Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๒๙ (ธัญรัตน์)




“สวัสดีค่ะ” ระพีพรรณไหว้เขาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แล้วเขาก็รับไหว้ตามมารยาท
“แล้วนี่ยายแนนลูกสาวป้าค่ะ” นินทกาลแนะนำต่อ ระพีพรรณยิ้มให้ด้วยความมีไมตรี แต่ก็ไม่ได้ยกมือไหว้ เพราะคิดว่าอายุคงจะไล่เลี่ยกันหรืออาจจะอ่อนกว่าเธอด้วยซ้ำ ส่วนนัชนินที่ก็แค่รับเฉย ๆ

“ป้ารู้สึกผิดจริง ๆ เลยค่ะ ที่ไปบอกคุณโสภาว่าต้องให้ช่างมาหาที่บ้านให้ได้ ไม่รู้ว่าหนูเพลงกำลังท้อง ถ้าติดปัญหาแบบนี้ ป้าให้คนอื่นทำให้ก็ได้นะคะ ป้าเกรงใจจริง ๆ เลย แต่ตาหนึ่งสิคะระบุมาว่าต้องให้คนที่ออกแบบโรงแรมคุณมงคลทำให้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่พาเมียฝรั่งเข้าบ้านเลยล่ะค่ะ ป้าล่ะกลุ้มใจจริง ๆ เลย” นิทนกาลบ่น

“งั้นคุณแม่ก็ไม่ต้องให้พี่หนึ่งกลับมาสิคะ แนนจะได้ยึดบ้านหลังนี้เลย เรือนหอแนนก็ยังไม่มีนะคะ”
นัชนินพูดพร้อม ๆ กับกระชับมือที่คล้องแขนดนุพรเข้าให้แน่นกว่าเดิมอีก จนทำให้ระพีพรรณไม่อยากจะมองอีกต่อไป

“งั้นเพลงขอเดินดูห้องก่อนนะคะคุณป้า”
เธอรีบตัดบทแล้วผละจากไป ทิ้งให้ดนุพรมองตามหลังไป พร้อม ๆ กับในหัวใจนั้นรู้สึกสับสนอลม่านกับเหตุบังเอิญในวันนี้เป็นที่สุด ใจหนึ่งเขาก็อยากจะเดินเข้าไปอุ้มเอาเจ้าของร่างที่ดูจะมีเนื้อมีหนังขึ้นกว่าเมื่อก่อน ให้กลับไปอยู่ที่บ้านและเป็นคู่ชีวิตของเขาตลอดไป

แต่อีกใจก็ดูเหมือนจะกังวลว่าหากทำแบบนั้นแล้ว ตัวเองจะเสียเหลี่ยมและเชิงชายเอาเสียเปล่า ๆ ก็ในเมื่อประกาศออกปาว ๆ ว่าเกลียดเขาทั้งโคตร แล้วเรื่องอะไรจะไปรักลูกสาวเขา แต่เขาก็ได้แค่คิดและยืนอยู่ที่เดิมอย่างนั้น


“ไหนคุณบอกฉันแล้วไงว่าไม่ได้บอกใครว่ายายเพลงอยู่ที่ไหน แล้วทำไมอีตาดำนั่นถึงได้ไปเล่นงานยายเพลงอีกล่ะคุณพิสิทธิ์” โสภาขึ้นเสียงทันทีที่รับรู้เรื่องราวจากปากของภคินหลังจากที่ทั้งสองกลับจากบ้านนินทกาล ส่วนเธอและพิสิทธิ์ก็ล่วงหน้ามาตั้งโต๊ะอาหารรออยู่บ้านของระพีพรรณก่อนแล้ว

“ผมไม่รู้จริง ๆ นะคุณ แล้วทำไมคุณไม่บอกผมล่ะว่าบ้านลูกค้าคุณเป็นคุณนินทกาลแม่คุณแนน ผมจะได้บอกว่านายดำเขาเป็นแขกประจำอยู่” พิสิทธิ์บอกออกไปโดยที่ไม่ทันได้คิด จนโสภาต้องจ้องตาเขม็งเขาจึงรู้ตัว

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่โสภา อย่าไปโทษคุณพิสิทธิ์เลยค่ะ เพลงไม่ได้คิดอะไร เราต่างคนก็ต่างอยู่ ถ้าเลี่ยงได้ก็ไม่ต้องพบกัน แต่ถ้าสังคมหรือหน้าที่การงานทำให้เราต้องพบปะกัน เราก็ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกันกับเรื่องงาน มันจะพลอยทำให้เสียหายไปกันหมด” ระพีพรรณบอก แต่ในความคิดนั้นยังคงจำสีหน้าของนัชนินได้ไม่ลืมว่าปลาบปลื้มใจแค่ไหนที่ได้ควงเขา

“แต่ผมขอยืนยันนะครับคุณเพลงว่าผมไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย และผมก็เชื่อว่าดำก็คงจะไม่รู้เหมือนกันว่าคุณเพลงจะเป็นคนไปทำงานให้คุณนินทกาลครับ” พิสิทธิ์พูดเสียงเข้ม เพื่อเป็นการยืนยันตัวเอง
“คุณก็พูดได้สิ ถ้าฉันมีหลักฐานว่าคุณวางแผนกับเพื่อนคุณนะ ชาตินี้ทั้งชาติเราอย่าได้มาคบกันอีกเลย ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ เลย พวกใจร้ายนี่” โสภาไม่ยอมหยุด

“เอาล่ะ ๆ ลุงว่าเราอย่าไปโทษคุณพิสิทธิ์เลยนะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ว่าแต่เพลงต้องไปทำงานที่นั่นอีกหรือเปล่าล่ะลูก”
กำพลรีบห้ามทั้งสองและเปลี่ยนเรื่องทันที
“คงไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวจะฝากให้พี่โสภาเอาแบบไปเสนอค่ะ คุณนินทกาลเองก็บอกว่าถ้าเพลงไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร แต่เพลงก็จะดูงานนี้ให้ค่ะ” ระพีพรรณบอก

“งั้นก็คงไม่มีอะไรแล้วนะลูก เราก็อยู่ส่วนเราเขาก็อยู่ส่วนเขา” กำพลบอกลูกสาว แต่ในใจนั้นรู้สึกสงสารลูกสาวเป็นที่สุด
“ค่ะคุณพ่อ” ระพีพรรณรับคำบิดาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“จริงสิเพลง พี่ว่าช่วงนี้จะให้ภคินมาอยู่เป็นเพื่อน เผื่อเกิดปวดท้องคลอดก่อนกำหนดจะได้พาไปโรงพยาบาลได้ทันไง” โสภาบอก

“คงไม่ต้องก็ได้ค่ะพี่โสภา เพลงกะว่าจะไปนอนโรงพยาบาลก่อนวันหมอนัดสักวันสองวัน ขอคุณหมอเอาไว้แล้ว หรือถ้าเกิดปวดท้องก่อนหน้านั้นอีก เพลงก็จะเรียกรถพยาบาลค่ะ โรงพยาบาลเอกชนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่”เธอบอกให้โสภาหมดกังวล

“แล้วคุณเพลงได้วันคลอดแล้วเหรอครับ ถ้าผมว่างผมจะได้มาช่วยอีกแรงหนึ่ง ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันนะครับ ไม่ต้องเกรงใจให้ผมได้ทำอะไรเพื่อเพื่อนบ้างนะครับ” พิสิทธิ์บอกด้วยน้ำเสียงที่อาทรต่อระพีพรรณจนทำให้โสภานั้นรู้สึกดีไปด้วย
“ขอบคุณ คุณพิสิทธิ์มากค่ะ พี่โสภารู้รายละเอียดทุกอย่างค่ะ ถ้าพี่โสภาบอกคุณพิสิทธิ์เพลงก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
ระพีพรรณบอกและยิ้มให้โสภาเป็นเชิงแหย่ให้หายโมโห

“ฝันไปเถอะคุณน่ะ เดี๋ยวก็ไปบอกอีตาดำหน้าดุให้ควงสาวมาเย้ยยายเพลงพอดี....อุ๊ย”
โสภาลืมตัวไปจี้จุดให้ระพีพรรณที่พอจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าขึ้นมาเมื่อสักครู่นั้นค่อย ๆ จางหายไป
“เอาเป็นว่าเราสามคนถ้าใครว่างมาช่วงนั้น พวกเราจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณเพลงก็แล้วกันนะครับ”
ภคินเสนอหลังจากที่เห็นพี่สาวและคนข้างตัวถกเถียงกันอยู่นาน

“ลุงก็ว่าอย่างนั้นล่ะคิน แต่ยังไงลุงก็ต้องขอบคุณทุก ๆ คนเลยนะ ที่ห่วงยายเพลงและคอยช่วยเหลือพวกเรามาโดยตลอด”
กำพลบอกและยิ้มให้กับไมตรีจิตที่เพื่อนต่างวัยของเขาคอยช่วยกันหยิบยื่นให้ แล้วเขาก็หันไปยิ้มกับโป่งที่เอาแต่นั่งกินข้าวโดยไม่ได้พูดอะไรตามประสาคนพูดน้อยอย่างเขา และโป่งก็ยิ้มตอบเจ้านายตามปกติ

บ

ดวงตาที่ปิดลงอย่างช้า ๆ ของผู้ที่นั่งรับศีลรับพรจากพระที่เธอเพิ่งจะตักบาตรเสร็จ ถึงแม้ภายนอกผู้ที่นั่งอยู่ดูจะมีอาการสงบนิ่ง แต่ในใจก็ไม่วายคิดไปถึงใครคนหนึ่งที่มีสาวสวยคอยเดินเคียงข้าง คอยเกี่ยวแขนเขาเอาไว้ประหนึ่งจะแสดงความเป็นเจ้าของก็ไม่ปาน แล้วกับสายตาที่ดูจะห่างเหินเหลือเกินเมื่อเวลาที่เขามองมาหาเธออย่างเสียไม่ได้ เพียงแค่คิดน้ำตามันก็ไหลรินออกได้มาไม่ยากเลย ดวงตาที่ปิดอยู่ค่อย ๆ เปิดขึ้น เมื่อเธอรับรู้ว่าพระได้เดินห่างออกไปไกลพอสมควรแล้ว

หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ที่ท้อง เมื่อทารกดิ้นอย่างแรงจนต้องหยุดเดินไปชั่วขณะ มือเอื้อมไปลูบท้องด้วยความรู้สึกผูกพันกับทายาทของเขาที่กำลังจะเกิดมาในอีกไม่กี่วันนี้ เธอได้รับรู้ความผูกพันจากลูกที่อยู่ในท้องว่ามีต่อเธอมากแค่ไหน ในทุก ๆ ครั้งที่เธอรู้สึกเศร้าเสียใจจากการกระทำของผู้เป็นพ่อ ลูกจะแสดงออกให้เธอรับรู้ด้วยการดิ้นแรง ๆ

เหมือนจะบอกให้เธอว่า ไม่เพียงแต่แม่เท่านั้นที่เจ็บปวด หากแต่มีลูกด้วย ที่ร่วมรับรู้ไปด้วยแทบทุกครั้ง น้ำตาเจ้ากรรมมันไม่ยอมหยุดไหล พลอยทำให้เรี่ยวแรงที่จะเดินเหินนั้นหายไปดื้อ ๆ จนต้องค่อย ๆ พาตัวเองไปนั่งกับม้านั่งไม้ตัวยาวที่มีสภาพเก่าพอ ๆ กับบ้านที่ตั้งไปไว้ไม่ห่างจากหน้าบ้านนัก

เธออดคิดไม่ได้ว่าชีวิตวันข้างหน้าของตัวเอง และลูกจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน และก็ไม่รู้จะหาคำตอบไหนมาตอบได้ หากลูกที่เกิดถามหาพ่อผู้ให้กำเนิด เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้มแข็งและจะเป็นเสาหลักให้ครอบครัวได้นานแค่ไหน เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับหนทางที่เดินมา

แล้วความคิดก็กลับไปยังจุดเดิมนั่นคือใบหน้าของใครบางคน ที่เขาแทบจะไม่เคยเหลียวแลหรือห่วงหาอาทรเธอกับทายาทเลยแม้แต่น้อย เขาเกลียดบิดาเธอและผู้ที่สืบเชื้อสายเดียวกันมากจริง ๆ มากจนยอมทำทุกอย่าง ยอมให้ลูกแท้ ๆ ของตัวเองมาตกระกำลำบากโดยที่ไม่เคยแม้แต่จะสนใจ

เธอยังจดจำภาพที่เขาบอกปัดความรับผิดชอบวันนั้นได้ไม่ลืมเลือน ใบหน้าที่เฉยชาไร้ซึ่งความรู้สึดใด ๆ ให้เธอได้เห็น เพียงคิดแค่นั้น น้ำตาก็ถูกปล่อยให้หลั่งไหลออกมาโดยที่เจ้าของไม่คิดจะหักห้ามใจเอาไว้เลยแม้แต่น้อย


“เพลง” กำพลที่ค่อย ๆ เข็นรถมาหาลูกสาวด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดแทนแก้วตาดวงใจของเขาเหลือเกิน
“คิดอะไรอยู่ลูก” เขาเอื้อมมือไปจับมือลูกเอาไว้ด้วยความรัก พร้อมกับถามคำถามที่เขาแทบจะไม่ต้องการคำตอบใด ๆ
“คุณพ่อ...” ระพีพรรณมองหน้าบิดาด้วยหัวใจที่เจ็บปวด

“ร้องเถอะลูก ถ้าน้ำตามันจะทำให้ลูกพ่อเจ็บปวดน้อยลง พ่อขอโทษนะลูก ที่การกระทำของพ่อในอดีตต้องย้อนมาทำร้ายลูกพ่อขนาดนี้” กำพลบอกด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดเหลือเกิน
“คุณพ่ออย่าโทษตัวเองอีกต่อไปเลยค่ะ เพลงต่างหากที่ควรจะเป็นคนขอโทษคุณพ่อ เพลงเป็นลูกไม่ดี ตอบแทนพระคุณที่คุณพ่อเลี้ยงมาไม่ได้ เพลงเป็นลูกที่แย่ใช่ไหมคะพ่อ” ระพีพรรณร่ำไห้ให้บิดาได้เห็น

“เพลงเป็นลูกที่ดีของพ่อเสมอมาลูก แต่พ่อไม่สบายใจเลยที่ต้องเห็นเพลงเจ็บปวดเพราะผลกรรมที่พ่อก่อเอาไว้ เขาคงจะโกรธและเกลียดพ่อมาก ถึงได้ทำกับลูกพ่อขนาดนี้ พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ”
“ช่างเขาเถอะค่ะคุณพ่อ เขาจะคิดยังไงกับเราก็ช่างเขา เราต่างคนก็ต่างอยู่แล้วค่ะ”
“เพลง...ลูกรักเขาใช่มั้ย” กำพลตัดสินใจถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้เมื่อหลายเดือนมาแล้ว

“เพลง.....เอ่อ...เพลงรักคนที่เกลียดเพลงไม่ได้หรอกค่ะคุณพ่อ เขาใจร้ายเกินไป เกินกว่าที่เพลงจะรักเขาได้ คุณพ่อได้ยินไหมคะ ว่าผู้ชายคนนี้ใจร้ายกับเพลงเหลือเกิน เพลงรักเขาไม่ได้”
เธอพร่ำบอกทั้งน้ำตาที่ไหลรินออกมาสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เป็นบิดายิ่งนักจนไม่สามารถห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาให้ลูกเห็นได้
“คุณพ่อ” ระพีพรรณโผเข้ากอดบิดาด้วยความรักเมื่อเห็นน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาพ่อ



เอกสารที่เมธิตาหอบมาไว้ให้ที่คอนโดตั้งแต่เช้า ยังคงกองอยู่บนโต๊ะแทบจะยังไม่ได้ผ่านมือเขาไปเลยด้วยซ้ำ เขาทิ้งเรื่องเหล่านี้เอาไว้เบื้องหลังมาตั้งแต่เช้า แล้วตัวเองก็นอนทอดกายไปกับชุดรับแขกตั้งแต่อาหารมื้อเที่ยงเสร็จสิ้นไป ไม่ว่าเขาจะพยายามข่มตาให้หลับ และลืมเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดยังไง เขาก็ไม่สามารถห้ามความคิดตัวเอง ให้ออกห่างจากร่างที่ดูจะอวบขึ้น พร้อม ๆ กับชุดคลุมท้องสีอ่อน ๆ กับใบหน้าที่ขมักเขม้นกับการทำงาน

โดยไม่ได้ใส่ใจเลยว่า จะมีสายตาของเขาคอยแอบมองอยู่ไม่ห่าง เธอคงจะไม่เห็นเขาในสายตามานานแล้ว แขนที่ดูจะหนักอึ้งถูกยกขึ้นมาก่ายไว้ที่หน้าผากอย่างช้า ๆ คำถามต่าง ๆ นานา ผุดขึ้นมาในความคิดเขาอีกแล้ว และคำตอบที่มีเขาก็คงพอจะเดาออกได้จากสายตาที่เฉยชาของอีกฝ่าย

“ผมคิดถึงคุณเหลือเกินเพลง ผมรักคุณ อยากให้คุณมาอยู่ในอ้อมกอดของผมเหมือนที่เคยเป็นมา แล้วคุณล่ะเคยรักผมบ้างมั้ย คุณเคยมีความสุขบ้างมั้ยเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน”

หัวใจเขาเฝ้ารำพึงรำพันถามตัวเองมาโดยตลอด แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในใจเขาเท่านั้น เขาไม่ยอมที่จะแสดงออกมาให้ใครได้เห็นได้ เวลานี้เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนเหลืออยู่ตัวคนเดียว ระหว่างความแค้นที่มีในหัวใจ กับความรักที่มีต่อทายาทศัตรูนั้น เขาเองก็ไม่อาจจะบอกได้ว่าความรู้สึกไหนมีมากน้อยกว่ากัน

เขาอยากจะเห็นหน้ากำพลว่าจะรู้สึกอย่างไรที่ลูกสาวที่รักถูกทำลายด้วยน้ำมือของเขา จากบ้านช่องที่ใหญ่โตโอ่อ่าที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แทบทุกอย่าง มาเป็นบ้านกลางสวนหาความสะดวกสบายไม่ได้ ป่านนี้กำพลจะดื่มด่ำกับความลำบากอย่างไร และจะรู้ซึ้งหรือยังว่ารสชาติของการสูญเสียนั้น มันเป็นอย่างไร เขารู้สึกว่าชัยชนะที่เขาได้รับจากการแข่งขันระหว่างเขากับกำพลนั้น ไม่ได้สร้างความสุขให้กับเขาแม้แต่น้อย

และเหนือสิ่งอื่นใดเขารู้สึกว่าเขากำลังจะแพ้หัวใจตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เขาเคยพร่ำบอกตัวเองเสมอมาว่า เขาจะต้องไม่เผลอใจไปรักลูกศัตรู และเขาจะต้องเลือกรักผู้หญิงที่เขาจะรัก แต่หัวใจเจ้ากรรมมันก็ไม่เคยฟังสิ่งที่เขาบงการเอาไว้เลย เสียงดังของโทรศัพท์ ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ แรกทีเดียวเขาอยากจะปิดทิ้ง แต่พอรู้ว่าเป็นใครเขาก็รีบรับทันที

“เป็นยังไงบ้าง” เขากรอกเสียงถามไป
“เหรอ แล้วทำไมมันนานจัง ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ เอาล่ะเดี๋ยวผมจะไปแล้ว คุณช่วยดูให้หน่อยว่าแถวนั้นมีโรงแรมเล็ก ๆ อยู่บ้างหรือเปล่า จะได้ไปพักแถวนั้น คุณก็จะได้พักด้วย”

เขาบอกอีกฝ่ายออกไปแล้วก็รีบวางสาย สีหน้าที่บอกถึงความกังวลมีเต็มเปี่ยม แต่เขาก็ทำอะไรได้ไม่มากนอกจากรอ เขาภาวนาขอให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะต้องเป็นคนที่เสียใจที่สุด และก็คงจะหาความสุขไม่ได้จากชีวิตที่เหลือเป็นแน่

เขารีบลุกเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แต่ก็เดินยังไม่ถึงประตูห้องดีนัก ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เขาแทบจะวิ่งกลับมารับเลยทีเดียว แต่คราวนี้เขาค่อนข้างจะผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ใช่คนที่เขาคิดเอาไว้

“มีอะไรสิทธิ์” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใคร่จะยินดีนัก
“เอ้ย...ทำไมนัดไกลจังวะ เอาไอ้ที่มันใกล้ ๆ ไม่ได้เหรอ จะกินที่ไหนมันก็เมาพอกันนั่นล่ะ”
เขาถามกลับไปเมื่อรู้ว่าจุดหมายของคนโทรเข้ามาคืออะไร
“แล้วไอ้พวกนั้นมันจะถึงหรือยังล่ะ ถ้าถึงก่อนก็กินกันไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไป แล้วแกอยู่ที่ไหนตอนนี้...อะไรนะ ไปทำอะไรที่โรงพยาบาล...ลูกความแกนี่รู้สึกจะชอบโรงพยาบาลนะ...เอ่อ ๆ เดี๋ยวไปแล้ว แค่นี้นะ”

เขาวางสายลง แล้วก็ยิ้มให้กับตัวเองที่ได้ย้อนรอยเพื่อนรักได้ นี่ถ้าพิสิทธิ์ได้รู้ความจริงเข้าสักวัน เขาก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าจะโดนต่อยหน้าเข้าให้ไปสักกี่หมัด แต่เขาก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยใช้เวลาแทบจะไม่ถึงสิบนาที เขาหันไปมองเอกสารที่โต๊ะก่อนจะผละออกจากห้องไป


ท่าทีที่กระวนกระวายอยู่หน้าห้องคลอดของโสภาทำให้พิสิทธิ์ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู หลังจากที่เขาแอบหนีเธอออกไปโทรศัพท์
“คุณยิ้มอะไรคะ” โสภาถามด้วยความสงสัย
“ก็ผมขำน่ะสิ คนที่คลอดลูกน่ะคุณเพลงนะคุณ แต่ดูคุณสิทำยังกับจะเป็นแม่ซะเอง งั้นสงสัยเราต้องรีบแต่งงานกันแล้วล่ะดีมั้ย” เขาแหย่เธอ

“นี่คุณน่าสิ่วหน้าขวานยังจะมาพูดเล่นอยู่ได้ ยายเพลงจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทำไมไม่ออกมาซักที นี่ก็นานแล้วนะ ปวดท้องตั้งแต่เมื่อคืนแล้วยังไม่คลอดอีก”

โสภาทำตาดุใส่เขา เพราะความกังวลว่าทำไมเพื่อนไม่ยอมคลอดสักที ทั้ง ๆ ที่เริ่มปวดท้องตั้งแต่เมื่อคืนจนต้องโทรตามภคินที่ตั้งใจว่าจะไปนอนที่บ้านระพีพรรณในคืนของวันรุ่งขึ้น เพราะว่าเป็นวันที่ระพีพรรณเตรียมจะมานอนโรงพยาบาลรอคลอดก่อนวันหมอกำหนดไว้สองวัน แต่ก็ปวดท้องก่อนจึงทำให้ทั้งบ้านวุ่นวายไม่น้อยเพราะทำอะไรไม่ถูก ดีแต่ที่ระพีพรรณเตรียมข้าวของเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็เลยตัดปัญหาในข้อนี้ไปได้

แต่จนป่านนี้ระพีพรรณก็ยังไม่คลอดเสียทีทั้ง ๆ ที่ปวดท้องมานานแล้ว ยังผลให้โสภารู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะความที่ตัวเองยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ก็เลยไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลามากแค่ไหน

“คุณเพลงอยู่ใกล้ ๆ หมอคงไม่เป็นอะไรหรอกคุณ ใจเย็น ๆ เถอะ”
เขาบอกพร้อม ๆ กับดึงโสภาให้กลับไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องคลอด
“ก็ฉันห่วงเพื่อนฉันนี่ คุณลุงโทรมาถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ อยากรู้ว่าหลานปลอดภัยหรือเปล่า จนป่านนี้ยังไม่คลอดเลย”
โสภาไม่วายห่วง
“เชื่อผมเถอะคุณ เพื่อนคุณน่ะเป็นคนดี รับรองว่าคุณเพลงไม่เป็นอะไรหรอก ใจเย็น ๆ แล้วเรื่องของเราล่ะว่าไง เราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ดี” พิสิทธิ์วกกลับมาเรื่องเดิม

“แล้วใครบอกว่าฉันจะแต่งกับคุณล่ะ อย่ามาขี้ตู่นะ” โสภาพูดด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเอียงอาย
“อ้าวแล้วกันสิคุณ ผมนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก ถ้าคุณไม่ยอมแต่งงานกับผมนะ ผมจะ....”
ไม่ทันที่เขาจะได้พูดต่อ พยาบาลก็ออกมาจากห้องคลอด
“เป็นยังไงบ้างคะคุณพยาบาล” โสภาชิงลุกไปก่อนและถามออกไปด้วยความห่วงใย

“คลอดแล้วค่ะ ได้ลูกชาย แต่แม่ยังไม่ปลอดภัยค่ะ” พยาบาลบอก
“อ้าวทำไมล่ะคะ” โสภาตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“คนไข้เสียเลือดในการคลอดลูกมากเกินไปค่ะ ตอนนี้ต้องให้เลือดก่อน และเราต้องรอเลือดจากโรงพยาบาลอื่นที่จะส่งมาให้อยู่ค่ะ ขอตัวนะคะ” พยาบาลบอกแล้วก็รีบเดินไป

“ยายเพลงโธ่ จะเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้” โสภารำพัน
“คุณรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมจะไปดูว่าคุณพยาบาลจะทำยังไงต่อ”
พิสิทธิ์บอกและรีบวิ่งไปโดยที่ไม่ได้สนใจว่าโสภาจะถามอะไรอีก ไม่นานเขาก็ตามมาทันพยาบาล
“คุณพยาบาลครับ แล้วเลือดที่จะส่งมาอีกนานหรือเปล่าครับ”

“ยังไม่ทราบว่าจะได้จากที่ไหนค่ะ ต้องรอผลการติดต่อประสานงานก่อน เพราะเลือดคนไข้เป็นกรุ๊ปเลือดที่หายากค่ะ”
พยาบาลบอกและเดินไปด้วย
“กรุ๊ปอะไรครับ” พิสิทธิ์ถาม


“ถึงหรือยังวะ มาเร็ว ๆ หน่อยสิ” พิสิทธิ์พูดกรอกไปตามโทรศัพท์ด้วยความร้อนรน
“ใกล้จะถึงหรือยังคะ” พยาบาลคนเดิมเดินมาถามเขาที่ใจจดใจจ่อรอผู้บริจาคเลือดอยู่
“มาโน่นแล้วครับ แต่คุณพยาบาลอย่าลืมที่ผมบอกนะครับว่าไม่ระบุชื่อผู้รับ”
เขาย้ำกับพยาบาลอีกครั้งหลังจากที่ได้รับรู้ว่ากรุ๊ปเลือดของดนุพรสามารถให้แก่ระพีพรรณได้

“ได้ค่ะ”
“มันอะไรของแกนักหนาวะลูกความแกนี่ คราวที่แล้วก็เงินล้าน คราวนี้ก็จะขอเลือดฉัน แกจะต้องแบ่งเงินปันผลเพิ่มให้ฉันอีกนะ ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมจริง ๆ ด้วย” เขาถามออกไปอย่างนั้น ขณะที่เดินเข้ามาหาพิสิทธิ์กับพยาบาล
“งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” พยาบาลบอกและเดินนำไปยังห้องบริจาคเลือด
“แล้วแกจะขอบคุณฉัน” พิสิทธิ์บอกแค่นั้น

“ขอบคุณอะไรไม่ทราบ”
รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเพื่อนคงจะไม่มีโอกาสได้เห็น แต่เขาก็แกล้งถามเพื่อนออกไปพร้อม ๆ กับตัวเองก็เดินตามพยาบาลเข้าไปในห้องโดยมีพิสิทธิ์ตามไปด้วย
“ก็ขอบคุณที่แกได้ทำบุญไง” พิสิทธิ์บอกยิ้ม ๆ แต่ก็ต้องคอยหลบเมื่อพยาบาลที่เข้ามาอีกทีพร้อม ๆ กับอุปกรณ์เจาะเลือด

“เอ่อ...แล้วค่อยคุณกันที่ร้านอาหารนะ เพื่อน ๆ รออยู่แล้ว เสร็จแล้วแกก็ไปที่โน่นก่อนเลย เดี๋ยวฉันเสร็จธุระทางนี้แล้วจะตามไป .... ขอบใจมาก ๆ นะดำ”
พิสิทธิ์บอกเขาและรีบเผ่นออกจากห้องไป เพราะนึกขึ้นได้ว่าผละจากโสภามานานแล้ว ดนุพรยิ้มบาง ๆ ตามหลังเพื่อนไป เพื่อนรักของเขาคงไม่มีวันรู้หรอกว่า วันนี้เขารักเพื่อนมากแค่ไหนที่ทำให้เขาได้มีโอกาสไถ่โทษให้ตัวเองด้วยการให้เลือดกับใครบางคนบ้าง
“คุณหายไปไหนมาคะ” โสภาถามทันทีที่เห็นพิสิทธิ์ตามมาสมทบที่หน้าห้องไอซียู

“ผมก็ไปหาคนมาให้เลือดคุณเพลงไง”
พิสิทธิ์บอกออกไป แต่ก็รู้สึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เผลอไปเปิดทางให้โสภา เพราะเขายังไม่ต้องการให้ใครรู้ความจริงในตอนนี้ โดยเฉพาะโสภา
“คุณหาเหรอ....แล้วไปหาใคร....ไม่ใช่ไปเหล่พยาบาลสวย ๆ ที่เดินไปเดินมาหรอกเหรอคะ”
โสภาถามออกไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยปกติ เพราะรู้ดีว่าพิสิทธิ์ไม่ได้บอกความจริง

“แหม...คุณนี่รู้ทันผมไปซะทุกเรื่องเลย ก็พยาบาลที่นี่สาว ๆ สวย ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าคุณไม่ตกลงแต่งงานกับผมนะ ผมจะมาจีบแถว ๆ นี้ล่ะ” เขาแหย่โสภาด้วยอาการโล่งอก
“เชิญ...ก็ดี ฉันจะได้เห็นธาตุแท้ของคุณ คุณเองก็คงไม่ต่างอะไรจากเพื่อนรักของคุณนักหรอก”
โสภาทำสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าของพิสิทธิ์
“โธ่...คุณก้อ ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นล่ะ ใครจะไปเหมาะกับผมมากไปกว่าคุณกัน..แล้วคุณเพลงเป็นยังไงบ้าง แล้วลูกคุณเพลงล่ะ” เขาถามอย่างเป็นการเป็นงาน

“หมอให้อยู่ไอซียูก่อนค่ะ ถ้าได้เลือดมาให้ยายเพลงแล้วคิดว่าคงจะพ้นขีดอันตราย ส่วนหลานก็อยู่ห้องเด็กอยู่ค่ะ”
โสภาบอก
“เฮ้อ....โล่งอกซักที ผมว่าคุณน่าจะพักผ่อนบ้างนะ ไปนอนที่ห้องด้านบนเถอะ ผมจะรอดูอาการคุณเพลงเอง”
เขาบอกเมื่อเห็นโสภามีสีหน้าที่อิดโรย เพราะรอลุ้นตั้งแต่ระพีพรรณเข้ามาแอดมิดแล้ว
“ยังค่ะ ฉันอยากจะรอดูว่าหมอได้เลือดมาให้ยายเพลงหรือยัง” โสภาไม่ยอม

“คงไม่มีอะไรแล้วมั้งคุณ โรงพยาบาลเขาถึงกัน ที่ไหนขาดก็หาที่อื่นมาให้ คุณอย่าห่วงเลย” เขาพยายามปลอบใจโสภา
“แต่หมอบอกว่ากรุ๊ปเลือดยายเพลงเป็นกรุ๊ปที่หายาก ไม่รู้จะหาได้หรือเปล่า” โสภาทำสีหน้าที่กังวลไม่น้อย
“คุณอย่ากังวลมากไปหน่อยเลยน่ะ ถ้าหาไม่ได้เดี๋ยวหมอก็มาบอกเราเองนั่นล่ะ นั่นไงเห็นมั้ย พยาบาลเอาเลือดมาแล้ว”
เขาบอกเมื่อเห็นพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับเข็นรถที่บรรจุถุงเลือดและอุปกรณ์อื่น ๆ ตรงมายังห้องไอซียู

“จริงด้วยค่ะ” โสภาเห็นและยิ้มให้พยาบาลด้วยความดีใจ
“ฉันจะโทรไปบอกคุณลุงก่อนนะคะ แล้วเราค่อยไปรอดูอาการยายเพลงที่ห้องค่ะ”
โสภาบอกและยิ้มให้พิสิทธิ์ด้วยสีหน้าที่คลายกังวลไปมาก ทำให้พิสิทธิ์รู้สึกสบายใจไปด้วย



“คุณพ่อ...ลูกเพลงเป็นยังไงบ้างคะ ลูกเพลงปลอดภัยหรือเปล่าคะ”
คุณแม่คนใหม่ถามคำถามแรกหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่ห้องพักแล้ว และเห็นใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และยิ้มให้เธอด้วยความดีใจ

“เพลง...ลูกเพลงปลอดภัยดีจ๊ะ พ่อได้หลานชายนะรู้มั้ย เกือบสี่กิโลแน่ะลูก เดี๋ยวอีกหน่อยพยาบาลคงจะเอาเข้ามาให้นะ” กำพลบอกลูกสาวด้วยความดีใจและตื่นเต้นกับสมาชิกใหม่ในบ้าน

“แล้วคนอื่น ๆ ไปไหนกันหมดคะพ่อ”
ระพีพรรณนึกได้ว่าก่อนคลอดมีโสภา และพิสิทธิ์มาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนภคินนั้นกลับไปก่อนเพราะมีงานด่วนต้องรีบไปสะสาง
“หนูโสภากับคุณสิทธิ์กำลังจะมา สองคนนี้ช่วยดูแลเพลงตั้งแต่เพลงอยู่ไอซียูนะลูก เพิ่งจะได้กลับไปพักตอนที่หมอให้เพลงออกมาอยู่ห้องธรรมดาเมื่อคืนนี้นี่เอง เมื่อเช้าคินก็เลยไปรับพ่อกับเจ้าโป่งมา ตอนนี้ไปซื้อของอยู่” กำพลบอก

“ทำไมเพลงต้องอยู่ไอซียูด้วยค่ะพ่อ” เธอถามด้วยความสงสัยและจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“หมอบอกว่าเพลงปวดท้องค่อนข้างนานกว่าจะคลอดก็เลยเสียเลือดมาก แล้วเลือดก็เป็นกรุ๊ปที่หายากด้วย ต้องไปหาที่โรงพยาบาลอื่นมา โชคดีจริง ๆ ที่หมอหามาให้ได้ทัน ไม่งั้นลูกพ่อก็อาจจะแย่เหมือนกัน”
เขาบอกและยิ้มให้เธอ พร้อม ๆ กับมือก็เอื้อมไปลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก

“มาแล้วคะ คุณแม่คนใหม่ตื่นแล้วเหรอคะ พยาบาลเอาลูกชายมาส่งให้แล้วค่ะ”
พยาบาลสองคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมีทารกน้อยอยู่ในอ้อมแขน
“ขอบคุณค่ะ”

เธอรับทารกน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยเข้ามาไว้ในอ้อมแขนด้วยความรัก ระคนไปกับความรู้สึกที่อดน้อยใจกับ ผู้ที่มีเลือดในตัวทารกน้อยถึงครึ่งหนึ่ง แล้วน้ำตาของเธอก็หลั่งไหลออกมาฟ้องให้พ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้เห็น ด้วยเธอไม่อาจจะอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป เมื่อเธอรู้สึกเจ็บปวดกับความอาฆาตรแค้นที่เขามีต่อคนรอบข้างของเธอ และมันก็พลอยมีผลกระทบมาถึงชีวิตน้อย ๆ ที่เพิ่งจะลืมตามาดูโลกได้ไม่กี่วัน

ระพีพรรณอดสงสัยไม่ได้ว่า ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอและสายเลือดของเขาในตอนนี้นั้นมันจะเป็นเช่นไร เขาจะคลายความโกรธแค้นกับเรื่องราวในอดีต แล้วหันมาดีใจกับการให้กำเนิดชีวิตใหม่นี้ หรือจะยังคงมีความรู้สึกนั้นเสมอมาไม่เคยเสื่อมคลาย แต่ไม่ว่าความรู้สึกของเขาจะเป็นเช่นไร ท้ายที่สุดเธอก็คือคนที่ได้รับความเจ็บปวดจากการคาดร้ายหมายโทษของเขาไปแล้ว และมันช่างเป็นอาญาแห่งความปวดร้าวยิ่งนัก

“เพลง...” กำพลเอื้อมมือไปกุมมือลูกสาวเอาไว้ด้วยความสงสาร เมื่อเห็นหยดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอาบสองแก้ม
“ลืมเรื่องร้าย ๆ เถอะนะลูกพ่อ ชีวิตของเพลงในวันข้างหน้ายังมีหลาย ๆ อย่าง และหลาย ๆ ชีวิตรอเพลงอยู่นะลูก”
กำพลปลอบใจเธอด้วยเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวที่มีอยู่ในเวลานี้

“ค่ะคุณพ่อ...เพลงจะลืมมันให้ได้ค่ะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ง่ายเลยก็ตาม”
เธอรับคำบิดาทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจในตัวเองนัก แต่นั่นคือสิ่งที่เธอจะต้องทำให้ได้ เพราะรู้ดีว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างรอเธออยู่ ดั่งคำบิดาได้บอกเอาไว้นั่นเอง







 

Create Date : 14 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 20:54:43 น.
Counter : 910 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.