Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๒๗ (ธัญรัตน์)




รอยยิ้มปนน้ำตาของเธอปรากฏขึ้น ระพีพรรณรู้สึกทั้งดีใจที่ได้เห็นธาตุแท้ของเขา และก็เสียใจเหลือเกินที่คนที่เธอหวังพึ่งจะให้ช่วยยืดชีวิตของโป่งดับวูบไป หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ที่ท้อง ด้วยทารกน้อยในท้องขยับตัวนั่นเอง แล้วตัวเองก็นึกขึ้นได้ว่า วันทั้งวันยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย หญิงสาวต้องเอามือไปลูบเบา ๆ แล้วก็ค่อย ๆ พาตัวเองกลับไปขึ้นรถ

แต่ก็ไม่สามารถขับออกไปได้ เพราะจิตใจนั้นว้าวุ่นเหลือเกิน เธอนั่งพิงกายกับเบาะรถเอาไว้เหมือนคนหมดเรี่ยวแรง พลางก็อดปล่อยให้ความคิดไปหยุดอยู่ที่คนที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องวุ่นวายทั้งหมดไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็พยายามที่จะไม่คิดไปถึงเขา ดวงตากลมโตถูกปิดลงช้า ๆ เมื่อภาพความสัมพันระหว่างเธอและเขาลอยมาตอกย้ำความเจ็บปวด

น้ำตาที่ดูเหมือนจะยังไม่เหือดแห้งตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก็ยังคงหลั่งไหลออกมาเป็นเครื่องช่วยปลอบใจเธอตลอดมา แล้วคำถามก็เกิดขึ้นในใจว่าหากเธอแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเขา แล้วผลจะออกมาเป็นเช่นไร แต่เธอก็จำสีหน้าและแววตาของเขาในวันที่ปฎิเสธเรื่องความรับผิดชอบเธอได้ดี

มันช่างเป็นแววตาที่ห่างเหินเสียเหลือเกิน ผิดกับแววตาที่เขาเคยมีให้เธอเมื่อครั้งได้อยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสอง แล้วก็ดูเหมือนคำตอบมีให้เธอแล้ว ระพีพรรณค่อย ๆ ดึงตัวเองให้กลับมาที่หน้าพวงมาลัยพร้อมทั้งเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มขาว ไม่นานรถก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากที่ตรงนั้นอย่างเชื่องช้า

ร่างที่ดูจะอุ้ยอ้ายค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ที่จัดวางขนาบข้างไว้ใกล้ ๆ หน้าต่างของตึกผู้ป่วยพิเศษ ซึ่งไม่ห่างจากห้องที่โป่งกำลังนอนรอความหวังจากเธอนัก พร้อม ๆ กับสายตาที่กวาดหาร่างของเปลวแต่ก็ไม่พบ เขาก็คงจะอยู่ในห้องกับน้องชายเพื่อรอคอยการกลับมาแจ้งข่าวดีจากเธอเป็นแน่ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปแจ้งข่าวได้อย่างไร จึงตัดสินใจนั่งตั้งหลักก่อน

แล้วในมือก็ยกโทรศัพท์มือถือมา และก็กำลังตัดสินใจว่าจะโทรหาใครดีระหว่างโสภากับพิสิทธิ์ ซึ่งเธอมองเห็นสองคนนี้เป็นแสงสว่างดวงสุดท้าย เธอหลับตาพริ้มลงช้า ๆ เมื่อนิ้วกำลังจะกดเบอร์ไป แต่ก็ต้องหยุดนิ้วเอาไว้ ด้วยความรู้สึกที่สับสนและความเกรงใจที่มีต่อคนทั้งสองล้นเหลือ เงินจำนวนนี้คงจะมากโขสำหรับโสภา กับสถานะการณ์ทางการเงินในขณะนี้

แต่มันอาจจะน้อยนิดสำหรับพิสิทธิ์หากเธอคิดจะขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็กลัวเรื่องราวต่าง ๆ มันอาจจะไปถึงหูของใครคนหนึ่ง ที่เธอไม่ปรารถนาให้เขาได้รับรู้ เพื่อที่จะมาเหยียดหยามเธอกับผู้เป็นพ่อด้วยความชิงชัง น้ำตาที่เพิ่งจะขาดช่วงไปได้สักพัก ก็ค่อย ๆ ไหลออกมาอีกครั้ง มือถือถูกเก็บเข้าไปในกระเป๋าถือในที่สุด

หญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องของโป่ง แต่ไม่ทันที่จะได้ไปถึงประตูเปลวกับเพื่อนบ้านก็เดินออกมาก่อน ทั้หงหมดดูเหมือนจะเพิ่งตื่นนอน
“คุณเพลงกลับแล้วเหรอครับ ลุงกำลังรออยู่” เปลวทักด้วยสีหน้าที่ดีกว่าเมื่อเช้าอย่างเห็นได้ชัด

“ค่ะ ลุงโป่งเป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามแบบไม่เต็มปากนัก พร้อมกับดวงตาฉายแววเศร้าจนเปลวสังเกตเห็น
“น่าจะผ่าเสร็จแล้วนะคะ นี่พยาบาลบอกให้พวกเรามารอที่ห้องเพราะการผ่าใช้เวลาหลายชั่วโมงเหมือนกัน พวกเราก็เลยมารอคุณเพลงด้วย แต่ก็ไม่เห็นมาสักที” เปรี้ยวบอกและยิ้มให้เธอด้วยสีหน้าที่คลายความกังวลลงไปมาก
“ผ่าอะไรเหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัย

“ก็ผ่าตัดสมองเจ้าโป่งมันไงครับ พอคุณเพลงออกไปหน่อยเดียวพยาบาลก็บอกว่าได้เงินมาผ่าตัดแล้ว ก็เลยรีบมาเอาเจ้าโป่งไปเข้าห้องผ่าตัดเลย ลุงก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมคุณเพลงไม่กลับมาเสียที แต่ก็คิดว่าคุณเพลงคงไปทำธุระที่อื่นต่อ คุณเพลงนี่เก่งมาก ๆ เลยนะครับไปแป๊บเดียวก็หาเงินได้แล้ว”
เปลวบอกด้วยแววตาที่สดใสพร้อม ๆ กับยิ้มให้เธอ แต่มันค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับคนฟังไม่น้อย
“เหรอคะ” เธอรับเอ่อออตามเปลวไปด้วยความงง

“พี่ว่าคุณเพลงรออยู่ที่นี่ก่อนดีกว่านะคะ ให้ลุงเปลวกับพี่เนตรไปดูลุงโป่งก็แล้วกันค่ะ ดูคุณเพลงสิหน้าซีดเชียว แล้วท่าทางคงจะเหนื่อยไม่น้อย กำลังท้องกำลังไส้ ก็ต้องมาลำบากแท้ ๆ เลย คุณเพลงไปนอนรอในห้องนะคะพี่จะไปหาอะไรมาให้กิน สงสัยจะไม่ได้สนใจจะกินอะไรล่ะมั้งคะนี่” เปรี้ยวบอก
“ค่ะ”
ระพีพรรณรับคำง่าย ๆ แล้วทั้งสามก็ออกจากห้องไป ส่วนตัวเองนั้นพอทั้งหมดคล้อยหลังก็เดินไปหยุดที่เค้าเตอร์ประจำวอร์ดเพื่อสอบถามอะไรบางอย่าง ไม่นานก็ได้รับคำตอบจากพยาบาล

“มีผู้บริจาคค่ารักษาและขอเป็นเจ้าของไข้ให้ แต่ไม่ประสงค์จะออกนามค่ะ เพิ่งจะเอาเช็คสั่งจ่ายมาให้หลังจากคนไข้เข้าห้องผ่าตัดค่ะ” พยาบาลบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผู้หญิงหรือผู้ชายคะคุณพยาบาล แล้วทำไมเขามาบริจาคให้เราคะ แล้วดิฉันจะไปขอบคุณเขาได้ยังไงถ้าไม่รู้ว่าผู้มีพระคุณกับญาติดิฉันเป็นใคร แล้วเงินก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยค่ะ” เธอถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“เห็นผู้บริจาคแจ้งว่า เคยมีญาติที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับคนไข้รายนี้ แต่หาเงินมารักษาไม่ทันก็เลยเสียชีวิตค่ะ พอทราบเรื่องของคนไข้จากอาจารย์หมอเจ้าของไข้ ผู้บริจาคก็เลยจะออกเงินให้ พยาบาลบอกได้แค่นี้ค่ะ ต้องขอประทานโทษจริง ๆ ค่ะ มันเป็นความประสงค์ของเจ้าของไข้ และทางอาจารย์เองก็ดูเหมือนจะรู้จักกับผู้บริจาคเป็นการส่วนตัวด้วยนะคะ ญาติไม่ต้องห่วงค่ะ” พยาบาลบอกอีกครั้ง
“เพลงเป็นยังไงบ้าง”ไม่ทันที่ระพีพรรณจะได้สอบถามอะไรโสภากับก็เดินมาหาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“พี่โสภา” ระพีพรรณร้องเรียกด้วยความดีใจและก็แปลกใจระคนกันไป


“ยายเพลงวันนี้ทั้งวันเรายังไม่ได้กินอะไรใช่ไหมลูก”
กำพลมองลูกสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารเข้าปากด้วยความหิว เพราะข้าวที่เปรี้ยวซื้อมาให้นั้นยังไม่ได้รับการเปิดกล่องแต่อย่างใด ได้แต่กินนมไปแค่กล่องเดียว เพราะเธอมัวแต่ดีใจ จนกว่าจะได้กลับบ้านก็เย็นย่ำแล้ว
“ค่ะ เพลงมัวแต่ไป....เอ่อ....”
ระพีพรรณรู้สึกว่าข้าวที่กำลังจะกลืนลงไปในคอตื้อ ๆ ขึ้นมาได้ไม่ยากเลย เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองไปอ้อนวอนหาเงินมาช่วยโป่ง

“ช่างมันเถอะลูก ลืมมันซะ เจ้าโป่งมันก็ปลอดภัยไปในระดับหนึ่งแล้ว อีกหน่อยก็ออกจาก ไอ ซี ยู ได้แล้วล่ะลูก”
กำพลปลอบใจลูกสาว เมื่อนึกถึงอาการคนสนิทที่นอนยังอยู่ห้อง ไอซียู อยู่ในขณะนี้

“แต่หมอก็บอกว่าไม่มีอะไรแล้วนะคะคุณลุง อีกไม่นานลุงโป่งคงจะหายค่ะ เพลงก็เหมือนกันไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก เขาไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร แต่ทีหลังมีอะไรต้องบอกพี่กับคินนะ ไม่งั้นพี่โกรธจริง ๆ ด้วย มีอย่างเหรอ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ดูสิแบกหน้าตะลอน ๆ ไปยืมเงินคนทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ไม่ยอมโทรหาพี่ นี่ถ้าไม่โทรมาหาคุณลุงแล้วพี่จะรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้”
โสภาอดค่อนขอดไม่ได้ แต่แววตาก็เอ็นดูและเข้าใจการกระทำของระพีพรรณอย่างเห็นได้ชัด พร้อม ๆ กับตักอาหารเข้าปากด้วยความหิวไม่แพ้กัน

“เพลงต้องขอโทษด้วยค่ะพี่โสภา เพลงเกรงใจค่ะ และอีกอย่างก็กำลังมีปัญหาเรื่องเงินกันอยู่” ระพีพรรณบอก
“แล้วว่าแต่คนที่บริจาคเงินให้เรานี่ ตกลงเราจะไม่รู้ใช่ไหมครับคุณเพลง”
ภคินที่นั่งร่วมวงข้าวถามขึ้นด้วยความสงสัย
“พยาบาลไม่ยอมบอกหรอกค่ะ เพลงถามยังไงก็ไม่บอก แต่ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใคร เพลงก็จะไม่ลืมพระคุณเขาไปตลอดชีวิตค่ะ” ระพีพรรณบอกพร้อมกับดวงตาฉายแววที่ซาบซึ้งต่อคนที่เธออยากจะรู้จักเหลือเกิน

“ใช่ค่ะ พี่เห็นคุณเพลงถามยังไงพยาบาลก็ไม่ยอมบอก สงสัยเขาคงแค่อยากปิดทองหลังพระแค่นั้นมั้งคะ”
เปรี้ยวที่เป็นแขกด้วยออกความเห็น แล้วก็ยิ้มให้สามีที่นั่งข้าง ๆ
“ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นประเภทที่เงินเหลือใช้มาก ๆ แล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้นคงจะบริจาคให้ไม่ได้หรอกครับ เงินเยอะขนาดนี้ ลุงโป่งนี้โชคดีจริง ๆ เลยนะครับ ไม่รู้ว่าถึงคราวเราสองคน จะมีโชคอย่างนี้บ้างหรือเปล่า”
เนตรสมทบ
“ลุงเองก็เหมือนกันครับ ถ้าแค่รู้ว่าเขาเป็นใคร ลุงจะก้มลงกราบเขาเลยล่ะ บุญไอ้โป่งมันแท้ ๆ เลยนะครับคุณท่าน”
เปลวบอกเมื่อได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากปากระพีพรรณ

“ฉันว่าสักวันเราก็คงจะได้รู้จัก และขอบคุณเขาเองนั่นล่ะ แต่ตอนนี้ทุกคนกินข้าวเถอะนะ โดยเฉพาะยายเพลงต้องกินเยอะกว่าเพื่อน เพราะวันทั้งวันยังไม่มีอะไรตกไปถึงท้องเลย ถ้าไม่ห่วงตัวเองก็ให้ห่วงลูกในท้องบ้างนะลูก หลานตาจะได้ไม่อด”
กำพลบอกด้วยความห่วงใย
“ค่ะคุณพ่อ” ระพีพรรณรับคำโดยง่าย และก็รู้สึกผิดไม่น้อย ที่ไม่ได้ห่วงตัวเองและลูกในท้องอย่างบิดาบอก
“เอ่อ....นี่พี่เอาเงินค่าภาพที่ลูกค้าซื้อมาให้ด้วยนะเพลง ภาพเพลงขายดีนะ นายเต้ยบอกว่าเอาไปวางอีกก็ขายได้อีก นายเต้ยแหย่มาเหมือนกันว่า มือสมัครเล่นขายดีกว่ามืออาชีพอย่างเขาอีก” โสภาเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบซองเงินสดให้เธอ

“ขอบคุณค่ะ” ระพีพรรณรับมาพร้อมกับยิ้มให้เธอ
“กินข้าวกันเลยลูก ๆ วันนี้สมจิตแกงเลียงหม้อเบ่อเร่อเลย เจ้าเปลวด้วยกินเยอะ ๆ นะ”
กำพลบอกทุกคนในโต๊ะอาหาร แล้วทุกคนก็ยิ้มรับด้วยสีหน้าที่สดใสที่ปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี



สายลมพัดเอื่อย ๆ มากระทบร่างกำยำ ทำให้รู้สึกเย็นสบายจนดนุพรแทบไม่อยากจะลุกหนีไปไหนตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ หลังจากที่เสร็จจากดูงานที่ไซด์งานแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะไปเตร็ดเตร่ที่ไหนได้แต่ตรงดิ่งเข้าบ้านพักที่เขาใช้ปักหลักอยู่นับจะได้อาทิตย์แล้ว ปล่อยให้สมพงศ์กลับไปพักที่พักได้ ส่วนตัวเองก็มานั่งรับลมที่ชายหาดเงียบ ๆ เขาหันหลังให้กับทะเลที่อยู่เบื้องหน้าของบ้าน เพื่อไปมองบ้านหลังน้อย

ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้แนบชิดกับผู้หญิงที่มีสายเลือดของศัตรูอยู่เต็มตัว มันช่างรู้สึกทรมานเหลือเกินที่เขาต้องเฝ้าบอกตัวเอง ว่าให้ลืมรสสัมผัสจากเรือนร่างที่บอบบาง นุ่มนวลไปแทบทุกอนูขุมขน พร้อม ๆ กับความอบอุ่นไปทั่วเรือนร่างในยามที่เขาได้แนบชิด ทุกอิริยาบทของเธอมันช่างตามมาหลอกหลอนเขาได้ไม่ยากเลย เขาพยายามหลีกหนีบ้าน ทั้งบ้านใหญ่และเรือนกุหลาบ

ซึ่งเป็นที่ ๆ ระพีพรรณเคยได้ย่างกายไปมาแล้วแทบทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งที่คอนโดของเขา ที่ ๆ เธอเคยไปพักพิงถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานนัก แต่มันก็ปรากฏร่องรอยของระพีพรรณเต็มไปหมด จนเขาเองลบมันออกได้ยากเหลือเกิน ยากจนไม่สามารถที่จะพาตัวเองเข้าไปนอนพักในห้องที่ได้มอบความเป็นสามีให้กับเธอได้เลยกระทั่งทุกวันนี้

ด้วยเพราะทนความเจ็บปวดรวดร้าวไม่ได้ เมื่อในใจนั้นคอยจินตนาการหาคนที่เคยใช้เตียงของเขาเป็นที่ซุกนอนยามหลับใหล ภาพต่าง ๆ ที่ระพีพรรณวาดเอาไว้ แล้วทิ้งไว้เป็นอนุสรย์ มันช่างตอกย้ำความเจ็บปวดให้เขาได้เป็นนิจ แล้วไหนจะหน้าพี่ชายที่เขาเห็นอยู่แทบจะทุกวัน ที่แอบมีความรู้สึกพิเศษกับคนที่เขาเผลอรับเข้ามาไว้ในหัวใจจนล้นเปี่ยม

ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุให้เขาต้องพาตัวเองหนีมาที่นี่ โดยใช้เรื่องตรวจดูงานเป็นข้ออ้าง ทั้ง ๆ ที่มันแทบจะไม่จำเป็นเลยสำหรับเขา แต่มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะหนีเสือแล้วปะจรเข้ซะแล้ว เมื่อเขาเลือกที่จะมาพักบ้านหลังน้อยหลังนี้เมื่อหลายวันที่ผ่านมา ร่องรอยของระพีพรรณยังคงตามหลอกหลอนเขาไม่รู้จักจบสิ้น

ตั้งแต่ที่เขาตื่นนอนแล้วเคยได้พบกับอาหารที่เธอจัดเตรียมไว้ให้เขาที่โต๊ะ ครัวที่เธอเคยวนเวียนทำโน่นนี่ไม่รู้จักหยุดหย่อน สิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขา ที่ล้วนแล้วก็เคยผ่านมือน้อย ๆ ของเธอที่ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดเอาไว้ ภาพที่เธอเคยวาดเอาไว้ แต่ไม่ได้นำกลับ ด้วยไม่อยากจะให้เป็นที่ผิดสังเกตแก่คนรอบข้าง ยังคงถูกผ้าขาวคลุมเอาไว้อย่างนั้น

ห้องนอนที่อบอุ่น เตียงหนานุ่มที่เขาเคยยึดครองร่างเธอเอาไว้ไม่รู้จักเหนื่อยหน่าย น้ำตาที่เอ่อเต็มเบ้าตาค่อย ๆ ไหลออกมาโดยที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ภาพถ่ายของเจ้าของหัวใจเขาถูกล้วงมาจากกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง หลังจากที่เขาดูมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเขาก็ยิ้มให้กับเจ้าของรูปที่บัดนี้อยู่ในชุดคลุมท้องสีอ่อน ๆ ในอิริยาบทต่าง ๆ ที่บ้านสวน ที่เขาจ้างนักสืบไปติดตามดูความเคลื่อนไหวของระพีพรรณตั้งแต่วันแรกที่ย้ายของออกจากบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน

แต่เขาก็ไม่สามารถให้ใครล่วงรู้ได้เลยว่า ภายใต้ใบหน้าที่ดูเฉยชาของเขานั้น แท้ที่จริงแล้วเขาทั้งรัก ทั้งหวง และทั้งห่วงเธอมากแค่ไหน แต่เขาก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมเขายังไม่ลืมเรื่องร้าย ๆ ที่กำพลและระพีพงศ์ก่อเอาไว้เสียที
ทั้ง ๆ ที่เขาเองนั้น แทบจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงด้วยซ้ำ นอกเสียจากผลกระทบทางจิตใจมากกว่า แต่มันก็ช่างเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าแผลทางกายเสียอีก

“เพลง ป่านนี้ เธอจะไปอยู่ที่ไหน แล้วเธอจะเป็นยังไงบ้าง ลูกของเราจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอจะเข้าใจ หรือโกรธ เกลียด การกระทำของฉันมากน้อยแค่ไหน แล้วต่อไปเรื่องระหว่างครอบครัวของเราสองคน จะลงเอยังไง แล้วเธอรู้สึกกับฉันยังไง แล้วความสัมพันระหว่างเธอกับพี่เด่นจะลึกซึ้งมากเพียงไหนเมื่อครั้งในอดีต และที่สำคัญ เธอเคยรักฉัน เหมือนที่ฉันรักเธอบ้างหรือไม่”

คำถามเหล่านี้มันเฝ้าวนเวียนอยู่ในใจเขาตลอดมา มือเรียวขาวและหนายกขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้ด้วยความสับสน เขาค่อย ๆ ลุกจากเปลที่ชายหาด แล้วเดินเอื่อยเฉื่อยตรงไปยังบ้านหลังน้อย แต่ไม่ทันที่จะได้ไปถึงตัวบ้าน พิสิทธิ์ก็นำรถเข้ามาจอด แล้วก็พาตัวเองลงมาจากรถด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูจะสดใสและสดชื่นให้เขาเห็น

เขารู้สึกว่าหากชีวิตเขาไม่มีพิสิทธิ์เป็นเพื่อนสนิท และคอยแบ่งปันความสนุกสนานให้กับเขามันจะเป็นเช่นไร แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะหาคำตอบนั้น เพราะรู้ดีว่าความสัมพันระหว่างเขากับเพื่อนสนิทนั้น ก็คงจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะมาแยกเขากับเพื่อนออกจากกันได้

“ว่าไงท่านนักธุรกิจใหญ่ แอบหนีมาอยู่นี่เสียนาน แกนี่ไม่ไหวเลย”
พิสิทธิ์ทักทายเขาหลังจากปิดประตูรถพร้อม ๆ กับในมือเต็มไปด้วยถุงต่าง ๆ พะรุงพะรัง แล้วก็เดินตรงไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่ตั้งไว้ริมชายหาดที่บนลานกว้าง ๆ ปูด้วยอิฐพร้อมกับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
“แล้วแกหอบอะไรมาเยอะแยะเต็มไปหมด” เขาถามเพื่อนและเดินไปสมทบที่โต๊ะ
“ก็เอาอะไร ๆ มาแก้เครียดหน่อยน่ะ”
พิสิทธิ์บอกพร้อม ๆ กับจัดแจงเปิดถุงที่เต็มไปด้วยเหล้า เบียร์ และกับแกล้มสารพัดที่เขาจัดซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าก่อนจะเข้ามาหาดนุพรนี่เอง

“แกเครียดกับเขาด้วยเหรอสิทธิ์ ฉันเห็นแกทีไรไม่เคยจะมีหน้าเศร้ากับใครเขาเลย ฉันว่าแกน่าจะไปเป็นตลกมากกว่าเป็นทนายนะ” เขาบอกแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ โดยมีพิสิทธิ์ที่หยิบเบียร์กระป๋องที่ยังเย็นอยู่ยื่นให้เขา
“อะไร แกอย่าบอกนะว่าเบียร์กระป๋องนี้ แลกกับไอ้เงินล้านที่โทรมาขอให้ฉันบริจาคเมื่อสองอาทิตย์ก่อนน่ะ”
เขาแซวเพื่อนแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

เพราะเขารู้ดีว่าเงินนั้นเพื่อนเอาไปทำอะไร เพราะอาการป่วยของโป่งนั้น เขารู้ตั้งแต่คืนนั้นด้วยซ้ำ เพราะนักสืบที่เขาจ้างไว้จะรู้ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวของระพีพรรณ แล้วโทรแจ้งให้เขารู้ทุก ๆ เรื่อง และก็กำลังหาทางว่าจะช่วยเหลือเธอยังไงที่ไม่ให้เธอรู้ แล้วพิสิทธิ์เพื่อนรัก ก็ดูเหมือนว่าจะเข้ามาเป็นตัวเชื่อมให้เขาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง แต่เขาก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ก็ได้รับการโทรจากพิสิทธิ์ว่ามีคนไข้ที่เจ็บหนักและต้องการเงินมารักษาตัวด่วน ขอให้เขาช่วยหน่อย แรกทีเดียวเขาก็แกล้งทำเป็นแปลกใจ แต่ก็ไม่เซ้าซีอะไรมากได้แต่เซ็นต์อนุมัติให้ฝ่ายบัญชีจัดการตามคำขอของเพื่อนนั่นเอง

“เอ้ย...ไม่เกี่ยวเว้ย ให้แล้วก็แล้วไปสิ ไม่ต้องมาถาม”
พิสิทธิ์ทำหน้าเจื่อน ๆ แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้ในที่สุด เพราะเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าเขาต้องการเงินไปช่วยใคร แต่ไม่ว่าเพื่อนเขาจะรู้ว่าช่วยใคร พิสิทธิ์ก็มั่นใจว่าเพื่อนจะไม่อิดออดที่จะช่วยโป่งเป็นแน่ ด้วยเขารู้มาว่าดนุพรเอง เคยเอ่ยชื่นชมโป่งให้เขาได้ยินบ้าง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่บอกดนุพร ด้วยกลัวว่าเขาอาจจะกลัวเสียหน้า ที่ยอมอ่อนข้อและช่วยเหลือพวกของศัตรูนั่นเอง และพิสิทธิ์ก็มั่นใจว่าเขาทำถูกเป็นที่สุดแล้วในเวลานี้

“เอ่อ....ไม่ได้ว่าอะไร แค่นี้ทำเป็นซีเรียส เอ้า....ดื่ม” เขายกกระป๋องเบียร์แล้วชนกับพิสิทธิ์ก่อนจะดื่มลงคอไปอย่างง่ายดาย
“ว่าแต่แกจะกลับเมื่อไหร่ล่ะไอ้ดำ คุณป้ากับพี่เด่นบ่นมาแล้วนะ ว่าคิดถึงแกจะแย่แล้ว” พิสิทธิ์ถาม
“ก็อีกไม่กี่วันหรอก แล้วแกล่ะจะอยู่สักกี่วัน” เขาถามกลับ
“ก็อาจจะกลับพร้อม ๆ แกก็ได้ อยากพักเหมือนกันรู้สึกเครียด ๆ ฉันว่าจะให้สมพงศ์ขับรถฉันกลับดีไหม แล้วเราก็กลับพร้อม ๆ กัน” พิสิทธิ์เสนอ

“ก็แล้วแต่แกสิ ฉันก็ไม่ได้ไปไหนแล้ว งานเสร็จแล้ว ว่าจะพักอย่างเดียวไม่อยากคิดอะไรเหมือนกัน” เขาบอก
“ก็ได้งั้นเอาตามนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปเอาจานกับช้อนก่อนนะ จะได้ใส่กับแกล้ม ส่วนแกก็นั่งตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก คิดว่าเป็นบ้านของตัวเอง” พิสิทธิ์บอกและยิ้มให้เขาอย่างล้อเลียน

“เอ่อ....ขอบคุณนะท่านเจ้าบ้าน”
เขาบอกเพื่อนพร้อม ๆ ล้อเลียนกลับ แล้วก็ได้แต่มองพิสิทธิ์ที่เดินเข้าบ้านไป พิสิทธิ์สะดุดตากับสิ่งที่ถูกผ้าขาวคลุมเอาไว้ตรงมุมห้อง แต่ด้วยความหิวจึงได้แต่เดินผ่านไปไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมาก



ลัดดามองลูกชายคนโตที่เดินตรงมาหาเธอที่นั่งดูต้นไม้ต่าง ๆ อยู่ศาลา
“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอลูก”
ลัดดาถามเพราะเนื่องจากเป็นวันหยุด หลังจากที่เด่นณรงค์ไปช่วยงานที่บริษัทได้สองสามเดือนแล้ว
“ไม่ครับคุณแม่” เขาบอกมารดาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ
“แม่แตนจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณเด่น”
ลัดดาสั่งแตนที่นั่งคอยรับใช้อยู่ข้าง ๆ และก็มองตามลูกชายคนโตของเธอด้วยสายตาที่คล้าย ๆ เคยมองลูกชายคนรองเธอเมื่อก่อนไม่มีผิด ซึ่งลัดดารู้สึกไม่ค่อยจะชอบใจนัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“เด่นได้ข่าวแม่เพลงบ้างหรือเปล่าลูก” ลัดดาเอ่ยขึ้น

“ไม่ได้เลยครับคุณแม่ เมื่อวันก่อนผมก็แวะไปดูบ้านคุณเพลง แต่ป้าที่ผมเคยเจอก็บอกว่าคุณเพลงไม่ได้มาที่บ้านเลย”
เขาบอกมารดาตามตรง
“แม่ไม่ค่อยจะสบายใจเลยลูก ถึงน้องจะไม่ยอมรับว่าทำแม่เพลงท้อง แต่แม่ก็มั่นใจนะว่าลูกในท้องแม่เพลงน่ะเป็นหลานแม่” ลัดดาบอกออกไปในสิ่งที่อยู่ในใจตลอดระยะเวลาที่ได้รับรู้เรื่องจากโสภาวันนั้น

“แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับแม่ ดำเองก็ปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้น”
“จริงสิ ได้ข่าวว่าเพื่อนแม่เพลงคนนั้นน่ะ ทำงานทางด้านตกแต่งภายใน แม่ว่าเขาน่าจะรู้นะว่าแม่เพลงย้ายไปอยู่ที่ไหน เด่นช่วยดูหน่อยสิลูก แม่บอกตรง ๆ ว่ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย บางทีแม่เพลงอาจจะกำลังเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือบ้างก็ได้ คนท้องกับคนพิการจะทำมาหากินอะไรได้สักเท่าไหร่เชียว”
เด่นณรงค์มองหน้ามารดาด้วยความรู้สึกทีแปลกไปจากเมื่อก่อน ที่เขาจะเคยเห็นแต่แววตาแห่งความเกลียดชังที่มีต่อกำพล

“อะไรทำให้คุณแม่คิดอย่างนั้นครับ” เขาถามมารดาด้วยความอยากรู้
“ไม่มีอะไรมากหรอกลูก แม่เพียงแต่คิดว่า บางครั้ง การโกรธ เกลียด ชิงชัง หรือการผูกใจเจ็บ มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย แต่ก็น่าเสียดายที่แม่คิดได้ช้าไปหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้น ทุกอย่างก็คงจะไม่ลงเอยอย่างนี้หรอกลูก” ลัดดาให้เหตุผลกับเขา
“ผมดีใจครับคุณแม่ ที่ได้ยินแบบนี้ ผมเองก็ผิดอยู่มาก ที่เอาความโกรธแค้นไปใส่หัวน้อง ที่จริงทางโน้นก็ต่างได้รับผลกรรมที่ก่อเอาไว้มากแล้ว เราไม่น่าคิดไปซ้ำเติมพวกเขาเลย”

“ช่างเถอะลูก มันผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะพูดถึงมันอีก แม่ว่าเรามาแก้ไขสิ่งที่เป็นปัจจุบันดีกว่านะลูก เด่นช่วยลองติดต่อเพื่อนแม่เพลงให้แม่หน่อย แม่รู้สึกห่วงแม่เพลงยังไงไม่รู้”
ลัดดาแสดงความกังวลให้ลูกชายคนโตเห็นอย่างไม่ปิดบัง ผิดกับเมื่อเวลาที่อยู่ต่อหน้าลูกชายคนเล็ก
“แล้วคุณแม่แน่ใจเหรอครับ ว่า....เอ่อ...คุณเพลงท้องกับดำ” เด่นณรงค์ถามในสิ่งที่เขากลัวกับคำตอบเหลือเกิน

“แม่ค่อนข้างมั่นใจนะเด่น ตามที่เพื่อนแม่เพลงบอกวันนั้น แม่เก็บ ๆ มาคิดดูหลายรอบแล้ว มันก็พอจะมีเค้าตามที่เขาพูดเอาไว้บ้าง หรือจะให้แน่ชัดแม่ก็จะถามดำดูอีกทีว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
ลัดดาบอกความประสงค์ให้เขาฟัง หลังจากที่เธอพยายามจะถามดนุพร แต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่าเขาไม่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งมันก็ทำให้ลัดดารู้สึกลังเลกับความเชื่อของตัวเอง
“ผมว่าคุณแม่อย่าไปถามดำเลยครับ ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ผมรู้จักน้องดี ตอนนี้ดำกำลังโกรธ โบราณเขาว่า น้ำกำลังเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมรับหรอกครับ” เขาบอกมารดาด้วยรู้จักน้องชายดี

“แล้วเด่นว่าสองคนนี้เขารักกันหรือเปล่าลูก”
ลัดดาถามคำถามที่เธอสงสัย แต่มันก็ทำให้หัวใจของเด่นณรงค์รู้สึกเจ็บเข้าไปลึก ๆ ภายในได้ไม่ยากเลย
“ผมไม่รู้ครับแม่ คุณเพลงเป็นคนไม่ค่อยจะถือสาใครง่าย ๆ แต่ถ้าดำทำอย่างนั้นกับเธอจริง ๆ ผมก็ไม่แน่ใจครับ ว่าความรู้สึกที่คุณเพลงมีต่อคนของเราจะเป็นยังไง ส่วนดำเองผมก็ยิ่งดูไม่ออกใหญ่เลย บางครั้งผมแกล้งเอ่ยถึงคุณเพลงแค่นั้น ดำก็จะหาเรื่องอื่นมากลบ หรือไม่ก็จะเดินหนีเอาดื้อ ๆ ผมก็เลยดูไม่ออกครับแม่” เขาบอกมารดาตามตรง
“เฮ้อ....ถ้ายังงั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกันนะ” ลัดดาถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ผมว่าจะให้พิสิทธิ์ช่วยอีกแรงครับ รายนั้นรู้สึกว่าจะไปติดใจเพื่อนคุณเพลงเข้ามั้งครับ คิดว่าให้เขาช่วยก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ได้เรื่องยังไงแล้วผมจะบอกคุณแม่ก็แล้วกันนะครับ” เขาบอก
“งั้นแม่ฝากเด่นด้วยนะลูก” ลัดดาบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือลูกชายเอาไว้

“ครับคุณแม่ งั้นผมว่าเราไปหายายดาดีกว่านะครับ ผมให้สมพรตัดดอกกุหลาบเอาไว้ ว่าจะเอาไปฝากยายดา”
เขาบอกมารดา
“ได้สิลูก แค่อาการยายดาดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้แม่มีความสุขไปได้โขเหมือนกันนะ”
ลัดดารับคำลูกชาย แล้วเด่นณรงค์ก็ค่อย ๆ เข็นรถมารดาออกจากศาลาแล้วตรงไปยังเรือนกุหลาบในที่สุด







 

Create Date : 12 ตุลาคม 2551
4 comments
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 8:51:37 น.
Counter : 931 Pageviews.

 

คุณธัญรัตน์คะ เรื่องฐานันดร จะเอาลงบล๊อกรึเปล่าคะ

 

โดย: เวนิส IP: 124.157.157.254 12 ตุลาคม 2551 18:15:25 น.  

 

อับสิค่ะ

อิอิ

คุนทันขอตอบเเทนคุนทันกับคำถามด้านชนได้ไหมค่ะ

อิอิ

ต้องขอนุยาดก่อน

 

โดย: ออย IP: 222.123.217.82 13 ตุลาคม 2551 7:46:52 น.  

 

ได้จ้าออยจ๋า อนุญาตด้วยความเต็มใจค่ะ

 

โดย: ธัญญะ 13 ตุลาคม 2551 13:00:16 น.  

 

สนุกมากค่ะ ขอบคุณนะค่ะ

 

โดย: ^^ IP: 172.16.6.219, 61.19.213.42 5 พฤศจิกายน 2553 21:49:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.