Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๑๗ (ธัญรัตน์)




มือเรียวงามค่อย ๆ เอื้อมไปห่มผ้าห่มให้กับผู้อาวุโสที่หลับในท่านั่งพิงหัวเตียงอยู่ด้วยความแผ่วเบา เพราะระพีพรรณกลัวว่าจะเป็นการปลุกให้ผู้ที่หลับนั้นต้องตื่นขึ้นมาอีก
“จบแล้วเหรอแม่เพลง”
เสียงลัดดาถามขึ้นเมื่อเธอกลับลงไปนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นตามเดิม หลังจากที่ห่มผ้าให้ลัดดาเสร็จแล้ว
“ค่ะคุณท่าน แล้วคุณท่านไม่ได้หลับเหรอคะ หรือว่า....เอ่อ”
เธอตอบและรู้สึกผิดที่ทำให้ลัดดาต้องตื่นขึ้นมา หลังจากที่บ่นว่านอนไม่หลับ จนให้แตนไปตามเธอมาอ่านนิยายให้ฟังตั้งแต่สองทุ่ม จนเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มกว่า ๆ ลัดดาจึงปิดตาลงได้

“เธอไม่ได้ทำให้ฉันตื่นหรอก แต่ฉันไม่ได้หลับต่างหาก ฉันฟังเธออ่านนิยาย และจำได้ทุก ๆ ตอน”
ลัดดาบอก ทำให้หญิงสาวต้องสงบคำเอาไว้ ไม่โต้ตอบไปมากกว่านั้น เพราะเธอรู้ดีว่า ลัดดาไม่ค่อยจะชอบคนพูดมาก
“แล้วเธอว่านิยายเรื่องนี้สนุกหรือเปล่า หรือว่าคนสมัยใหม่อย่างเธอไม่อ่านนิยายเก่า ๆ พวกนี้แล้ว” ลัดดาถามต่อ
“มิได้ค่ะคุณท่าน ตอนที่อยู่เมืองนอกเพลงก็ให้คุณพ่อส่งหนังสือเก่า ๆ ของคุณแม่ไปให้ค่ะ แล้วก็อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเกือบทุกเล่มแล้วค่ะ มีแต่เรื่อง “สองฝั่งคลอง” นี่ล่ะที่เพลงยังไม่ได้อ่าน ก็เลยหยิบเรื่องนี้มาอ่านให้คุณท่านฟังด้วยค่ะ”
เธออธิบาย

“แล้วเธอว่าเป็นไง เธอชอบใครในเรื่องนี้บ้าง” ลัดดาถาม
“เพลงก็ชอบคุณทับทิม กับคุณลานค่ะ เพราะน่ารักดี รักและช่วยเหลือกันดีค่ะ”เธอตอบ
“นั่นสินะ ฟังแล้วทำให้คิดถึงเรื่องเมื่อสมัยก่อน ๆ เลย คิดถึงพ่อของลูก ๆ ฉันด้วย ถ้าเขายังอยู่ ป่านนี้เขาก็คงจะ.....”
ลัดดาหยุดพูดไว้แค่นั้น ก็มีสีหน้าที่เศร้าสร้อยจนทำให้ระพีพรรณรู้สึกผิดขึ้นมาอีกไม่น้อย

“คุณท่านคะ เพลงกราบขอโทษแทนคุณพ่อกับพี่พีด้วยนะคะ ถ้ามีอะไรที่เพลงสามารถลบล้างสิ่งที่พวกเราเคยทำไม่ดีไว้กับคุณท่านได้ เพลงก็จะทำค่ะ ขออย่างเดียวขอให้คุณท่านยกโทษให้พวกเราด้วยนะคะ เพลงกราบค่ะ”
เธอพูดและก้มลงไปกราบที่ ที่นอน ทำให้อีกฝ่ายนั้นรู้สึกตกใจ แต่ลัดดาก็รู้สึกเอ็นดูการกระทำของระพีพรรณไม่น้อย จนเผลอยกมือเพื่อหมายจะเอื้อมไปลูบศีรษะหญิงสาว แต่ก็ชะงักเอาไว้ เพราะรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะทำขึ้นมาแทนที่

“ถ้ามันเป็นสิ่งของที่ฉันสามารถยกให้เธอได้ ฉันก็คงจะทำไปแล้วนะแม่เพลง แต่นี่มันเป็นเรื่องของความรู้สึก เรื่องของความทรงจำ ถ้าสิ่งไหนมันได้ฝังลงไปในใจแล้ว ก็ยากที่จะลบล้างออกไปได้ง่าย ๆ ที่ฉันบอกเธออย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเพราะฉันจะไม่ยกโทษให้พ่อกับพี่เธอ หรือว่าจะยกโทษให้เลยเพราะมันยากนักที่จะลืม ถ้าฉันบอกว่าฉันลืม ก็เท่ากับว่าฉันโกหกตัวเอง ไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองอีก เพราะฉันก็ยังไม่ลืม เธอเข้าใจฉันนะแม่เพลง” ลัดดาอธิบายยาวยืด

“เพลงเข้าใจค่ะ แค่คุณท่านยอมรับการกราบขอโทษของเพลงวันนี้ เพลงก็ดีใจแล้วค่ะ”
ระพีพรรณบอกกับเธอด้วยสีหน้าที่มีสุขไม่น้อย เพราะแรกทีเดียวที่เธอคิดว่าลัดดาจะไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างก็เกินความคาดหมาย เพราะลัดดายอมให้เธอมานั่งอ่านนิยายให้ฟังในห้องสองต่อสอง โดยให้แตนอยู่ที่อื่นก่อน และยอมเปิดเผยความรู้สึกที่ลัดดามีว่าเป็นเช่นไร แค่นี้ เธอก็ถือว่าตัวเองได้จากผู้สูงวัยไม่น้อยแล้ว

และเธอก็แอบหวังเอาไว้นิด ๆ ว่า ลัดดาคงจะมีความรู้สึกที่ดี ๆ กับเธอได้มากกว่าวันนี้ในอีกไม่นาน เธอแอบภาวนาว่า ขอให้สิ่งที่เธอหวัง มันสมหวังก่อนวันที่จะหมดสัญญาจากที่นี่นั่นเอง
“เฮ้อ....ไม่เอาแล้ว ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องเก่า ๆ แล้ว ว่าแต่เธอเถอะอายุขนาดนี้แล้ว เธอมีใครบ้างหรือยัง”
ลัดดาเปลี่ยนเรื่องในที่สุด

“คุณท่านหมายถึง.....เอ่อ...”เธออ้ำอึ้ง
“ใช่ เธอก็ไม่ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ หมดสัญญาจากที่นี่ไปแล้ว เธอจะพาแฟนเธอมาแนะนำฉันให้รู้จักบ้าง ฉันก็ไม่ว่าอะไรนะ”
ลัดดาบอกเธอด้วยแววตาที่ไม่มีอคติกับเธอ
“เพลงยังไม่มีใครหรอกค่ะคุณท่าน”เธอตอบและยิ้มบาง ๆ
“ไม่มีหรือว่ายังเลือกไม่ได้ เขาว่าเลือกนักมักได้แร่ เธอต้องระวังไว้ดี ๆ นะ”ลัดดาถามและยิ้มให้ในที่สุด
“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแต่เพลงคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะคิดเรื่องพวกนี้ และก็ยังคิดไม่ออกค่ะ ว่าเคยมีใครเข้ามาให้เลือกบ้างหรือเปล่า” เธอตอบไป

“เธอนี่พูดเหมือนพ่อลูกชายตัวดีฉันเลยนะ รายนั้นเวลาฉันถามก็ตอบแต่ว่ายังไม่พร้อม ๆ ไม่รู้จะรอให้พร้อมถึงเมื่อไหร่ สงสัยฉันคงจะแก่ตายก่อนที่จะได้เห็นหน้าลูกสะใภ้ล่ะมั้ง”ลัดดาอดคิดถึงลูกชายคนเล็กไม่ได้
ทำให้เธอพลอยคิดไปถึงการกระทำของเขาวันนั้นด้วย เพราะรอยจูบของเขามันคอยกวนใจเธอให้รู้สึกเกลียดเขาขึ้นมาได้ไม่ยากเลย แต่บางครั้งเธอก็รู้สึกแปลก ๆ เมื่อคิดถึงรสสัมผัสของเขา มันไม่ใช่ความรู้สึกเกลียดเสียทีเดียว เธอแค่รู้สึกไม่ชอบใจเขามากกว่า
“เธอโกรธลูกชายฉันมั้ย ที่เอาเธอมาอยู่ที่นี่”ลัดดาถามเมื่อเห็นเธอเงียบไป จนทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้ง

“เพลงโกรธใครไม่ได้ค่ะคุณท่าน”เธอตอบแค่นั้น
“ถ้าเธอจะโกรธที่เขาทำกับเธอ ฉันก็ไม่ตำหนิหรอกนะ แต่เธอไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่พ่อเขาจากไป ชีวิตเขาเจออะไรมาบ้าง กว่าเขาจะขึ้นมายืนด้วยตัวเองได้จนถึงขนาดนี้ ลูกชายฉันก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดนะแม่เพลง เดือน ๆ หนึ่งฉันแทบจะไม่ได้เห็นหน้าลูกเลย เวลาไปคุมงานที่ต่างจังหวัดหน่ะ กลับมาทีก็ตัวดำเป็นตอตะโก สมแล้วที่ฉันตั้งชื่อให้ว่า “ดำ” แล้วตัวก็ผ้อมผอมนะ ข้าวคดให้กี่จาน ๆ ก็กินไม่พอ เขาบอกฉันว่า อยู่ที่โน่นไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ เลย ทำแต่งาน ตากแดดทั้งวัน เป็นเจ้าของบริษัท แต่ทำงานเหมือนกรรมกรเลย ฉันฟังแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้”

ลัดดาเล่าให้เธอฟังดวงตาฉายแววที่เอ็นดูลูกชายคนเล็กที่เธอกำลังพูดถึงไม่น้อย จนทำให้ระพีพรรณพลอยเห็นภาพเขาตามไปด้วย และมันก็ทำให้เธอรู้สึกคลายความโกรธเขาลงมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ใช่สิ....เขาก็คงจะลำบากไม่น้อยกว่าจะมาถึงขั้นนี้ และมันก็คงจะไม่ต่างจากเธอในเวลานี้สักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็คงจะโชคดีกว่าเขาที่มองเห็น ๆ ว่า ยังไง ๆ สมบัติมูลค่าห้าสิบล้านก็กองรออยู่แล้ว แต่สำหรับเขานั้น เขาคงจะต้องทั้งเหนื่อยและดิ้นรณพอสมควร”หญิงสาวคิดและเข้าใจเขาพอสมควร

“เพลงก็ขอเรียนให้คุณท่านทราบว่า เพลงก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองค่ะ”เธอตอบแค่นั้น
“แปลว่าเธอโกรธเขา”ลัดดาดักทางเธอ
“แต่ก็เอาเถอะ ฉันไม่ว่าหรอกมันเป็นความรู้สึกของเธอ ฉันไปบังคับอะไรไม่ได้”
ลัดดาบอกออกไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจระพีพรรณแต่อย่างใด
“ขอบคุณค่ะคุณท่าน”เธอไหว้ลัดดาอีกครั้ง
“เอาล่ะ วันนี้เธอกลับไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องทำสวนนี่ กว่าจะได้กลับบ้านก็คงจะหมดแรงพอดี ขอบใจมาก ๆ ที่มานั่งเป็นเพื่อนฉัน”ลัดดาบอกและก็ค่อย ๆ ขยับตัวเองให้ลงไปนอนบนที่นอน โดยมีระพีพรรณคอยช่วย


“เธอไปเถอะ ปิดไฟให้ฉันด้วย”
ลัดดาสั่งอีกครั้ง แล้วก็หลับตาลงเอาดื้อ ๆ จนระพีพรรณต้องค่อย ๆ เดินไปปิดไฟ และออกมาจากห้องนอนด้วยหัวใจที่พองโต ที่อย่างน้อย ๆ ก็ได้พูดคุยกับลัดดาบ้าง หญิงสาวออกมาก็พบว่าแตนนอนหลับอยู่หน้าทีวีทั้ง ๆ ที่ยังเปิดอยู่ เธอจึงเดินไปปิดและปิดไฟบ้านให้ทั้งหมด แล้วก็ค่อย ๆ เดินตามทางลาดจากเรือนมะลิมาที่เรือนกุหลาบโดยลำพัง

และเธอก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นดนุพรยืนกอดอกอยู่หน้าเรือนกุหลาบ หญิงสาวอยากจะโกรธเขาแต่ก็คิดถึงคำบอกเล่าของลัดดาเมื่อสักครู่จึงทำให้ความโกรธคลายลงไปได้ไม่น้อยเลย เธอได้แต่ค่อย ๆ เดินเพื่อหมายจะผ่านเขาไปเงียบ ๆ

“ฉันกับคุณแม่ไม่เหมือนกันหรอกนะระพีพรรณ”
เสียงเขาเรียกให้เธอหยุดเดินในที่สุด หญิงสาวหันมามองเขา แต่ก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรแล้วก็เตรียมหันหลังกลับเพื่อจะเดินต่อไป
“สิ่งที่เธอได้รับมันยังไม่ถึงครึ่งที่พวกฉันได้รับจากการกระทำของพ่อกับพี่เธอเลย เธอจะต้องชดใช้ให้ฉันมากกว่านี้”
เสียงเขาเรียกให้เธอหยุดอีกครั้ง หญิงสาวหันมาเพื่อจะตอบกลับเขากลับ แต่เขาก็สาวเท้ายาว ๆ กลับไปที่เรือนใหญ่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ระพีพรรณรู้สึกแปลกใจ และโล่งอกระคนกันไป

เหล้าในห้องนอนถูกเขาคว้าติดมือไปนั่งที่ระเบียงหน้าห้องทันทีที่พาตัวเองกลับมา เขาดื่มมันเข้าไปหลายแก้ว ราวกับว่าอยากให้เหล้านั้น ช่วยเพิ่มความเข้มแข็ง และให้คอยบอกเขาว่าจะใจอ่อนกับใบหน้าสวย ๆ ริมฝีปากนุ่ม ๆ ไม่ได้ เขาจะต้องไม่ลุ่มหลงกับสิ่งของต้องห้ามอย่างลูกศัตรู เขาจะต้องเอาคืนให้สาสม เขาจะต้องทำในสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วตั้งแต่ที่เธอจะมาอยู่ที่นี่ แล้วภาพที่สะเทือนใจของเขาก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

“ยายดา ๆ หยุดได้แล้วลูก โธ่...ยายดาลูกแม่”
เสียงของลัดดาที่เฝ้าคร่ำครวญบอกลูกสาวที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน และดนุพรกับเธอก็พาดรุณีมาพักที่บ้าน แต่อาการคลุ้มคลั่งก็ยังไม่หาย เป็นเหตุให้พยาบาลที่จ้างมาดูแลนั้นต่างพากันลาออกไปตาม ๆ กัน จนลัดดาต้องมาดูแลด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องเหนื่อยไม่น้อยเลย
“ปล่อยฉัน ๆ ปล่อย ช่วยด้วย ๆ ฉันกลัว อย่าทำฉันเลย อย่า ๆ ช่วยด้วย ๆ อย่า ฉันกลัวแล้ว ๆ อย่า”
ดรุณีเอะอะโวยวายแล้วก็เอามือไล่ฟาดผู้เป็นแม่ด้วยความไม่ประสา

“ยายดา ๆ พอแล้วลูก นี่แม่นะ ดาจำไม่ได้มั้ยลูก นี่แม่นะลูก”
ลัดดาเข้าไปหมายจะรวบร่างลูกสาวเอาไว้ แต่ก็ไม่ทัน เพราะดรุณีวิ่งออกจากห้องและวิ่งตรงไปที่บันไดด้วยความกลัว จนลัดดาต้องตามออกมาด้วยความห่วงลูก
“ยายดาอย่าไปลูก อย่าไป กลับมาลูก กลับมา ใครก็ได้ช่วยฉันจับคุณดาไว้หน่อย”
ลัดดาคว้าเอาแขนลูกสาวไว้ด้วยความห่วงใย
“ว้าย.....ยายดาอย่าลูก.....โอ้ย ๆ ช่วยด้วย ๆ ดำ ช่วยแม่ด้วย”
ไม่ทันที่ลัดดาจะได้ขอความช่วยเหลือจากใคร ร่างก็ถลาตกกลิ้งลงไปตามบันไดและนอนหมดสติอยู่ที่พื้น

“คุณแม่ ๆ .....ยายดา”
ดนุพรที่เพิ่งจะจอดรถได้และรีบเดินเข้ามาเห็นแม่นอนฟุบอยู่หน้าบันได และน้องสาวก็ลงไปนั่งขดตัวอยู่ข้าง ๆ ร่างแม่ เขาตกใจรีบวิ่งไปคว้าเอาร่างแม่
“คุณแม่ ๆ คุณแม่เป็นอะไรไปครับ”
เขาร้องเรียกแม่ด้วยความห่วงใย แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นในบ้านของเขาอีกครั้ง เมื่อเด็กรับใช้ที่เขาเพิ่งจ้างมาต้องช่วยงาน ต้องวิ่งจับน้องสาวเขา และเขาเองก็ต้องพาแม่ไปโรงพยาบาล เขารู้สึกสับสนและโกรธเกลียดคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องขึ้นเป็นที่สุด

“หมอเสียใจด้วยนะครับที่ช่วยคนไข้ได้แค่นี้ แต่ญาติไม่ต้องเป็นนะครับ ถ้าคนไข้ทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ ก็คงจะพอมีทางรักษาได้บ้าง แต่หมอก็ให้ความหวังไม่ได้ครับ”
เสียงของแพทย์เจ้าของไข้กล่าวกับเขาหลังจากที่ลัดดาได้รับการรักษาและฟื้นขึ้นมาแล้ว และเขาก็พบว่าแม่ของตัวเองนั้นไม่สามารถเดินได้ตามปกติได้อีกแล้ว เขาไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะถามอะไรหมออีกต่อไปแล้ว ได้แต่เดินอย่างหมดอาลัยเข้าไปใกล้ ๆ แม่ที่นอนร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอยู่อย่างนั้น นับตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมาและรับรู้ว่าขาทั้งสองข้างไร้ซึ่งความรู้สึก

“คุณแม่”
เขาทรุดตัวลงไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ เตียงของแม่ แล้วก็ก้มลงกอดร่างแม่และร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าสลดใจ กับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ประดังเข้ามาในครอบครัวของเขา
“ดำช่วยแม่ด้วยลูก แม่กลัว ๆ ทำไม ๆ ทำไมเราต้องเจอเรื่องร้าย ๆ ไม่รู้จักจบสิ้นด้วย บอกไม่ได้มั้ยว่าทำไม”
ลัดดาโอบกอดร่างเขาไว้และร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“ผมขอโทษครับที่ผมมาช้าไป ถ้าผมมาหาคุณแม่เร็วกว่านี้ คุณแม่ก็คงจะไม่ถูกยายดาผลักตกบันได และก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ผมขอโทษครับคุณแม่ ผมขอโทษ”
เขาร่ำร้องขอโทษผู้เป็นแม่ และกอดร่างแม่เอาไว้

“อย่าโทษตัวเองเลยลูก คนที่ดำควรจะโทษคือคนที่ทำให้ยายดาเป็นแบบนี้ และก็ยังลอยนวลอยู่เหนือกฏหมายด้วยอำนาจเงินของมัน แม่เกลียดมัน เกลียดพวกมัน แม่เกลียด ๆ ทำได้ยินมั้ยว่าแม่เกลียดพวกมัน”
ลัดดาร้องไห้และโกรธเกลียดคนที่พูดถึงเป็นที่สุด
“ผมจะต้องแก้แค้นพวกมันให้ได้ คุณแม่คอยดู มันจะต้องได้ลิ้มลองรสชาติของความเจ็บปวดที่มันทำกับเรา และผมจะเป็นคนเอาไปคืนให้พวกมันอีกเป็นร้อยเท่า”เขาอาฆาตผู้ที่เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องด้วยความเคียดแค้น
แก้วเหล้าในมือถูกขว้างไปกระทบกับผนังระเบียงอย่างแรง เมื่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาเนิ่นนานปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาอีก สายตาที่อ่อนโยนต่อทายาทของศัตรูในหลาย ๆ ครั้งที่เคยมี มันเปลี่ยนเป็นสายตาที่ชิงชัง เคียดแค้นอีกครั้งหนึ่ง

“แกจะต้องชดใช้ให้ฉัน ไอ้กำพล แกจะต้องได้ลิ้มลองรสชาติของความเจ็บปวดเหมือน ๆ กับฉัน”
เขาพร่ำบอกตัวเอง แล้วก็ยกขวดกรอกเหล้าเข้าปากอย่างไม่รู้จักเมามาย



“ระพีพรรณ พอส่งคุณดอนที่โรงเรียนเสร็จแล้ว ช่วยเอาแฟ้มเอกสาร ไปให้คุณดำที่ออฟฟิศด้วย รีบไปนะ คุณดำรอใช้อยู่ แล้วก็ให้สมพรกลับมาก่อน เพราะฉันจะพาคุณท่านไปหาหมอ ส่วนเธอคุณดำสั่งให้รอเพราะจะให้ไปทำธุระให้ก่อน”

นิตยารีบเดินตรงมาหน้าบ้านทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากดนุพร ที่โทรมาสั่งเอาไว้ เพราะวันนี้เขารีบเข้าออฟฟิศ ระพีพรรณรับเอาแฟ้มเอกสารสามสี่แฟ้มที่ดูจะหนักไม่น้อย แล้วก็รีบขึ้นรถที่มีสมพร และดอนรออยู่แล้ว
สมพรขับรถเร็วกว่าทุกวัน และรีบส่งดอนที่โรงเรียน แล้วก็พาระพีพรรณไปส่งที่ออฟฟิศของดนุพร แล้วก็ให้ระพีพรรณรออยู่ที่นั่นก่อน ส่วนเขาก็รีบกลับมาตามคำสั่งของนิตยา

“คุณดำบอกว่าให้คุณเอาแฟ้มไปให้ตามที่อยู่นี้ค่ะ เพราะวันนี้ยังไม่ได้เข้าออฟฟิศเลย เดี๋ยวคุณคงจะต้องนั่งแท็กซี่ไปนะคะ”
เมธิตา เลขานุการของดนุพร รีบบอก และยื่นกระดาษที่มีที่อยู่ให้ หลังจากที่เห็นเธอหอบเอกสารเดินมาหา เมธิตาก็เดาได้ว่าเป็นใคร เพราะเจ้านายหนุ่มได้โทรมาสั่งเอาไว้ ตั้งแต่เช้า ตั้งแต่เขายังไม่ได้เข้าออฟฟิศด้วยซ้ำ
“แล้วไม่ทราบว่า อยู่ไกลจากที่นี่หรือเปล่าคะ”
ระพีพรรณถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะกลัวจะเอาของไปให้ดนุพรไม่ทันใช้

“ก็ไม่ไกลมากหรอกค่ะ ตอนนี้รถไม่ติดเท่าไหร่ แต่เมย์ว่าคุณรีบไปเถอะนะคะ” เมธิตารีบแนะนำ
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ระพีพรรณไม่ลืมที่จะยิ้มให้กับคนที่เธอสนทนาด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามด้วยซ้ำ แต่ถ้าจะให้เดาเธอก็คงจะเป็นเลขาของเขา และมีชื่อเล่นว่า เมย์ เท่านั้นเอง แล้วเธอก็รีบผละจากไปด้วยความรีบร้อน

รถแท็กซี่เข้ามาจอดหน้าคอนโดหรูที่ไม่ไกลจากออฟฟิศของดนุพรมากเท่าไหร่ ในความคิดของระพีพรรณเขาก็คงจะมีเอาไว้ เวลาไม่อยากกลับบ้านนั่นเอง ทันทีที่จ่ายค่าแท็กซี่เสร็จ เธอก็ตรงไปยังหน้าเค้าเตอร์หาเจ้าหน้าที่คอนโด และก็ได้รับการแนะนำให้ขึ้นลิฟท์ไปตามที่อยู่ที่ได้มาทันที ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย ประตูห้องถูกเคาะสองสามครั้ง

“มาแล้วเหรอ เอาไปไว้ที่โต๊ะทำงานฉันได้เลย”
ดนุพรในชุดที่ไม่เป็นทางการ คือกางเกงกีฬากับเสื้อยืดสั่ง หลังจากที่เดินมาเปิดประตูห้องให้เธอด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่ระพีพรรณก็ไม่ค่อยได้สนใจ เพราะเธอเคยชินกับสีหน้าของเขาแล้ว
“เขาคงจะงานยุ่งมาก ถึงไม่ได้กลับไปนอนบ้านเมื่อคืนนี้” นั่นคือความคิดของเธอ

“เห็นคุณนิตยาบอก ว่าคุณจะให้ไปทำธุระให้ ไม่ทราบจะให้ไปเลยหรือเปล่าคะ”
เธอถาม หลังจากแฟ้มต่าง ๆ ถูกกองไว้ที่โต๊ะ และมีเขาเดินมานั่งทำงานตามปกติ
“อ๋อ....ใช่ เดี๋ยวเธอช่วยไปทำอะไรให้ฉันกินหน่อยได้ไหม เพราะฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว”

เขาบอกโดยไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ เพราะก้มหน้าก้มตาทำงานที่เร่งรีบอยู่ ส่วนเธอก็ไม่อยู่รอเซ้าซี้เขาอีก รีบไปเข้าครัวตามที่เขาสั่ง แล้วเธอก็ทำอาหารเช้าแบบง่าย ๆ คือไข่ดาว ไส้กรอกทอด ขนมปังปิ้ง พร้อมกับกาแฟ ซึ่งเป็นอาหารที่เขาจะกินบ่อยครั้ง ไม่นานเธอก็จัดเตรียมไปไว้ให้เขาที่โต๊ะ

อาหารเช้าถูกจัดการไปเรียบร้อย โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไรกับเธอแม้แต่คำเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นปกติของเขาที่แทบจะไม่เคยญาติดีกับเธอมา ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน จนถึงวันนี้ที่เธออยู่กับเขามาเกือบจะสี่ปีแล้ว ซึ่งเธอเดาเอาว่า เขาคงจะจินตนาการไม่ออกหรอกว่าเธอดีใจแค่ไหน ที่อีกไม่นาน เธอจะได้หลุดพ้นจากโลกของเขาเสียที....เขาผละไปอาบน้ำ ส่วนเธอก็จัดการกับถ้วยชามจนเสร็จ ก็พอดีที่เขาออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่ใช่ในชุดทำงาน
“ไม่ทราบว่าคุณจะให้ดิฉันไปทำธุระที่ไหนคะ” เธอถามอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่างานที่ต้องกลับไปทำที่บ้านนั้น รอเธออยู่

“ทำไมเหรอ....เธอจะรีบไปไหนกัน”
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก บ่งบอกให้เธอรู้ว่าอารมณ์เขากำลังขุ่นข้องกับเรื่องที่ได้ยินจากเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้ได้ว่า เขาไม่พอใจ
“เปล่าค่ะ ดิฉันกลัวว่าจะกลับไปทำงานที่บ้านไม่ทันแค่นั้นค่ะ” เธออธิบายให้เขารับรู้
“เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันสั่งที่บ้านเอาไว้แล้ว ว่าวันนี้เธอจะไม่กลับไปบ้านหรอก เพราะเธอจะต้อง.....”
เขาหยุดพูดแค่นั้น แล้วก็เดินตรงมาหาเธอที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก
“ทำไมคะ” เธอถามด้วยความสงสัย

“ก็เพราะว่าเธอ กำลังจะทำงานสำคัญกับฉันหนะสิ และงานนั่นก็คือ การส่งสารสำคัญไปให้พ่อกับพี่เธอไง”
เขาบอกด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เหมือนกับคนที่ได้เตรียมคำพูดเหล่านี้เอาไว้แล้ว
“คุณหมายความว่ายังไงคะ แล้วส่งสารอะไร ดิฉันไม่เข้าใจ”
เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เขาบอก แต่ก็รับรู้ได้ว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
“ก็ฉันกำลังจะทำให้พ่อกับพี่เลว ๆ ของเธอได้รับรู้ว่า การที่มีลูกกับน้องสาวถูกข่มขืนจนเป็นบ้า มันรู้สึกยังไงหนะสิ.....และเธอก็จะต้องเป็นสารให้ฉันไง” เขาบอกและคว้าเอาข้อมือเธอ ลากเดินตรงไปที่ห้องทันที

“คุณหมายความว่ายังไง ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ ปล่อย”
เธอขัดขืนเขาด้วยแรงที่มี แต่ก็ทานแรงเขาไม่ได้ จนร่างแทบจะปลิวไปตามแรงของเขาก็ว่าได้ เธอรีบเอามืออีกข้างยึดขอบประตูเอาไว้ พร้อมกับพยายามจะสบัดแขนออกจากแรงฉุดของเขา
“มานี่....” ดนุพรเข้ามาโอบร่างเธอเอาไว้ และแกะมือออกจากประตู
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เธอร้องขอความช่วยเหลือทันทีที่มือถูกเขาฉุดให้หลุดจากการยึดเหนี่ยว
“โอ้ย....”

แขนที่คว้าเธอเอาไว้ ถูกฟันของเธอกัดเข้าเต็ม ๆ จนต้องร้องออกมาเพราะความเจ็บ และก็ปล่อยร่างเธอให้หลุดมือไป เธอตั้งสติได้ รีบวิ่งหนีออกมาจากห้องและตรงไปยังประตูทันที เพื่อหมายหนีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เธอวิ่งออกจากห้องได้สำเร็จ แต่ก็หนีมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกเขาวิ่งมาคว้าเอาแขนได้ทัน

“จะไปไหน มานี่ เธอหนีไม่พ้นฉันหรอก”
“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เธอร้องขอความช่วยเหลือจากห้องข้าง ๆ จนแทบจะสุดเสียง แต่ก็เปล่าประโยชน์ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่ห้อง หรือได้ยินเสียงเธอเลย ไม่นานตัวเองก็ถูกเขาลากเข้ามาในห้อง และปิดประตูทันที เขารวบมือสองข้างของเธอเอาไว้ พร้อมกับลากเธอไปในห้อง และโยนร่างเธอไปที่เตียงทันที โดยที่เขาไม่รอช้าที่จะตามขึ้นกดแขนเธอเอาไว้

“เธอจะร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกนะ เธอไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าเวรกรรมหนะมันมีจริง พวกเธอทำกรรมอะไรไว้กับพวกฉัน กรรมนั้นมันก็กำลังจะตอบสนองไง ไม่มีใครมาช่วยได้หรอกนะ”
“ฉันไปทำอะไรให้พวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ปล่อยฉันนะ คุณมันบ้า ปล่อย”
เธอด่าเขาด้วยความรู้สึกโกรธและกลัวระคนกันไป

“ใช่เธอไม่ได้ทำ แล้วน้องฉันล่ะ ไปทำอะไรให้พี่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอจะต้องเป็นสารให้ฉันส่ง”
เขาบอก และไม่ทันที่เธอจะได้ตอบโต้อะไร เรียวปากก็ถูกเขาปิดด้วยริมฝีปากหนานุ่มของเขา หญิงสาวดิ้นรนหาอิสระด้วยแรงที่พอจะเหลืออยู่ พลางมือสองข้างก็ใช้เล็บหยิกไปที่แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ
“โอ้ย....” เขาเริ่มโกรธเพราะความเจ็บปวดและตรงแขนก็มีรอยเล็บจากการจิกจนมีเลือดซิบ ๆ ออกมา

“ปล่อยฉันนะ คุณมันบ้า ฉันเกลียดคุณ ปล่อย” เธอร้องออกมาด้วยความโกรธเขา
“ปล่อยเหรอ....นี่ไงปล่อย”

เขาต่อปากต่อคำกับเธอ พร้อม ๆ กับมือก็กระชากชายเสื้อจนกระดุมหลุดออกไปหลายเม็ด แล้วเขาก็ไม่รอช้า รีบทาบร่างลงไปบนร่างเธออีกครั้ง และระดมจูบไปอีกครั้ง เรียวปากเธอถูกบดขยี้อย่างรุนแรงด้วยความโกรธของเขา มืออีกข้างของเขาไม่รอช้าที่จะปลดกระดุมเม็ดที่เหลือออกไป แล้วเขาก็สอดมือเข้าไปใต้บราเพื่อเคล้าคลึงหาความนุ่มจากอกอวบอิ่มของเธอ

หญิงสาวรู้สึกได้จากความโกรธของเขา ผ่านความรุนแรงที่บดลงไปบนเรียวปากของเธอ เรี่ยวแรงที่จะเอามาต่อสู้กับเขานั้น มันแทบจะไม่หลงเหลืออีกแล้ว
เพราะมืออีกข้างของเขากดข้อมือเธอไว้กับที่นอน ส่วนมืออีกข้างของเธอที่พอจะต่อสู้เขาได้ ก็ยังคงจิกและทุบไปที่หัวไหล่ของเขา แต่มันก็แทบจะไม่ระคายผิวเขาด้วยซ้ำ ไม่นานท่อนล่างของเธอก็ปราศจากอาภรณ์ใด ๆ ปกปิดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขา แล้วหญิงสาวก็รับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า คงจะไม่สามารถทานแรงของเขาได้อีกต่อไปแล้ว

น้ำตาแห่งความเจ็บปวดมันเริ่มไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้น จะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ จมูกของเขาชอนไช ซอกซอนไปตามคองามระหง แล้วลงมาหยุดที่บัวคู่งามทันทีที่บราตัวน้อยหลุดติดมือเขาและขว้างไปโดยไม่ได้สนใจทิศทาง หญิงสาวหลับตาพริ้มลงด้วยความอาย เมื่อเขาใช้สายตาเชยชมเรือนร่างที่เปล่าเปลือยของเธอ แล้วเรียวปากก็ถูกเขาก้มลงมาดูดดื่มอีกครั้ง แต่ก็ผิดจากครั้งก่อน ๆ เพราะสัมผัสเขาแผ่วเบา นุ่มนวล

เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รู้สึกวาบหวิวกับสัมผัสของเขาไม่น้อย ในเวลาเดียวกันเธอก็สัมผัสได้ว่า ร่างของเขาบัดนี้ ไม่มีอาภรณ์ใด ๆ ปกปิดไว้อีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง เมื่อความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่กำลังจะสูญเสียไปให้กับเขา

“ได้โปรดเถอะค่ะคุณดำ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ คุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณในวันนี้ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันขอร้อง” เธอตัดสินใจอ้อนวอนเขาเป็นวาระสุดท้าย เพราะคาดหวังว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจ
“เธอกำลังขอร้องไม่ให้ฉันกินน้ำ ทั้ง ๆ ที่ฉันรู้สึกหิว และมันก็ตั้งอยู่ตรงหน้าฉันอย่างนั้นเหรอ มันไม่มีประโยชน์หรอกนะเพลง มันสายไปแล้ว มันสายไปตั้งแต่วันแรกที่เธอตัดสินใจ เข้ามาทำงานที่บ้านฉันด้วยซ้ำ”

เขาบอกเธอ และปากหนานุ่มก็ปิดเรียวปากเธออีกครั้ง เพื่อหยุดการร้องขอจากเธอ เขารู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกกับความสุขที่ได้รับจากเรือนร่างของเธอ เพราะร่างเปล่าเปลือยของเธอนั้น มันเต็มไปด้วยสิ่งที่หน้าค้นหา และน่าลิ้มลองเหลือเกิน ผิดกับหญิงหลาย ๆ คน ที่เขาได้ผ่านมือมา หรือมันอาจจะเป็นเพราะเธอมีเลือดของศัตรูที่เขาเกลียดและอยากทำลายอยู่เป็นทุนเดิมแล้วก็เป็นได้

“เธอไม่รู้เหรอ ว่าฉันดีใจแค่ไหน ที่เห็นเธอเดินเข้ามาขอผ่อนผันหนี้ตั้งแต่วันแรก และเธอคงคิดไม่ออกหรอก ว่าฉันรอคอยวันนี้มานานแค่ไหน”
นั่นคือคำพูดของเขาที่สื่อไปถึงอะไรหลาย ๆ อย่างจากความคิดของเขาเพื่อให้เธอรับรู้ แต่เธอก็ไม่สนใจที่จะตีความใด ๆ อีกแล้ว เพราะรู้ดีว่ามันหาประโยชน์ไม่ได้เลย มือของเขาลูบไล้ไปแทบทุกสรรภางค์ บัวคู่งามถูกปากนุ่มเขาครอบครองเอาไว้โดยไม่คิดจะคำนึงว่าเจ้าของที่เฝ้าหวงแหนเอาไว้นั้น จะเสียใจแค่ไหน สิ่งที่เธอเก็บรักษามาทั้งชีวิต โดยที่ไม่เคยมีใครเข้ามาแผ้วพาน

บัดนี้มันได้ถูกค้นพบและรุกรานจากเขา แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ที่เห็นดวงตาเธอปิดลงเพื่อรับสัมผัสที่เขามอบให้ และมันก็ส่งสัญญาณให้เขารู้ว่า เธอกำลังพ่ายแพ้ต่อกฏเกณฑ์ธรรมชาติที่สร้างเอาไว้ เขายกแขนเธอทั้งสองข้างให้มาโอบหลังเขาไว้ และดูเหมือนว่าเธอจะทำตามอย่างว่าง่าย และปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่เขาจะสั่งการ
ระพีพรรณรู้สึกโกรธตัวเองยิ่งนัก ที่ยอมทำตามที่เขาร้องขอ แต่เธอก็คือมนุษย์ปุถุชน ที่ยากจะต่อต้านกับความสุขที่เขากำลังจะมอบให้นี้ เธอปล่อยให้เขาครอบครองเรือนร่างของเธอเอาไว้ ตามแต่เขาจะปรารถนาที่จะหาความสุขจากมัน

น้ำตาแห่งความเสียใจ กับสิ่งที่ได้สูญเสียไปนั้น มันไหลออกมาด้วยยากที่จะหักห้ามเอาไว้ได้ พร้อมกับถามตัวเองตลอดเวลา ว่าทำไมเรื่องร้าย ๆ ที่เธอไม่คาดคิดจะต้องเกิดขึ้นกับตัวเธอในวันนี้ แล้วนี่เธอจะทำยังไงดี เธอจะหาความภาคภูมิใจอะไรอีกในชีวิตของตัวเอง การสูญเสียในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตของเธอเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกับผู้ชายที่เกลียดชังเธอที่เป็นสายเลือดของผู้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาแล้ว

เธอยิ่งไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย และเธอก็รู้ดีว่าสิ่งที่เธอเสียไปนั้น ไม่ได้เป็นความต้องการในรูปแบบของความรัก มันยิ่งทวีความเจ็บปวดเหลือคนานับ หากจะคิดไปถึงเรื่องของดรุณี เธอก็คิดว่าดรุณีก็คงจะรู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากเธอในเวลานี้อย่างแน่นอน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาถึงได้ต้องการสร้างความเจ็บปวดให้เธอยิ่งนัก

เขาไม่รู้หรอกเหรอว่า แค่เธอต้องมารับใช้เขาและคนในครอบครัว และถูกเขากับคนรอบข้างกดขี่ เพียงแค่นี้ ทั้งพ่อและพี่ชายของเธอก็ได้รับความเจ็บปวดไม่น้อยแล้ว ยิ่งคิดน้ำตาแห่งความเสียใจมันก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุด หญิงสาวไม่ได้สนใจความเคลื่อนไหวของดนุพรที่ลุกขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอแม้แต่คำเดียว

ทันทีที่ร่างเขาลับหายเข้าไปในห้องน้ำ.....ร่างที่แทบจะไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงของเธอ ค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุกจากเตียง และคว้าเอาเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้นขึ้นมาใส่เอาไว้อย่างช้า ๆ กระดุมเสื้อที่ขาดร่วงด้วยแรงกระชากของเขา มันทำให้เธอคิดไม่ออกว่าจะไปจากที่นี่ได้ยังไงโดยที่ไม่ให้ใครสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจำต้องไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อควานหาเสื้อผ้าของเขา ที่พอจะเข้ากับร่างที่เล็กบอบบางของเธอ

ในที่สุดก็ได้เสื้อยืดที่เธอคิดว่าเล็กที่สุดแล้ว แต่เมื่อสวมเข้าไปก็ดูเหมือนลูกเอาเสื้อพ่อมาใส่อยู่ดี แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจใด ๆ เลย เพราะในความคิดก็คือจะต้องออกไปให้พ้น ๆ จากห้องนี้ จากหน้าเขา...ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก แล้วเขาก็ออกมาโดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวห่อร่างเอาไว้ เขาไม่ได้ใส่ใจกับเธอเลยด้วยซ้ำในความรู้สึกของเธอ เสื้อผ้าชุดทำงานถูกเขาใส่อย่างรวดเร็ว

“เธอจะไปไหน” เขารีบวิ่งมาคว้าข้อมือของเธอที่เดินมาเกือบจะถึงประตูแล้ว
“ปล่อยฉันจะกลับบ้าน” เธอบอก และสะบัดข้อมือออกจากการยึดของเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ
“กลับบ้านเหรอ บ้านใคร บ้านฉันหรือบ้านเธอ” ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ออกจะเยาะเย้ยในที
“ฉันจะกลับบ้านฉัน”
“ทำไมเป็นบ้านเธอ วันนี้เพิ่งจะวันจันทร์ และเธอก็เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ เธออย่าคิดนะ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ จะทำให้เธอได้อภิสิทธิ์อื่น ๆ อีก ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฏเหมือนเดิม มานี่”
สิ้นเสียงของเขา เธอก็ถูกลากไปที่ห้องนอนเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ เธอไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว

“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เธอจะต้องอยู่ที่นี่” ร่างเธอเซไปที่เตียงตามแรงผลักของเธอ
“ทำไมฉันจะต้องอยู่ที่นี่ ฉันจะกลับบ้าน และจะกลับบ้านของฉัน ทุกอย่างมันจบแล้ว คุณทำผิดสัญญา”
เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเรียบ และไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
“สัญญาอะไรไม่ทราบ” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่แพ้กัน
“ในสัญญาระบุเอาไว้ ว่าถ้าฉันถูกระทำ.....เอ่อ....” เธอพูดไม่ออกด้วยความรู้สึกอาย และเสียใจพอ ๆ กัน
“ว่าฉันข่มขืนเธอหนะเหรอ” เขารู้ทันความคิดเธอ

“ใช่ คุณพิสิทธิ์บอกฉันว่าสัญญาจะต้องเป็นโมฆะทันที หวังว่าคุณคงจะไม่ลืม”
เธอบอกเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ดีใจกับสิ่งที่กำลังจะได้รับเลยแม้แต่น้อย
“หัวหมอไม่เบานี่เธอ เชื้อไม่ทิ้งแถวจริง ๆ แล้วเธอมีหลักฐานอะไรว่าฉันทำ เธอจำไม่ได้เหรอ ว่าในสัญญาบอกว่า โดนกระทำและต้องพิสูจน์ได้ว่ามันจริง” เขาพูดด้วยสีหน้าของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“คุณหมายความว่ายังไง” เธออดที่จะสงสัยไม่ได้

“ฉันก็หมายความว่า ไอ้การที่เธอจะเที่ยวไปบอกใคร ๆ ว่าฉันทำอะไรกับเธอน่ะ ไม่มีใครเขาเชื่อเธอหรอก ไหนล่ะพยานของเธอ แล้วหลักฐานล่ะ จะว่าไปแล้วหลักฐานก็พอจะมีบ้างนะ แต่เธอจะต้องไป...เอ่อ...ไปเปิดอะไร ๆ ของเธอให้หมอดูก่อนนะ แล้วหมอก็จะต้องพิสูจน์ว่าเธอเสียอะไรไปบ้าง แล้วฉันจะบอกให้นะ ให้ฉันดูน่ะ ดีกว่าให้หมอดูเป็นไหน ๆ เธอว่ามั้ย”
เขาเยาะเย้ยเธอด้วยความสะใจ และคำพูดของเขามันก็ทำให้เธอนึกขึ้นได้ และจินตนาการออกว่าจะต้องเป็นยังไง แต่ถ้ามันจำเป็นเธอก็จะต้องทำ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ก็คือ ทำยังไงตัวเองถึงจะออกไปจากที่นี่ได้

“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ฉันเกลียดคุณ” เธอไม่รู้ว่าจะต่อกรณ์กับเขายังไง
“ฉันเก่งต่างหาก” เขาบอกเธอ
“ฉันจะกลับบ้าน” เธอบอกและเดินหนีเขาไป
“บ้านใคร” เขารีบเดินไปขวางประตูเอาไว้
“แล้วฉันจะกลับไปไหนได้อีก”
คำตอบเธอทำให้เขายิ้มออกกับชัยชนะของตัวเอง แต่เขาคงไม่รู้หรอกว่าในใจเธอมีจุดหมายที่จะไปอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนมันจะต้องไม่ใช่บ้านเขาเป็นแน่
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เธอจะต้องอยู่ที่นี่ กับฉัน จนกว่าฉันจะอนุญาตให้เธอกลับ”
เขาบอกด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่คนฟังนั้นมีอาการตรงกันข้าม

“คุณหมายความว่ายังไง” เธอถามออกมาด้วยความผิดหวัง ที่คิดว่าเขาจะปล่อยให้เธอกลับไปง่าย ๆ แต่แรก
“ก็หมายความว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่ กับฉัน ไปไหนไม่ได้ ไม่ว่าบ้านเธอหรือบ้านฉัน จนกว่าฉันจะให้เธอไปหนะสิ”
“คุณยังต้องการอะไรอีก ในเมื่อทุกอย่างคุณก็ได้ไปแล้ว และฉันก็ไม่คิดจะเอาความคุณแล้ว คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ หลีกทางนะฉันจะกลับบ้าน” เธอบอกด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก

“ก็ตามใจนะ ถ้าเธออยากจะให้พ่อกับพี่เธอรู้เรื่องของเรา”
เขาพูดและยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบบางอย่างติดมือมาด้วย แล้วหันมาหาเธอที่แทบจะไม่อยากมองหน้าเขาเลย
“เธอเห็นนี่ไหม ไอ้นี่เขาเรียกว่ากล้องวีดีโอ และไอ้บทรักที่เร้าร้อนที่ฉันมอบให้เธอเมื่อกี้ มันก็อยู่ในนี่แล้ว ถ้าเธอก้าวออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว ฉันรับรองได้เลย ว่าพ่อและพี่ของเธอจะต้องได้ดูมันแน่ ๆ อ้อ...จริงสิ แฟนหน้าตี๋ของเธออีกคนด้วย แถมกลุ่มเพื่อน ๆ เธอที่เรียนนอกมาด้วยกันด้วยนะ เธอคงไม่คิดว่าฉันจะหาวิธีส่งภาพพวกนี้ให้เขาดูไม่ได้นะ เพราะเธอก็รู้ดีว่า แม่มิ้น กับแม่เป๊กกี้น่ะ พร้อมที่จะให้ข้อมูลเพื่อน ๆ เธอได้อยู่แล้ว เลือกเอาก็แล้วกัน ว่าจะอยู่ที่นี่กับฉัน หรือจะเป็นดาราหน้ากล้อง”

สีหน้าของความมีชัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาอีกคำรบหนึ่ง และมันก็ทำให้ระพีพรรณรู้สึกโกรธและเกลียดเขาได้ไม่ยากขึ้นมาอีกเลย“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ฉันเกลียดคุณ ได้ยินมั้ย ฉันเกลียดคุณ” เธอด่าเขาด้วยความเหลืออด

“เรื่องพวกนี้ฉันก็เรียนรู้มาจากพ่อกับพี่เลว ๆ ของเธอนั่นล่ะ เธออย่ามาด่าฉันนะ ถ้าเทียบกับการกระทำของพี่เธอแล้ว ที่ฉันทำกับเธอมันยังห่างไกลกันนัก กับเรื่องที่มันทำกับยายดา เธอเองก็เห็นนี่ ว่าผลมันออกมายังไง เธอโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ฉันไม่ได้เรียกเพื่อน ๆ มาลงแขกเธอหนะ มีผู้หญิงอีกหลาย ๆ คน ที่พยายามทอดร่างให้ฉัน แม้กระทั่งเพื่อนเธอ แต่ฉันยังไงไม่สนใจเลย เธอน่าจะภูมิใจนะ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าฉันจะรักหรือพิศวาสเธอหรอกนะ อย่างเธอหนะ ไม่ใช่สเปคฉันหรอก”
เขาพูดด้วยสีหน้าที่ชิงชังเธอนัก

“ฉันเกลียดคุณ” เธอไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่าทอเขาอีก
“มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ฉันเกลียดพวกเธอหรอกนะ เอาล่ะ ฉันจะไปทำงาน ส่วนเธออยู่ที่นี่ และทำอาหารเย็นไว้ให้ฉันด้วย ฉันจะกลับมานอนที่นี่ อ้อ..แล้วไม่ต้องหาไอ้นี่หรอกนะ มันอยู่กับฉันแล้ว”
เขาพูดและยกมือถือของเธอที่เขาแอบเอาไปเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“และก็ไม่ต้องพยายามจะหาทางหนีไปไหนหรอกนะ เพราะระบบโทรศัพท์ที่นี่ถูกล็อคเอาไว้แล้ว ฉันหวังว่ากลับมาตอนเย็น คงจะมีอาหารตั้งรอที่โต๊ะ เธออย่าลืมนะ ว่าสิ่งที่ฉันบอกเธอไป ฉันทำจริง ส่วนผลที่จะตามมา เธอเป็นคนเลือกเองทั้งหมด”
จบคำพูดเขาก็ถือเอาข้าวของออกไปจากห้องทันที แต่ไม่ได้ล็อคด้านนอกเอาไว้ ประหนึ่งว่าต้องการที่จะทดสอบอะไรที่เขาอยากจะรู้ แต่พอลงไปที่หน้าเค้าเตอร์เขาก็สั่งอะไรกับพนักงาน และหัวหน้า รปภ. ก่อนจะขับรถออกไป

ร่างของเขาที่ลับออกไปจากห้องโดยที่ไม่สนใจที่จะรอต่อล้อต่อเถียงกับเธออีก ระพีพรรณหันไปเห็นแฟ้มเอกสารที่เธออุตส่าห์หอบมาให้เขานั้น เขาไม่ได้สนใจมันด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันคงจะถูกเขาเตรียมเอาไว้แล้ว คิดได้แค่นั้น ขาของเธอก็แทบจะหมดแรงจนร่างทั้งร่างทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น พร้อม ๆ กับน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้มันก็ไหลออกมาโดยอัตโนมัติเพื่อฟ้องความอ่อนแอของตัวเอง

แล้วเธอก็ตระหนักว่า เขาเห็นเธอและคนในครอบครัวเป็นศัตรูเขาจริง ๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแม้แต่น้อย แต่มันเกิดขึ้นจากความจงใจของเขา แล้วเธอจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้เขาไปอีกเท่าไหร่ ถ้าเขาให้สัญญาณการต่อสู้กับเธอสักนิด เธอเชื่อว่าด้วยความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา คงจะพอต่อกรกับเขาได้ แล้วเธอจะทำยังไงดี จะให้ทุกคนรับรู้เรื่องราวเพื่อแลกกับอิสระและทุกอย่างที่เป็นของเธอคืน

หรือปล่อยทุกอย่างให้เป็นความลับต่อไป แล้วถ้าเธอเลือกอย่างแรก พ่อที่แทบจะหาความสุขไม่ได้จะรู้สึกยังไงที่ลูกสาวที่พ่อรักและหวงยิ่งกว่าชีวิตต้องถูกระทำอย่างนี้ พี่ชายที่ทนทุกอยู่ในคุกจะเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อรู้เรื่องนี้ แล้วคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นคนที่เธอรักเขาจะคิดอะไร เขาจะเก็บงำสิ่งที่เขารู้ให้เธอได้มากแค่ไหน หญิงสาวต้องกุมขมับด้วยความปวดหัวกับทางออกที่ดูเหมือนจะต้องแลกกับสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของตัวเอง
“เธอจะทำยังไงดีเพลง เธอจะทำยังไงดี” เธอพูดกับตัวเอง และร่ำไห้ออกมาด้วยความคับแค้น

สายน้ำจากฝักบัวที่โปรยปรายลงมานานเท่าไหร่หญิงสาวไม่ได้คำนึงถึง เธอหวังเพียงอยากจะให้มันทำหน้าที่ชำระล้างร่างกายให้ขาวสะอาดตามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้มันมีหน้าที่นี้ แต่มันคงไม่รู้หรอกว่า ต่อให้น้ำทั่วทั้งปฐพีก็ไม่อาจจะชำระล้างสิ่งสกปรกที่มันฝังอยู่ในจิตใจเธอได้เลย ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ภาพต่าง ๆ ระหว่างเขาและเธอ มันก็ไม่มีวันที่จะจืดจางออกไปจากความทรงจำของเธอได้

ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเซาะมาตามอนูขมขนของร่างกาย สายน้ำจากดวงตาก็ร่วมไหลรินออกมาสมทบอีกครั้ง เมื่อภาพต่าง ๆ กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธออีก หญิงสาวสับสนและมืดมิดเหลือเกินกับทางออกที่ต้องเลือก เหนือความอับอายอื่นใด คือความรู้สึกของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ แล้วเธอจะเลือกทางไหนดี เธอคาดหวังว่าความเย็นฉ่ำจากสายน้ำ จะพอทำให้ความคิดที่จะหาทางออกได้บ้าง

แต่มันก็เปล่าประโยชน์ มันกลับสร้างความอ้างว้าง และหนาวเหน็บให้เธออย่างคิดไม่ถึง แล้วเธอก็รู้ได้ว่า วิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เธอจึงนำร่างที่เปียกโชกโดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่หุ้มร่างเอาไว้ออกมาจากห้องน้ำ เสื้อผ้าชุดเก่าถูกนำมาใส่เอาไว้อีก พร้อมกับเสื้อยืดตัวเดิมของเขาที่เธอใส่เมื่อไม่นานมานี้ก็ถูกใส่เข้าไปอีก เธอเดินไปสำรวจดูรอบ ๆ ห้องที่หรูหรา สมหน้าสมตาของเจ้าของห้องเหลือเกิน

ข้าวของต่าง ๆ ในห้องมีไว้ครบครัน อาหารแห้งในตู้ดูเหมือนจะมีครบแทบทุกอย่าง อาหารสดในตู้เย็นก็ดูเหมือนจะมีพร้อมสรรพ ซึ่งผิดปกติวิสัยของนักธุรกิจหนุ่มอย่างเขานักที่ไม่น่าจะสนใจซื้อหามาไว้แบบนี้ และคอนโดนี้ เธอก็แทบจะไม่เห็นเขามาใช้เป็นที่หลับนอนเลยด้วยซ้ำ ยกเว้นเมื่อคืน ที่เธอรู้จากแพงว่าเขาไม่ได้กลับเข้าไปนอนบ้านทำให้เธอสงสัยไม่น้อย เพราะตั้งแต่เธอเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา ก็มีไม่บ่อยครั้งเลยที่เขาจะนอนนอกบ้าน ยกเว้นเวลาที่ต้องไปดูงานต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ความแปลกใจของเธอก็ถูกคลี่คลายเพราะได้คิดว่า ทุกอย่างคงจะถูกเขาเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว

และเขาก็คงจะคาดเดาเอาไว้แล้วว่า ทางเลือกที่เธอจะต้องเลือกนั้นเป็นเช่นไร คิดแล้วเธอก็รู้สึกชังน้ำหน้าเขาขึ้นมาได้ไม่ยาก และก็มีสีหน้าที่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับทางเลือกตัวเอง ในใจนั้น เธอไม่ปรารถนาที่จะให้เขาสมหวังเลยแม้แต่น้อย และเธอก็อยากจะให้เขารู้ว่า ใช่ว่าเขาจะรู้ใจและรู้ทางของเธอไปเสียทุกเรื่อง แล้วหญิงสาวก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งกับชุดรับแขกด้วยใบหน้าที่สับสนและหนักใจ








 

Create Date : 02 ตุลาคม 2551
1 comments
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 11:55:50 น.
Counter : 2071 Pageviews.

 

T_T น้องเพลงของเรา ในที่สุดก็ไม่รอด รีบมาอัพเร็วๆนะ
รออยู่ๆค่ะ (เหะๆ บางทีเผลอหลับ รอมะหวายก็มี)

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 3 ตุลาคม 2551 6:43:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.