Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๒๔ (ธัญรัตน์)




สีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังได้รับทุกข์ใจขนาดหนัก น้ำตาแห่งความเสียใจที่ได้รับรู้เรื่องราวจากโสภาเมื่อคืน โดยที่โสภาให้ระพีพรรณขึ้นไปนอนที่ห้องนอน เพราะไม่อยากให้สะเทือนใจมากไปกว่านี้ แล้วโสภาก็รับหน้าที่เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ให้เขาได้รับรู้

กำพลมองไปยังบุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา ที่ตั้งแต่เช้าก็มานั่งอยู่ม้าหินริมแม่น้ำ โดยที่เขาปล่อยให้บุตรสาวได้คิดอะไร ๆ ตามลำพัง จนเขาคิดว่าทิ้งให้เธออยู่คนเดียวนานมากพอแล้ว จึงตัดสินใจเข้ามาหาด้วยความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าลูกสาว

“ยายเพลงลูกพ่อ”

เสียงที่เปล่งออกมาแทบจะไม่ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ได้ยิน แต่ระพีพรรณก็หันหน้ามาหาบิดา ความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ได้กลั่นกรองออกมาเป็นน้ำตา แสดงให้บิดาเห็นด้วยยากที่จะปิดบังเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
หญิงสาวนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เป็นพ่อ แล้วก้มลงกราบไปแทบเท้าของพ่อด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือความเสียใจ เสียใจที่ทำภาระกิจไม่สำเร็จ เสียใจที่ไม่ฟังคำทัดทานของพ่อเมื่อครั้งแรก เสียใจกับผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง พร้อมกับคำถามที่เกิดขึ้นในหัวใจว่า

“ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายกับเธอขนาดนี้”
“ยายเพลงลูกพ่อ ทำไมลูกจะต้องมาเจอกับเรื่องที่ลูกไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นด้วย ทำไม ทำไม”
กำพลเอื้อมมือไปลูบศีรษะบุตรสาว แล้วน้ำตาของลูกผู้ชายอย่างเขา ก็ไหลอาบแก้มที่หยาบกร้านลงมาโดยที่เขาไม่คิดจะอายลูกแม้แต่น้อย เขาพูดได้แค่นั้น ร่างทั้งสองก็ประสานเข้าหากัน และร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจและผิดหวังกับสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้
“เพลงขอโทษค่ะคุณพ่อ เพลงไม่ดีเอง เพลงทำให้คุณพ่อผิดหวัง เพลงขอโทษค่ะ เพลงขอโทษ”
ระพีพรรณพร่ำบอกผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“พ่อต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษเพลง พ่อไม่ดีเอง ทำให้เพลงต้องเป็นแบบนี้ พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ”
เขาพูดและก็ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองในอดีต
“คุณพ่อไม่ผิดค่ะ คุณพ่ออย่าโทษตัวเองเลยนะคะ คุณพ่อเป็นพ่อที่ดีที่สุดของเพลง เพลงรักคุณพ่อค่ะ”
เธอปลอบผู้เป็นพ่อให้รู้สึกสบายใจขึ้น และมันก็ทำให้กำพลยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความตื้นตันในความเข้มแข็งของลูกสาวยิ่งนัก

“พ่อจะไปพูดกับนายดำเอง มันจะให้พ่อทำอะไรก็ได้ พ่อยอมทำทั้งนั้น ถ้ามันคิดว่าความผิดที่พ่อทำไว้จะต้องแลกด้วยชีวิตพ่อ พ่อก็ยอม ขออย่างเดียวอย่ามาทำให้ลูกพ่อต้องเจ็บช้ำจากเรื่องในอดีตที่พ่อเป็นคนก่อเอาไว้ พ่อทนไม่ได้ ให้พ่อเป็นอะไรก็ได้ แต่อย่ามาทำกับลูกพ่อแบบนี้ พ่อเสียใจลูก พ่อเสียใจ” กำพลพูดออกมาด้วยความเจ็บแค้นไม่แพ้กัน
“อย่าเลยค่ะคุณพ่อ มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว” เธอบอกแล้วก็ร่ำร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

“พ่อจะอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้คนอื่นมารังแกลูกพ่อไม่ได้ เพลงไม่ผิด พ่อเองต่างหากที่ผิด ถ้าเขาอยากจะแก้แค้นก็ให้มาทำกับพ่อนี่ พ่อเอง พ่อมันไม่ดี พ่อมันเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้ พ่อไม่ดีเอง พ่อขอโทษนะลูก พ่อทนที่จะเห็นลูกพ่อเจ็บไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นายดำมันอยากจะได้อะไร มันต้องการให้พ่อต้องเจ็บแค่ไหนมันถึงจะพอใจ แค่นี้มันยังไม่สาสมใช่ไหม มันถึงได้เอาความแค้นมาลงที่ลูกของพ่อ” เขาพร่ำด่าตัวเองให้บุตรสาวฟังด้วยสีหน้าของคนที่เจ็บปวดไม่แพ้กับผู้ที่ถูกกระทำ

“คุณพ่ออย่าไปโทษเขาเลยค่ะ เพลงไม่ดีเอง เพลงโง่เองค่ะ โง่ที่คิดว่าเขาจะคืนทุกอย่างให้เรา เพลงน่าจะได้คิด เพลงน่าจะเชื่อคุณพ่อ เชื่อพี่โสภา และเชื่อลุงโป่ง ทุกคนเตือนเพลงแล้ว แต่เพลงเองต่างหากที่ไม่ยอมฟังคำของใคร”
เธอบอกบิดาและโอบกอดบิดาเอาไว้ด้วยความเสียใจเป็นที่สุด น้ำตาของบุตรสาวทำให้กำพลพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กอดลูกสาวเอาไว้ประหนึ่งอยากจะให้อ้อมแขนของเขา คลายความทุกข์กังวลให้ลูกสาวได้ก็ไม่ปาน
“พ่อว่าเราลืมเรื่องเก่า ๆ กันเถอะนะลูก เรามาตั้งต้นกันใหม่ดีกว่า ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป”
กำพลพูดทั้งที่น้ำตายังคงอาบแก้มอยู่ และยังคงโอบกอดบุตรสาวเอาไว้

“คุณพ่อคะ เพลงขออะไรคุณพ่อสักอย่างได้ไหมคะ”
“ได้สิลูก ไม่ว่าเพลงจะขออะไรพ่อก็ให้เพลงได้ทั้งนั้น เพลงคือดวงใจของพ่อนะลูก”
เขาบอกและเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกสาวไว้ด้วยความรัก
“บ้านนี้ก็ไม่ใช่บ้านของเราแล้ว และมันก็คงจะไม่มีวันเป็นของเราได้อีกแล้ว เราย้ายไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เพลงไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้วค่ะ”
สิ้นเสียงพูดน้ำตาแห่งความเสียใจมันก็ไหลออกมาอีกระลอก เมื่อมีใบหน้าคมสันของเขาผุดขึ้นในมโนภาพ

“ได้สิลูก พ่อเองก็ไม่อยากได้มันอีกต่อไปแล้ว ถ้าพ่อรู้แต่แรกว่ามันจะทำให้ลูกพ่อเจ็บปวดได้มากขนาดนี้ พ่อจะไม่มีวันอยากได้มันกลับมาเลย ในเมื่อมันเป็นของเขาก็คืนเขาไป เราไปอยู่ที่อื่นก็ได้ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
เขาถามออกไปเพราะตัวเองก็มืดแปดด้านในขณะนี้ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวก็แทบจะไม่มีสมบัติมีค่าติดตัวอยู่เลย
“เพลงก็ยังไม่รู้ค่ะ แต่ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เพลงก็จะไปค่ะ บ้านนี้เป็นบ้านของเขา เขาคงไม่ให้เราอยู่อีกต่อไปแล้วค่ะ”
เธอไม่อาจจะบอกบิดาได้ว่า เจ้าของที่แท้จริง เขาเอ่ยปากไล่เธอมาแล้ว

“เราค่อย ๆ คิดก่อนดีกว่านะลูก จะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ เราไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยอีกต่อไปแล้วนะลูก”
เขาไม่วายที่จะรอบคอบเพราะห่วงทายาทที่กำลังจะถือกำเนิดมาในอีกไม่นานนี้
“เอาไว้ให้เพลงปรึกษาพี่โสภาดูก่อนนะคะ เผื่อจะมีลู่ทางอะไรให้เราได้บ้าง”
เธอบอกออกไปแค่นั้น แล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกคำรบหนึ่ง จนทำให้ผู้เป็นพ่อ ไม่อาจจะคัดค้านหรือพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว ได้แต่มองหน้าบุตรสาวด้วยความห่วงใย

โสภาค่อย ๆ แง้มประตูห้องนอนของระพีพรรณอย่างช้า ๆ สายตาก็มองไปยังเพื่อนต่างวัยที่แทบจะทั้งบ่ายเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนี้ ความเจ็บช้ำที่ระพีพรรณมีนั้น โสภาเข้าใจความรู้สึกได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่รู้จะแบ่งปันความทุกข์มาจากเพื่อนได้ยังไง ได้แต่คอยให้กำลังใจอยู่ใกล้ ๆ

“เพลง...เห็นคุณลุงบอกว่าเพลงจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะเอายังไง ไปอยู่บ้านพี่เอามั้ย”
โสภาทำลายความเงียบด้วยคำถามและทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ เพื่อน
“อย่าเลยค่ะพี่โสภา เพลงอยากจะช่วยเหลือตัวเองบ้าง” เธอบอกแค่นั้น
“ขอบคุณพี่โสภามาก ๆ นะคะ แต่เพลงไม่อยากจะไปรบกวนพี่โสภาค่ะ แค่นี้พี่กับภคินก็ช่วยเพลงมามากแล้ว” เธอบอก

“รบกวนอะไรกันเพลง ทีเพลงน่ะยังช่วยพี่มาตั้งหลายเรื่อง เวลาเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ถ้าเพลงไม่ไปอยู่บ้านพี่ แล้วเพลงจะไปอยู่ที่ไหนกัน อะไร ๆ ก็ยังไม่พร้อมเลย เงินทองติดตัวก็ไม่มี แล้วจะทำยังไง” โสภาเตือน
“ถ้าพี่โสภาจะช่วย ก็ช่วยเอาข้าวของพวกนี้ ไปขายให้เพลงจะได้หรือเปล่าคะ”
เธอบอกและก็หันหน้าไปทางสมบัติที่เธอรักและหวงแหนมาก นั่นก็คือ ภาพ ที่วาดสะสมเอาไว้ และก็กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอและของอื่น ๆ ที่เก็บเอาไว้

“ของนี่น่ะเหรอเพลง มันจะได้เงินสักกี่บาทกัน แล้วภาพมันก็ไม่ได้ขายได้ง่าย ๆ นะ” โสภาอดที่จะห่วงไม่ได้
“ขายได้เท่าไหร่ก็เอาแค่นั้นค่ะ พี่โสภาเคยบอกเพลงว่ามีเพื่อนเปิดแกลเลอรี่อยู่ใช่ไหมคะ เพลงรบกวนช่วยพาเพลงไปหน่อยได้ไหมคะ เพลงจะเอาภาพไปฝากเขาขาย” เธอบอกออกไปอย่างนั้น

“ก็ได้จ๊ะเพลง ถ้าวิธีนี้จะทำให้เพลงสบายใจมากกว่าจะรบกวนพี่ แต่ถ้าเกิดขายของพวกนี้ได้เงินน้อย พี่จะไม่ยอมให้เพลงพาคุณลุงไปตกระกำลำบากที่อื่นนะ เพลงจะต้องไปอยู่บ้านพี่ก่อน ตกลงมั้ย”
โสภาไม่ละความพยายาม แต่ระพีพรรณก็ได้แต่หันมายิ้มให้เพื่อนยามยากด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ



เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจ้าของไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่าความรำคาญกับเสียงเรียก ดนุพรเดินมากดดูก็รู้ว่าเป็นสายเรียกเข้าจากทางบ้าน และพิสิทธิ์เพื่อนที่รู้ใจ แต่เขาก็ตัดสินใจปิดโทรศัพท์ไปในที่สุด แล้วก็เดินออกไปที่ระเบียงหันหลังให้กับภาพของวันวานที่มีร่องรอยของผู้ที่กำลังจะให้กำเนิดสายเลือดของเขา

แต่ไม่นานเขาก็หันหน้ากลับมาเผชิญกับมัน แล้วภาพที่ระพีพรรณแบกหน้ามาบอกข่าวการตั้งท้องกับเขาก็ปรากฏขึ้นได้ไม่ยาก ภาพใบหน้าที่มองเขาด้วยความเจ็บปวดก็ผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของเขา
แต่สภาพที่เจ็บปวดยิ่งของเขาในขณะนี้ ที่ทั้งระพีพรรณและคนอื่น ๆ คงจะไม่มีวันได้เห็นมัน คงจะไม่มีใครรู้หรอกว่า เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร กับสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจลงไป

“ใช่ เพราะวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้าย ที่ฉันคิดว่าจะหยุดเธอได้ ทีนี้เธอเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ก็ช่วยออกไปจากชีวิตของพวกฉันได้แล้ว ไปให้พ้น ๆ หน้าฉัน เอาพ่อและคนของเธอออกจากบ้านฉันไปด้วย ฉันไม่อยากให้เลือดชั่ว ๆ ของพวกเธอไปแปดเปื้อนบนแผ่นดินฉันอีก”

คำพูดของเขาวันนั้นยังก้องอยู่ในหูจนยากที่จะลืมเลือนได้ แล้วเขาก็เหมือนจะได้คิดอะไร จึงไม่ยอมรอช้า รีบไปหยิบกุญแจรถและออกจากห้องไปโดยเร็ว

ไม่นานรถสปอร์ตของเขาก็มาจอดห่างจากประตูบ้านกำพลไม่มากนัก เขาหยุดรถเอาไว้แค่นั้น แล้วก็หลับตาลงไปช้า ๆ คล้าย ๆ จะไตร่ตรองเรื่องราวต่าง ๆ อีกครั้ง ไม่นานก็ลืมตาขึ้นและเขาก็เหลือบไปเห็นรถที่เพิ่งจะเคลื่อนตัวออกจากตัวบ้าน เขาจำได้ว่าเป็นรถของโสภานั่นเอง เขาไม่รอช้า รีบขับตามไปห่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ผู้ที่อยู่ในรถนั้นเป็นใคร แต่มันก็คงจะดีเสียกว่าที่เขาต้องมาจอดรถเฝ้าดูรั้วบ้านเท่านั้น

ในที่สุดรถก็จอดที่หน้าตึกแถวสองคูหา เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นร้านอะไร แต่ก็เห็นผู้อยู่ด้านในร้านที่แต่งกายด้วยชุดม่อฮ่อมทั้งชุดเดินออกมาต้อนรับ แล้วเขาก็เห็นโสภาและระพีพรรณลงจากรถ โดยมีผู้ชายที่เขาจำได้ว่าเป็นน้องชายของโสภาเดินไปเปิดกระโปรงรถ หอบเอาข้าวของหลายชิ้นเดินตามชายในชุดม่อฮ่อมเข้าไปในร้าน

เขารอจนคนทั้งสามเดินออกมาที่รถแล้วก็ขับออกไป รอจนแน่ใจว่าจะไม่มีใครกลับมาที่ร้านอีก จึงเดินตรงไปที่ตึกแถวพร้อม ๆ กับแว่นกันแดดเพื่อพลางหน้าเอาไว้ ทันทีที่รู้ว่าเป็นแกลลอรี่เขาเดาก็ได้ไม่ยากว่าของที่น้องชายโสภาหอบเข้ามาในร้านนั้นคือภาพวาดนั่นเอง ชายในชุดม่อฮ่อมเดินออกมาต้อนรับเขาเฉกเช่นลูกค้า



กำพลกับโป่งยื่นหน้าไปมองรถของโสภาที่ขับเข้ามาจอดไว้ที่บริเวณบ้าน ในใจก็อดปลาบปลื้มกับน้ำใจของสองพี่น้องนี้ไม่น้อยเลย ที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาและลูกในยามที่ได้รับความเดือดร้อน มันทำให้เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองเพิ่มขึ้นอีก เพราะความอยากของตัวเขาเองแท้ ๆ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมด

“กลับมาเร็วจังเลยลูก พอจะขายได้หรือเปล่า”
กำพลถามออกไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า งานศิลปะนั้นไม่ได้ขายกันได้ง่าย ๆ
“ยังค่ะคุณพ่อ คงต้องรอสักระยะค่ะ ระหว่างนี้ เราก็เก็บข้าวของรอไว้เลยค่ะ ถ้าขายไม่ได้เพลงก็จะพาคุณพ่อกับลุงโป่งไปเช่าอพาร์ทเม้นอยู่ พอมีเงินหน่อยเพลงถึงจะพาคุณพ่อไปเช่าบ้านเป็นหลังอยู่ค่ะ คุณพ่ออยู่ได้นะคะ” ระพีพรรณถามบิดา
“ที่ไหนมีลูก พ่อก็อยู่ได้ทั้งนั้นล่ะลูก พ่อกับเจ้าโป่งกินง่าย ๆ อยู่ง่าย ๆ มานานแล้ว”
เขาบอกลูกสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่อยากจะทำหน้า
เศร้าเสียใจให้ลูกได้เห็น เกรงว่าจะทำให้ลูกยิ่งเสียใจเพิ่มเข้าไปอีก

“ไปอยู่บ้านหนูก็ได้ค่ะคุณลุง ไปนะเพลง ไปอยู่บ้านพี่ ถึงมันจะไม่หลังใหญ่ แต่ก็พออยู่กันได้นะ”
โสภาที่นั่งอยู่เสนอขึ้น
“ลุงก็คงจะแล้วแต่ยายเพลงล่ะหนูโสภา แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ นะ ที่ไม่ทอดทิ้งพวกเรา แค่นี้ลุงก็ดีใจมาก ๆ แล้วล่ะที่ได้รู้จักหนูกับน้อง” กำพลบอกด้วยใจจริง
“เพลงอยากจะรอดูก่อนค่ะพี่โสภา เอาไว้ให้เพลงไม่มีที่ไปจริง ๆ ก่อนนะคะ แล้วเพลงค่อยไปรบกวนพี่ค่ะ”
ระพีพรรณบอกเพื่อเป็นการยืนยันคำตอบ

“เอายังงี้ดีไหมครับคุณท่าน ไปอยู่บ้านสวนของผมที่ปทุมดีมั้ยครับ บ้านที่คุณท่านเคยไถ่คืนจากเจ้าหนี้ให้ผมตั้งแต่ที่คุณเพลงยังเล็ก ๆ อยู่คุณท่านจำได้หรือเปล่าครับ” โป่งที่นั่งฟังอยู่นานเสนอความคิดนี้ขึ้นด้วยความดีใจ เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้
“ฉันจำไม่ได้หรอกโป่ง”
กำพลบอกตรง ๆ ในระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของโสภาดังขึ้น แล้วโสภาก็เดินออกไปจากวงสนทนา
“ก็ที่ดินที่ติดกับของพี่เปลวไงครับคุณท่าน ที่พ่อผมเอาไปจำนองไว้ที่บ่อน จนโดนพวกที่บ่อนมันมายึดแล้วทำร้ายพ่อผมคราวก่อนไงครับ” โป่งพยายามเตือนความจำเจ้านาย

“เอ่อ...จริงสิเจ้าโป่ง ฉันก็ลืมไปเลย แล้วไม่มีใครอยู่เหรอ” กำพลถามเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้
“เท่าที่ผมรู้ก็ไม่มีครับ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมว่าให้ผมไปดูลาดเลาก่อนดีกว่าครับว่าจะสะดวกคุณท่านหรือเปล่า”
โป่งเสนอขึ้น
“งั้นเพลงจะไปกับลุงโป่งนะคะ” ระพีพรรณรีบเสนอ
“เพลงนายเต้ยเพิ่งโทรมาบอกพี่ ว่าภาพของเพลงขายได้แล้วล่ะ คนซื้อเขาไม่เกี่ยงราคาเลย เขาให้เอาไปส่งพรุ่งนี้ เดี๋ยวนายเต้ยจะจัดการให้ แล้วก็รับเงินสดมาได้เลย” โสภาเดินเข้ามาบอก

“จริงเหรอคะ”
หญิงสาวถามด้วยความดีใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นมากนัก ซึ่งผิดจากระพีพรรณคนก่อนในสายตาของโสภามาก
“จริงสิจ๊ะ...เอ้อ...เมื่อกี้คุยกันว่าจะไปดูบ้านลุงโป่งใช่มั้ย งั้นพี่ไปด้วยนะเพลง เอารถพี่ไปก็ได้ พี่อยากจะดูให้แน่ใจว่าเพลงกับคุณลุงจะอยู่ได้หรือเปล่า ถ้าไม่ไหวยังไง คงต้องมาอยู่บ้านพี่แล้วล่ะห้ามปฏิเสธนะ” โสภารีบดักทางเอาไว้

“ก็ได้ค่ะพี่โสภา งั้นวันนี้เราไปกันหมดนี่เลยดีมั้ยคะ จะได้พาคุณพ่อไปเปิดหูเปิดตาด้วย เอารถไปสองคันก็ได้ค่ะ เราไปด้วยกันนะคะคุณพ่อ”
“ได้สิลูก แต่ก็ลำบากหน่อยนะ ต้องยกขึ้นยกลง”
“ไม่ลำบากหรอกค่ะคุณลุง คุณลุงตัวไม่หนัก คินมาให้อุ้มขึ้นรถยังได้เลยค่ะ งั้นหนูว่าคุณลุงไปเตรียมตัวก่อนนะคะ ”
โสภาบอกพร้อมกับยิ้มให้กำพลด้วยความดีใจ ที่ได้เห็นสองพ่อลูกลืมความทุกข์โศกไปได้ชั่วขณะ



ใบหน้าที่บ่งบอกความผิดหวัง และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เด่นณรงค์ต้องละสายตาจากหนังสือที่แต่งเอาไว้ เพราะเขารู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้เขาต้องลบแล้วลบอีกตั้งแต่เริ่มลงมือเขียนหนังสือมาตั้งแต่เช้ามืดนั้นคืออะไร รูปหลาย ๆ ใบของระพีพรรณที่เขาบังเอิญเข้าไปพบในห้องที่เรือนกุหลาบถูกเขานำมาเก็บเอาไว้ดูต่างหน้าเธอ เขาเองก็บอกตัวเองไม่ได้ว่า รู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างน้องชายกับคนที่เขาเฝ้าหลงรักมานานแสนนาน

ระพีพรรณเวลานี้ กับเมื่อสิบกว่าปีที่เขารู้จัก ยังคงเป็นเหมือนคนเดิม ความน่ารัก ความเป็นคนมองโลกในแง่ดียังคงมีในตัวเธอล้นเปี่ยมในความรู้สึกของเขา หากจะมีสิ่งเปลี่นแปลงไปบ้างก็คงจะเป็นเพียงแค่รูปร่าง และหน้าตาที่สะสวย งดงามราวเทพธิดาสำหรับเขา ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอที่บ้านหลังนี้ มันทำให้เขาดีใจจนบอกไม่ถูก

ที่เขาจะได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขารัก และเขาก็มั่นใจว่า เขาคงจะทำให้เธอมีความรู้สึกดี ๆ กับเขาได้ไม่ยาก เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่มีวันที่จะรังเกียจผู้ชายที่มีประวัติเคยผ่านคุกผ่านตะรางมาแน่ แต่แล้วความหวังของเขาก็พังทลายลง เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงแม้น้องชายจะไม่ยอมรับในเรื่องที่ถูกกล่าวหา

แต่เขาเองก็ไม่สามารถปักใจเชื่อน้องชายได้ทั้งหมด เพราะเขารู้ดีว่าระพีพรรณคงจะไม่กุเรื่องขึ้นมาปรักปรำน้องชายเขาแน่ แต่เท่าที่เขารู้จักน้องมา ความเป็นลูกผู้ชายมีในตัวน้องล้นเปี่ยม ไม่น่าจะปฎิเสธความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป เว้นแต่ว่าน้องต้องการเพียงจะแก้แค้นให้กำพลเจ็บปวดเท่านั้น แต่ในใจนั้นเขาปรารถนาที่จะให้ลูกของระพีพรรณเป็นลูกคนอื่น มากกว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของน้องชายเขาเลย

เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะต้องรู้สึกผิดไม่น้อย ที่เอาความแค้นมาใส่ในหัวน้อง จนเป็นต้นเหตุให้น้องหาทางแก้แค้นให้สาสม หากเขาได้ทักท้วงหรือห้ามปรามน้องในเรื่องนี้บ้าง เขาคงจะรู้สึกดีกว่านี้ ถึงแม้เขาอยากจะเห็นกำพลได้รับผลกรรมมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ปรารถนาที่จะให้น้องใช้ระพีพรรณเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นเลยแม้แต่น้อย

และยิ่งการที่น้องถึงขั้นลงทุนทำให้ระพีพรรณตั้งท้องขึ้นมาแล้ว เขายิ่งไม่ปรารถนาที่จะได้ยินเลย เด่นณรงค์พักความคิดเอาไว้พร้อมเอนกายไปกับพนักเก้าอี้เพื่อคลายความเมื่อยล้า รูประพีพรรณถูกหยิบขึ้นมาให้เขาเชยชมใกล้ ๆ แล้วเขาก็ยิ้มให้กับเจ้าของรูปด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักยิ่ง ไม่นานเขาก็รีบลุกแล้วเดินออกจากห้องและลงไปชั้นล่างทันที

“เด่นจะไปไหนลูก” มารดาร้องถามเมื่อเห็นลูกชายคนโตทำท่าจะออกไปข้างนอก
“ผมจะไปหาดูอะไรหน่อยครับแม่ แล้วผมจะกลับมากินข้าวเที่ยงด้วยนะครับแม่ ผมไปก่อนนะ”
เขาหยุดบอกมารดาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแล้วก็เดินออกไป

รถคันหรูจอดไว้ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้เข้า ๆ ออก ๆ คอยรับใช้กำพลมาแล้ว สภาพบ้านยังคงสวยงามเหมือนเดิม หากเขาคิดไม่ผิดคงจะเป็นเพราะน้องให้คนมาคอยดูแลอยู่นั่นเอง เขามองผ่านประตูหน้าบ้าน เพื่อสำรวจเข้าไปข้างใน แล้วก็ตรงไปกดออดสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูเลย

เขาพบว่าประตูบ้านบานเล็กไม่ได้ล็อคเอาไว้ ทำให้เขาเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย และเดินตรงไปที่บ้านใหญ่ แต่ประตูก็ถูกปิดเงียบไว้ เขาสังเกตเห็นว่ามีถุงกระดาษเล็ก ๆ ห้อยอยู่กับที่จับประตู เขาไม่รอช้ารีบคว้าถุงมาเปิดดู ก็พบว่ามีกุญแจอยู่ด้านในนั้นสองดอก เขาไม่รอช้ารีบใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไปในบ้าน

แล้วเขาก็พบว่าบ้านทั้งบ้านนั้นว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เขาอยากจะมาพบหน้า เด่นณรงค์รีบเดินออกมานอกบ้านวิ่งตรงไปยังบ้านพักของโป่งที่เขาคุ้นเคย แต่ก็พบกับความว่างเปล่าอีกครั้ง และดูเหมือนว่าข้าวของต่าง ๆ ในบ้านของโป่งจะไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้เลย

“คุณเพลง คุณเพลงไปไหน”
เขาคร่ำครวญถามกับตัวเอง แล้วเขาก็ได้คำตอบในตัวเองให้เวลาต่อมาว่า จะไม่มีระพีพรรณให้เขาได้พบเห็นอีกต่อไปแล้ว
“นี่เรามาสายไปแล้วใช่มั้ย คุณเพลง คุณเพลงอยู่ไหน”
เสียงเขาพร่ำถามตัวเอง พร้อม ๆ กับสีหน้าที่แสดงความผิดหวังไม่น้อย
“คุณมาหาคนบ้านนี้เหรอคะ” หญิงวัยกลางคนที่เดินผ่านหน้าบ้านกำพลถาม เมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากบ้าน

“ครับป้ารู้มั้ยครับ ว่าคนบ้านนี้ย้ายไปไหน” เด่นณรงค์มีสีหน้าที่มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“เห็นตาโป่งบอกว่าย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดนะคะ แต่ป้าไม่รู้หรอกค่ะว่าจังหวัดอะไร แล้วคุณเป็นญาติใครเหรอคะ แล้วไม่มีใครบอกคุณเหรอว่าจะย้ายไปไหน” เธอถาม
“ไม่ได้บอกครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าที่ผิดหวังอีกครั้ง

“ป้าก็ไม่รู้หรอกว่าจะพากันไปอยู่ไหน แต่เมื่อสองสามวันนี่เห็นเขาขนข้าวของกัน ก็เลยให้เจ้าไก่ ลูกชายป้ามาช่วยตาโป่งขนของ แต่ป้าคิดว่าคงจะย้ายไปไม่ไกลหรอกค่ะ เพราะเห็นตาโป่งบอกว่าลูกสาวคุณกำพลจะต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ทุกวัน น่าจะพากันไปอยู่แถว ๆ ชานเมืองสักที่หนึ่ง” สาววัยกลางคนบอกตามที่เธอรู้

“เหรอครับ ขอบคุณป้ามากครับ” เด่นณรงค์บอกด้วยความขอบคุณจริง ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ บ้านป้าก็อยู่ใกล้ ๆ บ้านคุณกำพลค่ะ อยู่ทางโน้น ยังไงถ้าคุณมีอะไรก็ไปหาป้าได้นะคะ ป้าขายข้าวแกง แถวนี้มีอยู่ร้านเดียวถามใคร ๆ ก็รู้จัก งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ” เธอแสดงความมีน้ำใจต่อเขาด้วยความจริงใจ
“ครับขอบคุณ ป้าอีกครั้งนะครับ ถ้าผมมาแถวนี้อีกผมจะแวะไปเยี่ยมนะครับ”
เขากล่าวลาเธอ แล้วก็ขับรถออกไปอย่างช้า ๆ


“อ้าว...ดำ ยังไม่นอนอีกเหรอ”
เด่นณรงค์ทักน้องชายเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือใคร เขาเหลือดูนาฬิกาที่ผนังก็รู้ว่าดึกมากแล้ว
“ยังครับ แล้วพี่เด่นล่ะครับ”
ดนุพรถามและเข้ามาในห้องพี่ชาย ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่จัดเอาไว้หน้าระเบียง

“มีอะไรกับพี่หรือเปล่า แล้วหายไปไหนทำไมไม่มากินข้าวเย็นกับคุณแม่”
เด่นณรงค์ถาม เพราะเห็นน้องยังอยู่ในชุดทำงาน และปกติน้องจะไม่ค่อยเข้ามาคุยกับเขาในเวลานี้ เพราะคงไม่อยากจะกวนเวลาเขียนหนังสือของเขา
“เห็นคุณแม่บอกว่าอยากจะให้พี่ไปช่วยงานที่ออฟฟิศ ก็เลยมาถามดูว่าพี่เด่นจะว่ายังไง สนใจหรือเปล่าครับ”
เขาบอกความจำนงค์อย่างไม่อ้อมค้อม

“ได้สิ พี่ให้ดำช่วยคิดก็แล้วกันนะ ว่าคนอย่างพี่จะช่วยอะไรดำได้บ้าง เอ่อ...จริงสิ พี่เกือบลืมไป วันนี้พี่ไปบ้านคุณเพลงมา” ผู้เป็นพี่บอกแล้วก็ เว้นวรรคเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงของน้องชาย แต่ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตบนใบหน้าของน้อง
“แล้วไงครับ”
ดนุพรถามพี่ชายพร้อม ๆ กับแสดงอาการเมินเฉยให้พี่ชายเห็น แต่ในหัวใจของเขานั้น ไม่ได้ตรงกับใบหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

“พี่ไม่พบใครหรอก เห็นคนแถวนั้นบอกว่า คุณเพลงพาทุกคนย้ายไปต่างจังหวัดแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าไปไหน เห็นบอกว่าคงจะไปไม่ไกลมาก เพราะคุณเพลงจะต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ อยู่” เด่นณรงค์บอกตามที่รู้มา
“ก็ดีนี่ครับ ไป ๆ กันให้หมด ผมจะได้ให้คนเข้าไปทำความสะอาดบ้าน และเตรียมขายให้หมดเลย”
เขาบอกออกไปอย่างนั้น

“พี่ว่าอย่าเพิ่งเลยนะดำ ถ้าดำไม่ว่าอะไรพี่ขอเก็บไว้ก่อนได้มั้ย มันใจหายยังไงไม่รู้ เพราะเมื่อก่อนพี่เองก็เคยไปมาบ้านนั้นบ่อย ๆ นะถือว่าพี่ขอก็แล้วกัน” เด่นณรงค์เอ่ยปากขอร้องเขาในที่สุด
“ก็ได้ครับ ผมไม่รีบอยู่แล้ว ยังไงบ้านนั้นก็เป็นของพวกเราอยู่วันยังค่ำ จะทำอะไร จะขายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครมาว่าอะไร”
“ดำ ถ้าพี่จะถามอะไรตรง ๆ ดำพอจะตอบพี่ได้มั้ย” เขาตัดสินใจถามในสิ่งที่เขาคาใจมาหลายวันแล้ว
“ได้สิครับ พี่เด่นมีอะไร” เขาถามพี่ชายกลับ ทั้ง ๆ ที่พอจะเดาออกว่าคำถามคืออะไร

“เรื่องลูกในท้องคุณเพลง เอ่อ...ดำ....เอ่อ...”
เด่นณรงค์เริ่มแต่ก็ยังคงลังเล เพราะในใจนั้นก็กลัวอารมณ์ของน้องชายไม่น้อย
“พี่เด่นจะให้ผมบอกสักกี่ครั้งครับ ว่าไม่ใช่ ผมไม่เคยยุ่งอะไรแม่คุณเพลงของพี่เด่นสักครั้งเดียว พอใจหรือยังครับ”
เขารีบตอบออกไปเหมือนจะเตรียมคำตอบเอาไว้แล้วก็ไม่ปาน แต่ก็ไม่ทันที่จะได้พูดคุยอะไรกันอีก ก็มีเสียงเคาะประตู แล้วแตนก็เข้ามา

“คุณเด่นคะ คุณท่านให้ไปพบข้างล่างค่ะ” แตนบอกแล้วก็ออกจากห้องไป
“เอ...ดึกแล้วทำไมคุณแม่ยังไม่นอนก็ไม่รู้...งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ ถ้าดำไม่รีบนอนก็รอพี่ก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกัน พี่จะไปไม่นานหรอก”
เด่นณรงค์บอกก่อนจะเดินตามแตนออกไป ทิ้งให้เขานั่งรอในห้องนอน ไม่นานดนุพรก็ลุกเดินไปสำรวจดูอะไรไปรอบ ๆ ห้อง แล้วเขาก็พบกับสมุดบันทึกที่ถูกกางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของพี่ชาย

แล้วเขาก็บังเอิญได้อ่านสิ่งที่พี่ชายเพิ่งจะเขียนเอาไว้ถึงระพีพรรณด้วยความไม่ตั้งใจ เขาก็เหลือบไปเห็นรูปของระพีพรรณที่ถูกซุกเอาไว้ใต้สมุดบันทึก

“ครั้งแรกที่พี่เห็นและได้รู้ว่าคุณเพลงมาทำงานที่นี่ พี่รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่เราจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอีกครั้ง แต่แล้วมันก็ไม่เป็นไปตามที่พี่ตั้งใจเอาไว้ วันนี้พี่รู้สึกโกรธตัวเองอย่างมาก ที่พี่ไปช้าอีกแล้ว และมันอาจจะทำให้พี่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ พี่เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณเพลงหนีพี่ไปอยู่ที่ไหน คุณเพลงจะรู้บ้างไหม ว่าการที่เราต้องสูญเสียคนที่เรารักไป มันเป็นยังไง หากฟ้าดินไม่โหดร้ายกับพี่มากเกินไป ขอจงดลบันดาลให้พี่ได้พบคุณเพลงอีกครั้งด้วยเถิด พี่จะไม่ยอมให้คุณเพลงต้องพบกับความทุกข์ใจอีกเลย”
ความไม่เข้าใจเริ่มแล่นเข้ามาในความคิดของเขาได้ไม่ยากเลย แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจมากไปกว่านั้นก็คือ ทำไมพี่ชายถึงได้มีความรู้สึกที่พิเศษกับระพีพรรณ

ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะได้พบกันเมื่อไม่กี่วันก่อนจะเกิดเรื่อง หรือว่าจะตั้งแต่สมัยที่ระพีพรรณยังเด็ก ๆ แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อก่อนที่พี่ชายเขาจะถูกจับ ระพีพรรณน่าจะอายุแค่สิบกว่าขวบเท่านั้น แล้วรูปพวกนี้ล่ะ พี่ชายเขาเอามาจากไหน ดนุพรไม่คิดจะรอคุยกับพี่ชายอีกต่อไปแล้ว

เขารีบพาตัวเองออกมาจากห้องโดยเร็ว และเดินเข้าห้องตัวเองไป แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกับเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจดำเนินตามแผนที่วางเอาไว้ เขาก็ต้องต่อสู้กับตัวเองไม่น้อย เพื่อขจัดความอ่อนไหวของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยสำหรับเขา ที่จะต้องบีบหัวใจให้มีความเข้มแข็ง และให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ

เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ระพีพรรณมีอิทธิพลในหัวใจเขามากแค่ไหน เขาดีใจเป็นที่สุดที่ตัวเองเอาชนะอุปสรรคนั้นมาได้ แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะกลับกลายเป็นคนทำร้ายจิตใจพี่ชายตัวเอง แล้วนี่เขาจะทำยังไง เหล้าในห้องถูกเขาคว้ามาดื่มเพื่อดับความคิดที่ฟุ้งซ่าน และมันก็เป็นเพื่อนเขาได้ดีเหลือเกินในเวลานี้







 

Create Date : 09 ตุลาคม 2551
3 comments
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:04:57 น.
Counter : 666 Pageviews.

 

มาแล้ว ช่วงนี้คนเขียนมาเลทแต่ก็ยังอุตส่าห์มาอัพให้ทุกวันเลย อัพเสร็จมีปลุกบอกอีก โห..มีวิญญานนักเขียนมากมาย ขอบคุณค่าาา เอารูปลงมะด้ายอ่ะ สงสัยไม่ได้เปนสมาชิกมั้ง เอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 10 ตุลาคม 2551 6:01:27 น.  

 

เข้ารอบที่ร้อยเเล้ว

สงสัยคนเเต่งยังม่ะตื่นเเน่เลย

ตื่นมาอับเลยค่ะ

อิอิ

อรุนสวัสค่ะ

 

โดย: ออย IP: 222.123.217.82 10 ตุลาคม 2551 10:43:28 น.  

 

ขอโทษอย่างแรงค่ะ ที่มาอัพสาย
ต่อไปนี้คงจะได้มาอัพเวลานี้ตลอดแน่ ๆ เลยค่ะ

เพราะตอนเช้าต้องไปเป็นคนสวนก่อนค่ะ
ไม่ว่ากันนะออยจ๋า น้องติ๊กด้วย และคนอ่านผู้น่ารักทุก ๆ คนค่ะ

 

โดย: ธัญญะ 10 ตุลาคม 2551 10:57:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.