพีพรรณไม่อยากจะเดาความประสงค์ของดนุพรเลย ว่าต้องการอะไร
“ค่ะคุณท่าน” เธอรับคำอีกครั้ง
“แล้วเธอรู้ไหม ว่าพ่อเด่นกำลังจะพ้นโทษในเร็ว ๆ นี้แล้ว เธอจำลูกชายคนโตฉันได้ไหม คนที่เขาเคยไปทำงานกับพ่อเธอไง” ลัดดาอดที่จะบอกเล่าให้เธอฟังไม่ได้

“จริงเหรอคะคุณท่าน เพลงดีใจด้วยนะคะ เพลงจำพี่เด่นได้ดีค่ะ”
ระพีพรรณบอกแล้วก็นึกไปถึงเด่นณรงค์เมื่อหลายสิบปีก่อน
“แต่เพลงก็ไม่ได้เจอพี่เด่นมานานมากแล้วค่ะ ไม่รู้เจอกันอีกครั้งจะจำได้หรือเปล่า” เธอรีบออกตัว
“นั่นน่ะสิ ฉันก็ไม่ได้เจอลูกฉันนานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ที่เขาถูกจับไป...เอ่อ...”
ลัดดาหยุดพูดแค่นั้น แล้วภาพแห่งความหลังก็ประดังเข้ามาในความคิดอีก
“เพลงกราบขอโทษแทนคุณพ่อ กับพี่พีด้วยค่ะคุณท่าน”
ระพีพรรณรีบก้มลงกราบกับพื้นตรงหน้าลัดดา เพราะเธอเข้าใจความรู้สึกของลัดดาดีว่าเป็นยังไง

“ฉันไม่มีอะไรแล้ว เธอไปจัดการย้ายข้าวของ ขึ้นมาไว้บนห้องเถอะ แล้วก็ลงมาคอยดูแลฉันได้”
ลัดดารีบสั่งให้เธอออกไป เพราะกลัวกับความรู้สึกตัวเอง แล้วจะพาลไปลงที่ระพีพรรณอีก
“ค่ะคุณท่าน” ระพีพรรณคลานกลับออกไปด้วยอาการสงบเสงี่ยม


“เป็นยังไงบ้างคะคุณเพลง ป้าหายใจไม่ทั่วท้องเลยค่ะ” แพงที่รอลุ้นอยู่ในครัว รีบถามทันที
“ไม่มีอะไรมากค่ะป้า...” ระพีพรรณแจกแจงให้แพงได้รับรู้
“ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ เอ...แต่ทำไมจู่ ๆ คุณดำเกิดใจดีขึ้นมาล่ะคะ งานหนักก็ไม่ให้ทำ แถมยังให้ไปนอนชั้นบนด้วย หรือว่าจะเริ่มรู้ตัวแล้วคะ ว่าที่ผ่านมาโหดร้ายกับคุณเพลงมากไป”
แพงเดาไปต่าง ๆ นานา แต่สำหรับระพีพรรณไม่คิดจะไปคาดเดาอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไปนี้ มันก็คงไม่มีอะไรที่จะต้องเสีย มากไปกว่าสิ่งที่ได้สูญเสียไปอีกแล้ว
“เพลงไม่รู้ค่ะ สงสัยคงจะให้เพลงไปคอยช่วยงานแทนคุณนิดมั้งคะป้า งั้นเพลงไปเก็บของก่อนนะคะ” เธอบอก

“ให้ป้าไปช่วยนะคะ ทำงานเสร็จแล้ว” แพงอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะป้า เพลงจะเอามาไม่เยอะ เพราะเขาคงจะให้เพลงอยู่ในช่วงที่คุณนิดไม่อยู่แค่นั้น หรือถ้าเพลงอยากได้อะไร ก็ค่อย ๆ ไปเอาวันหลังก็ได้ค่ะ ยังไง ๆ ก็ต้องมาดูคุณดาทุกวันอยู่แล้ว” ระพีพรรณบอก แล้วก็เดินออกจากห้องครัวไป
“ป้าจ๋าพี่เพลงไปไหนจ๊ะ” รำพึงเดินเข้ามาถาม
“แกถามทำไมรำพึง” แพงสงสัย

“อ้าว...ก็ฉันจะไปทำความสะอาดบนตึกแล้ว จะได้ชวนพี่เพลงไปด้วยกันเลย” รำพึงบอกด้วยความไม่รู้
“คุณท่านให้คุณเพลงไปคอยดูแลท่านแทนนังแตนแหนะ และบอกว่าจะให้แกกับยายแก้วกลับมาช่วยกันทำเหมือนเดิม”
แพงบอก
“อ้าวเหรอ...งั้นฉันไปตามนังแก้วมันก่อนก็แล้วกันนะ” รำพึงรีบบอกและเดินจากไป



“คุณพ่อ”
เสียงดอนเรียกทันทีที่ดนุพรที่อยู่ในชุดพร้อมเข้านอน เดินเข้ามาหา ขณะที่ระพีพรรณกำลังจะส่งดอนเข้านอนพอดี
“ว่าไงคนดีของพ่อ วันนี้พี่เพลงเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฟังบ้างครับ”
เขาถามพร้อมกับสายตาก็จ้องไปยังอีกคนที่อยู่ในชุดพร้อมเข้านอนเหมือนกัน
“ไม่ได้เล่าครับ วันนี้การบ้านดอนเยอะ พี่เพลงบอกว่าจะเอาไว้เล่าพรุ่งนี้ครับพ่อ”
ดอนบอกด้วยความไร้เดียงสา
“เหรอลูก งั้นวันนี้ลูกพ่อก็คงจะเหนื่อยมากแล้วสิ งั้นเราก็ควรจะนอนได้แล้วนะลูกพ่อ ฝันดีนะลูก”
เขาบอก และก้มลงหอมแก้มลูกชายด้วยความรัก

“ครับคุณพ่อ กู๊ดไนท์ครับคุณพ่อ พี่เพลงด้วยครับ อย่าลืมนิทานดอนพรุ่งนี้นะครับ”
ดอนบอกและก็หอมแก้มดนุพรด้วยความเคยชิน และก็หอมแก้มระพีพรรณด้วย
“พ่อกับพี่เพลงไปก่อนนะลูก วันนี้พ่อเหนื่อยมากเลย”
เขาบอกพร้อมกับปิดไฟในห้องให้ และเดินออกมาโดยมีระพีพรรณเดินตาม แทบจะไม่ทันให้ร่างเธอได้พ้นประตูห้อง เขาก็รีบคว้าเอาข้อมือเธอ แล้วก็เดินตรงไปยังห้องนอนของเขาทันที
“ปล่อยค่ะคุณดำ” เธอพยายามจะดึงแขนออกจากมือเขา
“ไม่ปล่อย มานี่”
เขารวบเอวเธอเข้ามากอดเอาไว้ แล้วก็ไม่รอช้ารีบอุ้มเธอขึ้นไปวางบนเตียงโดยเร็ว ไฟหัวเตียงก็ถูกปิดลงทันที แล้วเขาก็ครอบครองเจ้าของร่างที่เขาโหยหาตั้งแต่เมื่อคืนเอาไว้ด้วยความสุขใจ


หน้าที่ใหม่ของระพีพรรณทำให้ไม่ค่อยจะเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะวัน ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากจะคอยนั่งอ่านหนังสือให้ลัดดาฟัง เข็นรถพาไปดูนกดูไม้ตามประสาคนแก่ แล้วก็จะไปหยุดที่เรือนกุหลาบ เพื่อดูเธอสอนให้ดรุณีวาดรูป พอตกเย็นเธอก็ทำหน้าที่สอนการบ้านให้ดอนแล้วก็ไปจบลงที่ห้องนอนของดนุพร ที่ไม่เคยให้เธอห่างกายแม้แต่คืนเดียว

จนบางครั้งเธอเองก็เผลอคิดรวมไปว่า เขากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอไปแล้ว ถึงแม้ระยะเวลาที่ได้ร่วมหลับนอนกับเขาจะเป็นเวลาไม่นานก็ตาม แต่บางครั้งเธอเอง ก็อดคิดไปถึงเรื่องอนาคตตัวเองไม่ได้ ว่าระหว่างเธอกับเขา จะไปจบอยู่ที่ตรงไหน แต่ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ เธอก็ยังคงเฝ้ารอวันเวลาที่จะได้รับอิสระทุกอย่างคืน เพราะเธออยากให้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อและโป่งดีขึ้นอยู่นั่นเอง



“กลางวันนี้แม่แพงทำอะไรให้กินล่ะ” ลัดดาถามก่อนที่ตัวเองจะถูกระพีพรรณเข็นรถเข้าไปที่โต๊ะอาหาร
“วันนี้ป้าแพงทำหอยทอดค่ะคุณท่าน”
รำพึงบอกด้วยใบหน้าสดใสพร้อมในมือก็ถือจานหอยทอดที่กำลังร้อน ๆ เดินมาวางตรงหน้าลัดดา
“น่ากินดีนะรำพึง ฉันไม่ได้กินหอยทอดมานานแล้วนะนี่ หอมจังเลย”
ลัดดาบอก แล้วค่อย ๆ ตักอาหารเข้าปาก แต่ระพีพรรณกลับไม่เห็นด้วยกับลัดดาเลย นอกจากจะไม่หอมแล้ว ยังรู้สึกเหม็นด้วยซ้ำ พลอยทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อยากจะอาเจียนออกมาเอาดื้อ ๆ จนต้องรีบวิ่งไปหาห้องน้ำ เพราะกลัวจะเสียมารยาท

“แม่เพลงเป็นอะไร จู่ ๆ ก็จะอาเจียนออกมา” ลัดดาถามรำพึงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณท่าน เมื่อเช้าพี่เพลงก็บ่นว่ามึนหัว สงสัยจะนอนน้อยค่ะ หรือไม่ก็อาจจะห่วงคุณพ่อที่ป่วยอยู่ค่ะ” รำพึงบอกตามความคิดของตัวเอง
“อือ...ก็อาจจะเป็นได้นะ นี่ฉันใช้งานแม่เพลงมากไปหรือเปล่านี่”
ลัดดารู้สึกเห็นด้วยกับคำสันนิษฐานของรำพึง ไม่นานระพีพรรณก็กลับออกมา
“ว่าไงล่ะแม่เพลง เห็นรำพึงบอกว่านอนไม่ค่อยหลับ ไม่สบายหรือเปล่าไปพักก่อนก็ได้ ฉันกินข้าวเสร็จก็จะไปจะนั่งเล่นสักพัก แล้วก็จะงีบ” ลัดดาบอก

“ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน เพลงแค่มึนหัว และก็รู้สึกเหม็นหอยทอดขึ้นมาแค่นั้น สงสัยจะนอนน้อยค่ะ” ระพีพรรณบอก
“งั้นเอาเป็นว่าระหว่างที่ฉันจะไปนอนพักช่วงบ่าย เธอก็ไปนอนที่ห้องเธอก็แล้วกันนะ พอฉันตื่นเธอจะได้ดีขึ้น”
ลัดดาบอกอีกครั้ง
“ขอบพระคุณค่ะ”
ระพีพรรณไหว้ขอบคุณลัดดาด้วยความยินดี เพราะรู้ดีว่าจะเป็นการไม่สมควรที่จะไปขัด และก็ไม่ค่อยมีบ่อยนักที่ลัดดาจะเอาใจใส่เธอแบบนี้


ประตูห้องนอนของระพีพรรณค่อย ๆ ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ดนุพรเดินมาหยุดที่เตียงแล้วก็จ้องมองร่างที่หลับสนิทอยู่ เขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างในสิ่งที่เขาคาดการเอาไว้ บวกกับเรื่องที่มารดาเพิ่งจะบอกเขาเมื่อสักครู่ หลังจากที่ตื่นจากการนอนพักแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเธอลงไปรับใช้ พอดีกับที่เขากลับจากที่ทำงานเร็วกว่าปกติ เพื่อเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในตอนเย็นนั่นเอง

เขาจ้องมองไปยังร่างที่ดูจะบอบบางของเธอ เพื่อหาความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย เขาอยากจะมั่นใจกับสิ่งที่เขาคาดคิดและวางแผนเอาไว้ ว่ามันกำลังจะเป็นผลแล้ว และจากคำบอกเล่าของมารดาอีก แต่เพื่อความแน่ใจ และไม่ประมาท เขาควรจะหาทางรู้ให้ชัดเชนกว่านี้ เขาค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ ร่างที่หลับอยู่ ไม่นานเธอก็เริ่มขยับตัว และลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นเขา เธอรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาในเวลานี้ เพราะเพิ่งจะบ่ายเอง เธอค่อย ๆ พยุงตัวให้ลุกขึ้น

“เห็นคุณแม่บอกว่าเธอไม่ค่อยสบายเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อาทร
“ฉันไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่เวียนหัวเท่านั้นเอง งั้นฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ ได้เวลาต้องไปปลุกคุณท่านแล้วค่ะ”
เธอบอก และรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ แต่ก็รู้สึกวิงเวียงศีรษะ จนร่างเซไปอีกทาง แต่ก็มีเขารีบกระโจนเข้าไปประคองเอาไว้
“เธอเป็นแบบนี้มานานหรือยัง” เขาถามด้วยความอยากรู้

“สักเดือนกว่า ๆ แล้วค่ะ สงสัยฉันจะไม่ได้กินอะไร วันนี้ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้จะกินเลย ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เธอบอก และพยายามพยุงตัวเองให้เดินไป แต่ร่างของเธอก็ถลาไปไม่เป็นท่า ดนุพรรีบเข้าไปพยุงเอาไว้ ก็พบว่าร่างเธออ่อนแรงลง และก็หมดสติไป เขารีบอุ้มร่างเธอไปไว้ที่เตียงและรีบกดโทรศัพท์ไปเรียกหมอประจำทันที และก็ดูเหมือนว่าเขาจะพอรู้ถึงสาเหตุของเธอได้ไม่ยาก เพราะเคยสอบถามจากหมอเมื่อครั้งก่อนที่มาตรวจดรุณีถึงเรื่องนี้แล้วครั้งหนึ่ง
“ตื่นแล้วเหรอระพีพรรณ” เขาถามเมื่อเห็นเธอลืมตาขึ้น

“ฉันเป็นอะไรไปคะ” เธอถาม
“เธอเป็นลมน่ะ”
เขาบอกแต่ก็ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรมากกว่านั้น ก็มีเสียงเคาะประตู พร้อม ๆ กับหมอประจำบ้านก็เดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีครับคุณหมอ” เขาทักทายหมอ แล้วก็รีบเลี่ยงออกไปนอกห้องเพื่อให้หมอทำงานได้สะดวก

“ดิฉันเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณหมอ”
ระพีพรรณรีบถามหมอทันที เมื่อขบวนการตรวจเช็ค และซักถามของหมอเสร็จสิ้นลง
“หมอต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณระพีพรรณกำลังจะได้เป็นแม่คนครับ”
หมอตอบคำถามเธอแล้วก็ยิ้มให้ด้วยความยินดี
“อะไรนะคะ” เธอตกใจกับคำตอบที่ได้ยิน
“คุณระพีพรรณตั้งท้องได้เดือนกว่า ๆ แล้วครับ”
หมอบอก ส่วนคนที่ได้รับฟังคำตอบนั้น แทบจะไม่อยากเชื่อ

“คุณระพีพรรณมีอาการคลื่นไส้ และเวียนศีรษะบ่อยหรือเปล่าครับช่วงนี้”
เสียงของหมอเรียกสติเธอให้กลับเข้ามาอยู่กับตัวได้อีกครั้ง
“มีค่ะ...เอ่อ...คุณหมอคะ ดิฉันอยากจะขอร้องให้คุณหมอช่วยกรุณาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ไหมคะ ดิฉันขอร้อง”
เธอวิงวอนกับหมอ

“เอ่อ...ครับคุณระพีพรรณ”
หมอรับปากเธอไปอย่างนั้น แต่เขารู้ตัวดีว่าคงจะปิดดนุพรไม่ได้แน่ พอหมอออกไปจากห้องเท่านั้น น้ำตาแห่งความเสียใจมันก็ไหลออกมาอีกครั้ง เธอรู้สึกสับสนเหลือเกินกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจะทำยังไงดี เรื่องนี้เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น แล้วก็หวนกลับไปคิดในทุก ๆ ครั้งที่ได้มอบร่างกายให้ เขาเชยชมโดยที่ไม่ได้มีใครคิดจะป้องกันในเรื่องนี้เลย

โดยเฉพาะเขาซึ่งควรจะเป็นคนตระหนักในเรื่องนี้มากที่สุด แล้วเขาจะทำยังไงหากรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะยินดีปรีดาหรือจะเสียใจ หรือจะรู้สึกอย่างไรเธอเองก็ไม่อาจจะคาดเดาได้ ความสับสนวุ่นวายในหัวใจก่อตัวขึ้นมารบกวนเธอจนไม่สามารถจะล้มตัวลงนอนลงไปได้ ทั้ง ๆ ที่อาการวิงเวียนศีรษะยังคงมีอยู่ เธอค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุกนั่งพิงกับหัวเตียง

ดวงตาเผลอไปจับจ้องที่บานประตู เพื่อหวังจะได้เห็นหน้าผู้ที่จะได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกในท้องตัวเอง ย่างกายเข้ามาไตร่ถามถึงอาการของเธอ เพราะท่าทีของเขาตั้งแต่ที่ได้ใกล้ชิดกันมาในระยะหนึ่งนั้น เธอสังเกตุเห็นว่าเขาออกจะห่วงและใจดีกับเธอมากเป็นพิเศษ ไม่ดุ ไม่เสียงดัง แต่ตรงกันข้ามเขากลับมีท่าทีที่อ่อนหวาน นุ่มนวลกับเธออย่างที่เธอไม่เคยเห็นเขาปฏิบัติกับเธอมาก่อนเลย และมันก็ทำให้หญิงสาวพลอยรู้สึกดีและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่ใกล้เขา หญิงสาวยังคงตั้งตารอเขาที่ประตูอย่างไม่วางตา แตก็ไม่มีวี่แววของเขาเลย แล้วเธอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเพื่อจะไปอาบน้ำแล้วลงไปดูแลลัดดา เพราะรู้สึกว่าตัวเองหายขึ้นมานานแล้ว ป่านนี้ลัดดาคงจะตื่นแล้ว



“พี่เพลงครับ คุณพ่อไปไหนครับ ไม่เห็นกลับบ้านตั้งสองวันแล้ว”
ดอนถามขณะที่เธอกำลังห่มผ้าห่มให้เด็กชาย
“พี่เพลงไม่รู้ค่ะ แต่คุณพ่อคงจะมีธุระสำคัญมาก ก็เลยไม่ได้กลับบ้านค่ะ อีกไม่นานคุณพ่อคงจะกลับมั้งคะ พี่ว่าคุณดอนนอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้านะคะ” ระพีพรรณปลอบใจเด็กน้อย
“พี่เพลงไม่สบายหรือเปล่าครับ ดอนไม่เห็นพี่เพลงยิ้มเลย คุณย่าดุพี่เพลงหรือเปล่าครับ” ดอนถามด้วยความสงสัย

“พี่สบายดีค่ะ คุณดอนนอนได้แล้วนะคะ ดึกมากแล้ว พี่เพลงก็จะไปนอนด้วยค่ะ”
เธอบอกและก้มลงไปจูบที่หน้าผากดอนด้วยความรัก แล้วเธอก็ออกจากห้องไป หญิงสาวไม่วายที่จะเดินไปดูเขาที่ห้อง เผื่อว่าเขาจะกลับมาแล้ว แต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่เห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากห้องเขาเลย ความไม่สบายใจเริ่มก่อตัวในความคิดของเธออีกครั้ง ตั้งแต่ที่เธอได้รับข่าวการตั้งท้องจากหมอวันนั้น เธอก็ยังไม่ได้พบหน้าเขาอีกเลย

ทั้ง ๆ ที่ก่อนที่หมอจะมาตรวจ เขายังมีท่าทีที่ห่วงใยเธออย่างเห็นได้ชัด หรือว่าเขาจะรู้แล้ว เธอไม่อยากจะเดาอะไรไปเอง เพราะไม่ใช่นิสัยของเธอ ประตูห้องนอนถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ แล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่งที่เตียง น้ำตาที่ไหลรินออกมาโดยไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองยืนอยู่ในมุมมืด ที่หาแสงสว่างไม่เจอ ยิ่งหา มันก็ยิ่งมืดมิดเข้าไปอีก

ตลอดเวลาที่ได้รู้ว่ากำลังจะให้กำเนิดทายาทของเขา เธอเฝ้าถามตัวเองมาโดยตลอดว่าจะบอกเรื่องนี้กับเขายังไง แล้วเขาจะดีใจ เสียใจ หรือมีทีท่ายังไงกับเธอ แล้วเรื่องในอดีตระหว่างสองครอบครัวล่ะ มันจะไปจบอยู่ที่ตรงไหน บิดาจะดีใจหรือเสียใจหากรู้เรื่องนี้ แล้วพี่ชายที่เธอไม่ได้เห็นหน้ามาหลายปี จะรู้สึกยังไง

ไหนจะลัดดาที่ตอนนี้มีทีท่าที่เป็นมิตรกับเธอไม่น้อย หากทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้น แล้วคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกเธอตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนเสีย คำถามต่าง ๆ ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของเธอ แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ แต่ไม่ว่าจะมีคำถามมากมายเพียงใดก็ตาม มีเพียงสิ่งหนึ่งที่เธอตอบตัวเองได้ก็คือ
เธอจะต้องบอกเรื่องนี้กับเขา เพื่อให้ร่วมรับรู้ปัญหานี้ และหาทางออกให้กับเธอ หญิงสาวบอกตัวเองได้แค่นั้น แล้วก็ล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนแรง เพราะอาการแพ้ทำให้เธอแทบจะแตะข้าวปลาอาหารไม่ได้เลย นอกจากผลไม้บางอย่างเท่านั้น ที่พอจะตกไปถึงท้องได้



ระพีพรรณเดินออกจากคลีนิครับฝากครรภ์แห่งหนึ่งในบ่ายวันเสาร์ เพราะลัดดาอนุญาตให้เธอกลับบ้านไปดูพ่อได้ก่อนเวลาเลิกงาน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับเธอไม่น้อย เพราะจะได้มีเวลานำตัวเองมาให้หมอตรวจดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่เธอก็ได้รับคำตอบเดิมจากหมอ มันทำให้เธอรู้สึกดีใจและเสียใจคละเคล้ากันไปในเวลานี้ เธอโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านไปหาพ่อ
หลังจากที่ได้ของฝากสองสามอย่างจากแผงขายของใกล้ ๆ กับคลีนิคนั่นเอง

โป่งรีบมาเปิดประตูให้เจ้านายสาว พร้อม ๆ กับมีสีหน้าที่แปลกใจไม่น้อย ที่เห็นเธอในเวลานี้ แต่เขาก็ยิ้มด้วยความดีใจที่ได้เห็นระพีพรรณ
“ทำไมวันนี้คุณเพลงมาเร็วได้ครับ” โป่งถาม
“พอดีคุณลัดดาให้เพลงมาค่ะ คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะลุงโป่ง”เธอถามขณะเดินไปเรื่อย ๆ
“ท่านสบายดีครับ แข็งแรงขึ้นเยอะเลย เพิ่งจะบ่นถึงคุณเพลงเมื่อกี้เองครับ” โป่งบอกด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เหรอคะ แล้วลุงโป่งล่ะคะ หายแน่นหน้าอกหรือยัง เพลงบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอม ดื้อจริง ๆ เลย”
ระพีพรรณถามพร้อมกับทำเสียงตำหนิเขาไปด้วย

“ลุงยังแข็งแรงครับคุณเพลง ว่าแต่คุณเพลงเถอะครับ สบายดีหรือเปล่าครับ เห็นหน้าซีด ๆ เขาใช้งานคุณเพลงหนักกว่าเดิมหรือเปล่าครับ” โป่งถามเพราะเห็นสีหน้าเธอซีดแทบจะไม่มีสีอื่นเจือปนเลย
“เพลงคงจะเหนื่อยค่ะ วันนี้แดดแรงจังเลย”
เธอรีบปฏิเสธ และก็เดินเข้าไปหากำพลที่นั่งยิ้มรอรับการกลับมาของเธออย่างใจจดใจจ่อ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” เธอเข้าไปก้มกราบที่ตักเขาด้วยความเคยชิน
“ไหว้พระเถอะลูก วันนี้ทำไมมาเร็วได้ล่ะ ทางโน้นเขาไม่ว่าเหรอลูก เดี๋ยวจะหาแง่ผิดสัญญาเอานะ”
เขาถามด้วยความห่วง

“ไม่หรอกค่ะ คุณลัดดาให้เพลงกลับมาเอง บอกว่าจะได้อยู่ดูแลคุณพ่อได้นานหน่อย” ระพีพรรณบอก
“จริงเหรอ ทำไมเขาใจดีจังเลยลูก”
กำพลถามด้วยความสงสัย เพราะก็พอรู้ระแคะระคายจากโป่งว่าคนบ้านโน้นทำอะไรกับลูกสาวเขาบ้าง
“พักนี้คุณลัดดาเปลี่ยนไปเยอะค่ะคุณพ่อ ดูใจดีกับเพลงมากกว่าเมื่อก่อนค่ะ แต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นบ่อยค่ะ” เธอบอก
“มาเหนื่อย ๆ พ่อว่าไปพักก่อนเถอะลูก ดูสิหน้าตาซีดเซียวไปหมดแล้ว” เขาบอก
“ค่ะคุณพ่อ เพลงจะไปอาบน้ำบนตึกนะคะ ไม่ได้ไปนอนห้องมานานแล้ว” ระพีพรรณบอกเขา

“ตามใจเถอะลูก วันนี้เพลงจะนอนข้างบนก็ได้นะ จะได้สบาย ๆ ไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนพ่อก็ได้ พ่ออยู่กับเจ้าโป่งจนเคยแล้วล่ะ” กำพลบอกเธอ
“ค่ะ งั้นเราเจอกันตอนข้าวเย็นนะคะคุณพ่อ”เธอบอกและก็เดินอกจากห้องเขาด้วยร่างกายที่ค่อนข้างจะอิดโรย

ลัดดาเข็นรถออกมาหน้าตึกตามลำพัง เพราะได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอด และเธอก็รู้ว่าเป็นรถใคร ไม่นานดนุพรก็ออกมาจากรถแล้วก็ตรงขึ้นบันไดที่มีแค่สี่ห้าขั้น ไปหามารดาที่รออยู่แล้ว
“วันนี้กลับบ้านได้เหรอพ่อตัวดี หายหน้าไปไหนตั้งเป็นอาทิตย์”
ลัดดาถามเขา เพราะเธอเองก็ไม่ได้เห็นหน้าเขามาหลายวันแล้วเหมือนกัน เพราะเขาได้แต่โทรมาบอกว่าจะไปนอนที่คอนโดเท่านั้น
“งานยุ่งครับคุณแม่ นิดมาถึงหรือยังครับ” เขาถาม เพราะสั่งให้นิตยากลับมาทำงานได้แล้ว

“เห็นโทรมาบอกว่าเย็น ๆ จะถึงหนะลูก” ลัดดาบอกขณะที่เขาเข็นรถของเธอไปที่ห้องรับแขก แล้วตัวเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้
“เอ่อ...ผมว่าจะให้ระพีพรรณย้ายกลับไปเรือนกุหลาบนะครับคุณแม่ แต่ไม่ต้องให้เขาทำงานอื่น ก็ให้เขาดูแลคุณแม่กับตาดอนเหมือนเดิม แล้วก็ช่วยคุณยุพินดูแลยายดาด้วยครับ” เขาบอก
“ทำไมล่ะดำ เดี๋ยวนี้ทำไมดำสั่งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา” ลัดดาถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับแม่ นิดกลับมาแล้ว เขาก็ไม่ต้องมาอยู่บนตึกแล้ว และอีกอย่างพี่เด่นมาก็จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดด้วย เพราะอยู่กันหลาย ๆ คนพี่เด่นคงไม่ค่อยชอบครับ ทำไมคุณแม่ถามผมอย่างนั้นครับ” เขาถามมารดาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่เพียงแต่เห็นว่าพักนี้ แม่เพลงดูจะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่านั้นเอง เมื่อเช้าก็หน้ามืดจะเป็นลมเอาดื้อ ๆ นี่แม่ก็ให้กลับบ้านแล้วนะ ตั้งแต่บ่ายแล้ว จะได้ไปอยู่กับพ่อเขาบ้าง” ลัดดาบอก
“ทำไมคุณแม่ถึงได้ใจดีกับคนพวกนั้นล่ะครับ คุณแม่ลืมแล้วเหรอครับ ว่าพวกเขาทำอะไรกับเราไว้บ้าง”
เขาถามมารดาด้วยความสงสัย และเพื่อเป็นการแสดงให้มารดาเห็นว่า เขายังคงไม่ให้อภัยกับอีกฝ่ายง่าย ๆ

“แม่ไม่ลืมหรอกลูก แต่แม่ไม่อยากจะจดจำอีกแล้ว เขาเองก็ทำงานให้เรามานานแล้ว ไม่ว่าจะงานหนักเบาเขาก็สู้ ใจจริงแม่ก็อยากให้มันหมดสัญญาเร็ว ๆ จะได้คืนให้เขาไป เขาก็จะได้ไปอยู่ในที่ของเขา เราก็จะได้อยู่ในที่ของเรา จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก หรือดำว่าไงลูก” ลัดดาบอกถึงความต้องการในใจให้เขารู้
“ไม่รู้สิครับแม่ ผมยังไม่รู้สึกว่าไอ้กำพลมันจะได้รับความทุกข์ ที่เรากำลังมอบให้มันเท่าไหร่เลย มันน่าจะได้รับความเจ็บปวดมากกว่านี้นะครับ” เขาบอกพร้อมกับแววตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นในตัวผู้ที่ถูกกล่าวขวัญถึง

“ดำ...แม่ว่าเราน่าจะพอได้แล้วล่ะลูก แม่มาคิด ๆ ดูแล้ว ว่าการที่เรามาคอยแก้แค้นเขาอยู่อย่างนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาก็ทรมาน เราก็ทรมาน ไม่มีใครมีความสุขเลย และอีกอย่างหนึ่งนะลูก แม่ว่าคนพวกนั้น ต่างก็ได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้กับเราไม่น้อยแล้วนะ แม่ว่าแค่นี้มันก็สาสมแล้วล่ะ ไหนเราจะเอาลูกสาวเขามาใช้งานอีกล่ะดำ เวลาสี่ปีสำหรับคนที่ไม่เคยได้ทำงานพวกนี้ มันไม่ใช่เวลาสั้น ๆ นะดำ จะงานหนักงานเบา เราก็ให้เขาทำหมดแล้ว แต่จนแล้วจนรอดแม่เพลงก็ทำได้ และก็ทำได้ดีด้วย”
ลัดดาให้เหตุผลกับเขา ซึ่งก็ทำให้เขาวาดภาพอิริยาบทของผู้ที่ถูกพูดถึงได้ไม่ยากเลย และถึงแม้ว่าคำพูดของมารดานั้น เขาจะเห็นด้วยแทบทั้งสิ้น แต่เขาก็ไม่อยากจะลามือง่าย ๆ

“ผมเหนื่อยจังเลยครับแม่ งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะครับ”
เขาบอกมารดาแล้วก็รีบลุกจากไป โดยที่ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมองตามด้วยสายตาเช่นไร แล้วลัดดาก็ได้แต่ส่ายหน้าตามหลังลูกชายที่เดินขึ้นบันไดไปอย่างคนหมดแรง







 

Create Date : 06 ตุลาคม 2551
3 comments
Last Update : 6 ตุลาคม 2551 15:00:30 น.
Counter : 694 Pageviews.

 

ขอบคุณค่าาา (^o^) นึกว่าจะไม่มาซะแล้ววันนี้ อิอิ

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 6 ตุลาคม 2551 19:23:16 น.  

 

ตอนต่อไป จะเศร้ามากไม่คะ

 

โดย: finn IP: 88.195.240.139 6 ตุลาคม 2551 23:25:34 น.  

 

อยากรู้ต้องไปติดตามอ่านนะคะน้อง finn

น้องติ๊กจ๊ะ พี่ยุ่งมาก ๆ เมื่อวานเลยมาสายค่ะ

 

โดย: ธัญญะ 7 ตุลาคม 2551 9:54:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.