Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๑๙ (ธัญรัตน์)




รถประจำตำแหน่งถูกจอดเอาไว้หน้าบ้าน ไม่นานดนุพรกับดอนก็ลงมาจากรถ และตรงไปหาลัดดาและนิตยาที่คอยอยู่หน้าประตูแล้ว
“คุณย่าสวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถอะหลานย่า เป็นยังไงวันนี้คุณพ่อไปรับที่โรงเรียนเอง ดีใจไหมลูก”
ลัดดาคว้าเอาหลานชายเข้ามากอด และหอมแก้มด้วยความรัก
“ครับคุณย่า คืนนี้คุณพ่อจะสอนการบ้านดอนด้วยครับ เมื่อไหร่พี่เพลงจะกลับมาก็ไม่รู้ครับ ทำไมไปนานจังเลย”
ดอนพูดด้วยความไร้เดียงสา

“คงอีกไม่นานหรอกลูก พี่เขามีธุระสำคัญ วันนี้มีคุณพ่อสอนการบ้านให้ไม่ดีเหรอ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะไป จะได้ลงมากินข้าวพร้อมคุณพ่อไงลูก” ลัดดาบอกหลานชาย
“แม่นิดช่วยพาตาดอนไปอาบน้ำหน่อยไป จะได้ลงมากินข้าวเย็นด้วยกัน”
ลัดดาบอกและหันไปหานิตยาให้พาดอนขึ้นไปชั้นบน เพื่อเป็นสัญาญาณว่า จะอยู่คุยกับดนุพรตามลำพัง
“ค่ะคุณป้า” นิตยารับคำ และก็เดินผละไป
“วันนี้ดำแวะไปคอนโคก่อนไปรับตาดอนเหรอลูก”
ลัดดาถาม เพราะเห็นเสื้อผ้าที่ลูกชายสวมใส่นั้น ไม่ใช่ชุดทำงาน

“ครับแม่ พอดีรู้สึกเหนื่อย ๆ ก็เลยหอบงานไปกองไว้ที่คอนโดแล้วก็เลยอาบน้ำ และก็แวะไปรับตาดอนครับ คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ” เขาบอกมารดาไปอย่างนั้น พร้อม ๆ กับมือสองข้างก็เข็นรถมารดาเดินไปตามทางเล็ก ๆ ซึ่งจุดมุ่งหมายก็คือไปหาน้องสาวเรือนกุหลาบนั่นเอง
“แม่ก็เรื่อย ๆ ลูก ทำไมดำไม่เอางานมาทำที่บ้านล่ะลูก อยู่ที่โน่นจะมีคนคอยดูแลเรื่องอาหารการกินเหรอ”
ลัดดาถามด้วยความเป็นห่วง และก็แปลกใจไม่น้อย ที่ไม่บ่อยครั้งนักที่ลูกจะไปขลุกตัวอยู่ที่คอนโดเป็นเวลาหลายวัน

“ไม่ค่อยสะดวกครับแม่ เด็ก ๆ ที่ไปช่วยงานส่วนใหญ่บ้านจะอยู่ไม่ไกลจากที่คอนโดครับ ถ้าให้มาที่นี่ก็เกรงใจเขา ให้เขามาทำงานจนดึกดื่นแล้วยังจะต้องเดินทางไกล ๆ อีก” เขาเข้าใจหาเรื่องมาอ้างเพื่อให้สมจริงขึ้น
“แล้วพ่อพิสิทธิ์ล่ะ เมื่อไหร่จะกลับจากนอก จะได้มาช่วยดำอีกแรง”
ลัดดาอดถามถึงพิสิทธิ์ไม่ได้ ที่ต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคู่ต่อสู้กับลูกความ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับดนุพรที่จะเดินตามแผนที่วางเอาไว้ ในช่วงที่เพื่อนสนิทไม่อยู่ เพราะถ้าเกิดพิสิทธิ์อยู่ อาจจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของเขาก็ได้
“ยังไม่รู้ครับแม่ แต่ถึงอยู่งานเราก็คนละส่วน เจ้าสิทธิ์มันคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากหรอกครับ”
เขาบอกมารดาไปเรื่อย และก็พารถเข็นหยุดนั่งคุยกับมารดาที่ม้าหินอ่อนที่สนามระหว่างทางไปเรือนกุหลาบ

“เอ่อ...จริงสิลูก แม่เพลงเป็นยังไงบ้าง ติดต่อกลับมาหรือเปล่า แล้วพ่อเขาเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมากหรือเปล่า ดำได้ข่าวบ้างไหมลูก” คำถามของมารดาทำให้เขารู้สึกผิดกับคำโกหกไม่น้อย แต่ก็ถูกกลบเกลื่อนเอาไว้ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็ไม่เห็นเขาติดต่อมานี่ครับแม่ สงสัยอาการนายกำพลคงจะหนักมากมั้ง ถึงได้หายไปหลายวันอย่างนี้ แต่อาทิตย์หน้าคงจะติดต่อกลับมามั้ง คุณแม่ถามทำไมครับ” เขาตอบไปอย่างนั้น

“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่ก็เห็นเขาหายไปนาน ๆ กลัวดำจะโกรธ แล้วพลอยเลิกสัญญาเขาหนะสิ นี่ก็ใกล้จะครบแล้วอีกแค่ปีกว่า ๆ เอง จะว่าไปแล้ว เขาก็เป็นลูกกตัญญูคนหนึ่งนะลูก ทนเราได้มาจนป่านนี้ ถ้าเป็นลูกผู้ดีบางคน ก็คงจะถอยกลับไปนานแล้วมั้ง” สีหน้าของมารดาแสดงให้เขาเห็นว่ามีทัศนคติที่เป็นบวกกับผู้ที่ถูกกล่าวถึงไม่น้อย
“คงไม่ทั้งหมดมั้งครับแม่ อย่างน้อย ๆ พี่เด่นกับผมก็เคยเจอกับสถานะการณ์แบบนี้เหมือนกัน แต่พวกเราก็รับมือกับมันได้ไม่ใช่เหรอครับ” เขาแย้งมารดา

“พูดถึงพี่เด่น แม่อดตื่นเต้นไม่ได้นะลูก อีกไม่กี่เดือนก็จะได้กลับมาอยู่บ้านเราแล้ว แม่ดีใจจริง ๆ เลยลูก ต่อไปนี้ พวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันซักที นี่ถ้ายายดาหายเป็นปกติได้เร็ว ๆ แม่คงจะเป็นแม่ที่มีความสุขไม่น้อยเลยนะลูก”
ลัดดาอดดีใจไม่ได้ ที่จะได้ลูกชายคนโตกลับมาอยู่ด้วย ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะใกล้จะได้เวลาพ้นโทษแล้ว
“ครับแม่...ผมก็ว่าจะให้คนมาตกแต่งห้องไว้ให้พี่เด่นเหมือนกันครับ แต่เห็นพี่เด่นบอกว่า อยากจะอยู่กับยายดาที่เรือนกุหลาบ ไม่รู้ว่าจะเอายังไง เพราะระพีพรรณก็พักอยู่” เขาบอกเล่าให้มารดาฟัง

“ก็ช่วงแรก ๆ ให้พี่เขาอยู่บ้านใหญ่ไปก่อนสิลูก จะได้อยู่ใกล้ ๆ แม่ พอแม่เพลงหมดสัญญา ค่อยให้พี่เราไปอยู่ที่โน่นแทน แม่ว่าอย่างนี้น่าจะดีนะลูก” ลัดดาสรุปให้
“ตามใจแม่ก็แล้วกันครับ เอ่อ...แม่ครับ ผมจะให้แก้วกลับมาช่วยงานที่บ้านเหมือนเดิมนะครับ เพราะไม่รู้แม่นั่นจะไปอีกนานแค่ไหน จะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาก” เขาบอกมารดา “ก็ดีเหมือนกันลูก แล้วดำบอกพ่อสิทธิ์หรือยังล่ะลูก”

“ผมเมลย์ไปบอกแล้วครับ คงจะให้มาวันอาทิตย์นี้เลย งั้นเราไปหายายดากันเถอะครับ ผมว่าวันนี้เราไปกินข้าวที่เรือนกุหลาบพร้อม ๆ กับยายดาก็ดีเหมือนกันนะครับแม่ ได้อยู่กับน้องนาน ๆ เสร็จแล้วผมจะได้สอนการบ้านตาดอนด้วยเลย แต่ผมคงจะอยู่ดึกไม่ได้ครับ เพราะทิ้งให้ลูกน้องทำงานรอที่คอนโดด้วย จะได้รีบกลับไปดู”
เขาไม่วายที่จะห่วงเชลยที่เขาทำตัวเป็นศาลเตี้ยพิพากษาเธอไปเมื่อบ่ายนี้ แล้วมิหนำซ้ำยังหนีออกมาทิ้งร่างที่หลับใหลเอาไว้โดยไม่บอกกล่าวอีก
“แม่ว่าก็ดีนะลูก งั้นเราไปกันเถอะ จะได้ให้คุณยุพินมาบอกแม่แพงให้ยกอาหารมาที่เรือนกุหลาบเลย”
ลัดดาเห็นด้วย และเขาก็เข็นรถมารดาเดินไปตามทางเล็ก ๆ ด้วยความเคยชิน


ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกว่าใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว ระพีพรรณค่อย ๆ พยุงร่างที่อ่อนแรงให้ลุกขึ้นนั่ง เธอไม่วายที่จะหันไปหาคนข้าง ๆ ที่กอดเธอเอาไว้แนบอก หลังจากที่เขาลงโทษเธออย่างสาสม เธอให้โล่งใจเป็นที่สุดที่ไม่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ เขาอาจจะทำงานอยู่ข้างนอกก็เป็นได้ แต่เธอก็ไม่สนใจที่จะลุกออกมาดูเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งเมื่อนึกถึงบทรักที่ไร้ซึ่งความปราณีที่เขามอบให้เธอเมื่อบ่ายแล้ว มันยิ่งทำให้เธอไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ น้ำตาแห่งความเจ็บช้ำใจมันได้ไหลระบายออกไปเป็นคำรบที่เท่าไหร่แล้วเธอไม่ได้ใส่ใจ เธอก้มลงมองรอยเขียวช้ำ ๆ ตามแขนทั้งสองข้าง มันก็คงจะเกิดขึ้นตามแรงกระชากลากถูของเขานั่นเอง เธอค่อย ๆ หอบเอาร่างที่มีผ้าห่มหุ้มเอาไว้ เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่สตูลหน้าตู้เครื่องแป้ง แล้วสำรวจดูรอยเขียวช้ำตามคอระหง และเนินอก
“เขาคงจะเกลียดเรามากสินะ ถึงได้ทำกับเราอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะหลีกหนีเขาได้เสียที”

เธอพร่ำถามตัวเองอยู่ในใจ แล้วความคิดก็วกไปหาใบหน้าผู้เป็นพ่อที่ต้องนอนทนทุกข์อยู่ที่บ้านพักคนงาน แล้วก็ใช้ชีวิตแบบตามมีตามเกิด เพื่อรอวันเวลาที่เธอจะเอาทุกอย่างคืนกลับไป ไหนจะภาพพี่ชายที่เวลาจะได้พบกัน ก็ต้องมีกระจกใส ๆ มาคอยขวางกั้นเอาไว้ และไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มีอิสระภาพเหมือนคนอื่น ๆ บ้าง

“คุณพ่อ พี่พี ช่วยเพลงด้วย เพลงเหนื่อยเหลือเกินค่ะ ทำไมคะ ทำไมเราจะต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไม ๆ ทำไมเขาต้องทำกับพวกเราอย่างนี้ ทำไมเขาต้องทำกับเพลงอย่างนี้ เพลงเกลียดเขา คุณพ่อได้ยินไหมคะ ว่าเพลงเกลียดเขา”

เธอพร่ำถามกับตัวเอง พร้อมร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และฟุบหน้าลงบนตู้เครื่องแป้ง ร่ำร้องจนร่างกายสั่นเทา แล้วไม่นานก็ดูเหมือนว่าเธอจะเรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง ด้วยความได้คิดที่ว่า ทั้งพ่อและพี่ก็ต่างมีสภาพที่ย่ำแย่กว่าตัวเธอด้วยซ้ำ แต่ทุกคนล้วนแล้วก็มีกำลังใจที่จะอยู่สู้กับชีวิตต่อไป หรือถ้าเทียบกับสภาพของดรุณีในวันนี้

เธอก็คงจะโชคดีกว่าเป็นไหน ๆ ตามคำที่เขาเคยบอกเธอไว้ เพราะอย่างน้อย ๆ คนที่ได้เชยชมเรือนร่างของเธอก็มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ร่างบางค่อย ๆ ลุกจากสตูล ตรงไปยังห้องน้ำเพื่อหาความสดชื่นจากสายน้ำ ซึ่งดูเหมือนจะมีเพียงแค่สิ่งเดียวที่เธอจะจัดสรรให้ตัวเองได้ในเวลานี้

ระพีพรรณค่อย ๆ เปิดประตูห้องออกมาหลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ด้วยความที่กลัวว่าเขาอาจจะอยู่ข้างนอกก็เป็นได้ แต่ก็ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของเขาด้วยซ้ำ ถ้าให้เธอเดา เขาก็คงจะกลับไปบ้านเป็นแน่ ความกตัญญูต่อมารดา และความรับผิดชอบต่อคนในครอบครัวของเขา คงจะเป็นเพียงสิ่งเดียวกระมังที่เธอชื่นชมเขา

หญิงสาวเดินตรงไปครัวเพื่อหาอะไรให้ลงไปอยู่ในท้อง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้สึกหิวเลย น้ำผลไม้ที่อยู่ในกล่องดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เธอพอจะกลืนลงไปในลำคอได้โดยไม่ลำบากนัก แล้วเธอก็เดินไปเลือกหนังสือที่ชั้นเพื่ออ่าน นานเท่าไหร่แล้ว ที่เธอไม่ได้มีเวลาให้กับการอ่านที่เป็นงานอดิเรกชิ้นโปรดชิ้นหนึ่งรองจากการวาดรูป เธอมองไปยังนาฬิกาที่ฝนังเวลาใกล้จะสองทุ่มแล้ว

วันนี้เขาอาจจะนอนที่บ้านก็ได้ ในความคิดของเธอ และมันก็เป็นความคิดที่เข้าท่ามาก ๆ หากได้อยู่ห่าง ๆ เขา ถึงแม้จะเพียงชั่วข้ามคืนก็ตาม ไม่นานเธอก็มานั่งที่ชุดรับแขก และให้เวลากับหนังสือในมือ โดยทิ้งเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเอาไว้เบื้องหลัง เพื่อลดความเครียด ซึ่งเป็นวิธีที่เธอใช้บ่อย ๆ เมื่อสมัยที่เรียนอยู่เมืองนอก


ประตูห้องถูกเปิดออกเบา ๆ เพราะคาดเดาเอาเองว่าคนในห้องคงจะหลับไปแล้ว เพราะเป็นเวลาเที่ยงคืน แรกทีเดียวเขากะจะรีบกลับมา แต่ก็ต้องยอมเล่านิทานให้ลูกชายฟังจนหลับไป และเขาก็ถือโอกาสอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาจากบ้านเลย ห้องยังคงเปิดไฟสว่างเอาไว้ เขาเดินตรงไปยังห้องนอนทันที ด้วยหมายจะไปดูเชลยที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้ แต่ก็ไม่พบใครเลย
เขาเดินกลับออกมาและกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง

แต่ก็ไม่มีเธออยู่ในห้องเลย เขาเดินหาเธอไปเรื่อย ๆ แล้วก็เดินมาหยุดที่มุมหนังสือเล็ก ๆ ที่ถูกจัดเอาไว้อย่างสวยงาม เชลยสาวของเขานอนขดตัวหลับอยู่กับหนังสือที่กอดแนบอกเอาไว้ เขาเดินมาใกล้ ๆ มองร่างที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรด้วยแววตาที่อ่อนโยน หนังสือถูกดึงออกจากอ้อมกอดของเธอเบา ๆ
ร่างที่หลับสนิทถูกเขาอุ้มเข้าไปวางไว้ที่เตียง แล้วก็ห่มผ้าให้เธอ แต่เขาก็พบรอยเขียว ๆ ที่ปรากฏอยู่ตามแขนทั้งสองข้าง และตามลำคอ เขาค่อย ๆ ใช้มือปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสองเม็ด เพื่อสำรวจดู ก็พบรอยเขียวช้ำตามตัวเธออีกหลายที่ สีหน้าที่รู้สึกผิด กับความรุนแรงของตัวเอง เธอคงไม่มีโอกาสได้เห็นมัน นี่เขาจะใจร้ายเกินไปมั้ย ที่ทำกับเธออย่างนี้

ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลยแม้แต่น้อย มีผู้หญิงหลายคนที่หลงใหลในรสสัมผัสที่นุ่มนวลและอ่อนหวานของเขาไม่น้อย แต่พอกับเธอ ทำไมเขาถึงได้รุนแรงได้ถึงเพียงนี้ เขาเดินผละออกมาจากห้อง แล้วตรงไปยังบาร์ เหล้าถูกรินเพื่อดื่มดับความกลุ้ม ร่างสูงพาตัวเองไปนั่งรับลมที่ระเบียงหน้าห้องรับแขก แล้วคิดอะไร ต่อมิอะไรหลายเรื่อง โดยที่เขาปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อย ๆ เป็นนานสองนาน

แต่ท้ายที่สุด ก็มาหยุดอยู่ที่คนที่เขาไม่ปรารถนาที่จะเก็บเอามาใส่ในความทรงจำด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่เขาเองคอยพร่ำเตือนสติตัวเองอยู่เสมอมา ว่าอย่าลืมสิ่งที่เขาและคนในครอบครัวได้รับจากผู้ที่ให้กำเนิดเธอ นายกำพลจะต้องได้รับสารที่เขากำลังจะส่งไปให้ด้วยความเจ็บปวด เหมือนกับที่เขาและทุกคนได้รับ แต่ทุก ๆ ครั้งที่เขาบอกประโยคนี้กับตัวเอง เขาก็เหมือนจะพ่ายแพ้กับหัวใจตัวเองอยู่เป็นนิจ

เขาไม่อยากจะยอมรับเลยว่า มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหัวใจตัวเอง เพราะตั้งแต่ที่เขาได้รับรู้ว่ากำพลมีทายาทที่งามพร้อมทั้ง กาย วาจา และใจ ที่จะมารับผลกรรมแทนพระคุณพ่อ จนกระทั่งเขาได้พบเห็นใบหน้าที่สวยงาม แทบจะไม่มีที่ติของเธอ เขาต้องคอยเตือนใจตัวเองเสมอตลอดระยะเวลาที่เขาได้รู้จักกับเธอ และได้มีเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ถึงแม้ว่าเขาแทบจะไม่อยากพานพบใบหน้าสวย ๆ ก็ตาม

แต่ภายในใจนั้น มันคอยที่จะมีภาพใบหน้านี้มาหลอกหลอนเขาตลอดเวลา เขาได้ให้ปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้ว่า ถึงแม้โลกทั้งโลกนี้ จะเหลือแค่เธอเพียงแค่คนเดียว เขาก็ไม่มีวันที่จะปล่อยใจให้เอนเอียงไปรักเธอเป็นอันขาด ไม่มีวันที่เขาจะไปรักลูกศัตรู ความรักของเขาจะต้องไม่ถูกกามเทพแผงศรให้ เขาเองต่างหากที่จะเลือกว่าจะรักใคร และคน ๆ นั้น จะต้องไม่ใช่ลูกนายกำพลเด็ดขาด แก้วในมือถูกยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

ในที่สุดเขาก็กลับเข้ามาในห้อง เดินไปหยิบยาจากตู้ และเดินไปปิดไฟทั้งห้องแล้วก็กลับไปหาคนที่หลับสนิทอยู่ด้วยอารมณ์ที่ค่อยข้างขุ่นมัว ด้วยไม่สามารถจะบังคับหัวใจตัวเองได้ ร่างที่นอนนิ่ง ค่อย ๆ ขยับเมื่อเขานำร่างที่บึกบึนลงไปนั่งบนเตียง ระพีพรรณตกใจเล็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาพบเขา เพราะคิดว่าเขาคงจะนอนที่บ้านแล้ว และเธอก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีกที่ตัวเองมานอนอยู่บนเตียง แทนที่จะนอนอยู่ที่มุมหนังสือ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ไต่ถามอะไร

“เอาแขนมานี่มา” เขาบอกและค่อย ๆ เอื้อมมือไปดึงแขนของเธอมา
“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ แค่นี้ยังไม่สาแกใจคุณอีกหรือไง” เธออดไม่ได้ที่จะต่อว่าเขา และก็ดึงแขนตัวเองกลับทันที
“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าทำให้ฉันโกรธ ฉันจะทายาให้ ไม่ทำอะไรเธอหรอก เอาแขนมานี่”

เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และค่อย ๆ ดึงแขนเธอมาอีกครั้ง ก่อนจะทายาให้ ตามจุดเขียวต่าง ๆ ด้วยความแผ่วเบา ใบหน้าที่มองเธอด้วยความอ่อนโยน ทำให้ระพีพรรณคลายความขุ่นเคืองกับการกระทำของเขาเมื่อช่วงบ่ายได้ไม่น้อย แล้วเขาก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเธอออก โดยที่ระพีพรรณยินยอมให้เขาทำอย่างว่าง่าย ไม่นานกระดุมก็ถูกใส่กลับเมื่อเขาทายาให้เสร็จแล้ว

“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เธอเป็นแบบนี้”
เขาบอกออกไปในที่สุด และมันก็ทำให้ระพีพรรณรู้สึกแปลกใจเป็นที่สุดที่ได้ยินคำ ๆ นี้
“นอนเถอะ ดึกมากแล้ว”
เขาห่มผ้าให้เธอและก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เธอ วงแขนที่แข็งแรงโอบกอดเธอเอาไว้ ไฟห้องถูกปิดลง ความมืดในห้องเข้ามาปลกคลุมเอาไว้


รถคันหรูที่ถูกควบมาโดยสมพงศ์ มาจอดที่หน้าบ้านของกำพลในเวลาใกล้จะหนึ่งทุ่ม โป่งที่เดินมาเปิดประตูรู้สึกไม่คุ้นกับรถ แต่พอเห็นระพีพรรณที่โผล่หน้าออกจากหน้าต่างรถให้เขาเห็น ประตูก็ถูกเปิดต้อนรับด้วยความยินดี
“คุณเพลง ทำไมวันนี้มาเร็วจังครับ ปกติกว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบจะสี่ทุ่ม”
โป่งเดินเข้ามาทักทายเธอ ที่ลงมาจากรถ แต่ไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบอะไร ดนุพรก็ลงมาจากรถด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทำให้โป่งสงสัยเหลือเกินในทีแรก แต่ก็ไม่กล้าจะถามไถ่อะไรจากระพีพรรณอีก

“ลุงโป่งสบายดีนะครับ”
ดนุพรถามเขาอย่างเป็นกันเอง และด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอคติใด ๆ เพราะโดยส่วนตัวเขาแล้ว เขาไม่ได้มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับโป่งเลย ตรงกันข้าม เขากลับดีใจกับกำพลด้วยซ้ำ ที่มีทาสเก่าเต่าเลี้ยงที่ซื่อสัตย์ สุจริต และจงรักภักดีกับเจ้านาย พร้อมกับยืนอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน ทั้งยามทุกข์และสุข คนอย่างโป่งหายากขึ้นทุกวันในสังคมปัจจุบัน และโดยเฉพาะกับเจ้านายที่หน้าเลือดอย่างนายกำพลเข้าแล้ว โป่งไม่น่าจะมาอยู่ด้วยได้นานขนาดนี้เลย
“สบายดีครับ ขอบคุณครับ แล้วพ่อ...เอ่อ....คุณดำสบายดีหรือเปล่าครับ ไม่เจอกันนานมากแล้ว”
โป่งถามตามหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี

“ผมสบายดีมากช่วงนี้”
เขาตอบและหันไปหาอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย แต่ระพีพรรณก็ไม่ใส่ใจเพราะรู้ว่าเขาจงใจจะแหย่เธอนั่นเอง
“เชิญด้านในครับคุณดำ”
โป่งเดินนำเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ เขาให้สมพงศ์หิ้วกระเป๋าออกจากรถ แล้วเดินตามคนทั้งสามเข้าไปในบ้าน แล้วความสงสัยในใจโป่ง ที่เมื่อสาย ๆ ของวันนี้ ที่จู่ ๆ ก็มีคนมาทำความสะอาดบ้าน และจัดหาอาหารสด มาใส่ในตู้เย็นเอาไว้ ด้วยเพราะจะมีดนุพรมาพักที่นี่นั่นเอง แต่เขาก็แปลกใจยิ่งกว่า ที่ดนุพรหอบเอาเจ้านายสาวของเขามาด้วย

“ลุงโป่งคะ เดี๋ยวลุงโป่งช่วยพาคุณดำขึ้นไปห้องนอนแขกห้องใหญ่ด้วยนะคะ เพลงจะไปหาคุณพ่อก่อนค่ะ แล้วก็ช่วยหาห้องให้พี่สมพงศ์ด้วยนะคะ” เธอบอกโป่ง
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะให้สมพงศ์ไปหาที่นอนข้างนอก”
เขาบอกเพราะไม่อยากให้การมาของเขาทำให้กำพลระแคะระคายเรื่องของเขากับเธอ เพราะถึงยังไง กำพลก็ยังไม่หมดเขี้ยวเล็บคงจะไม่กลัวคำขู่ที่เขาใช้ต่อรองกับระพีพรรณเป็นแน่
“ลุงโป่งเอากระเป๋าไปเก็บให้ผมที่ห้องก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเดินดูอะไร ๆ แถว ๆ นี้ก่อน”
เขาบอก และโป่งก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขาพยักหน้าให้สมพงศ์เพื่อเป็นการบอกให้เขากลับไปได้ ซึ่งสมพงศ์ก็ทำตามอย่างคนรู้หน้าที่ดี

“เดี๋ยว...เธอยังไปไม่ได้” เขาคว้าเอาข้อมือของระพีพรรณเอาไว้ ก่อนที่เธอได้ก้าวขาไป
“ฉันจะไปหาคุณพ่อ ปล่อยนะ” เธอสะบัดมือออก
“ฉันรู้แล้ว และอย่าลืมที่เราตกลงกันเอาไว้ว่า เธอจะต้องกลับมานอนที่นี่ก่อนสี่ทุ่ม จำได้ไหม”
เขาย้ำข้อตกลง ที่ได้ทำกับเธอเอาไว้ ก่อนที่จะอนุญาตให้เธอกลับมาเยี่ยมบ้านตามปกติ จริง ๆ แล้วเขาไม่จำเป็นที่จะปล่อยให้เธอกลับบ้านในวันนี้ก็ได้ แต่เขายังไม่อยากให้เธอหายหน้าจากกำพลไป

เพราะมันจะเป็นจุดสงสัย แล้วอาจจะทำให้โสภาต้องโทรไปถามพิสิทธิ์ที่อยู่เมืองนอกก็ได้ และพิสิทธิ์ก็คงจะไม่รอช้าที่จะโทรมาหาเขา หรือหามารดาเขาในทันที ซึ่งอะไร ๆ ที่เขาวางไว้ มันก็คงจะไม่เป็นไปตามแผนแน่ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้เธอมา โดยที่เขาต้องมาควบคุมเธอด้วยตัวเอง และก็จะต้องไม่ให้กำพลเห็นว่าเขามาในคืนนี้ด้วย

ส่วนโป่งเขาไม่ห่วง เพราะโป่งคงจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกำพลเป็นแน่ อย่างมากก็คงจะถามระพีพรรณ และเธอก็คงจะไม่ให้โป่งบอกเรื่องนี้กับผู้เป็นพ่อ เพราะกลัวเขาจะทำตามคำขู่
“ฉันจำได้ทุกคำสั่งค่ะ” เธอพูดเชิงประชดเขา
“ดี...ถ้าเธอมาช้าแม้แต่ครึ่งนาที ฉันจะไปอุ้มเธอมาจากหน้าพ่อเธอ ฉันไม่ได้ขู่นะ”
เขาขู่เธอเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้เธอละเมิดข้อตกลง จนทำให้สีหน้าของเธอแสดงความไม่พอใจออกมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าเดินหนีเขาไป

“คุณพ่อ สวัสดีค่ะ เพลงคิดถึงคุณพ่อจังเลย”
ระพีพรรณคุกเข่าลงก้มกราบไปที่ตักของพ่อ แล้วก็โอบกอดด้วยความคิดถึง น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองมาทั้งอาทิตย์
“พ่อก็คิดถึงเพลงมากเหมือนกันลูก ทำไมเพลงร้องไห้ล่ะ เป็นยังไงบ้าง อาทิตย์นี้พ่อรอโทรศัพท์เราอยู่ แต่ไม่เห็นลูกโทรมาเลย งานหนักเหรอลูก แล้ววันนี้ทำไมเรามาถึงเร็วกว่าทุกวันล่ะ”
กำพลถาม แต่ก็เหมือนจะไม่ได้สนใจกับคำตอบนัก เพราะความดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกสาว แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว

“คุณพ่อกินข้าวหรือยังคะ เพลงมีของมาฝากค่ะ” ระพีพรรณเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม
“ยังเลยลูก พ่อรอเราน่ะสิ ไหนมีอะไรมาฝากพ่อบ้าง” เขาถามพร้อมกับชำเลืองดูของในถุงที่เธอถือติดมือมาด้วย
“วันนี้มีปลากะพงอบเกลือ แล้วก็เป็ดน้ำแดงค่ะ และก็ยังมีซี่โครงหมู ตุ๋นยาจีนด้วยนะคะ มีแปะก๊วยน้ำกะทิด้วยค่ะเป็นของหวานไงคะคุณพ่อ” เธอรีบบอกด้วยใบหน้าสดชื่นที่ได้เจอพ่อ

“ทำไมมันมากนักล่ะลูก เพลงไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อ คงจะหลายร้อยนะ”
กำพลถามด้วยความสงสัย เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่ลูกสาวจะหอบเอาข้าวของที่มีราคาแพงมาฝาก นอกจากจะเป็นช่วงเงินเดือนออก หรือไม่ก็เป็นเงินที่โสภาซื้อมาให้เวลาที่มาส่งลูกสาว
“เอ่อ...พอดีเพลงได้เงินมัดจำค่าแบบมาก้อนหนึ่งค่ะคุณพ่อ ลูกค้าพี่โสภาหนะค่ะ”

เธอรีบหาเหตุผลมาลบล้างความสงสัยของบิดา แต่แท้ที่จริงแล้ว อาหารเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเงินของดนุพรทั้งนั้น เพราะเขาเป็นคนสั่งจากร้านอาหารเอาไว้ให้ โดยที่ไม่ยอมให้เธอได้ออกไปไหน หรือถ้าจะออกไปก็ต้องมีเขาตามไปด้วย เหมือนวันนี้ ที่เขาจะต้องมาบ้านพร้อมกับเธอ ซึ่งสร้างความก็กังวลให้เธอไม่น้อย เพราะเธอกลัวว่าเขาจะหาเรื่องมาทำร้ายจิตใจบิดาอีก

“แล้วเพลงไม่เหนื่อยเหรอลูก กลางวันก็ทำงานหนักมากพออยู่แล้ว แล้วไหนจะมาแย่งเวลาพักผ่อนในตอนกลางคืนอีก เพลงอย่านอนดึกมากนะลูก พ่อเป็นห่วง พ่อกับเจ้าโป่ง อยู่กินยังไงก็ได้ลูก มื้อ ๆ มีข้าวจาน อาหารอย่างก็พอแล้วล่ะลูก”
เขาบอกแล้วก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะลูก ด้วยความรักและหวงแหนยิ่งนัก
“ค่ะคุณพ่อ เพลงซื้อมาเผื่อลุงโป่งด้วยค่ะ นาน ๆ ทีจะได้กินอะไร ๆ อร่อย ๆ บ้าง” เธอบอก
“จริงสิ พูดถึงเจ้าโป่ง พักนี้มันบ่นว่าเจ็บหน้าอกบ่อย ๆ พ่อบอกว่าให้ไปหาหมอมันก็ไม่ยอม บอกว่าเสียดายเงิน”
กำพลบอกลูกสาว แววตาฉายแววห่วงคนสนิทอยู่ไม่น้อย

“เหรอคะคุณพ่อ เพลงไม่เห็นลุงโป่งบอกอะไรเพลงเลยค่ะ” ระพีพรรณบอก
“พรุ่งนี้ว่าง ๆ เพลงก็คุยกับมันหน่อยนะลูก พ่ออยากจะให้มันไปหามดหาหมอให้รู้เรื่อง เป็นอะไรมาจะได้รักษาได้ทัน เดี๋ยวนี้ค่ารักษาพยาบาล รัฐบาลก็มีนโยบายช่วยคนที่มีเงินน้อย ๆ อยู่ไม่ใช่เหรอลูก บัตรอะไรนะ พ่อก็จำไม่ค่อยได้”
เขาถามลูกสาว เพราะความจำเลอะเลือนเต็มที
“เขาเรียกว่าบัตรทองค่ะคุณพ่อ งั้นพรุ่งนี้ เพลงจะคุยกับลุงโป่งให้นะคะ ว่าแต่ตอนนี้คุณพ่อกินข้าวก่อนค่ะ จะได้กินยา คืนนี้เพลงคงจะนอนที่นี่กับคุณพ่อไม่ได้นะคะ” เธอบอกและลุกไปจัดอาหารใส่จาน
“อ้าว...ทำไมล่ะลูก” กำพลถามด้วยความสงสัย

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เพลงจะขึ้นไปทำงานบนห้องนอนเพลงค่ะ ก็เจ้าของเงินที่เพลงซื้อข้าวมาฝากคุณพ่อนี่ไงคะ”
ฟังดูเป็นเหตุผลที่น่าฟัง และไม่ทำให้บิดาสงสัยที่สุด สำหรับทางออกของระพีพรรณในเวลานี้
“เอ่อ...จริงสิพ่อก็ลืมไป งั้นเพลงก็ขึ้นไปเร็ว ๆ ก็ได้นะลูก ไม่ต้องอยู่กับพ่อจนดึกหรอก จะได้พักผ่อนด้วย”
กำพลบอกด้วยความห่วงใย และก็เข็นรถตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ โต๊ะอาหารเล็ก ๆ ของมุมห้อง และช่วยลูกสาวจัดอาหารจากกล่องใส่จานไปด้วย พักหลัง ๆ มานี้ สุขภาพจิตใจเขาดีขึ้น เลยพลอยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก เขาสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีไม่น้อย ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น

โดยที่ไม่ต้องรอให้โป่งคอยช่วยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงเป็นเพราะได้กำลังใจจากลูกสาวที่น่ารักของเขานั่นเอง แล้ววันดีคืนดี เขาก็จะให้โป่งกับภคินช่วยพาเขาไปเยี่ยมระพีพงศ์ที่ทัณธสถานด้วย สร้างความดีใจให้กับระพีพงศ์เป็นอย่างมาก
ระพีพรรณเดินเข้ามาที่บ้านใหญ่ในเวลาสามทุ่มครึ่ง เธอไม่เห็นดนุพรอยู่ชั้นล่าง คาดเดาเอาว่าเขาคงจะไปพักบนห้องแล้ว เท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดถึงกับชะงัก เมื่อเธอเหลือบไปเห็นโป่งนั่งอยู่ที่มุมห้องรับแขก เธอรีบเดินมาหาเขาทันที

“ลุงโป่ง ทำไมยังไม่ไปนอนอีกคะ ดึกมากแล้ว เห็นคุณพ่อบอกว่าลุงโป่งไม่ค่อยสบาย ทำไมไม่ไปหาหมอคะ”
เธอถาม แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวใกล้ ๆ กับเขา
“คุณเพลงครับ คุณดำมาทำไมครับ”
โป่งไม่ยอมเสียเวลา รีบถามเรื่องที่สงสัยทันที จนทำให้สีหน้าของคนที่ถูกถามนั้นถึงกับถอดสี
“เพลงไม่รู้ค่ะ คงจะมาตรวจดูสมบัติมั้ง แล้วเขาอยู่ที่ไหนคะ”
เธอบอกไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าโป่งจะเชื่อเธอเลย
“อยู่บนห้องมั้งครับ เห็นหายขึ้นไปชั้นบนนานแล้ว” โป่งบอก
“เหรอคะ” เธอรับคำแค่นั้น

“แล้วคุณเพลงยังไม่นอนอีกเหรอครับดึกมากแล้ว” โป่งถาม
“ค่ะ แต่คืนนี้เพลงจะมาทำงานส่งลูกค้าที่ห้อง ไม่ได้นอนกับคุณพ่อ สงสัยคืนนี้ลุงโป่งต้องไปนอนเป็นเพื่อนคุณพ่อเหมือนเดิมแล้วล่ะค่ะ แล้วลุงโป่งไม่ต้องบอกคุณพ่อนะคะ ว่าเขามาที่นี่” เธอรีบบอกเขา
“ครับคุณเพลง ดึกมากแล้ว ลุงว่าคุณเพลงขึ้นไปเถอะครับ ส่วนคุณท่านไม่ต้องเป็นห่วง”

เขาบอก และไม่ได้ถามเรื่องดนุพรอีกเลย เพราะเดาเอาว่า เจ้านายสาวคงจะไม่อยากให้เขาพูดถึงเรื่องนี้อีก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจการมาเยือนของดนุพรในเวลานี้อยู่มากก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะไม่เปิดปากบอกหรือถามอะไรอีก และนั่นก็คือคุณสมบัติของโป่งที่เป็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว
“ลุงโป่งคะ คุณพ่อบอกว่าลุงโป่งบ่นเจ็บหน้าอกบ่อย ๆ พรุ่งนี้ให้เพลงพาไปหาหมอนะคะ เป็นอะไรจะได้รักษาทัน” เธออดห่วงเขาไม่ได้

“โอย...ลุงไม่ตายง่าย ๆ หรอกครับคุณเพลง โรคคนแก่ คุณเพลงไม่ต้องลำบากพาลุงไปหรอกครับ เงินทองเราก็ไม่ค่อยจะมี ลำพังที่คุณเพลงหามาให้ลุงกับคุณท่านใช้ไปวัน ๆ ก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว”
เขาบอกตามความเป็นจริง เพราะเงินเดือนอันน้อยนิดที่เธอได้จากดนุพรก็แทบจะไม่พอใช้ไปเดือน ๆ อยู่แล้ว
“ลุงโป่งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เพลงมีเงินพาลุงโป่งไปหาหมอได้ งั้นเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ เพลงขอขึ้นไปชั้นบนก่อน” เธอรีบตัดบท เพราะกลัวจะเลยเวลาที่เขากำหนดเอาไว้ให้

“ครับคุณเพลง”
โป่งรับคำ แล้วก็รีบลุกออกไปจากบ้านทันที โดยมีระพีพรรณตามไปปิดประตูลงกลอน แล้วก็ตรงขึ้นไปยังชั้นบน แต่แทนที่เธอจะตรงไปยังห้องที่ดนุพรพัก เธอกลับเดินไปห้องนอนตัวเอง ที่ไม่ได้มาเยือนนานเต็มที เพราะถือว่าบ้านนี้เป็นสมบัติของเขาแล้ว ก็ไม่อยากจะย่างกายเข้าอีกเลย นอกจากจะเข้ามาเอาข้าวของส่วนตัวแค่นั้น
ไฟในห้องถูกเปิดขึ้น เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความคิดถึงไม่น้อย รูปที่วาดสะสมเอาไว้ วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเช่นเคย เธอรีบตรงไปยังห้องน้ำ เพราะรู้สึกเหนียวตัว ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับเสื้อคลุมที่ผูกเอวไว้หลวม ๆ เท่านั้น แล้วก็เห็นดนุพรยืนกอดอกดูรูปของเธออยู่ในห้อง

“เธอมาช้า” เขาหันมาบอก
“ฉันไม่ได้มาช้า ฉันมาถึงที่นี่ตามเวลาที่คุณกำหนด” เธอตอบกลับเขาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“แต่เธอไม่ได้ไปหาฉันที่ห้อง” เขาพูดและเดินตรงมาหาเธอ
“คุณไม่ได้บอกนี่คะ ว่าฉันจะต้องไปหาคุณที่ห้อง คุณบอกเพียงว่า ฉันจะต้องมานอนที่นี่ก่อนสี่ทุ่มเท่านั้น” เธอแย้งเขา
“อ้อ....ไปหาพ่อไม่เท่าไหร่ หัวหมอขึ้นมาเชียว” เขาตอบกลับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“อย่ามาว่าพ่อฉันนะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เอาล่ะ ๆ ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอ เสร็จหรือยังฉันง่วงนอนแล้ว รอเธอตั้งนาน”
เขาบอกแล้วก็รวบเอาร่างไปกอดเอาไว้หลวม ๆ
“ฉันยังไม่ง่วงค่ะ ถ้าคุณง่วงก็เชิญไปนอนก่อน ฉันจะดูอะไรที่ห้องสักพัก”
เธอบอกและดึงตัวออกจากการกอดรัด

“ใครบอกว่าฉันจะไปนอนที่โน่น ฉันจะนอนที่ห้องนี้ต่างหาก มานี่ได้แล้ว ฉันไม่อนุญาตให้เธอทำอะไรทั้งนั้น เธออย่าคิดนะว่าฉันจะอ่อนข้อให้เธอ ที่ฉันยอมให้เธอมาหาพ่อก็นับว่าเป็นความกรุณามากพอแล้วนะ มานี่”
เขาบอกและอุ้มเอาร่างเธอไปไว้บนเตียง และก็รีบตามไปโดยไม่รอช้า ระพีพรรณรู้ดีว่าไม่มีทางขัดขืนเขาได้เหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ แทบจะเรียกได้ว่างานของเธอคือเป็นเครื่องบำเรอความสุขให้กับเขา ในทุก ๆ ครั้งที่เขาต้องการ เขาแทบจะไม่หนีไปไหนเลยทั้งอาทิตย์ งานก็ให้เลขาฯ เอามาให้ทำที่คอนโด จะออกไปก็เฉพาะต้องไปพบลูกค้าสำคัญ ๆ และกลับไปหามารดาที่บ้านเท่านั้น

นอกเหนือจากนั้น เขาก็จะใช้เวลาอยู่กับเรือนร่างของเธอแทบทั้งสิ้น เหมือนกับเวลานี้ เขาโหยหาเรือนร่างที่เปล่าเปลือยของเธออีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เขาเพิ่งจะผละร่างเธอมาเท่านั้นเอง แต่เขาก็เหมือนคนที่เดินทางรอนแรมมาไกลแสนไกล ทั้งหิวและกระหายในรสสัมผัสจากคนที่เขาสั่งตัวเองให้เกลียดชัง ด้วยมีสายเลือดของศัตรูอยู่ในตัวนั่นเอง







 

Create Date : 04 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2551 7:01:18 น.
Counter : 745 Pageviews.

 

เม้นก้านหน่อยน่ะค่ะ

เดวคนเเต่งน้อยใจม่ะอับ

ออิอิ

เรื่องนี้เมื่อไหร่จะได้ครอบครองน้อเรา

เรวๆๆสิค่ะ



 

โดย: OIL IP: 58.147.61.214 4 ตุลาคม 2551 19:21:57 น.  

 

55555

ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปเสนอที่ไหนดีเลยค่ะ คุณออยจ๋า

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 202.149.24.161 4 ตุลาคม 2551 21:21:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.