รอยอาญา ๒๔ (ธัญรัตน์)
สีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังได้รับทุกข์ใจขนาดหนัก น้ำตาแห่งความเสียใจที่ได้รับรู้เรื่องราวจากโสภาเมื่อคืน โดยที่โสภาให้ระพีพรรณขึ้นไปนอนที่ห้องนอน เพราะไม่อยากให้สะเทือนใจมากไปกว่านี้ แล้วโสภาก็รับหน้าที่เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ให้เขาได้รับรู้
กำพลมองไปยังบุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา ที่ตั้งแต่เช้าก็มานั่งอยู่ม้าหินริมแม่น้ำ โดยที่เขาปล่อยให้บุตรสาวได้คิดอะไร ๆ ตามลำพัง จนเขาคิดว่าทิ้งให้เธออยู่คนเดียวนานมากพอแล้ว จึงตัดสินใจเข้ามาหาด้วยความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าลูกสาว
ยายเพลงลูกพ่อ
เสียงที่เปล่งออกมาแทบจะไม่ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ได้ยิน แต่ระพีพรรณก็หันหน้ามาหาบิดา ความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ได้กลั่นกรองออกมาเป็นน้ำตา แสดงให้บิดาเห็นด้วยยากที่จะปิดบังเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เป็นพ่อ แล้วก้มลงกราบไปแทบเท้าของพ่อด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือความเสียใจ เสียใจที่ทำภาระกิจไม่สำเร็จ เสียใจที่ไม่ฟังคำทัดทานของพ่อเมื่อครั้งแรก เสียใจกับผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง พร้อมกับคำถามที่เกิดขึ้นในหัวใจว่า
ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายกับเธอขนาดนี้ ยายเพลงลูกพ่อ ทำไมลูกจะต้องมาเจอกับเรื่องที่ลูกไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นด้วย ทำไม ทำไม กำพลเอื้อมมือไปลูบศีรษะบุตรสาว แล้วน้ำตาของลูกผู้ชายอย่างเขา ก็ไหลอาบแก้มที่หยาบกร้านลงมาโดยที่เขาไม่คิดจะอายลูกแม้แต่น้อย เขาพูดได้แค่นั้น ร่างทั้งสองก็ประสานเข้าหากัน และร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจและผิดหวังกับสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ เพลงขอโทษค่ะคุณพ่อ เพลงไม่ดีเอง เพลงทำให้คุณพ่อผิดหวัง เพลงขอโทษค่ะ เพลงขอโทษ ระพีพรรณพร่ำบอกผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
พ่อต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษเพลง พ่อไม่ดีเอง ทำให้เพลงต้องเป็นแบบนี้ พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ เขาพูดและก็ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองในอดีต คุณพ่อไม่ผิดค่ะ คุณพ่ออย่าโทษตัวเองเลยนะคะ คุณพ่อเป็นพ่อที่ดีที่สุดของเพลง เพลงรักคุณพ่อค่ะ เธอปลอบผู้เป็นพ่อให้รู้สึกสบายใจขึ้น และมันก็ทำให้กำพลยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความตื้นตันในความเข้มแข็งของลูกสาวยิ่งนัก
พ่อจะไปพูดกับนายดำเอง มันจะให้พ่อทำอะไรก็ได้ พ่อยอมทำทั้งนั้น ถ้ามันคิดว่าความผิดที่พ่อทำไว้จะต้องแลกด้วยชีวิตพ่อ พ่อก็ยอม ขออย่างเดียวอย่ามาทำให้ลูกพ่อต้องเจ็บช้ำจากเรื่องในอดีตที่พ่อเป็นคนก่อเอาไว้ พ่อทนไม่ได้ ให้พ่อเป็นอะไรก็ได้ แต่อย่ามาทำกับลูกพ่อแบบนี้ พ่อเสียใจลูก พ่อเสียใจ กำพลพูดออกมาด้วยความเจ็บแค้นไม่แพ้กัน อย่าเลยค่ะคุณพ่อ มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว เธอบอกแล้วก็ร่ำร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
พ่อจะอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้คนอื่นมารังแกลูกพ่อไม่ได้ เพลงไม่ผิด พ่อเองต่างหากที่ผิด ถ้าเขาอยากจะแก้แค้นก็ให้มาทำกับพ่อนี่ พ่อเอง พ่อมันไม่ดี พ่อมันเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้ พ่อไม่ดีเอง พ่อขอโทษนะลูก พ่อทนที่จะเห็นลูกพ่อเจ็บไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นายดำมันอยากจะได้อะไร มันต้องการให้พ่อต้องเจ็บแค่ไหนมันถึงจะพอใจ แค่นี้มันยังไม่สาสมใช่ไหม มันถึงได้เอาความแค้นมาลงที่ลูกของพ่อ เขาพร่ำด่าตัวเองให้บุตรสาวฟังด้วยสีหน้าของคนที่เจ็บปวดไม่แพ้กับผู้ที่ถูกกระทำ
คุณพ่ออย่าไปโทษเขาเลยค่ะ เพลงไม่ดีเอง เพลงโง่เองค่ะ โง่ที่คิดว่าเขาจะคืนทุกอย่างให้เรา เพลงน่าจะได้คิด เพลงน่าจะเชื่อคุณพ่อ เชื่อพี่โสภา และเชื่อลุงโป่ง ทุกคนเตือนเพลงแล้ว แต่เพลงเองต่างหากที่ไม่ยอมฟังคำของใคร เธอบอกบิดาและโอบกอดบิดาเอาไว้ด้วยความเสียใจเป็นที่สุด น้ำตาของบุตรสาวทำให้กำพลพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กอดลูกสาวเอาไว้ประหนึ่งอยากจะให้อ้อมแขนของเขา คลายความทุกข์กังวลให้ลูกสาวได้ก็ไม่ปาน พ่อว่าเราลืมเรื่องเก่า ๆ กันเถอะนะลูก เรามาตั้งต้นกันใหม่ดีกว่า ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป กำพลพูดทั้งที่น้ำตายังคงอาบแก้มอยู่ และยังคงโอบกอดบุตรสาวเอาไว้
คุณพ่อคะ เพลงขออะไรคุณพ่อสักอย่างได้ไหมคะ ได้สิลูก ไม่ว่าเพลงจะขออะไรพ่อก็ให้เพลงได้ทั้งนั้น เพลงคือดวงใจของพ่อนะลูก เขาบอกและเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกสาวไว้ด้วยความรัก บ้านนี้ก็ไม่ใช่บ้านของเราแล้ว และมันก็คงจะไม่มีวันเป็นของเราได้อีกแล้ว เราย้ายไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เพลงไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้วค่ะ สิ้นเสียงพูดน้ำตาแห่งความเสียใจมันก็ไหลออกมาอีกระลอก เมื่อมีใบหน้าคมสันของเขาผุดขึ้นในมโนภาพ
ได้สิลูก พ่อเองก็ไม่อยากได้มันอีกต่อไปแล้ว ถ้าพ่อรู้แต่แรกว่ามันจะทำให้ลูกพ่อเจ็บปวดได้มากขนาดนี้ พ่อจะไม่มีวันอยากได้มันกลับมาเลย ในเมื่อมันเป็นของเขาก็คืนเขาไป เราไปอยู่ที่อื่นก็ได้ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ เขาถามออกไปเพราะตัวเองก็มืดแปดด้านในขณะนี้ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวก็แทบจะไม่มีสมบัติมีค่าติดตัวอยู่เลย เพลงก็ยังไม่รู้ค่ะ แต่ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เพลงก็จะไปค่ะ บ้านนี้เป็นบ้านของเขา เขาคงไม่ให้เราอยู่อีกต่อไปแล้วค่ะ เธอไม่อาจจะบอกบิดาได้ว่า เจ้าของที่แท้จริง เขาเอ่ยปากไล่เธอมาแล้ว
เราค่อย ๆ คิดก่อนดีกว่านะลูก จะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ เราไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยอีกต่อไปแล้วนะลูก เขาไม่วายที่จะรอบคอบเพราะห่วงทายาทที่กำลังจะถือกำเนิดมาในอีกไม่นานนี้ เอาไว้ให้เพลงปรึกษาพี่โสภาดูก่อนนะคะ เผื่อจะมีลู่ทางอะไรให้เราได้บ้าง เธอบอกออกไปแค่นั้น แล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกคำรบหนึ่ง จนทำให้ผู้เป็นพ่อ ไม่อาจจะคัดค้านหรือพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว ได้แต่มองหน้าบุตรสาวด้วยความห่วงใย
โสภาค่อย ๆ แง้มประตูห้องนอนของระพีพรรณอย่างช้า ๆ สายตาก็มองไปยังเพื่อนต่างวัยที่แทบจะทั้งบ่ายเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนี้ ความเจ็บช้ำที่ระพีพรรณมีนั้น โสภาเข้าใจความรู้สึกได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่รู้จะแบ่งปันความทุกข์มาจากเพื่อนได้ยังไง ได้แต่คอยให้กำลังใจอยู่ใกล้ ๆ
เพลง...เห็นคุณลุงบอกว่าเพลงจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะเอายังไง ไปอยู่บ้านพี่เอามั้ย โสภาทำลายความเงียบด้วยคำถามและทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ เพื่อน อย่าเลยค่ะพี่โสภา เพลงอยากจะช่วยเหลือตัวเองบ้าง เธอบอกแค่นั้น ขอบคุณพี่โสภามาก ๆ นะคะ แต่เพลงไม่อยากจะไปรบกวนพี่โสภาค่ะ แค่นี้พี่กับภคินก็ช่วยเพลงมามากแล้ว เธอบอก
รบกวนอะไรกันเพลง ทีเพลงน่ะยังช่วยพี่มาตั้งหลายเรื่อง เวลาเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ถ้าเพลงไม่ไปอยู่บ้านพี่ แล้วเพลงจะไปอยู่ที่ไหนกัน อะไร ๆ ก็ยังไม่พร้อมเลย เงินทองติดตัวก็ไม่มี แล้วจะทำยังไง โสภาเตือน ถ้าพี่โสภาจะช่วย ก็ช่วยเอาข้าวของพวกนี้ ไปขายให้เพลงจะได้หรือเปล่าคะ เธอบอกและก็หันหน้าไปทางสมบัติที่เธอรักและหวงแหนมาก นั่นก็คือ ภาพ ที่วาดสะสมเอาไว้ และก็กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอและของอื่น ๆ ที่เก็บเอาไว้
ของนี่น่ะเหรอเพลง มันจะได้เงินสักกี่บาทกัน แล้วภาพมันก็ไม่ได้ขายได้ง่าย ๆ นะ โสภาอดที่จะห่วงไม่ได้ ขายได้เท่าไหร่ก็เอาแค่นั้นค่ะ พี่โสภาเคยบอกเพลงว่ามีเพื่อนเปิดแกลเลอรี่อยู่ใช่ไหมคะ เพลงรบกวนช่วยพาเพลงไปหน่อยได้ไหมคะ เพลงจะเอาภาพไปฝากเขาขาย เธอบอกออกไปอย่างนั้น
ก็ได้จ๊ะเพลง ถ้าวิธีนี้จะทำให้เพลงสบายใจมากกว่าจะรบกวนพี่ แต่ถ้าเกิดขายของพวกนี้ได้เงินน้อย พี่จะไม่ยอมให้เพลงพาคุณลุงไปตกระกำลำบากที่อื่นนะ เพลงจะต้องไปอยู่บ้านพี่ก่อน ตกลงมั้ย โสภาไม่ละความพยายาม แต่ระพีพรรณก็ได้แต่หันมายิ้มให้เพื่อนยามยากด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจ้าของไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่าความรำคาญกับเสียงเรียก ดนุพรเดินมากดดูก็รู้ว่าเป็นสายเรียกเข้าจากทางบ้าน และพิสิทธิ์เพื่อนที่รู้ใจ แต่เขาก็ตัดสินใจปิดโทรศัพท์ไปในที่สุด แล้วก็เดินออกไปที่ระเบียงหันหลังให้กับภาพของวันวานที่มีร่องรอยของผู้ที่กำลังจะให้กำเนิดสายเลือดของเขา
แต่ไม่นานเขาก็หันหน้ากลับมาเผชิญกับมัน แล้วภาพที่ระพีพรรณแบกหน้ามาบอกข่าวการตั้งท้องกับเขาก็ปรากฏขึ้นได้ไม่ยาก ภาพใบหน้าที่มองเขาด้วยความเจ็บปวดก็ผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของเขา แต่สภาพที่เจ็บปวดยิ่งของเขาในขณะนี้ ที่ทั้งระพีพรรณและคนอื่น ๆ คงจะไม่มีวันได้เห็นมัน คงจะไม่มีใครรู้หรอกว่า เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร กับสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจลงไป
ใช่ เพราะวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้าย ที่ฉันคิดว่าจะหยุดเธอได้ ทีนี้เธอเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ก็ช่วยออกไปจากชีวิตของพวกฉันได้แล้ว ไปให้พ้น ๆ หน้าฉัน เอาพ่อและคนของเธอออกจากบ้านฉันไปด้วย ฉันไม่อยากให้เลือดชั่ว ๆ ของพวกเธอไปแปดเปื้อนบนแผ่นดินฉันอีก
คำพูดของเขาวันนั้นยังก้องอยู่ในหูจนยากที่จะลืมเลือนได้ แล้วเขาก็เหมือนจะได้คิดอะไร จึงไม่ยอมรอช้า รีบไปหยิบกุญแจรถและออกจากห้องไปโดยเร็ว
ไม่นานรถสปอร์ตของเขาก็มาจอดห่างจากประตูบ้านกำพลไม่มากนัก เขาหยุดรถเอาไว้แค่นั้น แล้วก็หลับตาลงไปช้า ๆ คล้าย ๆ จะไตร่ตรองเรื่องราวต่าง ๆ อีกครั้ง ไม่นานก็ลืมตาขึ้นและเขาก็เหลือบไปเห็นรถที่เพิ่งจะเคลื่อนตัวออกจากตัวบ้าน เขาจำได้ว่าเป็นรถของโสภานั่นเอง เขาไม่รอช้า รีบขับตามไปห่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ผู้ที่อยู่ในรถนั้นเป็นใคร แต่มันก็คงจะดีเสียกว่าที่เขาต้องมาจอดรถเฝ้าดูรั้วบ้านเท่านั้น
ในที่สุดรถก็จอดที่หน้าตึกแถวสองคูหา เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นร้านอะไร แต่ก็เห็นผู้อยู่ด้านในร้านที่แต่งกายด้วยชุดม่อฮ่อมทั้งชุดเดินออกมาต้อนรับ แล้วเขาก็เห็นโสภาและระพีพรรณลงจากรถ โดยมีผู้ชายที่เขาจำได้ว่าเป็นน้องชายของโสภาเดินไปเปิดกระโปรงรถ หอบเอาข้าวของหลายชิ้นเดินตามชายในชุดม่อฮ่อมเข้าไปในร้าน
เขารอจนคนทั้งสามเดินออกมาที่รถแล้วก็ขับออกไป รอจนแน่ใจว่าจะไม่มีใครกลับมาที่ร้านอีก จึงเดินตรงไปที่ตึกแถวพร้อม ๆ กับแว่นกันแดดเพื่อพลางหน้าเอาไว้ ทันทีที่รู้ว่าเป็นแกลลอรี่เขาเดาก็ได้ไม่ยากว่าของที่น้องชายโสภาหอบเข้ามาในร้านนั้นคือภาพวาดนั่นเอง ชายในชุดม่อฮ่อมเดินออกมาต้อนรับเขาเฉกเช่นลูกค้า
กำพลกับโป่งยื่นหน้าไปมองรถของโสภาที่ขับเข้ามาจอดไว้ที่บริเวณบ้าน ในใจก็อดปลาบปลื้มกับน้ำใจของสองพี่น้องนี้ไม่น้อยเลย ที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาและลูกในยามที่ได้รับความเดือดร้อน มันทำให้เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองเพิ่มขึ้นอีก เพราะความอยากของตัวเขาเองแท้ ๆ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมด
กลับมาเร็วจังเลยลูก พอจะขายได้หรือเปล่า กำพลถามออกไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า งานศิลปะนั้นไม่ได้ขายกันได้ง่าย ๆ ยังค่ะคุณพ่อ คงต้องรอสักระยะค่ะ ระหว่างนี้ เราก็เก็บข้าวของรอไว้เลยค่ะ ถ้าขายไม่ได้เพลงก็จะพาคุณพ่อกับลุงโป่งไปเช่าอพาร์ทเม้นอยู่ พอมีเงินหน่อยเพลงถึงจะพาคุณพ่อไปเช่าบ้านเป็นหลังอยู่ค่ะ คุณพ่ออยู่ได้นะคะ ระพีพรรณถามบิดา ที่ไหนมีลูก พ่อก็อยู่ได้ทั้งนั้นล่ะลูก พ่อกับเจ้าโป่งกินง่าย ๆ อยู่ง่าย ๆ มานานแล้ว เขาบอกลูกสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่อยากจะทำหน้า เศร้าเสียใจให้ลูกได้เห็น เกรงว่าจะทำให้ลูกยิ่งเสียใจเพิ่มเข้าไปอีก
ไปอยู่บ้านหนูก็ได้ค่ะคุณลุง ไปนะเพลง ไปอยู่บ้านพี่ ถึงมันจะไม่หลังใหญ่ แต่ก็พออยู่กันได้นะ โสภาที่นั่งอยู่เสนอขึ้น ลุงก็คงจะแล้วแต่ยายเพลงล่ะหนูโสภา แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ นะ ที่ไม่ทอดทิ้งพวกเรา แค่นี้ลุงก็ดีใจมาก ๆ แล้วล่ะที่ได้รู้จักหนูกับน้อง กำพลบอกด้วยใจจริง เพลงอยากจะรอดูก่อนค่ะพี่โสภา เอาไว้ให้เพลงไม่มีที่ไปจริง ๆ ก่อนนะคะ แล้วเพลงค่อยไปรบกวนพี่ค่ะ ระพีพรรณบอกเพื่อเป็นการยืนยันคำตอบ
เอายังงี้ดีไหมครับคุณท่าน ไปอยู่บ้านสวนของผมที่ปทุมดีมั้ยครับ บ้านที่คุณท่านเคยไถ่คืนจากเจ้าหนี้ให้ผมตั้งแต่ที่คุณเพลงยังเล็ก ๆ อยู่คุณท่านจำได้หรือเปล่าครับ โป่งที่นั่งฟังอยู่นานเสนอความคิดนี้ขึ้นด้วยความดีใจ เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ฉันจำไม่ได้หรอกโป่ง กำพลบอกตรง ๆ ในระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของโสภาดังขึ้น แล้วโสภาก็เดินออกไปจากวงสนทนา ก็ที่ดินที่ติดกับของพี่เปลวไงครับคุณท่าน ที่พ่อผมเอาไปจำนองไว้ที่บ่อน จนโดนพวกที่บ่อนมันมายึดแล้วทำร้ายพ่อผมคราวก่อนไงครับ โป่งพยายามเตือนความจำเจ้านาย
เอ่อ...จริงสิเจ้าโป่ง ฉันก็ลืมไปเลย แล้วไม่มีใครอยู่เหรอ กำพลถามเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ เท่าที่ผมรู้ก็ไม่มีครับ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมว่าให้ผมไปดูลาดเลาก่อนดีกว่าครับว่าจะสะดวกคุณท่านหรือเปล่า โป่งเสนอขึ้น งั้นเพลงจะไปกับลุงโป่งนะคะ ระพีพรรณรีบเสนอ เพลงนายเต้ยเพิ่งโทรมาบอกพี่ ว่าภาพของเพลงขายได้แล้วล่ะ คนซื้อเขาไม่เกี่ยงราคาเลย เขาให้เอาไปส่งพรุ่งนี้ เดี๋ยวนายเต้ยจะจัดการให้ แล้วก็รับเงินสดมาได้เลย โสภาเดินเข้ามาบอก
จริงเหรอคะ หญิงสาวถามด้วยความดีใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นมากนัก ซึ่งผิดจากระพีพรรณคนก่อนในสายตาของโสภามาก จริงสิจ๊ะ...เอ้อ...เมื่อกี้คุยกันว่าจะไปดูบ้านลุงโป่งใช่มั้ย งั้นพี่ไปด้วยนะเพลง เอารถพี่ไปก็ได้ พี่อยากจะดูให้แน่ใจว่าเพลงกับคุณลุงจะอยู่ได้หรือเปล่า ถ้าไม่ไหวยังไง คงต้องมาอยู่บ้านพี่แล้วล่ะห้ามปฏิเสธนะ โสภารีบดักทางเอาไว้
ก็ได้ค่ะพี่โสภา งั้นวันนี้เราไปกันหมดนี่เลยดีมั้ยคะ จะได้พาคุณพ่อไปเปิดหูเปิดตาด้วย เอารถไปสองคันก็ได้ค่ะ เราไปด้วยกันนะคะคุณพ่อ ได้สิลูก แต่ก็ลำบากหน่อยนะ ต้องยกขึ้นยกลง ไม่ลำบากหรอกค่ะคุณลุง คุณลุงตัวไม่หนัก คินมาให้อุ้มขึ้นรถยังได้เลยค่ะ งั้นหนูว่าคุณลุงไปเตรียมตัวก่อนนะคะ โสภาบอกพร้อมกับยิ้มให้กำพลด้วยความดีใจ ที่ได้เห็นสองพ่อลูกลืมความทุกข์โศกไปได้ชั่วขณะ
ใบหน้าที่บ่งบอกความผิดหวัง และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เด่นณรงค์ต้องละสายตาจากหนังสือที่แต่งเอาไว้ เพราะเขารู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้เขาต้องลบแล้วลบอีกตั้งแต่เริ่มลงมือเขียนหนังสือมาตั้งแต่เช้ามืดนั้นคืออะไร รูปหลาย ๆ ใบของระพีพรรณที่เขาบังเอิญเข้าไปพบในห้องที่เรือนกุหลาบถูกเขานำมาเก็บเอาไว้ดูต่างหน้าเธอ เขาเองก็บอกตัวเองไม่ได้ว่า รู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างน้องชายกับคนที่เขาเฝ้าหลงรักมานานแสนนาน
ระพีพรรณเวลานี้ กับเมื่อสิบกว่าปีที่เขารู้จัก ยังคงเป็นเหมือนคนเดิม ความน่ารัก ความเป็นคนมองโลกในแง่ดียังคงมีในตัวเธอล้นเปี่ยมในความรู้สึกของเขา หากจะมีสิ่งเปลี่นแปลงไปบ้างก็คงจะเป็นเพียงแค่รูปร่าง และหน้าตาที่สะสวย งดงามราวเทพธิดาสำหรับเขา ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอที่บ้านหลังนี้ มันทำให้เขาดีใจจนบอกไม่ถูก
ที่เขาจะได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขารัก และเขาก็มั่นใจว่า เขาคงจะทำให้เธอมีความรู้สึกดี ๆ กับเขาได้ไม่ยาก เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่มีวันที่จะรังเกียจผู้ชายที่มีประวัติเคยผ่านคุกผ่านตะรางมาแน่ แต่แล้วความหวังของเขาก็พังทลายลง เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงแม้น้องชายจะไม่ยอมรับในเรื่องที่ถูกกล่าวหา
แต่เขาเองก็ไม่สามารถปักใจเชื่อน้องชายได้ทั้งหมด เพราะเขารู้ดีว่าระพีพรรณคงจะไม่กุเรื่องขึ้นมาปรักปรำน้องชายเขาแน่ แต่เท่าที่เขารู้จักน้องมา ความเป็นลูกผู้ชายมีในตัวน้องล้นเปี่ยม ไม่น่าจะปฎิเสธความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป เว้นแต่ว่าน้องต้องการเพียงจะแก้แค้นให้กำพลเจ็บปวดเท่านั้น แต่ในใจนั้นเขาปรารถนาที่จะให้ลูกของระพีพรรณเป็นลูกคนอื่น มากกว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของน้องชายเขาเลย
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะต้องรู้สึกผิดไม่น้อย ที่เอาความแค้นมาใส่ในหัวน้อง จนเป็นต้นเหตุให้น้องหาทางแก้แค้นให้สาสม หากเขาได้ทักท้วงหรือห้ามปรามน้องในเรื่องนี้บ้าง เขาคงจะรู้สึกดีกว่านี้ ถึงแม้เขาอยากจะเห็นกำพลได้รับผลกรรมมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ปรารถนาที่จะให้น้องใช้ระพีพรรณเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นเลยแม้แต่น้อย
และยิ่งการที่น้องถึงขั้นลงทุนทำให้ระพีพรรณตั้งท้องขึ้นมาแล้ว เขายิ่งไม่ปรารถนาที่จะได้ยินเลย เด่นณรงค์พักความคิดเอาไว้พร้อมเอนกายไปกับพนักเก้าอี้เพื่อคลายความเมื่อยล้า รูประพีพรรณถูกหยิบขึ้นมาให้เขาเชยชมใกล้ ๆ แล้วเขาก็ยิ้มให้กับเจ้าของรูปด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักยิ่ง ไม่นานเขาก็รีบลุกแล้วเดินออกจากห้องและลงไปชั้นล่างทันที
เด่นจะไปไหนลูก มารดาร้องถามเมื่อเห็นลูกชายคนโตทำท่าจะออกไปข้างนอก ผมจะไปหาดูอะไรหน่อยครับแม่ แล้วผมจะกลับมากินข้าวเที่ยงด้วยนะครับแม่ ผมไปก่อนนะ เขาหยุดบอกมารดาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแล้วก็เดินออกไป
รถคันหรูจอดไว้ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้เข้า ๆ ออก ๆ คอยรับใช้กำพลมาแล้ว สภาพบ้านยังคงสวยงามเหมือนเดิม หากเขาคิดไม่ผิดคงจะเป็นเพราะน้องให้คนมาคอยดูแลอยู่นั่นเอง เขามองผ่านประตูหน้าบ้าน เพื่อสำรวจเข้าไปข้างใน แล้วก็ตรงไปกดออดสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูเลย
เขาพบว่าประตูบ้านบานเล็กไม่ได้ล็อคเอาไว้ ทำให้เขาเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย และเดินตรงไปที่บ้านใหญ่ แต่ประตูก็ถูกปิดเงียบไว้ เขาสังเกตเห็นว่ามีถุงกระดาษเล็ก ๆ ห้อยอยู่กับที่จับประตู เขาไม่รอช้ารีบคว้าถุงมาเปิดดู ก็พบว่ามีกุญแจอยู่ด้านในนั้นสองดอก เขาไม่รอช้ารีบใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
แล้วเขาก็พบว่าบ้านทั้งบ้านนั้นว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เขาอยากจะมาพบหน้า เด่นณรงค์รีบเดินออกมานอกบ้านวิ่งตรงไปยังบ้านพักของโป่งที่เขาคุ้นเคย แต่ก็พบกับความว่างเปล่าอีกครั้ง และดูเหมือนว่าข้าวของต่าง ๆ ในบ้านของโป่งจะไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้เลย
คุณเพลง คุณเพลงไปไหน เขาคร่ำครวญถามกับตัวเอง แล้วเขาก็ได้คำตอบในตัวเองให้เวลาต่อมาว่า จะไม่มีระพีพรรณให้เขาได้พบเห็นอีกต่อไปแล้ว นี่เรามาสายไปแล้วใช่มั้ย คุณเพลง คุณเพลงอยู่ไหน เสียงเขาพร่ำถามตัวเอง พร้อม ๆ กับสีหน้าที่แสดงความผิดหวังไม่น้อย คุณมาหาคนบ้านนี้เหรอคะ หญิงวัยกลางคนที่เดินผ่านหน้าบ้านกำพลถาม เมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากบ้าน
ครับป้ารู้มั้ยครับ ว่าคนบ้านนี้ย้ายไปไหน เด่นณรงค์มีสีหน้าที่มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เห็นตาโป่งบอกว่าย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดนะคะ แต่ป้าไม่รู้หรอกค่ะว่าจังหวัดอะไร แล้วคุณเป็นญาติใครเหรอคะ แล้วไม่มีใครบอกคุณเหรอว่าจะย้ายไปไหน เธอถาม ไม่ได้บอกครับ เขาตอบด้วยสีหน้าที่ผิดหวังอีกครั้ง
ป้าก็ไม่รู้หรอกว่าจะพากันไปอยู่ไหน แต่เมื่อสองสามวันนี่เห็นเขาขนข้าวของกัน ก็เลยให้เจ้าไก่ ลูกชายป้ามาช่วยตาโป่งขนของ แต่ป้าคิดว่าคงจะย้ายไปไม่ไกลหรอกค่ะ เพราะเห็นตาโป่งบอกว่าลูกสาวคุณกำพลจะต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ทุกวัน น่าจะพากันไปอยู่แถว ๆ ชานเมืองสักที่หนึ่ง สาววัยกลางคนบอกตามที่เธอรู้
เหรอครับ ขอบคุณป้ามากครับ เด่นณรงค์บอกด้วยความขอบคุณจริง ๆ ไม่เป็นไรค่ะ บ้านป้าก็อยู่ใกล้ ๆ บ้านคุณกำพลค่ะ อยู่ทางโน้น ยังไงถ้าคุณมีอะไรก็ไปหาป้าได้นะคะ ป้าขายข้าวแกง แถวนี้มีอยู่ร้านเดียวถามใคร ๆ ก็รู้จัก งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ เธอแสดงความมีน้ำใจต่อเขาด้วยความจริงใจ ครับขอบคุณ ป้าอีกครั้งนะครับ ถ้าผมมาแถวนี้อีกผมจะแวะไปเยี่ยมนะครับ เขากล่าวลาเธอ แล้วก็ขับรถออกไปอย่างช้า ๆ
อ้าว...ดำ ยังไม่นอนอีกเหรอ เด่นณรงค์ทักน้องชายเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือใคร เขาเหลือดูนาฬิกาที่ผนังก็รู้ว่าดึกมากแล้ว ยังครับ แล้วพี่เด่นล่ะครับ ดนุพรถามและเข้ามาในห้องพี่ชาย ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่จัดเอาไว้หน้าระเบียง
มีอะไรกับพี่หรือเปล่า แล้วหายไปไหนทำไมไม่มากินข้าวเย็นกับคุณแม่ เด่นณรงค์ถาม เพราะเห็นน้องยังอยู่ในชุดทำงาน และปกติน้องจะไม่ค่อยเข้ามาคุยกับเขาในเวลานี้ เพราะคงไม่อยากจะกวนเวลาเขียนหนังสือของเขา เห็นคุณแม่บอกว่าอยากจะให้พี่ไปช่วยงานที่ออฟฟิศ ก็เลยมาถามดูว่าพี่เด่นจะว่ายังไง สนใจหรือเปล่าครับ เขาบอกความจำนงค์อย่างไม่อ้อมค้อม
ได้สิ พี่ให้ดำช่วยคิดก็แล้วกันนะ ว่าคนอย่างพี่จะช่วยอะไรดำได้บ้าง เอ่อ...จริงสิ พี่เกือบลืมไป วันนี้พี่ไปบ้านคุณเพลงมา ผู้เป็นพี่บอกแล้วก็ เว้นวรรคเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงของน้องชาย แต่ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตบนใบหน้าของน้อง แล้วไงครับ ดนุพรถามพี่ชายพร้อม ๆ กับแสดงอาการเมินเฉยให้พี่ชายเห็น แต่ในหัวใจของเขานั้น ไม่ได้ตรงกับใบหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
พี่ไม่พบใครหรอก เห็นคนแถวนั้นบอกว่า คุณเพลงพาทุกคนย้ายไปต่างจังหวัดแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าไปไหน เห็นบอกว่าคงจะไปไม่ไกลมาก เพราะคุณเพลงจะต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ อยู่ เด่นณรงค์บอกตามที่รู้มา ก็ดีนี่ครับ ไป ๆ กันให้หมด ผมจะได้ให้คนเข้าไปทำความสะอาดบ้าน และเตรียมขายให้หมดเลย เขาบอกออกไปอย่างนั้น
พี่ว่าอย่าเพิ่งเลยนะดำ ถ้าดำไม่ว่าอะไรพี่ขอเก็บไว้ก่อนได้มั้ย มันใจหายยังไงไม่รู้ เพราะเมื่อก่อนพี่เองก็เคยไปมาบ้านนั้นบ่อย ๆ นะถือว่าพี่ขอก็แล้วกัน เด่นณรงค์เอ่ยปากขอร้องเขาในที่สุด ก็ได้ครับ ผมไม่รีบอยู่แล้ว ยังไงบ้านนั้นก็เป็นของพวกเราอยู่วันยังค่ำ จะทำอะไร จะขายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครมาว่าอะไร ดำ ถ้าพี่จะถามอะไรตรง ๆ ดำพอจะตอบพี่ได้มั้ย เขาตัดสินใจถามในสิ่งที่เขาคาใจมาหลายวันแล้ว ได้สิครับ พี่เด่นมีอะไร เขาถามพี่ชายกลับ ทั้ง ๆ ที่พอจะเดาออกว่าคำถามคืออะไร
เรื่องลูกในท้องคุณเพลง เอ่อ...ดำ....เอ่อ... เด่นณรงค์เริ่มแต่ก็ยังคงลังเล เพราะในใจนั้นก็กลัวอารมณ์ของน้องชายไม่น้อย พี่เด่นจะให้ผมบอกสักกี่ครั้งครับ ว่าไม่ใช่ ผมไม่เคยยุ่งอะไรแม่คุณเพลงของพี่เด่นสักครั้งเดียว พอใจหรือยังครับ เขารีบตอบออกไปเหมือนจะเตรียมคำตอบเอาไว้แล้วก็ไม่ปาน แต่ก็ไม่ทันที่จะได้พูดคุยอะไรกันอีก ก็มีเสียงเคาะประตู แล้วแตนก็เข้ามา
คุณเด่นคะ คุณท่านให้ไปพบข้างล่างค่ะ แตนบอกแล้วก็ออกจากห้องไป เอ...ดึกแล้วทำไมคุณแม่ยังไม่นอนก็ไม่รู้...งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ ถ้าดำไม่รีบนอนก็รอพี่ก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกัน พี่จะไปไม่นานหรอก เด่นณรงค์บอกก่อนจะเดินตามแตนออกไป ทิ้งให้เขานั่งรอในห้องนอน ไม่นานดนุพรก็ลุกเดินไปสำรวจดูอะไรไปรอบ ๆ ห้อง แล้วเขาก็พบกับสมุดบันทึกที่ถูกกางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของพี่ชาย
แล้วเขาก็บังเอิญได้อ่านสิ่งที่พี่ชายเพิ่งจะเขียนเอาไว้ถึงระพีพรรณด้วยความไม่ตั้งใจ เขาก็เหลือบไปเห็นรูปของระพีพรรณที่ถูกซุกเอาไว้ใต้สมุดบันทึก
ครั้งแรกที่พี่เห็นและได้รู้ว่าคุณเพลงมาทำงานที่นี่ พี่รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่เราจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอีกครั้ง แต่แล้วมันก็ไม่เป็นไปตามที่พี่ตั้งใจเอาไว้ วันนี้พี่รู้สึกโกรธตัวเองอย่างมาก ที่พี่ไปช้าอีกแล้ว และมันอาจจะทำให้พี่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ พี่เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณเพลงหนีพี่ไปอยู่ที่ไหน คุณเพลงจะรู้บ้างไหม ว่าการที่เราต้องสูญเสียคนที่เรารักไป มันเป็นยังไง หากฟ้าดินไม่โหดร้ายกับพี่มากเกินไป ขอจงดลบันดาลให้พี่ได้พบคุณเพลงอีกครั้งด้วยเถิด พี่จะไม่ยอมให้คุณเพลงต้องพบกับความทุกข์ใจอีกเลย ความไม่เข้าใจเริ่มแล่นเข้ามาในความคิดของเขาได้ไม่ยากเลย แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจมากไปกว่านั้นก็คือ ทำไมพี่ชายถึงได้มีความรู้สึกที่พิเศษกับระพีพรรณ
ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะได้พบกันเมื่อไม่กี่วันก่อนจะเกิดเรื่อง หรือว่าจะตั้งแต่สมัยที่ระพีพรรณยังเด็ก ๆ แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อก่อนที่พี่ชายเขาจะถูกจับ ระพีพรรณน่าจะอายุแค่สิบกว่าขวบเท่านั้น แล้วรูปพวกนี้ล่ะ พี่ชายเขาเอามาจากไหน ดนุพรไม่คิดจะรอคุยกับพี่ชายอีกต่อไปแล้ว
เขารีบพาตัวเองออกมาจากห้องโดยเร็ว และเดินเข้าห้องตัวเองไป แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกับเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจดำเนินตามแผนที่วางเอาไว้ เขาก็ต้องต่อสู้กับตัวเองไม่น้อย เพื่อขจัดความอ่อนไหวของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยสำหรับเขา ที่จะต้องบีบหัวใจให้มีความเข้มแข็ง และให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ
เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ระพีพรรณมีอิทธิพลในหัวใจเขามากแค่ไหน เขาดีใจเป็นที่สุดที่ตัวเองเอาชนะอุปสรรคนั้นมาได้ แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะกลับกลายเป็นคนทำร้ายจิตใจพี่ชายตัวเอง แล้วนี่เขาจะทำยังไง เหล้าในห้องถูกเขาคว้ามาดื่มเพื่อดับความคิดที่ฟุ้งซ่าน และมันก็เป็นเพื่อนเขาได้ดีเหลือเกินในเวลานี้
|
Create Date : 09 ตุลาคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:04:57 น. |
Counter : 666 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 10 ตุลาคม 2551 6:01:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: ออย IP: 222.123.217.82 10 ตุลาคม 2551 10:43:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: ธัญญะ 10 ตุลาคม 2551 10:57:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|